พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    แปลกแต่จริงเมื่อวานผมมีประสบการณ์เยอะอีกแล้วครับท่านแต่ไม่เล่าดีกว่าเดี๋ยวหาว่าโม้ ครับ
    วันหยุดนี้ขอให้ทุกท่านมีความสุขเดินทางปลอดภัยครับ
     
  2. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ผมขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัย และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั่วโลกและทั่้วจักรวาล ขอให้ผู้อ่านทุกๆท่าน ,คุณเพชร ,รัช เดินทางไปและกลับโดยสวัสดิภาพ ประสงค์สิ่งใดที่เป็นสิ่งที่ดีที่งามที่ถูกต้อง ให้สมประสงค์ทุกๆประการ

    ด้วยรักจากใจ
    โมทนาสาธุครับ

    sithiphong
     
  3. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ผงะพระก้มกราบฤาษี ชาวกรุงเก่าสงสัยหน้าม้า


    http://hilight.kapook.com/view/22753
    <center>
    [​IMG]
    ความไม่สบายใจของชาวพุทธเกิดขึ้นอีกครั้ง เมื่อมีพระสงฆ์บางรูปบางกลุ่มก้มกราบเท้าฤาษี เมื่อวันที่ 11 เมษายน ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากประชาชนในพื้นที่ ต.ท่าหลวง อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา เกี่ยวกับความไม่เหมาะสมดังกล่าว พร้อมกับนำภาพมาให้ดูด้วย จากการตรวจสอบรายละเอียดที่มาที่ไปพบว่า เป็นภาพในพิธีพุทธาภิเษก งานพระธรรมบุญหล่อพระพุทธรูปเชียงแสน (สิงห์ 1) ที่วัดรามพงศาวาส หรือวัดมอญ ต.ท่าหลวง อ.ท่าเรือ เมื่อช่วงสายของวันที่ 10 เมษายน ในพิธีมีพิธีพราหมณ์ บวงสรวงเทวดา และพิธีสงฆ์ มีพระสงฆ์มาร่วมกว่า 700 รูป ​
    ทั้งนี้ ในพิธีดังกล่าวมีพิธีเททองหล่อพระพุทธรูปเชียงแสน สิงห์ 1 เนื้อสำริด ขนาดหน้าตักกว้าง 31 นิ้ว จำนวน 2 องค์ และขนาดหน้าตักกว้าง 19 นิ้วจำนวน 2 องค์ และหล่อพระพุทธรูปปางมารวิชัย เนื้อสำริด จำนวน 1 องค์ หน้าตัก 45 นิ้ว พระสิวลีสูง 2 เมตร จำนวน 1 องค์ และหล่อรูปเหมือนพระเจ้าตากสินนั่งบัลลังก์ จำนวน 1 องค์ ขนาด 9 นิ้ว จำนวน 5 องค์ ซึ่งในพิธีมีเจ้าคุณสมเด็จพระมหาธีราจารย์ เจ้าคณะใหญ่หนกลาง วัดชนะสงครามราชวรมหาวิหาร กรุงเทพ ฯ เป็นองค์ประธานจุดเทียนชัยและเททองหล่อพระพุทธรูป ทั้งยังมีเกจิดังของ จ.พระนครศรีอยุธยา คือ พระครูสังวรสมณกิจ หรือหลวงปู่ทิม วัดพระขาว อ.บางบาล มาเป็นองค์ประธานดับเทียนชัยด้วย
    ทว่าประเด็นที่สร้างความเคลือบแคลงใจให้ชาวพุทธ ก็คือ ในพิธีดังกล่าวโดยเฉพาะช่วงที่มีพิธีบวงสรวง ปรากฏว่า มีหลวงปู่คูบาเกศแก้ว ซึ่งเป็นฤาษีชื่อดังใน จ.หนองบัวลำภู เดินทางมาร่วมในพิธีบวงสรวงและพุทธาภิเษกด้วย แต่ระหว่างทำพิธีนั้นปรากฏว่า มีบรรดาลูกศิษย์ รวมทั้งพระภิกษุเข้าไปก้มลงกราบที่เท้าของหลวงปู่คูบาเกศแก้ว ทำให้ประชาชนจำนวนหนึ่งมองว่า เป็นเรื่องไม่เหมาะสมอย่างมาก จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบเพื่อเป็นการปรามพฤติกรรมดังกล่าวที่อาจจะเกิดขึ้นในครั้งต่อไป ​
    นายสมศักดิ์อายุ 42 ปี หนึ่งในผู้ร่วมงาน บอกว่า มีโอกาสไปร่วมงานดังกล่าวด้วย ตอนทำพิธีบวงสรวงก็ไม่คิดว่าจะมีอะไรพิเศษ เพราะมีทั้งพราหมณ์และฤาษีมาร่วมพิธีบวงสรวง กระทั่งฤาษีแจกสติกเกอร์ให้นำไปติดรถ และติดตามบ้านบอกว่าต้องการให้คนทำความดี โดยสติกเกอร์เป็นรูปของฤาษี มีใจความว่า ให้ทำความดี ละเว้นชั่ว ละเว้นบาป แต่ความเชื่อในเรื่องความศักดิ์สิทธิ์ของฤาษีตนไม่เชื่อเท่าไร ยิ่งเห็นพระไปกราบอย่างก็รู้สึกงง คิดว่าน่าจะเป็นพระที่เป็นหน้าม้า เพื่อเสริมบารมีของฤาษีมากกว่า จริงๆ แล้วพระไม่น่าจะกราบ เพราะว่าพระถือศีลมากกว่าฤาษีเสียอีก
    พระเทพวรเวทีเจ้าคณะจังหวัดพระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า ทราบเรื่องนี้แล้วแต่เป็นเรื่องของพระในนิกายธรรมยุตที่ประกอบพิธีกรรม เรื่องนี้อาตมาไม่เห็นด้วย และเห็นว่าเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง ทราบว่าพระที่กราบนั้นเป็นพระมาจากที่อื่น ไม่ใช่พระที่พระนครศรีอยุธยา ไม่รู้ทำไปได้อย่างไร เพราะฤาษีไม่ใช่สิ่งที่ต้องไปกราบขนาดนั้น เรื่องนี้พระย่อมรู้ดี ​
    เรื่องนี้นายประดิษฐ์ แก้วมณี ผอ.สำนักพุทธศาสนาจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ชี้แจงว่า ได้รับทราบเรื่องแล้ว และจะขอดูภาพเพื่อที่จะไปสอบถามกับทางวัด ส่วนงานที่จัดขึ้นนั้นยอมรับว่าตนก็เดินทางไปร่วมพิธีด้วย แต่ช่วงที่พระลงไปกราบฤาษีนั้น ตนและพระผู้ใหญ่เดินทางกลับไปแล้ว เชื่อว่าน่าจะเป็นพระที่อื่น แต่พฤติกรรมเช่นนี้ถือว่าไม่เหมาะสม เพราะพระสงฆ์ถือศีลมากกว่าผู้ทรงศีลหรือฤาษีอยู่แล้ว ดังนั้น จะได้ตรวจสอบในรายละเอียดต่อไป ​
    นางจุฬารัตน์ บุณยากร ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) กล่าวว่า ยังไม่เห็นภาพดังกล่าว แต่การกระทำเช่นนี้ถือว่าไม่เหมาะสมอยู่แล้ว เพราะพระสงฆ์เป็นเสมือนตัวแทนพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นผู้นำจิตวิญญาณ เป็นหนึ่งในรัตนตรัยไปก้มลงกราบฤาษี อย่างไรก็ตาม จะรอฟังรายงานจากผอ.สำนักพุทธศาสนาจังหวัดพระนครศรีอยุธยาก่อนหากตรวจสอบว่าเป็นเรื่องจริง จะแจ้งไปยังเจ้าคณะผู้ปกครองให้ตักเตือนพระสงฆ์กลุ่มดังกล่าวให้ระมัดระวังในการปฏิบัติตน ส่วนจะมีการลงโทษหรือไม่อย่างไรนั้น ขึ้นอยู่กับทางเจ้าคณะผู้ปกครองจะเป็นผู้ตัดสินต่อไป
    ข้อมูลและภาพประกอบจาก
    [​IMG]
    </center>
     
  4. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    โรงพยาบาลโรคทรวงอก รับบริจาคเลือด

    http://hilight.kapook.com/view/22762
    <center>
    [​IMG]
    ขอเชิญชวนทุกท่าน ร่วมกันทำบุญด้วยการบริจาคโลหิต เพื่อช่วยเหลือโรงพยาบาลโรคทรวงอก จังหวัดนนทบุรี ที่กำลังประสบปัญหาขาดแคลนโลหิตเป็นอย่างมากในขณะนี้
    ทั้งนี้ ท่านสามารถติดต่อทางโรงพยาบาลเพื่อแจ้งความจำนงได้โดยตรง ที่ 39 หมู่ 9 ถนนติวานนท์ ต.บางกระสอ อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000​
    [​IMG] เบอร์โทรศัพท์ 0-2580-3423 ต่อ 1308

    ข้อมูลจาก
    โรงพยาบาลทรวงอก จังหวัดนนทบุรี​
    </center>
     
  5. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ข้อควรรู้ เมื่อถูกทวงหนี้แบบเถื่อนๆ

    http://hilight.kapook.com/view/22730
    [​IMG]

    เมื่อลูกหนี้ผิดนัดชำระหนี้ กฎหมายแพ่งและพาณิชย์กำหนดให้เจ้าหนี้ฟ้องเรียกชำระหนี้ พร้อมดอกเบี้ย
    เมื่อศาลมีคำพิพากษาแล้วจักบังคับใช้หนี้จากทรัพย์สินของลูกหนี้ เป็นขั้นตอนที่ถูกต้องในการเรียกคืนหนี้


    แต่เจ้าหนี้หลายคนเกิดอาการร้อนใจ หวั่นเกรงว่าลูกหนี้อาจหนีไม่จ่ายหนี้คืนเพราะลูกหนี้ขาดการติดต่อหรือหลบหน้า
    หรือเป็นหนี้นอกระบบที่กฎหมายไม่รับรอง
    จึงจ้างนักทวงหนี้ทั้งแบบบุคคลหรือสำนักงานกฎหมายเพื่อติดตามทวงหนี้แลกกับค่าจ้างมากน้อยขึ้นอยู่กับจำนวนหนี้ที่ทวงได้

    จึงเป็นต้นเหตุให้พวกเขาต้องใช้ทุกวิธี หลายรูปแบบ
    ทั้งถูกกฎหมายหรือไม่ถูกต้องเพื่อบีบคั้นให้ลูกหนี้จ่ายคืนหนี้
    แทนที่จะเลือกใช้วิธีฟ้องศาลซึ่งอาจไม่ทันใจเจ้าหนี้
    ทำให้ลูกหนี้หรือญาติพี่น้องต่างหวั่นเกรงกับพฤติกรรมของพวกเขาโดยมิทราบว่า
    นักทวงหนี้เหล่านั้นอาจกำลังทำละเมิดกฎหมายอาญาและมีสิทธิติดคุก

    โดยไม่มีโอกาสใช้เงินค่าจ้างก็ได้

    ผู้ถูกทวงหนี้แท้จริง จักต้องมีความเกี่ยวข้องโดยตรงกับการกู้ยืมเงินเท่านั้น
    เช่น
    ลูกหนี้ ลูกหนี้ร่วม หรือผู้ค้ำประกัน เป็นต้น
    การข่มขู่ คุกคาม ญาติพี่น้อง เพื่อนฝูง หรือผู้เกี่ยวข้องกับลูกหนี้
    ล้วนเป็นความผิดอาญาฐานกรรโชกทรัพย์ได้
    ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 337 บัญญัติว่า
    ผู้ใดข่มขืนใจผู้อื่นให้ ยอมให้
    หรือ ยอมจะให้ตนหรือผู้อื่นได้ประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สิน โดยใช้กำลังประทุษร้าย
    หรือโดยขู่เข็ญว่า จะทำอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกขู่เข็ญ
    หรือ ของบุคคลที่สาม จนผู้ถูกข่มขืนใจยอมเช่นว่านั้น
    ผู้นั้นกระทำผิดฐานกรรโชก มีโทษจำคุกไม่เกินห้าปี และปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท


    [​IMG]ความผิดฐานกรรโชก คือ

    1. ขู่ว่าจะฆ่า ขู่ว่าจะทำร้ายร่างกายให้ผู้ถูกข่มขืนใจ
    หรือผู้อื่น ให้ได้รับอันตรายสาหัส
    หรือขู่ว่าจะทำให้เกิดเพลิงไหม้แก่ทรัพย์ของผู้ถูกข่มขืนใจหรือผู้อื่น หรือ

    2. มีอาวุธติดตัวมาขู่เข็ญ ผู้กระทำต้องมีโทษจำคุกตั้งแต่หกเดือนถึงเจ็ดปี
    และปรับตั้งแต่หนึ่งพันบาทถึงหนึ่งหมื่นสี่พันบาท

    จากหลักกฎหมายข้างต้น นักทวงหนี้ที่ใช้พฤติกรรมตัวอย่างเช่น
    เขียนจดหมายข่มขู่ด้วยวาจาหยาบคายหรือเป็นเท็จ ทำร้ายร่างกาย ด่าทอ กักขัง ทำการรบกวนชีวิตประจำวัน เป็นต้น
    หากกระทำต่อลูกหนี้หรือสมาชิกในครอบครัว เพื่อน บรรดาผู้ถูกทวงหนี้มีอำนาจแจ้งความดำเนินคดีกับกลุ่มคนเหล่านั้นได้ทันที


    ถ้ามีการทำร้ายบาดเจ็บหรือกักขังหน่วงเหนี่ยว พวกเขาต้องรับโทษอาญาฐานทำร้ายร่างกายหรือทำให้เสื่อมเสียเสรีภาพอีกคดีหนึ่งด้วยส่วนการส่งคำเตือนเรื่องหนี้ด้วยวิธีก้าวร้าวหรือจงใจประจานทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงด้วยวิธีใดๆ อาจเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทก็ได้ กฎหมายคุ้มครองผู้สุจริตเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหนี้หรือลูกหนี้ ต้องอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกัน


    สามารถดาวน์โหลดคู่มือ แก้ปัญหาหนี้ ทั้งนอก และในระบบ คลิกเลย



    ข้อมูลจาก
    [​IMG]
    ภาพประกอบทางอินเทอร์เน็ต
    โดย : ชมรมหนี้บัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล
     
  6. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    http://www.dailynews.co.th/web/html/popup_news/Default.aspx?ColumnId=55604&NewsType=2&Template=1 <table style="width: 480px;"><tbody><tr><td valign="top">
    </td> <td valign="top">
    เตรียมตัวพร้อมก่อนออกเดินทางไกล
    1. ตรวจสภาพคนให้พร้อม เป็นสิ่งแรก คือ ผู้ขับขี่ต้องพร้อม นอนหลับ พักผ่อนให้เพียงพอ​
    2. ตรวจสภาพรถให้พร้อม น้ำมันเครื่อง น้ำมันเกียร์ น้ำมันเฟืองท้าย ไฟรถ ยางรถ
    3. ยางรถเป็นเรื่องสำคัญต้องอยู่ในสภาพดีไม่ควรลึกเกินกว่า 3 ซม. และตรวจลมยางให้อยู่ในพิกัด
    4. ระบบเบรกต้องพร้อม ควรเลือกใช้น้ำมัน เบรกที่เหมาะสม รวมทั้งผ้าเบรก
    5. ใบปัดน้ำฝนและหม้อน้ำ พร้อมปัดและฉีดน้ำได้ทันที
    6. ไฟต้องพร้อมทุกดวง โดยเฉพาะไฟส่องทาง ควรตรวจให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์ใช้งานได้ทุกเวลา
    7. ตรวจหม้อระบายความร้อน เติมน้ำยา ป้องกันน้ำเดือด
    8. ขณะขับขี่ควรจำกัดความเร็ว ระวังช่วงถนนเปียก และควรลดความเร็วขณะถนนแห้ง
    9. อย่าขับจี้คันหน้า ควรทิ้งห่าง 2 วินาที หากถนนเปียก 4 นาที หรือห่างไม่น้อยกว่า 10 เมตร
    10. ใช้ไฟสูงบอกตำแหน่งรถ หากฝนตกหนักและทัศนวิสัยเลวมาก หรือในยามค่ำคืนสามารถใช้ไฟสูงได้ตลอดเวลา และต้องลดไฟลงเป็นไฟต่ำ หากมีรถสวนเพื่อบอกตำแหน่งรถ
    11. หลีกเลี่ยงการแซงโดยไม่จำเป็น หากจำเป็น ต้องแซงให้อดใจรอสักนิด คิดว่าช้าหน่อยดีกว่า หากไม่แน่ใจหรือลังเลแม้แต่น้อย อย่าแซง
    ขับรถอย่างมีสติ ขับขี่ปลอดภัย
    </td></tr></tbody></table>
     
  7. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    http://palungjit.org/showthread.php?p=1109839#post1109839
    ขอเชิญร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ณ สำนักสงฆ์ผาผึ้ง อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิ บมจ.ธนาคารกรุงไทย สาขาลาดพร้าว102 บช.ออมทรัพย์เลขที่ 1890-13128-8 ชื่อบัญชี นางพิชญ์สินี ชาญปารีชญา ,นายอุเทน งามศิริ ,นายสิรเชษฏ์ ลีละสุนทเลิศ
    <table id="post1109165" class="tborder" align="center" border="0" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td class="thead" style="border-style: solid none solid solid; border-color: rgb(255, 255, 255) -moz-use-text-color rgb(255, 255, 255) rgb(255, 255, 255); border-width: 1px 0px 1px 1px; font-weight: normal;">ันนี้, 09:26 AM <!-- / status icon and date --> </td> <td class="thead" style="border-style: solid solid solid none; border-color: rgb(255, 255, 255) rgb(255, 255, 255) rgb(255, 255, 255) -moz-use-text-color; border-width: 1px 1px 1px 0px; font-weight: normal;" align="right"> #1147 </td> </tr> <tr valign="top"> <td class="alt2" style="border-style: none solid; border-color: -moz-use-text-color rgb(255, 255, 255); border-width: 0px 1px;" width="175"> wirote1960 <script type="text/javascript"> vbmenu_register("postmenu_1109165", true); </script>
    สมาชิก

    เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: วันนี้ 02:12 PM
    วันที่สมัคร: Feb 2008
    ข้อความ: 69 <!-- Start Post Thank You Hack -->
    ได้ให้อนุโมทนา 1,130 ครั้ง
    ได้รับอนุโมทนา 384 ครั้ง ใน 68 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
    พลังการให้คะแนน: 15 [​IMG][​IMG]


    </td> <td class="alt1" id="td_post_1109165" style="border-right: 1px solid rgb(255, 255, 255);"> <!-- message --> ผมร่วมทำบุญ 100 บาท โอน 7 เมย.51
    </td></tr></tbody></table>
    อ้างอิง:
    <table border="0" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td class="alt2" style="border: 1px inset ;"> ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ wirote1960 [​IMG]
    ผมร่วมทำบุญ 100 บาท โอน 7 เมย.51
    </td> </tr> </tbody></table>
    โมทนาสาธุครับ

    .
     
  8. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    บริจาคโลหิตเป็นทาน
    <table border="1" width="100%"> <tbody><tr> <td width="13%">ผู้ถาม</td> <td width="87%">ทีนี้การ บริจาคโลหิตเป็นทาน นั้น อยากจะเรียนถามว่าเป็นทานขั้นไหนครับ .?</td> </tr> <tr> <td width="13%">หลวงพ่อ</td> <td width="87%">เขาเรียกว่า “ทานภายใน” นะ จะถือว่าเป็นปรมัตถทานไม่ได้ เขาเรียกทานภายใน คือให้ของในกายนี่เป็นทานภายใน ให้ของนอกกายเขาเรียกว่า "ทานภายนอก" นะ ยังจะถือว่าเป็นปรมัตถทานไม่ได้นะ ถ้าเป็นปรมัตถทานต้องอย่างที่พระพุทธเจ้าท่านทำ</td> </tr> <tr> <td width="13%">ผู้ถาม</td> <td width="87%">เป็นยังไงครับหลวงพ่อ.?</td> </tr> <tr> <td width="13%">หลวงพ่อ</td> <td width="87%">เชือดเนื้อเอาไปเลี้ยงเขาเลย</td> </tr> <tr> <td width="13%">ผู้ถาม</td> <td width="87%">ถึงขนาดนั้นเชียวหรือครับ.?</td> </tr> <tr> <td width="13%">หลวงพ่อ </td> <td width="87%">ใช่ นั่นเป็น ปรมัตถทาน เราถือว่าเป็นปกติทานก็แล้วกัน แต่เป็นทานภายในเพราะอานิสงส์สูงมากอาจจะสูงกว่าทานภายนอกสักหน่อยหนึ่งนะ</td> </tr> <tr> <td width="13%">ผู้ถาม</td> <td width="87%">แล้วการบริจาคโลหิต กับ การอุทิศร่างกายให้กับโรงพยาบาลเป็นทาน อันไหนจะมีอานิสงส์มากกว่ากันครับ .?</td> </tr> <tr> <td width="13%">หลวงพ่อ</td> <td width="87%">อุทิศเลือดให้ขณะที่ยังไม่ตายมีอานิสงส์สูงกว่าเมื่อตายแล้ว ตายแล้วเหมือนของเขาทิ้งแล้ว ร่างกายใช้อะไรไม่ได้ มีประโยชน์เพียงแค่วัตถุทาน จะให้มีอานิสงส์เท่ากับให้เลือดตอนมีชีวิตนั้นไม่ได้แน่ ใช่ไหม .. ดูอย่างพระพุทธเจ้าสมัยเมื่อเป็น พระเวสสันดร ตอนนั้นที่คนเขามาขอช้างหรือของต่าง ๆ พระองค์ก็คิดว่าทำไมไม่ขอดวงตา ถ้าขอท่านก็จะให้ ไม่ว่าจะเป็นแขนซ้ายหรือแขนขวาก็จะให้ นี่ทานตั้งใจให้ตอนมีชีวิตอยู่ ไม่ใช่ตอนตายแล้ว ฉะนั้นถ้าให้ได้ก็เป็นปรมัตถบารมี
    </td> </tr> <tr> <td width="13%">ผู้ถาม</td> <td width="87%">ทีนี้ถ้าบริจาคร่างกายให้นักศึกษาแพทย์เขาศึกษาต่อเมื่อเราตายแล้ว แต่อธิษฐานไว้ว่า “ตายเมื่อไรขอพ้นจากวัฏสงสาร” อย่างนี้จะมีโอกาสไม่ให้มาเกิดอีกใช่หรือเปล่าครับ ?</td> </tr> <tr> <td width="13%">หลวงพ่อ</td> <td width="87%">ถ้าเวลาจะตายนะ จิตตัดกิเลสแน่นอน ไม่อยากมาเกิดอีก หรือเมื่อนั้นเมื่อเวลาจะตาย จิตตัดความรักในระหว่างเพศ ตัดความโกรธ ก็ไม่มาเกิดอีก มันไม่แน่นะ เดาส่งไม่ได้ มันเฉพาะจิตใช่ไม่…จะเดาไม่ได้ แต่บังเอิญก่อนที่จะตาย เวลานี้ทรงอารมณ์ของพระโสดาบันได้นะ และก็ตัดสินใจไว้เสมอทุกเช้าว่า “ร่างกายนี้ตายเมื่อไร ขอไปนิพพานเมื่อนั้น” อันนี้จิตทรงตัวแน่นอน อย่างนี้ไปได้ทันที</td> </tr> </tbody></table>
    จากหนังสือ หลวงพ่อตอบปัญญาธรรม ฉบับพิเศษ เล่ม 4

     
  9. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    http://www.praruttanatri.com/v1/member/htm/kpmp.html

    คิดปรามาสพระรัตนะตรัย
    <table border="1" width="100%"> <tbody><tr> <td width="13%">ผู้ถาม</td> <td width="87%">กราบเรียนหลวงพ่อที่เคารพ กระผมมีความเคารพนับถือหลวงพ่อเป็นอย่างมาก และมีความเคารพในพระรัตนะตรัยอย่างจริงใจ แต่ว่าในระยะมาไม่นานนี้ ไม่ทราบว่าเป็นเพราะเหตุใด ในดวงจิตของลูกอยากจะด่าหลวงพ่อ บางครั้งก็อยากจะว่าพระรัตนะตรัย อารมณ์ของจิตอย่างนี้แก้ไม่ตกเลยขอรับ ขอเมตตาจากหลวงพ่อช่วยแก้และอโหสิกรรมด้วยเถิดขอรับ</td> </tr> <tr> <td width="13%">หลวงพ่อ </td> <td width="87%">แก้ตรงไหน...แก้ล่างหรือแก้บน....อารมณ์อย่างที่ว่าเมื่อกี้ที่ เขาเขียนมาเป็นธรรมดา แต่ก็ไม่มีกันทุกคนนะ มีกันหลายคน อารมณ์อย่างนี้เวลาเจริญพระกรรมฐานพอเข้าถึงปิติเต็มอัตรา กิเลสมาร เข้าสิงใจ นี่ไม่ใช่อารมณ์เดิมเขานะ พยายามหักห้ามใจไปตามระยะก็แล้วกัน ไม่ช้าก็หาย นี่ของธรรมดานะ ฉันเองก็เคยเจอะเลย ในตอนต้นมีเหมือนกัน ความจริงจิตเผลอย่อมมีนะ นักเจริญกรรมฐานนี่บางคนแล้วก็บางวาระ จิตเป็นปฏิปักษ์ต่อพระศาสนา เห็นพระพุทธรูปบางทีอยากจะด่า อารมณ์อย่างนี้เขาเรียกว่า "กิเลสมาร"เข้าสิงใจ มันเป็นเฉพาะเวลา บางเวลาก็จากหายไป บางเวลาก็มีอารมณ์อย่างนี้ เป็นอยู่สักพักหนึ่งไม่นานนัก สัก 2-3เดือนก็จะหายไป
    </td> </tr> <tr> <td width="13%">ผู้ถาม</td> <td width="87%">อย่างนี้เราจะขอขมาโทษต่อพระรัตนะตรัยทุกวันดีไหมครับ....? </td> </tr> <tr> <td width="13%">หลวงพ่อ </td> <td width="87%">อย่างนั้นดีลูก...เวลาบูชาพระ ขอขมาโทษทุกวันเลยเป็นการป้องกัน เรื่องนี้พระพุทธเจ้าก่อนจะบรรลุอภิเษกสัมมาสัมโพธิญาณ ตอนท่านจะตัดราคะ โทสะ โมหะ ก็โดนท่านมาราธิราชสอบ มาท้าทาย แต่ความจริงเรื่องจริงๆ แล้วไม่มีตัว มันเป็นอารมณ์ ในปฐมสมโพธิ เขาเขียนให้มีตัวมีตนขึ้นมา ตอนนั้นกิเลสตีกลับ เขาเรียก กิเลสมาร ก็เกิดอารมณ์รัก ต่อมาก็โทสะเกิดโดยไม่มีเหตุผล ต่อมาท่านก็ตัดได้ เมื่อได้วิชชาสามแล้ว ต่อมาท่านก็บรรลุอภิเษกสัมมาสัมโพธิญาณ
    (หลวงพ่อบอกในภายหลังว่า พระยามาราธิราชท่านมาสะกิดข้างๆ เท่านั้น ไม่ได้ยกทัพใหญ่โตตามภาพเขียน)
    </td> </tr> </tbody></table>
    จากหนังสือ หลวงพ่อตอบปัญหาธรรม ฉบับพิเศษ เล่ม 5

