ชาญ 4 ของ กสิณ vs ชาญ 4 อานา

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย somkiatfem, 21 พฤศจิกายน 2016.

  1. somkiatfem

    somkiatfem เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2016
    โพสต์:
    324
    ค่าพลัง:
    +195
    เเตกต่างอย่างไร เทียบช้อตต่อช้อต (เพื่อนมีคำถามว่า ชาน 4 สาย กสินมีอาการอย่างไร เเต่ผมอธิบาย ตามแบบของสายอานา เพื่อนเลย งง)

    เเละเพราะอะไร ทำไมภาพกสินถึงขาว หรือว่าจริงๆ ภาพมันจางซีดเพราะสมาธิตก เเล้ว ตอนมันขาว เทียบกับ อาการของชาญ อย่างไร หรือสามารถเทียบกับอานาได้หรือไม่

    ชาญ 4 ของ กสิณ vs ชาญ 4 อานา

    อุปจารสมาธิ (วิตก วิจาร ปิติ สุข) ---> ชาน1 มี (วิตก วิจาร ปิติ สุข เอก) มี เอก เข้ามาคือเริ่มมีสมาธิทรงตัวบ้างเเล้ว --> ชาน 2 (ปิติ สุข เอก) ---> ชาน 3 (สุข เอก) --->ชาน 4 (เอก)
    พูดง่ายๆว่า ถ้าปิติหาย เเละหมดสุข อาการทรงตัวก็ ชาน4 ไป จบครับ

    ปัญหาคือผมใช้อานาเข้า ชาน 4 ก็ สบายดี เเต่พอใช้จับภาพกสิน มันมีความสว่างจ้า ผมก็เรียกไม่ถูกว่าอะไร ชาน ไหน หรือ บางคนเรียกประกายผลึก เเต่ผมเห็นสว่างอย่างเดียวนะ ไม่รู้สึกว่าประกาย ถ้าถามว่า ยังอยู่ในเขตอุปจารสมาธิหรือไม่ ก็ตอบว่าจิตมันก็ทรงตัวดีนะครับจับภาพชัด ไม่หลุดไม่มี ภาพซ้อน ภาพลอย ใครเก่งสกิณ อธิบายหน่อยครับ ตอนผมทำก็ไม่ได้สนใจว่า ชาน อะไรนะครับ ไม่มีข้อสงสัยคือหลังๆผมไม่สนไม่สงสัย ช่างมันสมาธิมัน เเต่บังเอิญเพื่อนมาถาม บอกไม่เครีย งงไปกันใหญ่
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 พฤศจิกายน 2016
  2. kengkenny2

    kengkenny2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    592
    ค่าพลัง:
    +289
    ผมว่าฌานสี่เป็นของอธิบายยาก...ไม่น่าเชื่อว่าจะสามารถจับสิ่งต่างๆได้เพราะมันเกิดขึ้นเร็วมากอีกทั้งบางทีตกหลุมก็มี...มีหลุมดำกับหลุมแสงแต่มันก็เร็วมากถ้าครองสติไว้ไม่ได้ไม่น่าจะซับฌานนั้นไว้ได้ปฐมณานพอมีลุ้นสลับไปมาระหว่างรับรู้กับไม่รับรู้แต่มีการรับรู้สิ่งวมมุติมากกว่าบางทีก็เกิดความยินดีจนเห็นสิ่งต่างๆได้ตามจิตปราถนาแต่ณานสามและสี่นี่ยากจะคาดเดาจริงๆเพราะเมื่อถ้าถึงจริงผมว่ามีอึ้ง...และอึ้งครั้งที่หนึ่ง...สอง...สาม....สี่....ห้า...อาจจนกว่าจะไม่อึ้ง....เพราะที่ตรงนั้นไม่มีอะไรให้ระลึกแม้แต่การมีจิตเช่นกัน
     
