ขอเชิญร่วมทำบุญสงเคราะห์พระภิกษุสงฆ์อาพาธ

ในห้อง 'ตลาด พระเครื่องเพื่อการกุศล' ตั้งกระทู้โดย พันวฤทธิ์, 29 พฤศจิกายน 2007.

  1. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097

    คุณต้นแก้ว

    ขอโมทนาบุญด้วย สังเกตุดูตั้งแต่วันที่เข้ากระทู้มาครั้งแรกแล้ว และได้เห็นโมทนาในกระทุ้มาตลอด หากติดขัดเรื่องข้อธรรมอันใดหรือสงสัยในพระพิมพ์ที่แจก พอจะให้ช่วยเหลือ pm. มาได้ ถ้าไม่เหลือบ่ากว่าแรง จะช่วยค้นหรือถามผู้รู้ให้ครับ

    พันวฤทธิ์
    18/4/51
     
  2. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    ขอประชาสัมพันธ์เรื่องงานบุญในวันอาทิตย์ที่ 27/4/51 อีกครั้ง เมื่อวันที่ 15 ที่ผ่านมา คณะกรรมการฯ ได้ไปเรียนเชิญท่าน อ.ประถมฯ อย่างเป็นทางการที่บ้าน ท่านรองประธานที่ปรึกษาคือพี่ใหญ่ในคณะ รุกท่านหนัก ท่านบอกว่า ประมาณซักวัน จันทร์ หรือ อังคาร คือไม่เกินวันที่ 22/4 นี้ ท่านจะให้คำตอบครับ เพราะโดยปกติท่านไม่ค่อยได้เดินทางไปไหนไกลๆ เนื่องจากอายุท่านมากแล้ว แต่พี่ใหญ่บอกว่า ขอสักครั้งหนึ่ง เพื่อเป็นกำลังใจให้คณะทำงาน ดังนั้น จึงยังพอมีความหวังอยู่ครับ สำหรับผู้ที่มาใหม่ และไปร่วมงานด้วย อยากรู้เรื่องข้อธรรมหรือ เรื่องจิตตานุภาพในเชิงลึก คณะจะเปิดโอกาสให้คุยกับพี่ใหญ่ให้โดยตรงครับ เตรียมคำถามไว้ล่วงหน้าเลย เพราะเวลาสายธารน้ำ ซึ่งเป็นความรู้ พอไหลแล้ว จะไหลบ่า ถ้าตักตวงไม่ทัน เสียดายครับ คณะกรรมการยังต้องเอา mp3 อัดไว้เลยก็มีครับ

    พันวฤทธิ์
    18/4/51
     
  3. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    ขอเสนอบทความเรื่อง "จิต" เป็นวันที่สอง ซึ่งเป็นหัวข้อของ "จิตเป็นกลาง" ต่อจากเมื่อวานที่เป็นจิตหนึ่งของพระป่าดังนี้ครับ


    ************************************
    จิตเป็นกลาง

    คำว่าจิตเป็นกลาง หมายถึงเป็นกลางต่ออารมณ์
    เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ

    เช่น จิตเป็นกลางเพราะสิ่งที่มากระทบนั้น
    ไม่มีความหมายใดๆ ในทางที่จะทำให้เกิดความยินดียินร้าย
    หรือไม่มีแรงพอจะทำให้เกิดความยินดียินร้ายขึ้นมา
    เช่นในขณะที่ที่เราพูดคุยกับเพื่อนฝูง
    บางช่วงก็คุยกันไปธรรมดาๆ ไม่ได้เครียด หรือสนุกสนานอะไร
    จิตใจมันก็ยังเฉยๆ เป็นกลางอยู่
    จิตที่เป็นกลางในลักษณะนี้ มีกันอยู่ทั่วไป
    แม้ในหมู่สัตว์ทั้งหลาย เช่นแมวและไก่ ฯลฯ ก็มี
    และส่วนมากจะประกอบด้วยโมหะคือความหลง
    เป็นรอยต่อก่อนที่จะเกิดความยินดี อันแทรกด้วยราคะ
    หรือความยินร้าย อันแทรกด้วยโทสะ

    อีกชนิดหนึ่งจิตเป็นกลางด้วยกำลังของสมาธิ
    เมื่อเราทำความสงบจนผ่านปีติสุขไปแล้ว
    จิตจสงบระงับเข้ามา เงียบๆ นิ่ง เป็นกลางอยู่
    จิตที่เป็นกลางแบบนี้ ถ้าไม่สังเกตให้ดี
    จะมีราคะละเอียดแฝงตัวอยู่

    อีกชนิดหนึ่งจิตเป็นกลางด้วยกำลังของปัญญา
    คือจิตเห็นอารมณ์ทั้งปวงไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา
    จึงหมดความยินดียินร้าย และรู้อารมณ์ต่างๆ นั้นด้วยความเป็นกลาง

    **********************************

    [​IMG]
     
  4. นายสติ

    นายสติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    911
    ค่าพลัง:
    +4,285
    กราบขอบพระคุณเป็นอย่างสูงและและโมทนาบุญกับทุกๆท่านที่ได้ร่วมกันบริจาคทรัพย์มาร่วมกันสร้างกุศลในครั้งนี้
    โมทนา สาธุ โมทนา สาธุ โมทนา สาธุ

    ส่วนของท่านที่ฝากเงินทำบุญมากับผมก็ขอรายงานผลดังนี้นะครับ

    18 เม.ย. 2551 นาย ชัยวัฒน์-นางสังวาลย์ ทรัพย์เจริญ 500 บาท
    นาวสาว เสาวภา ทรัพย์เจริญ
    นาวสาว สุภนิดา ทรัพย์เจริญ + ธนะรัชฒ์ เอี่ยมสอาด

    นายสติและครอบครัว+คุณกรกนก ทรัพย์เจริญ 500 บาท

    โมทนา สาธุ โมทนา สาธุ โมทนา สาธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 เมษายน 2008
  5. pon98

    pon98 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    632
    ค่าพลัง:
    +3,886
    สรุปมีทั้งหมด 9 พิมพ์ ที่จะทำการแจกมาชมรูปและขนาดโดยประมาณครับ
    [​IMG]

    พิมพ์อธิษฐานฤทธิ์ใหญ่ ฐาน2.5ซม สูง 4 ซม

    [​IMG]