    http://www.praruttanatri.com/v1/member/htm/qa.htm ​
     
  10. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    http://www.praruttanatri.com/v1/member/htm/qa.htm
    มาร 5 อย่าง
    <table border="1" width="100%"> <tbody><tr> <td width="13%">ผู้ถาม</td> <td width="87%">เวลาปฏิบัติพระกรรมฐาน พอจิตเริ่มสงบสงัดความแค้นก็เกิดขึ้นทันที แล้วก็แก้ไม่ตกสักที ของหลวงพ่อแก้แค้นให้หน่อยเจ้าค่ะ</td> </tr> <tr> <td width="13%">หลวงพ่อ </td> <td width="87%">อ้อ...นี่ไปแค้นใคร เอาชื่อมาให้ฉัน ฉันจะฝังดินให้ </td> </tr> <tr> <td width="13%">ผู้ถาม</td> <td width="87%">(หัวเราะ) พอจิตไม่สงบก็ไม่แค้น พอสมาธิสงบ แหม...มันก็แค้น! </td> </tr> <tr> <td width="13%">หลวงพ่อ </td> <td width="87%">เรื่องนี้ดีมาก ที่ญาติโยมถาม ถามดี...การเจริญพระกรรมฐานต้องพิจารณาถึง "มาร 5 อย่าง" ให้มาก </td> </tr> <tr> <td width="13%">ผู้ถาม</td> <td width="87%">เป็นไงครับหลวงพ่อ มาร 5 อย่าง...? </td> </tr> <tr> <td width="13%">หลวงพ่อ </td> <td width="87%">มาร แปลว่า ผู้ฆ่า ใช่ไหม....มาร 5 อย่าง คือ... 1. กิเลสมาร
    2. มัจจุราช
    3. อภิสังขารมาร
    4. เทวปุตตมาร
    5. ขันธมาร
    มาร แปลว่า ผู้ฆ่าความดี พระพุทธเจ้าท่านบอกมี 5 อย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่มีความสำคัญๆ ก็คือ "กิเลสมาร" กับ "ขันธมาร" รบกวนเราเรื่อย
    ขันธมาร หมายความว่า เวลาจะทำความดี ปฏิบัติพระกรรมฐาน ทำสมาธิจิตหรือทำบุญทำทาน ไอ้ความป่วยไข้ไม่สบายมันเข้ามาขวาง อย่างนี้เรียกว่า "ขันธมาร"
    อย่างที่โยมถามมาเมื่อกี้นี้เป็น "กิเลสมาร" ตัวนี้สำคัญ ต้องถือว่าคนนี้เป็นคนที่น่าชมมาก คนดีนะคนนี้ เพราะอะไร...เพราะยามปกติไม่โกรธใช่ไหม...แสดงว่าอารมณ์หยาบหมดไป ไอ้กิเสลหยาบที่โกรธหมดไป
    ทีนี้เวลาที่ทำจิตละเอียด เกิดความแค้นขึ้นมา กระตุ้นขึ้นมา ตัวนี้ไอ้กิเลสที่เป็น "อนุสัย" ตัวละเอียด อย่างนี้ถือว่า เขาชนะมากแล้วนะคนนี้ อย่างนี้ถือว่าชนะหยาบต่อสู้กันละเอียดแล้ว ถ้าต่อสู้กับละเอียดชนะก็จะเด็ดขาดเลย วิธีทำแบบนี้ก็เคยมีมาด้วยกันทุกคนนะ ฉันก็เคยเจอมา
    </td> </tr> <tr> <td width="13%">ผู้ถาม</td> <td width="87%">หลวงพ่อก็เคยมีเหมือนกันเหรอครับ...? </td> </tr> <tr> <td width="13%">หลวงพ่อ </td> <td width="87%">มี...ทุกอย่างที่ถามมามีทุกอย่าง </td> </tr> <tr> <td width="13%">ผู้ถาม</td> <td width="87%">อ้อ...มีครบเลยนะ </td> </tr> <tr> <td width="13%">หลวงพ่อ </td> <td width="87%">มีครบถ้วน...เพราะเลวมีครบถ้วน! </td> </tr> <tr> <td width="13%">ผู้ถาม</td> <td width="87%">เป็นพระมีเลวเหมือนกันหรือครับ...? </td> </tr> <tr> <td width="13%">หลวงพ่อ </td> <td width="87%">เลว...ถ้าพระไม่เลว บวชอยู่ไม่ได้ </td> </tr> <tr> <td width="13%">ผู้ถาม</td> <td width="87%">เอ๊ะ! เป็นยังไงครับหลวงพ่อ...? </td> </tr> <tr> <td width="13%">หลวงพ่อ </td> <td width="87%">ถ้าพระดีเขาไม่ต้องบวช ไปนิพพานเลย </td> </tr> <tr> <td width="13%">ผู้ถาม</td> <td width="87%">อ้อ... </td> </tr> <tr> <td width="13%">หลวงพ่อ </td> <td width="87%">เป็นอรหันต์ใช่ไหม...? </td> </tr> <tr> <td width="13%">ผู้ถาม</td> <td width="87%">ครับ.... </td> </tr> <tr> <td width="13%">หลวงพ่อ </td> <td width="87%">ฉันมันเป็นกังหันนี่ หมุนดะ...แต่ว่าเมื่อกี้ถามว่ายังไงนะ วิธีแก้ใช่ไหม...? </td> </tr> <tr> <td width="13%">ผู้ถาม</td> <td width="87%">ครับวิธีแก้ </td> </tr> <tr> <td width="13%">หลวงพ่อ </td> <td width="87%">ถ้ารู้สึกตัวมา ถ้าอารมณ์ระงับก็ถอยหลังคิดว่า อารมณ์จิตอย่างนี้ไม่น่าจะมีกับเรา เพราะว่าตามปกติเราก็ให้อภัยอยู่แล้ว ทำไมเวลาจิตสงบสงัดจะต้องมาคิดอย่างนี้ ให้คิดว่าอันนี้ไม่ควรอารมณ์อย่างนี้ ให้คิดแค่นี้ว่าอันนี้ไม่ควร อารมณ์อย่างนี้มันจะมีไม่นานนัก ถ้าเวลาเลิกจิตสบายแล้วก็คิดว่า อันนี้มันผิดไปแล้ว ไม่ควรจะทำให้เศร้าหมองแบบนี้ ความดีที่มีอยู่จะคุ้มครองไม่ได้ เมื่อเวลาตาย ถ้าเวลาตายจิตเศร้าหมองแบบนี้ เราต้องลงอบายภูมิ 2-3 ครั้งมันจะหาย ค่อยๆ เรื่อยๆ ไปไม่ช้ามันจะหาย อันนี้ดีมาก ต้องขอชม คนนี้กิเลสหยาบเฉพาะโทสะ ผ่านไปแล้ว อันนี้น่าต้องคิด
    </td> </tr> <tr> <td width="13%">ผู้ถาม</td> <td width="87%">ควรแก่การอนุโมทนาเป็นอย่างยิ่ง </td> </tr> <tr> <td width="13%">หลวงพ่อ </td> <td width="87%">ใช่...ควรแก่ก่รรับ "ทาน" </td> </tr> <tr> <td width="13%">ผู้ถาม</td> <td width="87%">เอ๊ะ....! </td> </tr> <tr> <td width="13%">หลวงพ่อ </td> <td width="87%">อ้าว...พระ "ให้" ไม่มี...มีแต่ "ขอ" อย่างเดียว </td> </tr> <tr> <td width="13%">ผู้ถาม</td> <td width="87%">อ๋อ.... </td> </tr> </tbody></table>
    จากหนังสือ หลวงพ่อตอบปัญหาธรรม ฉบับพิเศษ เล่ม 5
    http://www.praruttanatri.com/v1/member/htm/m5y.html
     
  11. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    พระโพธิสัตว์ที่อยู่ชั้นดุสิต
    <table border="1" height="71" width="100%"> <tbody><tr> <td align="left" height="1" valign="top" width="13%">ผู้ถาม</td> <td height="1" valign="top" width="87%">พระโพธิสัตว์ที่อยู่ชั้นดุสิต เมื่อยังไม่ตรัสรู้ อยากเรียนถามหลวงพ่อว่า ท่านมีหน้าที่การงานอย่างไรบ้างหรือเปล่าครับ</td> </tr> <tr> <td align="left" height="6" width="13%">หลวงพ่อ </td> <td height="6" width="87%">ฉันยังไม่เคยอยู่ชั้นนี้เลย ความจริงพระโพธิสัตว์นี่หาเวลาว่างยากบนสวรรค์ ๖ ชั้น พระโพธิสัตว์ก็เหมือนกับพระ ก็มีหน้าที่สงเคราะห์พวกพรหมเทวดาด้วยการเทศน์ อย่างพรอินทร์เวลาถึงวันขึ้น ๑๔ ค่ำ หรือวันโกน สิ้นเดือน เทวดาต้องไปประชุมกันที่ เทวสภา แล้วตามปกติพระอินทร์ท่านจะไปเชิญพระโพธิสัตว์มาเทศน์ บางคราวก็หาพระโพธิสัตว์ว่างไม่ได้ พระอินทร์ต้องเทศน์เอง ท่านไม่มีเวลาว่าง ถ้าไม่ได้ไปไหนก็ไม่ว่าง</td> </tr> <tr> <td align="left" height="1" valign="top" width="13%">ผู้ถาม</td> <td height="6" width="87%">ทำอะไรครับหลวงพ่อ?</td> </tr> <tr> <td align="left" height="6" width="13%">หลวงพ่อ </td> <td height="6" width="87%">ต้องนั่งซิ!</td> </tr> <tr> <td align="left" height="1" valign="top" width="13%">ผู้ถาม</td> <td height="6" width="87%">แล้วไม่ได้หลับได้นอนหรือครับ?</td> </tr> <tr> <td align="left" height="6" width="13%">หลวงพ่อ </td> <td height="6" width="87%">เอ...นอนหรือเปล่า ไม่เคยเห็นนอนสักที</td> </tr> <tr> <td align="left" height="1" valign="top" width="13%">ผู้ถาม</td> <td height="6" width="87%">ลืมตาแจ๋ว...เป็นเหน็บชาแย่</td> </tr> <tr> <td align="left" height="6" width="13%">หลวงพ่อ </td> <td height="6" width="87%">เทวดาไม่มีประสาทปวดนะ แล้วก็ประการที่สอง สวรรค์ก็ดี พรหมก็ดี นิพพานก็ดี ไม่มีกลางคืน ไม่มีกลางวัน และไม่มีพระอาทิตย์ ในแดนนรกก็ไม่มีกลางวันและกลางคืน ไม่มีพระอาทิตย์เหมือนกัน ฉะนั้นก็ไม่มีคำว่าหยุด ไม่มีคำว่าพัก เพราะไม่มีคำว่าเหนื่อย สภาวะของท่านไม่เหนื่อยเลย หนักก็ดี กลุ้มก็ดี ไม่มีสำหรับเทวดา</td> </tr> <tr> <td align="left" height="1" valign="top" width="13%">ผู้ถาม</td> <td height="6" width="87%">อย่างนั้นเขาก็มีความสบายอย่างเดียวซิครับ?</td> </tr> <tr> <td align="left" height="6" width="13%">หลวงพ่อ </td> <td height="6" width="87%">นั่นเขารับส่วนสบายฝ่ายเดียว คำว่าเหนื่อยหรือเพลียไม่มีสำหรับที่นั้นเพราะท่านมีสภาวะเป็นทิพย์ ไม่มีสภาพหนัก มนุษย์นี่มีธาตุดินจึงทำให้หนัก ของท่านไม่มีทั้ง ๔ ธาตุ</td> </tr> <tr> <td align="left" height="1" valign="top" width="13%">ผู้ถาม</td> <td height="6" width="87%">แล้วถ้าธาตุไม่มีนี่จะพูดจากันรู้เรื่องหรือครับ.?</td> </tr> <tr> <td align="left" height="6" width="13%">หลวงพ่อ </td> <td height="6" width="87%">ก็พูดกันอย่างประสาไม่มีธาตุ เป็นนามธรรมที่เรียกว่า รูปในนาม ไม่มีของหนักอย่างเรา ก็มีสภาพคล้ายอากาศเบา ๆ ทุกอย่าง ฉันตอบได้เพราะว่าฉันเคยตายมาหลายอสงไขยกัป</td> </tr> </tbody></table>
    จากหนังสือ หลวงพ่อตอบปัญญาธรรม ฉบับพิเศษ เล่ม 7
    http://www.praruttanatri.com/v1/member/htm/pptsds.html
    http://www.praruttanatri.com/v1/member/htm/qa.htm
     
  12. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    SPF - UVA - UVB - UVC ในผลิตภัณฑ์ครีมคืออะไร?

    http://hilight.kapook.com/view/22739
    [​IMG]
    [​IMG]UVA – UVB – UVC

    [​IMG] UVA เป็นรังสีคลื่นยาว ซึ่งความยาวคลื่น 320 - 400 nm คลื่นรังสีนี้สามารถทะลุทะลวงผ่านเข้าชั้นหนังกำพร้าและหนังแท้ได้ สามารถเข้าไปทำลายโครงสร้าง สร้างความเสื่อมโทรมให้กับคอลลาเจนและอิลาสตินเจน หมดความยืดหยุ่น ก่อให้เกิดความเหี่ยวย่นของผิวหนัง แต่ไม่ทำให้เกิดการอับเสบของผิวหนัง

    [​IMG] UVB เป็นรังสีคลื่นสั้น ช่วงความยาวคลื่น 290 - 320 nm เมื่อผ่านเข้ามาสัมผัสร่างกาย จะผ่านชั้นหนังกำพร้าแล้วหนังแท้ด้านบนเข้าไปได้เท่านั้น ไม่สามารถเข้าลึกกว่านั้นได้ แต่รังสี UVB นั้นมีอยู่มาก และเป็นสาเหตุของการเกิดผิวไหม้อับเสบ

    [​IMG] UVC เป็นรังสีคลื่นสั้น ช่วงความยาวคลื่น 200 – 290 nm แสงช่วงนี้ส่วนใหญ่จะถูกดูดซับโดนก๊าซโอโซนในชั้นบรรยากาศ ส่งผลให้ร่างกายไม่ได้รับผลกระทบในรังสีชนิดนี้ แต่หากในอนาคต ชั้นบรรยากาศไม่สามารถดูดซับได้หมด รังสี UVC ก็จะเป็นอีกหนึ่งรังสี ที่เราจะหาทางรับมือป้องกันมัน