  3. somkiatfem

    somkiatfem เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2016
    โพสต์:
    324
    ค่าพลัง:
    +195
    เรียนถามคุณ อิคิวซัง ไม่ทราบว่า คุณอิคิว สามารถ เล่น ลิท อะไรได้มั่งครับ หรืออภิญญาอะไรมั่งครับ จะได้ถามคราวต่อไปครับ ถนัดอะไรครับ
     
  4. somkiatfem

    somkiatfem เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2016
    โพสต์:
    324
    ค่าพลัง:
    +195
    ผมเข้าใจล่ะว่าดังนี้

    ผมเข้าใจละทำไมภาพกสิณมันขาว เเละประกายในที่สุด กสินทุกอย่างทุกสี สุดท้ายจะขาว เเละพอชาน 4 ละเอียดไสวมากเป็นประกายผลึก มันจะเหมือน ชาน 4 โดยวิธีอานาคือสว่างไล่ไปจนประกายพรึก (จิตเบาเเยกจากกาย) อ้างอิงจากหลักของความสว่างของจิตนี้มันจะเบียดบังสีของ กสิณ ทำให้สีของกสิณต่างๆ มันขาวไปหมด เหมือน ไฟสปอตไลท์ ฉายไปตรงไหนตรงนั้นสีจะน้อมไปทาง สีของสปอตไลท์ คือแก่นของมันต้องเหมือนกันไม่ว่าจะอานาหรือกสิณ กสิณเป็นเครื่องจูงคล้ายๆกับ คำภวานา หรือ การจับลม สุดท้าย พวกนี้ละหมดครับ คือจริงๆภาพกสิณ มันก็คือคำภวานา ดีๆนี้เอง สุดท้าย ทุกกสิณ มันขาวหมด ประกายพรึกหมด ไม่เเตกต่าง เพราะแก่นของภวานา คือ จดจ่อ ครับ
     
  5. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    ฝึกผิดไง

    อานาปานสติ เปน อนิมิตสมาธิ จึงไม่มีเรื่องการเพ่ง

    อานาปานสติ ที่ฝึกกันผิดๆ จะเปนอานาปานสติที่แฉลบออกตกจากกรรมฐาน
    กลายเปนการฝึกฌาณ. ตรงที่เกิดโอภาส. แล้วไม่ทันอุธธัจจะ ทำให้ไหลตาม
    แสงขาวที่เปนโอภาสออกไป. ไปยกโอภาสเปนวิตกวิจาร ทำให้ตกจากอานาปานสติ
    กลายเแรการฝึกฌาณธรรมดา.

    อานาปานสติจะตามเหนความไม่เที่ยงของลม. จึงเปนไปไม่ได้จะไปเพ่งลม
    เมื่อตามระลึกความไม่เที่ยงของลม. จึงเหน ลมคือกายอย่างหนึ่งที่มีความไม่เที่ยง

    เพราะเหนอยู่กายไม่เที่ยง. จึงชื่อว่า. มีสติ ไม่ลืมหลง

    เพราะตามเหนความไม่เที่ยงของกองลมทั้งปวง. จึงเรียกว่า. ตามพิจารณากายในกาย

    เมื่อตามเหน ลม อันเปน รูปวจรจิต เพื่อเหนความไม่เที่ยง. จะเกิดการละรูปสัญญา
    ตามเหน ราคะในจิต มีหรือไม่มี ถ้ามีจะเกิดแสงขาวเกิดโอภาส. เกิดภาพ
    เกิดวิตกวิจารกำเริบ. เห็นการสอดส่องท่องเที่ยว. ถ้าสติเกิดภาพจะดับ. กลับมา
    ตามเหนการละรูปสัญญา. การละสมุทัย ประจักษ์นิโรธนเจริญมรรค

    ถ้าอุปนิสัยยังมียิ่งกว่านั้น. ก้จะก้าวข้ามไปลำดับอานาปานสติถัดไป. ไปดูสภาว
    ที่จิตละ. ราคะ. จิตจึงเกิด ปิติ แต่เปนนิรามิส. แม้มีสุญญตา แต่มันจะมี อาพาส

