เรื่องเด่น การเตรียมการรับมือกับภัยพิบัติต่างๆและสงครามนิวเคลียร์

ผมเองก็ไม่ทราบชัดเจนครับ แต่การเตรียมการส่วนตัวของผมนั้นมีกำหนดประมาณ 5 ปีนับจากนี้(อย่างเร็วที่สุดที่ผมพอทำได้) ควรจะมีที่หลบภัยสำรองแล้วและมีความพร้อมขั้นพื้นฐานที่พอจะรับมือได้บ้างแล้วครับ ที่จริงผมต้องการเวลาสัก 10-15 ปี เพื่อให้มีความพร้อมเต็มที่หน่อย แต่ก็เกรงว่าจะไม่ทันการ ถ้าวางแผนยาวนานไปครับ ถ้า 5 ปีแล้วยังไม่เกิดก็โชคดีครับ ผมจะได้พอมีเวลาเตรียมการเพิ่มอีก

ผมเดาเอาว่าเขาจะรบแบบปกติก่อนระยะหนึ่งแล้วจึงใช้นิวเคลียร์ทีหลังครับ อาจจะมีอาวุธชีวภาพ อาวุธเคมีอีกครับที่เขาจะนำมาใช้กันในสงครามครั้งนี้

ถ้าจะรอดูเหตุการณ์ให้แน่ใจก่อนแล้วเตรียมการคงจะไม่ทันแน่ครับ เพราะมีอุปสรรคและปัญหาจุกจิกเยอะครับ ไม่ได้เตรียมตัวง่ายอย่างที่คิดครับ แล้วผมก็ไม่ได้มีเงินมากพอด้วยครับ ที่สำคัญการเตรียมการต้องใช้งบประมาณและมีกำลังคนหรือแนวร่วมมากพอ จึงจะพอช่วยให้งานเสร็จเร็วขึ้นได้ ตอนนี้ผมก็เตรียมตัวไปตามกำลังไปเรื่อยๆล่วงหน้าไปก่อนครับ

 

ครับขอบคุณมากครับที่มาเตือน

 

ในกรณีที่เกิดสงครามนิวเคลียร์จะส่งผลกระทบต่อการปลูกพืชอาหารต่างๆ เพราะจะมีปัญหาจากอันตรายของการปนเปื้อนสารพิษจากฝุ่นละอองกัมมันตภาพรังสี ปัญหาความหนาวเย็นและไม่มีแสงแดดเพียงพอต่อการปลูกพืชใดๆในระยะเวลาที่ยาวนานนับเดือนนับปี ปัญหาความขาดแคลนอาหารจะเกิดขึ้นอย่างรุนแรงมาก ทางเลือกทางรอด นอกจากการสำรองเสบียงอาหารให้มากพอแล้ว การปลูกพืชในระบบปิดที่สามารถควบคุมแสงสว่าง อุณหภูมิ ความชื้นต่างๆจะช่วยให้เราสามารถผลิตอาหารจากพืชผักต่อไปได้ การปลูกพืชในระบบปิดเราจะใช้โรงเรือนแบบ GreenHouse มาใช้ และมีระบบแสงสว่างสำหรับปลูกพืชโดยเฉพาะ ปัจจุบันมีเข้ามาใช้กันในประเทศไทยแล้ว เป็น LED ปลูกพืช ซึ่งจะให้แสงสว่างที่เหมาะสมในการสังเคราะห์แสง ลองศึกษาดูครับ

การปลูกพืชผักแบบไฮโดรโปนิกส์ก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจในยามวิกฤติ แต่ถ้าไม่มีน้ำปุ๋ยใช้ในการเลี้ยง ก็ใช้วิธีทำปุ๋ยหมัก หรือปุ๋ยมูลไส้เดือน มาผสมดินปลูกในโรงเรือนระบบปิดที่เราสร้างขึ้นแล้วใช้แสงสว่างจาก LED ปลูกต้นไม้มาช่วย สามารถทำระบปลูกเป็นชั้นๆเพื่อประหยัดพื้นที่ครับ

นอกจากนี้เราก็อาจเพาะเห็ดชนิดต่างๆในระบบปิดเป็นอาหารยามวิกฤติได้ แต่ต้องเตรียมวัตถุดิบที่ปลอดการปนเปื้อนกัมมันตภาพรังสีสำรองไว้เยอะๆครับ

การเพาะเลี้ยงสาหร่ายเพื่อเป็นอาหารก็น่าสนใจครับ เช่น สาหร่ายสไปรูไลน่า สาหร่ายน้ำจืดต่างๆของไทยที่สามารถนำมาทำอาหารได้ เช่น สาหร่ายเตา(หรือเทาหรือไก)