    [​IMG]SPF

    [​IMG] SPF ย่อมาจาก Sun Protecting Factor หรือเรียกง่ายๆ ว่า ค่าป้องกันแสงแดด โดยถ้าเราเคยตากแดดแล้วผิวไหม้ใน 15 นาที แต่ถ้าทาครีมที่มี SPF6 ผิวก็จะไหม้ในเวลา 6 เท่าคือ 90 นาที ถ้า SPF8 ก็จะกลายเป็น 120 นาที หรือ 2 ชั่วโมง

    ยังมีหลายๆ คนเข้าใจผิดว่าการใช้ค่า SPF สูงๆ จะสามารถป้องกันแสงแดดได้มากขึ้น แต่จริงๆ แล้ว มันไม่ได้แปรผันตามค่า SPF ที่สูงขึ้นเลย โดยครีมกันแดดที่มีค่า SPF15 นั้น สามารถป้องกันรังสียูวีบีได้ 93.3% ซึ่งถ้าเปรียบเทียบกับค่า SPF30 จะป้องกันได้เพียง 96.7% เท่านั้น

    ดังนั้น ค่า SPF ที่สูงมาขึ้น ก็ไม่ได้เพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันเท่าไหร่ แถมสิ่งที่ตามมาก็คือราคาและความเหนียวเหนอะหนะเพิ่มมากขึ้น หากไม่จำเป็นก็ใช้ SPF ที่พอเหมาะ เพื่อให้ผิวหนังของเราต้องแบกรับภาระของสารเคมีที่มากเกินไป



    ข้อมูลจาก
    [​IMG]
    ภาพประกอบทางอินเทอร์เน็ต
    เล่มที่ 17 เดือนเมษายน พ.ศ.2551
    <!-- / message --> <!-- sig -->
     
  13. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    รัสเซียสร้างอนุสาวรีย์ยกย่องวีรกรรม “ตูบอวกาศ”
    http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9510000043663
    <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#cccccc" height="1">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td class="body" align="left" valign="baseline">โดย ผู้จัดการออนไลน์</td> <td class="date" align="left" valign="baseline">12 เมษายน 2551 17:30 น.</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="middle">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <table align="left" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="300"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top" width="300"> [​IMG] </td> </tr> <tr><td class="Image" align="left" valign="baseline">ภาพของไลก้าขณะถูกส่งขึ้นสู่ห้วงอวกาศพร้อมยานสปุตนิค 2 </td></tr> </tbody></table></td> <td width="5">[​IMG]</td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table>















    เอเจนซี – รัสเซียทำพิธีเปิดอนุสาวรีย์ยกย่องวีรกรรมของเจ้าไลก้า สุนัขซึ่งถูกส่งขึ้นไปยังอวกาศเมื่อกว่า 50 ปีที่แล้ว ซึ่งนับเป็นการปูทางให้กับปฏิบัติการสำรวจอวกาศของมนุษย์ในเวลาต่อมา


    เจ้าหน้าที่รัสเซียทำพิธีเปิดอนุสาวรีย์ของไลก้าเมื่อวันศุกร์ (11) ซึ่งอนุสาวรีย์ขนาดเล็กดังกล่าวเป็นรูปเจ้าไลก้าขณะยืนอยู่บนจรวด และตั้งอยู่ใกล้กับศูนย์วิจัยของกองทัพในกรุงมอสโกซึ่งเป็นสถานที่ในการวางแผนส่งไลก้าขึ้นสู่ห้วงอวกาศเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายนปี 1957

    ทั้งนี้ผลกระทบเกี่ยวกับการส่งสิ่งมีชีวิตขึ้นไปยังอวกาศในช่วงที่ไลก้าถูกส่งขึ้นไปพร้อมกับยานสปุตนิค 2 เมื่อปี 1957 ยังไม่มีความชัดเจนมากนัก บางคนเชื่อว่าสิ่งมีชีวิตจะไม่สามารถมีชีวิตรอดหลังถูกส่งขึ้นไปยังอวกาศหรือทนต่อสภาพอวกาศนอกโลกได้ ดังนั้นวิศวกรอวกาศของรัสเซียจึงได้ริเริ่มโครงการส่งสุนัขขึ้นสู่ห้วงอวกาศเพื่อเป็นการปูทางให้กับปฏิบัติการสำรวจอวกาศของมนุษย์ในอนาคต

    สุนัขที่ถูกนำมาใช้ในโครงการอวกาศของสหภาพโซเวียตในเวลานั้นจะเป็นสุนัขเร่ร่อนพันธุ์ผสม เนื่องจากแพทย์เชื่อว่าสุนัขพันธุ์ดังกล่าวสามารถปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมต่างๆ ได้เร็วกว่า ซึ่งสุนัขทุกตัวจะมีขนาดไม่ใหญ่มากนักเพื่อที่มันจะสามารถนั่งในแคปซูลขนาดเล็กได้อย่างพอดี ขณะที่เจ้าไลก้า สุนัขเพศเมีย วัย 2 ขวบ ถูกเลือกให้มารับหน้าที่ดังกล่าวก่อนหน้าที่ยานสปุตนิค 2 จะถูกส่งขึ้นสู่ห้วงอวกาศเพียง 9 วัน

    เรื่องราวที่ว่าเหตุใดเจ้าไลก้าจึงถูกเลือกให้มาทำหน้าที่สำคัญในครั้งนี้มีการพูดถึงแตกต่างกันออกไป บางคนกล่าวว่าเป็นเพราะไลก้าเป็นสุนัขที่ดูดี ซึ่งผู้บุกเบิกโครงการอวกาศของสหภาพโซเวียตจำเป็นต้องถ่ายรูปขึ้น ขณะที่บางคนเล่าว่าภารกิจดังกล่าวเกือบถูกยกเลิกด้วยความที่แพทย์สงสารเจ้าไลก้า เนื่องจากไม่สามารถออกแบบยานให้สามารถเดินทางกลับสู่โลกได้อีกครั้งทันกำหนดการปล่อยยานดังกล่าว ดังนั้นภารกิจครั้งนี้จึงหมายถึงเจ้าไลก้าต้องตายเพียงอย่างเดียว

    “ไลก้าเป็นสุนัขที่เงียบและน่ารัก ก่อนที่จะเริ่มภารกิจดังกล่าวผมพาไลก้ากลับไปเล่นกับลูกๆ ของผมที่บ้าน ผมอยากทำสิ่งดีๆ ให้กับมันบ้าง เพราะเวลาของมันเหลือไม่มากนัก” ดร.วลาดิมีร์ ยาซดอฟสกี้ระบุไว้ในหนังสือเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับโครงการอวกาศของสหภาพโซเวียต

    ขณะที่ดาวเทียมซึ่งบรรทุกเจ้าไลก้าขึ้นสู่ห้วงอวกาศถูกสร้างขึ้นโดยใช้เวลาไม่ถึงเดือน หลังสหภาพโซเวียตได้ส่งดาวเทียมจำลองดวงแรกของโลกสู่วงโคจรเมื่อวันที่ 4 ตุลาคมปี 1957 อย่างไรก็ตามเนื่องจากเกิดปัญหาทางเทคนิคในนาทีสุดท้ายก่อนการปล่อยยาน ทำให้ไลก้าต้องทนรออยู่ในยานนานถึง 3 วันขณะที่อุณหภูมิลดต่ำ จนเจ้าหน้าที่ต้องปล่อยความร้อนผ่านท่อเข้าไปในห้องขับยานดังกล่าว

    ทั้งนี้หลังจากยานถูกส่งขึ้นสู่วงโคจรเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แพทย์กลับมาโล่งใจอีกครั้งเมื่อรู้ว่าอัตราการเต้นของหัวใจ และความดันของไลก้าได้กลับสู่ระดับปกติ หลังการเต้นของหัวใจและความดันของไลก้าเพิ่มสูงขึ้นขณะยานถูกปล่อย ขณะที่ไลก้ากินอาหารซึ่งมีการจัดเตรียมเป็นพิเศษไว้ในตู้เก็บอาหาร ขณะเดียวกันรายงานอย่างเป็นทางการ กลับระบุว่า ไลก้าตายหลังจากนั้นอีก 1 สัปดาห์

    อย่างไรก็ตามหลังการล่มสลายของสหภาพโซเวียต ผู้ร่วมโครงการได้ออกมาเปิดเผยว่า จริงๆ แล้วไลก้าจะต้องถูกฉีดยาให้ตายอย่างสงบตามโครงการที่วางไว้ แต่สุดท้ายไลก้ากลับตายเพราะความร้อนภายในยานที่สูงมากเกินไปหลังถูกส่งขึ้นสู่วงโคจรเพียงไม่กี่ชั่วโมง

    นอกจากนี้ยังมีสุนัขอีกหลายตัวที่เสียชีวิตจากการปล่อยยานที่ล้มเหลว ก่อนที่โครงการส่งสุนัขขึ้นไปสำรวจอวกาศจะประสบความสำเร็จในเดือนสิงหาคมปี 1960 ซึ่งสุนัขที่ถูกส่งขึ้นสู่ห้วงอวกาศและกลับสู่โลกอย่างปลอดภัยมีชื่อว่า เบลก้าและสเตรลก้านั่นเอง

    ทั้งนี้หลังประสบความสำเร็จในการส่งสุนัขขึ้นสู่อวกาศอีกไม่กี่ครั้งหลังจากนั้น สหภาพโซเวียตก็ได้ส่งยูริ กาการิน มนุษย์อวกาศคนแรกของโลก ขึ้นสู่ห้วงอวกาศเมื่อวันที่ 12 เมษายนปี 1961
     
  14. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ร้อนได้ไง !! ทำไมถึงร้อนและทำยังไงถึงหายร้อน
    http://www.manager.co.th/Science/ViewNews.aspx?NewsID=9510000041291
    <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#cccccc" height="1">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td class="body" align="left" valign="baseline">โดย ผู้จัดการออนไลน์</td> <td class="date" align="left" valign="baseline">11 เมษายน 2551 12:35 น.</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="middle">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="left" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="200"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top" width="200"> [​IMG] </td> </tr> <tr><td class="Image" align="left" valign="baseline">(ภาพจาก www.njconnex.com)</td></tr> </tbody></table></td> <td width="5">[​IMG]</td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> อีกไม่กี่วันก็ถึง "เทศกาลสงกรานต์" พร้อมๆ กับอากาศร้อนที่ทวีขึ้นเหมือนเป็นคู่แฝด บางคนบอกว่าร้อนนี้อาจถึงคราว "ตับแลบ" อย่างไม่ต้องสงสัย แล้วเราร้อนได้อย่างไร และวิธีไหนกันหนอที่จะ "ดับร้อน" ได้ "เวิร์ก" สุดๆ

    งานนี้เราได้คุณหมอใจดีอย่าง ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ นักวิทยาศาสตร์ดีเด่นปี 2547 มาช่วยไขสาเหตุที่คนเรามีอาการ "รู้ร้อนรู้หนาว" ได้นั้น ก็เพราะมนุษย์เป็นสัตว์เลือดอุ่น ไม่ใช่สัตว์เลือดเย็นอย่าง งู จิ้งเหลน กบ คางคก อึ่งอ่าง ฯลฯ ร่างกายจึงต้องปรับอุณหภูมิให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมอยู่เสมอ คือระหว่าง 36.5-37 องศาเซลเซียส

    ดังนั้นไม่ว่าอุณหภูมิอากาศภายนอกจะมากหรือน้อยอย่างไร หากอุณหภูมิร่างกายสูงกว่านี้ เราก็จะรู้สึกร้อนขึ้นมาทันที และที่แน่ๆ ร่างกายจะต้องปรับสมดุลให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมให้ได้

    </td> </tr> <tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="right" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td width="5">[​IMG]</td> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="200"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top" width="200"> [​IMG] </td> </tr> <tr><td class="Image" align="left" valign="baseline">ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา</td></tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> นอกจากนั้น ร่างกายก็ไม่ได้มีเพียงตัวรับสัญญาณความร้อน-เย็นเท่านั้น แต่ยังมีตัวรับสัญญาณการขาดน้ำ (หรือตัวรับสัญญาณที่บอกระดับความเข้มข้นของเลือด) และตัวรับสัญญาณการขาดเกลือแร่ โดยตัวรับสัญญาณทั้งสามชนิดนี้จะส่งสัญญาณไปบอกสมองให้รับรู้เพื่อกระตุ้นกลไกการปรับอุณหภูมิของร่างกายให้เริ่มทำงาน

    หากอุณหภูมิร่างกายร้อนเกินไป ระบบประสาทอัตโนมัติก็จะสั่งการให้มีการระบายความร้อนออกมา โดยเส้นเลือดจะขยายตัวขึ้นเพื่อระบายความร้อนผ่านเหงื่อที่ผุดออกมาเป็นเม็ดเล็กๆ มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ปริมาณวันละ 400-1,000 ซี.ซี.หรือมากกว่าแล้วแต่สภาพแวดล้อมในขณะนั้น เช่น การอยู่ในที่ร่มหรืออยู่กลางแดด อุณหภูมิรอบตัวเป็นอย่างไร และมีลมหรือไม่ โดยความชื้นในอากาศก็เป็นตัวการสำคัญที่ตัดสินว่าเหงื่อจะระเหยออกไปได้มากหรือน้อยเพียงใด

    กลไกการระบายความร้อนอีกส่วนหนึ่งของร่างกายยังอยู่ในรูปของไอเหงื่อซึ่งเรามองไม่เห็นแต่อาจมีปริมาณมากถึง 500-600 ซี.ซี./วัน โดยกลไกนี้จะไม่เกิดขึ้นเมื่ออุณหภูมิร่างกายต่ำกว่าระดับที่เหมาะสมในเวลาที่เรารู้สึกหนาว ซึ่งเส้นเลือดจะหดตัวลงเพื่อไม่ให้สูญเสียความร้อน อีกทั้งยังมีอาการหนาวสั่นเพื่อผลิตความร้อนให้ร่างกายซะเอง

    </td> </tr> <tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="left" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="200"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top" width="200"> [​IMG] </td> </tr> <tr><td class="Image" align="left" valign="baseline">(ภาพจาก www.ladytip.com)</td></tr> </tbody></table></td> <td width="5">[​IMG]</td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> ทั้งนี้ กลไกการร้อน-หนาวยังเกี่ยวพันโดยตรงกับระดับน้ำและเกลือแร่ในร่างกายด้วย ศ.นพ.ธีระวัฒน์ อธิบายว่า เมื่ออากาศร้อนและร่างกายขาดน้ำจากการสูญเสียเหงื่อและไอเหงื่อจะทำให้ระดับความเข้มข้นของเลือดและเกลือแร่ในร่างกายเข้มข้นเกินไป

    ร่างกายจึงต้องปรับตัวโดยส่งสัญญาณไปที่ไตเพื่อบังคับให้ปัสสาวะน้อยลงเพื่อรักษาสมดุลของน้ำและเกลือแร่ ขณะเดียวกันร่างกายก็จะรู้สึกอยากดื่มน้ำเพื่อชดเชยน้ำที่สูญเสียไป ซึ่งกลไกนี้จะเกิดขึ้นจนกว่าอุณหภูมิร่างกายจะเข้าสู่ภาวะปกติ

    ส่วนวิธีคลายร้อนหลากหลายวิธีที่ทำได้ง่ายๆ คุณหมอใจดีแจกแจงกลไกการดับร้อนทีละอย่างๆ ให้ฟังอย่างใจเย็น...