    อาพาสก้คือ. สมาธิที่ไม่มีนิมิต. อยู่ดีๆ จิตมันจะสว่างวาปปปปปขึ้นมา. มันจะ
    ลงไปในรูปวจรจิตเพื่อเก็บฌาณ. ในการภาวนาของมันเอง. ฌาณอันเกิด
    จากอานาปานสติ จึงเปน วิบากกรรม. ปรากฏให้เหน. แต่เราจะไม่ไปนั่กลัว
    บุญกลัวกุสล. เพราะมันเกิดโดยเราไม่ได้เจตนา. อภิสังขาร จึงปรากฏใน
    ลักษณะเปน สสังขาร. จิตจะจดจำสภาวะแฉลบลงไปเสพฌาณเพื่อตาม
    เหนความไม่เที่ยง ของอภิสังขารเหล่านั้น. จึงเริ่มยก. จิตสังขารขึ้นพิจารณา

    ถ้ามันย้อมจิตให้ไปสาระวนซ่องเสพ อื้อฮือ อื้อฮือได้ ก้จะเริ่มตามเหน
    ความไม่เที่ยงของจิตสังขาร. จะรู้การปล่อยจิตสังขาร ทำจิตให้ระงับ
    แล้วกลับมาพิจารณาลมหายใจเข้า. ลมหายใจออก. โดยที่ สภาวะ
    ของรูปวจรจิตก็จะกลายเปนญาณ. รูปวจรจิตจึงปรากโเปนกองสัญญา
    เหน ฐีติวิญาณ. ยกเหนเปนอายตนะ. ซึ่งถ้านักปโิบัติไม่มีอาการอื้อฮือ
    อื้อฮือ ก้จะแนะนำกันและกันว่า. ให้น้อมลงไป หน่งเหนี่ยวสัญญานั้น
    ให้แผ่ หรือไพบูลย์ขึ้นมา. เพื่อกำหนดการเข้า. การอยู่ การออก. การตาม
    เหนความเกิด. ความดับ. ถ้ายังไม่อื้อฮืออื้อฮือ. เราก้จะทราบกันว่า
    ซ้อมการเหนการดับของจิต. ที่มันเสพอายตนะในรูปวจรนั้น โดยไม่ใช่คิดจะเข้า
    คิดจะเปน. คิดจะอยู่ ตามเหนจิตเกิดดับ แต่จิตเปนมหัคคะ. หรือไม่เปนก้
    ว่ากันไปตามโอกาส. ความคล่องตัว

    ซึ่งจะเปนต้นทุนฝึกอานาปานสติในการ ปล่อยจิต. ซึ่งก้ไม่ใช่ต้องไป
    แสดงอาการปั้นหน้า. มันจะเปนการตามเหนจิตที่ไม่แฉลบไปโดฌาณ1-9
    แม้นอาการนิโรธนมันแหกตา. อื้อฮืออื้อฮือ. ซึ่งจะเปนสิ่งที่เรียกว่า จิตบันเทิง
    เปนอิสระจาก รูปวจรจิต อรูปวจรจิต ไม่เหนียวหนา พ้น หรือเกษมจากโยคะกรรม

    ซึ่งจะไม่อธิบายในกระทู้นี้ ....

