พุทธคาถาวันโลกดับ

วันนี้ ที่ญี่ปุ่น มีแผ่นดินไหวขนาด 7 ริกเตอร์
โลกเราจะเกิดมหันตภัยหรือไม่นั้น ไม่จำเป็นต้องมาเถียงกันเลย เพราะเกิดแน่นอนครับ
แต่จะเกิดเมื่อไหร่นั้นผมไม่ทราบ ที่ผมว่าต้องเกิดแน่นอนเพราะมนุษย์ได้ทำลายและทำร้ายธรรมชาติอย่างมากมาย ธรรมชาติเป็นสิ่งเปราะบาง แค่การเคลื่อนไหวของกระแสน้ำอุ่นน้ำเย็นในทะเลเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อย ก็ทำให้ภูมิอากาศทั่วโลกเปลี่ยนแปลงอย่างมโหฬาร ถ้าระบบการหมุนเวียนของกระแสน้ำร้อนและเย็นเปลี่ยนแปลงอย่างมากสามารถทำให้โลกเรากลับไปอยู่ในยุคน้ำแข็งได้เลย ซึ่งจะถึงขั้นนี้ก็คงจะอีกนานแสนนานละครับ แต่ในระยะช่วงชีวิตเรานี้ก็จะพบภัยธรรมชาติอยู่เรื่อยๆครับ

วันนี้เลยเอาพระคาถาสำหรับป้องกันภัยมาฝาก

พระคาถาชุดนี้จารึกอยู่ในศิลาจารึกแผ่นหนึ่งในวัดเชตวันวิหาร ประเทศอินเดีย
พระคาถามีดังนี้

ทิตะศิราทันมันทะโลกะลีลากะ ละลาสติโป จะติโหคะหะตะเน

หรืออีกสำเนียงหนึ่ง เป็นพระคาถากันภัย ของ หลวงปู่ขาว อนาลโย ดังนี้

ทิตะศีลาคันธะมังกะโร กะระกะลาสาสะติ โสตะถิโหคะหะคะเน

ทั้งสองพระคาถาล้วนเป็นพระคาถาเดียวกัน ต่างกันแต่เพียงวิธีการอ่านการออกเสียง
สะดวกจะใช้พระคาถาไหนก็ได้ครับ

แต่ของผมขอใช้ของหลวงปู่ขาว เพราะออกเสียงง่ายดี และจำง่ายกว่า
ทำความดีกันเข้าไว้นะครับ อย่าประมาทในชีวิต ขอให้ทุกท่านจงเจริญในธรรม
แคล้วคลาดปลอดภัยจากภยันตรายทั้งปวงครับ

 

ขอบคุณครับ ว่าแต่ต้องสวดกี่จบอะครับ

 

พระคาถานี้ศักดิ์สิทธิ์จริงผมสวดแบบของหลวงปู่ขาวอยู่ครับ

 

คุณปราณยามครับ สวดตามสะดวก ตามสบายเลยครับ อย่างไรก็ได้

ของผมส่วนใหญ่นึกขึ้นได้เมื่อไหร่ก็ท่องภาวนาในใจไปเมื่อนั้นแหละครับ ปกติความคิดเรามันเตลิดไปเรื่อยเปื่อย คิดโน่นคิดนี่เพ้อเจ้อ ถ้าเราจับได้เมื่อไหร่ก็รีบดึงมันกลับมาโดยนึกภาวนาเป็นพระคาถาต่างๆ เป็นการทำสมาธิไปในตัว หรือจะภาวนาพุธโธไปเรื่อยๆ ก็ได้ครับ ดีมากเลยเป็นการเจริญสติ ไม่ให้ฟุ้งซ่าน และจะมีพลังคุ้มครองหรือพลังด้านอื่นๆตามแต่คุณของพระคาถานั้นๆ

อีกกรณีเวลาขึ้นรถ นั่งรถนานๆ คิดเรื่องโน่นเรื่องนี่เรื่อยเปื่อยไม่เกิดประโยชน์ ผมก็จะท่องคาถาต่างๆไปเรื่อยๆครับ ได้สมาธิดีมากและเดินทางปลอดภัยครับ

พระคาถาที่ลงไว้นี้ ศักดิ์สิทธ์ จริงครับ อย่าสงสัยเลย

++คุณโสระ ครับ มีประสบการณ์อย่างไรบ้างว่างๆ มาเล่าสู่กันฝังหน่อยนะครับ ถือเป็นการแลกเปลี่ยนประสบการณ์กันครับ

 

คุณลองเขียนคาถานี้เป็นภาษาไทยก็ได้ลงกับแผ่นทองแดงแล้วม้วนเป็นตะกรุด อย่าบอกใครแล้วให้ผู้มีความสามารถทดสอบพลังพระเช็ดดูก็จะรู้ครับว่าแรงดีไหม?

