ติดตามสถานะการณ์

แบ่งปันจาก Roundtable Thailand

สหรัฐฯ อาจ ‘เบี้ยวหนี้’ จีน
หลังกล่าวโทษจีนเรื่องไวรัสระบาด
พร้อมระบุจีนต้องชดใช้ความเสียหาย

นักวิเคราะห์จากสำนักข่าวรอยเตอร์ตั้งข้อสังเกตว่า รัฐบาลสหรัฐกำลังหารือถึงความเป็นไปได้ในการไม่จ่ายหนี้พันธบัตรดอลลาร์ที่จีนถือครอง ภายหลังผู้นำรัฐบาลสหรัฐฯ ออกมาประสานเสียงกล่าวโทษจีนเรื่องการระบาดไวรัสโควิด-19 พร้อมระบุว่าจีนต้อง ‘ชดใช้ความเสียหาย’ ที่เกิดขึ้นทั้งหมด

นักวิเคราะห์มองว่า รัฐบาลสหรัฐฯ อาจไม่ใช้วิธีในการปฏิเสธการจ่ายหนี้โดยตรง แต่จะเลี่ยงไปใช้อุบายในการจัดการกับลูกหนี้ที่ตัวเองต้องการเท่านั้น เช่น สหรัฐฯ อาจสั่งการให้ธนาคารในสหรัฐฯ ยุติการจ่ายดอกเบี้ยให้กับบัญชีที่รัฐบาลจีนถือครองอยู่

อีกทางหนึ่งคือ การที่สหรัฐฯ ออกกฎหมายเพื่อแช่แข็งหรือยึดทรัพย์สินในบัญชีทั้งหมดของจีนในสหรัฐฯ และประเทศพันธมิตร เช่นเดียวกับประเทศที่สหรัฐฯ ทำการคว่ำบาตรอย่าง อิหร่านและเกาหลีเหนือ มาตรการดังกล่าวจะทำให้นานาชาติไม่ออกมาโวยวาย เนื่องจากรัฐบาลสหรัฐฯ จะเล่นงานเฉพาะเป้าหมายที่ต้องการ แต่ยังคงจ่ายหนี้คืนให้กับรัฐบาลชาติอื่น ๆ อยู่ต่อไป

ภายใต้กฎหมายทางเพื่อควบคุมเศรษฐกิจในภาวะฉุกเฉินในปี ค.ศ. 1977 ระบุว่า เจ้าหน้าที่รัฐบาลสหรัฐฯ มีอำนาจออกคำสั่งให้ดำเนินการใด ๆ ก็ได้กับทรัพย์สินของประเทศที่สหรัฐฯ เห็นว่าเป็น “ภัยคุกคาม” ต่อสหรัฐฯ โดยอำนาจในกฎหมายรวมถึงการปิดกั้นการโอนย้ายหรือการทำธุรกรรมทางการเงิน

ในขณะที่รัฐบาลสหรัฐฯ ประกาศว่าโควิด-19 ถือเป็นภาวะฉุกเฉินระดับชาติ และที่ผ่านมาผู้นำระดับสูงของรัฐบาลสหรัฐฯ ทั้งนายโดนัลล์ ทรัมป์ และรัฐมนตรีต่างประเทศ ไมค์ ปอมเปโอ ต่างกล่าวโทษว่าจีนต้องรับผิดชอบต่อการระบาดของไวรัสโควิด-19

ซึ่งเปิดช่องให้สหรัฐฯ อ้างได้ว่าประเทศของตนกำลัง “ถูกโจมตี” จากต่างชาติ ทำให้ประธานาธิบดีมีสิทธิออกคำสั่งจัดการทรัพย์สินของประเทศที่เป็นศัตรูของสหรัฐฯ ได้

ในอดีต ประธานาธิบดี จิมมี คาร์เตอร์ ได้ใช้กฎหมายดังกล่าวในการอายัดทรัพย์สินของอิหร่านทั้งหมดในปี ค.ศ. 1979 ส่วนนาย บารัก โอบามา เคยใช้กฎหมายดังกล่าวกับประเทศเวเนซูเอลา ในขณะที่ทรัมป์ ขู่ว่าจะใช้กฎหมายดังกล่าว และสั่งห้ามไม่ให้บริษัทสัญชาติอเมริกัน ลงทุนในประเทศจีนอีกต่อไป

ที่มา:
- https://www.reuters.com/article/us-...tually-shirk-its-debts-to-china-idUSKBN22G05Q
- https://www.washingtonpost.com/business/2020/04/30/trump-china-coronavirus-retaliation/
- https://foreignpolicy.com/2020/05/05/trump-pandemic-making-china-pay/

#roundtablethailand
Roundtablethailand.com

 

แบ่งปันจาก Roundtable Thailand

7 พฤษภาคม 2563 พล.อ.ท.พงษ์ศักดิ์ เสมาชัย โฆษกกองทัพอากาศ เปิดเผยว่า จากกรณีที่มีการตรวจพบคนขับรถแท็กซี่ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จากการสัมผัสกับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ทำให้ประชาชนขาดความมั่นใจในการใช้บริการรถแท็กซี่ ส่งผลให้มีผู้ใช้บริการรถแท็กซี่ลดลง คนขับรถแท็กซี่มีรายได้ลดลง จนอาจทำให้สหกรณ์หรืออู่ที่ให้บริการเช่าแท็กซี่อาจต้องปิดกิจการไป

โฆษกกองทัพอากาศ กล่าวว่า วันนี้ พล.อ.ต.กิจสม พันธุ์โกศล รองเจ้ากรมช่างอากาศ เป็นผู้แทนผู้บัญชาการทหารอากาศ มอบอุปกรณ์ป้องกันการแพร่เชื้อโควิด-19 ในรถแท็กซี่ หรือ Taxi Bulkhead Barrier ให้แก่ สหกรณ์แท็กซี่ทองคำสุวรรณภูมิ อู่แท็กซี่บางซ่อน อู่แท็กซี่ประดิพัทธ์ อู่เจ๊อร พระราม 5 และบริษัท เอกราช ทรานสปอร์ต จำกัด ซึ่งกองทัพอากาศได้จัดสร้างเป็นต้นแบบเพื่อนำไปผลิตเองในต้นทุนต่ำและติดตั้งใช้งานในรถแท็กซี่ ซึ่งสามารถติดตั้งและถอดได้ง่าย รวดเร็ว (Quick De-Assembly) โดยไม่ต้องดัดแปลงตัวถังรถและอุปกรณ์เดิมของรถ ลดโอกาสในการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้ใช้บริการแท็กซี่และคนขับแท็กซี่ ในโอกาสนี้ทีมวิศวกรกรมช่างอากาศได้มอบแบบพิมพ์เขียวให้สหกรณ์หรืออู่แท็กซี่ เพื่อนำไปผลิตใช้งานและพัฒนาต่อยอดในอนาคตด้วย

