ตัดกรรม ทำได้จริงหรือไม่ คำว่าตัดกรรมเป็นคำหนึ่งๆ ที่ได้ยินได้ฟังกันมานาน และมีความเชื่อกันว่า กรรมเวรที่ทำไม่ดีลงไปนั้นตัดได้จริงหรือไม่ ในเรื่องการให้ผลแห่งกรรมนั้นมีคำว่า "อุปฆาตกรรม" หรือแปลว่า กรรมตัดรอนอยู่ หมายความว่า กรรมๆ หนึ่งเกิดขึ้นแล้ว มีผลกรรมที่ตรงกันข้ามมาตัดรอนกรรมนั้นไม่ให้ส่งผลต่อไปอีก เช่น กำลังเจริญรุ่งเรือง หน้าที่การงานดี แต่มีกรรมตัดรอนที่เคยไปทำชั่วไว้ในอดีตหรือในอดีตชาติ มาตัดเรื่องดีๆ ทีเ่กิดขึ้น ให้ชีวิตพลิกกลับตาลปัตร เช่นเคยโกงพระ เคยลักทรัพย์ที่เป็นของสงฆ์มาก่อน ทำให้ชีวิตที่กำลั้งดีๆ นั้นกลายเป็นแย่ทันทีทันใด ไฟไหม้บ้านจนหมดตัว ทรัพย์สินเสียหาย ครอบครัวแตกแยกไม่มีอะไรเหลือ หรือ กำลังมีสุขภาพที่แข็งแรงดี จู่ๆ ก็ป่วยหรือประสบอุบัติเหตุกระทันหัน ทำให้กลายเป็นอัมพาตทั้งตัว ขยับไม่ได้กลายเป็นเจ้าชายเจ้าหญิงนิทราไปตลอดชีวิต ในทางกลับกัน กำลังเสวยทุกข์อยู่มากๆ เข้าแต่มีกรรมดีที่เคยทำไว้อันเป็นผลยิ่งใหญ่มาก ทำให้ตัดผลร้ายออกไปทันควัน เกิดมาทุกข์ยากลำบากตลอดไม่เคยสบายเลย จู่ๆ ถูกหวยใหญ่รวยเป็นล้านๆ นั่นเพราะเคยทำทานใหญ่แก่พระอรหันต์ไว้ในอดีตชาติ เกิดมาเจ็บป่วยกระเสาะกระแสตลอดมา จู่ๆ ได้เจอหมอดี ได้ยาถูกรักษาโรคที่เป็นมานานหายขาดเป็นปลิดทิ้งมีชีวิตได้เป็นปกติ เรียกได้ว่าการตัดกรรมเป็นไปได้สองทาง อุปฆาตกกรรม ตัด กุศลชนกกรรมอื่น ไม่ให้มีโอกาสส่งผลตลอดไป (บุญตัดบุญ) อกุศลอุปฆาตกกรรม ตัด กุศลชนกกรรมอื่น ไม่ให้มีโอกาสส่งผลตลอดไป (บาปตัดบุญ) องคุลิมาล ก่อนสำเร็จเป็นพระอรหันต์ได้เคยฆ่าคนเป็นจำนวนมาก เมื่อตายแล้วจะต้องตกนรกแน่นอน แต่เมื่อสำเร็จเป็นพระอรหันต์ ก็ไม่ต้องตกนรก เพราะไม่ต้องเกิดอีก ด้วยอำนาจของ อรหัตตมรรคกุศลกรรม (บุญ) ที่เกิดขึ้นตัด อกุศลชนกกรรม (บาป) ที่ได้ทำในภพนี้และภพก่อนให้หมดไป ไม่ต้องรับผลกรรมที่ทำไว้ แต่เมื่อเราไม่รู้ว่าเราเคยทำอะไรไว้ในอดีตบ้าง เราก็ควรหาทางสร้างกรรมดีสะสมไว้ ณ ปัจจุบัน ใครเลยจะรู้ว่าในอดีตชาติเราสร้างกรรมดีหรือไม่ดีไว้เช่นไร มีเพียงกรรม ณ ปัจจุบันเท่านั้นที่เราควบคุมได้ จงเร่งเพียรสร้างบุญไว้ ดีกว่ารอให้บาปใหญ่ที่ไม่รู้จะมาถึงเมื่อไหร่มันมาตัดกรรมดีที่เคยทำ อย่างน้อยก็ทำให้สบายใจและไม่หวาดกลัวกรรมนั้น เพราะทุกชีวิตย่อมเป็นไปตามกฎแห่งกรรม ทำดีย่อมได้ดี ทำชั่วย่อมได้ชั่วแน่นอน *********** สนพ.เสบียงบุญ
