ขอนอบน้อมแด่ฆราวาสผู้เข้าถึงธรรม

สำหรับสายพุทโถ่วว อิอิ แต่สายรุปนาม ดูจิต บลาๆ ฝึกขณิกอย่างเดียวท่ามกลางกิเลสที่เข้าแทรกแซงตลอดเวลา ก้อได้ ไม่มีตัณหา เอาปัจจุบันขณะเป็นพ้อยต์

 

ปัญญา เปนเจตสิกชนิดหนึ่ง

 

เห็นแจ้งแล้ว ความหลงก็สิ้นไป..

ปัญญา ก็ เป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้ไม่หลง ทำให้ข้ามพ้น..

พอมีปัญญา ก็ เข้าไปหยิบใช้เจตสิกตัวไหนก็ได้ เว้นเจตสิกฝ่ายอกุศล (ใช้เจตสิกแต่ไม่
ติดในเจตสิก)..

ภาพปลากรอบ..



ปล. ปัญญาล้อมรอบเจตสิกทุกตัว จิตถูกเจตสิกล้อมรอบ พอมีปัญญา จิตก็ไม่หลง

 

แต่ปันหญ้าก้อยังเป็นเจกสิก อิอิ ไม่เชื่อถามอิปังดิ

 

พอไม่หลงแล้วก็วางปัญญา ไม่ติดอยู่ในความรู้นั้น..

จบลงที่ รู้ซื่อๆ หรือ สักว่า..

 

เอาละ สนทนามาถึงที่สุดแห่งเส้นทางพรหมจรรย์แล้ว..

อยู่ที่ใครจะเก็บเกี่ยวไปประพฤติ ปฏิบัติ ก็สุดแล้วแต่ความเพียร ของบุคคลนั้นๆ..

 

ต้อง ปรารภให้ มีรส เป็น มรรค

ถ้า ปรารภเป็น มรรค จะ อาจหาญ
ร่าเริง ไม่ต้องยกใครมาอิง

หาก "ยังมีเพื่อนสองอยู่" การปรารภ
จะเป็นแค่ บัญญัติ

หาก ไปวัดบางที่ จะแถมกระโถน เอาได้


หาก "ไม่มีเพื่อนสอง" การปรารภจะจบที่
"ริมฝีปาก" ( ซึ่ง เณรแอ ก๊อปมาใช้จากที่
ไหนสักที่ จานลา.... )

สำนวนพระป่า เห็น ปัญญาเป็นเจตสิก
ละก้อ จะเติมอะไรลงไปไม่ได้อีก อัปปนา
เอาตรงนั้นเลย ( แต่ถ้าหากไม่เคย ยก
จิตไปวิปัสสนาอ่อนๆ มาก่อน จะ เลี้ยว
เข้าอู่ข้างทางขึ้นทางด่วนเสารีย หมด)

 

ไหนๆ ก็ ไหนๆ แล้ว

เวลาที่ ปรารภว่า "ปัญญาเป็นเจตสิก"
( มี มนสิการเห็น เป็นสิ่งเกิดดับ )

พึงเห็น อาการปรารภเห็นปัญญาเป็น
เจตสิก นั้น ดับด้วย จึงเป็น อนุปัสสนา

แล้วเห็นความเป็น อนุปัสสนา โดยใช้
ปัญญา(เจตสิก)ใดๆ เป็นอนุปัสสนา
จึงเป็น สติ ปัฏฐาน ธรรมานุปัสสนา

การปรารภว่า "ปัญญาเป็นเจตสิก"ด้วย
ความรู้ชัด(ไม่ถามใคร) จึงชื่อ รู้ธรรมนั้น

ทีนี้ ถ้าไม่ อัปปนา ผั๊วะ!! ไป.....