    พิมพ์อธิษฐานฤทธิ์เล็ก ฐาน1.5ซม สูง 2ซม
    สองพิมพ์นี้ชื่อก็บอกอยู่แล้วครับว่า อธิษฐานฤทธิ์ อิทธิคุณก็ประมาณว่า ครบเครื่องเด่นเกือบทุกทาง

    [​IMG]

    พิมพ์สังกัจจายน์ใหญ่ ฐาน 2.5ซม สูง 4 ซม

    [​IMG]

    พิมพ์สังกัจจายน์เล็ก ฐาน2ซม สูง 2.2 ซม
    สังกัจจายน์สองพิมพ์นี้ก็เช่นกัน รูปแบบก็พอจะบอกได้ว่าเด่น เมตตา โชคลาภ เป็นพิเศษ

    [​IMG]

    พิมพ์สังฆฏิ พิมพ์ที่1 ฐาน2ซม สูง 2.2 ซม

    [​IMG]

    พิมพ์สังฆฏิ พิมพ์ที่2 ฐาน2ซม สูง 2.2 ซม
    ส่วนพิมพ์สังฆฏิ ทั้งสองพิมพ์นี้ มีอิทธิคุณพิเศษที่พี่ใหญ่บอกไว้ว่า กันอาวุธ กันปืน แต่อย่าลองกันเลยไม่ดี ปรามาสพระท่านจะเป็นบาปได้

    [​IMG]

    พิมพ์ปิดตาสี่กร ฐาน 2 ซม สูง 3.5ซม
    ปิดตาสีกรก็พอจะดูออกว่า ฤทธิ์มาก เด่นด้านคุ้มครองป้องกันภัย

    [​IMG]

    พิมพ์ อรหันต์เล็ก ฐาน1.5ซม สูง 3 ซม
    อรหันต์เล็กนี้ได้ยินอาจารย์ประถมพูดกับหูเลยว่า ประสบการณ์แขวนแล้วตกเครื่องบิน ไม่เป็นไร ปลอดภัย คิดเอาเองละกันว่าดีทางไหน

    [​IMG]

    พิมพ์หลวงปู่ใหญ่ ฐาน2ซม สูง 2.2 ซม เด่นครบทุกทางแล้วแต่อธิษฐาน ท่านหลวงปู่ใหญ่สุดยอดอยู่แล้วครับ

    พระทั้งหมดที่บรรยายมานั้น เป็นเพียงอิทธิคุณที่โดดเด่นขึ้นมา หาใช่ว่าจะไม่มีด้านอื่นๆ มีครบเครื่องละครับพระกรุนี้ ถ้าไม่เชื่อใครเคยเจออาจารย์ประถม สอบถามได้จะอึ้ง

    เมื่อวันที่15เมษายน คณะได้นำพระกรุดังกล่าวนี้ไปให้อาจารย์ประถมเก็บไว้จำนวนหนึ่ง แค่ยื่นถุงพระให้ท่านรับไว้ ท่านถึงกับอุทานว่า ต้องอย่างงี้ซิ ทำไมกรุนี้แรงจริงๆ หายากแล้วนะบางคนให้เช่าองค์ละหลายพันบาท....ท่านใดไปทำบุญผ่านทางอาจารย์ประถมที่บ้านท่านก็จะได้รับพระนี้เช่นกันครับ

    ท่านใดต้องการแจ้งความประสงค์มาที่pmผมได้ แต่ต้องเคยทำบุญกับทางทุนนิธิฯซักสองครั้งครับจึงได้รับแจก
     
  6. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    เมื่อคืนนั่งสมาธิเสร็จตีสามกว่า เอื้อมมือหยิบพระพิมพ์ข้างต้น พิมพ์อธิษฐานฤทธิ์เล็ก กำหนดเบาๆ อื้อฮือ สมราคาเอกคุณทางด้านคุ้มครองจริงๆ อีกองค์หนึ่งที่เหมาะสำหรับให้ลูกหลาน หรือท่านทั้งหลายที่เดินทางตลอด จะได้แคล้วคลาดปลอดภัย ตามเอกคุณของพระพิมพ์นี้ ส่วนอิทธิคุณ ท่าน อ.ประถมฯ บอกมีครบทุกด้าน ก็ลองพิจารณาดูน๊ะครับ ว่าจะเลือกพิมพ์ไหนกัน สรุปแล้วดีทุกพิมพ์ แต่เอกคุณ หรือความเด่น บางพิมพ์ อาจจะมีบางอย่างเด่นกว่า อย่างที่คุณโสระบอกไว้ครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 เมษายน 2008
  7. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=500 align=center bgColor=#dddddd border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR bgColor=#ffffff><TD><TABLE height=30 cellSpacing=3 cellPadding=3 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD style="BACKGROUND-POSITION: right bottom; BACKGROUND-IMAGE: url(../bg/pagebg9.jpg); BACKGROUND-REPEAT: no-repeat">
    [​IMG]


    <TABLE align=center border=0><TBODY><TR><TD> ปริยัตติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ

    ปริยัตติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ
    สุดวิเศษ จริงนะแม่ แน่ใจหรือ
    ให้เฟื่องฟ้า ยึดถือมั่น หมั่นฝึกปรือ
    หมือนเข็มทื่อ ต้องขยับ ลับให้คม

    การบรรลุ ให้ถึงธรรม นั้นแสนยาก
    เหมือนหนามขวาก ต้องข้ามไป อย่าให้ล้ม
    ใครข้ามได้ ย่อมถือว่า น่าชื่นชม
    บรรลุธรรม ต้องเพาะบ่ม อบรมเพียร..เฟื่องฟ้า

    ปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ เป็นธรรม ๓ ประการที่พุทธศาสนิกชนทุกๆคนพึงปฏิบัติ ปริยัติ หมายถึง การศึกษาร่ำเรียนพระธรรมคำสอนต่างๆของพระพุทธเจ้า ปฏิบัติ หมายถึงการนำเอาคำสั่งสอนที่ได้ศึกษาร่ำเรียนไปปฏิบัติกับตน ทางกาย วาจา ใจ ปฏิเวธ หมายถึงการบรรลุธรรม คือผลที่เกิดขึ้นจากการปฏิบัติ เป็นเป้าหมายที่สำคัญของการเข้าสู่พระศาสนา คือปฏิเวธ การบรรลุธรรมนั่นเอง เพราะการบรรลุธรรมนี้ ไม่มีอะไรจะดีเท่า ไม่มีอะไรจะประเสริฐเท่า ผู้ที่บรรลุธรรมได้นั้น ย่อมเป็นผู้อยู่เหนือความทุกข์ อยู่เหนือความวุ่นวายใจ ท่ามกลางความเกิด แก่ เจ็บ ตาย ท่ามกลางการพลัดพรากจากกัน..อ้างอิงจาก www.kammatthana.com
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  8. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    [​IMG]



    <TABLE align=center border=0><TBODY><TR><TD>หายสงสัย

    อันความรู้ ยังพอ ค้นหาได้
    ไม่เคยอาย ครั้งใด ที่ไต่ถาม
    ส่วนคนตอบ ช่างเสาะหา พยายาม
    ทั้งคนตอบ ทั้งคนถาม ย่อมได้คุณ

    ธรรมละเว้น ใช่แล้ว ธรรมควรละ
    เห็นจะๆ ธรรมดำ อย่านำหนุน
    ถ้าไม่ละ ไฉนเลย จะเห็นบุญ
    ขอบพระคุณ ที่แม่กล่าว จนเข้าใจ

    ส่วนอาการ สูงๆต่ำ ของบัณฑิต
    ย่อมอยู่กลาง แนบสนิท ไม่ส่ายไหว
    ไม่ยินดี และยินร้าย ทุกขณะไป

    เป็นหัวใจ ของบัณฑิต ผู้จิตงาม...เฟื่องฟ้า




    ขอขอบคุณhttp://www.dhammathai.org/kaveedhamma/view.php?No=981
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  9. pon98

    pon98 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    632
    ค่าพลัง:
    +3,886
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD> </TD><TD width="100%"><!-- main page contents --><FORM action=private.php?do=managepm&dowhat=delete&pmid=457400 method=post><TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=tcat colSpan=2>ข้อความส่วนตัว: ขออนุญาตรับพระหลวงปู่ พิมพ์อรหันต์เล็ก</TD></TR></TBODY></TABLE><!-- post # --><TABLE class=tborder id=post cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid"><!-- status icon and date -->[​IMG] 18-04-2008, 11:42 PM <!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right> </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>teerins<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_", true); </SCRIPT>
    สมาชิก

    เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: เมื่อวานนี้ 11:28 PM
    วันที่สมัคร: May 2007
    ข้อความ: 169 <!-- Start Post Thank You Hack -->
    ได้ให้อนุโมทนา 0 ครั้ง
    ได้รับอนุโมทนา 1,411 ครั้ง ใน 179 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
    พลังการให้คะแนน: 145 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]


    </TD><TD class=alt1 id=td_post_ style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- icon and title -->ขออนุญาตรับพระหลวงปู่ พิมพ์อรหันต์เล็ก
    <HR style="COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- / icon and title --><!-- message -->สวัสดีครับ พี่โสระ

    ตอนแรกผมตั้งใจว่าจะเข้ากรุงเทพฯ ไปร่วมงานบุญที่
    โรงพยาบาลสงฆ์ เดือนนี้ แต่พอดีมีงานที่บริษัทมีแขกมาเยี่ยมชมโรงงาน อาทิตย์หน้า เลยต้องเข้าไปทำงานช่วงวันหยุด เดือนหน้าหากผมไม่ติดธุระอะไร
    คงมีโอกาสได้ไปร่วมงานบุญด้วยตัวเองกับพี่ที่โรงพยาบาลสงฆ์อีก จึงจะขออนุญาตใช้สิทธิ์รับพระหลวงปู่ พิมพ์อรหันต์เล็ก 1 องค์ ทางไปรษณีย์แทน โดยจะโอนเงินค่าส่งไปที่บัญชีพี่ (รบกวนขอหมายเลขบัญชีธนาคารด้วยนะครับ ) สำหรับที่อยู่ในการจัดส่งเหมือนเดิมครับ


    ขอขอบคุณมาก และขออนุโมทนาบุญด้วยครับ
    พระกรุเก่าผมแสวงหามาบูชาเกือบสิบปีแล้ว เคยเห็นแต่ที่บ้านปู่ประถม ไม่เคยมีวาสนาได้รับมาบูชา ดีใจมาก ที่ได้สิทธิ์รับมาบูชาจากความเมตตาของพวกพี่ๆ เพื่อเป็นพระที่ระลึกในการทำบุญร่วมกับสงฆ์อาพาธผมเห็นพระ ก็จะทำให้ผมระลึกถึงบุญที่ทำด้วยครับ
    <!-- / message --></TD></TR><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">[​IMG] </TD><TD class=alt1 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right><!-- controls --><TABLE id=table1 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD align=left><!-- Start Post Groan Hack --><!-- End Post Groan Hack --></TD><TD><!-- Start Post Thank You Hack --><!-- End Post Thank You Hack --></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></FORM></TD></TR></TBODY></TABLE>
    ข้อความของคุณ teerins ที่pmมาหาผม ๆ ขออนุญาตนำมาลงให้ท่านอื่นๆได้อ่าน โดยใจความสำคัญที่ผมระบายสีไว้คือ
    1. พระกรุนี้หายากจริง มีคุณค่า แม้นบ้านอาจารย์ประถมก็ไม่แจกง่ายๆกับทุกคน ถ้าใครไม่เป็นศิษย์อาจารย์ประถมเก่าๆ ไม่มีได้ไปบูชาแน่นอน ดังที่คุณteerinsเขียนมา ให้ท่านที่ได้รับพระไปเกิดความภาคภูมิใจว่าเราได้สิ่งวิเศษ ที่เกิดจากการทำบุญไม่ได้ซื้อหามาตามตลาด หรือ ศูนย์พระเครื่อง

    2. ดังที่คุณteerinsกล่าวมาตอนสุดท้าย ตรงใจคณะกรรมการทุนนิธิฯมากครับ ที่เราเจตนาให้ท่านติดบุญ โดยมีพระพิมพ์เป็นเครื่องระลึกถึงบุญที่ทำในทุกครั้งที่เห็นพระพิมพ์นั้น มิใช่ซื้อพระแลกบุญ หรือทำบุญแลกพระ อย่างที่ปัจจุบันนิยมทำกัน จากเรื่องไม่สมควรยินดี จนกลายเป็นเรื่องปกติน่าชื่นชม เพราะปัจจัยที่ได้มากมายเท่านั้น
     
