ร่วมทำบุญบูชา สำเร็จสิทธิพระที่นั่งมหาบัลลังก์(ปรารถนาเป็นหนึ่งกุณฑธานเถระ) พ่ออาจารย์พล

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย คุรุปาละ, 12 ตุลาคม 2014.

  1. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,095
    ค่าพลัง:
    +16,623
    แจ้งการส่ง EMS

    พี่ฐิตกาญจน์ EV 0223 2365 7 TH

    พี่ทวีพงษ์ EV 0223 2366 5 TH

    พี่อัครพงศ์ EV 0223 2367 4 TH
     
  2. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,095
    ค่าพลัง:
    +16,623
    - แชร์ประสบการณ์นิดนึง

    ตอนแรกที่ได้หุ่นพยนต์ ก็คุยกับหุ่นพยนต์ครับ เลยลองดู อธิษฐานในใจ ทำใจนิ่งแล้วขอครับ
    อยากพิสูจน์เลยขอในใจให้เพื่อนผู้หญิงโทรหา ซึ่งคนนี้ไม่มีทางโทรหาผมก่อนแน่ๆ ก็ขอตาอินทร์ยายจันทร์ 2 วันเองครับ โทรมาจริงๆ ตอนแรก นึกว่าบังเอิญครับ ก็ลองซ้ำครับ ผลเหมือนเดิมเลยครับ ก็เลยบอกท่านว่าเห็นแล้ว ยอมรับแล้ว หุ่นพยนต์ของพ่ออาจารย์แรงจริง ไวจริง ครับ

    * ยังมีประสบการณ์เรื่องๆอื่นๆอีก เดี๋ยวพรุ่งนี้นำมาพูดคุยกันนะครับติดตามๆ
     
  3. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,095
    ค่าพลัง:
    +16,623
    ผื่นคัน

    อรุณสวัสดิ์ครับ วันนี้ติดตามพูดคุยกันนะครับ ส่วนเช้าๆก็ขอเอายาสมุนไพรที่หาได้ไม่ยากซึ่งใช้แก้ผื่นคันกับโรคสะเก็ดเงินมาลงไว้ให้อ่านกันนะ

    4 สมุนไพรรักษาผื่นคัน พร้อมแก้โรคสะเก็ดเงินด้วยของใกล้ตัว ผื่นคันตามผิวหนัง กลาก เกลื้อน หรือโรคสะเก็ดเงินที่เป็นอยู่ ลองรักษาอาการคันด้วยสมุนไพรใกล้ตัว ผื่นคันชนิดไหนก็ไม่ต้องกลัวเลย

    วิธีรักษาผื่นคันแบบไม่ต้องพึ่งยา ทราบไหมว่าอาการคันจากผื่นลมพิษ ผื่นภูมิแพ้ หรืออาการจากโรคสะเก็ดเงินเราสามารถบรรเทาอาการเบื้องต้นด้วยสมุนไพร 4 ชนิดที่ ไม่จำเป็นต้องไปซื้อยาทาแก้ผื่นคันให้เปลืองสตางค์ในกระเป๋าก็ได้ ลองรักษาผื่นคันด้วย 4 สมุนไพรเหล่านี้ดูก่อนไหมล่ะ

    1. ขมิ้นชัน
    ขมิ้นมีสรรพคุณช่วยลดอาการอักเสบที่เกิดขึ้นกับผิวหนัง เพียงรับประทานขมิ้นชันวันละ 1 ช้อนชาเป็นประจำก็จะช่วยลดอาการผิวหนังอักเสบชนิดต่าง ๆ ได้ ไม่เว้นโรคสะเก็ดเงิน

    2. น้ำมันมะกอก
    น้ำมันมะกอกมีกรดไขมันโอเมก้า 3 ค่อนข้างสูง มีคุณสมบัติช่วยลดอาการอักเสบที่เกิดขึ้นกับเซลล์ผิวต่าง ๆ ได้ดี โดยนำน้ำมันมะกอกอุ่น ๆ (นำไปต้ม) แล้วนำมาถูบริเวณที่คันหรือเป็นผื่น

    3. เมล็ดแฟลกซ์
    เมล็ดแฟลกซ์เป็นธัญพืชที่อุดมไปด้วยกรดไขมันโอเมก้า 3 เช่นกัน จึงมีสรรพคุณช่วยลดและต้านอาการอักเสบที่เกิดกับเซลล์ผิวหนังได้ โดยควรรับประทานเมล็ดแฟลกซ์เป็นประจำวันละ 2-3 ช้อนชา

    4. ว่านหางจระเข้
    วุ้นของว่านหางจระเข้จัดเป็นสมุนไพรที่ช่วยต้านอาการอักเสบ และยังมีคุณสมบัติรักษาแผลแสบร้อนได้เป็นอย่างดี โดยนำวุ้นว่านหางจระเข้มาทาบริเวณผื่นคันตามผิวหนัง ทิ้งไว้สักพักแล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด

    ไม่ว่าจะเป็นโรคสะเก็ดเงินหรือเป็นผื่นคันจากลมพิษก็ตาม เราสามารถรักษาอาการคันด้วยของหาง่าย ๆ ตามนี้ได้ นับเป็นวิธีรักษาผื่นคันอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจไม่เบา


    296fdde1cd55120c40233d6fb1e12327-d25vj52.jpg
     
  4. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,095
    ค่าพลัง:
    +16,623
    แจ้งการส่ง EMS
    พี่ศิระ EV 0221 4355 3 TH

    พี่วิรัช EV 0221 4356 7 TH

    พี่นฤชา EV 0221 4357 5 TH

    พี่ปภัสสร EV 0221 4358 4 TH

    พี่พชร EV 0221 4359 8 TH
     
  5. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,095
    ค่าพลัง:
    +16,623
    หลายๆคนชอบและถูกใจกับตะกรุดมหาสะท้อนและเล่าประสบการณ์เข้ามาคนละนิดคนละหน่อย รวมๆคือเห็นผลใช้แทนของเก่าได้ เลยกลายเป็นกระแสถามหาตะกรุดไซด์เล็กราคาเบาๆ ขอแค่หลักร้อยพอบูชาหวังพึ่งพุทธคุณได้ แต่ขอให้เป็นวิชาสำคัญของพ่ออาจารย์ท่านเข้ามาแบบต่อเนื่อง บางคนก็รบเร้าให้เอาออกมาเพราะมหาสะท้อนเห็นผลแล้ว อยากได้แรงๆด้านอื่นบ้าง

    ซึ่งพ่ออาจารย์ท่านก็บอกว่าจะมีทีเด็ดแน่นอนในส่วนราคาบูชาก็จะให้เท่ากับมหาสะท้อน ใครที่รอตะกรุดไซด์เล็กคุณภาพแน่นๆซ้ำเป็นวิชาที่จะเรียกว่าผีบอกก็ไม่ถนัดปากเพราะตำรับนี้เป็นวิชาที่สูงมาก ...อันนี้ก็ติดตามกันไว้กับของแรงสายจิ๋วต้องไม่พลาด
     
  6. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,095
    ค่าพลัง:
    +16,623
    เกี่ยวกับตะกรุดนี้ ก็จะขอพูดคุยกันก่อน พ่ออาจารย์ท่านว่ามันเป็นวิชาเฉพาะทางจริงๆก็เลยทำไว้ ทีแรกไม่คิดว่าจะเอาให้ใครใช้กลัวจะไปเขียนอะไรเหลวไหล แต่ลึกๆเลยท่านก็ยอมรับว่าเป็นวิชาระดับตำนานเช่นกัน เนื่องจากตะกรุดนี้เป็นวิชาเกี่ยวกับการอธิษฐานจิต

    การอธิษฐานจิต อธิษฐานใจเวลาเราขอพรต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์นั้น พ่ออาจารย์ท่านว่าเคยมีหลายๆคนบอกหมดธูปไปเป็นกำๆ บางทีเกือบสิบหนถึงจะสำเร็จ ที่เป็นเช่นนี้ท่านว่าเพราะเราไม่เคยอธิษฐานปากตัวเอง ไม่เคยมีสัจจะหรือรักษาสัจจะยิ่งชีวิต เวลาพูดเวลาขออะไรจึงไม่มีความมั่นคงแลไม่เห็นผลสัมฤทธิ์เหมือนดั่งที่ควรจะเป็น เพราะมนุษย์นั้นประมาทพลาดพลั้งผิดคำพูดทำกรรมทางวจีกรรมล่วงไปในวันๆหนึ่งนั้นหลายครั้งหลายครา

