พุทธศาสนิกชนฮือฮา! พระพุทธรูป"ถือบันได" กรมศิลป์-มหาเถรเตือน

ในห้อง 'ข่าวพุทธศาสนา' ตั้งกระทู้โดย เทวดาท่าจะบ๊อง, 5 มีนาคม 2008.

  1. เทวดาท่าจะบ๊อง

    เทวดาท่าจะบ๊อง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2007
    โพสต์:
    85
    ค่าพลัง:
    +72
    พุทธศาสนิกชนฮือฮา! พระพุทธรูป"ถือบันได" กรมศิลป์-มหาเถรเตือน

    คอลัมน์ สดจากสนามข่าว

    กฤษณะ เชิญธงไชย กรรณิการ์ เทพสนิท เรื่อง/ภาพ




    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    การสร้างพระพุทธรูปปางพิเศษต่างๆ มีให้เห็นกันบ่อยครั้งในบ้านเรา

    ซึ่งหากจะไล่เรียงกันจริงๆ คงต้องย้อนไปถึงพระพุทธรูป "ปางเหยียบโลก" ในจ.ฉะเชิงเทราที่เคยสร้างความฮือฮามาแล้วก่อนหน้านี้แล้ว มาจนถึง "ปางบังแดด" จ.เชียงใหม่ และอีกหลายๆ ปางที่ปรากฏเป็นข่าวออกมามากมาย

    ทั้งหมดล้วนสร้างความประหลาดใจให้ชาวพุทธเป็นอย่างยิ่ง

    มาคราวนี้เกิดมีพระพุทธรูปถือบันไดหรือที่เรียกกันว่า "ปางซ่อนหา" เกิดขึ้นอีก ยิ่งทำให้พุทธศาสนิกชนเกิดความสงสัยว่าปางซ่อนหา มือถือบันได จะเข้าข่ายพระพุทธรูปปางพิสดารอีกหรือไม่

    ข้อเท็จจริงคืออะไรลองไปดูกัน



    เรื่องราวของพระพุทธรูปถือบันไดหรือที่เรียกกันว่า "ปางซ่อนหา" นี้อยู่ที่วัดศรีดอนมูล ต.ชมภู อ.สารภี จ.เชียงใหม่ เป็นที่กล่าวขวัญกันอย่างกว้างขวาง จึงมีประชาชนพากันไปดูพระพุทธรูปถือบันไดที่ประดิษฐานอยู่ในกุฏิล้านนาของทางวัดกันจำนวนมาก

    ผู้สื่อข่าวเดินทางไปพบพระครูสิริศีลสังวร หรือ "ครูบาน้อย" เตชปัญโญ รักษาการเจ้าอาวาสวัดศรีดอนมูล นำพระพุทธรูปดังกล่าวขนาดหน้าตักกว้างประมาณ 6 นิ้วออกมาให้ชม พร้อมอธิบายว่าพระองค์ดังกล่าวมีชื่อเรียกว่า "พระปรไมย์ไอยศวร" สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยโบราณ โดยเมื่อประมาณ 30 ปีก่อนมีหญิงชราอุ้มพระปรไมย์ไอยศวรเนื้อสัมฤทธิ์มาถวายให้วัด หญิงชราดังกล่าวบอกว่าพระมีอายุกว่า 100 ปี ไม่รู้ว่าจะนำไปไว้ที่ไหนจึงนำมาถวาย จากนั้นทางวัดได้สร้างพระปรไมย์ไอยศวรขนาดใหญ่ขึ้นอีกหลายองค์ในรูปแบบต่างๆ ทุกแบบมีพระพุทธรูปขนาดเล็กอยู่บนพระเศียร
    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=right border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]

