ไม่รู้จักกัน

ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย อนัตตา, 4 มกราคม 2019.

  1. อนัตตา

    อนัตตา เล่นกับเงา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2015
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +1,822
    อยากสบาย มันผิดตั้งแต่คิด แล้วก็ผิดสืบๆ ไป จนกระทั่งประสบกับอกุศลวิบาก ทีนี้จะมาโอดครวญ อย่ารอให้สายเกินไป เกิดครั้งเดียว ตายครั้งเดียว

    ตายแล้วได้เกิดเป็นมนุษย์อีกก็ถือว่าโชคดีไป จับพลัดจับผลูไปเกิดเป็นอย่างอื่น ทำอะไรไม่ได้เลย ได้เกิดเป็นมนุษย์เพราะเคยรักษาศีลห้ามาในอดีต เคยทำกรรมดีมาแล้วในอดีต ทำไมไม่รักษาความดีและทำดีต่อให้ยิ่งๆ ขึ้นไป

    เกิดเป็นมนุษย์มีอาการ32 มีขันธ์5 เท่ากับมีเครื่องมือที่จะทำให้พ้นจากวัฏสงสารได้ ก็นำไปใช้ให้ถูกต้อง ถูกทาง จึงจะเป็นประโยชน์ตน ประโยชน์ท่าน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 มิถุนายน 2020
  2. อนัตตา

    อนัตตา เล่นกับเงา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2015
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +1,822
    สมุทยวาร มันมีคำนั้นผุดขึ้นมาตะกี้ ความเกิดขึ้นของเหตุแห่งทุกข์

    กาย คืออะไร เวทนา คืออะไร จิต คืออะไร ธรรม คืออะไร จับต้องสัมผัสได้ไหม

    สติสังวร สติอะไรสังวร สังวรยังไง สังวรธรรม ธรรมสังวร

    เชื่อมั้ย ทุกวันนี้ยังไม่รู้แจ้งเรื่องรูปกับนามเลย จดจำก็ไม่ได้
    เห็นแค่สมมติ รูปก็เป็นสมมติ นามก็เป็นสมมติ อารมณ์ก็สมมติ

    อาโลกกสิณ...เป็นกสิณแสงสว่างอย่างไร ที่เรียกว่าแสงสว่างเพราะองค์กสิณเริ่มต้นจากแสงสว่าง แสงสว่างที่มีอยู่ในโลก ส่วนดวงกสิณที่สำเร็จแล้ว จะเป็นดวงแก้วใสเป็นประกายพรึก กสิณทุกกองเมื่อสำเร็จแล้ว ดวงกสิณจะมีลักษณะเหมือนกัน คือใสและเป็นประกายพรึก

    กสิณ เป็นโลกิยะ มีเสื่อมได้ มีเพียงกองเดียวที่เมื่อสำเร็จแล้วไม่มีวันเสื่อม คือ อาโลกสิณ ติดตาตรึงใจ เข้าสู่อภิญญาต่างๆ ได้

    ขึ้นชื่อว่าความกลัว มันขนพองสยองเกล้า บีบรัดใจสิ้นดี ความกลัวเกิดขึ้นที่สมองแล้วแล่นมาสู่ใจ

    มีคนถามว่า...เคยตายไหม ก็ไม่รู้เหมือนกัน รู้แค่มันจะตายก็ปล่อยมัน ความตายอยู่ใกล้แค่ปลายจมูก...จริงๆ

    เคยผ่านความตายมาหลายครั้ง ต้องบอกว่าผ่านความกำลังจะตาย น่าจะถูกกว่า ครั้งที่พยายามหายใจ ตอนนั้นเห็นความกลัวตายแล่นขึ้นมา ยิ่งกลัวตายก็ยิ่งทุรนทุราย ออกแรงสูดลมเข้าจมูก แต่ไม่มี จนสติบอกให้เจริญกรรมฐาน ปล่อยทิ้งร่างกายเพราะเห็นความจริงว่ามันไม่ใช่เรา เราบังคับควบคุมมันไม่ได้ จากนั้นก็หลับไปเลย...มันคงตาย พอเช้าก็ลืมตาขึ้น ลองหายใจ เฮ้ยมันก็หายใจได้นี่หว่า ความทุกข์ทรมานที่เกิดขึ้น หายไปหมด

    อืม เป็นสภาวธรรมที่มาแสดงให้ดู และสอบอารมณ์ว่าที่เพียรมานั้น ใช้ได้จริงไหม ได้เห็นอารมณ์ของคนก่อนจะตาย แบบไม่มีสติกับแบบมีสติ เกิดขึ้นกับตัวเองจริงๆ ไม่ใช่ความฝัน ณ เวลานั้น จิตเคยสะสมอะไรไว้ มันจะแสดงออกมาหมด จิตละทิ้งกายได้แล้วจริงไหม รู้เห็นได้เลย

    รูปก็ไม่ใช่เรา เวทนาก็ไม่ใช่เรา สัญญาก็ไม่ใช่เรา สังขารก็ไม่ใช่เรา วิญญานก็ไม่ใช่เรา สบายเลย ความร้อยรัดไม่มี สมอที่เคยผูกโยงเรือไว้ ถอดทิ้งไปเลย ไม่เอาๆ ไปไกลๆ ทางใครทางมัน ต้องเผชิญกันเอง จึงจะรู้ชัด...
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  3. อนัตตา

    อนัตตา เล่นกับเงา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2015
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +1,822
    อ่านแล้วมีความสุขจริงๆ