    ทีนี้ตะกรุดตัวนี้มันให้ค่าต่างกัน นั่นก็คือความไวของการอธิษฐานจิตเวลาเราขอพระสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย วิชานี้เหมือนเราเขียนสาสน์ถึงสวรรค์โดยตรง อยากขออะไร ฟ้องอะไร อธิษฐานอะไรเขียนสอดใส่ไว้ท่านว่าเหมือนยื่นเรื่องให้เทพเจ้าโดยตรงไม่ต้องผ่านมือใคร ไม่ต้องผ่านแม้กระทั่งปากตัวเอง เพราะหากปากตนยังไม่ศักดิ์สิทธิ์ไม่รักษาสัจจะวาจาก้าวล่วงวจีกรรมบ่อยก็อย่าหวังจะไปบนบานอะไร ท่านว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์เขาเลือก เขาก็คร้านที่จะฟัง วิชานี้จึงเป็นกุญแจสำคัญที่เอาไว้ติดต่อสื่อสารเวลาอธิษฐานหรือแสดงความต้องการแบบตรงตัวให้ถีงรวดเร็ว แม่นมั่นอย่างที่สุด


    ตะกรุดสำคัญนี้แค่ฟังผ่านๆก็มีเอกลักษณ์มากแล้ว จะพิเศษอย่างไรติดตามกันให้ดี เพราะท่านทำไว้ไม่มากน่าจะไม่เพียงพอกับความต้องการด้วยสมัยนี้คนมักบนบานศาลกล่าวไม่เป็นผลด้วยขาดสัจจะในตัวตนกันมาก ...ติดตามกันนะครับ

    image.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 พฤษภาคม 2018
  7. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,095
    ค่าพลัง:
    +16,623
    แจ้งการส่ง EMS

    พี่นฐมน EV 0223 3876 7 TH

    พี่นวรัตน์ EV 0223 3877 5 TH
     
  8. wiruch99

    wiruch99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2009
    โพสต์:
    397
    ค่าพลัง:
    +697
    ได้รับพระปิดตาแล้วครับ ขอบคุณครับ
     
  9. mm1150

    mm1150 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    140
    ค่าพลัง:
    +249
  10. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,095
    ค่าพลัง:
    +16,623
    พูดคุยรอบเย็น

    ต่อเนื่องเรื่องตะกรุดมหาโองการ...ซึ่งเกี่ยวโยงกับเรื่องของเทพยดา วันนี้เลยจะยกบทความคร่าวๆที่เป็นบทสนทนาของหลวงปู่มั่น กับเทวดากลุ่มหนึ่งซึ่งทำให้ได้รู้ว่าเทวดานั้นท่านรู้สึกอย่างไรกับมนุษย์ ....และตะกรุดนี้สำคัญด้วยเหตุและผลอย่างไรพรุ่งนี้ห้ามพลาด

    ครั้งหนึ่ง เมื่อพวกเทวดามาเยี่ยมหลวงปู่มั่นเพื่อฟังเทศน์ หัวหน้าเทวดาองค์หนึ่งพูดกับท่านว่า

    "ท่านมาพักอยู่ที่นี่ทำให้พวกเทวดาสบายใจไปทั่วกัน เทวดามีความสุขมากผิดปกติเพราะกระแสเมตตาธรรมท่านแผ่กระจายครอบท้องฟ้าอากาศและแผ่นดินไปหมด กระแสเมตตาธรรมของท่านเป็นกระแสที่บอกไม่ถูกและอัศจรรย์มาก ไม่มีอะไรเหมือนเลย"

    หัวหน้าเทวดาพูดต่อไปว่า

    "ฉะนั้น ท่านพักอยู่ที่ไหน พวกเทวดาต้องทราบกันจากกระแสธรรมที่แผ่ออกจากองค์ท่านไปทุกทิศทุกทาง แม้เวลาท่านแสดงธรรมแก่พระเณรและประชาชน กระแสเสียงของท่านก็สะเทือนไปหมดทั้งเบื้องบนเบื้องล่าง ไม่มีขอบเขต ใครอยู่ที่ไหนก็ได้เห็นได้ยิน นอกจากคนตายแล้วเท่านั้นที่จะไม่ได้ยิน"

    ตอนนี้...จะได้เชิญอาราธนาคำพูดสนทนากันระหว่างหลวงปู่มั่นกับหัวหน้าเทวดามาลงอีกเล็กน้อย ส่วนจะจริงหรือเท็จก็เขียนตามที่ได้ยินได้ฟังมา

    หลวงปู่มั่นย้อนถามหัวหน้าเทวดาบ้างว่า

    "ก็มนุษย์ไม่เห็นได้ยินกันบ้าง...ถ้าว่าเสียงเทศน์สะเทือนไปไกลดังที่ว่านั้น"

    หัวหน้าเทวดารีบตอบทันทีว่า

    "ก็มนุษย์เขาจะรู้เรื่องอะไรและสนใจกับศีลกับธรรมอะไรกันท่าน! ตา-หู-จมูก-ลิ้น-กาย-ใจของเขา เขาเอาไปใช้ในทางบาปทางกรรมและขนนรกมาทับถมตัวตลอดเวลา นับแต่วันที่เขาเกิดมาจนกระทั่งเขาตายไป เขามิได้สนใจกับศีลกับธรรมอะไรเท่าที่ควรแก่ภูมิของตนหรอกท่าน มีน้อยเต็มที...ผู้ที่สนใจจะนำตา-หู-จมูก-ลิ้น-กาย-ใจ ไปทำประโยชน์คือศีลธรรม ชีวิตเขาก็น้อยนิดเดียว ถ้าเทียบกันแล้ว มนุษย์ตายคนละกี่สิบกี่ร้อยครั้ง เทวดาที่อยู่ภาคพื้นแม้เพียงรายหนึ่งก็ยังไม่ตายกันเลย ไม่ต้องพูดถึงเทวดาบนสวรรค์ชั้นพรหมซึ่งมีอายุยืนนานกันเลย

    มนุษย์จำนวนมากมีความประมาทมาก ที่มีความไม่ประมาทมีน้อยเต็มที มนุษย์เองเป็นผู้รักษาศาสนา แต่แล้วมนุษย์เสียเองไม่รู้จักศาสนา ไม่รู้จักศีลธรรม ซึ่งเป็นของดีเยี่ยม มนุษย์คนใดชั่วก็ยิ่งรู้จักแต่จะทำชั่วถ่ายเดียว เขายังแต่ลมหายใจเท่านั้นพอเป็นมนุษย์อยู่กับโลกเขา พอลมหายใจขาดไปเท่านั้น เขาก็จมไปกับความชั่วของเขาทันทีแล้ว

    เทวดาก็ได้ยิน... ทำไมจะไม่ได้ยิน... ปิดไม่อยู่!

    เวลามนุษย์ตายแล้วนิมนต์พระท่านมาสาธยายธรรม 'กุสลา ธัมมา' ให้คนตายฟัง เขาจะเอาอะไรมาฟังสำหรับคนชั่วขนาดนั้น พอแต่ตายลงไปกรรมชั่วก็มัดดวงวิญญาณเขาไปแล้ว เริ่มแต่ขณะสิ้นลมหายใจ จะมีโอกาสมาฟังเทศน์ฟังธรรมได้อย่างไร แม้ขณะที่เขายังมีชีวิตอยู่ก็ไม่สนใจอยากฟังเทศน์ฟังธรรม นอกจากคนที่ยังเป็นอยู่เท่านั้น...พอฟังได้ถ้าสนใจอยากฟัง แต่เขามิได้สนใจฟังหรอกท่าน

    ท่านไม่สังเกตดูเขาบ้างหรือ...เวลาพระท่านสาธยายธรรม 'กุสลา ธัมมา' ให้ฟัง เขาสนใจฟังเมื่อไร! ศาสนามิได้ถึงใจมนุษย์เท่าที่ควรหรอกท่าน เพราะเขาไม่สนใจกับศาสนา สิ่งที่เขารักชอบที่สุดนั้นมันเป็นสิ่งที่ต่ำทรามที่สัตว์เดรัจฉานบางตัวก็ยังไม่อยากชอบ

    นั่นแลเป็นสิ่งที่มนุษย์ที่ไม่ชอบศาสนา ชอบมากกว่าสิ่งอื่นใด และชอบแต่ไหนแต่ไรมา ทั้งชอบแบบไม่มีวันเบื่อ ไม่รู้จักเบื่อเอาเลย ขณะจะขาดใจยังชอบอยู่เลยท่าน

    พวกเทวดารู้เรื่องของมนุษย์ได้ดีกว่ามนุษย์จะมาสนใจรู้เรื่องของพวกเทวดาเป็นไหนๆ ... มีท่านนี่แลเป็นพระวิเศษ รู้ทั้งเรื่องมนุษย์ ทั้งเรื่องเทวดา ทั้งเรื่องสัตว์นรก สัตว์กี่ประเภท ท่านรู้ได้ดีกว่าเป็นไหนๆ ฉะนั้น พวกเทวดาทั้งหลายจึงยอมตนลงกราบไหว้ท่าน"

    พอหัวหน้าเทวดาพูดจบลง หลวงปู่มั่นก็พูดเป็นเชิงปรึกษาว่า

    "เทวดาเป็นผู้มีตาทิพย์ หูทิพย์ แลเห็นได้ไกล ฟังเสียงได้ไกล รู้เรื่องดีชั่วของชาวมนุษย์ได้ดีกว่ามนุษย์จะรู้เรื่องของตัวและรู้เรื่องของพวกมนุษย์ด้วยกัน จะไม่พอมีทางเตือนมนุษย์ให้รู้สึกสำนึกในความผิดถูกที่ตนทำได้บ้างหรือ? อาตมาเข้าใจว่าจะได้ผลดีกว่ามนุษย์ด้วยกันตักเตือนกัน สั่งสอนกัน ... จะพอมีทางได้บ้างไหม?"