  10. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    ใครทำบุญกับทุนนิธิฯ มา 2 ครั้ง หรือมากกว่านั้น เชิญ pm. ขอรับพระมาที่คุณโสระได้เลยครับ อย่าลืมค่าส่งพระ 50.- ตามเบอร์บัญชีของคุณโสระด้วย โดยส่วนที่เหลือจาก 50.- (ถ้ามี) จะขอโอนเข้ามาที่ บัญชีทุนนิธิฯ ครับ เราจะได้นำไปบริจาคที่ รพ.สงฆ์อีก เพื่อที่ท่านจะได้บุญเพิ่มอีกครับ ศึกษาพระพิมพ์ให้ดี ว่าจะเลือกแบบใด พิมพ์ใด ขนาดเล็กหรือใหญ่ (ถ้าขนาดใหญ่ จะหากรอบใส่ยากหน่อย เพราะฐานท่านจะหนามาก บางพิมพ์เกือบ 1 ซม. หากเลี่ยมทองล่ะก็สวยจริง แต่เปลืองสตางค์มาก หากเป็นกรอบสแตนเลส ก็อาจจะหายากสักนิด ทางที่ดี เลือกพิมพ์ เล็กๆ ไว้จะชัวร์กว่าครับ)
     
  11. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    นี่เป็นพระอีกรุ่นหนึ่งที่เป็นพระที่ อ.ประถมฯ สร้างไว้ครับ

    พระผงดำถ้ำผาป่อง

    ผู้สร้าง อาจารย์ประถม อาจสาคร

    ผู้สร้างแม่พิมพ์ พลเรือโท ประชุม เวสม์วิบูล ( ออกเงินค่าจัดทำแม่พิมพ์ )

    คุณธงชัย อุดมความสุข ได้นำแม่พิมพ์ไปถวายให้หลวงปู่สิม พุทธจาโร อธิษฐานจิต
    เป็นปฐม
    น้ำมันทาพิมพ์ ใช้น้ำมันคุณพระ เช่น น้ำมันงาหลวงปู่ทิม อิสริโก และ น้ำมันของพระคณาจารย์
    ต่างๆ ( ไม่ใช้น้ำมันธรรมดา )

    มวลสาร
    1. ผงพระปิดตาวัดป่าชลบุรีทุกรุ่น

    2. ผงอ่อนใจรัก ( ปถมัง อิธะเจ ) ลงโดยอาจารย์ประถม อาจสาคร เมื่อเสร็จแล้วปั้น
    เป็นแท่ง ถวายหลวงปู่ทาบ วัดกระบกผึ้งเสก 1 ไตรมาส และ ทูลเกล้าถวายในหลวงเพื่อใช้ใน
    การสร้างพระกำลังแผ่นดิน ( พระจิตรลดา ) และ ทรงมีรับสั่งขอเพิ่มมาอีก 1 ครั้ง

    3. ผงโสฬสมหาพรหมของหลวงปู่สีทัตต์ ซึ่งเหลือจากการสร้างพระชุดโสฬสมหาพรหม
    หลวงปู่ทิม อิสริโก และ พระมงคลมหาลาภ วัดสรนาถฯ ระยอง ผ่านการเสกจากหลวงปู่ทิม อิสริโก
    และ ผ่านการเสกจากพระคณาจารย์สายกรรมฐานจำนวนมาก 15 วัน 15 คืน ที่วัดสรนาถธรรมา
    ราม อ.แกลง จ.ระยอง เช่น หลวงปู่สิงห์ ขันตยาคโม, หลวงปู่ฝั้น อาจาโร, หลวงปู่กงมา, พระอริย
    คุณาธาร, หลวงพ่อลี วัดอโศการาม ฯลฯ

    4. ผงวิเศษ วัดป่าทรงคุณ ของหลวงปู่สิงห์ ขันตยาคโม
    5. ผงวิเศษ หลวงปู่ม่น วัดเนินตามาก
    6. ผงเกษร และ ว่าน นานาชนิด

    7. ผงยาวังหน้า ใช้สร้างพระพิมพ์ หลวงปู่โลกอุดร

    8. ผงวิเศษ หลวงปู่บุญมี วัดโพธิสัมพันธ์ ชลบุรี

    9. เกศา หลวงปู่สิม พุทธาจาโร

    10. รักเชียงใหม่

    ลักษณะพิมพ์ เนื้อผงคลุกรัก รูปร่างคล้าย 3 เหลี่ยม ด้านเป็นรูปพระพุทธ ปางสมาธิ
    ด้านหลังมี 2 แบบ รุ่น 1 เป็นหลังแบบหลังเรียบ และ รุ่น 2 เป็นแบบหลังลาย

    จำนวนสร้าง
    รุ่น 1 ประมาณ 1500 องค์

    รุ่น 2 ประมาณ 1000 องค์

    การปลุกเสก
    รุ่น 1
    เสกเดี่ยวโดยหลวงปู่ทิม และ หลวงปู่สิม ( พร้อมเหรียญเมตตาครั้งที่ 1 )
    รุ่น 2
    1. เสกเดี่ยว : หลวงปู่ม่น วัดเนินตามาก 1 เดือน, ครูบาอินทจักร
    รักษ์ วัดบ่อน้ำหลวง, หลวงปู่คำแสน วัดป่าดอนมูล, ครูบาวงษ์ วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม, ครู
    บาธรรมชัย วัดทุ่งหลวง, ครูบาพรหมจักร วัดพระพุทธบาทตากผ้า, หลวงปู่สิม วัดถ้ำผาป่อง

    2. เข้าพิธีพุทธาภิเษก 2 ครั้ง ที่วัดโพธิสัมพันธ์ มีพระคณาจารย์ร่วมพิธี
    108 รูป ได้แก่ หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี, หลวงปู่ทิม อิสริโก, หลวงพ่อทอง วัดก้อนแก้ว, หลวง
    ปู่เริ่ม วัดจุกกระเฌอ, หลวงพ่อถิร วัดป่าเรไลย์, หลวงพ่ออบ วัดถ้ำแก้ว, หลวงพ่อเชื้อ วัดใหม่
    บำเพ็ญบุญ ฯลฯ