    แต่จะพูดเพียงว่า. นี่ยังไม่ครบรอบการเจริญอานาปานสติเลย ยังห่างไกล
    การรู้จักอานาปานสติ

    ทั้งนี้ทั้งนั้น. ก้ไม่จำเปนสำหรับคนทั่วไป. เอาแค่เหนกายในกาย ตรงนั้นก้เหลือแหล่
    และ. สาวกส่วนใหญ่ก้บอกตนว่า. ฝึกอานาปานสติ16ขั้น. ทั้งที่ ยังเปนกายในกาย
    ส่วนเดียวเท่านั้น. ก้ยังให้เกิดการสำเร็จมรรคผลได้

    ทำให้อานาปานสติในยุคหลังๆ. เปนเรื่องบริกรรมบ้าง. เพ่งตำแหน่งบ้าง เพ่งธาตุสี่บ้าง
    ซึ่งไม่ผิดอะไร. เพราะทำไปตามกำลังสัจจ. ก้ประยุกต์กันไป คือ เอาอานาปานสติ
    ไปเปนตัวช่วย. ก่อนเข้ากรรมฐานอื่นที่ตนถนัด

    ดังนั้น. เวลาทำกรรมฐาน บริกรรม เพ่ง. หมุนนั่นนี้ ปั่นนั่นนี้ ก้เพียงให้สังเกต
    การ เข้า. ออก. อานาปานสติ ก่อนไขว้กรรมฐานอื่น. แยกออกมาให้เหน
    จิตที่สมาทานอานาปานสติเปนตัวช่วย ตัวตั้ง แล้วถีบส่งก่อนไขว้ไปกรรมฐานอื่น

    แยกอย่างนี้บ่อยๆ. จะค่อยๆ. อ๋อ. นี่ตั้งหากอานาปานสติ ใช้ภูมิจิตมนุษย์
    ปรกตินี่ แล้วจะอ๋อเลย. ทำไมหลวงพ่อฤาษีบอกว่า. สุดท้ายจะต้องมาเหน
    อานาปานสติตัวแท้ อยู่ตรงนี้ จิตจึงทรงฌาณได้ เปนมงกุฏครอบงำทุกกรรมฐาน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 พฤศจิกายน 2016
  6. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    ตรงที่พูดว่า. ไม่มีอะไรให้ระลึก. แม้แต่จิต......ตรงเนี่ยะ. เปนการ. เอาตรรกะ มาแทนการ. ฝึกฝนเข้าประจักษ์

    หากเอาการปฏิบัติเปนใหญ่ ไม่ใช่ตีความพยักหน้า ทำท่าว่าเข้าถึงธรรม


    การปล่อยจิต. จะเปนสภาวะธรรม. จับต้องได้ เหมือนตาเหนรูป

    แม้นการสลัดคืนจิตไม่เหลือ. ในทางปฏิบัติ ก้ยังกระทบเปน ผัสสะ รับรู้ได้
    เอามาตามเหนเนืองๆได้ เอามาอบรมจิต. ฝึกไปเรื่อยๆ. เพื่ออยู่สุข
    เพื่อเปนวินัย

    แต่ถ้าเอา ตรรกศาตร์ ก้จะทำหน้า ทำท่าทำทาง. เอาความ. งง มาเปน
    อาการรู้ธรรม. เอาอาการอับจนหนทางหมดเครื่องไม้เครื่องมือ. เปนการบรรลุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 พฤศจิกายน 2016
  7. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    สีขาวกับสว่างจ้า ไม่เหมือนกันถ้าเห็นเป็นสีก็เป็นนิมิตมากกว่า
     
  8. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    ฌาน4 จะ กรรมฐานกองไหน ที่สุดของ กรรมฐาน ฌานสี่ ผลก็จะเหมือนกันครับ
    แตกต่างเพียงแต่ว่า ใช้อะไรเป็นกสิณกองไหนเป็นอารมณ์ในกรรมฐานกองนั้น

    ส่วนที่ว่าสว่างแตกต่างไม่เหมือนกันนั้น ขึ้นอยู่กับว่า จิตใจ ตอนนั้นๆ ขุ่นมัว เศร้าหมอง หรือ ใส ไม่มีอะไรรบกวน ก็จะแตกต่างสว่างไม่เท่ากัน

    เช่นผิดศีลมา ทั้งวันมีแต่เรื่องเศร้าหมอง พอมาเข้าสมาธิ ก็จะ มืดมัว แตกต่างกันครับ