    </td> </tr> <tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="right" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td width="5">[​IMG]</td> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="200"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top" width="200"> [​IMG] </td> </tr> <tr><td class="Image" align="left" valign="baseline">(ภาพจาก pro.corbis.com)</td></tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> เริ่มจากวิธีที่แสนจะคลาสสิกอย่าง "การพัด" และการใช้ "พัดลม" ว่าเป็นวิธีการเป่าเหงื่อบนผิวหนังเราให้ระเหยออกไปเร็วขึ้น เทียบกับรถยนต์แล้วก็เหมือนพัดลมพัดความร้อนจากหม้อน้ำออกไป และหากอุณหภูมิของลมต่ำก็จะทำให้มีการไหลเวียนของอากาศมากขึ้นจึงช่วยพาความร้อนออกไปได้ดี เช่นในสมัยนี้ที่พัดลมราคาแพงสักหน่อยจะพ่นไอน้ำออกมาด้วย

    “แป้งเย็น” ถือเป็นตัวเลือกต่อมาที่หลายๆ คนแอบคิดถึง คุณหมออธิบายว่า ในเนื้อแป้งเย็นจะมีสารบางชนิดที่ไปกระตุ้นเส้นประสาทการรับความเย็นทำให้เรารู้สึกเย็นขึ้น แต่กระนั้นแป้งฝุ่นธรรมดาๆ ก็ช่วยคลายร้อนได้เช่นกัน คือจะช่วยดูดซับเหงื่อที่ผุดออกมาจากผิวหนังเพื่อให้ร่างกายระบายความร้อนออกมาในรูปของเหงื่อได้อย่างต่อเนื่อง

    ขณะที่การเล่นน้ำสงกรานต์กลางแดดท่ามกลางอากาศร้อนและมีความชื้นสูงก็มักมีการประแป้ง เพื่อระบายความร้อนไม่ให้เป็นลมแดด (ฮีตสโตรก : Heat stroke) ด้วย คุณหมอกล่าวว่าต้องยกเครดิตให้กับความชาญฉลาดของบรรพบุรุษไทย

    </td> </tr> <tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="left" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="200"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top" width="200"> [​IMG] </td> </tr> <tr><td class="Image" align="left" valign="baseline">(ภาพจาก www.thehenrichsens.com)</td></tr> </tbody></table></td> <td width="5">[​IMG]</td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> "เครื่องปรับอากาศ" ก็เป็นอีกเครื่องใช้ประจำบ้านประจำสำนักงาน ยอดนิยมที่ใช้คลายร้อนให้เราก็เป็นกลไกง่ายๆ โดยการปรับอุณหภูมิภายนอกให้ใกล้เคียงกับอุณหภูมิซึ่งคนเราจะรู้สึกสบายที่ประมาณ 26 องศาเซลเซียส

    ขณะที่การใช้ "ผ้าเย็น" หรือ “อาบน้ำ” หรือ "การนำน้ำเย็นมาลูบเนื้อลูบตัว" ก็เป็นการเปลี่ยนสภาพแวดล้อมรอบตัวที่ช่วยดึงเอาความไม่สบายเนื้อไม่สบายตัวออกไปประการหนึ่ง แถมยังเป็นการนำความเย็นเข้าไปสัมผัสโดยตรง ทำให้อากาศรอบตัวบริเวณที่มีผ้าเย็นหรือน้ำเข้าไปสัมผัสเย็นขึ้น เราจึงรู้สึกผ่อนคลาย

    </td> </tr> <tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="right" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td width="5">[​IMG]</td> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="300"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top" width="300"> [​IMG] </td> </tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> แต่ศ.นพ.ธีระวัฒน์ ยังไม่เห็นด้วยกับความเชื่อที่ว่า เราไม่ควรดื่มน้ำหรือรับประทานของเย็นๆ เวลาอากาศร้อนมากๆ ว่าจะทำให้ไม่สบายด้วยว่า ยังไม่มีข้อพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ใดๆ ว่าจะมีผลร้ายเช่นนั้น ไม่ว่าจะเป็นการดื่มน้ำเย็นหรือการรับประทานไอศกรีม เราจึงรับประทานได้โดยไม่ต้องกังวล เว้นแต่คนๆ นั้นอาจมีอาการผิดปกติของร่างกายอยู่ก่อนแล้ว เช่นอาการอ่อนเพลียจัดและอาการของลมแดด

    ถ้าได้รับอันตรายที่เกี่ยวกับแดดและความร้อนจนเกิดความผิดปกติและมีอาการมาก การดื่มน้ำเย็นอาจทำให้เกิดตะคริวท้อง ไม่ควรให้น้ำดื่มเพราะจะเกิดอันตรายร้ายแรงได้” คุณหมอย้ำชัดๆ อีกครั้ง

    ที่สำคัญนอกจากน้ำที่ได้จากการรับประทานอาหารแล้ว หน้าร้อนนี้ทุกคนควรดื่มน้ำให้มากๆ เฉลี่ยวันละ 3 ลิตร ซึ่งเป็นปริมาณกำลังดี ทำให้ระบบขับถ่ายหนัก-เบาดีขึ้น เช่น ท้องไม่ผูกและฝึกนิสัยการปัสสาวะที่ดีไปในตัว

    ส่วน "อาหารการกิน" ในช่วงที่มีอากาศร้อนๆ ศ.นพ.ธีระวัฒน์ แนะว่า เราควรรับประทานอาหารธาตุเย็น เช่นควรทานผักและผลไม้มากๆ จะเป็นการดีที่สุด เพราะจะมีเกลือแร่และน้ำมาก ทดแทนส่วนที่สูญเสียไปกับเหงื่อและปัสสาวะ จึงเป็นการปรับสมดุลเกลือแร่ในร่างกาย

    "แต่ผลไม้พวกนี้ก็ไม่ควรเป็นผลไม้ร้อนเกินไปอย่างทุเรียน เงาะ หรือลำไยที่อาจทำให้ไม่สบายเนื้อไม่สบายตัว แต่แนะนำว่าควรเป็นผักใบเขียวและผลไม้ที่มีน้ำเยอะๆ จะดีกว่า อาทิ แตงโม คะน้า ตำลึง ฯลฯ และไม่ควรดื่มแอลกอฮอล์ กาแฟ ของหวานจัด เพราะเป็นอาหารธาตุร้อน ยิ่งจะทำให้ร่างกายเก็บน้ำไม่อยู่เพิ่มขึ้นไปอีก" คุณหมอใจดีจากโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์แนะนำ.
    </td></tr></tbody></table>
     
  15. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ร้อนซะขนาดนี้ พี่ๆ ในวงการวิทยาศาสตร์ เขามีวิธีคลายร้อนมาแนะนำ
    http://www.manager.co.th/Science/ViewNews.aspx?NewsID=9510000043352
    <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#cccccc" height="1">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td class="body" align="left" valign="baseline">โดย ผู้จัดการออนไลน์</td> <td class="date" align="left" valign="baseline">11 เมษายน 2551 16:21 น.</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="middle">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> เดือนเมษาหน้าร้อนก็ถึงคราวเวียนมาบรรจบให้ร้อนอบอ้าวกันอีกแล้ว หลายๆ คนก็คงชักชวนกันไปสาดน้ำในวันปีใหม่ไทยกันให้ชุ่มฉ่ำ เพื่อไล่เอาความร้อนออกจากร่างกาย แต่สำหรับใครที่ไม่มีแผนจะไปเล่นน้ำวันสงกรานต์ที่ไหน หรือยังหาวิธีดับร้อนไม่ได้ ผู้จัดการวิทยาศาสตร์มีคำแนะนำดีๆ จากคนวงในมาฝาก เผื่อจะช่วยให้หายร้อนกันได้บ้าง

    </td> </tr> <tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="left" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="144"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top">คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น</td> </tr> <tr> <td align="center" valign="top" width="144"> [​IMG] </td> </tr> </tbody><caption align="bottom">ศ.ดร.ยงยุทธ ยุทธวงศ์</caption> </table> </td> <td width="5">[​IMG]</td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <center>ศ.ดร.ยงยุทธ ยุทธวงศ์
    ที่ปรึกษาอาวุโสสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) และอดีต รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี</center>

    การปลูกต้นไม้เยอะๆ จะช่วยคลายร้อนได้ เพราะต้นไม้จะคลายน้ำออกมาทำให้อากาศเย็นขึ้น พร้อมทั้งให้ร่มเงา และยังให้ทางด้านความรู้สึกด้วย เมื่อเรามองเห็นต้นไม้ เห็นสีเขียวๆ แม้อากาศจะร้อนแต่ก็ทำให้เรารู้สึกใจเย็นขึ้นได้ แต่ถ้าอากาศร้อนมากๆ เราก็คงเลี่ยงที่จะเปิดแอร์ไม่ได้ แต่ว่าหากเราปลูกต้นไม้ร่วมด้วยก็จะช่วยให้เราประหยัดไฟฟ้าจากการเปิดแอร์ได้

    พัดลมไอน้ำก็ช่วยคลายร้อนได้ดี เพราะนอกจากจะให้ลมแล้วยังให้พัดละอองน้ำออกมาด้วย และเมื่อน้ำระเหยก็จะดูดเอาความร้อนในอากาศเข้าไปเพื่อที่จะกลายเป็นไอ เกิดความร้อนแฝงไปกับไอน้ำ

    การออกกำลังกายหรือเล่นกีฬาก็ช่วยได้ ซึ่งอาจจะรู้สึกร้อนในตอนเล่น แต่หลังจากนั้นเราจะรู้สึกเย็นสบายขึ้น เพราะร่างกายได้เสียเหงื่อและระบายความร้อนออกมาทางผิวหนัง เมื่อเหงื่อระเหยก็จะดึงเอาความร้อนไปด้วย ทำให้เรารู้สึกเย็นขึ้น แต่ทั้งนี้ก็ไม่ควรเล่นกีฬากลางแดดจัดๆ เพราะร่างกายอาจจะทนไม่ไหวและป่วยได้

    </td> </tr> <tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="right" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td width="5">[​IMG]</td> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="115"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top">คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น</td> </tr> <tr> <td align="center" valign="top" width="115"> [​IMG] </td> </tr> </tbody><caption align="bottom">รศ.ดร.ชัยวัฒน์ คุประตกุล</caption> </table> </td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <center>รศ.ดร.ชัยวัฒน์ คุประตกุล
    นักฟิสิกส์, นักเขียนไซไฟ</center>

    วิธีคลายร้อนที่ดีที่สุดคือหลบเลี่ยงจากการออกไปกลางแจ้ง ควรอยู่ในที่มีร่มเงา ไม่ถูกแสงแดดโดยตรง และไม่ควรออกแรงทำงานหนักๆ หรือออกกำลังกายที่ต้องใช้พลังงานมากๆ การอยู่ในห้องแอร์ก็จะทำให้เราหายร้อนและเย็นสบายได้ แต่การเปิดแอร์จะสิ้นเปลืองพลังงานมาก ดังนั้นจึงควรใช้เท่าที่จำเป็น แต่วิธีที่ดีกว่าก็คือปรับตัวให้อยู่ได้ในสิ่งแวดล้อม

    การปลูกต้นไม้ก็สามารถช่วยให้หายร้อนได้เป็นอย่างดี สำหรับคนที่กังวลว่าที่บ้านไม่มีพื้นที่ปลูกต้นไม้ก็สามารถปลูกต้นไม้ไว้ในกระถางเล็กๆ ได้ หรือทำระแนงปลูกไม้เลื้อย ซึ่งที่บ้านของผมก็ใช้วิธีเดียวกันนี้ ส่วนใหญ่เน้นปลูกต้นไม้เพื่อให้มีสีเขียวเยอะๆ เพราะทำให้มองดูร่มรื่น ส่วนไม้ดอกก็จะเพิ่มความสดชื่นได้ ทั้งยังทำให้บ้านเราไม่ร้อนมากด้วย วันไหนที่อากาศร้อนๆ เราก็สามารถเลือกพักผ่อนอยู่กับบ้าน และอยู่ในมุมที่มีต้นไม้เพียงเท่านี้ก็คลายความร้อนในวันนั้นๆ ไปได้

    </td> </tr> <tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="left" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="138"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top">คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น</td> </tr> <tr> <td align="center" valign="top" width="138"> [​IMG] </td> </tr> </tbody><caption align="bottom">นายธนากร พละชัย </caption> </table> </td> <td width="5">[​IMG]</td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <center>นายธนากร พละชัย
    รอง ผอ.องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.)</center>