    </TD></TR></TBODY></TABLE>


    สำหรับที่มาของพระพุทธรูปปรไมย์ไอยศวรนี้ พระครูสิริศีลสังวรยืนยัน ว่า ตามพุทธประวัติ มีพราหมณ์ชื่อ "พระปรไมย์" เป็นผู้ถือดี เมื่อพบพระพุทธเจ้าไม่ยอมกราบไหว้ และอยากจะลองดี โดยท้าทายให้พระพุทธเจ้าซ่อนตัว ฝ่ายพระปรไมย์จะเป็นฝ่ายตามหา หากหาไม่เจอจะยอมกราบไหว้ พระพุทธองค์จึงเนรมิตพระองค์เองเป็นไรทองคำเข้าไปซ่อนอยู่ในมวยผมของพระปรไมย์ จากนั้นพระปรไมย์ออกตามหาไปทุกแห่งทั่วสารทิศแทบจะพลิกแผ่นดินก็ไม่เจอ หมดปัญญาจึงอ้อนวอนให้แสดงพระองค์ พระพุทธเจ้าจึงตรัสว่าขอให้ท่านทำบันไดทองคำพาดจากหน้าผากของท่านจนถึงพื้นดินเดี๋ยวนี้เถิด เราไม่ได้อยู่ที่ไหน อยู่ในขมวดเกล้าของท่าน เมื่อได้ยินดังนั้น พระปรไมย์จึงเนรมิตบันไดทองคำ 9 ขั้น พาดจากใบหน้าตนเองจรดถึงแผ่นดิน แล้วอัญเชิญพระพุทธองค์ออกจากมวยผม เหยียบบันไดทองคำลงมาถึงแผ่นดิน แล้วพระปรไมย์ก็ยอมก้มลงกราบไหว้ ถือศีลปฏิบัติธรรมจนสำเร็จเป็นพระอรหันต์เข้าสู่นิพพาน

    ทั้งหมดคือที่มาของ "พระปรไมย์ไอยศวร" ตามคำกล่าวอ้าง

    ซึ่งถึงแม้จะมีที่มาที่ไปตามความเชื่อแบบพราหมณ์

    แต่ดูอย่างไรก็แปลกไปจากพระพุทธรูปที่เคยกราบไหว้กันอยู่ดี!??



    เรื่องราวของพระพุทธรูปถือบันไดดังกระฉ่อนไปทั่ว หลังจากนั้นไม่นานนายสหวัฒน์ แน่นหนา ผอ.สำนักงานศิลปากรที่ 8 เชียงใหม่ เดินทางเข้านมัสการครูบาน้อย เพื่อสอบถามประวัติความเป็นมาของพระปรไมย์ไอยศวรหรือพระปางซ่อนหา เพื่อนำไปบันทึกเป็นความรู้ในกรมศิลปากรต่อไป โดยครูบาน้อยได้นำพระปรไมย์ไอยศวรขนาดและรูปแบบต่างๆ ให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบวัดขนาด พร้อมทั้งได้เล่าพุทธประวัติพระปรไมย์ไอยศวรอย่างละเอียด โดยเจ้าหน้าที่กรมศิลปากรได้บันทึกภาพพระปรไมย์จำลอง และภาพพระปรไมย์ที่ประดิษฐานตรงประตูทางเข้าวัด ซึ่งมีคณะผู้ศรัทธาสร้างศาลปรไมย์ประดิษฐาน พร้อมเขียนประวัติอย่างละเอียด
    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]

    </TD></TR></TBODY></TABLE>


    "หากไปถามพระสงฆ์ทั่วไปก็จะรู้จักเรื่องราวประวัติพระปรไมย์ ซึ่งสอนสืบต่อกันเรื่อยมา เรื่องพระปรไมย์นั้นมีในพุทธประวัติมายาวนานแล้ว อาตมาไม่ได้คิดเองทำเองแต่อย่างใด ช่วงนี้หลังจากมีข่าวกระจายออกไปก็มีประชาชนมาสอบถามกันจำนวนมาก อาตมาก็ได้อธิบายและได้เล่าประวัติให้กับผู้มาสอบถามทุกคน พระปรไมย์ไอยศวรก็เหมือนกับพระอุปคุต คือ เป็นพระผู้มีฤทธิ์เดช อำนาจ วาสนา ปราบมารบันดาลโชค อย่างไรก็ตาม วัดจะได้จัดสร้างรูปเหมือนพระปรไมย์ไอยศวรขนาดใหญ่ขึ้นพร้อมกับพระอุปคุต รวมทั้งจะเขียนประวัติไว้เพื่อให้ลูกหลานได้รู้ประวัติพุทธศาสนาได้ศึกษาและกราบไหว้บูชากันต่อไป" ครูบาน้อย กล่าว