ผมเห็นแย้งตรงเรื่องขององคุลิมาลนะครับ เรื่องของกรรมเราจะมองแค่กรรมดี กรรมชั่วไม่ได้ แต่เราต้องมองประเภทของกรรมและลักษณะหรือเงื่อนไขของการส่งผลของกรรมประเภทนั้นๆด้วย องคุลิมาล ฆ่าคนมา 999 ราย แน่นอนว่ากรรมชั่วได้เกิดขึ้นและรอส่งผลไม่ชาตินี้ก็ชาติหน้า แต่การที่ท่านออกบวชจนสำเร็จเป็นพระอรหันต์ ก็เป็นกรรมอีกประเภทหนึ่งที่เข้ามาส่งผลซ้อนกันขึ้น ซึ่งกรรมที่เป็นการหลุดพ้นนั้นจะส่งผลให้ไม่ต้องกลับมาเวียนว่ายตายเกิดในวัฏสงสารอีก แต่ไม่ได้หมายความว่ากรรมที่ฆ่าคน 999 ราย จะหายไป มันไม่ได้หายไปไหน มันยังคงอยู่ในระบบสังสารวัฏ แต่มันไม่สามารถตามไปให้ผลได้อีก ไม่ใช่การสร้างกรรมดีมาลบล้างกรรมชั่ว ต้องอธิบายให้เคลียร์ไม่งั้นบางคนเข้ามาอ่านแล้วจะเข้าใจผิดได้ ก็เหมือนกับการที่เราสร้างกรรมดีมามากมายจนนับไม่ถ้วน แต่วันหนึ่งเกิดทำกรรมหนัก เช่น อนันตริยกรรมขึ้น พอตายไปเราก็ต้องตกนรกอเวจีก่อนเป็นลำดับแรก เมื่อหมดกรรมแล้วจึงมีโอกาสได้เสวยกรรมดีที่ทำไว้ มันไม่ใช่การตัดกรรม ถ้าพูดว่าตัดกรรมคือทำให้กรรมนั้นหายไป กรรมไม่ได้หายไป แต่ส่งผลไปตามลักษณะหรือเงื่อนไขของกรรมแต่ละประเภทที่เราได้ทำไว้ ถ้าเราอยากจะหนีกรรมชั่วทั้งหมดที่เราเคยทำไว้ทั้งในชาติอดีตและชาติปัจจุบัน หนทางเดียวก็คือต้องเป็นพระอรหันต์ หมดกิเลสโดยสิ้นเชิง เพราะถ้าเราคิดว่าการทำความดีเพื่อตัดกรรมชั่วมันได้ผล แบบนี้มนุษย์ก็ไม่จำเป็นต้องออกบวชหรือหาทางพ้นทุกข์เข้านิพพานก็ได้ เพราะเราอาศัยทำดีแทนมันก็จบแล้ว มันใช่หรือ? จักรวาลจะมีพระพุทธเจ้าไปทำไม มันเป็นคำถามง่ายๆที่มีคำตอบมากมายให้ค้นหา ถ้าใช้เวลาคิดสักนิด
ทำกรรมดีเพื่อตัดกรรมชั่วไม่ได้ครับ สัตว์ต้องรับผลแห่งกรรมนั้น ไม่ว่าจะทำดีหรือทำชั่ว แต่มีหนทางไปสู่การสิ้นกรรมได้ นั่นคือ มรรคแปด
การตัดกรรม ทำได้จริงแน่นอนครับ ยกตัวอย่างเช่น คนๆหนึ่งโกรธแค้นศัตรูมาก หมายจะเอาชีวิต แต่คิดถึงกรรมไม่ดีที่จะตามมา ก็ตั้งสติพิจารณา แล้วให้อภัยศัตรู ก็จบเรื่องราวไม่ดีลงไป นี่แสดงถึงการตัดกรรมด้วย อำนาจกุศลคือ สติ และ อภัยทาน มาตัดรอนอำนาจอกุศลที่จะชักนำไป ทีนี้ คนเราถ้ามีเคราะห์กรรมเข้ามา ทำให้จิตใจขุ่นมัว แสดงออกทางสีหน้าอารมณ์ ทำอะไรติดขัด เดินไปเหม่อลอยก็ประสบอุบัติเหตุ เจอคนพูดไม่ถูกหูก็หาเรื่องกันกลายเป็นทะเลาะวิวาท ขึ้นโรงขึ้นศาล ก็ให้เรานั้นตั้งสติดีๆ พักใจ สงบใจ แล้วจะก้าวเดิน จะแสดงออก จะทำการสิ่งใดก็ไตร่ตรอง ระมัดระวัง หักห้ามใจ ไม่ปล่อยกายปล่อยใจไปตามน้ำ ก็จะสามารถตัดกรรมไม่ดีที่จะเกิดขึ้นได้ แล้วจึงเสริมกุศลกรรมให้ยิ่งขึ้นไป เพื่อที่ว่าเวลา เคราะห์ซ้ำกรรมซัด กุศลกรรมที่เราทำมาเป็นอาจิณจะเข้ามาเป็นหลักให้เราได้ยึดเกาะ