    และอีกอย่างที่แตกต่างกันก็คือ การบำเพ็ญบารมี มา ถ้าคนที่เป็นสายพุทธภูมิ จะมีความสว่างใส มากกว่าคนอื่นๆครับ มากน้อยก็ลดลงไปตามบารมีแต่ละคนที่สร้างสะสมมา

    บางคนก็สว่างแบบมืดๆ เวลาเข้าสมาธิ เข้าฌาน บางคนก็สว่างโล่ไปหมด ก็เป็นเพราะพื้นฐานของบารมีของคนๆนั้น

    และที่สำคัญ ใครกินน้ำ ก็ย่อมรู้รสแห่งน้ำนั้น ครับ
     
  9. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    ยิ่งระดับสมาธิ ฌาน ละเอียดขึ้นไปเท่าไหร่ ความใส สว่าง ก็จะมากกว่า ครับ

    ส่วนกสิณ เรียกว่า ดวงกสิณ จะเป็น นิมิตกลม ครับ ถ้าเอาตามพื้นฐานทั่วๆไป

    และสีของพื้นหลัง ก็คือ ภพ คือ ตัวจิต นั้น จะเป็นความสว่างไม่สิ้นสุด นั้น กับ นิมิต ดวงกสิณ มันจะไม่มีการเบียดบังสีของดวงกสิณได้หรอกครับ ภพก็คือภพของจิต ดวงกสิณคือ นิมิต ภาพนิมิตดวงกสิณที่เราจับภาพเป็นอารมณ์ในกรรมฐานกองนั้นๆ ก็จะเห็นเป็นดวงเด่นขึ้นมาให้เราจับภาพเป็นอารมณ์ ครับ ถึงแม้ว่าดวงกสิณจะเป็นประกายพรึก มันก็จะไม่มีทางที่จะมีการเบียดบังสีกสิณใดๆ เพราะ กสิณทั้ง 10 มีสีแตกต่างกันอยู่แล้วครับ

    ยกเว้นแต่ว่า เราฝึกกสิณกองนึง แต่พอปฏิบัติไป ปรากฏภาพนิมิตดวงกสิณดวงอื่นสีอื่นของกรรมฐานกองอื่น ขึ้นมาแทนที่ของเดิม อย่างนี้เรียกว่า กสิณโทษ เราต้องตัดทิ้ง แล้วเรียก นิมิตกองกสิณของเดิมกลับขึ้นมาใหม่แทน ครับ

    เว้นแต่ว่า เราไม่ได้ นิมิตกสิณของจริง ได้แต่ จินตนาการ ไปเอง ไม่ใช้ดวงกสิณ อย่างนี้ ก็ไม่เรียกว่า กสิณ ครับ เพราะ จินตนาการไปเองครับ

    .

    และ สุดท้าย ภาพ กสิณ คือ นิมิต ครับ

    คำภาวนา ในกรรมฐานกสิณกองนั้นๆ คือ การบริกรรมภาวนา ครับ

    ที่สุดของกสิณ ฌานสี่ ก็ยังมี ดวงกสิณเป็นนิมิตภาพกสิณ เป็นอารมณ์ในการเพ่ง ใน จตุตฌาน ฌานสี่ อยู่นั้นเองครับ

    ส่วนอานามานสติ จะไม่มีนิมิตดวงกสิณ นั้นเองครับ

    .
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 พฤศจิกายน 2016
  10. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    ฌาน


    ขอแปลคำว่าฌานสักนิด ขอคั่นเวลาสักหน่อย ประเดี๋ยวเลยไปจะยุ่ง จะไม่รู้ว่า ฌาน
    แปลว่าอะไร คำว่า ฌาน นี้ แปลว่า เพ่ง หมายถึงการเพ่งอารมณ์ตามกฎแห่งการเจริญกรรมฐาน

    www.palungjit.org/smati/k40/smabat.htm
     
  11. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    และที่สำคัญ ที่จะรู้ว่า ตัวเองได้ สมาธิจริง ฌานสี่ จริงหรือไม่