    หัวหน้าเทวดาตอบว่า

    "เทวดายังไม่เคยเห็นมนุษย์ว่ามีกี่รายพอจะมีใจเป็นมนุษย์สมภูมิเหมือนอย่างพระคุณเจ้าซึ่งให้ความเมตตาแก่ชาวเทพและชาวมนุษย์ตลอดมาเลย พอที่เขาจะรับทราบว่าในโลกนี้มีสัตว์ชนิดต่างๆ หลายต่อหลายจำพวกอยู่ด้วยกัน ทั้งที่เป็นภพหยาบ ทั้งที่เป็นภพละเอียด ซึ่งมนุษย์จะยอมรับว่า เทวดาประเภทต่างๆ มีอยู่ในโลก และสัตว์อะไรๆ ที่มีอยู่ในโลกกี่หมื่นกี่แสนประเภท ว่ามีจริงตามที่สัตว์เหล่านั้นมีอยู่ เพราะนับแต่เกิดมา มนุษย์ไม่เคยเห็นสิ่งเหล่านี้มาแต่พ่อแต่แม่ แต่ปู่ย่าตายาย แล้วมนุษย์จะมาสนใจอะไรกับเทวดาเล่าท่าน นอกจากเห็นอะไรผิดสังเกตบ้าง จริงหรือไม่จริงไม่คำนึง

    พวกมนุษย์มีแต่พากันกล่าวตู่ว่าผีกันเท่านั้น จะมาหวังคำตักเตือนดีชอบอะไรจากเทวดา แม้เทวดาจะรู้เห็นพวกมนุษย์อยู่ตลอดเวลา แต่มนุษย์ก็มิได้สนใจจะรู้เทวดาเลย แล้วจะให้เทวดาตักเตือนสั่งสอนมนุษย์ด้วยวิธีใด... เป็นเรื่องจนใจทีเดียว ปล่อยตามกรรมของใครของเราไว้อย่างนั้นเอง แม้แต่พวกเทวดาเองก็ยังมีกรรมเสวยอยู่ทุกขณะ ถ้าปราศจากกรรมแล้ว เทวดาก็ไปนิพพานได้เท่านั้นเอง ... จะพากันอยู่ให้ลำบากไปนานอะไรกัน"

    หลวงปู่มั่นถามว่า

    "พวกเทวดาก็รู้นิพพานกันด้วยหรือ?...ถึงว่าหมดกรรมแล้วก็ไปนิพพานกันได้ และพวกเทวดาก็มีความทุกข์เช่นสัตว์ทั้งหลายเหมือนกันหรือ?"

    หัวหน้าเทวดาตอบว่า

    "ทำไมจะไม่รู้ท่าน! ก็เพราะพระพุทธเจ้าองค์ใดมาสั่งสอนโลกก็ล้วนแต่สอนให้พ้นทุกข์ไปนิพพานกันทั้งนั้น มิได้สอนให้จมอยู่ในกองทุกข์ แต่สัตว์โลกไม่สนใจพระนิพพานเท่าเครื่องเล่นที่เขาชอบเลย จึงไม่มีใครคิดอยากไปนิพพานกัน

    คำว่า 'นิพพาน' พวกเทวดาจำได้อย่างติดใจจากพระพุทธเจ้าแต่ละองค์ที่มาสั่งสอนสัตว์โลก แต่เทวดาก็มีกรรมหนาจึงยังไม่พ้นจากภพของเทวดาให้ได้ไปนิพพานกัน จะได้หมดปัญหา ไม่ต้องวกเวียนถ่วงตนดังที่เป็นอยู่นี้ ส่วนความทุกข์นั้น ถ้ามีกรรมอยู่แล้ว ไม่ว่าสัตว์จำพวกใดต้องมีทุกข์ไปตามส่วนของกรรมดีชั่วที่มีมากน้อยในตัวสัตว์"

    หลวงปู่มั่นถามว่า

    "พระที่พูดกับเทวดารู้เรื่องกันมีอยู่แยะไหม?"

    หัวหน้าเทวดาตอบว่า

    "มีอยู่เหมือนกันท่าน แต่ไม่มากนัก ... โดยมากก็เป็นพระซึ่งชอบปฏิบัติบำเพ็ญอยู่ในป่าในเขาเหมือนพระคุณเจ้านี่แล"

    หลวงปู่มั่นถามว่า

    "ส่วนฆราวาสเล่า...มีบ้างไหม?"

    หัวหน้าเทวดาตอบว่า

    "มีเหมือนกัน แต่มีน้อยมาก และต้องเป็นผู้ใคร่ทางธรรมปฏิบัติ ใจผ่องใส ถึงรู้ได้ เพราะกายของพวกเทวดานั้นหยาบสำหรับพวกเทวดาด้วยกัน แต่ก็ละเอียดสำหรับมนุษย์จะรู้เห็นได้ทั่วไป นอกจากผู้มีใจผ่องใสจึงจะรู้จะเห็นได้ไม่ยากนัก"

    หลวงปู่มั่นถามว่า

    "ที่ท่านว่าพวกเทวดาไม่อยากมาอยู่ใกล้พวกมนุษย์เพราะเหม็นสาบคาวมนุษย์นั้น...เหม็นสาบคาวอย่างไรบ้าง? ขณะที่ท่านทั้งหลายมาเยี่ยมอาตมาไม่เหม็นคาวบ้างหรือ? ... ทำไมถึงพากันมาหาอาตมาบ่อยนัก?"

    หัวหน้าเทวดาตอบว่า

    "มนุษย์ที่มีศีลธรรมมิใช่มนุษย์ที่ควรรังเกียจ ยิ่งเป็นที่หอมหวนชวนให้เคารพบูชาอย่างยิ่ง และอยากมาเยี่ยมเพื่อฟังเทศน์อยู่เสมอ ไม่เบื่อเลย มนุษย์ที่เหม็นคาวน่ารังเกียจคือมนุษย์ที่เหม็นคาวศีลธรรม รังเกียจศีลธรรม ไม่สนใจในศีลธรรม มนุษย์ประเภทเบื่อศีลธรรมซึ่งเป็นของดีเลิศในโลกทั้งสาม แต่ชอบในสิ่งที่น่ารังเกียจของท่านผู้ดีมีศีลธรรมทั้งหลาย มนุษย์ประเภทนี้น่ารังเกียจจึงไม่อยากเข้าใกล้และเหม็นคาวฟุ้งไปไกลด้วย

    แต่เทวดามิได้ตั้งข้อรังเกียจชาวมนุษย์แต่อย่างใด ... หากเป็นนิสัยของพวกเทวดามีความรู้สึกอย่างนั้นมาดั้งเดิมดังนี้"



    man2_2.jpg
     
  11. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,095
    ค่าพลัง:
    +16,623
    ร่วมทำบุญบูชา ตะกรุดมหาโองการสูตรขอพรเข้าตัว(เทวราชเนรมิต)

    สืบเนื่องจากตะกรุดมหาโองการ พ่ออาจารย์ท่านว่ามันเป็นวิชาเฉพาะทางจริงๆก็เลยทำไว้ ทีแรกไม่คิดว่าจะเอาให้ใครใช้กลัวจะไปเขียนอะไรเหลวไหล แต่ลึกๆเลยท่านก็ยอมรับว่าเป็นวิชาระดับตำนานเช่นกัน เนื่องจากตะกรุดนี้เป็นวิชาที่ใช้เกี่ยวกับการอธิษฐานจิต