สำหรับอุปกรณ์ป้องกันการแพร่เชื้อโควิด-19 ในรถแท็กซี่ หรือ Taxi Bulkhead Barrier ที่จัดสร้างโดยกรมช่างอากาศใช้โมเดลรถ Toyota Altis 2017-2018 เป็นแม่แบบการผลิต โครงสร้างหลักทำจากแผ่นโพลิคาร์บอเนต ซึ่งเป็นพลาสติกที่มีความโปร่งใส แข็งแรง ต้านทานการขีดข่วนได้ดี ติดตั้งพัดลมดูดอากาศไปและกลับ รวม 6 ตัว ทำให้มีการหมุนเวียนของอากาศระหว่างห้องคนขับกับห้องผู้โดยสารเป็นอย่างดีและไม่มีเสียงรบกวน พร้อมติดตั้งชุดกรองอากาศ HEPA (High Efficiency Particulate Air Filter : HEPA) ซึ่งสามารถกรองฝุ่นละอองที่มีขนาดอนุภาคใหญ่กว่า 0.3 ไมครอน เชื้อโรค ไวรัส แบคทีเรีย จากละอองฝอยสารคัดหลั่งทางน้ำลายที่ล่องลอยอยู่บนอากาศ โดยอุปกรณ์ดังกล่าวสร้างขึ้นโดยใช้วัสดุจากภายในประเทศที่หาซื้อได้ทั่วไป มีต้นทุนการผลิตประมาณ 2,700 บาทเศษต่อชุด

ทั้งนี้กองทัพอากาศมีความมุ่งมั่นที่จะใช้ขีดความสามารถของบุคลากร เครื่องมือและอุปกรณ์ของกองทัพอากาศ ในการประดิษฐ์คิดค้นนวัตกรรมที่ใช้งานได้จริง มีประสิทธิภาพและต้นทุนต่ำ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ตลอดจนช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบดังกล่าวด้วย

#roundtablethailand
Roundtablethailand.com

 

แบ่งปันจาก เดือดทะลักจุดแตก

แชมป์บอลโลกสมัยที่ 3 ยังไม่มา แต่ “ล้มละลาย” ครั้งที่ 9 ในประวัติศาสตร์กำลังจะมา!!!

คืบคลานเข้าหาอาร์เจนตินาอยู่แค่เอื้อม! 22 พฤษภาคมนี้ อาจไม่คลาดแคล้ว!

การเจรจาให้เจ้าหนี้เมตตา ‘ลดละ’ และ ‘ผัดผ่อน’ ไม่เป็นผล … เส้นตายสุดท้ายคือวันนี้ (วันศุกร์ที่ 8) ถูกปล่อยให้ล่วงผ่านไปโดยไม่ไยดี

.

อาร์เจนฯ ติดหนี้ทั้งหมดมูลค่า 6.5 หมื่นล้านดอลลาร์ และที่กำลังงวดเข้ามาร่ำๆ คือ วันที่ 22 นี้ ต้องจ่ายดอกเบี้ย 500 ล้านดอลลาร์

ปกติ ก็ “บ่อจี๊” อยู่แล้ว ดันมาเจอโรคระบาดให้ “เจ๊กอั๊ก” ซ้ำเข้าไปอีก … เอาตังค์ที่ไหนมาจ่าย จะไปสวดขอพรให้มาราโดนาใช้ “หัตถ์พระเจ้า” เนรมิตเสกเงินขึ้นมาหรือไรจ๊ะ

อาร์เจนตินาเว้าวอนเจ้าหนี้ ขอลดดอกเบี้ยได้ไหมเล่าเออ และยังขอเลื่อนเวลาจ่ายด้วยนะเออ (ลดดอก 62% เลื่อนจ่ายไปอีก 3 ปี)

ไม่ได้!!! คำตอบชัด

แล้วจะให้อาร์เจนฯ ทำไง … ก็ต้องเข้าสู่สถานะยอดนิยม “ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย”!!!

ก็คงอยากหนี แต่มันย้ายประเทศหนีเข้าหลบในป่าอเมซอนได้ที่ไหนกันล่ะ!

---

สิ่งที่อาร์เจนฯ ขอนี้ เรียกว่า “แฮร์ คัต” (แปลแบบตรงตัวว่า “ตัดผม”) คือ หั่นหนี้ลงดื้อๆ

แล้วทำไมเจ้าหนี้ถึงต้องยอม? บางทีก็ยอมเพราะว่า ‘ลดหนี้’ ย่อมดีกว่าโดน ‘เบี้ยวหนี้’ … เพราะมองแล้วว่าลูกหนี้ไม่มีปัญญาใช้คืนจริงๆ --- กำขี้ดีกว่ากำตด ว่างั้น (แม้ก้อนขี้จะเล็กกระจิ๋วหลิวลงก็ตามที)

ในกรณีนี้ แสดงว่าเจ้าหนี้รายใหญ่ (พวกกองทุนน่ะแหละ เช่น “แบล็คร็อค” กองทุนใหญ่สุดในปฐพี) มองว่าอาร์เจนฯ ยังมีศักยภาพพอจะจ่ายได้ตอนนี้อยู่ แต่พยายามเลี่ยง เพราะต้องเน้นเอาเงินมาแก้วิกฤติเศรษฐกิจจากพิษโรคร้ายซะก่อน

.

เกิดเป็นเจ้าหนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นใจใครนะครับท่าน … แถมพวกกองทุนยิ่งต้องฝักใฝ่แต่กำรี้กำไร ไยต้องแยแสสนใจชะตากรรมผู้อื่น …

ยิ่งไปกว่านั้น กลัวว่ายิ่งผ่านไปๆ อาร์เจนฯ จะยิ่งแย่ ยิ่งเงินขาดมือ ใช้หนี้ยากขึ้น

เอาได้ตอนนี้ ก็ต้องรีบเอา … ฟันดาบนี้เลย ไม่ต้องรอถึงดาบหน้า! โชะ!

ไม่ต้องมา “ปรับโครงสร้างหนี้” พิรี้พิไรให้วุ่นวาย จ่ายมาซะดีๆเลย ณ บัดนี้!

.