    คำสอนหลวงตามหาบัว แท้จริงคนที่มีความสุขกับคนที่มีความทุกข์ต่างกันนิดเดียว

    1. คนหนึ่งมองหาสิ่งที่ขาด อีกคนมีความสุขกับสิ่งที่มี

    2. คนหนึ่งมองหาแต่วิธีลืม อีกคนทำความเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น

    3. คนหนึ่งไม่ยอมเปลี่ยนแปลง อีกคนเข้าใจว่าทุกอย่างเปลี่ยนแปลง

    4. คนหนึ่งหนีไปสุดขอบฟ้าเพื่อดับทุกข์ อีกคนเรียนรู้ว่าทุกข์อยู่ที่ใจ

    5. คนหนึ่งมัวแต่นั่งเสียใจกับคนที่จากไป อีกคนขอบใจกับคนที่ยังอยู่ข้างๆ

    6. คนหนึ่งมองหาแต่ความรัก อีกคนเข้าใจว่าจริงๆแล้วไม่มีคนรักก็ไม่ทุกข์

    7. คนหนึ่งคิดแต่ครอบครอง อีกคนเข้าใจว่าการไม่ครอบครอง ก็จะไม่สูญเสีย

    8. คนหนึ่งพูดไม่คิดกับคนที่รัก อีกคนคิดก่อนพูดกับคนที่รัก

    9. คนหนึ่งคิดแต่ว่าตัวเองไม่มีค่า อีกคนเห็นค่าคนที่รู้ค่าตัวเอง

    10.คนหนึ่งเก็บทุกเรื่องมาคิด อีกคนอภัยทุกเรื่องก่อนนอน
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  4. อนัตตา

    อนัตตา เล่นกับเงา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2015
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +1,822
    ทำใจให้สบายๆ วางอารมณ์ให้เป็นปกติ สรรพสิ่งล้วนเป็นอนัตตา เราบังคับควบคุมสิ่งใดไม่ได้สักอย่าง ทำได้แค่ประคอง จนในที่สุดก็ต้องเปลี่ยนแปลง

    รูป นาม ไม่เที่ยง โลกไม่เที่ยง ต้องเปลี่ยนไปตามเหตุ มองดูและเรียนรู้ไป ขอบคุณร่างกายในทุกๆ วัน ที่ทำให้ได้เห็นอริยสัจจ์ แม้จะต้องตายไปก็คุ้มแล้วที่ได้เกิดมาพบเจอสัจจะที่พระพุทธองค์ทรงค้นพบ ขอให้ได้พบจริงๆ ได้เห็นจริงๆ เข้าถึงจริงๆ

    ร่างกายเป็นของทิ้ง อย่าไปเสียดาย ไขว่คว้า กอบโกย ธรรมที่ปรากฏให้ได้มากที่สุด เพื่อเป็นมูลเหตุแห่งมรรคผลสืบไป ไม่ต่อต้าน ยอมรับ และเรียนรู้

    ทุกขเวทนา มีเกิดแล้วก็ดับ เมื่อใดยึดเอาทุกขเวทนานั้นเป็นของตน ก็จะดิ้นรนค้นหาทางแก้ทุกขเวทนานั้นๆ กลายเป็นทุกข์ดับเบิ้ล จิตอวิชชาเป็นเช่นนั้น

    ไม่มีเขา ไม่มีเรา มีแต่ธรรม เลือกสัมมาธรรมมาศึกษาและปฏิบัติกันนะคะ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  5. อนัตตา

    อนัตตา เล่นกับเงา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2015
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +1,822
    หลวงปู่พระครูบาธรรมชัย มรณภาพแล้วไปเกิดเป็นเทวดาบนสวรรค์ชั้นดุสิต หลวงพ่อฤาษี

    เรื่องที่ ๔๓ หลวงปู่พระครูบาธรรมชัย (พระครูวรเวทย์วิสิฐ) มรณภาพแล้วไปเกิดเป็นเทวดาบนสวรรค์ชั้นดุสิต

    หลวงพ่อฤาษี

    “..หลวงปู่พระครูบาธรรมชัย (พระครูวรเวทย์วิสิฐ) วัดทุ่งหลวง อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ ท่านมรณภาพเมื่อวันที่ ๖ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๓๐ ก่อนหน้านี้มีคนแจ้งข่าวให้อาตมาทราบว่าหลวงปู่ธรรมชัยท่านไม่สบายมาก เข้าโรงพยาบาล อาตมาฟังแล้วก็คิดในใจว่าวันนี้ตรงกับวัน ๑๒ ค่ำ ตามตำราโบราณถ้าป่วยวันนี้มันหายยาก หลังจากนั้นถัดไปอีก ๑ วันจากวันที่ได้รับข่าวว่าท่านมรณภาพแล้ว ก็คิดว่าเคยทำงานคู่กันในด้านสาธารณประโยชน์เหมือนกันแต่คนละด้าน ท่านไปแล้วก็เหลือแต่เรา จึงคุมกำลังใจตนเอง นอนภาวนาบ้างพิจารณาไปบ้าง พอจิตรวมตัว จิตรวมตัวนี่ไม่ต้องบังคับ พอจิตทรงตัวดีก็ไปหาพระ พอไปถึงก็กราบพระ ถ้าจิตมีกำลังอย่างนี้ตายเมื่อไรก็มาที่นี่ ก็นึกถึงหลวงปู่ธรรมชัยขึ้นมาได้ จึงกราบเรียนถามพระท่านว่า “เวลานี้หลวงปู่ธรรมชัยอยู่ที่ไหน”