ช่วงนั้นคงต้องทานมังสวิรัติกันเป็นปกติ เพราะจะหาเนื้อสัตว์ทานยากหน่อย ถ้าจะมีก็ต้องเลี้ยงในระบบปิด เลี้ยงเป็ดไก่ไว้ทานไข่ไปพลางๆ

ในเวลานั้นแหล่งพลังงานทดแทนต่างๆเป็นสิ่งจำเป็นมาก ควรเตรียมไว้หลายๆอย่างในการผลิตไฟฟ้า แสงสว่าง ความร้อน ในการใช้งาน แต่ระบบโซลาร์เซลจะใช้ไม่ได้ในกรณีที่ไม่มีแสงอาทิตย์เพียงพอ

สำหรับน้ำดื่มน้ำใช้นั้น ควรใช้น้ำจากบ่อบาดาลซึ่งมีน้ำเหมาะกับการอุปโภคบริโภค เพราะน้ำจากแหล่งธรรมชาติในช่วงนั้นจะปนเปื้อนสารพิษ ไม่สามารถนำมาใช้ได้ครับ

 

เตือนภัยจากต่างดาว (โปรดใช้วิจารณญานในการอ่าน)


จะไม่เกิดสงครามโลกครั้งที่ 3 แต่ระเบิดนิวเคลียร์จะทำงานเองโดยอัตโนมัติ เนื่องเพราะเกิดแผ่นดินไหวรุนแรง 8-9 ริกเตอร์

วันนี้ที่ดวงจันทร์ (4 พฤษภาคม 2558) แรงโน้มถ่วงเริ่มผิดเพี้ยน บิดเบี้ยว ประเทศที่จะเกิดภัยพิบัติผู้คนล้มตายเป็นจำนวนมากคือ ประเทศที่ติดกับเทือกเขาเอลพ์อยู่แถบยุโรป และรองมาก็ประเทศจีน ตายมากที่สุด จะเกิดแผ่นดินไหวประมาณ 8 - 9 ริกเตอร์ แรงกว่ากาฐมันทุ ที่เนปาลอีก พระราชวังต้องห้ามของจีนเสียหายย่อยยับ หุ่นจิ๋นซีฮ่องเต้ เสียหายหมด จะเกิดแผ่นดินไหวเหนือกำแพงเมืองจีนทางทิศใต้ 8 กิโลเมตร คือจุดศูนย์กลางของแผ่นดินไหว

ทางการจีนรู้ล่วงหน้า นำผู้นำประเทศหนีไปอยู่บนเฮลิคอปเตอร์ รักษาหัวสมองของแกนนำเอาไว้ เมื่อเกิดแผ่นดินไหว เขื่อนที่ประเทศจีนจะแตก มวลน้ำมหาศาลจะไหลจากเมืองจีนล่องลงมา ผู้คนหนีตายกันอลม่าน มีผู้คนล้มตาย หนีตายเป็นจำนวนมากจะเกิดขึ้นพร้อมๆ กัน ใครทำบุญ ถือศีล 5 ก็จะรอด ใครชั่วมากๆ ก็จะตาย ล้างโลก ผุ้คนหายไป 2 ใน 3 ของโลก ประชากรมนุษย์จะหายไปจากโลกนี้ คนที่สวดมนต์ไหว้พระจะรอดด้วยอำนาจและพรของพระศรีอริยเมตไตรย

ท้องฟ้าเปลี่ยนสีจากสีเหลืองทองเป็นสีดำทะมึน นกกาเริ่มบินกลับรัง ระบบ Auto ของระเบิดนิวเคลียร์ล้างโลกเริ่มทำงาน จรวดจากทั่วโลกเริ่มทำงานโดยอัตโนมัติ ประเทศที่เริ่มโดนก่อนคือประเทศ ญี่ปุ่น ฝรั่งเศส โซเวียต อเมริกา อิสราเอล เลบานอน และอังกฤษ มหันตภัย เริ่มก็จะจบเองโดยฝีมือของธรรมชาติ ประชาชนล้มตายเป็นจำนวนมหาศาล คนเจ็บตายเกลื่อนโลก คนที่ได้รับมอบหมายหน้าที่จากมนุษย์ต่างดาว แต่ละคนเริ่มออกทำงานช่วยเหลือคน ตามความถนัดของละคน มันทั้งละคน หัวเราะ ร้องไห้ไปพร้อมๆ กัน คนเจ็บ ตายไปประมาณ 2 ใน 3 ของโลก

ปล. ภัยพิบัติ ที่ใหญ่กว่านี้ ยังไม่ใช่ตอนนี้ แต่รอจ่อเข้ามาอยู่ทั่วโลก ไม่ใช่เฉพาะประเทศไทย คนจะสิ้นโลกไปเป็นจำนวน 2 ใน 3 ของโลก ในขณะที่เกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ ฝน พายุ ลม และน้ำ กับไฟ จะเกิดขึ้นพร้อมๆ กัน

ที่มา http://newsfromoutspace4.blogspot.com/

 

ปัจจัยที่จะทำให้เกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่คือดาวนิบิรุ


หากดาวหางดวงนี้เข้ามาใกล้ดวงอาทิตย์และโลกจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง?