อาร์เจนฯ ยังมีเวลายื่นข้อเสนอ เจรจาต่อรองใหม่ … จนกว่าจะถึงวันที่ 22 พฤษภาคม

แต่ถ้าไม่ได้อีก … ก็แปลว่า ประเทศจะ “ผิดนัดชำระหนี้” และเข้าสู่ภาวะ “ล้มละลาย” … อย่างที่เคยเกิดขึ้นเมื่อ 19 ปีที่แล้ว

https://www.cnbc.com/2020/05/07/arg...-set-to-default-citing-covid-19-pandemic.html

https://uk.reuters.com/article/us-a...-ditch-push-for-65-billion-deal-idUKKBN22J3I0

 

แบ่งปันจาก เดือดทะลักจุดแตก

มาตรแม้นเกรียงไกรเพียงใด ทุกอาณาจักรย่อมมีวันล่มสลาย … โรมัน กรีก ฯลฯ ประวัติศาสตร์มีให้เห็น

ดอลลาร์เล่า? หรืออาจไม่มีวันนั้น … ?

โลกเราไม่เคยประสบพบเจอการหลั่งไหลของมวลมหาดอลลาร์ระดับมหึมาขนาดนี้มาก่อน กระทั่งโดนโควิด-19 ทุบจน “เขื่อนแตก” … และแล้ว ดอลลาร์ก็พวยพุ่งยิ่งกว่า “น้ำป่าไหลหลาก”

คิดดู รัฐบาลอเมริกาผนึกกำลังกับแบงค์ชาติ (เฟด) หมุนคันโยก ปั๊มเงินเข้าไปรวมกันตั้ง 4.5 ล้านล้านดอลลาร์!! (โปรดเบิ่งตาดูให้ดี “ล้านล้าน” --- มีคำล้าน 2 ตัว)

.

ยิ่งของมีมากเข้าๆ ก็ยิ่งเกร่อ ค่าของมันจะน้อยลงๆโดยธรรมชาติ

‘ด้อยค่า’ แบบนี้ หมายความว่า ‘อำนาจซื้อ’ จะลดลง --- ว่าง่ายๆก็คือ ข้าวของแพงขึ้น เพราะ ‘ราคา’ ของเงินมันตกต่ำลงไปเอง … เงินเท่าเดิม แต่แลกได้ของมาน้อยกว่าเดิม --- นี่เองที่คนจีบปากจีบคอเรียกกันให้โก้ว่า ภาวะ “เงินเฟ้อ”

(นึกภาพถึงอาการท้องอืดท้องเฟ้อ … มันจุกมันแน่นไปหมด ยัดมาอีกก็ไม่มีความหมายแล้ว เพราะมัน ‘เกิน’ คำว่าอิ่มไปแล้ว มีแต่จะ ‘อ้วก’!)

.

อ้าว แล้วทำไมตอนนี้ดอลลาร์ยังแข็งโป๊ก?

แข็งสุดๆเลยครับท่าน ดัชนีเงินดอลลาร์ (เทียบกับเงินสกุลหลักอื่นๆที่ยัดมารวมกันในตะกร้า) พุ่งปรี๊ด … ทำไม?

1. เงินที่อัดฉีดเข้ามามันยังไม่ ‘หมุนเวียน’ ในระบบ … “น้ำป่า” ถูก “หินผา” ขนาดยักษ์กีดขวางกั้นทางไหลให้มันตีบลง

โควิด-19 ไม่อนุญาตให้มนุษย์หน้าไหน ไม่ว่าจะอเมริกาหรือเอธิโอเปียได้จับจ่ายใช้สอย ได้แต่นอนกอดเงินไว้ก่อน รอใช้หนี้ตอน ‘เปิดเมือง’

เงินยังห่างไกลจากคำว่า ‘เฟ้อ’ … ท้องยังร้องยังว่าง หิวเงินรอเงินมาเติมด้วยซ้ำ

.

2. อเมริกายอดติดเชื้อสูงสุด ตามตรรกะแล้วสถานะดอลลาร์ควรต้อง ‘สั่นคลอน’ เพราะถูกกระทบจากความบรรลัยของประเทศ แถมเงินก็พึงมี ‘แนวโน้ม’ อ่อนค่า ก็พี่ล่อทั้งหว่านทั้งโปรยมามากมายก่ายกองขนาดนี้ … แต่ที่ไหนได้ ยิ่งชาวโลกหวาดผวาแตกตื่น กลัว “โรคระบาด” กลับยิ่งแห่กระโจนเข้าไปเกาะ “สินทรัพย์” ที่ ‘มั่นคงปลอดภัย’ อย่าง ทอง และ … หนีไม่พ้นดอลลาร์!!!

ในกระแสสำนึกของผู้คน ถ้าจะควานหาเงิน ก็ต้องหยิบดอลลาร์ไว้ก่อน!

.

ทว่าการณ์จะแตกต่างออกไปหลังจบโควิด-19

ไม่มีอะไรมา ‘ชะลอ’ การพรั่งพรูของดอลลาร์อีกต่อไป … น้ำป่าฝ่าหินผามาแล้ว ที่เหลือจากนั้น ก็ ‘ทางสะดวก’ ได้เวลาท่วมถล่มทั้งโลก

สินค้าส่งออกของอเมริกา ไม่ใช่มันสำปะหลัง ไขควง กรรไกรตัดเล็บ แต่คือ “ส่งออกเงินเฟ้อ”!!!

ดอลลาร์จะกระจายจากอเมริกาแพร่ไปทุกแห่งหน

อย่าลืมว่าที่อั้นไว้นาน กำลังรอเวลาระเบิด …

ตอนนี้ ไม่ใช่แค่คนว่างงานที่แห่ไปขอรับสวัสดิการ สามสิบกว่าล้านคนในเวลาแค่เดือนกว่า แต่คนนอนอยู่บ้านเฉยๆก็ได้ตังค์ คนละ 1,200 ดอลลาร์ เด็กปั้นดินน้ำมันอยู่บ้านยังได้ค่าของเล่นคนละ 500 ดอลลาร์เลย

ออกจากบ้านได้เมื่อไหร่ อย่าให้เซ่ด!

(ที่จริงมีเกณฑ์ ได้ลดหลั่นกันไปตามขั้นบันไดความรวย และรวยเกินเพดานก็ไม่ได้)

.

“อุทกภัย” แห่งดอลลาร์กำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้า … เงินย่อม ‘ด้อยค่า’ (ตามเงินเฟ้อ) และ ‘อ่อนค่า’ (ตามอัตราแลกเปลี่ยน) อย่างยากจะเลี่ยง … แต่ด้อยแค่ไหน อ่อนเพียงใด ยังบอกไม่ได้

ถ้า ‘ความหมาย’ ของดอลลาร์มันไม่หนักไม่แน่นเท่าเดิม แล้วคนยังจะถือมันอยู่ไหม?

ถ้าไม่ถือดอลลาร์ แล้วจะให้ถืออะไรล่ะ?

