อยากทราบใครเคยมีอาการแบบเรามั้ง

อยากทราบคนฝึกตาที่สามใครมีอาการแบบเราบ้าง. ตรงกลางหน้าฝากมีจิตอื่นที่ไม่ใช่จิตเราสามารถพูดกับเราได้ตลอด เราไม่เคยฝึกฌานมาก่อนแต่หูก็ได้ยินเสียงที่คุยกันมาจากไหนไม่ทราบ หน้าใากก็คุยกับเราได้อีกเรียกอาการนี้ว่าอะไรคับเป็นมาสัก4ปีได้คับ ดคนอื่นๆตาสามก็มีแต่อาการตึงปวดแค่นั้น

 

อาการแรก เมื่อฝึกเปิดตาที่สาม จะปวดขมอง
ตึ๊บๆหนึบๆหนักๆ จะเป็นไมเกรนได้ง่าย
เมื่อฝึกจนได้ที่ ตาทิพย์ก็จะเปิดให้เราใช้งานได้

อาการที่สอง เมื่อเปิดตาทิพย์สำเร็จได้บ้าง
คือ จะทำได้บ้างไม่ได้บ้าง
เวลาที่อยากจะทำให้ได้ กลับทำไม่ได้
แต่เวลาที่ไม่อยากทำ ดันเสือ..ทำได้
ที่นี่ สิ่งที่เป็นทิพย์อย่างอื่น เช่น
หูทิพย์ จมูกทิพย์ ลิ้นทิพย์ กายทิพย์
ก็จะเปิดๆปิดๆ ขึ้นมาเหมือนกัน

อาการแรก ให้แก้โดยย้ายจุดที่เพ่ง ลงไปที่ ท้องน้อย
หรือที่เรียกว่า จุดกึ่งกลางของร่างกาย

อาการที่สอง เมื่อความเป็นทิพย์เกิดขึ้น
ก็แสดง จิตใจเริ่มละเอียดดีแล้ว
ก็จะรับรู้ได้ว่า มีผีวิญญานบรรพบุรุษ อยู่กับเราด้วย
บางทีก็เป็นอาจารย์เรา เป็นพ่อแม่เรา เป็นลูกเรา
หรือหนักหน่อยก็จะเป็น เจ้ากรรมนายเวรของเรา
ให้ลองแผ่เมตตา ถ้าเค้ารับไม่ได้ แสดง
เป็นเทพ ถ้ารับได้จะเป็นพวกผี

 

จะทราบได้ไงว่ารับหรือไม่รับคับ ปกติแผ่ให้แต่ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แต่ถ้าเป็นเทพทำไมถึงหลอกทำให้จิตเราฝุ้งซ่านคับ และหูทิพย์อาการคนที่มีคือเริ่มจากคันมากๆรึป่าว. แต่ตอนนี้เหมือนหมุนเป็นจักรทิพย์แล้วนะคับและใช้ทำอะไรได้ฝึกฝนยังไง ผมได้สิ่งเหล่านี้มาเองอยู่มาวันหนึ่งก็เริ่มมีอาการรับรู้เองคับ

 

ถ้าเค้าเป็น ผีเจ้ากรรมนายเวร ที่มาขอส่วนบุญ มาทวงหนี้กรรม
เวลาที่เค้าอยู่กับเรา เค้าจะทำร้ายเรา ทำลายให้เรารำคาญใจ
แต่ถ้าเป็น ลูกแท้ง พวกนี้จะเหมือนเด็กน้อย พูดไม่ค่อยรู้เรื่อง
เราจะต้องหมั่นแผ่เมตตาให้เค้าอย่างสม่ำๆเสมอๆ ทุกๆวัน
เพราะพวกนี้จะไม่ใช่เทพ เราจะต้องขออภัยที่เคยทำร้ายทำลายเค้า
หากทำให้เค้าพอใจได้ ทำให้เค้าให้อภัยให้เราได้
ต่อไปเราก็จะไม่โดนเค้าทำร้ายครับ