    ท่านก็ตอบว่า “หลวงปู่ธรรมชัยอยู่ชั้นดุสิต” ก็ตกใจเพราะว่าหลวงปู่ธรรมชัยเดิมท่านเป็นพุทธภูมิ ต่อมาก็ลาพุทธภูมิต้องการเป็นอัครสาวกของพระศรีอาริย์ ท่านเคยบอกว่า “ขอเกิดอีกชาติ ต้องการเป็นอัครสาวกของพระศรีอาริย์” อาตมาจึงกราบถามพระว่า “ในเมื่อหลวงปู่ธรรมชัยไม่ได้เป็นพุทธภูมิ ก็ไม่มีสิทธิ์เข้าชั้นดุสิต เพราะชั้นดุสิตผู้ที่จะเข้าได้ต้องเป็นพระอริยเจ้าขั้นพระโสดาบันขึ้นไป และในเมื่อหลวงปู่ธรรมชัยปรารถนาเป็นอัครสาวกของพระศรีอาริย์ ก็เป็นพระอริยเจ้าไม่ได้จึงไม่มีสิทธิ์เข้าชั้นดุสิต

    และอีกประการหนึ่งหลวงปู่ธรรมชัยลาจากพุทธภูมิแล้ว และไม่ใช่บิดามารดาของพระโพธิสัตว์ ทำไมเข้าชั้นดุสิตได้” พระท่านก็บอกว่า “งานของหลวงปู่ธรรมชัยเป็นงานพุทธภูมิ มีเมตตา ความรัก กรุณา ความสงสาร ไม่มีขอบเขต ใครไปก็สงสารมีเงินหรือไม่มีไม่สำคัญ ต้องการสงเคราะห์อย่างเดียว ด้านมุทิตา ท่านไม่เคยอิจฉาริษยาใคร ใครได้ดีพลอยยินดีด้วย อุเบกขา วางเฉย คนที่ไม่ชอบใจเขาก็ว่าท่าน เขานินทาท่าน ท่านก็เฉย รวมความว่าท่านครบถ้วน บริบูรณ์ด้วยพรหมวิหาร ๔ ไม่มีขอบเขต อย่างนี้เขาเรียกเป็น อัปปมัญญา อัปปมัญญา นี้ไม่มีขอบเขต ถือว่างานประเภทนี้เป็นงานพุทธภูมิไม่ใช่งานสาวก และทำไมจะถือว่าเขาไม่มีสิทธิ์เข้าชั้นดุสิต”

    พอพูดจบท่านก็เรียกหลวงปู่ธรรมชัยเข้าไปนั่งคู่กับอาตมา อาตมาถามหลวงปู่ธรรมชัยว่า “หลวงปู่ออกจากร่างกายแล้ว รู้สึกเสียดายร่างกายไหม อยากกลับเข้าไปไหม” หลวงปู่ทำหน้าเบ้ปั้นไม่ถูกเลยตอบว่า “รังเกียจร่างกายจริงๆ” ถามว่า “อายุกาลมันสมควรหรือเปล่าในการตายครั้งนี้” ท่านบอกว่า “เป็นการตายที่ไม่สมควรแก่เวลาที่ควรจะตาย” พระท่านบอกว่า “สงสารเธอ กาลเวลามันเลยมาแล้ว เรื่องการก่อสร้างก็เหลือไม่มาก คนอื่นเขาทำต่อไปได้ ควรไปให้ได้มีความสุขบ้าง” หลังจากนั้นพระท่านก็เรียกพระศรีอาริยเมตไตรยขึ้นไป พอท่านขึ้นไปอาตมาก็กราบเรียนถามว่า“เวลานี้วิมานของหลวงปู่ธรรมชัยอยู่ที่ไหน” ท่านบอกว่า “เขาปรารถนาเป็นอัครสาวกของฉันก็อยู่ที่ฉัน”

    ใครฝึกมโนมยิทธิได้ก็สามารถพิสูจน์ได้ด้วยตนเอง เวลาจะพิสูจน์ก็ต้องทิ้งความจำที่รู้มาก่อน อย่างพระท่านบอกว่า “หลวงปู่ธรรมชัยอยู่สวรรค์ชั้นดุสิต” ต้องทิ้งอารมณ์นี้เสียก่อน ให้จิตมีความทรงตัวเป็นอุเบกขา อย่าให้อารมณ์เก่าที่เราได้ยินมามีในจิต จึงเริ่มภาวนา แล้วขึ้นไปหาพระแล้วก็กราบถามท่าน อย่างนี้จะไม่ผิด..”

