"...ป่าหิมพานต์..." “เมื่อขึ้นไปอยู่ริมน้ำแม่งัด บ้านช่อแล ได้ ๔-๕ ปี แต่อยู่บ้านแต วันหนึ่งนึกถึงตาผ้าขาวสุกว่า “เอ ตาเฒ่านี้จะไปเกิดที่ไหนแล้วหนอ เดี๋ยวนี้” พอเรานึกได้เท่านั้น ก็มีเทวดา ๒ ตน ผู้ชายหนุ่มน้อยอายุ ๑๘-๑๙ ปี นั่งเครื่องยนต์รูปร่างคล้ายกับเรือสุพรรณหงส์มารับ “นิมนต์พระผู้เป็นเจ้าเถ๊อะ จะพาไปหาตาผ้าขาวสุก อยู่ป่าหิมพานต์” “จะนานไหม จะได้เอาผ้าครองไปด้วย” “ไม่นานหรอก ตี ๔ ก็กลับมาแล้วครับ” “เอ้า...ไปก็ไป” พอเราพูดอย่างนี้ กายก็นั่งอยู่ ใจก็เดินขึ้นยนต์สุพรรณหงส์ จากนั้นก็ลอยไปตามอากาศ ช้าก็ได้เร็วก็ได้เหมือนกับคนเขารับรถ แต่ยนต์นี้ไมต้องขับ ไปได้เองตามอานุภาพของบุญ ลอยไปผ่านไปแม่ฮ่องสอน เข้าเขตพม่า เลยพม่าเข้าแคชเมียร์เข้าเขตภูเขาหิมะ เครื่องยนต์นั้นก็ลอยต่ำลงสูงกว่าปลายไม้นิดหน่อย เมื่อเข้าใกล้ที่อยู่ของพ่อขาวสุกแล้วก็ลงจอดยนต์ไว้ เดินเท้าเข้าไป มีหมู่เทวดามาต้อนรับ แล้วเดินกันเป็นกระบวนไป ลึกเข้าไปอีกก็มีพวกสัตว์ป่าหิมพานต์ รูปร่างเป็นตัวสัตว์ต่างๆ มาต้อนรับ สัตว์ที่เหมือนกับในเมืองมนุษย์ก็มี เช่น หมูป่า กวาง เก้ง เสือ ช้าง หมี ๔ เท้า ๒ เท้า เลื้อยคลานมีหมด สัตว์ที่รูปร่างกับรูปที่เขาเขียนว่า สัตว์หิมพานต์ อย่างนั้นก็มีอยู่มาก ต่างก็มาชื่นชมยินดีต้อนรับเป็นหมู่เป็นคณะ “ทำไม สัตว์ป่าทั้งหลายที่แถบนี้จึงมีมาก” ผู้ข้าฯ ถามเทวดา “โอ... พระผู้เป็นเจ้า ก็แถบถิ่นนี้ อยู่ในวงล้อมของภูเขา ๓ ลูกในนี้นั้น ได้ภูเขาลูกกลางนี้เป็นที่ประดิษฐานพระศพของพระมหากัสสปเถระเจ้า หมู่หิมพานต์เหล่านี้ก็มากราบไหว้ ทำความยินดีต่อพระเถระเจ้า แต่ก็ไม่มีใครเข้าไปกรายใกล้ได้ เพราะมีเทพเจ้าผู้ศักดิ์ใหญ่ทั้งหลายรักษาไว้อยู่ หมู่หิมพานต์ทั้งหลายก็อาศัยกระทำความยินดีนี้เอง และที่เป็นบุญเป็นกุศลมหาศาลของตนได้” ผู้ข้าฯ รู้ทิศทางที่เขาชี้ให้ดูว่า ศพของพระมหากัสสปเถระเจ้าอยู่ทางนั้นตรงนั้น ก็ยกมือไหว้ ยืนวันทาอยู่ว่า นะโม ๓ จบ อิติปิโสฯ สฺวากฺขาโตฯ สุปฏิปนฺโนฯ แล้วก็อุกาสะฯ ไหว้พระธาตุ เจริญเมตตาไหว้จบแล้วหมู่เทวดา หมู่สัตว์ที่แห่ล้อมอยู่นั้นซ้องสาธุการ สนั่นป่า ว่า “สาธุ” ๓ ครั้ง จึงถามเขาว่า “ตาผ้าขาวสุกล่ะ อยู่ทางไหน?” เทวดา ๒ ตนที่พาไปนั้นจึงว่า อยู่ทางนี้ไปไม่ไกลหรอกประมาณ ๑ เส้น ขอพระผู้เป็นเจ้าไปคนเดียวเถิด พวกผมจะรออยู่ตรงนี้ เราก็เดินไปคนเดียว ไปเห็นต้นไม่มุ่นต้นใหญ่ต้นหนึ่งสูง กิ่งก้านสาขาเหมือนกับเวลาเรากางกลดออก อยู่ใกล้ๆ โคนต้น เห็นหญิงสาว ๔คน “สูเจ้ามาอยู่ทำอะไรตรงนี้?” “โอ พระผู้เป็นเจ้า มาธุระอันใดหนอ” “มาหาตาพ่อขาวสุก