    พระผงดำ 1 หลังเรียบ


    [​IMG]


    [​IMG]

    พระผงดำ 2 หลังลายผ้า (บางท่านว่าชุดนี้นำไปให้ท่าน อ.ฝั้นเสกด้วย)

    [​IMG]

    [​IMG]



    ขอขอบคุณสำหรับภาพพระพิมพ์ทั้ง 2 จาก

    http://www.amulet2u.com
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 เมษายน 2008
  12. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    ที่นำผลงานของท่าน อ.ประถม อาจสาคร มาลง ก็เพื่อจะได้ให้ทุกท่านอุ่นใจ ได้ว่า พระที่ท่าน อ.ประถมฯ ยืนยันว่าใช้ได้แล้ว แรงแล้ว ซึ่งทางทุนนิธิฯ นำมาแจกให้เป็นของฟรี ตามที่คุณโสระได้ชี้แจงนั้น ไม่ใช่พระพิมพ์ธรรมดา จึงขอให้เก็บไว้ให้ดี หมดแล้วก็คือหมด ใครไม่เอาก็ตามใจ เพราะหลังจากเดือนนี้ คงมีระยะเวลาที่ปิดการขอพระพิมพ์ของท่านบรมครูพระเทพโลกอุดร ใครตีค่าว่าเป็นพระพิมพ์ที่เซียนไม่เล่น ก็ไม่เป็นไร เพราะเราไม่ซื้อขาย คณะกรรมการฯ ทำตามที่ท่านเจ้าของพระท่านเจตนาไว้ ผลประโยชน์ทั้งหมดเข้าที่ รพ.สงฆ์ ซึ่งในเดือนหน้า ครบรอบ ครึ่งปี ในการก่อตั้งทุนนิธิฯ เราถึง จะแจ้งให้ท่านผู้บริจาคเข้ามาได้ทราบถึงยอดบริจาคทั้งหมด รวมถึงปัญหาต่างๆ ที่คณะกรรมการฯ ทุนนิธิฯ ได้ฟันฝ่าอุปสรรคมาให้ทราบ โดยเราได้เรียนให้ อ.ประถมฯ ได้ทราบไว้เป็นเบื้องต้นแล้วพอสมควร

    พันวฤทธิ์
    20/4/51
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 เมษายน 2008
  13. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    อ่านบทคัดลอกทุนนิธิฯ ฉบับย่อที่
    http://www.vcharkarn.com/varticle/34941/24


    สารบัญ

    20 หน้าล่าสุด | แสดงทุกหน้า | 1-20 | 21-23

    หน้า : 4 พี่ใหญ่ฝากมา...
    หน้า : 5 ภาพการทำบุญของ ศ.ทุนนิธิสงเคราะห์ สงฆ์อาพาธ อ.ประถม อาจสาคร ประจำเดือน ธันวาคม 2550 #1
    หน้า : 6 ความรู้ปู่ให้มา..พระสมเด็จกรุบางน้ำชน (ปีระกาป่วงใหญ่)
    หน้า : 7 ความรู้ปู่ให้มา..พระสมเด็จปูนสอ "สมเด็จอัศนี"
    หน้า : 8 พระท่าดอกแก้วที่ อ.ประถม อาจสาครสร้าง
    หน้า : 9 ความคืบหน้าและยอดเงินบริจาค ณ เดือน มกราคม 2551
    หน้า : 10 ภาพการทำบุญของ ศ.ทุนนิธิสงเคราะห์ สงฆ์อาพาธ อ.ประถม อาจสาคร ประจำเดือน มกราคม 2551 #2
    หน้า : 11 ความคืบหน้าและยอดเงินบริจาค ณ เดือน กุมภาพันธ์ 2551
    หน้า : 12 ภาพการทำบุญของ ศ.ทุนนิธิสงเคราะห์ สงฆ์อาพาธ อ.ประถม อาจสาคร ประจำเดือน กุมภาพันธ์ 2551 #3
    หน้า : 13 การไหว้ 5 ครั้ง (ของสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ ญาณวรเถร ) วัดเทพศิรินทราวาส
    หน้า : 14 แจ้งกำหนดการร่วมทำบุญเดือน มีนาคม
    หน้า : 15 ภาพพระโลกอุดรที่เรียกว่า "กรุเก่า"
    หน้า : 16 ใบเสร็จรับเงินที่ไปทำบุญมาเมื่อวันอาทิตย์ที่ 23 มีนาคม 2551
    หน้า : 17 ภาพการทำบุญของ ศ.ทุนนิธิสงเคราะห์ สงฆ์อาพาธ อ.ประถม อาจสาคร ประจำเดือน มีนาคม 2551 #4
    หน้า : 18 ภาพการทำบุญของ ศ.ทุนนิธิสงเคราะห์ สงฆ์อาพาธ อ.ประถม อาจสาคร ประจำเดือน มีนาคม 2551 #4 หน้า 2
    หน้า : 20 "กระดูก 300 ท่อน" สุดยอดธรรมจากหลวงปู่สิม พุทฺธาจาโร
    หน้า : 21 ย้อนหลังกลับมาคุยถึงเรื่อง พระกำลังใจ 2
    หน้า : 22 ชนวนที่ใช้ในการสร้างพระกำลังใจ 2 หน้าที่ 1
    หน้า : 23 ชนวนที่ใช้ในการสร้างพระกำลังใจ 2 หน้าที่ 2
    หน้า : 24 สรุปยอดเงินบริจาคที่ Update ยอดเมื่อวันนี้ 10 เมษายน 2551
     
  14. thongdee1

    thongdee1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2006
    โพสต์:
    339
    ค่าพลัง:
    +1,499
    ขออนุโมทนาบุญทำบุญสงเคราะห์พระภิกษุสงฆ์อาพาธ กับเจ้าของกระทู้และทุกท่านด้วยครับ
    สาธุ

    ด้วยอานุภาพแห่งพุทธ ธรรม สงฆ์ ขอบุญอันเกิดแต่การโมทนาบุญนี้จงถึงแก่สัตว์ลึกลับในวัตถุมงคลที่คอยช่วยเหลือข้าพเจ้าให้เจริญรุ่งเรือง ร่ำรวยยิ่งขึ้นด้วย
     
  15. khongbeng

    khongbeng เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    234
    ค่าพลัง:
    +657
    กับความเห็นของท่านโสระ ใช่ครับเป็นพระกรุเก่าที่สวยงามมากครับ

    น่าศรัทธาเก็บบูชาไว้เป็นอย่างยิ่ง หายากและหมดแล้วหมดเลย

    สำหรับวันอาทิตย์ที่จะถึงนี้ ผมจัดเวลาไปแน่นอนครับ แล้วเจอกันนะครับ...
     