    ข้อมูลจาก ตายแล้วไปไหน” โดย หลวงพ่อฤาษีลิงดำ

    ขอขอบคุณข้อมูลจากเพจ...คำสอนหลวงพ่อฤาษีลิงดำ(พระราชพรหมยาน) วัดท่าซุง (ต้นฉบับ)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  6. อนัตตา

    อนัตตา เล่นกับเงา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2015
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +1,822
    อ่านเจอ...นำมาฝากค่ะ:D

    7 ลักษณะนิสัย ของคนเห็นแก่ตัว ที่ไม่เคยนึกถึงคนอื่น เอาแต่ตัวเอง

    1.คนอื่นเป็นฝ่ายยอมตลอด อันนี้เป็นสัญญาณแรก คือ การให้คนอื่นเป็นฝ่ายยอมตลอด ไม่ว่าจะทำอะไรหรือคิดอะไร ก็มักจะเอาตัวเองเป็นศูนย์กลางจักรวาล และคนอื่นต้องเห็นด้วย กับสิ่งที่คิดที่ทำทุกครั้งแม้บางครั้ง คนอื่นอาจจะไม่ชอบสิ่งที่หยิบยื่นให้ก็ตาม การที่คนยอมนั้นไม่ได้แปลว่า กลัวแต่มันเป็นการรักษามิตรภาพ อย่าลืมว่า “แพ้เป็นพระ ชนะเป็นมา ร” แต่จะมีสักกี่คนที่รู้ความหมายนี้

    2.ตัวเองก้าวก่ายเรื่องต่างๆ ได้…คนอื่นอย่าแหยม ไม่ชอบให้ใครมาพูด หรือคิดเห็นต่าง ยามคนอื่นพูดหรือเตือนกลับมองว่าเป็นการก้าวก่ายอารมณ์เสีย ในขณะที่ตัวเองสามารถวิพากษ์วิจารณ์คนอื่นได้ทุกเรื่อง ตั้งแต่เรื่องเล็กๆ ไปจนถึงเรื่องใหญ่

    3.อยากให้คนอื่นเป็นอย่างที่ต้องการ เคยถามความต้องการของคนอื่นบ้างหรือเปล่า ต้องกินเหมือนกัน ต้องไปด้วยกันต้องไลฟ์สไตล์แบบเดียวกันอันนี้ไม่ใช่แค่เห็นแก่ตัวเท่านั้น แต่ทำร้า ยจิตใจคนอื่นด้วย เพราะมันแสดงถึงว่าไม่เคยพอใจ ในสิ่งที่คนอื่นมี หรือสิ่งที่คนอื่นเป็น แต่กลับอยากให้เป็นอย่างที่ต้องการไปเสียทุกอย่าง
     
  7. อนัตตา

    อนัตตา เล่นกับเงา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2015
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +1,822
    4.เอาแต่ใจตัวเอง ไม่ว่าจะถกเถียง โต้แย้ง หรือกำลังหาคำตอบเรื่องใดอยู่ก็ตาม แต่ในท้ายที่สุดแล้ว จะผู้ที่เป็นตัวกำหนดทุกอย่าง ในเมื่อมีคำตอบมีปักธงอยู่ในใจแล้ว จะขอความคิดเห็นทำไม คือ แบบนี้ไม่ได้ต้องการคำตอบแต่ต้องการคนที่มาสนับสนุนความคิดเท่านั้นแหละ อย่าถามให้เหนื่อยเพราะสุดท้ายแล้วก็เลือกสิ่งที่ตัวเองต้องการอยู่ดี

    5.ไม่เคยขอโทษ เป็นฝ่ายผิ ดแต่กลับมองว่าตัวเองถูก หรือ รู้ว่าตัวเองผิดแต่ไม่เคยขอโทษและที่แย่กว่านั้น คือขอโทษแบบไม่จริงใจ ขอโทษแบบขอไปที

    6.หงุดหงิดเมื่อไม่ได้ดั่งใจ อารมณ์ขึ้นๆลงๆ หงุดหงิดเสมอ หากสิ่งที่คาดหวังไม่ได้ดั่งใจ ที่หนักไปกว่านั้น ไม่ว่าจะหงุดหงิดมาจากไหนก็ตามมักจะมาระบาย หรือหงุดหงิดใส่คนอื่นอีกต่างหาก เช่น การพูดประชดประชัน ตวาด เสียงดัง หรือใครไม่อินไปด้วยกับปัญหาที่เจอ หรือสิ่งที่เล่าให้ฟัง ก็มักจะทำสิ่งนั้นเพื่อให้คนอื่นได้รู้สึกแบบเดียวกัน อาจตามมาด้วยคำพูดประมาณว่า… “เข้าใจหรือยังล่ะ” หรือ “รู้สึกหรือยังล่ะว่าฉันรู้สึกยังไง”

    7.ไม่เคยช่วย หรือ ช่วยก็ทวงบุญคุณ อย่าคิดว่าเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยที่จะปล่อยให้คนอื่นทำทุกอย่างโดยอ้างว่าเหนื่อยหรือทำมามากแล้ว

    อ่านครบทั้ง 7 ข้อแล้ว รู้สึกอย่างไรบ้างคะ

    จากเพจ..ตาสว่าง:D
     
  8. อนัตตา

    อนัตตา เล่นกับเงา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2015
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +1,822
    พบเจออะไรดีๆ ก็นำมาแบ่งปันกันนะ:D

    **** ภาพประวัติศาสตร์ !! ....... สมัยสร้างโบสถ์วัดอโศการาม ท่านพ่อลี จ. สมุทรปราการ ...... ปี พ.ศ. 2500 >>>หลวงพ่อเคยบอกว่า " ไม่ว่าจะย้อนไปกี่ 10 ปี ก็ยังโมทนาได้ !! บุญไม่มีวันหมด.