    การอธิษฐานจิต อธิษฐานใจเวลาเราขอพรต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์นั้น พ่ออาจารย์ท่านว่าเคยมีหลายๆคนบอกหมดธูปไปเป็นกำๆ บางทีเกือบสิบหนเพียรจุเพียรขอถึงจะสำเร็จ ที่เป็นเช่นนี้ท่านว่าเพราะเราไม่เคยอธิษฐานปากตัวเอง ไม่เคยมีสัจจะหรือรักษาสัจจะยิ่งชีวิต เวลาพูดเวลาขออะไรจึงไม่มีความมั่นคงแลไม่เห็นผลสัมฤทธิ์เหมือนดั่งที่ควรจะเป็น เพราะมนุษย์นั้นประมาทพลาดพลั้งผิดคำพูดทำกรรมทางวจีกรรมล่วงไปในวันๆหนึ่งนั้นหลายครั้งหลายครา

    ในขณะเดียวกันเทพเจ้าทั้งหลายก็ไม่ชอบยุ่งกับมนุษย์บางจำพวก ด้วยกายของพวกเทวดานั้นหยาบสำหรับพวกเทวดาด้วยกัน แต่ก็ละเอียดสำหรับมนุษย์จะรู้เห็นได้ทั่วไป นอกจากผู้มีใจผ่องใสจึงจะรู้จะเห็นได้ไม่ยากนัก ทั้งยังมีอคติกับสัตว์โลกที่ไม่ตั้งอยู่ในคุณธรรม ด้วยว่ามนุษย์ที่เหม็นคาวน่ารังเกียจคือมนุษย์ที่เหม็นคาวศีลธรรม รังเกียจศีลธรรม ไม่สนใจในศีลธรรม มนุษย์ประเภทเบื่อศีลธรรมซึ่งเป็นของดีเลิศในโลกทั้งสาม แต่ชอบในสิ่งที่น่ารังเกียจของท่านผู้ดีมีศีลธรรมทั้งหลาย มนุษย์ประเภทนี้น่ารังเกียจจึงไม่อยากเข้าใกล้และเหม็นคาวฟุ้งไปไกลด้วย ดังนั้นเมื่อชนทั้งหลายเดือดเนื้อร้อนใจเอ่ยปากพึ่งพิงเทวดาจึงได้รับแต่อาการเฉยเมยกลับมา ทำให้รู้สึกกันไปเองว่าสวรรค์ไม่มีตา ฟ้ากลั่นแกล้ง เป็นวลีติดปากที่โทษเทวดาฟ้าดินนั่นเอง

    ทีนี้ตะกรุดตัวนี้มันให้ค่าต่างกัน นั่นก็คือความไวของการอธิษฐานจิตเวลาเราขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย วิชานี้เหมือนเราเขียนสาสน์ถึงสวรรค์โดยตรง อยากขออะไร ฟ้องอะไร อธิษฐานอะไรเขียนสอดใส่ไว้ท่านว่าเหมือนยื่นเรื่องให้เทพเจ้าโดยตรงไม่ต้องผ่านมือใคร ไม่ต้องผ่านแม้กระทั่งปากตัวเอง เพราะหากปากตนยังไม่ศักดิ์สิทธิ์ไม่รักษาสัจจะวาจาก้าวล่วงวจีกรรมบ่อยก็อย่าหวังจะไปบนบานอะไร ท่านว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์เขาเลือก เขาก็คร้านที่จะฟังทีนี้พอไอ้เราขอท่านด้วยปากเรา ปากมันไม่ศักดิ์สิทธิ์แล้วคำขอต่างๆท่านก็จะนิ่ง วิชานี้จึงเป็นกุญแจสำคัญที่เอาไว้ติดต่อสื่อสารเวลาอธิษฐานหรือแสดงความต้องการแบบตรงตัวให้ถีงรวดเร็ว แม่นมั่นอย่างที่สุด

    ด้วยเทพยดาทั้งหลายก็เหมือนชนทั้งปวง เขาจะคบหาสมาคมแต่คนประเภทเดียวกัน ดังนั้นในปัจจุบันนี้พ่ออาจารย์ท่านเห็นว่าคนเดือดร้อนกันมาก หาความสุขสบายเพียงหยิบมือเล็กน้อย ส่วนเรื่องทุกข์ เรื่องร้อนใจมีประดังเข้ามาไม่เว้นแต่ละวัน คนทั้งหลายจึงนิยมหาที่พึ่งพิง ไปกราบไหว้เทพ เทวดาต่างๆ ไปตำหนักทรงต่างๆ ท่านว่าคนเหล่านี้ไปตำหนักทรงก็เพื่อต้องการความสบายใจว่าเขาสามารถพูดคุย บอกเล่าติดต่อกับเทพเจ้าได้ แต่กลับกันกลายเป็นว่ากลับโดนหลอกลวงให้เสียทรัพย์หนักขึ้นบ้าง โดนคุณไสยอวิชชาของบรรดาร่างทรงบ้างเช่นนี้

    ท่านว่าเหตุด้วยมนุษย์ต้องการสื่อสารกับเทพยดาจึงแสวงหาเรื่องเดือดร้อนมาใส่ตัวดุจจุดไฟเผาตัวเอง ดังนั้นหากจะแก้ปัญหาก็ต้องแก้ที่ต้นเหตุ เมื่อท่านมาพิจารณาถึงวิชาที่เสด็จพระใหญ่เคยประทานไว้ หากมีปัญหาจะบอกกล่าวสิ่งใดก็ให้ทำวิชาเช่นนี้ปรารถนาจะขอความช่วยเหลือจากเทพเจ้าองค์ใดๆก็ย่อมไปถึงกันทั่วทั้งสิ้นในฉับพลันทันที แม้เทพเจ้าก็ดี หมู่พรหมก็ดี เขาไม่อาจจะปิดโสตประสาทรับรู้ของเขาได้

    พ่ออาจารย์ท่านเรียกวิชาทำตะกรุดนี้ว่าตะกรุดมหาโองการสูตรขอพรเข้าตัว ตะกรุดนี้ท่านว่าเมื่อเราเขียนความปรารถนาส่งคำอธิษฐานใดๆก็ตามเปรียบดั่งโองการฟ้าที่ออกมาแล้ว โองการนั้นมีความศักดิ์สิทธิ์ ปกาศิตทุกสรรพสิ่งให้ปฏิบัติตามเช่นหน้าที่ อยู่เหนือกว่าความรู้สึกที่จะตอบรับแลปฏิเสธด้วยพึงใจหรือไม่พึงใจเช่นนั้น ท่านว่าเมื่อไม่ใช่คำขอแต่เป็นหน้าที่เขาก็จะรีบทำ ในอดีตนั้นท่านเกรงว่าคนจะเอาไปเขียนเล่น เขียนกันมั่วท่านจึงทำหากแต่ระงับไว้ จะมีให้บูชาก็เฉพาะคนที่ไปโดนโกง เจอปัญหาร่างทรงทำพิษบ้างเป็นรายๆไปเท่านั้น จนเกิดประสบการณ์กลายเป็นที่กล่าวขานในหมู่ญาติและเพื่อนร่วมงานว่าบุคคลเหล่านั้นที่บูชาตะกรุด มีพลังงานพิเศษสามารถติดต่อสื่อสารเทวดาฟ้าดินได้ กลายเป็นของดีคู่กายที่ไม่อยากเอ่ยปากบอกใครว่ามีไว้ในครอบครอง

    ในกาลบัดนี้ ...พ่ออาจารย์ท่านว่าเหมาะแก่เวลาและตะกรุดของท่านก็ไม่ได้ทำไว้มากมายเช่นใด จะขอกันไว้เป็นสัญญาใจก็แต่เพียงว่า อย่าเอาไปเขียนเล่น อย่าไปทำอะไรที่ไร้สาระ เพราะเขียนอะไรไปนั้นย่อมถึงเทพยดาแลครูบาอาจารย์ทั้งหมด

    ท่านว่าตะกรุดนี้เทวดาท่านช่วยไม่เลือกที่รักมักที่ชัง แต่ก็อย่าไปทำให้ท่านชังในความเป็นมนุษย์เสียเลย ให้เขียนแต่เรื่องที่เราเดือดร้อนจริงๆ คำขอที่สามารถเป็นไปได้ คำขอที่เพิ่มระดับมากขึ้นยิ่งๆขึ้นไปตามผลสำเร็จ พ่ออาจารย์ท่านยกตัวอย่างว่าสมมติถ้าคนอยากมีบ้าน ก็ให้ขอการงานที่มั่นคงสอดไว้ หนต่อมารู้สึกว่างานตนมั่นคงดีแล้วก็ให้ขอโอกาศขยับขยาย ขอสังคม ขอโชคลาภ คือค่อยๆขอเพิ่มขึ้นในขั้นกว่าไปเรื่อยๆจนรากฐานเรามั่นคง ไม่ใช่ว่าเขียนเป็นเล่นสักแต่เขียน ขอบ้าน ขอร้อยล้าน ขอพันล้าน ขอถูกหวยรางวัลที่1 ท่านว่าคนเช่นนี้ขอไม่เป็นและคร้านที่จะทำให้เทวดาเขารังเกียจมากขึ้นกว่าเดิมเสียเปล่า ท่านว่าถ้าหวังหวยก็ขอไป ขอให้เจอคนขายที่ดวงสมพงษ์กับเราวาสนาเกื้อหนุนเรา นี่ขอแบบนี้หวยมันก็จะถูก พ่ออาจารย์ท่านว่าถ้าขอเป็น มีมารยาทเสียสามส่วน รู้จักลำดับเหตุการณ์และความสำคัญ ไม่โลภหรือแสดงตัวตนน่ารังเกียจ การใช้ตะกรุดมหาโองการเช่นนี้ย่อมไม่ยากเลย

