@@..คำครู ผู้ชี้-นำ-อุปถัมภ์ สู่พระโพธิญาณ & เรื่องเล่าจากกัลยาณมิตร.@@

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย นโมพุทธายะ๕, 10 กรกฎาคม 2015.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    23,461
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,172
    ค่าพลัง:
    +70,618
    <iframe width="560" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/eAzgzi5qdlw?&autoplay=1&rel=0" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 1 ธันวาคม 2016
  2. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    23,461
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,172
    ค่าพลัง:
    +70,618
    [​IMG]


    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  3. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    23,461
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,172
    ค่าพลัง:
    +70,618
    หลวงตาม้า..ท่านเคยสอนว่า
    อยู่ที่การบันทึกพลังงาน ต้องบันทึกให้แน่น
    จึงจะนำพลังงานที่บันทึกมาใช้ได้และพลังงานของ
    "พระโพธิสัตว์ มีมากกว่า เม็ดทรายในมหาสมุทร"


    *******************************


    เรามีหน้าที่คิดอย่างเดียวว่า จะทำยังไงให้อารมณ์ดีให้ได้ทั้งวัน
    สนใจตรงนี้


    ให้จิตเกาะที่พลังงานของพระ ให้จิตเกาะที่รูปของท่าน
    (ภาพท่านมีชีวิต) พลังงานกระทบที่จิตออกที่ธาตุ จะใช้พลังได้ต้องนึกถึงพระบ่อยๆ นานไปก็จะสามารถ อธิษฐานได้ทั้งทางโลกและทางธรรม สวดแล้วไม่คิดอะไรเลย มีแค่เรากับจักรพรรดิ ใช้ใจเราสบายๆ สะสมไป 1 ปี ถึงจะใช้ได้

    แต่ถ้าจะคิดให้นึกถึงหลวงปู่ก่อน แล้วค่อยนึกถึงปัญหาที่เราติด ก็จะมีทางออก



    ทุกอย่างอยู่ที่จะพิจารณาเอาพลังงานมาใช้..ถ้าจิตสบายๆ ก็จะคิดถึงพลังงานอย่างเดียว

    "คิดถึงหลวงปู่ดู่"




    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  4. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    23,461
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,172
    ค่าพลัง:
    +70,618
    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  5. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    23,461
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,172
    ค่าพลัง:
    +70,618
    การอธิษฐานแบบเร่งผล

    ให้สวดพระคาถามหาจักรพรรดิ 3 จบ หรือ 5 จบ  แล้วสวดบทอัญเชิญพระเข้าตัว(บทสัพเพฯ) 5 จบ  เสร็จแล้วให้น้อมจิตระลึกนึกถึง หลวงปู่ดู่  พรหมปัญโญ  แล้วให้อธิษฐานว่า  "สิ่งใดที่เกี่ยวข้องเกี่ยวพันกับข้าพเจ้าทาง ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ข้าพเจ้าขอรับรู้ตามสภาพของความเป็นจริงทุกประการ  ขอให้ความคล่องตัวทั้งในทางโลก และในทางธรรมจงบังเกิดแก่ตัวของข้าพเจ้า และผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งสามแดนโลกธาตุด้วยเทอญ"   หลวงตาม้าท่านแนะนำว่าให้อธิษฐานแบบนี้ทุกๆ วันครับ แล้วจะเห็นผลเร็วครับ
     
  6. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    23,461
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,172
    ค่าพลัง:
    +70,618
    การอธิษฐานทำน้ำมนต์