    ....... พระเถรานุเถระศิษยานุศิษย์ท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโต บันทึกภาพร่วมกันในงานผูกพัทธสีมาอุโบสถ วัดอโศการาม บ้านนาแม่ขาว ต.ท้ายบ้าน อ.เมือง จ.สมุทรปราการ เมื่อวันที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๐๓ ตรงกับวันศุกร์ ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๓ ปีกุน

    แถวนั่ง จากซ้าย : หลวงปู่มหาปิ่น ชลิโต, หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน, หลวงปู่อ่อนสี ฐานวโร, หลวงปู่แว่น ธนปาโล, หลวงปู่สิม พุทฺธาจาโร, พระเทพวรคุณ (หลวงพ่ออ่ำ ภทฺราวุโธ), ท่านพ่อลี ธมฺมธโร, พระสุธรรมคณาจารย์ (หลวงปู่แดง ธมฺมรกฺขิโต), พระปลัดศรี (วัดมณีชลขัณฑ์ จ.ลพบุรี) และพระอาจารย์จันทร์ เขมปัตโต

    แถวกลาง จากซ้าย : พระอาจารย์ไสว, หลวงปู่หลวง กตปุญฺโญ, พระอาจารย์สวด, พระครูพรหมวิหาร, พระอาจารย์เม้า ธมฺมุตฺตโม, พระธรรมมงคลญาณ (หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินฺธโร), พระมหาสมจิตร จิตฺตวโร, พระครูญาณวิศิษฏ์ (ท่านพ่อเฟื่อง โชติโก), หลวงปู่ถวิล จิณฺณธมฺโม, พระอาจารย์บุญมี ปัญญาปทีโป และพระครูสัน (วัดป่าคลองกุ้ง จ.จันทบุรี)

    แถวหลัง จากซ้าย : พระครูธงชัย (วัดพุทธมงคลนิมิต จ.นครสวรรค์), หลวงปู่ฟัก สนฺติธมฺโม, พระอาจารย์ปทุม (วัดหนองบัว), พระอาจารย์สุพัฒน์ สุขกาโม และพระใบฎีกา (ตุ๋ย)

    หมายเหตุ... ในงานฉลองกึ่งพุทธกาล ๒๕ พุทธศตวรรษ เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๐๐ ณ วัดอโศการาม จ.สมุทรปราการ ยังไม่มีอุโบสถ ดังนั้น พระภิกษุสงฆ์ที่เข้าพิธีอุปสมบทในครั้งนั้น จึงได้อุปสมบทกันภายในเรือที่ลอยอยู่ในน้ำ
    .
    .
    ___________________
    .
    Cr.เพจแชร์ธรรมะ พ่อแม่ครูบาอาจารย์
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  9. อนัตตา

    อนัตตา เล่นกับเงา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2015
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +1,822
    _/|\_ _/|\_ _/|\_

    oSCmpsFb.jpg
     
  10. อนัตตา

    อนัตตา เล่นกับเงา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2015
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +1,822
    #บัวใต้น้ำดีเด่น

    "ไปเถอะไปถือศีลภาวนา มันเป็นเรื่องดี คนบางคนอยู่วัดนาน เข้าวัดนาน จนยึดว่า วัดเป็นของเขา ของวัดเป็นของเขา พระในวัดก็เป็นพระของเขา อยู่จนชิน ชินบาปชินกรรม ไปวัดแทนที่จะไปเอาบุญไปเอาความดี กลับไปจับผิดจับชั่วคนอื่น.."

    #พระท่านเทศน์ท่านสอนก็ไม่ฟังซะแล้ว

    "หูมันสูงกว่าธรรมะ สูงกว่าพระเทศน์ บางคนมีตำแหน่งหน้าที่ในวัด บางคนมีหน้าที่ทางสังคม เป็นครูเป็นอาจารย์ เลยเป็นกะลาคว่ำ ฝนตกไม่เข้าในกะลา คนแบบนี้หลวงปู่เรียก "พวกบัวใต้น้ำดีเด่น.. "

    ปทปรมะ.. ไม่จำเป็นต้องเป็นคนโง่นะ ไม่จำเป็นต้องเป็นคนไม่เข้าวัดนะ บางคนฉลาดเกินธรรม ฉลาดเกินกรรม ฉลาดมากๆ ก็ไม่เห็นธรรมนะ ฉลาดในทางโลก ในทางถือตัวถือตนคิดว่าตนสูงกว่าคนอื่น จนลืมว่าดอกบัวของตัวเองกำลังหันลงสู่โคลน มีแต่นับวันจะจมลงเรื่อยๆ

    บัวชนิดนี้ บางดอกเป็นดอกเตอร์ บางดอกเป็นอาจารย์ บางดอกเป็นพลโท พลเอก บางดอกเป็นมรรคทายกก็มี นั้นหล่ะหลวงปู่ จึงเรียก "บัวใต้น้ำดีเด่น"

    #โอวาทธรรม
    #หลวงปู่หา_สุภโร (หลวงปู่ไดโนเสาร์)
    วัดสักกะวัน อ.สหัสขันธุ์ จ.กาฬสินธ์
    **********************************
    _/|\_ _/|\_ _/|\_
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • images.jpeg
      images.jpeg
      ขนาดไฟล์:
      26.3 KB
      เปิดดู:
      57
  11. อนัตตา

    อนัตตา เล่นกับเงา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2015
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +1,822
    "พระสัมมาสัมพุทธเจ้า"
    กล่าวไว้ไม่ผิดว่า...
    #นัตถิโลเก_รโห_นามะ
    "ความชั่วปกปิดไว้เท่าไร
    ใครจะรู้..
    กรรมมันเปิดออกให้เราดู
    สัตว์โลกย่อมเป็นไปตาม
    กรรมดีกรรมชั่วที่ตนทำไว้
    คนดีถึงจะทำตัวเป็นใบ้
    ใครก็รู้..
    ถึงจะหลบหลีกปลีกตัวอยู่ถ้ำ
    ภูเขาถึงแม้มนุษย์ไม่รู้
    เทวดาก็บอกเอง
    กลิ่นของศีลย่อมฟุ้งขจรขจาย
    ไปทั่วทิศ..
    เป็นนิมิตหมายของคนดี.."