    ตะกรุดมหาโองการนั้นท่านว่าคนใช้เป็นก็เป็นตัวช่วยชั้นดี เหมือนเสือติดปีกติดอาวุธเหมาะกับคนซึ่งมีความเพียรพยายามในการประกอบอาชีพ คนที่คาดหวังความสำเร็จโดยไม่สนบุญเก่า คนที่ชอบขอพรพระหรือเทวดาแต่ไม่เห็นผล ไม่ประสบความสำเร็จ จะด้วยขอไม่เป็นหรือเทพไม่พึงใจก็ตาม ท่านว่าให้ทำใหม่ ทำให้ถูกให้ควร ขอเป็นขั้นเป็นตอน เช่นนั้นความสำเร็จก็อยู่ไม่ไกลเลย

    ดั่งที่เกริ่นไว้ พ่ออาจารย์ท่านดำริมาแต่เริ่มว่าตะกรุดมหาโองการนั้นเป็นของสำคัญยิ่งยวด ซ้ำจะเป็นอันตรายเมื่อไปอยู่ในมือของพวกมิจฉาทิฏฐิ จึงไม่ควรเผยแพร่ไปในวงกว้าง ควรมีตกไว้เป็นสิ่งสืบทอดในหมู่ชนที่เดือดเนื้อร้อนใจตกทุกข์ได้ยาก ต้องการพึ่งบารมีพระ บารมีเทพจริงๆเท่านั้น ดังนั้นท่านจึงจะเปิดให้บูชาเพียงครั้งเดียว วาระนี้หนเดียวและจะไม่นำออกมาให้ปรากฏแก่ตาโลกอีก โดยท่านเมตตาให้ตั้งราคาไว้ไม่สูงมากเพื่อที่คนเช่าบูชาจะได้บูชากันได้ทั่วถึง

    วิธีใช้(ควรอ่าน)
    - ตะกรุดนี้พ่ออาจารย์ท่านว่าเป็นของสำเร็จ เสกยาก ไม่ต้องมีคาถาอะไรมากำกับ มีแค่เอาไปแล้วก็ใช้ซะ หมั่นใช้ ขยันใช้ ใช้ในเรื่องดีๆเพียงเท่านั้น
    - เมื่อจะใช้ท่านว่าให้เขียนความปรารถนาหรือสิ่งที่อยากบอก อยากร้องเรียนกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายและม้วนกระดาษนั้นๆไว้
    - นำตะกรุดจบหัวและกราบไหว้ระลึกถึงพระพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ สวดมนต์สรรเสริญคุณพระรัตนตรัยเป็นปกติ
    - เมื่อเสร็จกิจพิธีการแล้ว ให้นำกระดาษข้อความนั้นสอดใส่ไว้ในตะกรุด อธิษฐานตั้งใจฝากฝังความทุกข์ เรื่องเร่งด้วน ข้อเหตุการณ์ช่วยเหลือต่างๆถึงเสด็จพระใหญ่หรือครูบาอาจารย์เทพยดาต่างๆที่เราเคารพ
    - เมื่อใช้เสร็จเห็นผลแล้วให้นำความที่เขียนนั้นออกและเขียนสิ่งใหม่ๆตามวาระโอกาสต่อไป


    พ่ออาจารย์ท่านว่าวิธีใช้ก็ง่ายๆมีเพียงเท่านี้ไม่ยุ่งยากแต่อย่างใด * แต่ให้จำเอาไว้ ตะกรุดดอกหนึ่งขอได้หนึ่งเรื่อง ไม่ควรเขียนอะไรที่เยอะมากหรือมากความ ท่านว่าถ้าจะให้เร็วหรือมีเรื่องที่จำเป็นต้องขอพร้อมกันหลายเรื่อง เป็นเรื่องที่หนุนเนื่องกัน ต้องการความสำเร็จพร้อมๆกันอย่างขาดไม่ได้ เช่นนั้นก็ต้องใช้หลายดอกให้เหมาะสมตามสถานการณ์ความเป็นไป

    *ตะกรุดสำคัญวิชามหาโองการนี้ พ่ออาจารย์ท่านเปิดวิชาและทำไว้ให้บูชาเป็นสาธารณะเพียงวาระเดียวเท่านั้น ท่านว่าใครที่บุญยังมีวาสนายังหนุนส่งอยู่บ้าง ของๆเขาเดี๋ยวเขาก็มาเอาไปเอง แต่ใครที่กรรมมันบังหรือถึงคราวเคราะห์อย่างถึงที่สุดแล้ว จะทำอย่างไรก็จะไม่ได้ไปใช้เป็นแน่นอน

    ร่วมทำบุญบูชา ตะกรุดมหาโองการสูตรขอพรเข้าตัว(เทวราชเนรมิต) บูชา 500 บาท

    33506976_2200436640242745_7550357145485574144_n.jpg
    33597973_2200437423576000_5667794600790589440_n.jpg
     
  12. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,095
    ค่าพลัง:
    +16,623
    วันนี้ใครจะฝากคำถามก็แจ้งไว้ทาง PM เลยนะครับ กำลังทยอยตอบให้:)
     
  13. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,095
    ค่าพลัง:
    +16,623
    พรุ่งนี้มาติดตามเรื่องพูดคุยกันนะครับ มีคนเล่าเรื่องอาราธนาเครื่องมงคลไปแก้คุณไสยมาด้วย ;)
     
  14. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,095
    ค่าพลัง:
    +16,623
    อรุณสวัสดิ์ครับ

    วันนี้เดี่ยวจัดส่งของให้แล้วมาติดตามพูดคุยกันต่อนะ
     
  15. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,095
    ค่าพลัง:
    +16,623
    แจ้งการส่ง EMS
    พี่ฐิตกาญจน์ EV 0222 1919 0 TH

    พีวีรพล EV 0222 1918 6 TH

    พี่ปภพ EV 0222 1920 9 TH

    พี่วีรภัทร EV 0222 2641 7 TH

    พี่ภาคภูมิ EV 0222 2642 5 TH

    พี่ภิญโญ EV 0222 2643 4 TH

    พี่กฤตยชญ์ EV 0222 2644 8 TH

    พี่ปภัสสร EV 0222 2645 1 TH

    พี่ประเสริฐ EV 0222 2646 5 TH
     
  16. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,095
    ค่าพลัง:
    +16,623
    พูดคุยรอบเย็น

    วันนี้ก็คุยกันแบบสบายๆนะครับ

    - เริ่มจากเรื่องแรกเลยมีประสบการณ์แจ้งเข้ามาเรื่องตะกรุดมหาสะท้อน มีคนมาเล่าให้ฟังว่าพี่ชายเจ้าตัวเขา มีอาการแปลกที่นิ้วมือ นิ้วโป้งเกร็งและงอไม่ได้ พร้อมกับบ่นว่าปวดเหมือนโดนเข็มทิ่มและเริ่มพอง ซึ่งได้ไปรักษาตามโรงพยาบาลแล้ว แต่แพทย์หาสาเหตุไม่พบ เลยลองอาราธนาตะกรุดมหาสะท้อนชุดล่าสุดของพ่ออาจารย์ท่านให้พี่ห้อยบูชาสวมข้อมือ พร้อมกับนำแช่น้ำขอเมตตาคุณพระทำน้ำมนต์รักษาโรคประหลาด ซึ่งเพียงสองวันเท่านั้นอาการทรมานร่วมเดือนก็ทุเลาลงสามารถงอนิ้วได้ อาการบวมลดน้อยลงไม่มีอาการเจ็บเหมือนเข็มทิ่มแทง พี่ท่านนี้บอกว่าก็ได้น้ำมนต์ที่ขอจากตะกรุดมหาสะท้อนนี่แหละเอานิ้วโป้งพี่เขาจุ่มสามเวลากันเลย ทีนี้เหลือรอให้ยุบให้หายพองอีกนิดก็น่าจะเป็นปกติ สำหรับใครที่ประสบพบเจอโรคประหลาดหรืออะไรที่หมอหาสาเหตุไม่ได้ก็ลองกันได้นะครับ ท่านว่าใช้ได้ร้อยแปด ตามแต่จะอธิษฐานขอบารมีองค์พระท่านสงเคราะห์เลย