ยุโรปก็อัด ญี่ปุ่นก็อัด อังกฤษก็อัด ฯลฯ มันก็ด้อย ก็อ่อนกันหมดแหละ

(ใครอ่อนกว่าใคร ไม่ได้อยู่ที่ใครอัดมากกว่าใครถ่ายเดียว แต่อยู่ที่ตอนฟื้น ว่าเศรษฐกิจใครฟื้นแรงและเร็วกว่ากันด้วย ยิ่งฉิวก็ยิ่งแข็งขึ้น)

.

คือต่อให้ดอลลาร์มันอ่อนระโหยโรยแรง แต่ถ้ายังต้องถือเงิน ท่านจะเลือกอย่างอื่นนอกเหนือจากดอลลาร์หรือ … ?

เว้นแต่มีทางเลือกใหม่ไปเลย … อะไรล่ะ?

รึว่า “ดิจิตอล หยวน”!?!?!? … อืมม์ เหล้าเก่าในขวดใหม่หรือเปล่า? ขวดช่วยให้เหล้าอร่อยขึ้นไหม? มันจะมีดีพอหรือไร?

หรือสุดท้าย ก็เปล่าประโยชน์ … โปรดติดตามตอนต่อไป

---

หมายเหตุ

ส่วนหนึ่ง เอามาจากการสนทนากับนักเศรษฐศาสตร์ชั้นนำของประเทศ อักษรย่อ จ. เมื่อ 2-3 วันก่อน

เอิ่ม … นักเศรษฐศาสตร์ผู้นั้นก็จบจากอเมริกาอภิมหาอำนาจ!

 

แบ่งปันจาก MOREMOVE

#มอร์มูฟเป็นข่าว มิตรภาพแห่งชานมสำแดงฤทธิ์!! ชาวฮ่องกงชวนลงชื่อเรียกร้องให้รัฐบาลสหรัฐฯช่วยยับยั้งจีนสร้างเขื่อนในแม่น้ำโขงตอนบน พร้อมติดแฮชแท็ก #MilkTeaAlliance (พันธมิตรชานม) สะท้อนความร่วมมือจากโลกทวิตเตอร์สู่โลกจริง โยงแฮชแท็ก #พันธมิตรชานม ที่ชาวเน็ตฮ่องกง ไต้หวัน ไทย เคยผนึกกำลังถกเถียงกับจีน โดยระบุว่า การลงชื่อครั้งนี้เป็นการช่วยเหลือพี่น้องชาวอาเซียนต่อต้านการแผ่ขยายอิทธิพลของจีน โดยผู้ที่สนใจสามารถเข้าไปลงชื่อได้ที่เว็บไซต์ petitions.whitehouse.gov

การรณรงค์ยับยั้งโครงการสร้างเขื่อนในแม่น้ำโขงตอนบนได้อ้างอิงถึงรายงานวิจัยฉบับใหม่ที่ชี้ว่า จีนซึ่งเป็นประเทศต้นกำเนิดของแม่น้ำโขง มีระดับน้ำในแม่น้ำโขงตอนบนที่ไม่ได้ลดลงเหมือนประเทศอื่นๆ เพราะเขื่อนในจีนกักเก็บน้ำและจำกัดการไหลของน้ำจนระดับน้ำในแม่น้ำโขงตอนล่าง ซึ่งอยู่ในประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อื่นๆ รวมถึงไทย ลดต่ำลงเป็นประวัติการณ์ในช่วงที่ผ่านมา ทั้งนี้ ประเด็นดังกล่าวเปิดให้ร่วมลงชื่อตั้งแต่วันที่ 16 เม.ย.ที่ผ่านมา มีผู้ร่วมลงชื่อแล้วกว่า 58,751 รายในวันที่ 7 พ.ค. และการรวบรวมรายชื่อจะสิ้นสุดในวันที่ 16 พ.ค.นี้ ตามเวลาท้องถิ่นสหรัฐฯ.
---------------------------------------------
อ่านต่อ : https://www.voicetv.co.th/read/3dNM...6ipIxtyEgc7Wk10X9qiuYa6nqI0TLLmZGJ-SgR8gV2NXI

 

คุณพระ!!! แอดมินนี่คือต้องกรี้ดดดดดดดด!!!! เมื่อทีมนักวิจัยชาวจีนซึ่งทำการตรวจสอบสเปิร์มหรืออสุจิของคนไข้ชายที่ป่วยด้วยโรค COVID-19 พบว่า น้ำอสุจิของผู้ป่วยบางรายในกลุ่มนี้มีสารพันธุกรรม RNA ของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ปะปนอยู่ ซึ่งแสดงว่าเชื้อไวรัสดังกล่าวสามารถเข้าสู่อวัยวะสืบพันธุ์อย่างอัณฑะ ทำให้มีความเสี่ยงที่โรค COVID-19 อาจจะติดต่อกันทางเพศสัมพันธ์ได้

 

แบ่งปันจาก MOREMOVE

#มอร์มูฟเป็นข่าว พร้อมช้อปกันหรือยัง!!??? ล่าสุด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ให้สัมภาษณ์ถึงมาตรการคลายล็อกกิจการรวมทั้งห้างสรรพสินค้าในระยะที่สอง ในวันที่ 17 พฤษภาคมนี้ว่า วันที่ 17 พฤษภาคมนี้คิดไว้เช่นนั้น ทั้งนี้ ต้องขอบคุณทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนที่ร่วมมือร่วมใจกันปฏิบัติตามมาตรการการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 จนทำให้ตัวเลขการติดเชื้อรายใหม่อยู่ในตัวเลขหลักเดียวติดต่อกันมาหลายวันแล้ว อย่างไรก็ตาม ขอให้ประชาชนอดทนกันอีกสักนิด เพราะรัฐบาลกำลังเร่งแก้ปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 รวมทั้งกำลังพิจารณามาตรการคลายล็อกกิจการและธุรกิจในระยะต่อไปด้วย

"ยืนยันว่า รัฐบาลจะใช้งบประมาณทุกบาทในการแก้ไขปัญหาเชื้อไวรัส COVID-19 อย่างมีประสิทธิภาพ" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว.
-------------------------------------------------
อ่านต่อ : https://www.matichon.co.th/politics/news_2175641

 