    #นัตถิโลเก_รโห_นามะ
    ..ชื่อว่าที่ลับไม่มีในโลก..

    #หลวงปู่ขาว_อนาลโย
    **********************
     
  12. อนัตตา

    อนัตตา เล่นกับเงา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2015
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +1,822
    โลกนี้มีอยู่ปกติอย่างนี้หละ ปรุงอันใดแต่งอันใด อันนั้นมาแต่มีปัจจัย เมื่ออิงกับปัจจัยก็มาแต่เหตุ เหตุปรุงแต่งก็ทนอยู่มิได้ ทนอยู่มิได้ก็แตกดับไป
    จากนั้นก็ถือเอาเหตุใหม่ - ใหม่ในของเก่า - เก่าไปหาใหม่

    พระพุทธเจ้าอุบัติขึ้นในโลก จึงได้มาบอกมาเทศน์ธรรมพร่ำสอน แสดงให้กล่าวไว้ บัญญัติเอาไว้ เปิดเผย ให้ง่ายต่อการเข้าใจ ว่าไม่เที่ยง อนิจจัง มันทุกข์ ทุกขัง มันว่าไม่เอาความ อนัตตา นี่วัฏฏะมันหมุนของมันอยู่เช่นนี้จึงชื่อโลก

    หลวงปู่จาม มหาปุญโญ

    (มหาปุญฺโญวาท 7)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  13. อนัตตา

    อนัตตา เล่นกับเงา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2015
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +1,822
    ไม่มีใครให้เงินเราฟรีๆ โดยไม่ต้องทำอะไรให้เขาหรอก แม้แต่พ่อแม่จะให้มรดกลูกก็ยังต้องดูความประพฤติที่เราเคยทำไว้แก่ท่าน ของฟรีไม่มีในโลก ล้วนต้องลงแรง ลงใจ แลกเปลี่ยนกัน

    ไปทำงานก็นำความรู้ความสามารถที่มีนั้น ไปแลกเงินมาเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการครองชีพ งานที่ทำก็ใช่ว่าจะหนักหรือยุ่งทุกวัน เพื่อนร่วมงานก็ใช่ว่าจะงี่เง่าทุกวัน รู้จักวางอารมณ์ของตนให้เป็นปกติ ทำงานด้วยความรัก จะไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อยกับมันเลย

    วิธีระบายความเครียดง่ายๆ หายใจเข้าลึกๆ สุดที่ท้อง แล้วค่อยๆ ผ่อนลมออกเบาๆ ให้สุดปลายจมูก หายใจเข้าออกอย่างนั้นสัก 3-4 ครั้ง จะเห็นว่าอารมณ์เครียดที่เป็นอยู่จะค่อยๆ ผ่อนเบาลง หรือหายไป

    สู้ๆ นะ มนุษย์เงินเดือน:D
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  14. อนัตตา

    อนัตตา เล่นกับเงา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2015
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +1,822
    ครูบาอาจารย์ท่านเคยกระซิบบอกว่า..."ให้ทำตามกำลัง"

    คำว่า "ทำตามกำลัง" นี้ ไม่ใช่เล็กน้อยนะ

    การจะทำอะไรตามกำลังก็แล้วแต่ ขั้นแรกเราจะต้องรู้กำลังของตน การที่จะรู้กำลังของตนได้นั้น เราต้องมีสติปัญญาในการไต่สวน กาย จิต และปัจจัยที่มีอยู่ ที่ได้ทำไว้แล้ว และเมื่อมีเหตุต้องประกอบกุศลกรรมใด จึงปราศจากตัณหา มีเพียงฉันทะ เป็นไปเพื่อมรรคผล มิใช่เพื่อโลกธรรม
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  15. อนัตตา

    อนัตตา เล่นกับเงา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2015
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +1,822
    กายวิเวกก็ดี จิตตวิเวกก็ดี อุปธิวิเวกก็ดีก็รวมลงมาเป็นเอกวิเวกอันเดียวกัน จะบัญญัติหรือไม่ ก็ไม่เป็นปัญหาอะไรนักเลย ที่บัญญัติไว้ก็เพราะเป็นแผนที่ แต่ตัวเนื้อที่จริงๆ แล้วหดตัวเข้ามาเอง หาเอกปัจจุบันวิเวกลงมารวมกันเอง ไม่ได้ต้อนมาฮือๆ ฮาๆ เหมือนโคและกระบือเลย ผู้หวังพ้นทุกข์ในสงสารโดยด่วนโดยแท้จริงจึงจะพูดกันออก บอกกันถูก ปลุกกันได้ ให้กันเป็น มิฉะนั้นแล้วก็จะตรงกันข้ามไปละ

    พระธรรมเป็นของลุ่มลึก แต่จะลึกสักเพียงใด ก็ลึกลงที่ใจ จะตื้นก็ตื้นขึ้นมาที่ใจ ไม่ใช่ลึกตื้นอยู่ที่ดินฟ้าอากาศ ลม ไฟ น้ำภายนอก ผู้มีสติปัญญาอยู่กับใจย่อมขุดถึงใจถึงธรรม ไม่หนีจากธรรมจากใจ ไม่หนีจากใจจากกรรมไปได้ ถ้าหาก็หาอยู่ทั่วที่ธรรม ที่ธรรมที่ใจ ถ้าเห็น ก็เห็นอยู่ที่ใจที่ธรรม ที่ธรรมที่ใจ ทวนไปมาอยู่นี้....