    ให้ทดสอบง่ายๆ ครับ ทดสอบใช้ ฤทธิ์ นั้นเองครับ

    ถ้าได้จริง ก็จะสามารถใช้ ฤทธิ์ ได้จริง

    ถ้าไม่ได้ของจริง แต่เข้าใจผิดว่าเรากำลังเข้าฌานสี่อยู่ เราจะใช้ ฤทธิ์ อะไรใดๆ ไม่ได้เลย

    ถ้าเป็นพวก จินตนาการ เข้าใจผิดๆว่าได้ฌาน จะใช้อะไรไม่ได้สักอย่าง ก็เพราะว่า จิตไม่ได้มีกำลังจริงๆ เมื่อจิตไม่มีกำลัง เราก็จะใช้อะไรไม่ได้ นั้นเองเป็นไปตามความจริง

    ถ้าจิตมีกำลังจริง เราก็จะใช้ได้จริง เช่น ย้อนอดีตชาติดูของตัวเองได้ ดูนิมิตอื่นๆที่เราต้องการเห็นรู้ ได้ หรือใช้ ฤทธิ์ อื่นๆ ได้นั้นเอง ตามที่ศึกษาอ่านๆมาก็คงรู้ว่ามีอะไรบ้างนั้นเองครับ

    จริงๆ แค่ อุปจารสมาธิ เราก็เริ่ม รู้ เริ่ม เห็นอะไรได้บ้างแล้ว ใช้ได้ นิดๆหน่อยแล้วละครับ ส่วนใหญ่ คนที่ได้ สมาธิ ก็เริ่มใช้ ส่งออก ไปรู้โน้นนี้ได้แล้วครับ

    วิธีวัดว่าทำได้จริงหรือไม่ได้จริง ก็ง่ายๆแค่นี้ละครับ

    เพราะคนที่ทำได้จริง เค้าใช้ ได้จริง ทุกคนละครับ เพียงแต่ว่าจะใช้ออกทางด้านไหน
     
  12. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,430
    ค่าพลัง:
    +35,010
    ถ้าคุณ เข้าถึงฌาน ๔ ของกสิณได้จริงๆ
    คุณจะไม่มาถามอะไรแบบนี้หรือพูดอะไรแบบนี้แล้วครับ
    เพราะว่ามันจะเกิดเครื่องรู้อะไรต่างๆมากมาย
    แต่ไม่ควรนำมาเล่าครับ และที่สำคัญอยู่ได้นานมากแล้ว
    มันเล่นอะไรกับพลังงานได้แบบฮาๆขำๆไปนานแล้วครับ

    จำเอาไว้ครับ แสงสว่างจร้ามากๆสีขาว
    แม้เราอยู่ในที่มืดก็สว่างได้เหมือนสปอรต์ไลท์
    เอกลักษณ์ของมันคือ ไม่เย็นครับ
    ถ้าสังเกตุดีๆจะจับต้นกำเนิดแสงได้
    และมันย้ายไปมาได้ สภาวะในช่วงนี้
    คล้ายๆเรารู้สึก นึกคิดได้ แต่ไม่หลุดจากอารมย์
    ตรงนี้มันคือ ปฐมฌานเท่านั้นครับ(ของกสิณนะครับ)
    สภาวะอย่างนี้ต้องระวังนะครับ บางคนคิดว่าตัวเองบรรลุธรรมไปเลยก็มีครับ
    คิดว่า ตัวเองติดต่อพูดคุยกับ พระพุทธฯ กับเทพได้
    จริงๆแล้วผีหลอกในสมาธิทั้งนั้นหละครับ
    และจะหลงตัวเอง คิดว่าตัวเองเป็นโน้นนี่นั้นด้วยครับ