ส่วน อาการคัน ก็คือ ปิติชนิดหนึ่งครับ
คืออาการที่เกิดก่อนที่จะเข้าญานได้
บางคนก็มี บางคนก็ไม่มี เป็นเครื่องหมายให้รู้ว่า
ถุ้าเกิดอาการคัน ก็คือ อยู่ในญานที่สาม
กำลังจะเข้าญานที่สี่ เมื่อเข้าญานที่สี่จะนิ่งๆ

 

ขอบคุณมากคับที่สละเวลา

 

เรื่องแนวทิพย์ นี้โดยส่วนตัวผมก็ไม่รู้เรื่องนะ

แต่เรื่อง ปิติ กับ คัน นี้โดยส่วนตัวผมว่ามันคนละอาการกันเลยนะ

ก็แล้วแต่จะพิจารณาครับ

 

จากเว็บวัดถ้ำขวัญเมือง อ.สวี จ.ชุมพร

ปิติ ๕ ประกอบไปด้วย

๑. ขุททกาปีติ มีลักษณะดังนี้ คือ
- เกิดอาการคล้ายหนังหัวพองและขนลุก เป็นดังอาบน้ำในเวลาหนาว
- เกิดปรากฏเป็นดั่งเส้นผมตำ ระคายเพียงเล็กน้อย
- เกิดใน หทัยวัตถุ หรือ หัวใจให้สั่นระรัว เปรียบดั่งปั่นผลหมาก
- เกิดในกาย ให้เนื้อตัวหนัก มึนตึง และ วิงเวียนอยู่

๒. ขณิกาปีติ มีลักษณะดังนี้ คือ
- ปรากฏในจักขุทวาร เป็นดั่ง ฟ้าแลบในตา และ ตาเป็นประกายดั่งตีเหล็กไฟ
- เกิดในกายทวาร เป็นดั่ง ปลาซิวตอดผิวในเวลาอาบน้ำ
- เกิดเนื้อเต้น และ เอ็นกระตุก
- เกิดในกาย ทำให้ตัวร้อนไปทั่วทั้งตัว
-เกิดแสบทั่วกาย ให้กายแข็งอยู่
- เกิดเป็นดังแมลงเม่า ไต่ตอมตามตัว
- เกิดในอก ทำให้หัวใจ และ ท้องร้อนขึ้น
- เกิดในใจ ใจสั่นหวั่นไหว
- เกิดในกาย ให้เห็นเป็นสีเหลือง สีขาว เป็นไฟไหม้น้ำมันยางลามไปในน้ำ

๓. โอกกันติกาปีติ มีลักษณะดังนี้ คือ
- กายไหว ดั่งคลื่นกระทบฝั่ง
- เป็นดั่งน้ำกระเพื่อม เกิดเป็นฟองน้ำกระเซ็น
- เกิดเป็นดั่งขี่เรือข้ามน้ำ มีระลอกคลื่น
- กายและใจ เป็นดั่งไม้ปักไว้กลางสายน้ำไหล สั่นระรัวอยู่
- เป็นดั่งวังน้ำวน
- เป็นดั่งหัว อก ไหล่ และ ท้องน้อย หนักผัดผันอยู่
- เกิดวาบขึ้น เป็นดั่งไฟลุก
-เกิดเป็นดั่งลมพัดขึ้นทั่วกาย

๔. อุพเพงคาปีติ มีลักษณะดังนี้ คือ
- เกิดพองกายเนื้อตัวทั้งมวล หวั่นไหวอยู่
- เกิดเต้นเหยงๆ ขึ้น และ ลุกแล่นไป
- เกิดร้อนทั่วตัวและทั่วสันหลัง ศีรษะ สะเอว และ ท้องน้อย
- เกิดแสบร้อนเป็นไอขึ้นทั้งตัว เป็นดั่งไอข้าวสุกร้อน
- เกิดปวดท้อง และ ปวดน่อง เป็นดั่งลงท้องเป็นบิด
- กาย และ เนื้อตัวเบา และ สูงขึ้น
- หนักแข้งขา บั้นเอว ศีรษะ เป็นดั่งไข้จับ
- เกิดเป็นสมาธิหนัก และ เย็นอยู่