 

ปกติสติเราอยู่ที่ไหนพลังก็จะถูกส่งไปที่นั่นใช่ไหมครับ ถ้าเรานึกถึงกายของเราและภาวนาบทมนต์เข้าไปกระแสจิตที่รวมกับมนต์บทนั้นก็จะถูกประจุเข้าไปในร่างกายของเราซึมซาบเข้าไปทั้งในกระดูกกล้ามเนื้อเส้นเอ็น และอวัยวะทุกๆส่วน รวมไปถึงกายทิพย์ของเราด้วย ตามปกติคนเราจะมีออร่าที่แผ่ออกไปโดยธรรมชาติอยู่แล้ว มีสีสันต่างกันบ้างมีความกว้างน้อยต่างกันบ้าง ถ้าเราแผ่กระแสจิตเข้าไปภายในกายแล้วใส่สัญญาดีๆเข้าไปแสงออร่าของเราก็จะเปลี่ยนไปในทางที่ดี และเมื่อออร่านี้ถูกแผ่ออกไปยังภายนอกไปกระทบกับวัตถุสิ่งของ,สิ่งมีชีวิตหรือคน ก็จะทำให้ได้คนอื่นๆและสิ่งอื่นๆนั้นได้รับกระแสที่ดีๆไปด้วย ส่วนกำลังแสงออร่าของคนเราจะแผ่ออกไปได้ไกลแค่ไหนก็อยู่ที่สมาธิความว่างความสงบของคนคนนั้นครับ
ดังนั้นถ้าคนคนนั้นเป็นคนดีมีคุณธรรมอยู่แล้วถึงแม้จะไม่ได้สวดมนต์หรือภาวนา แต่ความคิดและแสงออร่าของคนคนนั้นก็จะเป็นกระแสจิตที่ดีงามอยู่แล้ว เพียงแค่ทำจิตให้สงบเป็นสมาธิแสงออร่านั้นก็จะแผ่ซ่านกระจายออกไปอย่างมีพลังและมีคุณค่าต่อสิ่งมีชีวิตอื่นๆครับ ซึ่งก็เหมือนกับการแผ่กระแสจิตของพระเกจิอาจารย์ต่างๆที่ประจุพลังจิตของท่านเข้าไปยังวัตถุมงคลหรือปูชนียวัตถุต่างๆ ทำให้เกิดความศักดิ์สิทธิ์มีอิทธิปาฎิหาริย์ขึ้นมาได้ครับ
ปล.อย่างพระในสายหลวงปู่มั่นก็จะบอกว่า เมื่อภาวนาไปถึงจุดๆหนึ่งแล้วคำบริกรรมก็จะหายไปเอง จากตรงนั้นก็จะปล่อยจิตให้สงบเข้าสู่สมาธิไปครับ

 

ที่ผมใช้เป็นอย่างงี้ "ทิตะชิราทัน มันกะโล อังคะศิลากะละสา สาสะสติ โสตะถิ โหคะหะคะเน" ก็ขลังดีนะ
(SHI คนไทยอ่านว่า ศิ //คนอินเดียอ่านว่า ชิ)

 

พุทธิทุกขัง อนิจจัง อนัตตา นะโมสัพพราชา ขัตติโย อิติ ปาระมิตา ติงสา อิติ สัพพัญญ มาคะตา อิติ โพธิ มะนุปปัตโต อิติ ปิโส จะเต นะโม

 

"ทิตะชิราทัน มันกะโล อังคะศิลากะละสา สาสะสติ โสตะถิ โหคะหะคะเน"

พระคาถานี้ผมก็ได้ยินมาเหมือนกันครับ จำได้ตั้งแต่ประมาณ 8 ขวบละ

 

ขอบคุณครับ

 

"ขา ตา มะ สะ ปะ สะ วา"

"ทิตะศิรา ทันมันทะโล กะสีลากะ ละลาสะติ โปจะติ โหคะหะตะเน"
สองบทนี้ เขียนไว้บนธง 3 เหลี่ยม 4 เหลี่ยม ติดไว้หน้าบ้าน หรือจะเป็นกระดาษก็ได้ บูชาไว้บนหิ้งพระ พึงสวดท่องทุกเช้าเย็น บอกคนอื่นต่อจะได้บุญ เมื่อวันโลกมืดมิดทั้ง 7 วัน ผู้ใดบูชาคาถานี้จะรอดตาย สาธุ สาธุ สาธุ