    - ต่อกันด้วยเรื่องแพะ อันนี้ก็ฟังหูไว้หูเพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับญาณทัศนะ ซึ่งพ่ออาจารย์ท่านเปรยๆว่าเราเห็นคนเอาแพะเราไปใช้ มันยืนขาสั่นหนักเลย ท่านว่าแพะนี้ใช้รับเคราะห์กรรมก็จริงแต่คนเราน่ะมันต้องรู้ลิมิต รู้ตัวของตัวเอง ถ้าถึงขั้นที่ว่าอยู่ในจุดตกต่ำ ต่ำจนไม่พ้นแม้จะทำบุญทานการกุศลอย่างไรก็ไม่ขึ้น แปลว่ากรรมเก่าหนักมาก เกิดมาเพื่อเสวยทุกขเวทนา ท่านว่าเราก็บอกไปแต่แรกแล้วว่าถ้าคนเขารู้ตัวว่าหนัก ตัวเดียวมันเอาไม่อยู่รับไม่ไหวหรอก แต่ก็ยังมีคนรั้น ท่านว่าเราสงสารแพะ ..ตรงนี้ก็นำมาพูดคุยกันในกรณีเรื่องน้องแพะ เพราะถ้าใครรู้ตัวว่ากรรมมันหนักมากจริงๆอย่างน้อยๆเลยก็ต้องสองตัวขึ้นไป โดยแพะนี้เลี่ยมห้อยทำจี้พกใส่จะสวมคอ ทำพวงกุญแจรึคาดเอวก็ได้ท่านว่าได้หมด ทุกกิจกรรมไม่ต้องถอด

    - เรื่องสุดท้ายก็เป็นเรื่องของหมู เริ่มมีประสบการณ์เจอเป็นตัวเป็นตนเยอะขึ้นแต่จะเฮี้ยนอย่างไรก็ไม่ใช่หมูผีเพราะเป็นหมูนารายณ์อวตาร คงจะได้รวบรวมเรื่องของหมูมาพูดคุยกันไวๆนี้...แต่วันนี้ก็จะมาเข้าประเด็นกันก่อนเพราะมีคนถามมาสองคนแล้วเรื่องหมูเกี่ยวกับข้าวที่ถวายว่าจะทำอย่างไรดี ตรงนี้พ่ออาจารย์ท่านว่าสุดแล้วแต่ใจจะกินก็ได้ แต่คิดให้ดีว่าของที่เราให้ไปแล้วเราควรรับกลับมาหรือไม่ ข้าวนั้นท่านว่าไหว้เสร็จถึงเวลาเปลี่ยน ก็ให้นำไปโปรยไว้รอบๆอาณาเขตที่อยู่อาศัยตนเองก็ได้เพื่อเป็นอาณาเขตให้หมูเขาดูแล ซ้ำยังเป็นกุศโลบายได้บุญกันทั้งคนทั้งหมู จะได้สร้างทานบารมี ให้อาหารแก่สัตว์น้อยใหญ่ไม่ว่าจะนกหนูหรือสัตว์ต่างๆ ธรรมชาติสัตว์อะไรมันกินได้มันก็จะลงมากิน ถือเสียว่าได้ทำทาน ให้ทาน รู้จักการเสียสละสร้างบารมีร่วมกันทั้งเจ้าของและบริวาร * ข้าวที่ไหว้เห็นบอกกันว่าใช้ถุงห้ากิโล ตรงนี้ข้าวถุงหนึ่งไหว้ได้หลายเดือนรึอาจถึงปีนะครับ มันขึ้นอยู่กับขนาดถ้วยที่เราตักไหว้ แค่บอกเขาว่าข้าวถุงนี้ของเขาถึงเวลาไหว้ก็ตักขึ้นมา ไม่ใช่ไหว้ทีเดียวทั้งถุง

    296fdde1cd55120c40233d6fb1e12327-d25vj52.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 พฤษภาคม 2018
  17. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,095
    ค่าพลัง:
    +16,623
    วันวิสาขบูชา

    วันวิสาขบูชา นับว่าเป็นวันสำคัญสากลทางพระพุทธศาสนา สำหรับชาวพุทธทุกนิกายทั่วโลก เป็นวันหยุดราชการในหลายๆ ประเทศ อีกทั้งยังเป็นวันสำคัญในระดับนานาชาติตามข้อมติของสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ เนื่องจากเป็นวันคล้ายวันที่เกิดเหตุการณ์สำคัญที่สุดในพระพุทธศาสนา 3 เหตุการณ์ ได้แก่ การประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพานของพระพุทธโคดม ซึ่งทั้ง 3 เหตุการณ์นี้ได้เกิดขึ้นตรงกัน ณ วันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 หรือวันเพ็ญแห่งเดือนวิสาขะ (ต่างปีกัน) ชาวพุทธจึงถือว่าเป็นวันที่รวมการเกิดเหตุการณ์อันน่าอัศจรรย์ยิ่ง และเรียกการบูชาในวันนี้ว่า วิสาขบูชา ย่อมาจาก วิสาขปุรณมีบูชา หมายถึง การบูชาในวันเพ็ญเดือนวิสาขะ

    ประวัติวันวิสาขบูชาในประเทศไทย
    จากหลักฐานพบว่า วันวิสาขบูชา ได้เริ่มขึ้นครั้งแรกเมื่อสมัยสุโขทัยเป็นราชธานี ซึ่งสันนิษฐานว่าได้รับแบบแผนมาจากลังกาเมื่อประมาณ พ.ศ. 420 โดยพระเจ้าภาติกุราช กษัตริย์แห่งกรุงลังกาได้เป็นผู้ประกอบพิธีวิสาขบูชาขึ้นเพื่อถวายเป็นพุทธบูชา นับจากนั้นกษัตริย์แห่งลังกาพระองค์อื่นๆ ก็ได้ถือปฏิบัติประเพณีวิสาขบูชานี้สืบต่อกันมา ส่วนการเผยแพร่เข้ามาในประเทศไทยนั้นอาจเป็นเพราะเมื่อครั้งสมัยสุโขทัย ประเทศไทยมีความสัมพันธ์ด้านพระพุทธศาสนากับประเทศลังกาอย่างใกล้ชิด จะเห็นได้ว่ามีพระสงฆ์จากเมืองลังกาหลายรูปเดินทางเข้ามาเผยแพร่พระพุทธศาสนาและนำการประกอบพิธีวิสาขบูชาเข้ามาปฏิบัติในประเทศไทยด้วย ซึ่งการปฏิบัติพิธีวิสาขบูชาในสมัยสุโขทัยนั้น ได้มีการบันทึกเอาไว้ในหนังสือ นางนพมาศ สรุปใจความได้ว่า เมื่อถึงวันวิสาขบูชา พระเจ้าแผ่นดิน ข้าราชบริพาร ทั้งฝ่ายหน้า และฝ่ายใน ตลอดทั้งประชาชนชาวสุโขทัย จะช่วยกันประดับตกแต่งพระนคร ด้วยดอกไม้ พร้อมกับจุดประทีปโคมไฟให้ดูสว่างไสวไปทั่วพระนคร เป็นเวลา 3 วัน 3 คืน เพื่อเป็นการบูชาพระรัตนตรัย ขณะที่พระมหากษัตริย์ และบรมวงศานุวงศ์ ก็ทรงศีล และทรงบำเพ็ญพระราชกุศลต่าง ๆ ครั้นตกเวลาเย็นก็เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ และนางสนองพระโอษฐ์ตลอดจนข้าราชการทั้งฝ่ายหน้า และฝ่ายในไปยังพระอารามหลวง เพื่อทรงเวียนเทียนรอบพระประธาน ส่วนชาวสุโขทัยจะรักษาศีล ฟังธรรม ถวายสลากภัต สังฆทาน อาหารบิณฑบาตแด่พระภิกษุสามเณร บริจาคทานแก่คนยากจน ทำบุญไถ่ชีวิตสัตว์ ฯลฯ