เนื่องจากมันเป็นดาวที่มีมวลสูงและมีธาตุเหล็กมาก ถ้ามันโคจรเข้าใกล้ๆวงโคจรของระบบสุริยะนี้ ก็สร้างความปั่นป่วนได้แล้ว (ปัจจุบัน ดาวยูเรนัสกับเนปจูนโดนเป็นประจำ) และวิถีโคจรของมันโดยองค์กรนาซ่าบอกว่า...จะโคจรเข้า มาใกล้มากๆส่งสนามแม่เหล็กทรงพลังมารบกวนแกนแม่เหล็กของโลกวันนั้นจะเป็นวันวิบัติกาลซึ่งจะมีผลดังนี้

1. สร้างความปั่นป่วนให้สนามแม่เหล็กไฟฟ้า
2. น้ำจะขึ้นสูงมากๆ จนเกิดวิกฤติการ์ที่เรียกว่า น้ำท่วมโลกหรือสตอร์มเซิร์ส แผ่นดินไหว และ ภูเขาไฟระเบิดไปทั่วโลก
3. ระบบอิเล็กโทรนิคจำนวนมากจะทำงานผิดปกติ (ระบบขีปนาวุธ ,computer)
4. การอพยพของฝูงสัตว์ เช่น นก หรือปลาวาฬ ทำให้สูญเสียทิศทางและอื่นๆ
5. ระบบภูมิคุ้มกันโรคในบรรดาสัตว์รวมถึงมนุษย์จะทำให้อ่อนลงอย่างมาก
6. สนามแม่แหล็กโลก (Magnetosphere) จะอ่อนแอลง และการแผ่รังสีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจากดวงอาทิตย์จะเพิ่มปริมาณถึงระดับอันตราย ก่อให้เกิดมะเร็งผิวหนังตามมา ซึ่งควรหลีกเลี่ยง
7. กลุ่มวัตถุในอวกาศจะเฉียดเข้าใ กล้โลกได้ง่ายขึ้น
8. แรงดึงดูดของโลกจะมีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม จากบวก เป็นตัวลอยขึ้นไปบนอวกาศ...ในบางโซน

ที่มา http://ainews1.com/article286.html

 

เท่าที่ผมพอทราบมา ในห้วงเวลา 7 ปี นับตั้งแต่ปีนี้ไป ภัยพิบัติต่างๆและภัยสงครามจะหนักครับ (เข้าใจว่าทั่วโลกเลยครับ) ควรเตรียมพร้อมให้เต็มที่เท่าที่ทำได้ครับ ที่สำคัญที่สุดคือเรื่องการรักษาศีลและทำความดีไว้เป็นประจำครับ รวมทั้งอย่าไปยินดีกับการกระทำที่เป็นบาปอกุศลของผู้อื่น ส่วนเรื่องเตรียมการด้านอื่นถือว่าเป็นรองครับ แม้ยังจะยังไม่พร้อมนักแต่ผลบุญบารมีที่ทำมาจะช่วยให้ท่านมีหนทางรอดเองครับ เช่น ถ้าตกอยู่ในภาวะที่อับจนหนทาง ให้นึกถึงบุญบารมีที่เราสร้างมาดีแล้วนึกอธิษฐานให้บุญช่วยได้หรืออาจนึกถึงพระพุทธเจ้าหรือพระสงฆ์ที่เราเคารพนับถือช่วยเหลือสงเคราะห์ก็ได้ครับ ถ้ามีบุญมากพอจะส่งผลให้มีทางออกหรือมีคนมาช่วยให้พ้นภัยได้ครับ และหากถึงวาระที่ต้องจากโลกนี้ไปการนึกถึงบุญหรือความดีที่ทำมาหรือการนึกถึงพระรัตนตรัยในวาระจิตสุดท้ายจะส่งผลให้ไปสู่สุคติครับ

 