๕. ผรณาปีติ มีลักษณะดังนี้ คือ
- เกิดในจักขุทวาร ดูเหมือน กายเนื้อตัวนั้นแผ่ออกไป ดูใหญ่โต และ สูงขึ้น
- เกิดแผ่ไปทั่วกาย ให้ตัวเย็น เป็นดั่งลงแช่น้ำ
- กายยิบๆ แยบๆ เป็นดั่งไรไต่
- เป็นดั่งประกายไฟ พุ่งออกจากกระบอกปืน
- กายเบา เป็นดั่งนั่ง และ นอน อยู่เหนือสำลีนุ่มๆ
- กายหนาวสั่น ตัวงอ และ หนักหางตา เป็นดั่งอาบน้ำในฤดูหนาว
- กายอุ่น และ เป็นไอขึ้น
- กายเย็นซาบซ่านทั่วตัว

หมายเหตุ ข้อธรรมนี้อยู่ในกลุ่มธรรมะหลวงพ่อสรวง อาจเป็นท่านที่เรียบเรียงเอาไว้
(พระอาจารย์สรวง ปริสุทฺโธ วัดถ้ำขวัญเมือง ต.นาโพธิ์ อ.สวี จ.ชุมพร)

 

ปิติ ที่เป็นดั่งแมลง ไต่ตอมตามเนื้อตัว เกิดอาการคัน

 

จขกท. ลองหาหนังสือทิพยอำนาจ หรือ อภิญญา มาศึกษาเป็นพื้นฐานดีกว่าครับ
กูรูในนี้ถูกมั่งผิดมั่ง อันตรายครับ

 

ว่างๆไปหาหมอโรคผิวหนังเหอะครับ อิอิ

คันจนไปถึงญาน 3 นี้ท่าจะอาการหนักแล้วนะครับ

ก็เป็นอันว่าที่บอกว่าการอยู่ในอาการคันคืออยู่ในญาน 3
ญาน3 ในแบบของท่านก็คงจะเป็น ขณิกาปิติ สินะ

เพิ่งเคยได้ยินก็ในกระทู้นี้นี่หละ การได้ขณิกาปิติก็คืออยู่ในญาน 3

 

เจ้าของกระทู้ไปหาครูบาอาจารย์เรียนเลยดีกว่านะ เส้นทางนี้ต้องระวังอยู่บ้าง ถึงฝึกเองก็น่าจะมีต้นแบบ

 

ครูบาอาจารย์ของจริงสำเร็จจริง สอนได้จริง
ยังหายากมากๆเลยครับ ส่วนมากท่านสอนให่เจริญวิปัสนาตัดกิเลส มากกว่า เคยพบพระอาจารย์ที่ได้จริงท่านรู้เจตนาเราจากเจโตปริญาณของท่าน กราบปุ๊บท่านบอกเลย ไม่สอนให้เป็นผู้วิเศษน๊ะ จะสอนกรรมฐานให้ตัดกิเลส

 

พระโพสัตว์ถั่วเขียวอยากช่วยสรรพสัตว์เคยบริจาคปอดตับไตบ้างอะป้าวฮ้าฟฟฟฟ ถ้าไม่เคยทำก็เป็นได้แค่โคตรสัตว์แทนนะฮ้าบ

 

ใช่เพราะถ้าไม่ตัดกิเลสมันอันตราย ขนาดพระอาจารย์ผู้เขียนทิพยอำนาจที่สุดแล้วก็อย่างที่ทุกท่านทราบประวัติ คือถ้ามีอำนาจทางจิต มันกะเสี่ยงขนาดท่านมีศีลแล้วนะนั่น

 

ขอบคุณมากคับผมลองใช้ผ้าปิดตาแล้วนั้งสมาธิไม่ได้เลย จิตที่อยู่ตรงกลางหน้าผากไม่ยอมสงบเลยคับเป็นเพราะอะไร

 

เปลี่ยนฐานมากำหนด พองยุบ ที่ ท้องน้อย