เสียงธรรม จะแสดงออกอะไรควรดูหัวใจตนเองก่อน

ในห้อง 'ธรรมเทศนาทั่วไป' ตั้งกระทู้โดย J.Sayamol, 22 เมษายน 2011.

  1. J.Sayamol

    J.Sayamol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2008
    โพสต์:
    6,190
    ค่าพลัง:
    +21,530
    [​IMG]

    โรคเรานี้มันน่าพิจารณาอยู่นะ คงดวงชะตาของชาติไทยเราอุ้มขึ้น ตอนนั้นเราจะไปละ ดูเหมือนจะไปในชนพรรษาเลยละ โรคอะไร แล้วยาหม้อเติ้งเราไม่ลืมนะ เอายาหมอเติ้งนะ เราก็บอก ตัดสินใจออกมาเป็นคำพูดคำจาเลยว่ายานี้เป็นครั้งสุดท้าย ถ้าถูกก็ถูก ไม่ถูกปัดเลยยาเราไม่เอา เราจะตั้งหน้าตายโดยถ่ายเดียว เอายาหม้อเติ้งมาใส่ปุ๊บหยุดปุ๊บเลย เทิดตัวขึ้น นั่นละถึงได้ช่วยชาติมาจนกระทั่งทุกวันนี้ ยานี้เป็นยาอัศจรรย์อยู่นะ เราเองก็รู้สึกว่าเป็นงงๆ ในจิตเหมือนกัน เป็นโรคมะเร็งในลำไส้ เขาบอกว่าไม่หาย ว่าอย่างนั้นเลย มะเร็งในลำไส้

    มันพลิกได้อย่างไรก็ไม่รู้ เอายาหมอเติ้งมาใส่ พอฉันถ่าย แต่เขาอธิบายให้ฟังชัดเจน การฉันนี้ฉันด้วยอำนาจของยานี้จะถ่ายเช่นเดียวกันกับฉันด้วยอำนาจของโรค เขาว่าอย่างนั้น แต่ไม่ต้องตกใจ เวลาโรคมันหนัก มันจะถ่ายมากแต่ไม่เหนื่อย ไม่เพลีย ไม่เหมือนถ่ายด้วยอำนาจของโรค นี่ด้วยอำนาจของยาไม่เป็นไร แล้วพลิกเป็นจริงๆ ถ่ายปุ๊บๆ หมดจากนั้นแล้วเป็นปรกติเรื่อยมาเลย นี่ก็แปลกอยู่เหมือนกัน

    นี่ละตอนที่เราช่วยชาติเรามันก็พอดีๆ บันดลบันดาลพลิกตัวได้ๆ ตอนนั้นก็เรียกว่าจะไปละ ไม่อยู่ อยู่ได้นะ แปลกอยู่ เรามันพลิกหลายครั้งหลายหนอยู่นะที่จะไปๆ แต่พลิกตัวได้ๆ มาตลอด ก็ได้ช่วยชาติบ้านเมืองมาเต็มกำลังของเรานั้นแหละ ทุกอย่างเราช่วยทั้งนั้น ช่วยโลก เราไม่เอาอะไร บอกจริงๆ ไม่เอา เช่นอย่างงานอะไรๆ เหล่านี้ทั้งหมดนี้ออกช่วยโลกทั้งหมด เราไม่เอา ก็ได้อยู่ช่วยโลกดีอยู่

    อย่างงานข้าวปล่งข้าวเปลือกอะไรนี่ออกหมดเลย ช่วยโลก คือเราไม่เอาอะไร เราพูดจริงๆ บอกว่าเราพอแล้วทุกอย่าง เกิดมาในชาตินี้เราหายสงสัยเรื่องการเกิดการตาย สถานที่อยู่ของเราที่จะเคลื่อนจากขันธ์อันนี้ไปนี้เราหายสงสัยหมด ฟังไหมดอกเตอร์ นี่ดอกเตอร์ธรรม เข้าใจไหม พูดเรื่องดอกเตอร์ธรรม เราหายจริงๆ หายสงสัย แล้วก็บอกชัดๆ ด้วยว่าตายแล้วนี้เราจะไม่กลับมาเกิดอีก บอกชัดๆ ประจักษ์ในหัวใจ มันขาดไปหมด เรื่องสมมุติที่ระโยงระยางเข้าสู่หัวใจนี้ขาดสะบั้นไปหมด เหมือนว่าเป็นเกาะเลย เกาะในมหาสมุทร เกาะนี้เกาะไม่เกิด เกาะไม่เกิดไม่ตาย ประจักษ์ เหมือนเรามองลงไปน้ำมหาสมุทรมันเป็นเกาะอยู่กลางมหาสมุทร มองไปก็เห็นชัดๆ อันนี้มันก็ชัดเจนอย่างเดียวกัน บอกว่าขาดหมด ไม่มีอะไรเหลือ ก็เหลือแต่ลมหายใจเท่านั้น