  16. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    วันนี้ขอแสดงบทความเรื่อง "จิต" เป็นวันที่สาม ต่อจาก "จิตเป็นกลาง" ครับ และถัดจากบทความนี้ ยังคงเหลืออีก 1 บทความเก็บไว้ให้เดากันว่าเป็นจิตประเภทใดครับ


    จิตว่าง

    คำว่าจิตว่างนั้น ไม่พบในพระไตรปิฎกฉบับภาษาไทย
    แต่เราคุ้นกับคำนี้ จากคำสอนของท่านอาจารย์พุทธทาส
    ที่ท่านมักสอนให้เรา "ทำงานทุกชนิดด้วยจิตว่าง"
    อันเป็นคำสอนที่แสลงใจคนที่เรียนตำราอภิธรรมมาก
    เพราะโดยธรรมชาติแล้ว จิตจะว่างจากอารมณ์ไม่ได้

    หากพิจารณาความหมายของจิตว่างในทัศนะของท่านอาจารย์พุทธทาส
    ก็จะพบว่า ท่านไม่ได้หมายความว่า จิตว่างจากอารมณ์
    แต่หมายความว่า ว่างจากความเป็นตัวตนของตน
    หรือว่างจากอวิชชา ตัณหา อุปาทาน
    ซึ่งจิตว่างชนิดนี้ มีได้จริงๆ
    คือจิตของพระอรหันต์ ที่ท่านรู้อารมณ์ แต่ไม่เคลื่อนไหวเข้าไปยึดอารมณ์ใดๆ
    จิตท่านว่างจากกิเลส ตัณหา อัตตาตัวตน
    ในขณะที่รู้เห็นโลก อยู่ในชีวิตประจำวันนี่เอง

    จิตว่าง จึงไม่ใช่เรื่องของปุถุชนจะมีได้
    กระทั่งพระอริยบุคคลที่ยังไม่ใช่พระอรหันต์ ก็มียาก
    เพราะจิตย่อมถูกอวิชชา ตัณหา อุปาทานครอบงำเสมอๆ
    ไม่เคยขาดจากเยื่อใยความยึดถือว่า จิตเป็นเรา
    ดังนั้นจะให้คนอย่างพวกเรา ทำงานทุกชนิดด้วยจิตว่าง
    จึงเป็นไปไม่ได้จริง
    แต่คำสอนนี้ก็เป็นอุบายที่ดีเหมือนกัน
    ที่ท่านอาจารย์พุทธทาสสอนให้พยายามทำสิ่งต่างๆ
    ด้วยความไม่เห็นแก่ตัว

    **************************************
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 เมษายน 2008
  17. nathaphat

    nathaphat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    182
    ค่าพลัง:
    +750
    โอนเงินเข้ามูลนิธิ เมื่อวันศุกร์ที่ 18/04/08 16.38 200บาท TMB T002B157 ครับ
    ขออนุโมทนาบุญกับทุกๆท่านนะครับ
     
  18. babekids

    babekids Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 เมษายน 2008
    โพสต์:
    108
    ค่าพลัง:
    +88
    วันนี้ได้โอนเงินเข้าร่วมทำบุญกับกองทุน อ.ประถม 300 บาทครับ
     
  19. narongwate

    narongwate เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    885
    ค่าพลัง:
    +3,840
    ธาตุ-ขันธ์-อายตนะ สัมพันธ์

    มนุษย์ตัวตนคนเราที่เกิดขึ้นมาแล้วนี้ย่อมมีของสามอย่างนี้เป็นสมบัติเบื้องต้น ก่อนจะมีสมบัติใดๆ ทั้งสิ้น
    แล้วก็เป็นของสัมพันธ์เกี่ยวเนื่องกันโดยเฉพาะด้วย จะดีจะชั่วจะสุกจะดิบจะเป็นโลกเป็นธรรม ก็ต้องมี
    ของสามอย่างนี้เสียก่อนเป็นมูลฐาน เป็นเครื่องวัดเครื่องหมายแสดงออกมาว่าอะไรเป็นอะไร ผู้ถือว่าเราว่าเขาว่าสุขว่าทุกข์
    ก็ถืออยู่ในองค์ของสามอย่างนี้ หลงอยู่ในห้วงของสามอย่างนี้ ผู้จะรู้แจ้งเห็นจริงจนเป็นสัจจะก็รู้แจ้งเห็นจริงในของสามอย่างนี้
    ของสามอย่างนี้เป็นเครื่องวัดเครื่องเทียบโลกแลธรรมได้เป็นอย่างดี
    ผู้ไม่เห็นของสามอย่างนี้ก็ตกไปจมอยู่ในของสามอย่างนี้
    หรือผู้ที่เห็นแล้วแต่ยังไม่ชัดแจ้งก็ปล่อยวางไม่ได้เข้าไปยึดเอามาเป็นของตัวก็มี
    เรียกย่อๆ ว่าผู้เห็นตนเป็นโลกแล้วย่อมไปดึงเอาของสามอย่างนั้นหรือสิ่งเกี่ยวเนื่องของสามอย่างนั้นมาเป็นโลกไปด้วย
    ส่วนผู้ที่ท่านเห็นว่าตนเป็นธรรมแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นแต่สักว่าธรรมเท่านั้น หาได้มีตนมีตัวหรืออะไรทั้งหมดไม่
    เช่นธาตุสี่ ก็เป็นสักแต่ว่าธรรมธาตุ ขันธ์ ๕ ก็เป็นสักว่าธรรมขันธ์ ส่วนอายตนะ ๖ ก็รวมอยู่ในธรรมทั้งสองนี้