    ควรอยู่ในที่ที่อากาศถ่ายเท มีลมหมุนเวียนได้อย่างสะดวก เช่น ช่องแคบๆ ที่เปิดหัวเปิดท้าย ซึ่งลมจะถูกบีบให้ผ่านช่องนั้นและจะไหลแรงกว่าปกติ อากาศก็จะเย็นสบาย เชื่อว่าในบ้านของแต่ละคนก็น่าจะมีมุมมุมหนึ่งที่เย็นสบายที่บริเวณอื่นๆ ในบ้าน

    หรือเลือกพักผ่อนอยู่ในที่ร่ม เช่น ใต้ต้นไม้ เพราะในที่ร่มใต้ต้นไม้จะมีอุณหภูมิต่างกับบริเวณที่ตากแดดค่อนข้างมาก ทำให้อากาศเคลื่อนที่จากที่ที่มีมวลอากาศสูงหรือที่อากาศเย็น ไปสู่ที่ที่มีมวลอากาศต่ำหรือที่อากาศร้อน ก็จะทำให้เกิดลมเย็นๆ พัดผ่านบรรเทาความร้อนได้

    หลายคนมักชอบไปศูนย์การค้า ซึ่งเป็นการสิ้นเปลืองพลังงานในการเดินทาง และหากไม่มีรถยนต์ส่วนตัวก็ต้องฝ่าแดดจัดท่ามกลางอากาศร้อนๆ เพื่อที่จะไปเข้าศูนย์การค้าที่เปิดแอร์เย็นกว่า หรือออกจากศูนย์การค้าแล้วมาเจออากาศภายนอกที่ร้อนระอุกว่าหลายเท่า และยังจะรู้สึกร้อนกว่าคนทั่วไปอีก เพราะอยู่ในที่เย็นจัดมาก่อนและมาเจอร้อนจัดที่มีอุณหภูมิต่างกันมากถึง 10 องศาเซลเซียส โดยประมาณ คนที่ร่างกายปรับตัวไม่ได้ก็อาจล้มป่วยลงได้

    และไม่ควรดื่มน้ำเย็นจัดในขณะที่อากาศร้อนจัด เพราะจะทำให้ไม่สบายได้เหมือนกัน ทางที่ดีอย่าทำอะไรที่ทำให้อุณหภูมิร่างกายต่างกับสิ่งแวดล้อมมากนัก อยู่บ้านทำกิจกรรมเบาๆ ไม่ต้องออกแรงมาก เลือกอยู่ในมุมที่ลมพัด อากาศถ่ายเทสะดวก ใส่เสื้อผ้าที่ระบายความร้อนได้ดีก็ช่วยได้แล้ว

    </td> </tr> <tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="right" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td width="5">[​IMG]</td> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="112"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top">คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น</td> </tr> <tr> <td align="center" valign="top" width="112"> [​IMG] </td> </tr> </tbody><caption align="bottom">นายธารา บัวคำศรี</caption> </table> </td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <center>นายธารา บัวคำศรี
    ผู้ประสานงานรณรงค์ด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
    กรีนพีซเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
    </center>

    เมื่ออากาศร้อนมากๆ คนส่วนใหญ่มักนึกถึงเครื่องปรับอากาศก่อนเป็นอันดับแรก ซึ่งหากร้อนจัดๆ แล้ววิ่งเข้าหาแอร์ทันที เป็นวิธีที่ไม่ถูกต้องเพราะร่างกายของเราอาจปรับตัวไม่ทันตามอุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลงทันทีทันใด ซึ่งแทนที่จะหายร้อนก็อาจทำให้ป่วยได้ วิธีที่ดีกว่านั้นคือการเข้าหาต้นไม้ ซึ่งหากรอบๆ ที่อยู่อาศัยเป็นพื้นที่ว่าง ก็ควรที่จะปลูกต้นไม้ไว้เพื่อให้ร่มเงาและกันความร้อนจากแสงแดด ขณะเดียวกันก็จะได้รับความชื้นที่มาจากการคายน้ำของใบไม้ด้วย ซึ่งช่วยบรรเทาความอบอ้าวให้น้อยลงได้

    อย่างไรก็ดี ผู้ที่อาศัยอยู่ในเมืองยังต้องเผชิญกับความร้อนที่แผ่มาจากตัวอาคาร พื้นถนน และพื้นซีเมนต์ วิธีที่จะช่วยได้คือเพิ่มพื้นที่สีเขียวเพื่อเพิ่มการไหลเวียนของอากาศ ซึ่งอาจจะช่วยลดความร้อนไม่ได้มากนัก แต่จะช่วยบรรเทาความอบอ้าวให้ลดลงได้เป็นอย่างดี

    ควรสวมใส่เสื้อผ้าที่ระบายอากาศได้ดี หรือการกินอาหารที่เหมาะกับฤดูกาลก็ช่วยคลายร้อนได้ เช่น ข้าวแช่ ซึ่งเป็นวิถีที่มีมาแต่โบราณ เชื่อกันว่าเมื่อกินข้าวแช่เข้าไปแล้วจะช่วยปรับอุณหภูมิของร่างกายให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมภายนอกได้

    </td> </tr> <tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="left" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="150"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top">คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น</td> </tr> <tr> <td align="center" valign="top" width="150"> [​IMG] </td> </tr> </tbody><caption align="bottom">ดร.อานนท์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา</caption> </table> </td> <td width="5">[​IMG]</td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <center>ดร.อานนท์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา
    ผอ.ศูนย์เครือข่ายงานวิเคราะห์ วิจัยและฝึกอบรมการเปลี่ยนแปลงของโลกแห่งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้</center>

    ขึ้นอยู่กับสถานที่ที่เราอยู่ อาจจะเลือกคลายร้อนด้วยการรับลม อาบน้ำ อยู่ในห้องแอร์ หรือเข้าศูนย์การค้า อย่างไรก็ดีหากต้องการคลายร้อนด้วยเครื่องปรับอากาศ สมาชิกในบ้านควรมารวมอยู่ในห้องที่มีแอร์ห้องเดียวกันแทนที่จะแยกกันอยู่คนละห้องแล้วเปิดแอร์คนละเครื่อง หรือเลือกเข้าศูนย์การค้าน่าจะดีกว่าเปิดแอร์อยู่บ้าน เพราะศูนย์การค้าไม่ว่าจะมีคนมากหรือน้อยก็เปิดแอร์มากเท่าเดิม เราก็เลือกประหยัดแอร์ที่บ้านได้

    แต่วิธีที่ดีที่สุดคือการลดใช้พลังงานนั่นเอง อาจเลือกทำกิจกรรมเบาๆ อยู่กับบ้าน ไม่ต้องใช้แรงมาก ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ต้องออกไปเผชิญอากาศร้อนข้างนอกบ้าน ใช้เครื่องมือสื่อสารหรืออินเทอร์เน็ตติดต่อกันแทนการขับรถออกไปพบปะกันข้างนอกที่ต้องใช้พลังงานมากกว่า หรืออาจปรับการทำงานมาเป็นช่วงกลางคืนที่เย็นสบายกว่า และในช่วงเดือน เม.ย. มีเทศกาลสงกรานต์ที่พอจะช่วยคลายร้อนได้อีกวิธีหนึ่งด้วย

    และก็ฝากด้วยว่าควรเล่นสงกรานต์กันอย่างมีสติ เมื่อจะสาดน้ำก็ให้คิดถึงคุณค่าและประโยชน์ของน้ำด้วย แต่เนื่องจากเป็นประเพณีไทยจึงพออนุโลมกันได้ แต่หากเป็นวันอื่นๆ ก่อนสาดน้ำต้องระลึกเสมอว่าน้ำเป็นสิ่งจำเป็นและเป็นของหายากแล้วในปัจจุบัน ต้องใช้อย่างรู้คุณค่าและให้เกิดประโยชน์มากที่สุด

    </td> </tr> <tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> เป็นอย่างไรกันบ้างกับวิธีคลายร้อนที่แนะนำโดยคนในแวดวงวิทยาศาสตร์บ้านเรา ใครรู้สึกร้อนเมื่อไหร่ก็เลือกใช้เลือกนำไปปฏิบัติกันได้ไม่ยากเลย และไม่ต้องเสียค่าลิขสิทธิ์อีกด้วย และหากจะให้ดีล่ะก็ ควรเลือกคลายร้อนด้วยวิธีที่ไม่สิ้นเปลืองพลังงานหรือเป็นวิธีที่ลดใช้พลังงาน เพื่อที่จะได้ช่วยให้โลกของเราไม่ต้องร้อนมากไปกว่านี้ เมื่อโลกหายร้อน พวกเราก็จะรู้สึกเย็นไปกับโลกด้วยนั่นเองแหละ</td></tr></tbody></table>
     
  16. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    สงกรานต์ออนไลน์ สาดกระจายผ่านจอ
    http://www.manager.co.th/CyberBiz/ViewNews.aspx?NewsID=9510000042599
    <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#cccccc" height="1">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td class="body" align="left" valign="baseline">โดย ผู้จัดการออนไลน์</td> <td class="date" align="left" valign="baseline">12 เมษายน 2551 12:01 น.</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="middle">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> สวัสดีปีใหม่ . . . ชาวไอทีทั้งหลาย อย่าเพิ่งแปลกใจคำทักทายว่าผิดหรือเปล่า ไม่ผิดหรอกครับ ปีใหม่งวดนี้เป็นปีใหม่ของชาวไทย ซึ่งปกติคนทั่วไปมักจะคุ้นเคยกับวันที่ 1 ของต้นปีกันเสียมากกว่า แล้วปีใหม่นี้เองมีเทศกาลสำคัญเกี่ยวข้องที่คุ้นหูคุ้นตาทุกคนนั่นคือ "วันสงกรานต์" โดยทุกปีจะยึดวันที่ 13 เป็นวันเริ่มต้นของเทศกาล หรือเรียกอีกอย่างว่า "วันมหาสงกรานต์"

    กิจกรรมในเทศกาลสงกรานต์ย่อมหนีไม่พ้นการคลายร้อนด้วยการสาดน้ำใส่กัน ทีมงานไซเบอร์บิซจึงรวบรวม "เว็บไซต์สงกรานต์ออนไลน์" สำหรับคอไอทีที่ไม่อยากออกจากบ้านไปสาดน้ำ หรืออยากออกแต่ไม่อยากตกเทรนด์ ไม่เพียงการสาดน้ำกันผ่านทางหน้าจอคอมพิวเตอร์ ยังมีบริการปล่อยนกปล่อยปลาออนไลน์ บริการรดน้ำดำหัวออนไลน์พร้อมช่องสำหรับใส่ข้อความขอขมา และอีกหลายบริการที่สร้างอรรถรสแบบสงกรานต์ๆสำหรับคนยุคใหม่

    </td> </tr> <tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="left" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="150"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top">คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น</td> </tr> <tr> <td align="center" valign="top" width="150"> [​IMG] </td> </tr> </tbody><caption align="bottom">รดน้ำดำหัวผ่านทางออนไลน์</caption> </table> </td> <td width="5">[​IMG]</td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> เข้าเว็บสาดผ่านคอมพ์

    เว็บไซต์ songkran.net เป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ หากเอ่ยถึงชื่อสงกรานต์ออนไลน์ ภายในเว็บนี้มีกิจกรรมออนไลน์ให้เลือกเล่นหลากหลายรูปแบบ เรียกได้ว่าเสมือนกับการเล่นบนโลกแห่งความจริงเลยทีเดียว (แต่ไม่เปียก)

    </td> </tr> <tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="right" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td width="5">[​IMG]</td> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="120"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top">คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น</td> </tr> <tr> <td align="center" valign="top" width="120"> [​IMG] </td> </tr> </tbody><caption align="bottom">รดน้ำอย่าลืมขอขมาผู้ใหญ่นะจ๊ะ</caption> </table> </td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> หากต้องการสรงน้ำพระออนไลน์ คุณสามารถคลิกเลือกว่าจะสรงน้ำพระพุทธสิหิงค์ หลวงพ่อพระใส หรือพระธาตุประจำปีเกิด หากต้องการรดน้ำขอพรออนไลน์ เมื่อเลือกตัวละครและใส่ข้อความขอขมาแล้ว ข้อความและตัวละครที่เลือกไว้จะปรากฏเป็นภาพเคลื่อนไหวแสดงท่าทางการรดน้ำกับญาติผู้ใหญ่ เมื่อมีคำกลอนอวยพรแสดงขึ้นก็เป็นอันเสร็จพิธี songkran.net ยังมีบริการก่อกองทรายออนไลน์ การเล่นน้ำสงกรานต์ออนไลน์และสุดท้ายการปล่อยนกปล่อยปลา

    </td> </tr> <tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="left" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top">คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น</td> </tr> <tr> <td align="center" valign="top" width="100"> [​IMG] </td> </tr> </tbody><caption align="bottom">ปล่อยนกบนออนไลน์ก็มี</caption> </table> </td> <td width="5">[​IMG]</td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> ชาวไซเบอร์ที่อยากจะส่งการ์ดอวยพรสุขสันต์วันสงกรานต์ สามารถเลือกใช้ได้ที่เว็บไซต์พันธุ์ทิพย์ดอทคอม (http://www.pantip.com/ecard/songkarn) เว็บไซต์สนุกดอทคอม (http://ecard.sanook.com) เวิล์ดเมดิกดอทคอม (http://www.ecard.worldmedic.com) ไทยซีคดอทคอม (http://ecard.thaiseek.com/defaultsummer.asp) และเว็บไซต์กาญจนาภิเษก (http://kanchanapisek.or.th/kp8/card)