    หลวงปู่หล้า เขมปัตโต
    _/|\_ _/|\_ _/|\_
     
  16. อนัตตา

    อนัตตา เล่นกับเงา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2015
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +1,822
    ก๊อปมาแปะที่นี่ก่อน:D

    ธาตุ ๑๘ ได้แก่

    ๑. จักขุธาตุ (ธาตุคือตา)
    ๒. รูปธาตุ (ธาตุคือรูป)
    ๓. จักขุวิญญาณธาตุ (ธาตุคือความรู้สึกทางตา)

    ๔. โสตธาตุ
    ๕. สัททธาตุ
    ๖. โสตวิญญาณธาตุ

    ๗. ฆานธาตุ
    ๘. คันธธาตุ
    ๙. ฆานวิญญาณธาตุ

    ๑๐. ชิวหาธาตุ
    ๑๑. รสธาตุ
    ๑๒. ชิวหาวิญญาณธาตุ

    ๑๓. กายธาตุ
    ๑๔. โผฏฐัพพธาตุ
    ๑๕. กายวิญญาณธาตุ

    ๑๖. มโนธาตุ
    ๑๗. ธัมมธาตุ
    ๑๘. มโนวิญญาณธาตุ

    ความหมายของคำว่าธาตุ
    ธาตุ ตามตัวอักษรแปลว่า ทรงไว้ หมายความว่า ปรุงแต่ง คือ ปรุงทุกข์ให้เกิดขึ้นในวัฏฏสังสาร อีกอย่างหนึ่ง คำว่า ธาตุ ท่านหมายถึงธรรมชาติอันหาชีพมิได้ ดังคำว่า พระผู้มีพระภาคทรงแสดงธาตุเพื่อถอนสัญญาอันหมายว่ามีชีพ ในคำว่า ฉธาตุโร อยํ ภิกฺขุ ปุริโส (ดูก่อนภิกษุ บุคคลนี้มีธาตุ๖)

    #สาระสำคัญแห่งวิสุทธิมรรค
     
  17. อนัตตา

    อนัตตา เล่นกับเงา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2015
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +1,822
    อายตนธาตุนิทเทส

    อายตนะ

    อายตนะ คือที่ต่อ
    แบ่งเป็น ๒ ส่วนใหญ่ คือ

    อายตนะภายใน ๖ และ
    อายตนะภายนอก ๖
    รวมเป็นอายตนะ ๑๒ ได้แก่

    อายตนะภายใน อายตนะภายนอก
    ตา รูป
    หู เสียง
    จมูก กลิ่น
    ลิ้น รส
    กาย โผฏฐัพพะ
    (สิ่งที่ถูกต้องได้)
    ใจ ธัมมารมณ์
    (เรื่องราวที่เกิดขึ้นกับใจ)


    ความจริง คำว่าอายตนะนี้มีความหมายหลายอย่างเช่น

    ๑. หมายถึงสถานที่พัก เช่น คำว่า อิสสรายตนะ (ที่พักของผู้ยิ่งใหญ่)

    ๒. หมายถึงบ่อเกิด เช่น สุวรรณายตนะ (บ่อเกิดแห่งทอง-บ่อทอง)

    ๓. หมายถึงที่ประชุม เช่น คำว่า มโนรเม อายตเน เสวนฺติ นํ วิหงฺคมา (นกทั้งหลายย่อมพอใจในที่ประชุมอันน่ารื่นรมย์)

    ๔. หมายถึงถิ่นเกิด เช่น คำว่า ทกฺขิณาปโถ คุนฺนํ อายตนํ (ชนบททักษิณาปถะเป็นถิ่นเกิดของโคทั้งหลาย)

    ๕. หมายถึงเหตุ เช่น คำว่า ตตฺร ตตฺเรว สกฺขิภพฺพตํ ปาปุณาติ สติ สติ อายตเน (เมื่อเหตุมีอยู่ถึงความเป็นผู้ควรเพื่อเป็นพยานในธรรมนั้นๆ)

    แต่อายตนะที่หมายถึงในที่นี้ หมายเอาเครื่องเชื่อมโยงระหว่างตากับรูป เป็นต้น คล้ายๆว่าตาเป็นที่พำนักแห่งรูป

    ความจริงอายตนะ ๑๒ เมื่อว่าโดยย่อก็มีเพียง ๒ เท่านั้น คือ นามและรูป อายตนะคือใจ (มนายตนะ) เป็นนาม นอกนั้นเป็นรูป
     
  18. อนัตตา

    อนัตตา เล่นกับเงา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2015
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +1,822
    ….เหนื่อยจนตาย ไม่ได้อะไร…….