    หลวงปู่ เทสก์ เทสรังสี
    อ่านเพิ่มเติม >>ClickHere<<
     
  20. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    วันนี้ขอเสนอบทความเรื่อง "จิต" เป็นวันสุดท้ายต่อจาก "จิตของพระป่า" "จิตเป็นกลาง" และ "จิตว่าง" อย่างที่กล่าวไว้ในตอนต้น ขออภัยจริงๆ ที่ลืมเซฟที่มาของบทความไว้ด้วย คงทราบแต่ผู้โพสท์ที่ชื่อปราโมทย์ ในเวบของลานธรรมเท่านั้นครับ จิตตัวสุดท้ายนี่อาจจะยาวสักหน่อย แต่ก็ไม่ยากสำหรับการทำความเข้าใจครับ

    จิตเดิมแท้หรือจิตหนึ่ง

    คำนี้ปรากฏอยู่ในคำสอนของเซ็น ซึ่งท่านอาจารย์พุทธทาสนำมาให้เรารู้จัก
    ด้วยการแปลหนังสือ สูตรของเว่ยหล่าง และคำสอนของฮวงโป
    ความหมายก็น่าจะใกล้เคียงกับ "จิตว่าง" ที่กล่าวมาแล้วนั่นเอง

    เดิมผมก็เชื่อตามๆ กันมาว่า
    คำว่าจิตเดิมแท้ ไม่ปรากฏอยู่ในพระไตรปิฎก
    แต่เป็นสิ่งที่เซ็นบัญญัติขึ้นเอง
    จนเมื่อไม่นานมานี้ คุณดังตฤณ ไปพบ กามภูสูตรที่ 2
    พระสุตตันตปิฎกเล่ม 10สังยุตนิกาย สฬายตนะวรรค
    มีข้อความพาดพิงถึง จิตแท้(จิตดั้งเดิม)
    หรือที่พระไตรปิฎกบาลีเรียกว่า จิตตํ ภาวิตํ

    คราวนี้ก็มาถึงปัญหาที่ว่า
    จิตหนึ่งหรือจิตเดิมแท้ ของเซ็น
    กับ จิตแท้หรือจิตดั้งเดิม ของเถรวาท คืออันเดียวกันหรือไม่

    เรื่องนี้คงต้องพิจารณาถึงความหมาย
    หรือคำอธิบายของแต่ละฝ่าย แล้วนำมาเปรียบเทียบกันดู

    ท่านฮวงโปสอนเรื่องจิตเดิมแท้หรือจิตหนึ่งเอาไว้มาก
    เช่นสอนว่า "จิตหนึ่งซึ่งปราศจากการตั้งต้นนี้
    เป็นสิ่งที่ไม่ได้เกิดขึ้น และไม่อาจจะถูกทำลายได้
    ไม่มีทั้งปรากฏการณ์ อยู่เหนือการเปรียบเทียบทั้งหมด"

    "จิตหนึ่งนี้ เป็นสิ่งที่เราเห็นอยู่ตำตาแท้ๆ
    แต่ลองไปใช้เหตุผลว่ามันเป็นอะไร
    เราจะหล่นสู่ความผิดพลาดทันที
    สิ่งนี้เป็นเหมือนความว่างอันปราศจากขอบทุกๆ ด้าน
    ซึ่งไม่อาจหยั่ง หรือวัดได้"

    "จิตหนึ่งนี้เท่านั้นเป็นพุทธะ
    แต่สัตว์โลกไปยึดมั่นต่อรูปธรรม จึงแสวงหาพุทธภาวะจากภายนอก
    ซึ่งไม่สามารถแสวงหาได้เลย
    ถ้าเขาเพียงแต่หยุดความคิดนึกปรุงแต่ง
    และความกระวนการวายเพราะการแสวงหา
    พุทธะก็จะปรากฏตรงหน้าเขา"

    "เพียงแต่ลืมตาตื่น พุทธะก็ปรากฏตรงหน้า"

    สรุปแล้ว จิตเดิมแท้หรือจิตหนึ่งของเซ็น
    ก็คือธรรมชาติรู้ที่เหนือความปรุงแต่ง และไม่เกิด ไม่ตาย
    (หากศึกษาอย่างไม่ระมัดระวัง ก็อาจจะหลงสรุปว่า
    จิตเดิมแท้คืออาตมัน หรืออัตตา หรือเต๋า
    เพราะนิยามของสิ่งสูงสุดนั้น
    เมื่อกล่าวเป็นคำพูดแล้ว คล้ายคลึงกันอย่างที่สุด)

    ************************************

    สำหรับจิตแท้หรือจิตดั้งเดิมในพระไตรปิฎกนั้น
    อยู่ในเรื่องเกี่ยวกับการเข้านิโรธสมาบัติ ดังนี้

    [๕๖๓] จิตตคฤหบดีกล่าวว่า ... ข้าแต่ท่านผู้เจริญ
    ก็สัญญาเวทยิตนิโรธสมาบัติเกิดมีได้อย่างไร ฯ
    พระกามภู : ดูกรคฤหบดี ภิกษุเมื่อจะเข้าสัญญาเวทยิตนิโรธสมาบัติ
    ไม่ได้คิดอย่างนี้ว่า เราจักเข้าสัญญาเวทยิตนิโรธบ้าง
    เรากำลังเข้าสัญญาเวทยิตนิโรธบ้าง เราเข้าสัญญาเวทยิตนิโรธแล้วบ้าง
    โดยที่ถูกก่อนแต่จะเข้า
    ท่านได้อบรมจิตที่จะน้อมไปเพื่อความเป็นจิตแท้ (จิตดั้งเดิม) ฯ
    (พระไตรปิฎกบาลีใช้คำว่า จิตตํ ภาวิตํ - ปราโมทย์)

    ข้อความในพระไตรปิฎกที่ยกมานั้น
    ท่านพระกามภู มุ่งกล่าวถึงวิธีเข้านิโรธสมาบัติหรือสัญญาเวทยิตนิโรธ
    ว่าไม่ได้เข้าด้วยการคิดว่าจะเข้า กำลังเข้า หรือเข้าแล้ว
    เพราะถ้าคิด ก็เข้านิโรธสมาบัติไม่ได้ เนื่องจากนิโรธสมาบัติปราศจากความคิด
    หากแต่ก่อนจะเข้า ผู้เข้าได้อบรมจิตของตนให้น้อมไปเพื่อความเป็นจิตแท้
    เมื่อจิตน้อมไปเองสู่ความเป็นจิตแท้ จึงเข้านิโรธสมาบัติได้