    </td> </tr> <tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="right" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td width="5">[​IMG]</td> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top">คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น</td> </tr> <tr> <td align="center" valign="top" width="100"> [​IMG] </td> </tr> </tbody><caption align="bottom">ปล่อยปลาได้ง่ายๆเพียงแค่คลิก</caption> </table> </td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> สำหรับเซียน Hi5 หรือนักเล่นบล็อกทั้งหลายที่ต้องการตกแต่งบล็อกของตัวเอง หรือนำไปคอมเมนท์บล็อกเพื่อนฝูงให้เข้ากับเทศกาลสงกรานต์ มีหลายเว็บไซต์ที่ให้บริการคัดลอกโค้ดกลิตเตอร์ (Glitter) แล้ว เช่น สนุกดอทคอม (http://widget.sanook.com) กระปุกดอทคอม (http://glitter.kapook.com) กลิตเตอร์ดีดีดอทคอม (http://www.glitterdd.com) จีเมมเบอร์ดอทคอม (http://glitter.gmember.com) สวนสนุกดอทคอม (http://www.suansanook.com) และบล็อกสปอตดอทคอม (http://commentthai.blogspot.com)

    </td> </tr> <tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="left" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top">คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น</td> </tr> <tr> <td align="center" valign="top" width="100"> [​IMG] </td> </tr> </tbody><caption align="bottom">ตัวอย่างการ์ดสวยๆ มีให้เลือกส่งหลากหลายสไตล์</caption> </table> </td> <td width="5">[​IMG]</td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> หากใครเริ่มรู้สึกเบื่อกับการนั่งๆนอนๆอยู่ที่บ้าน และต้องการออกไปพักผ่อนแต่ยังไม่รู้ว่าจะไปที่ไหนดี หรือคิดไว้แล้วแต่ยังหาทางไปไม่ไม่เจอ เว็บไซต์การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (http://www.tat.or.th) สามารถเป็นไกด์นำทางได้อย่างดี จะพักผ่อนไกลแค่ไหน รับรองไม่มีหลง สงวนสิทธิ์เฉพาะในประเทศไทยเท่านั้นนะจ้ะ

    </td> </tr> <tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="right" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td width="5">[​IMG]</td> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="131"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top">คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น</td> </tr> <tr> <td align="center" valign="top" width="131"> [​IMG] </td> </tr> </tbody><caption align="bottom">กลิตเตอร์ ภาพเคลื่อนไหวสำหรับตกแต่งเว็บบล็อกแบบสงกรานต์สไตล์คิขุ</caption> </table> </td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> นานาทัศนะ สงกรานต์ไฮเทคดี/ไม่ดี

    มีมี่ นักศึกษาชั้นปีที่ 4 สาขาวิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย บอกว่าข้อดีของการเล่นสงกรานต์บนออนไลน์คือ ไม่เปียก ไม่ร้อน เพราะอยู่ห้องแอร์ภายในบ้าน แต่ถ้าให้เลือกระหว่างการเล่นสงกรานต์บนออนไลน์กับการเล่นในความเป็นจริงจะเลือกแบบไหน มีมี่ตอบแบบไม่ลังเลว่า "เล่นสงกรานต์ในความเป็นจริงค่ะ เพราะอยากเปียก" โดยมีมี่บอกว่าวันหยุดสงกรานต์นี้ไม่อยากไปไหน อยากอยู่บ้านในกรุงเทพฯมากที่สุด เพราะอยากเห็นกรุงเทพฯตอนที่ไร้ผู้คน

    ขณะที่น้องแจ่ม นักศึกษาชั้นปีที่ 2 ภาควิชานิเทศศาสตร์ สาขานิเทศศิลป์ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนฯ ลาดกระบัง ได้บอกกับทีมงานว่าสงกรานต์ออนไลน์จะสนุกได้อย่างไรหากไม่มีน้ำมาเกี่ยวข้อง

    "มันจะสนุกเหรอพี่ ไม่มีน้ำ มันไม่ได้เปียกจริงๆ" น้องแจ่มบอกว่าอยากไปพบปะเพื่อนฝูง และอยากไปต่างประเทศในวันหยุดสงกรานต์มากที่สุด ให้เหตุผลที่อยากไปต่างประเทศเพราะเบื่อคนไทย (ซะงั้น) ส่วนสถานที่เที่ยวที่ประทับมากที่สุดคือ ลาว เพราะว่าที่นั่นมีความเป็นกันเอง ยิ้มแย้ม เหมือนกับเมืองไทย และเมื่อถามว่าที่เที่ยวที่ไหนเหมาะแก่การไปเที่ยวในวันสงกรานต์ น้องแจ่มบอกว่าเข้าป่าดิพี่แปลกไม่เหมือนใครดี

    </td> </tr> <tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="left" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="150"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top">คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น</td> </tr> <tr> <td align="center" valign="top" width="150"> [​IMG] </td> </tr> </tbody><caption align="bottom">กลิตเตอร์ต้อนรับเทศกาลสงกรานต์</caption> </table> </td> <td width="5">[​IMG]</td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> น้องอวน อุทุมพร ขาวละออ นักศึกษาชั้นปีที่ 4 สาขาการถ่ายภาพ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนฯ ลาดกระบัง เป็นอีกคนที่มองว่าสงกรานต์ออนไลน์อาจไม่มันส์ถึงใจ น้องอวนเล่าว่ามีเรื่องราวประทับใจจากการเที่ยวสงกรานต์ในพม่า โดยให้เหตุผลว่าพระสงฆ์ที่นั่นสามารถเล่นน้ำสงกรานต์ได้ด้วย

    ไม่ใช่จะมีแต่ฝ่ายไม่เห็นด้วยกับสงกรานต์ออนไลน์ พี่ฝน นักข่าวสาวสายยานยนต์ให้ความเห็นว่า เล่นสงกรานต์เป็นเรื่องที่ดีมากเพราะไม่ต้องเปลืองเนื้อเปลืองตัว "เจ๋ง สงกรานต์ออนไลน์เก๋ดี เดี๋ยวนี้แดดไม่เหมือนสมัยก่อน ทั้งแป้ง น้ำ หรือแม้แต่วัฒนธรรมการเล่น สงกรานต์ออนไลน์ทำให้เราไม่ร้อน ผิวไม่เสีย ไม่เปลืองตัว ปลอดภัยจากภัยสังคม" โดยพี่ฝนเล่าว่าเล่นสงกรานต์จริงจังครั้งสุดท้ายไม่ต่ำกว่า 20 ปีที่แล้ว

    </td> </tr> <tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> ชาวไอทีทั้งหลายมีแผนไปเที่ยวไหนกันบ้างหรือยัง สุดท้ายนี้ทีมงานไซเบอร์บิซขออวยพรให้ชาวไอทีทั้งหลายมีความสุขในวันขึ้นปีใหม่ไทย คิดอะไรขอให้สมความปรารถนา แล้วพบกันใหม่ปีหน้า เล่นน้ำระวังเปียกนะครับ :)</td></tr></tbody></table>
     
  17. กุ้งมังกอน

    กุ้งมังกอน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    142
    ค่าพลัง:
    +1,181
    เมื่อวันศุกร์ที่ 11/04/51 ได้ร่วมบุญสร้างพระเจดีย์ชัยผาผึ้ง จำนวน 1,500 บาท ขอโมทนา สาธุ สาธุ สาธุ (ครบตามจำนวน ได้รับธาตุอากาศจากท่าน ปา ทานหนุ่ม 1กำมือ) หุหุหุหุ
     
  18. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    [FONT=Tahoma,]คอลัมน์ เกร็ดความรู้ รดน้ำขอพร
    [/FONT][FONT=Tahoma,]
    วันที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2551 ปีที่ 31 ฉบับที่ 10991

    [/FONT]http://matichon.co.th/matichon/matichon_detail.php?s_tag=01you06130451&day=2008-04-13&sectionid=0122

    [FONT=Tahoma,]

    <table align="left" border="0" cellpadding="1" cellspacing="5" width="20%"><tbody><tr bgcolor="#f8b8cb"><td>[​IMG]
    </td></tr></tbody></table>ถึงเทศกาลวันสงกรานต์แล้ว เด็กๆ หลายคนคงชอบอกชอบใจที่ถึงวันนี้ เพราะจะได้เล่นสาดน้ำกันอย่างสนุกสนาน แต่ว่าในวันสนุกๆ เช่นนี้ อย่าลืมว่าวันสงกรานต์มีประเพณีที่เราควรรู้เช่นกัน เพราะนอกจากความสนุกสนานในการสาดน้ำแล้ว ก่อนที่ไปสนุกกัน เราต้องให้ความเคารพผู้ใหญ่ด้วยการ "รดน้ำขอพร" ซึ่งเป็นประเพณีที่ผู้หลักผู้ใหญ่ทำมาแต่ช้านาน ซึ่งการรดน้ำที่ถูกต้อง คือ เมื่อไปรดน้ำที่มือของผู้ใหญ่ เราเป็นเด็กไม่ต้องไปอวยพรท่าน ให้รอรับพรจากท่านก็พอ และน้ำที่นำมารดผู้ใหญ่ถือเป็นสิ่งเป็นมงคล ต้องเป็นน้ำสะอาด น้ำอบ น้ำหอมน้ำดอกไม้ (ไม่จำเป็นต้องเป็นน้ำอบไทยเสมอไป น้ำอบฝรั่งก็ได้) แต่ไม่ควรใช้น้ำสกปรกหรือน้ำแข็งเด็ดขาด

    เมื่อเรารดน้ำขอพรท่านเสร็จ ก็สามารถไปสาดน้ำเพื่อนๆ ได้ แต่อย่าลืมว่าต้องเป็นน้ำที่สะอาดเท่านั้น และเล่นกันอย่างปลอดภัย สนุกสนานพอหอมปากหอมคอ เดี๋ยวเป็นหวัดขึ้นมาแย่เลย

    เจอกันสัปดาห์หน้าจ้า


    ที่มาหนังสือ อ.ส.ท. Young Traveller
    [/FONT]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 เมษายน 2008
  19. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <table id="table2" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="990"><tbody><tr><td valign="top" width="7">
    </td> <td valign="top" width="983"> ภัยคุกคามบนเว็บ ที่มุ่งหากำไรจากเครื่องพีซีของเรา</td></tr></tbody></table>http://www.matichon.co.th/news_detail.php?id=26884&catid=14

    พีซีคอมพิวเตอร์ และอินเตอร์เน็ตกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต แล้วก็มี'ซอฟต์แวร์กาฝาก'มากับอันตรายต่างๆ ทั้งไวรัสคอมพิวเตอร์กลายเป็นภัยคุกคามบนเว็บที่ฉกชิงความเป็นตัวตน และทรัพย์สินของเรา

    เมื่อเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล (พีซี) และอินเตอร์เน็ตได้กลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของเรา บรรดาซอฟต์แวร์กาฝากและซอฟต์แวร์ที่เป็นอันตรายต่างๆ ก็เริ่มเติบโตขึ้น เมื่อโลกเชื่อมโยงกันเป็นเครือข่ายมากขึ้น ไวรัสคอมพิวเตอร์ก็เริ่มพัฒนาตัวเองกลายเป็นภัยคุกคามบนเว็บที่ร้ายกาจยิ่งขึ้นในปัจจุบัน
    ภัยคุกคามบนเว็บเป็นโปรแกรมซอฟต์แวร์อันตราย เช่น สปายแวร์ แอดแวร์ โปรแกรมม้าโทรจัน บ็อต ไวรัส และหนอน ที่ถูกติดตั้งในพีซีโดยที่เจ้าของเครื่องไม่รู้ตัวและไม่ได้ให้การอนุญาต โปรแกรมเหล่านี้จะใช้ประโยชน์จากอินเทอร์เน็ตในการแพร่กระจาย ซ่อนตัว อัพเดทตัวเอง และส่งข้อมูลที่ขโมยได้มากลับไปยังผู้เขียนโปรแกรมที่เป็นอันตรายนั้นๆ อีกทั้งยังมีความสามารถในการรวมตัวกันเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำลายได้มากขึ้น เช่น โทรจันดาวน์โหลดสปายแวร์ หรือหนอนมาไว้ในเครื่องและทำให้เครื่องพีซีติดเชื้อร้ายด้วยการแพร่กระจายของบ็อต นอกจากนี้ภัยคุกคามบนเว็บอีกลักษณะหนึ่งจะมาในรูปของซอฟต์แวร์เฉพาะขององค์กรผู้ผลิตแอดแวร์ และมัลแวร์ ซึ่งองค์กรเหล่านี้เป็นองค์กรที่เปิดเผยต่อสาธารณชนโดยตรง เช่น Integrated Search Technologies และ Zango
    ทั้งนี้จะเห็นได้ว่าเศรษฐกิจในตลาดมืดของอินเตอร์เน็ตนั้นมีความซับซ้อนเป็นอย่างมาก และยังสามารถทำกำไรได้อย่างมหาศาล โดยมีธุรกิจการค้าข้อมูลที่สำคัญ ช่องโหว่ล่าสุด และมีผู้รับจ้างเขียนชุดเครื่องมือใหม่ๆ เพื่อมุ่งหาประโยชน์จากผู้ใช้ในโลกอินเทอร์เน็ต สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นแนวทางใหม่ในการสร้างตลาดมืดดิจิทัลอย่างเห็นได้ชัด
    เมื่อเร็วๆ นี้ มัลแวร์สายพันธุ์ต่างๆ ได้ถูกแบ่งเป็นภัยคุกคามแยกต่างหาก ซึ่งเป็นภัยร้ายที่ต่อยอดมาจากหนอน และไวรัสที่สามารถแพร่พันธุ์ตัวเอง และมีความสามารถในการทำลายพีซีทั่วโลกได้ภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมงด้วยตัวของมันเองเพียงลำพัง
    ขณะที่ภัยคุกคามบนเว็บที่จูงใจทางด้านเศรษฐกิจในทุกวันนี้ ใช้ซอฟต์แวร์ที่แตกต่างกันซึ่งเป็นลักษณะชิ้นส่วนย่อยๆ ของโมเดลธุรกิจเฉพาะของภัยคุกคามบนเว็บ และนั่นทำให้นักวิจัยด้านการป้องกันภัยคุกคามมัลแวร์ได้รวมภัยคุกคามบนเว็บซึ่งทำงานให้กับองค์กรมัลแวร์ประเภทเดียวกันเข้าไว้เป็นกลุ่มเดียวกัน โดยไม่ได้แบ่งประเภทตามความแตกต่างด้านเทคนิค
    เกี่ยวกับผู้เขียน
    นายจอร์จ มัวร์ เป็นนักวิจัยอาวุโสด้านภัยคุกคาม บริษัท เทรนด์ ไมโคร มีความเชี่ยวชาญด้านสปายแวร์และแอดแวร์ เขาให้ความสำคัญกับวิธีการติดตั้งและการหลบซ่อนของภัยคุกคามบนเว็บในพีซีของผู้ใช้ และองค์กร ตลอดจนสภาพเศรษฐกิจของผู้เผยแพร่มัลแวร์ด้วย
    นายแอนโทนี อาร์ร็อตต์ ผู้ช่วยพิเศษของประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยี (ซีทีโอ) บริษัท เทรนด์ ไมโคร ดูแลจัดการด้านการวิเคราะห์ภัยคุกคามและข้อตกลงด้านการใช้ข้อมูลภัยคุกคามร่วมกันกับองค์กรภายนอก
    และในปี 2550 ที่ผ่านมา ผู้เขียนทั้งสองเป็นหัวหน้าทีมโครงการของ Trend Micro HijackThis v2.0 ซึ่งเป็นการปรับปรุงเครื่องมือวินิจฉัยมัลแวร์ยอดนิยมที่พัฒนาโดยเมอร์จิน เบลล์คอม
     