    นี่ละการปฏิบัติธรรมมันชัดเจนประจักษ์ใจ สนฺทิฏฺฐิโก รู้ผลงานของตนมาโดยลำดับลำดา ตั้งแต่ต้นล้มลุกคลุกคลานเรื่อยมา จนกระทั่งถึงขั้นพังทลาย วัฏจักรวัฏจิตพัง วิวัฏฏธรรมขึ้นแล้ว เราจึงสอนโลกด้วยความไม่สะทกสะท้านกับสิ่งใด เรียนโลกก็เรียนจบ เรียนธรรมก็จบ มาจบในหัวใจดวงเดียวกัน ธรรมกับโลกก็เรียกว่าขาดเป็นคนละฝั่งเลย ธรรมก็เป็นเกาะ โลกก็เป็นเหมือนแม่น้ำมหาสมุทร ธรรมเป็นเหมือนเกาะ ประจักษ์อยู่ในหัวใจท่านเรียกว่า สนฺทิฏฺฐิโก รู้ผลงานของตนที่บำเพ็ญมาโดยลำดับลำดา จนกระทั่งถึงที่สุดก็รู้ประจักษ์สุดยอดเลย หายสงสัย เราบอกชัดๆ

    ราจึงสอนบรรดาลูกศิษย์ลูกหา ใครจะมาตำหนิติเตียนอะไรเรา อย่ามาขนบาปขนกรรมใส่เจ้าของนะ เราพูดจริงๆ เราไม่มีอะไรในโลกแล้ว ผ่านหมดโดยสิ้นเชิง ไม่มี มีแต่กิริยาที่เป็นสนามแห่งโลกธรรม จะตำหนิติเตียนท่านั้นท่านี้ ควรชมอย่างนั้นชม ควรติอย่างนี้ติ มันจะมีอยู่ตลอดขันธ์แตกอันนี้นะ ส่วนธรรมชาตินั้นผ่านหมดแล้ว ไม่มีเหลือเลย บอกตรงๆ อย่างนี้ประจักษ์ในหัวใจเรา โลกนี้ก็อยู่ด้วยธาตุด้วยขันธ์เท่านั้นเอง สภาพอันนั้นผ่านไปหมดแล้ว ไม่มีเหลือแล้วภายในใจ

    นี้ผลแห่งการปฏิบัติธรรม เอาตั้งแต่ล้มลุกคลุกคลาน น้ำตาร่วงบนภูเขาสู้กิเลสไม่ได้ นี่เราก็ไม่ลืม เอาเสียจนกระทั่งกิเลสหงายเลย ไม่มีอะไรเหลือ การเทศนาว่าการก็ยังเหลือแต่ธาตุขันธ์ที่เต็มไปด้วยความเมตตา แต่เมตตานี้ไม่ปฏิเสธนะ เต็มครอบโลกธาตุไปเลยเรื่องเมตตา จิตทั้งดวงนั่นน่ะเวลาเข้าถึงขั้นบริสุทธิ์เต็มที่แล้วกลายเป็นเมตตาอ่อนนิ่มไปหมดเลย เป็นอย่างนั้นละ ใครจะว่าอะไร ใครจะมาติมาชมมันเข้าไม่ถึง ตำหนิก็ดีชมก็ดีอันนั้นเหนือกว่าแล้ว

    เพราะฉะนั้นการติการชมจึงอยู่ในขั้นสมมุติๆ อันนั้นขั้นวิมุตติพ้นไปหมด ไม่มีอะไรติด ขึ้นไปก็แค่สมมุติเท่านั้น ไม่เลยสมมุติไป อันนั้นเป็นวิมุตติธรรม วิมุตติจิต ธรรมธาตุ แน่ะต่างกันอย่างนั้น จิตถ้าลงได้ชำระถึงขั้นความหลุดพ้นในทางใจเรียบร้อยแล้วก็เป็นธรรมธาตุอยู่ในขันธ์ นี่เรียกว่าธรรมธาตุอยู่ในขันธ์