    ถ้าการไต่จากปฐมฌานในกสิณขึ้นไปยังระดับ ฌาน ที่ ๔
    ของกสิณ ในระดับฌานที่ ๒ หรือ ๓ เราจะจับได้ยากมากครับ
    เพราะภาพจะไม่มีปรากฎอีกหลังจากผ่านปฐมฌานไปครับ
    มันจะค่อยๆไปเริ่มเข้าสภาวะและจะเริ่มเกิดปฏิภาคนิมิต
    ในระดับตอนฌาน ๔หยาบๆหรือ ๓ ปลายๆโน้นครับ
    เพราะมันจะเร็วมากช่วงนี้และ หากมีความคิดมันจะร่วงมาต่ำว่าฌาน ๑ทั้นที
    ภายในเวลาเสียววินาทีครับ ส่วนอาปาฯ ที่เห็นสายลมเป็นท่อๆใสๆ
    แม้ด้วยตาเปล่านั้นก็แค่ปฐมฌานครับ...


    ฌาน ๔ ในกสิณนั้น มันจะเป็นเหมือนมีอะไรๆที่มันมีแสงสว่างในตัว
    ของมันเองครับ(ย้ำว่ามีแสงสว่างในตัวเองนะครับ ยกตัวอย่าง
    เช่น วงกลมเล็กๆหลายๆวง มันมีหลายวงเลยดูสว่าง ไม่ใช่ข้างๆวงกลม
    ก็สว่างนะครับ พูดอย่างนี้พอนึกภาพออกไหมครับ)
    และก็พวกอะไรๆพวกนี้มันรวมกันมันเลยเหมือนว่า
    มันมีแสงสว่างมาก ในตำราเรียกปฏิภาคนิมิตนั้นหละครับ
    ถึงตรงนี้ได้ เราถึงจะพอมองเห็นสภาวะในฌาน ๓ ได้ เพราะถ้าเรารักษาตอนฌาน ๔
    ไม่ได้นานซึ่งเป็นเรื่องปกติ
    มันจะตกมาเองครับ พูดง่ายๆขึ้นถึง ๔ ได้ก่อนจะมองเห็นสภาวะ ๓ และ ๒ ได้
    แต่ช่วงที่กำลังขึ้นไปยังไม่ถึง ๔ นั้นถ้ามีความคิดมีอะไรแทรกหน่อยจะ
    ถอยลงมาทันทีครับ และไม่ว่าอาปาฯหรือกสิณ หากยังคิดได้ แม้จะอยู่ในสภาวะนั้นๆ
    ยังไงก็ไม่เกินปฐมฌานครับ
    ส่วนอาปาฯ ในระดับใช้งาน มันจะมีการใช้พลังงานๆ
    เหมือนๆกสิณเช่นกันครับ เพียงแต่เล่นในลักษณะสร้าง
    ก้อนพลังงานขี้นมาก่อนเป็นฐาน แล้วเอาก้อนพลังงานที่สร้างขึ้นมา
    เป็นตัวไปดึง ดูด ส่ง เปลี่ยนปรับธาตุครับ
    แตกต่างจากกสิณที่จำเป็นต้องสร้างก้อนพลังงานก่อน
    เช่นกันในระดับเริ่มต้น แต่ตอนใช้งานของกสิณ
    ไม่จำเป็นต้องใช้ก้อนพลังงานพวกนี้ครับ

    อ่านดีๆนะครับ
     
  13. somkiatfem

    somkiatfem เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2016
    โพสต์:
    324
    ค่าพลัง:
    +195
    เป็นของเหนื่อยใจ เเละกาย แฮ่ 55

    เรื่องสมาธิ นี้ ละเอียดเเละอ่อนไหว รวดเร็ว จะให้ทรงตัวนี้ของยาก เเม้คนที่ได้ ชาน 4 ก็อาจจะเเค่ได้ เเต่จะทรงได้ นานๆอย่างมีคุณภาพ ก็เป็นเรื่องยากที่จะต้องสะสม เป็นของยากสะสมไป เเต่ยังไม่เห็นปลายทาง วัดระยะได้ยาก ชาตินี้ไม่รู้จะสำเร็จไหม สัก 4 เดือน ค่อยว่ากันใหม่ครับ
     