แบ่งปันจาก Gossipสาสุข

“ไทม์ไลน์” กำลังเปลี่ยนใหม่
งานวิจัยใหม่ในอเมริกา พบโควิด – 19
เริ่มระบาดตั้งแต่ปลายปี
•
•
ต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา งานวิจัยใหม่ 2 ชิ้น กำลังเปลี่ยน “ไทม์ไลน์” การระบาดของโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ 2019 ไปโดยสิ้นเชิง จากเดิมที่เชื่อกันว่า เริ่มต้นระบาดจากตลาดปลาในเมืองอู่ฮั่น กระจายไปยังเมืองอื่นๆ ในจีนเดือน ม.ค. และพบผู้ติดเชื้อ “คนแรก” นอกจีน ที่ไทย เมื่อวันที่ 13 ม.ค.
•
กลับกลายเป็นว่า งานวิจัยล่าสุดในอังกฤษ ซึ่งตีพิมพ์ลงในวารสาร Infection, Genetics and Evolution ที่วิเคราะห์ลงลึกไปถึงระดับโครงสร้างทางพันธุกรรม จากเชื้อไวรัสในผู้ป่วย 7,500 คนทั่วโลกนั้น พบว่า เริ่มมีการติดต่อจากคนสู่คน ตั้งแต่ช่วงปลายปี 2019 ที่ผ่านมา รวมถึงมีการ “แพร่ระบาด” ต่ออย่างรวดเร็ว
•
นอกจากนี้ ยังพบข้อมูลใหม่ว่า โคโรนาไวรัส 2019 เริ่มติดต่อผู้คนในยุโรป ในสหรัฐอเมริกา และที่อื่นๆ ทั่วโลกหลายสัปดาห์ หรืออาจจะเป็นเดือน ก่อนที่แต่ละประเทศจะค้นพบเมื่อเดือน ม.ค.-ก.พ.
•
นั่นทำให้เป็นเรื่องยากในการหาผู้ป่วยรายแรกของแต่ละประเทศว่าคือใคร เพราะมีการระบาดล่วงหน้านานหลายเดือนแล้ว
•
ขณะเดียวกัน ยังพบหลักฐานการ “กลายพันธุ์” และหลักฐานในโครงสร้างพันธุกรรม ซึ่งทำให้ไวรัสชนิดนี้ระบาดอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม ยังไม่พบหลักฐานว่าการ “กลายพันธุ์” ได้ทำให้โรคนี้ติดต่อง่ายขึ้น หรือทำให้โรคนี้รุนแรงขึ้น
•
“ข้อมูลนี้ หักล้างความเชื่อเดิมที่นักวิทยาศาสตร์บางคนตั้งสมมติฐานว่าโรคนี้มีมาก่อนอยู่แล้ว เพียงแต่ยังหาไม่เจอ สิ่งที่เราค้นพบจากฐานข้อมูลตัวอย่างไวรัสทั่วโลกก็คือ เราไม่สามารถสืบโรคนี้ ย้อนกลับไปไกลได้กว่าช่วงปลายปีที่แล้วจริงๆ” ฟรองซัวร์ บัลโลว์ จาก University College London Genetics Institute ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว CNN
•
แม้จะเป็นการค้นพบใหม่ แต่ก็อาจไม่ใช่ข่าวดีนัก เพราะนั่นหมายความว่า สิ่งที่เชื่อมาก่อนหน้านี้อีกอย่างเช่น หากไวรัสนี้ระบาดเป็นวงกว้าง กินระยะเวลายาวนานหลายเดือน จนประชากรทั่วโลกติดเชื้อไวรัสนี้ 10% และมี ภูมิคุ้มกันหมู่ หรือ Herd Immunity จนสามารถต่อสู้กับไวรัสได้นั้น ยังไม่เกิดขึ้นจริง และคงไม่เกิดขึ้นง่ายๆ
•
การค้นพบนี้ สอดคล้องกับข้อมูลล่าสุดในฝรั่งเศส ซึ่งแพทย์ได้สืบกลับไปจากตัวอย่างของ “เชื้อไวรัส” ในระบบทางเดินหายใจ จนพบผู้ป่วยรายแรก คือ เอมิรูเช่ แฮมมาร์ พ่อค้าปลาชาวแอลจีเรีย วัย 42 ปี ซึ่ง “แอดมิต” ในโรงพยาบาลทางตอนเหนือของปารีส ตั้งแต่วันที่ 27 ธ.ค. 2019
•
นั่นทำให้ “ไทม์ไลน์” การระบาดในยุโรป ซึ่งเชื่อว่าเริ่มต้นจากการ “ปะทุ” ที่อิตาลี ในช่วงปลายเดือน ก.พ. นั้น เปลี่ยนใหม่ทั้งหมดทันที
•
แฮมมาร์ เข้าแอดมิตที่โรงพยาบาลด้วยอาการไอ แน่นหน้าอก และไข้สูง โดยเข้ารักษาในห้องไอซียู ระหว่าง 27-29 ธ.ค. ด้วยอาการ “ติดเชื้อ” ในระบบทางเดินหายใจ ใช้เวลาไม่นานก็หายดี สามารถออกจากโรงพยาบาลได้
•
หลังโควิด – 19 แพทย์ได้นำตัวอย่างเชื้อในปอดมาทดสอบซ้ำอีกครั้ง ก่อนจะยืนยันผลว่า เชื้อของแฮมมาร์ เป็นเชื้อโคโรนาไวรัส 2019 จริง
•
ที่น่าสนใจก็คือ แฮมมาร์ ไม่เคยมีประวัติเดินทางไปอู่ฮั่น หรือไปจีนเลยก่อนหน้านี้ ส่วนประเทศบ้านเกิดอย่างแอลจีเรียนั้น แฮมมาร์ก็เดินทางกลับไปครั้งสุดท้ายตั้งแต่เดือน ส.ค. 2019
•
นั่นหมายความว่า อาจมีการระบาด และแพร่จากคนสู่คนในฝรั่งเศสแล้วก่อนหน้านั้นในเดือน ธ.ค. เพียงแต่ไม่มีใครรู้มาก่อน..
•
ทั้งนี้ ฝรั่งเศส พบผู้ป่วยโควิด – 19 เคสแรก อย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 24 ม.ค. โดยเป็นผู้ที่มีประวัติเดินทางมาจากจีน
•
อย่างไรก็ตาม แพทย์ในฝรั่งเศสได้สร้างสมมติฐานพบว่า การติดเชื้อของแฮมมาร์ อาจไม่ได้มีเส้นทางยาวไกลอย่างที่คิด โดยการติดเชื้อของแฮมมาร์ อาจมาจากภรรยาของเขา ที่ทำงานในซุปเปอร์มาร์เก็ตใกล้สนามบินนานาชาติชาร์ล เดอ โกล ที่มีเที่ยวบินจำนวนมากมาจากจีน และหลายเที่ยวบินมาจากสนามบินอู่ฮั่น
•
ก่อนที่แฮมมาร์จะป่วย ภรรยาของเขา ก็มีอาการไอ เจ็บคอ เช่นเดียวกัน แต่ไม่ได้มีอาการหนักเท่าเขา..
•
ล่าสุด หัวหน้าคณะที่ปรึกษาด้านวิทยาศาสตร์ของรัฐบาลอังกฤษ แพทริค วอลแลนซ์ ก็ระบุในที่ประชุมกรรมาธิการด้านสาธารณสุขและสวัสดิการสังคม ของรัฐสภาอังกฤษ เช่นเดียวกันว่า จากการวิเคราะห์โครงสร้างพันธุกรรมของเชื้อไวรัสที่พบในอังกฤษช่วงแรก พบว่าเชื้อไวรัส น่าจะไม่ได้มาจากจีน หากแต่มาจากประเทศอื่นในยุโรป เป็นไปได้สูงว่ามาจากอิตาลี และสเปน มากกว่าจะมาจากจีน
•
นั่นทำให้การควบคุมโรคระบาดตอนต้น “ผิดฝาผิดตัว” ไปทั้งหมด เพราะมัวแต่ไปสอบสวนเส้นทางการระบาดจากชาวจีนเท่านั้น ทั้งที่มีการติดต่อจากชาวยุโรปก่อนหน้านั้นแล้ว
•
ทั้งนี้ อังกฤษพบผู้ป่วยโควิด – 19 อย่างเป็นทางการครั้งแรกช่วงปลายเดือน ม.ค. โดยเป็นชาวจีน 2 คน ในเมืองยอร์ค
•
ปัจจุบัน อังกฤษมียอดผู้เสียชีวิตจากโควิด – 19 สูงที่สุดในยุโรปที่ 29,427 คน และกราฟจำนวนผู้ป่วยยังคงสูงขึ้นต่อไป
•
คริสเตียน ลินด์เมียร์ โฆษกองค์การอนามัยโลก บอกว่า การค้นพบดังกล่าวไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร และหากแต่ละประเทศ ย้อนกลับไปค้นประวัติผู้ป่วยที่ป่วยด้วยโรคทางเดินหายใจ กลับไปถึงเดือน พ.ย. - ธ.ค. ปีที่แล้ว ก็อาจค้นพบกรณีแบบเดียวกับในฝรั่งเศส
•
แต่ทั้งหมดนี้ จะทำให้การพยายามหา “ต้นตอ” การระบาด และ “การเมือง” ว่าด้วยการหา “ต้นทาง” ของเชื้อไวรัส ซับซ้อนขึ้นแน่นอน