ก็พึงเห็น การรู้ชัด "ปัญญาเปนเจตสิก"
นั้นดับด้วย ก็จะเป็น ปฏิสัมภิทามรรค

ใช้สมาธิกระจิดริด กระจุ่มกระจิ๋ม แบบ
ยักษ์มาทุบหัว ก็โดน สัญญาเวทยิตนิโรธน
ส่งไป นา หญ้าขึ้นรกทันที พระสารีบุตร
มาเจอเข้า ท่านปฏิญาจะแบกขึ้นสรีษะแห่
รอบวัดป่ามะม่วง

 

นั้นท่านสงบก็เป็นอาจารย์สอนท่านนิวรณ์ได้แล้วสินะ
อิอิ

 

ถ้าใครบอกใช้สมาธิแค่นิดหน่อย แล้วบรรลุก็ขี้โม้แล้วหล่ะ
วิปัสสนามันต้องมีสมถะเป็นแรงส่ง ถึงจะเป็นสัมมาวิปัสสนา

 

ก้อว่าทำไมพักหลังๆ ตอบลื่นปรืด ลื่นปรืด ปกติใครถามไร ต้องตอบให้ไปปั๊ดโถ่ววรัวๆ แล้วเผยอริมฝีปากรับ..ที่แท้ก็มีโพยนี่เอง แอบไปอ่านพันพิษมาอ่ะดิ ..ขี้โกงนี่หว่า...

 

ฮี้ๆๆๆๆ

ก้ บอกไปแว้ว

ตอนที่ ปรารภว่า. "ปัญญาเปนเจตสิก"

ต้อง. ปรารภเปนมรรค.

ไม่เช่นนั้น. จะ. กลายเปนแค่ บัญญัติ

พอปรารภเปน. บัญญัติ

ร้อยละร้อย. วกกลับไปลูบๆคลำๆ
ลังเล. แทนที่จะ. ไม่สะบัดกลับหลัง

 

นะ ถ้า จะปรารภ ปัญญาเปนเจตสิก

โดยที่ ไม่รู้ไม่เหน

อย่าไปปรารภขึ้นมา. เสียเวลาเป่าๆ

 

เราคนบ้านนอก เรียนรู้เอง ปฏิบัติเอง ไม่เคยไปเที่ยวพันทิบ..

พันทิบ ไม่เหมาะกับคนบ้านนอกอย่างเรา..

ปฏิบัติเอง รู้เอง รับรสแห่งธรรมเอง สบายใจ เบาจิต สว่างไสว แบบ เบิร์ด เบิร์ด..

 

ท่านเล่าปังก็มีดี ดีพอ พอดี แล้ว..

แค่ใช้คำตามยุคสมัย..

 

ผู้ปฏิบัติดีแล้ว ปฎิบัติชอบแล้ว ย่อมอาจหาญ ด้วยอรรถ ด้วยธรรม..

มีธรรมเป็นเครื่องอยู่ของใจ มีธรรมแจกจ่าย แจกแจง ให้กับผู้ที่สนใจใฝ่เรียนรู้..

ปฏิบัติจบกิจแล้ว ก็มาศึกษาเพิ่มเติมจากตำรา เพื่อเอาแนวทางการสอน ซึ่งเป็นอริยะประเพณี..

 

อี๋ อี๋ คนชนนาบด ...ต้องกางโพยตอบ ก้อว่าทำไมโพสดูเป็นวิชาการขึ้น ไม่ออกแนวสไตล์คิดเอง ...ขี้โกง

 

ความรู้แจ้งในจิตมีแล้ว การปฏิบัติถึงแล้ว แค่ปรับวิธีการนำเสนอ นิดหน่อย ตามทางพุทธะโคดม..

ตอบได้ไม่มีติดขัด ไม่มีโพย เพราะรู้แจ้งทั้งกระบวนการ

 

เวลาของเราไม่เคยปล่อยให้ผ่านเลยไปเปล่า ทุกวันมีแต่คิดพิจารณาธรรม และ วิธีแจกแจง แจกจ่าย ให้คนทั่วไปได้เข้าใจง่าย เข้าถึงง่าย..

อีกไม่กี่ปีหรอก คงได้รวมกลุ่มกันทั้งทีม แน่นอน..

บุคคลากรฟ้า..

 

"ริมฝีปาก" มาจากสำนวน ท่านพ่อลี วัด อโศการาม..