วิธีนำน้ำทะเลมาทำเป็นน้ำดื่ม



ปกติน้ำทะเลเราจะไม่สามารถนำมาดื่มได้ เนื่องจากน้ำที่เราจะนำมาดื่มได้นั้นจะต้องมีค่าความบริสุทธ์อยู่ในระดับที่สามารถนำมารับประทานได้ ซึ่งค่านี้นั้นจะต้องมีเครื่องวัด ซึ่งในที่นี้ผมจะไม่บอกนะครับว่าเครื่องนี้คืออะไร และมีวิธีใช้อย่างไร เนื่องจากเมื่อถึงคราวจำเป็นจริงๆนั้น เราคงจะหามาไม่ได้แน่ๆ แต่วิธีที่จะบอกต่อไปนี้นั่น ได้ผ่านการพิสูจน์และทดลองมาหลายครั้งแล้ว และพบว่าค่าความบริสุทธ์นั่นถือว่าอยู่ในระดับที่ดีมากๆ สามารถนำมาอาบน้ำและนำมาดื่มได้อย่างปลอดภัยไม่มีอันตรายใดๆทั่งสิ้น ซึ่งผมขอเอาเกียรติเป็นประกันเลยเพราะได้ทดลองมากับมือของผมเองตอนสมัยที่เรียนอยู่มหาลัย

วิธีที่จะสามารถนำน้ำทะเลมาใช้ได้นั้นก็มีอยู่หลายวิธีด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นการกลั่น การระเหย การกรองและวิธีอื่นๆอีกมากมายด้วยกันขึ้นอยู่กับว่าคนๆนั้นจะถนัดในวิธีการไหน แต่วิธีของผมนั่นเป็นวิธีที่ไม่ซับซ้อนอะไรเลย และทุกๆคนก็สามารถที่จะทำเองได้ในยามเมื่อเราไปติดเกาะและไม่สามารถหาน้ำจืดได้

เรามาเริ่มกันเลยแล้วกันนะครับ อันดับแรกเราจะต้องเตรียมอุปกรณ์กันก่อนนะครับซึ่งอุปกรณ์ที่ใช้นั้นก็มีเพียงแค่ 4 อย่างเท่านั้นเอง นั่นคือ

1. ถังอะไรก็ได้ที่สามารถใส่น้ำได้เยอะๆ ยิ่งใหญ่ยิ่งดีเพราะจะได้น้ำในปริมาณที่มาก และถังที่ใช้ต้องเป็นถังเหล็กเท่านั้นนะครับสำหรับผมตอนนั้นใช้ถังขยะใบใหญ่ที่เป็นเหล็กครับ เพราะตอนนั้นหาอย่างอื่นไม่ได้จริงๆ ถังไม่จำเป็นต้องสะอาดก็ได้นะครับ

2. ฝาปิดถังจะเป็นไม้อัดแผ่นบางๆ

3. สายยางสะอาด จะเอาขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางขนาดไหนก็ได้ แต่ขอเส้นยาวๆ หน่อยนะ

4. ถังรองน้ำที่จะใช้รองน้ำที่บริสุทธิ์

อันดับแรกเตรียมก่อไฟและทำฐานรองถังที่จะเอาน้ำทะเลมาบรรจุ อันดับถัดไปให้เอาถังที่จะใส่น้ำทะเลมาวางที่ฐานรองแล้วเอาน้ำทะเลมาบรรจุใส่เข้าไป ไม่ต้องใส่จนเต็มถังนะครับ เอาแค่ให้เหลือที่ว่างอีก 1 ใน 10 ของถังก็พอ จากนั้นก็เอาฝาที่จะใช้ปิดถังมาเจาะรูให้มีขนาดที่ใหญ่กว่าสายยางเล็กน้อย เมื่อทำฝาเสร็จแล้วก็เอาไปปิดถังไว้ หลังจากนั้น เราก็เอาสายยางมาเสียบไว้ที่รูของฝาที่เราเจาะเอาไว้ เสียบให้อยู่เหนือระดับน้ำนะครับ ถ้ามันหลวมก็เอาผ้าอะไรก็ได้มาพันที่ปลายของสายยางแล้วเอาหนังยางมารัดซะ จากนั้นก็จุดไฟในกองไฟได้เลย เพื่อต้มน้ำทะเลในถัง รอจนกว่าน้ำทะเลในถังนั้นเดือด เมื่อน้ำในถังเดือดแล้วมันจะมีไอน้ำเกิดขึ้น และไอน้ำนั้นมันก็จะออกมาตามสายยางแล้วก็จะควบแน่นเป็นของเหลวอีกครั้งนึง ซึ้งของเหลวนี้ก็คือน้ำบริสุทธิ์นี่เอง สุดท้ายเรากก็แค่เอาถังรองน้ำมารองรับน้ำที่ออกมาจากสายยางเท่านั้นเอง เท่านี้เราก็สามารถมีน้ำสะอาดไว้ดื่มกินกันแล้วหรือจะเอาไปอาน้ำก็ได้ ตามสบาย เออลืมบอกไปว่าที่เราสามารถใช้ถังที่สกปรกได้นั้นเป็นเพราะว่าเราต้องการน้ำที่เกิดจากไอน้ำเท่านั้นครับดังนั้นถังที่สกปรกจึงไม่มีผลอะไร