    ขณะที่พระครูปลัดกฤติ ฐิตวิริโย เจ้าอาวาสวัดปางแฟน ต.ป่าเมี่ยง อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ ระบุว่า เรื่องราวของพระปรไมย์ไอยศวรนั้น พระสงฆ์ที่บวชเรียนจะรู้กันทุกคน พระปรไมย์เป็นพระมีฤทธิ์เดชมากมาย และเป็นบุคคลที่มีทิฐิสูงมาก แต่ในที่สุดก็ต้องสยบให้กับพระพุทธเจ้าทั้งกาย วาจา ใจ บวชศึกษาธรรมในพุทธศาสนาจนสำเร็จเป็นพระอรหันต์ ประชาชนส่วนมากจะไม่ค่อยรู้เท่านั้น พุทธประวัติมีอีกมากมายหลายเรื่องที่ศึกษาไม่มีวันหมด แล้วแต่ใครจะหยิบยกประเด็นไหนปางไหนออกมา ก็เหมือนพระปรไมย์ ซึ่งมีวัดน้อยวัดหรือแทบไม่มีเลยที่จะสร้างพระพุทธรูปหรือพระปรไมย์ไอยศวรปางซ่อนหานี้ขึ้น เพราะจะทำให้คนเกิดการเข้าใจผิด อีกอย่างบันไดที่พระปรไมย์ถือนั้นจะบังพระพักตร์ของพระปรไมย์เอง ทำให้คนหรือวัดต่างๆ ไม่นิยมสร้างหรือทำเป็นวัตถุมงคล



    ในขณะเดียวกันก็มีข้อมูลจากกรมศิลปากร แผนกโบราณคดี ออกมายืนยันว่า พระพุทธรูปปางต่างๆ มีการสร้างมาราว 7 สมัยด้วยกัน คือ สมัยทวารวดี สมัยศรีวิชัย สมัยลพบุรี สมัยเชียงแสน สมัยสุโขทัย สมัยศรีอยุธยา และสมัยรัตนโกสินทร์ ซึ่งสมัยรัตนโกสินทร์ มีพระพุทธรูปปางต่างๆ มากที่สุด เริ่มตั้งแต่พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดให้สร้างพระพุทธรูปปางต่างๆ เพิ่มขึ้นถึง 40 ปาง ตามที่สมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระปรมานุชิตชิโนรส ทรงคัดเลือกถวาย และหลังจากนั้นก็มีพระพุทธรูปปางต่างๆ เกิดขึ้นถึง 66 ปาง กำหนดตามพระอิริยาบถได้ 3 อย่าง คือ ยืน 24 ปาง นั่ง 37 ปาง และนอน 5 ปาง จัดเข้าในพุทธจริยา 3 ประการ คือ ขณะทรงบำเพ็ญเพียรนับแต่เสด็จออกผนวช ขณะทรงบำเพ็ญเพื่อประโยชน์เกื้อกูลแก่พระประยูรญาติ และพุทธจริยาที่ทรงบำเพ็ญเพื่อประโยชน์เกื้อกูลแก่มหาชนทั่วไป

    โดยมิได้ปรากฏพระพุทธรูปถือบันไดหรือ "ปางซ่อนหา" แต่อย่างใด

    พระธรรมกิตติเมธี โฆษกมหาเถรสมาคม เตือนว่า ในระยะหลังพบว่ามีการสร้างพระพุทธรูปปางพิสดารแปลกประหลาดมากมาย ตรงนี้ผู้สร้างต้องระมัดระวังด้วย แม้วัตถุประสงค์ในการสร้างจะดีเพียงใด แต่การสร้างพระพุทธรูปที่แปลกพิสดารในหลายครั้ง ก็กลายเป็นที่ไม่เหมาะสม ขัดต่อความรู้สึกของประชาชน

    ต้องใช้วิจารณญาณตัดสิน

    [FONT=Tahoma,]หน้า 2[/FONT]



    http://matichon.co.th/khaosod/view_...ionid=TURNd01RPT0=&day=TWpBd09DMHdNeTB3TlE9PQ==
     
  2. wara43

    wara43 ทีมผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2006
    โพสต์:
    9,108
    ค่าพลัง:
    +16,130
    ยึดพระธรรมเป็นหลักในการดำเนินชีวิต
    พระพุทธรูปเป็นเพียงเครื่องนึกระลึกถึงคุณพระพุทธเจ้าครับ สาธุ...
     
  3. คนมีกิเลส

    คนมีกิเลส เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    3,973
    ค่าพลัง:
    +19,431
    พระพุทธรูปจัดเป็นอุเทสิกเจดีย์ เพื่อเป็นพุทธานุสสติ ควรเป็นปางที่เป็นไปเพื่อเจริญพุทธานุสสติ
    สาธุ
     
  4. virot05

    virot05 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    830
    ค่าพลัง:
    +1,679
    ธรรมะเป็นสิ่งที่ไม่ตาย เพราะสิ่งเหล่านี้จะอยู่คู่โลกนะขอรับ อนุโมทนาบุญด้วยขอรับ
     
  5. เงาใจ

    เงาใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    259
    ค่าพลัง:
    +1,214
    ขออนุโมทนาครับ

    ปัญญา โลกัสมิง ชาคะโร ปัญญา เป็น เครื่องตื่น ในโลก ครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...