คนเฒ่าอยู่ไหน?” อยู่ในโพรงไม้ตรงใต้คาคบลงมานั่นแหละท่านพระผู้เป็นเจ้า เสวยวิบากเป็นบ่างใหญ่อยู่ แล้วสูเจ้าหล่ะมาอยู่ทำไมตรงนี้ “โอ... มารักษาพ่อผ้าขาวนี้แหละ เมื่อพ้นจากวิบากตรงนี้แล้วจะได้ออกไปเกิดในเมืองมนุษย์ แล้วจะได้เป็นผัวเป็นเมียกัน ทำความดีต่อไปได้” “เดี๋ยวนี้สูเจ้าเป็นภูมิใด?” “เวนิกานกเปรต กลางวันเป็นผี กลางคืนเป็นเทวดา” เรารู้เท่านั้นก็ลาเขากลับออกมา ไหว้วันทาไปทางศพพระมหากัสสปเถระนั้นอีก เสร็จแล้วก็ลาพวกเทวดาและพวกหิมพานต์สัตว์เหล่านั้น เทวดาสองนั้นก็บันดาลเอายนต์เหาะคันเก่านั้นมารับก็ลอยขึ้นอากาศ วนเลาะดูป่าหิมพานต์ เลาะเขตอินเดีย ทิเบต ต่อเมืองจีน เลาะทางทิศเหนือเรื่อยๆ มา เข้าทางเมืองเชียงแสน ลัดตรงมาถึงแม่แตง แม่งัด ยนต์เหาะก็ลงจด เทวดาสองตนก็กราบไหว้ลาไป ขาไปเขาไม่นั่งยนต์นั้น เขาหายไปทันทียนต์ก็หายไป ตัวเราก็มองร่างกายที่นั่งอยู่ มองนาฬิกาพกตั้งไว้ก็ดี ๐๔.๐๐ น. พอดี เดินเข้าสวมรูปกายรู้สึกตัวก็ดูดนาฬิกาก็ตี ๐๔.๐๐ น. เหมือนในนิมิต เป็นเรื่องแปลกมากหากไม่ประสบด้วยตนเองก็คงไม่เชื่อ แต่ตนของตนก็เชื่อความมีกำลังของจิตที่ฝึกฝนมานานหลายภพหลายชาติ ไม่สงสัยไม่อวดตัว เอาเรื่องนิมิตเรื่องนี้ไปเล่าให้ท่านอาจารย์ตื้อ(อจลธัมโม)ฟัง เพิ่นก็ว่า “ผู้ข้าฯ ก็ไปมาแล้วล่ะ ท่านจาม(มหาปุญโญ) เอ๊ย ไปกราบไหว้มาแล้ว ที่ตั้งพระศพพระมหากัสสปเถระ วงนอกภูเขา ๗ ลูกต่อๆ กัน เป็นวงภูเขา วงในมีภูเขา ๓ ลูกซ้อนเหลื่อมกัน อยู่ตรงกลางลึกใต้ภูเขา ๓ ลูกนั้น และที่ศพพระมหากัสสปเถระตั้งอยู่ หันหัวไปตะวันออก เอาเท้าไปตะวันตก มีเทพยักษ์รักษาอยู่นอกด่าน ๑ ด่านสอง พวกเทวดากับพวกนาค ด่านสุดท้ายเป็นพวกเทพครุฑ รักษาอยู่อย่างใกล้ชิด เขาจะรักษาไว้จนกว่าศาสนายุคของพระศรีอาริย์จะมาตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า แล้วเตโชธาตุของท่านจะเผาคราบของท่านเอง “เรื่องเทวดา พวกสัตว์ป่าหิมพานต์นั้น ท่านอาจารย์ตื้อ (อจลธัมโม)ก็ว่าอย่างที่เราไปเห็นมาแล้ว หากไม่มีพยานกับท่านอาจารย์ตื้อ(อจลธัมโม) ผู้ข้าฯ ก็จะไม่เล่าให้ฟังหรอก น่าอัศจรรย์ยิ่งนักแปลกๆแท้ๆ ในโลก..” ธรรมประวัติองค์หลวงปู่จาม มหาปุญฺโญ ผู้มากมีบุญ วัดป่าวิเวกวัฒนาราม(วัดป่าบ้านห้วยทราย) บ้านห้วยทราย ต.คำชะอี อ.คำชะอี จ.มุกดาหาร ๕ มีนาคม ๒๕๖๐ กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ภาพวาดลายเส้นนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ ทุกๆท่านครับ
อืม เคยได้ยิน เพื่อนเอ่ยถึง สังขารของพระมหากัสสปะ เหมือนกัน เพื่อนเล่าว่า สังขารท่าน ถูกซ่อนเอาไว้ที่ เชียงตุง พม่า... ก็ไม่รู้ว่า ข้อมูลจะตรงกันมั้ย...เรื่องนี้