#COVID19 #โควิด19

อ้างอิงจาก

https://edition.cnn.com/2020/05/05/health/genetics-coronavirus-spread-study/
•
https://www.nytimes.com/2020/05/05/...tion=click&module=Top Stories&pgtype=Homepage
•
https://www.scmp.com/news/china/sci...oronavirus-cases-came-mainly-europe-not-china

 

ฝรั่งเศสย้อนดูภาพสแกนอกผู้ป่วยกว่า 2 พัน พบรอยโรคโควิด-19 ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน

แพทย์ของโรงพยาบาลอัลเบิร์ต ชไวเซอร์ แห่งโคลมาร์ทางตะวันออกของฝรั่งเศสกล่าวในรายงาน (7 พ.ค.) ว่า พวกเขาได้พบหลักฐานว่า ในประเทศฝรั่งเศส มีผู้ป่วย COVID-19 คนแรกๆ ในประเทศ แล้วตั้งแต่ วันที่ 16 พฤศจิกายน

มิเชล ชมิตต์ หัวหน้าเจ้าหน้าที่แผนกเอ็กซเรย์ทางการแพทย์ ที่โรงพยาบาลอัลเบิร์ตชไวเซอร์ ทำการศึกษาย้อนหลังภาพสแกนหน้าอก 2,456 ภาพ ในแผนกของเขา ระหว่างวันที่ 1 พฤศจิกายนถึง 30 เมษายน พบรอยโรคที่แตกต่างกันหลากหลาย

จากการย้อนดูภาพทั้งหมด พวกเขาพบว่ามีภาพที่แสดงถึงรอยโรคลักษณะโควิด-19 ในโรงพยาบาลเมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน ซึ่งเป็นเวลาหลายเดือนก่อนจะพบผู้ป่วยคนแรกของฝรั่งเศสตามรายงานอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 24 มกราคม แต่อุบัติการณ์ระบาดในระยะแรกเป็นไปอย่างเชื่องช้า ๆ จนถึงสิ้นเดือนกุมภาพันธ์จึงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

ตามคำกล่าวของชมิตต์ ยังมีบางกรณีที่มีการแพร่กระจายไปแล้วในภูมิภาคเมื่อต้นเดือนพฤศจิกายน

แพทย์บอกว่าไวรัสแพร่กระจายเป็นระยะ ๆ และการแพร่กระจายเร่งขึ้นในช่วงปลายปี เช่น ช่วงคริสต์มาสการเฉลิมฉลองกับครอบครัวจนกระทั่งการระบาดเกิดขึ้นหลังจากการชุมนุมทางศาสนาในเมืองมูลูสเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

ฌอง-ฟิลิป แมสซอง ประธานสหพันธ์แพทย์รังสีวิทยาแห่งชาติ (FNMR) กล่าวว่าการศึกษานี้มีความน่าเชื่อถือเนื่องจาก COVID-19 มีรอยโรคเฉพาะ 4 รอยโรคและสามารถสังเกตได้จากการสแกนทรวงอก

โรงพยาบาลยังได้ร่วมมือกับศูนย์วิจัยวิทยาศาสตร์แห่งชาติของฝรั่งเศส (CNRS) เพื่อเริ่มการวิเคราะห์ทางระบาดวิทยา ตามข้อมูลทางชีวภาพและบันทึกผู้ป่วยในเพิ่มเติม

อ่าน - https://news.cgtn.com/news/2020-05-...e-date-back-to-November-QjPChuck9y/index.html

 

แบ่งปันจาก คัดข่าว

รัสเซียยังหนัก
.
ในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมาแล้วเสียพบผู้ป่วยโควิด19 รายใหม่ 10,699 ราย นับเป็นครั้งที่ 6 ที่รัสเซียมีผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มถึงระดับ 10,000 ราย
นั้นทำให้รัสเซียมียอดสะสมผู้ติดเชื้อ 187,859 ราย ยอดสะสมผู้เสียชีวิต 1,723 ราย
CR TW #CGTNOfficial

 