  14. somkiatfem

    somkiatfem เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2016
    โพสต์:
    324
    ค่าพลัง:
    +195
    ฟังเเล้วรู้สึกว่าคุณ มีความเชี่ยวชาญนะครับ พอจะเเชร์ประสบการณ์ใฟ้ฟังได้ไหมครับ ชอบฟังครับ ผมขอถามนิดนึงครับว่า คนที่ใช้ได้ เเละควรจะเริ่มใช้ ต้องรอจนกว่ามีความวสีใน ชาน นั้นหรือไม่ครับ หรือ เเค่พอเข้าชานบ้างในเบื้องต้นได้ก็ใช้ไปเลยครับ ในระดับละเอียดตรงนี้ ทางเลือกไหนดีกว่ากันครับ
    ขอฟังประสบการณ์ด้วยนะครับถ้าจะกรุณา ชอบมากครับคนเก่ง คนจริง
     
  15. somkiatfem

    somkiatfem เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2016
    โพสต์:
    324
    ค่าพลัง:
    +195
    ฟังคุณ เบอ พอเข้าใจครับ เรื่องภพจิต กับภาพที่กำหนดครับ

    อยากทราบว่าทำไมภาพกสิณ ถึงเป็นสีเหลือง เหลืองนวล เเละขาว เเละเป็นประกาย (หลวงพ่อฤาษีกล่าวมาครับ)ครับ มันจะเเยกเเยะได้อย่างไรครับว่า จิตเราเคลื่อนหรือไม่ จิตเราไม่เป็นสมาธิหรือไม่ครับ คือถ้าจิตเราทรงตัวทำไมภาพมันเปลี่ยนสีครับ เเต่มันมีความสอดคล้องกับเรื่องที่ว่า ยิ่งสมาธิสูง จิตยิ่งสว่าง เเละมันก็คือมีเป็นโทน ขาว สว่าง สอดคล้องกันครับ ผมจึงมีคำถามครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 พฤศจิกายน 2016
  16. ขาจอน

    ขาจอน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    1,008
    ค่าพลัง:
    +470
    พักหลัง ทำสมาธิชำนาญพอควร
    ฟังหลวงพ่อราชรีเทศน์ ท่านว่า หลวงตาว่านักปฏิบัติ โง่เป็นหมาตาย ให้พุทโธชัดๆ
    พอพุทโธ เท่านั้นหละ ชัดคือตรงนี้ มันหลุดหมด
    สมาธิ ที่คิดว่าไม่ติด วางหมด นั่นหละติดกิเลสมันเหนียวแน่น ไม่เห็นตรงนี้คงติดไปนาน
    เท่านั้นหละขำเลย โง่เหมือนหมาตายจริงๆ
     
  17. ผ่านมาเฉยๆ

    ผ่านมาเฉยๆ ไรเซ็นมันพูดว่าอะไรหว่า

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    947
    ค่าพลัง:
    +1,210
    ต่างกันแค่เบื้องต้นครับ
    ส่วนอารมณ์เหมือนกันครับ
     
  18. พลรัฐ

    พลรัฐ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    610
    ค่าพลัง:
    +1,111
    อารมณ์ฌาน กับภาพกสิณ
    อารมณ์ฌานสี่ เหมือนกันทั้งหมด แตกต่างกันตรงกสิณปรารภภาพ อานาฯปรารภลมหายใจ
     
  19. พลรัฐ

    พลรัฐ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    610
    ค่าพลัง:
    +1,111
    อารมณ์ฌาน เหมือนกันทั้งหมด
    ต่างกันตรง อานาฯจับลมหายใจ
    กสิณจับภาพ สีสันวรรณะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...