    เราอยู่นี้ก็ฟังตั้งแต่เรื่องสกปรก ทางในครัวละมาก สกปรกมาก พระนี่เงียบไม่มีเลย พระเต็มวัด ทางนั้นเต็มครัว เรื่องราวเต็มครัว เราจะตายเพราะเรื่องราวในครัวนะ ในพระของเราไม่มี มันเป็นอย่างไร ในครัวนี้มีแต่ผู้หญิง นั่นละโรงงานใหญ่อธิกรณ์ใหญ่เกิดอยู่ที่นั่นตลอด มองดูกันมองนี้มีแต่จะคอยยกโทษยกกรณ์กัน ผู้ปฏิบัติธรรมจะไม่มองอย่างนั้น มองด้วยความเป็นจริง มองด้วยความเมตตา ให้อภัยซึ่งกันและกัน อย่างนั้นถึงถูก

    นี้ไปที่ไหนมีแต่เรื่องแต่ราวเต็มหัวใจ เพราะในหัวใจไม่มีธรรม มีแต่โลกมีแต่ฟืนแต่ไฟ กระจายออกไปที่ไหนก็เผากันไปเรื่อย พอเข้าหากันปากนี่มับๆ ติฉินนินทาซึ่งกันละกัน ตัวเองไม่ตำหนิติเตียนตัวเองให้สมกับมาปฏิบัติธรรมบ้าง ดูไม่ได้เลย ผู้ปฏิบัติธรรมจะดูหัวใจ-ความเคลื่อนไหวของตัวเองไปทางไหน ไปทางถูกทางผิด ยกโทษยกกรณ์ใครต่อใครเป็นอย่างไร หัวใจดวงนี้มันมีแต่ไฟ ออกไปมันก็เป็นไฟกระเทือนไปหมด ให้พากันจำเอา มีแต่เรื่องอย่างนี้ละ เฉพาะในครัวนี้มาก เราปกครองในครัว

    แต่เรานี่พูดตรงๆ มันเหมือนแผ่นดิน หัวใจอันนี้มันไม่มีอะไร มันเหมือนแผ่นดิน ใครจะว่าอย่างไรๆ ก็ตามสักแต่ว่าฟังผ่านปุ๊บๆ ไม่เข้า หากสนุกฟัง หากสนุกเอามาพิจารณาถึงเรื่องโลกมันสกปรกอยู่ในหัวใจ ออกมาทางกายทางวาจากิริยาอาการต่างๆ เป็นฟืนเป็นไฟออกมา เป็นมูตรเป็นคูถออกมาเต็มไปหมดเลย มันดูไม่ได้นะ นี่พูดจริงๆ มันหมดทุกอย่าง กับโลกสมมุติอันนี้หมดโดยสิ้นเชิงภายในใจ ไม่มีเหลือ เหลือแต่กิริยาที่อยู่ในสนามโลกธรรม อากัปกิริยานี้เป็นสนามโลกธรรม เขาติได้ เราติได้ เขาชมได้ เราชมได้ ชมกันอยู่นี่เรียกว่าสนามโลกธรรม ส่วนจิตไม่มีทางที่จะเข้าไปเกี่ยวข้องได้เลย นั้นละจิตที่บริสุทธิ์สุดส่วนแล้วเป็นธรรมธาตุภายในจิต จะไม่มีอะไรเข้าไปถึงเลย กิริยาอาการนี่ตำหนิติชมได้วันยังค่ำ แต่จิตที่ผ่านพ้นไปแล้วไม่มีอะไรเข้าไปถึง