  20. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ‘ธูปหอมนพมาศ’ กรุ่นกลิ่นหอมตำรับชาววัง
    http://www.manager.co.th/SMEs/ViewNe...=9510000043112
    <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#cccccc" height="1">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td class="body" align="left" valign="baseline">โดย ผู้จัดการออนไลน์</td> <td class="date" align="left" valign="baseline">13 เมษายน 2551 10:12 น.</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="middle">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="350"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top" width="350"> [​IMG] </td> </tr> <tr><td class="Image" align="left" valign="baseline">สุรีย์พร โรหิตโตปการ (ซ้าย) และสุทธนีย์ ภู่พันธ์ศรี ทายาทธุรกิจ</td></tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> ถึงเทศกาลสงกรานต์ หลายคนยังไม่ลืมขนบธรรมเนียมอย่างการไปรดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือตามธรรมเนียมสืบทอดกันมาช้านาน รวมถึงโอกาสนี้ชาวไทยยังนิยมเข้าวัด กราบบูชาพระเพื่อเป็นสิริมงคล โดยการกราบไหว้สิ่งหนึ่งที่จะขาดไม่ได้ คือ ธูปหอม

    แม้ว่าผลิตภัณฑ์ธูปหอมจะมีหลากหลายยี่ห้อ แต่ถ้าเป็นธูปหอมที่นิยมใช้ในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ของคนไทย ชื่อ “ธูปหอมนพมาศ” จะถูกนึกถึงเป็นอันดับต้นๆ ด้วยจุดเด่นกลิ่นหอมแบบไทยเดิม ตามสูตรต้นฉบับชาววังแท้ๆ ถึงเวลาจะผ่านมานานแล้ว ด้วยคุณภาพสินค้าที่คงรักษาเอกลักษณ์ดั้งเดิมอย่างเหนียวแน่น ส่งให้ธูปหอมยี่ห้อนี้ ครองใจผู้บริโภคมายาวนานกว่า 55 ปี

    </td> </tr> <tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="350"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top" width="350"> [​IMG] </td> </tr> <tr><td class="Image" align="left" valign="baseline">ขั้นตอนการอบแป้งร่ำ จากเทียนอบสูตรเฉพาะ</td></tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> แม้ว่าใบหน้าแฉล้มที่ปรากฎอยู่บนฉลากสินค้าของผลิตภัณฑ์ธูปหอมนพมาศจะยังอ่อนวัย แต่ในความเป็นจริง “สุรีย์พร โรหิตโตปการ” เจ้าของภาพดังกล่าว ซึ่งเป็นผู้ที่ริเริ่มกิจการธูปหอมนพมาศด้วย วัยได้ล่วงเลยเข้าปีที่ 74 แล้ว

    </td> </tr> <tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="250"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top" width="250"> [​IMG] </td> </tr> <tr><td class="Image" align="left" valign="baseline">การตากแห้งยังใช้กระบวนการแบบดั้งเดิม</td></tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> สุรีย์พร ย้อนความทรงจำให้ฟังว่า แท้จริงแล้ว ผู้ก่อตั้งธุรกิจนี้ คือ “นางภักดี บุนนาค” แม่ของเธอนั่นเอง ซึ่งมีโอกาสได้เข้าไปคลุกคลีกับการทำเครื่องร่ำไทยในพระราชสำนัก ตั้งแต่ครั้งเยาว์วัย รวมถึงได้ถ่ายทอดภูมิปัญญานี้มาสู่ลูกๆ ด้วย

    </td> </tr> <tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="250"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top" width="250"> [​IMG] </td> </tr> <tr><td class="Image" align="left" valign="baseline">ธูปหอมนพมาศ</td></tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> “ในสมัยก่อนหลังจากที่ดิฉันได้รับการถ่ายทอด และเห็นกรรมวิธีการทำเครื่องร่ำตำรับชาววังแล้ว โดยในช่วงนั้นยังไม่ได้สนใจนัก เนื่องจากยังเด็ก แต่เมื่อได้เข้าศึกษาในระดับประถมที่โรงเรียนซานตาครูสคอนแวนส์ มีจัดงานคริสมาสต์ขึ้น นักเรียนทุกคนต้องจัดหาของขวัญมาร่วมงาน ดิฉันจึงได้ทำแป้งดินสอพองขึ้น จากกรรมวิธีแบบดั้งเดิม ด้วยการกรอง 3 ครั้งทำให้ไม่มีสิ่งสกปรกเจือปน จากนั้นก็นำมาหยอดทีละเม็ดด้วยกรวยใบตองพร้อมทั้งอบเทียนหอมที่ทำตามสูตรเฉพาะนาน 1 สัปดาห์ และเมื่อได้นำไปให้ครูได้ทดลองใช้เพื่อแก้สิว ฝ้า กระ หรือนำไปบดเพื่อลดอาการคลั่งของเลือด ก็เป็นที่ติดอกติดใจ จนกระทั่งมีการสั่งซื้อเข้ามาเป็นจำนวนมาก” สุรีย์พร เผย



    </td> </tr> <tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="350"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top" width="350"> [​IMG] </td> </tr> <tr><td class="Image" align="left" valign="baseline">ธูปหอมนพมาศ แบบทำมือจะขณะนี้ยากที่คนจะนั่งผลิตทีละอัน</td></tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> และนั่นเองจึงเป็นจุดเริ่มต้นของการดำเนินธุรกิจด้วยสูตรแป้งร่ำตำรับชาววัง ด้วยการผลิตและนำไปจำหน่ายตลาดนัดวันเสาร์-อาทิตย์ ที่วังสราญรมย์กับผู้เป็นแม่ โดยขายแต่ดินสอพองใส่กระดาษแก้ว ในชื่อ “นพมาศ” เนื่องจากสุรีย์พร มีดีกรีเคยเป็นอดีตรองนางนพมาศประจำเขตธนบุรี ซึ่งก็ขายดีมาก ทั้งๆ ที่เจ้าอื่นขายในราคาเพียง 0.10 บาท แต่ผลิตภัณฑ์ “นพมาศ” ขายราคาสูงกว่าถึง 0.50 บาท เนื่องจากการเลือกใช้วัตถุดิบ และมีกลิ่นหอมที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว รวมถึงสาเหตุที่ลูกค้าเลือกใช้เพราะเป็นสูตรตำรับชาววัง ที่ชาวบ้านไม่สามารถทำเลียนแบบได้

    </td> </tr> <tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="350"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top" width="350"> [​IMG] </td> </tr> <tr><td class="Image" align="left" valign="baseline">ผลิตภัณฑ์เครื่องหอมนพมาศ </td></tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> อย่างไรก็ตาม ต่อมาเมื่อตลาดนัดวังสราญรมย์ ถูกทางการสั่งยกเลิก สุรีย์พร จึงเริ่มมองหาผลิตภัณฑ์อื่นๆ เพื่อเติมเข้ามา โดยได้ไปเห็นคนจีนทำธูปมือ แต่กลิ่นที่ได้จะออกเป็นแบบจีนมากกว่า ดังนั้นเมื่ออยู่ในวงการเครื่องหอมตำรับชาววังแล้ว จึงคิดผลิตธูปหอมขึ้นมาบ้าง เนื่องจากเห็นศักยภาพทางการตลาดที่เป็นสินค้าใช้ได้ทั้งปี ส่วนสินค้าจำพวกแป้งร่ำ น้ำอบ น้ำปรุง ยอดขายก็ลดลงบ้าง เนื่องจากมีสินค้าตัวอื่นเข้ามาทดแทน ซึ่งการผลิตธูปหอมแทนนั้น สุรีย์พร ก็ยังไม่ทิ้งเอกลักษณ์ความเป็นผลิตภัณฑ์จากชาววัง โดยใช้วัตถุดิบแบบโบราณ ทำให้ได้ธูปที่มีกลิ่นหอมไม่เหมือนใคร โดยในช่วงแรกทำตลาดเองทั้งหมด ด้วยการนำธูปไปส่งขายตามร้านสังฆภัณฑ์ ร้านดอกไม้ ตระเวนไปตามย่านฝั่งธนบุรี บางรัก บางลำพู บางโพ และบางซื่อ

    </td> </tr> <tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="350"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top" width="350"> [​IMG] </td> </tr> <tr><td class="Image" align="left" valign="baseline">แตกไลน์สู่แบรนด์อื่นๆ </td></tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> หลังจากธุรกิจธูปหอมนพมาศประสบความสำเร็จด้วยดี สุรีย์พรจึงคิดแตกแบรนด์สินค้าตามความเชื่อของกระแสสังคม และการนำไปใช้งานที่แตกต่างกันของลูกค้า เช่น แบรนด์ “นพลาภ” เกิดจากในช่วงนั้นลูกค้านิยมซื้อธูปที่มีตราสินค้าเป็นมงคล ตามความเชื่อว่าจะทำให้ค้าขายดี และมีชีวิตที่ดีขึ้น

    </td> </tr> <tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="350"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top" width="350"> [​IMG] </td> </tr> <tr><td class="Image" align="left" valign="baseline">จัดเป็น Gift set เหมาะมอบให้เป็นของขวัญ</td></tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> นอกจากนั้น ยังมีแบรนด์ “3 เซียน” เป็นธูปจีนสั้น และธูป “จอมสุรางค์” เป็นธูปสีขาวสำหรับใช้ในโรงเจ ไม่ใส่น้ำหอมอาศัยกลิ่นหอมตามธรรมชาติ รวมถึงยังมีการสั่งทำธูปตามความยาวและขนาดที่ลูกค้าต้องการด้วย เช่น ธูปไต้หวันยาว 15 นิ้ว เป็นต้น อีกทั้ง ยังผลิตสินค้าประเภทเครื่องหอมอย่างน้ำอบ แป้งร่ำ และดินสอพอง ภายใต้ชื่อ “นพมาศ” ด้วย ซึ่งทั้งหมดล้วนคงเอกลักษณ์สูตรชาววังไว้เช่นเดิม

    </td> </tr> <tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="250"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top" width="250"> [​IMG] </td> </tr> <tr><td class="Image" align="left" valign="baseline">พัฒนาสู่ธูปอโรมาสู่ตลาดต่างประเทศ </td></tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> ด้วยวัยที่ล่วงเลยมาจนถึง 74 ปี ของสุรีย์พร ถือเป็นยุคที่ต้องวางมือจากธุรกิจนี้ เพื่อเปิดทางให้รุ่นลูกอย่าง “สุทธนีย์ ภู่พันธ์ศรี” ลูกสาวคนโตเข้ามาสานต่อกิจการ ซึ่งได้พัฒนาธุรกิจให้มีความทันสมัย และเข้าระบบมาตรฐานยิ่งขึ้น โดยฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ มากมาย ทั้งในเรื่องของภาษี การทำบัญชี และการเปิดตลาดใหม่ ในห้างสรรพสินค้า และดิสเคาน์สโตร์ขนาดใหญ่ต่างๆ รวมถึง ร้านสะดวกซื้อเจ้าดังทุกสาขา โดยสินค้าที่ขายดี คือ ธูปหอม ประมาณ 90% รองลงมาคือ น้ำอบไทย แป้งร่ำ น้ำปรุง และดินสอพอง โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลสงกรานต์จะถือเป็นไฮ ซีซั่น


    </td> </tr> <tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="350"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top" width="350"> [​IMG] </td> </tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> ปัจจุบันธูปหอมนพมาศ ได้แตกไลน์สินค้าเป็นธูปอโรมา มีทั้งหมด 40 กลิ่น 25 สี เน้นตลาดส่งออก และนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ โดยล่าสุดได้ส่งขายที่ร้าน King Power สนามบินสุวรรณภูมิ ส่วนการทำตลาดในไทย จะเป็นการออกบูทตามงานแสดงสินค้าระดับประเทศ เช่น งานแสดงสินค้าของขวัญและของใช้ในบ้าน(BIG&BIH) ของกระทรวงพาณิชย์ที่จัดขึ้นเป็นประจำปีละ 2 ครั้ง

    </td> </tr> <tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> “สิ่งสำคัญที่ธูปหอมนพมาศ ได้ยึดปฏิบัติมาเป็นเวลานาน คือ การคงคุณภาพของสินค้าเป็นหลัก รวมถึง วัตถุดิบที่คัดสรรมาก็ยังคงความเป็นตำรับชาววังไว้ได้อย่างเหนียวแน่น ทำให้ลูกค้าไม่ทอดทิ้งสินค้าคุณภาพอย่างธูปหอมนพมาศ และนี่เองคงจะเป็นจุดขายหนึ่งให้ธุรกิจดำรงมาถึงปัจจุบัน อายุมากกว่า 50 ปีแล้ว” สุรีย์พร กล่าวทิ้งท้าย

    ***โทร.0-2514-2607, 0-2935-5168***
    </td></tr></tbody></table>
     

แชร์หน้านี้

Loading...