แบ่งปันจาก Thailand State

สนธิสัญญา Artemis ถูกร่างขึ้นโดยรัฐบาลสหรัฐฯ
เพื่อปูทางไปสู่การทำเหมืองแร่บนดวงจันทร์
.
ข้อตกลง Artemis เป็นการหาแนวร่วมพันธมิตร
ในแผนการของนาซ่าที่จะส่งมนุษย์และสถานีอวกาศ
ไปดวงจันทร์ในอีก 10 ปี ข้างหน้า
.
รัฐบาลสหรัฐฯได้มองดวงจันทร์เป็นทรัพย์สินทางยุทธ์ศาสตร์
ในอวกาศ สำหรับการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งจะทำให้
ภารกิจไปดาวอังคารนั้นมีความเป็นไปได้มากยิ่งขึ้น
.
สนธิสัญญา Artemis ได้เสนอจุดปลอดภัยที่จะทำกิจกรรม
บนดวงจันทร์ในอนาคต ด้วยฐานทัพต่างๆเพื่อป้องกัน
ความเสียหายหรือการแทรกแซงจากบรรดาประเทศ
หรือบริษัทคู่แข่งที่ปฎิบัติการใกล้ๆกัน
แต่ไม่ได้อยู่ร่วมในสัญญา Artemis นี้
อีกทั้งสนธิสัญญายังนำเสนอโครงสร้าง
ภายใต้กฎหมายนานาชาติแก่บรรดาบริษัท
ที่จะเป็นเจ้าของทรัพยากรที่พวกเขาขุดขึ้นมาได้
.
ในอีกไม่กี่สัปดาห์ต่อจากนี้ รัฐบาลสหรัฐฯจะเจรจา
อย่างเป็นทางการกับบรรดาหุ้นส่วนทางด้านอวกาศ
ไม่ว่าจะเป็น แคนาดา ญี่ปุ่น และประเทศต่างๆในยุโรป
เพื่อทำการคุยกับประเทศต่างๆที่รัฐบาลสหรัฐฯเห็นว่า
มีความสนใจเหมือนกันในการทำเหมืองบนดวงจันทร์
.
รัสเซียและจีนจะไม่ได้เป็นหุ้นส่วนในช่วงต้นๆของสนธิสัญญา
เพราะเพนทาก้อนมองว่ามอสโกและปักกิ่งเป็นศัตรูที่พยายาม
คุกคามดาวเทียมของตนที่บินอยู่เหนือชั้นบรรยากาศโลก
.
สนธิสัญญา Artemis เป็นส่วนหนึ่งในแผนการ
ของรัฐบาลสหรัฐฯในการละทิ้งสนธิสัญญาของ UN
(ว่าด้วยเรื่องการห้ามหาผลประโยชน์เชิงพาณิชย์บนอวกาศ)
และเอาสัญญานี้ขึ้นมาแทน พร้อมๆกับประเทศที่มีความสนใจ
เหมือนกัน เพราะถ้าผ่าน UN จะใช้เวลานานเกินไป
และการไปเจรจากับประเทศที่ไม่ได้มีศักยภาพ
ในการเดินทางไปอวกาศนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์
.
เพื่อให้ท่านไม่พลาดทุกสิ่งที่น่าสนใจจากเพจ Thailand State
กด Like เพจ และตั้งค่า See First
เพื่อติดตามข้อมูลดีๆได้เลยครับ
.
Source : https://www.reuters.com/article/us-...bSkiXy-Er6wpHSmTacWs2lMZzQps0vY8aqsBwuG13k4kQ

#ThailandState #ThailandStateUpdate

 

#อัปเดตยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19
ไทยติดเชื้อเพิ่ม 8 ราย
เสียชีวิต 0 ราย
เสียชีวิตสะสม 55 ราย
9 พฤษภาคม 2563
.
น.พ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค. แถลงสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ประจำวันนี้ (9 พ.ค.) ว่า ตลอด 24 ชั่วโมงวานนี้ พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ 4 ราย รวมผู้ติดเชื้อสะสม 3,004 ราย รักษาหายแล้ว 2,787 ราย และมีผู้เสียชีวิตเพิ่ม 1 ราย ทำให้มีผู้เสียชีวิตสะสมอยู่ที่ 56 ราย ซึ่งยังรักษาอยู่ในโรงพยาบาล 161 ราย
.
สำหรับผู้ป่วยรายใหม่ 4 ราย แบ่งเป็น
1. ผู้ป่วยจากการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยยืนยันรายก่อนหน้านี้ 1 ราย
2. ผู้ป่วยมีประวัติเดินทางไป/ทำงาน ในสถานที่ชุมชน 1 ราย
3. การค้นหาเชิงรุก จ.ยะลา เป็นผู้สัมผัสผู้ป่วยยืนยันจากมาเลเซีย 2 ราย
.
ส่วนผู้เสียชีวิต 1 รายนั้น เป็นชายไทยอายุ 68 ปี เริ่มป่วยไข้ ปวดกล้ามเนื้อ หายใจลำบาก เข้ารับการตรวจที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ตรวจพบเชื้อโควิด-19 ในวันที่ 2 มีนาคม ต่อมาผู้ป่วยมีภาวะแทรกซ้อนติดเชื้อในกระแสเลือด ไตวาย ก่อนเสียชีวิตลงในวันที่ 9 พฤษภาคม ที่ผ่านมา

#mgronline #covid19

 

ทำเนียบขาวป่วน! ยืนยันจนท.ผู้ติดเชื้อโควิด-19
คือโฆษกส่วนตัวของรองปธน.สหรัฐฯ
.
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯยืนยันในวันศุกร์(8พ.ค.) เคที มิลเลอร์ เลขานุการฝ่ายสื่อมวลชนของรองประธานาธิบดีไมค์ เพนซ์ ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ไม่กี่ชั่วโมงหลังจากก่อนหน้านี้ข่าวว่าหนึ่งในคณะทำงานของรองประธานาธิบดีมีผลตรวจออกมาเป็นบวก จนต้องให้บรรดาเจ้าหน้าที่ที่ทำงานใกล้ชิดกันลงจากเครื่องบินแอร์ฟอร์ซทู
.
"เคที เธอเป็นผู้หญิงอัศจรรย์ ผลตรวจโรคของเธอออกมาดีมาเป็นเวลานาน แต่ทันใดนั้นวันนี้เธอมีผลตรวจออกมาเป็นบวก" ทรัมป์กล่าวระหว่างพบปะกับบรรดาสมาชิกสภาคองเกรสจากรีพับลิกันที่ทำเนียบขาว พร้อมเผยว่าเขาและมิลเลอร์ ไม่ได้สัมผัสใกล้ชิดกัน แต่ยอมรับว่ามิลเลอร์ เคยสัมผัสใกล้ชิดกับรองประธานาธิบดีเพนซ์
.
อ่านต่อ>>https://mgronline.com/around/detail/9630000048380
#mgronline #ทำเนียบขาว #โฆษกส่วนตัวรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ #ชื้อโควิด-19

 