วิธีการที่ผมแนะนำไปนั้นเราอาศัยน้ำที่ระเหยออกมาแล้วให้เกิดการกลั่นตัวเป็นหยดน้ำ และไหลลงสู่ภาชนะเพื่อใช้ดื่มนั่นเองครับ

ที่มา http://oknation.nationtv.tv/blog/ironic/2007/04/16/entry-1

 

บำบัดน้ำใช้​

อัปโหลดเมื่อ 20 ต.ค. 2011​

การผลิตน้ำสะอาดสำหรับอุปโภค (น้ำใช้เท่านั้น) ด้วยตนเองในสภาวะน้ำท่วมโดย กลุ่มอาจารย์ภาควิชาวิศวกรรมสิ่งแวดล้อม คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

 

คนเอาถ่าน.. มากรองน้ำ โดยพี่โจน จันได
​

เผยแพร่เมื่อ 15 ม.ค. 2015​

ทุกวันนี้ ไม่ว่าจะซื้อหาอะไรก็จำเป็นต้องใช้เงินไปเสียหมด ไม่เว้นแม้แต่น้ำบริสุทธิ์ที่เราจำเป็นต้องดื่มทุกวัน จะดีแค่ไหน ถ้าเราสามารถกรองน้ำดื่มได้เองทั้งครอบครัว ด้วยเครื่องกรองที่ผลิตจากวัสดุที่หาได้แถวบ้าน วิธีการทำก็ง่ายแสนง่าย ที่สำคัญคือปลอดภัยได้มาตรฐานเหมือนเครื่องกรองที่ขายอยู่ทั่วๆไปเลยนะ

 

การปั้นโอ่ง เก็บน้ำ ไว้ใช้เอง (ขนาด 1,200 ลิตร)​

เผยแพร่เมื่อ 27 ส.ค. 2016
แนวทางการปั้นโอ่งเก็บน้ำ ราคาถูก เกษตรทำเงิน by uthai​

 

วิธีหาน้ำดื่มบนเกาะร้าง​

เผยแพร่เมื่อ 9 มี.ค. 2013​

 

ในช่วงแรกของผมที่ศึกษาเรื่องภัยพิบัติต่างๆว่า ในที่เราอาศัยอยู่ในปัจจุบัน มีความเสี่ยงจากภัยพิบัติอะไรได้บ้าง ทั้งจากภัยธรรมชาติและจากมนุษย์ด้วยกันเอง เพื่อนำใช้ในการวางแผนแก้ปัญหาในอนาคต เช่น ในกรณีของผมเองซึ่งอาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ บ้านอยู่ใกล้ลำคลอง เคยถูกน้ำท่วมมาหลายครั้ง ล่าสุดคือน้ำท่วมใหญ่ที่ผ่านมา ที่บ้านผมมีสวนเล็กๆและมีพื้นที่รอบบริเวณบ้านพอปลูกพืชได้หลายชนิดไว้ใช้ประโยชน์ทั้งพืชผักสวนครัว ไม้ผล ไม้ดอกไม้ประดับ รวมไปถึงสมุนไพรต่างๆ ส่วนที่บ้านเดิมของภรรยาที่สุพรรณบุรี ก็อยู่ติดแม่น้ำท่าจีน ก็มีไร่พอปลูกต้นไม้ได้หลากหลายชนิด แม้ว่าที่ดินอาจจะไม่มากนัก แต่ก็เพียงพอที่จะปลูกพืชตามแนวเศรษฐกิจพอเพียงได้ระดับหนึ่ง โดยปลูกพืชที่กินและใช้ประโยชน์ มีเหลือก็ขาย