    ยู่ด้วยกันให้อภัยซึ่งกันและกันซิ อย่าคอยตำหนิติเตียนกันเรื่องนั้นเรื่องนี้ ถ้าพูดธรรมดาเราก็ไม่ว่า ส่วนมากผู้หญิงมักปากเปราะยิ่งกว่าผู้ชาย เก็บความรู้สึกไว้ได้ยาก เราก็พูดว่า ส่วนมากผู้ชายมักเก็บความรู้สึกได้ดีกว่าผู้หญิง ผู้หญิงนี่เปาะแปะออกแล้วๆ เร็วที่สุด แต่เราไม่ได้ตำหนิผู้หญิงทั่วไป แต่ส่วนมากเป็นอย่างนั้น ผู้ชายส่วนมากเก็บความรู้สึกไว้ไม่ค่อยแสดง ต่างกันตรงนี้ มีความหนักแน่นต่างกัน

    เรามาอยู่จุดศูนย์กลางเป็นผู้ปกครองทั้งทางนู้นทางนี้ ออกทางไหนๆ เอามาพิจารณาๆ เราเองเราก็ไม่เคยว่าสิ่งเหล่านี้จะเข้ามาถึงใจ แต่ก็ต้องเอามาพิจารณา เพราะการปกครองหมู่เพื่อน ทั้งทางนู้นทางนี้เราปกครองทั้งหมด ผิดถูกดีชั่วจะออกมาๆ เราอยู่จุดศูนย์กลางจะได้ฟังทั้งสอง เอามาพินิจพิจารณา ให้พากันรักษาให้ดีปากน่ะ อย่าให้มันเปาะแปะๆ เร็วเกินไปใช้ไม่ได้ ปากผู้หญิงนี้เปราะกว่าปากผู้ชาย แต่เราไม่ตำหนิผู้หญิงทั่วๆ ไป ส่วนมากผู้หญิงปากเปราะเก็บความรู้สึกไว้ไม่อยู่ ผู้ชายยังเก็บความรู้สึกไว้ได้ดีกว่าผู้หญิง แต่เราไม่ได้ชมผู้ชายไปทุกคนนะ ส่วนมากมักจะเป็นอย่างนั้น

    เอะอะผู้หญิงละขึ้นก่อน ผู้ชายไม่ค่อยขึ้นละ ผู้หญิงมักขึ้นก่อน เปาะแปะ ถ้าว่าชมก็ชม ส่วนมากมีแต่ตำหนิละมาก มากกว่าการชม เพราะความตำหนิมันเต็มอยู่ในหัวใจเป็นฟืนเป็นไฟอยู่ในนี้ น้ำคือธรรมไม่ค่อยมี เพราะฉะนั้นจึงไม่ค่อยออกเป็นธรรม ออกเป็นฟืนเป็นไฟไปทั้งนั้น ให้พากันจำเอาพวกนี้ ความตำหนิกันนี่เร็ว ความชมกันมีน้อย ความตำหนิมีมาก เพราะฉะนั้นความเดือดร้อนมันจึงมาก เพราะการตำหนินี่เป็นฝ่ายฟืนฝ่ายไฟมักเผาไหม้กันตลอด ส่วนธรรมเป็นน้ำเป็นท่า เห็นใจเขาใจเรา เฉลี่ยเผื่อแผ่ ใจเขากับใจเราก็ใจอย่างเดียวกัน ต่างคนต่างรับผิดชอบในหัวใจตนเอง จะแสดงออกอะไรก็ควรดูหัวใจตนเองเสียก่อน ก่อนที่จะไปดูหัวใจคนอื่น ตำหนิคนอื่น ให้ดูหัวใจตนเอง ตำหนิตนเองเสียก่อน เรื่องจะไม่ค่อยลุกลามออกไป จะสงบระงับได้ พากันจำเอา
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • m20-02-2551.mp3
      ขนาดไฟล์:
      4.7 MB
      เปิดดู:
      1,412
  2. WongsakornS

    WongsakornS สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    34
    ค่าพลัง:
    +9
    อนุโมทนาอย่างสูงครับ
     
  3. Vatairat

    Vatairat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2010
    โพสต์:
    1,675
    ค่าพลัง:
    +2,294
    สาธุ สาธุ อนุโมทนามิเจ้าค่ะ
     
  4. tang88

    tang88 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    13
    ค่าพลัง:
    +3
    สาธุ สาธุ ค่ะ
     
  5. wutlions

    wutlions เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    793
    ค่าพลัง:
    +1,385
    อนุโมทนาครับ
     
  6. ประทีปแก้ว

    ประทีปแก้ว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2008
    โพสต์:
    3,506
    ค่าพลัง:
    +8,328

แชร์หน้านี้

Loading...