    แต่จิตแท้ หรือจิตตํ ภาวิตํ นี้ ก็ไม่พบคำอธิบายในชั้นพระไตรปิฎก
    ผมลองค้นลงถึงชั้นอรรถกถา ก็ไม่พบเช่นกัน
    (ไม่พบ ไม่ใช่ไม่มีนะครับ อาจมี แต่ผมยังค้นไม่พบก็ได้)
    มิหนำซ้ำ เมื่อศึกษาลงถึงอภิธัมมัตถสังคหะ
    ก็ไม่ปรากฏคำอธิบายถึง จิตแท้ นี้เช่นกัน
    มิหนำซ้ำยังกล่าวว่า ในนิโรธสมาบัติไม่มีจิตเสียอีก ดังนี้

    (อภิธัมมัตถสังคหะ ปริจเฉทที่ ๔ วิถีสังคหวิภาค สมาบัติวิถี)
    สมาบัติ แปลว่า การเข้าถึงพร้อมหรือการเข้าอยู่พร้อม สมาบัตินี้มี ๓อย่างคือ
    ๑. ฌานสมาบัติ การเข้าถึงฌานจิต หรือการเข้าอยู่ในฌานจิต เป็นโลกียะ
    ๒. ผลสมาบัติ การเข้าถึงซึ่งอริยผลจิต หรือการเข้าอยู่ในอริยผลจิต เป็น โลกุตตระ
    ๓. นิโรธสมาบัติ การเข้าถึงซึ่งความดับของจิตและเจตสิก
    ไม่จัดเป็นโลกียะ หรือ โลกุตตระ เพราะไม่มีจิตจะดับ

    เมื่อออกจาก อากิญจัญญายตนฌานแล้ว ไม่ต้องเข้าปัจจเวกขณวิถี
    แต่ เข้าอธิฏฐานวิถี คือ ทำ บุพพกิจ ๔ อย่าง ได้แก่
    ก. นานาพทฺธ อวิโกปน อธิษฐานว่า บริขารต่าง ๆ
    ตลอดจนร่างกายของข้าพเจ้า ขออย่าให้เป็นอันตราย
    ข. สงฺฆปฏิมานน อธิษฐานว่า เมื่อสงฆ์ประชุมกัน ต้องการตัวข้าพเจ้า
    ขอให้ออกได้ โดยมิต้องให้มาตาม
    ค. สตฺถุปกฺโกสน อธิษฐานว่า ถ้าพระพุทธองค์มีพระประสงค์ตัวข้าพเจ้า
    ก็ขอให้ออกได้ โดยมิต้องให้มีผู้มาตาม
    ง. อทฺธาน ปริจฺเฉท อธิษฐานกำหนดเวลาเข้า
    ว่าจะเข้าอยู่นานสัก เท่าใด รวมทั้งการพิจารณา อายุ สังขารของตนด้วย
    ว่าจะอยู่ถึง ๗ วัน หรือไม่
    ถ้าจะตายภายใน ๗ วัน ก็ไม่เข้า หรือเข้าให้น้อยกว่า ๗ วัน

    อธิษฐานแล้วก็เข้าเนวสัญญานาสัญญายตนฌาน
    วิถีนี้ เนวสัญญานาสัญญายตนฌาน เกิดขึ้น ๒ ขณะ (๒ ขณะ ไม่ใช่ ๑ ขณะ)

    ลำดับนั้น จิต เจตสิก และจิตตชรูปก็ดับไป ไม่มีเกิดขึ้นอีกเลย
    ส่วน กัมมชรูป อุตุชรูป และอาหารชรูป ยังคงดำรงอยู่
    และดำเนินไปตามปกติ หาได้ดับ ไปด้วยไม่
    จิต เจตสิก และจิตตชรูป คงดับอยู่
    จนกว่าจะครบกำหนดเวลาที่ได้อธิษฐานไว้

    เหตุผลที่อภิธัมมัตถสังคหะเชื่อว่า ในนิโรธสมาบัติไม่มีจิต
    อาจเพราะทัศนะพื้นฐานของฝ่ายเถรวาทที่ว่า จิตกับเจตสิกต้องเกิดร่วมกัน
    เมื่อการเข้านิโรธสมาบัติจะต้องดับ สัญญาและเวทนา อันเป็นจิตสังขาร
    ก็ทำให้สังขารไม่เกิดขึ้น
    เวทนา สัญญา และสังขาร คือเจตสิก
    เมื่อไม่มีเจตสิก ก็ย่อมไม่มีจิต
    เป็นไปตามหลักของตรรกะที่ดิ้นไม่ได้เลย

    สรุปแล้ว ผมยังหาคำตอบหรือคำอธิบายเรื่อง จิตแท้หรือจิตดั้งเดิม
    ในคัมภีร์ฝ่ายเถรวาทไม่พบ
    จะว่าการเข้านิโรธสมาบัติทำให้พบจิตแท้ก็ไม่ใช่
    เพราะตำราชั้นหลังบอกว่า นิโรธสมาบัติไม่มีจิต
    (แต่ตำราก็เคยกล่าวถึงการเกิดจิตขึ้น
    ก่อนกำหนดเวลาที่อธิษฐานไว้เหมือนกัน
    เช่นกรณีที่ท่านพระสารีบุตรถูกตีขณะเข้านิโรธสมาบัติ
    แล้วท่านรู้สึกคันที่ศีรษะหน่อยหนึ่ง)
    จะว่าเป็นจิตชนิดหนึ่ง ที่น้อมไปแล้วทำให้เข้านิโรธสมาบัติได้ง่าย
    ก็ไม่พบคำอธิบายถึงจิตชนิดนี้
    ทั้งในพระไตรปิฎกและในจิตตสังคหวิภาค ของอภิธัมมัตถสังคหะเสียอีก
    เมื่อไม่พบคำอธิบายเรื่องจิตแท้หรือจิตดั้งเดิมในฝ่ายเถรวาท
    จึงไม่อาจเปรียบเทียบสภาวะกับจิตเดิมแท้หรือจิตหนึ่งของเซ็นได้

    ***********************************
     

แชร์หน้านี้

Loading...