แต่ช่วงน้ำท่วมใหญ่ที่ผ่านมา โดนน้ำท่วมนานและสูงระดับเอวเกือบๆสองเดือน พืชพันธุ์ที่ไม่ทนน้ำก็ตายเรียบ รวมทั้งมันเลือดนกที่วางแผนปลูกไว้ขยายพันธุ์เพื่อการรับมือภัยพิบัติในอนาคต ก็ตายไปเกือบหมด แต่ก็พอมีเหลือลูกมันเลือดนกที่ค้างอยู่บนต้นไม้จำนวนหนึ่ง และที่ปลูกสำรองไว้ที่กรุงเทพฯอีกจำนวนหนึ่ง ผมเคยคิดว่าถ้ามีมากพอ ส่วนหนึ่งจะนำไปแจกเพื่อนๆช่วยกันขยายพันธุ์ และถ้ามีโอกาสไปเที่ยวตามป่าเขา ก็จะเอาหัวมันเหล่านี้ไปปลูกให้ขึ้นในป่าเขาเป็นแหล่งอาหารสำรองยามมีภัยพิบัติได้ เพราะมันเลือดนกนี้ สามารถขยายพันธุ์เพิ่มเติมจากหัวมันเล็กๆที่ติดอยู่ตามเถามันที่เลี้อยขึ้นบนต้นไม้ พอถึงช่วงหน้าหนาว เถาก็จะเหี่ยวแห้ง และลูกมันก็จะตกลงมาสู่พื้นดินในยามหน้าแล้ง

พอเริ่มเข้าฤดูฝนลูกมันเลือดนกนี้ก็จะเจริญเติบโตกลายเป็นต้นใหม่ต่อไป ในขณะที่หัวมันเดิมที่อยู่ใต้ดินก็ยังคงอยู่และจะเติบโตขึ้นใหม่และมีขนาดที่ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆทุกปี ถ้าปลูกมันชนิดนี้ตามแนวบนเขาที่มีพื้นที่ลาดเอียง หัวมันก็จะเกิดขึ้นกระจายลงมาจากบนเขาที่เราปลูก ไล่ระดับลงมาเรื่อยจนในที่สุดก็จะถึงตีนเขา จะกลายเป็นดงมันเลือดนกที่สามารถเป็นเสบียงฉุกเฉินในยามขาดแคลนอาหารได้เป็นอย่างดีครับ แต่ยังไม่มีโอกาสได้ทำในส่วนนี้ เคยแต่แจกเพื่อนๆไปบ้างส่วน บางส่วนก็เอาไปร่วมปลูกต้นไม้กับที่วัดบ้างครับ

เมื่อผมประเมินความเสี่ยงจากภัยพิบัติน้ำท่วมในอนาคตแล้ว ไม่ว่าที่อยู่อาศัยที่กรุงเทพฯและที่สุพรรณบุรี อย่างไรก็ไม่พ้นภัยพิบัติจากน้ำท่วมใหญ่แน่นอน จึงต้องวางแผนสำรองเพื่อหาที่หลบภัยที่เหมาะสมในอนาคตต่อไป เพราะถ้าพืชพันธุ์และเสบียงเสียหายมากจากน้ำท่วม หากเกิดภัยพิบัตินิวเคลียร์ตามมาทีหลังอาจปลูกพืชที่ใช้เป็นเสบียงอาหารหรือพืชใช้ประโยชน์ไม่ทันกาลและต้องเสียงบประมาณในการซ่อมแซมที่อยู่และปลูกซ่อมพืชที่เสียหายอีกมาก

 

มะวานนี้ครับลมพายุพัดหลังคาบ้านเสียหาย20หลังไกล้ๆบ้านผมนี้เองครับ

 

เสียใจแทนเพื่อนบ้านที่โดนผลกระทบจากพายุด้วยนะครับ คงต้องใช้หลังคาที่แข็งแรงขึ้นครับ ถ้าไม่มีงบประมาณมากพอจะทำได้ ลองใช้เทคนิคพิเศษดูครับ เป็นความเชื่อส่วนตัวครับ เคยทราบว่าบางท่านเจอปัญหาพายุใหญ่เข้า ไม่รู้ทำไงก็สวดมนต์หรือเปิดเสียงบทแผ่เมตตาใหญ่(ผมจำไม่ได้ว่าเขาใช้แบบไหน) เลยรอดไปได้อย่างอัศจรรย์

ส่วนภรรยาผมเคยสวดบทยันต์เกราะเพชร นึกภาพยันต์คลุมบ้านที่สุพรรณบุรีไว้ ขอให้คุ้มครองบ้านไม่ให้ได้รับอันตรายจากพายุก่อนที่พายุจะเข้ามา (ที่บ้านก็ติดยันต์เกราะเพชรด้วยครับ) ก็รอดไปได้โดยอัศจรรย์ แต่บ้านข้างๆใกล้ๆกันกับโดนเสียหายไปบ้างเล็กน้อย เหมือนลมมาใกล้ถึงก็หลบบ้านพัดไปทางอื่นแทนเลยไม่โดนบ้าน ภรรยาผมเล่าให้ฟังครับนานแล้ว

ที่โดนเสียหายกันก็เป็นเศษกรรมในอดีตของเขาครับ เลยมีเหตุต้องทำให้เสียทรัพย์แบบนี้

เทคนิคนี้อาจช่วยลดผลกระทบได้จากหนักเป็นเบา จากเบาอาจไม่เสียหายเลย ถ้ามั่นใจและศรัทธาในเรื่องนี้ก็ลองใช้ดูครับ