    อมาภายหลังจากสมัยสุโขทัย ประเทศไทยได้รับอิทธิพลของศาสนาพราหมณ์เพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้ในช่วงสมัยกรุงศรีอยุธยา ธนบุรี และรัตนโกสินทร์ตอนต้นไม่มีปรากฏหลักฐานการประกอบพิธีวิสาขบูชา จนกระทั่งมาถึงในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2 (พ.ศ. 2360) พระองค์ทรงมีพระราชดำริที่จะฟื้นฟูพิธีวิสาขบูชาขึ้นใหม่ โดยสมเด็จพระสังฆราช (มี) สำนักวัดราชบูรณะ ถวายพระพรให้ทรงทำขึ้นครั้งแรกในวันขึ้น 14 ค่ำ 15 ค่ำ และแรม 1 ค่ำ เดือน 6 พ.ศ. 2360 โดยให้จัดทำตามแบบอย่างประเพณีเดิมทุกประการ เพื่อให้ประชาชนได้ทำบุญ ทำกุศลทั่วหน้ากัน อีกทั้งการรื้อฟื้นพิธีวิสาขบูชาขึ้นมาในครานี้ถือว่าเป็นแบบอย่างปฏิบัติในการประกอบพิธีวิสาขบูชาต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน

    วันวิสาขบูชามีความสำคัญอย่างไร ?
    วันวิสาขบูชา เป็นวันที่ระลึกถึงวันที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพาน ซึ่งตรงกับวันเพ็ญ เดือนวิสาขมาส (เดือน 6) บรรจบกันทั้ง 3 คราว ได้แก่

    • เช้าวันศุกร์ ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 ปีจอ ก่อนพุทธศักราช 80 ปี เจ้าชายสิทธัตถะ ทรงประสูติที่พระราชอุทยานลุมพินีวัน ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างกรุงกบิลพัสดุ์กับเทวทหะ
    • เช้ามืดวันพุธ ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 ปีระกา ก่อนพุทธศักราช 45 ปี เจ้าชายสิทธัตถะ ทรงตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเมื่อมีพระชนมายุได้ 35 พรรษา ณ ใต้ร่มไม้ศรีมหาโพธิ์ ริมฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา ตำบลอุรุเวลาเสนานิคม ภายหลังจากการออกผนวชได้ 6 ปี ปัจจุบัน สถานที่แห่งนี้เรียกว่า พุทธคยา เป็นตำบลหนึ่งของเมืองคยา แห่งรัฐพิหาร ประเทศอินเดีย
    • ภายหลังจากการตรัสรู้ องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงออกประกาศพระธรรมวินัย และโปรดเวไนยสัตว์เป็นเวลา 45 ปี เมื่อมีพระชนมายุได้ 80 พรรษา พระองค์ก็เสด็จดับขันธปรินิพพาน เมื่อวันอังคาร ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 ปีมะเส็ง ณ สาลวโนทยาน ของมัลลกษัตริย์ เมืองกุสินารา แคว้นมัลละ ปัจจุบันอยู่ในเมืองกุสีนคระ รัฐอุตตรประเทศ ประเทศอินเดีย

    เนื่องจากเหตุการณ์สำคัญทั้ง 3 เหตุการณ์ เกิดขึ้นตรงกันในวันเพ็ญเดือน 6 ชาวพุทธจึงเรียกการบูชาในวันนี้ว่า วันวิสาขบูชา ซึ่งหมายถึง การบูชาในวันเพ็ญเดือน 6 บางแห่งอาจเรียกว่า วันพระพุทธเจ้า หรือ พุทธชยันตี

    กิจกรรมวันวิสาขบูชา
    วันวิสาขบูชา ถือว่าเป็นวันสำคัญยิ่งที่ชาวพุทธทั่วโลกจะมารวมตัวกันเพื่อจัดพิธีทำบุญใหญ่ หรือจัดกิจกรรมต่างๆ เพื่อเป็นการบำเพ็ญกุศลระลึกถึงพระพุทธเจ้า โดยในฐานะที่วันวิสาขบูชาได้รับการยกย่องให้เป็นวันสำคัญของโลก เมื่อวันวิสาขบูชามาถึง องค์การสหประชาชาติ ณ มหานครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา จะมีการอัญเชิญพระเจดีย์วิสาขบูชานุสรณ์ สกลโลก ประกาศบูชาวันวิสาขะ ภายในประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ ประดิษฐานอยู่ ณ สำนักงานใหญ่องค์การสหประชาชาติเป็นการถาวรและเปิดให้ประชาชนเดินทางเข้ามาสักการะ

    ในประเทศไทย นอกจากพุทธศาสนิกชนจะเดินทางเข้าวัดบำเพ็ญกุศล ถือศีล ฟังธรรมแล้ว ยังนิยมการปล่อยนกปล่อยปลา และเวียนเทียนรอบพระอุโบสถในช่วงค่ำเพื่อถวายเป็นพุทธบูชาอีกด้วย เมื่อวันวิสาขบูชามาถึง พุทธศาสนิกชนชาวไทยนิยมทำบุญตักบาตรในตอนเช้า และตลอดวันก็จะมีการบำเพ็ญกุศลความดีอื่นๆ อาทิ ตั้งใจรักษาศีล 5 ศีล 8 งดเว้นการทำบาปทั้งปวง ทำบุญถวายสังฆทาน ให้อิสระทาน หรือการปล่อยนกปล่อยปลา ฟังพระธรรมเทศนา รวมถึงเดินทางไปเวียนเทียนรอบพระอุโบสถตั้งแต่ช่วงเย็นกันเป็นจำนวนมาก

    ก่อนที่จะเริ่มทำการเวียนเทียน พุทธศาสนิกชนควรร่วมกันกล่าวบทสวดมนต์และคำบูชาในวันวิสาขบูชา ซึ่งโดยปกติตามวัดต่างๆ จะจัดให้มีการทำวัตรสวดมนต์ก่อนที่จะเริ่มเวียนเทียน ส่วนใหญ่นิยมปฏิบัติพิธีการเวียนเทียนกันอย่างเป็นทางการ มีพระสงฆ์เป็นผู้นำเวียนเทียนในเวลาประมาณ 20 นาฬิกา หรือ 2 ทุ่ม โดยบทสวดมนต์ที่พระสงฆ์นิยมสวดก่อนเริ่มการเวียนเทียนที่มีทั้งบาลีและคำแปลตามลำดับ ดังนี้

    1. บทบูชาพระรัตนตรัย
    2. บทนมัสการนอบน้อมบูชาพระพุทธเจ้า
    3. บทสรรเสริญพระพุทธคุฯ
    4. บทสรรเสริญพระพุทธคุณ สวดทำนองสรภัญญะ
    5. บทสรรเสริญพระธรรมคุณ
    6. บทสรรเสริญพระธรรมคุณ สวดทำนองสรภัญญะ
    7. บทสรรเสริญพระสังฆคุณ
    8. บทสรรเสิรญพระสังฆคุณ สวดทำนองสรภัญญะ
    9. บทสวดเนื่องในวันวิสาขบูชา
    เมื่อสวดจบแล้วก็จะมีการจุดธูปเทียนและถือดอกไม้เป็นเครื่องสักการบูชา จากนั้นจึงเดินเวียนรอบปูชนียสถาน 3 รอบ โดยในขณะที่เดินพึงตั้งจิตให้สงบ พร้อมสวดระลึกถึงพระพุทธคุณด้วยการสวดบท อิติปิโส (รอบที่หนึ่ง) ระลึกถึงพระธรรมคุณด้วยการสวด สวากขาโต (รอบที่สอง) และระลึกถึงพระสังฆคุณด้วยการสวด ปะฏิปันโน(รอบที่สาม) จนกว่าจะเวียนครบ 3 รอบ เมื่อเดินเวียนครบแล้วให้นำธูปเทียน ดอกไม้ไปบูชาตามปูชนียสถานจึงเป็นอันเสร็จพิธี

    a15-1.jpg
     
  18. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,095
    ค่าพลัง:
    +16,623
    พรุ่งนี้จะนำส่งของให้นะครับสำหรับคนที่โอนไว้แล้ว วันนี้ใครจะฝากคำถามอะไรก้ PM ไว้เลย แล้วอย่าลืมไปทำบุญเวียนเทียนกันนะครับ บุญตามกาล ตามวาระนี่กุศลแรง
     
  19. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,095
    ค่าพลัง:
    +16,623
    มีฝากๆกันเข้ามาว่าอยากได้มงคลสักการะจำพวกพระชุดเล็กของพ่ออาจารย์ที่เป็นชุดจิ๋วๆห้อยคอสวยงามมีขนาดแบบปรกใบมะขามยิ่งดีจะได้ไม่หนัก พร้อมคอมเม้นต์กันว่าถ้าได้แบบที่เป็นองค์เทพแรงๆด้วยจะยิ่งดีมาก

    * ตรงนี้ใครที่รอชุดอาถรรพ์แรงๆแบบจิ๋วๆหรืออยากบูชาเผื่อลูกหลานก็ติดตามพูดคุยกันรอบเย็นๆนะครับ
     