โควิดไปความวุ่นวายมา! ส.ส.กลุ่มหนุนจีนยกพวกตะลุมบอน
ฝ่ายประชาธิปไตยกลางสภาฮ่องกง
.
ส.ส.ฝ่ายสนับสนุนจีนและส.ส.ฝ่ายฝักใฝ่ประชาธิปไตย เปิดศึกตะลุมลอนกันกลางรัฐสภาฮ่อกงในวันศุกร์(8พ.ค.) กลังเกิดการโต้เถียงเกี่ยวกับการเลือกประธานคณะกรรมาธิการชุดสำคัญ สัญญาณซึ่่งบ่งชี้ว่าความตึงเครียดทางการเมืองได้หวนคืนมาแล้ว ทันทีที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่(โควิด-19) ในเมืองแห่งนี้เริ่มคลี่คลาย
.
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่าสมาชิกสภานิติบัญญัติฮ่องกง กลุ่มฝักใฝ่จีนกับกลุ่มสนับสนุนประชาธิปไตย ตะโกนด่ากันและผลักเนื้อตัวกันไปมา และหลายครั้งยังมีการปะทะกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย หลังจากสมาชิกกลุ่มฝักใฝ่ประชาธิปไตยกรูกันเข้าขับไล่สมาชิกกลุ่มสนับสนุนจีนที่พยายามจะขึ้นไปนั่งเก้าอี้ประธานการประชุม ซึ่งทางฝ่ายโปรประชาธิปไตยบอกว่าเป็นการผิดระเบียบการ
.
อ่านต่อ>>https://mgronline.com/around/detail/9630000048369
#mgronline #โควิด-19 #ส.ส.ฝ่ายสนับสนุนจีน #ส.ส.ฝ่ายฝักใฝ่ประชาธิปไตย #ตะลุมบอน

 

รัสเซียเข้าขั้นวิกฤต! ยอดติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่
เกิน 1 หมื่นคน 6 วันติดต่อกัน
.
รัสเซียในวันศุกร์(8พ.ค.) รายงานพบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่(โควิด-19) รายวันเกิน 10,000 คนเป็นวันที่ 6 ติดต่อกัน หลังโผล่ขึ้นมาเป็นจุดร้อนแห่งใหม่ของโรคระบาดใหญ่
.
ข้อมูลของรัฐบาลเผยว่ามีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 10,669 คนในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา น้อยกว่าสถิติสูงสุด 11,231 คนของวันพฤหัสบดี(7พ.ค.) เพียงเล็กน้อย ส่งผลให้ตัวเลขผู้ติดเชื้อสะสมของรัสเซียเพิ่มเป็น 187,859 คน
.
อ่านต่อ>>https://mgronline.com/around/detail/9630000048359
#mgronline #รัสเซีย #วิกฤต #ยอดติดเชื้อโควิด #รายใหม่ #พุ่งสูง

 

งานเข้ารองปธน.สหรัฐฯ!! หนึ่งในคณะทำงาน
ติดเชื้อโควิด-19 ต้องไล่จนท.ลงจากเครื่องบิน
.
หนึ่งในคณะทำงานของรองประธานาธิบดีไมค์ เพนซ์ แห่งสหรัฐฯ มีผลตรวจไวรัสโคโรนาสายพันธ์ใหม่(โควิด-19) ออกมาเป็นบวก ส่งผลให้เที่ยวบินของเขาที่เตรียมออกเดินทางไปยังไอโอวาในวันศุกร์(8พ.ค.) ต้องล่าช้าเป็นระยะเวลาสั้นๆ เปิดทางให้เพื่อนร่วมงานของบุคคลที่ติดเชื้อลงจากเครื่องบินแอร์ฟอร์ซทู
.
สื่อมวลชนท้องถิ่นรายงานว่า เที่ยวบินของเพนซ์ต้องล่าช้าราว 1 ชั่วโมงในวันศุกร์ (8 พ.ค.) เพื่อเปิดทางให้บรรดาคณะทำงานของรองประธานาธิบดีบางส่วนลงจากเครื่องบินก่อนออกเดินทาง แต่ไม่เป็นที่ชัดเจนว่าทีมงานผู้ติดเชื้อรายดังกล่าวอยู่บนเครื่องบินแอร์ฟอร์ซทูในตอนเช้าวันศุกร์ด้วยหรือไม่
.
อ่านต่อ>>https://mgronline.com/around/detail/9630000048375
#mgronline #งานเข้า #รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ #คณะทำงานติดเชื้อโควิด-19

 

ศบค.แจงคลายล็อกเฟสสอง อยู่ระหว่างรับฟังความคิดเห็น เตรียมหากลุ่มตัวอย่าง เช่น ห้างสรรพสินค้า ทดลองเปิดก่อนวันที่ 14-15 พ.ค. หากทำได้ดี ผ่านเกณฑ์ จะประกาศปลดล็อกวันที่ 17 พ.ค.ตามกำหนด เผยค้นหาผู้ป่วยเชิงรุก ทำแล้ว 4 จังหวัด กทม. ภูเก็ต ยะลา กระบี่ อัตราพบรวม 0.5% ยันไม่ต้องตรวจโควิดแม่ค้าขายอาหาร ไม่ได้อยู่ในกลุ่มเสี่ยง สำคัญคือป้องกันตนเองมากกว่าตรวจเชื้อ

อ่านต่อ >https://news1live.com/detail/9630000048454
.........................................
● อีกช่องทางติดตาม NEWS1
Line : https://lin.ee/CeuFxbm
Youtube : youtube.com/c/NEWS1VDO

 

ยอดสะสมผู้ติดเชื้อโคโรนาไวรัสสะสม เกิน4 ล้านคน



https://www.worldometers.info/coronavirus/

 

ผลสำรวจล่าสุดโดย Yahoo News/YouGov พบชาวอเมริกันเกือบๆ ครึ่งเชื่อว่าสหรัฐฯ จะสามารถรับมือการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ได้ดีกว่านี้ หากอยู่ภายใต้การนำของอดีตประธานาธิบดี บารัค โอบามา ไม่ใช่ โดนัลด์ ทรัมป์

อ่านต่อ >https://news1live.com/detail/9630000048443
.........................................
● อีกช่องทางติดตาม NEWS1
Line : https://lin.ee/CeuFxbm
Youtube : youtube.com/c/NEWS1VDO

 

"กรณ์" ชี้สถานะการเงิน "การบินไทย" เจ๊งไปนานแล้ว หากไม่เปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ต่อให้รัฐทุ่ม 5 หมื่นล้านไม่นานก็หมด จี้ "ผู้บริหาร - ผู้ถือหุ้น - เจ้าหนี้" ต้องช่วยรับภาระความเสียหาย ลั่นหากไร้แผนฟื้นฟูชัดเจน รัฐบาลก็ไม่ควรเข้าไปช่วย

อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9630000048363
………………………………
● อีกช่องทางติดตาม NEWS1
Line : http://nav.cx/4tvbDJ8
Youtube : youtube.com/c/NEWS1VDO