    “…ที่ไหนๆ ในโลก ไม่ว่าประเทศไทย หรือในต่างประเทศ จะพบว่ามีบ้านเรือนที่อยู่อาศัยที่หรูหราใหญ่โตสวยงามให้เห็นกันอยู่มากมาย และถ้าจะถามว่า จิตใจของบุคคลที่อยู่ที่อาศัยในบ้านเรือนที่สวยงามเหล่านั้น จะมีความเยือกเย็นเป็นสุขกว่าใจของคนอื่นๆ ที่มีฐานะต่ำกว่าเขาหรือไม่ ก็คงจะตอบได้ว่า ไม่แน่เสมอไป

    ทั้งนี้ก็คงเพราะว่าเรื่องของวัตถุนั้น ไม่ใช่เป็นสิ่งที่จะก่อให้เกิดความสงบที่แท้จริงให้กับคนเราได้ วัตถุไม่ใช่สิ่งที่จะมาชำระล้างจิตใจของมนุษย์ได้ บ้านเรือนที่หรูหราจึงไม่ใช่เครื่องหมายที่จะบอกได้ว่า ผู้คนที่อาศัยอยู่ในบ้านหลังนั้นมีจิตใจสงบมากน้อยเพียงไร

    สุข ทุกข์ อยู่ที่ใจ อยู่ที่ไหน ถ้าใจมันสงบระงับได้ มันก็เป็นสุขได้ ฉะนั้น การฝึกอบรมใจจึงเป็นสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าสิ่งใด ถ้าจิตใจมีแต่ความยึดถือหลงใหลในสิ่งต่างๆ อยู่อย่างถอนตัวไม่ขึ้น จิตใจก็จะมีแต่ความเดือดร้อนวุ่นวายอยู่ตลอดไป ที่ยุ่งเหยิงวุ่นวายกันอยู่ทุกวันนี้ก็เพราะเรื่องของกาย เรื่องของใจทำงานอะไรก็เพื่อกาย เพื่อใจ ทั้งนั้น วิ่งวุ่นกันอยู่ตั้งแต่วันเกิดจนวันตาย ก็เพราะเรื่องของกายกับใจ

    คนเรามัวแต่วุ่นวายในงานต่างๆ ทั้งกลางวันกลางคืน โดยส่วนใหญ่ก็เป็นงานภายนอก งานสะสมสร้างฐานะของแต่ละบุคคลทั้งนั้น วุ่นวายจนนั่งไม่ติด เดินไม่ตรง หรือนอนไม่หลับกันไปก็มี เหล่านี้ก็เพราะความยึดถือนั่นแหละเป็นตัวการสำคัญ เช่น เกิดยึดถือว่า เราจะมีฐานะสู้เขาไม่ได้ ถ้าจะถามว่าสู้ใคร มันก็มีคนที่มีฐานะดีกว่าเราให้เปรียบเทียบเสมอนั่นแหละ

    เมื่อไรจะรู้สึกว่าฐานะตัวดีพอที่จะหาความสุขกับมันได้จริงๆ บ้าง ใครมีความพอได้ คนนั้นก็จะมีความสุขได้ พอจริงก็สุขจริง พอได้มากก็สุขได้มาก หัดวางเสียบ้าง หัดวางเสียหน่อย ก่อนที่สังขารจะบังคับให้วางก่อนที่ความเฒ่าชรา และความตาย หรือโรคร้ายจะเป็นผู้บังคับให้วาง ถ้ายังไม่หัดวางจะเป็นผู้ที่เหนื่อยจนตาย แล้วก็ขนอะไรไปด้วยไม่ได้เลยในที่สุด…”

    เทศนาธรรมคำสอน..พระอาจารย์สิงห์ทอง ธมฺมวโร
    _/|\_ _/|\_ _/|\_
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  19. อนัตตา

    อนัตตา เล่นกับเงา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2015
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +1,822
    นิสัย 7 อย่างของคนใจแคบ รู้แล้วควรถอยออกมา

    ในชีวิตของเราต้องพบเจอคนมากมาย บางคนก็ดีจนน่าคบหา แต่บางคนก็มีนิสัยไม่น่าคบเอาเสียเลย แล้วคนประเภทไหนกันละที่ไม่น่าคบหา วันนี้เรามีนิสัยของคนที่ไม่น่าคบหามาฝากกัน หากรู้กันแล้วก็ถอยออกมาให้ห่างเลยนะ เพราะคนเหล่านี้ยิ่งคบก็ยิ่งเสียเวลาชีวิต ไปดูกันดีกว่าว่ามีคนแบบไหนบ้าง
     
  20. อนัตตา

    อนัตตา เล่นกับเงา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2015
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +1,822
    1. มองว่าคนอื่นโง่กว่า คนใจแคบ มักจะมีความคิดที่ว่า คนอื่นๆ ที่ได้พูดคุยด้วย มักจะมีความคิดที่ด้อยหรือโง่กว่าตัวเองเสมอและมักจะคิดเข้าข้างตัวเองว่า เก่งกว่าคนอื่น

    2. ยึดความคิดตัวเองเป็นหลัก อันที่จริงมนุษย์เราก็ยึดความคิดตัวเองเป็นหลักกันแทบทั้งนั้น แต่สำหรับคนใจแคบจะยึดความคิดตัวเองเป็นใหญ่โดยที่ไม่ฟังไม่สนความคิดเห็นใดๆ ของใครเลย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตามแต่ ทั้งที่ตัวเองรู้หรือไม่รู้และเชื่อว่าความคิดตัวเองนี่แหละถูกต้องแล้ว และคุณจะไม่ชอบเลยถ้าใครมาแย้งความคิดของคุณ
     

แชร์หน้านี้

Loading...