  20. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,095
    ค่าพลัง:
    +16,623
    มหาจักรพรรดิ์
    เนื่องจากเครื่องมงคลจิ๋วนี้มีความเกี่ยวข้องกับพระยันต์รวมถึงวิชามหาจักรพรรดิ์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ก็เลยจะยกบทความอานุภาพของยันต์จักรพรรดิ์มาให้อ่านกันคร่าวๆก่อน ด้วยหนนี้ที่หลายๆคนสอบถามอยากได้ตะกรุดมหาจักรของพ่ออาจารย์กันมากมาย บางคนบุญไม่ถึงดวงไม่ผ่านเกณฑ์ท่านก็ไม่ทำให้ บางคนที่ได้ไปก็โอดครวญว่าสังขารสูงวัยแล้วแต่ขนาดกับน้ำหนักของตะกรุดทำให้พกยาก ต้องนำไปบูชาไว้เป็นศรีบ้านศรีเรือนอาราธนาไปไหนมาไหนไม่สะดวก ตรงนี้สำหรับคนที่ชอบหรือทั้งที่จะเป็นกรณีคนที่ดวงไม่ผ่านเกณฑ์ก็ดี ติดน้ำหนักมหาตะกรุดนี้ก็ดี หนนี้บอกได้คำเดียวว่าบารมีพระจักรพรรดิ์เต็มๆ แน่นมาก และจิ๋วจนห้อยคอเด็กได้

    ซึ่งประวัติของยันต์จักรพรรดิตราธิราชนั้นที่ได้สืบมาจากสำนักวัดประดู่ทรงธรรมนั้นกล่าวไว้ว่า ท่านทิศาปาโมกข์ได้ร่วมประชุมกับผู้ทรงวิทยาคมและรจนาพระยันต์อันศักดิ์สิทธิ์นี้ขึ้นมาเมื่อวันพฤหัสบดี แรม ๖ ค่ำ เดือน ๖ ปีพุทธศักราช ๕๗๒ โดยท่านว่าได้จารึกลงในแผ่นหินแล้วแช่น้ำลงในสระเพื่อให้ผู้ที่ร่ำเรียนพระไตรปิฎกได้ดื่มกินเพื่อมีสติปัญญาดี

    ยันต์ที่สำคัญนี้สืบทอดกันมาหลายสำนัก แต่ที่เป็นหลักใหญ่ที่สุดคงไม่พ้นตักศิลาใหญ่ของกรุงเก่าคือวัดประดู่ทรงธรรมนั่นเอง โดยที่ทราบมาก็คือที่วัดประดู่ทรงธรรมก็มีการจารึกยันต์ศักดิ์สิทธิ์แช่ไว้ที่สระน้ำภายในวัดด้วย ซึ่งเข้าใจว่าเป็นยันต์จักรพรรดิ์สำคัญนี้


    โดยบูราณาจารย์ท่านสรรเสริญคุณวิเศษของยันต์ที่สำคัญนี้ไว้ว่าสามารถคุ้มครองป้องกันภัยได้ เป็นโภคทรัพย์ เจริญรุ่งเรือง บรรเทาทุกข์โทษ ฯลฯ ซึ่งถ้าพิจารณาในเรื่องพระเจ้าจักรพรรดิ์ที่กล่าวว่าจะมีสมบัติ ๗ ประการ หรือรัตน ๗ ประการ คือ ๑. จักรแก้ว ๒.ช้างแก้ว ๓.ม้าแก้ว ๔.มณีแก้ว ๕.นางแก้ว ๖.ขุนคลังแก้ว และ ๗.ขุนพลแก้ว แล้วจะเห็นได้ว่าคุณวิเศษที่บุราณาจารย์ท่านพรรณาเอาไว้เรื่องยันต์กับสมบัติจักรพรรดิ์นั้นสอดคล้องกัน

    ผู้ที่ลงยันต์นี้ได้จะต้องได้มนต์รัตนมาลา ๑๐๘ บท และต้องชำนาญในการเดินยันต์ที่ซับซ้อนพอสมควร

    ในปัจจุบันมีหลายสำนักได้ทำยันต์นี้ให้บูชากัน โดยท่านที่จะเช่าบูชาควรที่จะสอบถามเพื่อความมั่นใจว่า ผู้ลง ลงด้วยรัตนมาลาสูตรหรือไม่ เพราะเท่าที่ทราบมาคือมีบางสำนักที่ลงครึ่งสูตรคือใช้แต่บทเรียกกาโรโหติสัมภะโวฯ เท่านั้น เพราะท่องบทรัตนมาลาไม่ได้

    อีกประการที่สำคัญก็คือต้องพิจารณาว่าผู้ลงมีคุณสมบัติหรือคุณวิเศษเพียงพอในการลงยันต์นี้หรือไม่ เช่นผู้ที่หาเช้ากินค่ำ เงินทองยังขัดสน ผู้ที่ยังไม่สามารถจะดูแลตัวเองให้เกษมสุขได้ แต่กลับบอกว่าจะเสกตะกรุดจักรพรรดิที่มีคุณวิเศษตามที่ครูบาอาจารย์ท่านรจนาไว้ได้ ซึ่งท่านทั้งหลายพึงใช้ปัญญาพิจาราณากันเองเถิด


    อานุภาพของยันต์จักรพรรดิตราธิราช

    "อนึ่งถ้ากุลบุตรผู้ใดจะใคร่ปรารถนาลาภยศ ให้ลงมหายันต์นี้ใส่แผ่นหินก็ได้ แผ่นทองคำ แผ่นทองแดง แผ่นเงิน หรือแผ่นตะกั่วก็ได้ เอาแช่น้ำบูชาไว้ ยิ่งแช่ในขันสัมฤทธิ์ยิ่งดีนัก เอาน้ำนั้นกินบ้าง ใส่ศีรษะบ้าง ลูบหน้าบ้าง บำบัดโรคภัยไข้เจ็บทั้งหลายและทั้งอายุก็ยืนยาว บังเกิดลาภยศตามแต่จะพึงปรารถนา อธิษฐานเอาเถิดจะสำเร็จตามความปรารถนาทุกประการ

    ถ้าจะให้มีตบะเดชะให้เอาพระยันต์นี้ลงทำเป็นตะกรุดผูกเอวไว้ ให้รูดตะกรุดไว้ข้างหน้า ใครเห็นใครกลัว ใครเห็นใครรักแล ถ้าจะเล่นการพนันให้รูดตะกรุดนี้ไว้ข้างหน้า อธิษฐานว่าจะเอาเท่าไรพึงเอาเท่านั้นเถิด พึงตั้งมั่นอยู่ในความสัตย์ ได้ดังความปรารถนา ไม่แพ้แก่การพนันแล

    อนึ่งถ้าจะให้คนมาเกี่ยวข้าวในนาของเรา หรือจะทำการค้าขายให้ขายสินค้าได้คล่อง ๆ ให้เอามหายันต์นี้ลงใส่ผ้าขาว ทำเป็นธงปักไว้ ลมพัดไปทางไหน ผู้คนหลั่งไหลมาทางทิศนั้นแล หรือจะทำเป็นตะกรุดแช่น้ำมนต์ เอาน้ำมนต์ประพรมสินค้าก็ได้ ซื้อง่ายขายคล่อง แลถึงแม้ว่าผีเข้าอยู่ ให้เอาน้ำมนต์นี้ประพรม ผีก็หนีออกไปสิ้น

    ถ้าจะประจัญด้วยข้าศึก ให้ลงพระมหายันต์นี้ทำเป็นธงใส่ในผืนผ้าขาว แล้วอธิษฐานยกธงโบกขึ้นไปทางทิศไหน ข้าศึกแตกหนีไปทางนั้น ธงนี้เอาบูชาไว้กับบ้านเรือนใด กันเสนียดจัญไร กันฟ้าและกันไฟก็ได้แล


    ถ้าจะกันโจรผู้ร้ายมิให้ทำอันตรายแก่เราได้ ให้เอากรวดและทรายมา เอาน้ำมนต์ที่แช่ตะกรุดนั้นประพรมกรวดทรายเข้า แล้วเอากรวดทรายนั้นหว่านล้อมให้รอบบริเวณบ้านเรา อธิษฐานขอบารมีพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ จงมาช่วยคุ้มครองป้องกันอันตราย บรรดาคนที่คิดร้ายต่อเราเข้ามาเหยียบถูกกรวดถูกทรายที่เราหว่านโปรยไว้ จะต้องบังเกิดมีอันเป็นไปต่าง ๆ นานาแล อุปเท่ห์มหายันต์นี้มีมากมายเหลือจะคณานับ ใช้ได้ทุกประการ"

    tt599ac597523a6.jpg
     

แชร์หน้านี้

Loading...