 

ในการเรียนรู้ของผมก็เริ่มมาจากปัญหาภัยพิบัติต่างๆที่ได้พบเจอทั้งจากที่ประสบด้วยตนเอง และจากข่าวสารต่างๆ รวมทั้งคำนายที่น่าสนใจ ในกรณีที่เป็นภัยพิบัติทั่วไปผมคงไม่ห่วงเท่าใดนัก แต่ภัยพิบัติใหญ่ๆที่รุนแรงจนสามารถส่งผลกระทบอย่างมากในการดำเนินชีวิตเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงมากกว่า แม้ว่าผมจะศึกษาเรื่องคำทำนายจากหลายแหล่งที่มาแต่ก็จะคัดกรองดูถึงความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้น และความเป็นไปได้ที่จะรับมือ โดยประเมินจากข้อมูลต่างๆที่พอศึกษาหรือค้นคว้าได้ แม้ว่าเรื่องบางอย่างอาจพิสูจน์ได้ยาก แต่ถ้ามีความเป็นไปได้อยู่บ้างโดยหลักการหรือมีเหตุปัจจัยเพียงพอก็ไม่ควรประมาทที่จะวางแผนรับมือไว้บ้าง

บางท่านอาจคิดว่า การเตรียมการนั้นต้องใช้เงิน ใช้เวลามาก หากไม่เกิดขึ้นจริงก็ไม่เป็นการเสียเปล่าหรือ เพราะไม่มีใครสามารถยืนยันได้ชัดเจนว่าจะเกิดที่ไหน เมื่อใด อย่างไร

ในมุมมองของผมนั้นคิดว่า ถ้าจะให้เป็นการเตรียมการที่รู้สึกว่าไม่เสียเปล่า ก็ควรเตรียมการไปตามความเหมาะสมเท่าที่ตนเองรู้สึกว่า ทำไปแล้วไม่เสียดายเงินและเวลาที่ต้องเสียไปในภายหลังก็พอ

เช่น ถ้าวางแผนจะมีบ้านหลังที่สองเป็นที่พักยามสูงอายุตามต่างจังหวัด เมื่อไหนๆก็จะหาที่ปลูกบ้านแล้วก็ เลือกสถานที่ๆคิดว่ามีความปลอดภัยจากภัยพิบัติในอนาคตและวางแผนปลูกต้นไม้ทำการเกษตรให้พออยู่พอกิน เป็นที่พักสำรองยามมีภัยพิบัติไปด้วยในตัว

ถ้าเป็นคนชอบท่องเที่ยวอยู่แล้วก็วางแผนเที่ยวให้ได้ประโยชน์ด้วย แทนที่จะเที่ยวเพื่อกินหรือไปพักผ่อนเพียงอย่างเดียว ก็ควรเพิ่มโปรแกรมแวะเที่ยวทำบุญตามวัดต่างๆด้วย เป็นการทำบุญสร้างกุศลเอาไว้บ้าง และหาโอกาสเรียนรู้วิถีชีวิตที่เรียบง่ายสมถะ เช่น ไปเที่ยวตามโครงการพระราชดำริหรือศูนย์เรียนรู้ต่างๆที่ดีมีประโยชน์ หรือไปเที่ยวป่าใช้ชีวิตร่วมกับธรรมชาติ เรียนรู้ชีวิตในการอยู่ป่า การทำอาหารด้วยวิธีต่างๆ การใช้อุปกรณ์ยังชีพ ก็จะได้ความรู้ความสามารถเพิ่มเติมมาใช้ในการเอาตัวรอดยามมีภัยพิบัติได้

หรือเมื่อเรายังไม่มีโอกาสได้ไปไหน แต่ชอบเล่นเฟซบุ๊ค ก็ลองไปหากลุ่มเพื่อนที่ชอบในแนวทางที่เป็นประโยชน์เวลามีภัยพิบัติไปด้วย เช่น ชอบเกษตรก็ไปหากลุ่มที่ทำเกษตร ปลูกต้นไม้ เพาะเห็ด เป็นต้น ชอบทำอาหาร ก็ลองไปหากลุ่มที่ทำอาหารต่างๆ ฝึกทำอาหารเอาไว้บ้าง รวมทั้งวิธีการถนอมอาหารต่างๆ ฯลฯ

เมื่อถึงวาระที่เหมาะสม เราอาจพบแนวทางอาชีพใหม่ๆ หรือแนวทางเอาตัวรอดในยามมีภัยพิบัติได้ โดยอาศัยการเรียนรู้สะสมประสบการณ์ที่ผ่านมานั่นเอง อีกทั้งยังได้รู้จักเพื่อนๆที่อาจช่วยเหลือเกื้อกูลกันได้ในอนาคต

สักวันหนึ่งข้างหน้าผมเชื่อว่า พวกเราอาจต้องรวมกำลังพลผู้ที่มีความรู้ ความสามารถในด้านต่างๆมาช่วยเหลือเกื้อกูลกันให้ผ่านวิกฤติและภัยพิบัติต่างๆไปด้วยกันครับ

 

ปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบในการใช้ชีวิตอย่างรวดเร็วมาก ส่วนหนึ่งมาจากเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว บางธุรกิจที่ปรับตัวไม่ทันอาจได้รับผลกระทบได้มากครับ อีกส่วนหนึ่งก็มาจากการใช้ชีวิตที่ต้องปรับตัวให้สามารถรับมือกับภาวะการเปลี่ยนแปลงทางด้านเศรษฐกิจและการเมือง รวมไปถึงภัยพิบัติต่างๆที่นับวันจะมากขึ้นหรือหนักขึ้น จนทำให้เรารู้สึกไม่มั่นใจว่าในอนาคตจะเป็นอย่างไร

หลายท่านที่เคยมีอาชีพการงานดี เริ่มตระหนักถึงความมั่นคงของชีวิตในอนาคตมากขึ้น ก็มองว่าการทำการเกษตรให้มีอาหาร มีน้ำดื่มน้ำใช้ มีบ้านที่อยู่อาศัยแบบพอเพียง น่าจะเป็นหนทางอยู่รอดภายใต้การเปลี่ยนแปลงที่ยากจะคาดเดาได้ อย่างน้อยก็อุ่นใจว่ามีอาหารกินอย่างพอเพียง ไม่ต้องพึ่งพาโลกภายนอกมากนักก็สามารถอยู่ได้ โดยใช้ชีวิตที่เรียบง่ายสมถะ เหมือนดังเช่นในสมัยก่อนและครอบครัวก็อยู่กันพร้อมหน้าก็มีความสุขได้เช่นกัน

อาศัยความรู้ต่างๆจากโครงการพระราชดำริที่พระองค์ทรงประทานไว้ให้ประชาชนได้เรียนรู้ศึกษา จะช่วยให้อยู่รอดปลอดภัยจากภาวะวิกฤติต่างๆได้ไม่ยากนัก รวมไปถึงแนวทางรับมือกับภัยพิบัติต่างๆ ก็อาศัยรากฐานความรู้เหล่านี้ช่วยได้เป็นอย่างดีครับ เพียงแต่เอาเทคโนโลยีที่เหมาะสมบางอย่างมาช่วยเสริมเข้าไปอีกเท่านั้นเอง

 

ชาร์จแบตมือถือจากรถมอเตอร์ไซด์​

เผยแพร่เมื่อ 27 เม.ย. 2016​

 

ตัวแปลงไฟรถยนต์เป็นไฟบ้าน​

เผยแพร่เมื่อ 28 พ.ค. 2016​

 

บ้านคนกินแดด ปะเตี๊ยะ ซี ไถง​

เผยแพร่เมื่อ 8 ก.ย. 2015​

บ้านคนจนกืนแดด ที่ ศูนย์เนท มูลนิธิพัฒนาอีสาน จังหวัดสุรินทร์ ใช้ระบบไฟ 12 โวลท์ และ มี การใข้โมดิฟายด์ไชน์เวบ 1000 วัตต์ ใช้ไฟ 12 โวลท์ จากแบตเตอรี่ ลูกเดียว ..ไฟออก 220 โวลท์ ราคาถูก มาผ่าน #คู้กรองแดด #บ้านหินธานีโมเดล เพื่อให้สามารถใช้กับเครื่องใช้ ไฟฟ้าทีากระชากไฟ ขณะสตาร์ท เช่นเครื่องซักผ้า ทีวีจอแก้ว ได้ ///บรรยายโดย อ. ขุน อาชีวะ 4 ถ่ายโดย พิว อาชีวะ 4 วันที่ 6 กันยายน 2558 ../ลุงนันท์ ..

 

การต่อแผงโซล่าร์เซลล์ชาร์จแบตเตอรี่อย่างง่าย

เผยแพร่เมื่อ 15 ธ.ค. 2015​

ลองต่อแผงโซล่าร์เซลล์ชาร์จแบตเตอรี่ดู ต่อง่ายๆ ใช้ไดโอดกันไฟย้อนกลับเข้าแผงตัวเดียว แล้วต่อเข้าแบตได้เลย แต่ต้องดูเวลาตัดวงจรเมื่อเต็มด้วย