    ให้นำพระผงจักรพรรดิมากำไว้ในมือ แล้วสวดบทพระคาถามหาจักรพรรดิ 1 จบแล้วอธิษฐานว่า “ข้าพเจ้าขออาราธนาอัญเชิญพระบารมีรวม แห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์เจ้า พระอรหันตาขีณาสพเจ้าทั้งหลาย พระธรรม บารมีรวมแห่งพระอริยะสงฆ์ ตั้งแต่อดีต ปัจจุบัน และอนาคต โดยมีบารมีรวมของหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ เป็นที่สุด ขอหลวงปู่ได้โปรดรวมบารมีทั้งหมดทั้งมวล แผ่มายังน้ำบริสุทธิ์นี้ ให้มีพุทธานุภาพ ธรรมานุภาพ สังฆานุภาพ และมหิทธานุภาพ เพื่อใช้ในการมงคลทั้งปวง เพื่อใช้ในการแก้และป้องกันคุณไสย อวิชชาต่างๆ  เพื่อใช้ในการปรับธาตุทั้ง 4 และรักษาโรคภัยไข้เจ็บทุกประเภท ขอบารมีรวมของหลวงปู่ ได้โปรดเมตตาให้เป็นไปตามคำอธิษฐานแห่งข้าพเจ้านี้ทุกประการด้วยเถิด”  แล้วค่อยๆ จุ่มพระผงจักรพรรดิ
    พระผงจักรพรรดิ นั้นเป็นพระที่หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ ท่านคิดสูตรสร้างขึ้น เพื่อให้ชาวพุทธเราได้ใช้เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวให้เกิดกำลังใจในการปฏิบัติธรรม และการดำเนินชีวิต พระผงจักรพรรดินั้น สามารถใช้กำในมือเวลานั่งสมาธิเจริญภาวนา หรือเวลานั่งกรรมฐาน แล้วน้อมนำจิตให้เข้าไปในองค์พระที่กำ แล้วภาวนาว่า “พุทธัง สรณัง คัจฉามิ ธัมมัง สรณัง คัจฉามิ สังฆัง สรณัง คัจฉามิ”หรือคาถามหาจักรพรรดิ ก็ได้ ภาวนาไปเรื่อยๆ ไม่ต้องไปจับหรือสนใจที่ลมหายใจเข้าออกแต่อย่างใด นอกจากใช้ในการทำสมาธิแล้วพระผงยังสามารถใช้ทำน้ำมนต์รักษาโรค และป้องกันคุณไสยมนต์ดำต่างๆ และใช้ในการปรับภพภูมิเพื่อส่งดวงวิญญาณให้ไปสู่สุคติ หรือปรับฮวงจุ้ยของสถานที่ได้อีกด้วย พระผงจักรพรรดินี้เมื่อใช้ร่วมกับบทสวดมหาจักรพรรดินั้น จะสามารถใช้ประโยชน์ได้ทั้งทางโลกและทางธรรม เช่นเรื่องธุรกิจการงาน การเงิน ครอบครัว การเจ็บป่วย และยังสามารถสวมคล้องคอเป็นประจำเพื่อป้องกันเหตุเภทภัยต่างๆ ได้ด้วย

    การครอบวิมาน

    เป็นการส่งกำลังบุญไปยัง มนุษย์ หรือสัตว์ ที่ยังมีชีวิตอยู่ เพื่อให้เขามีจิตใจดีขึ้นและป้องกันภัยที่มองไม่เห็นต่างๆ และถ้าใช้กับคนหรือสัตว์ที่กำลังจะสิ้นลมนั้นในยามที่จิตออกจากร่างนั้น ก็จะเห็นวิมาน และบารมีพระท่านจะเกิดนิมิตเป็นแสงสว่างนำทางผู้นั้นไปสู่สุคติภูมิตามกำลังบุญที่ได้ทำไว้  การครอบวิมานนี้ สามารถครอบให้ได้กับตนเอง และผู้อื่น โดยการครอบให้กับตนเองนั้นก็ด้วยวิธีการสวดพระคาถามหาจักรพรรดิ ส่วนการครอบให้ผู้อื่นนั้นทำได้โดยการอธิษฐานขอบารมีรวมของหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ เป็นที่สุด แล้วให้นิมิตภาพหลวงปู่ดู่ซ้อนไปยังบุคคลผู้นั้น หรือกลุ่มคน โดยในขณะที่กำลังอธิษฐานจิตอยู่นั้น ผู้อธิษฐานต้องมีจิตเมตตากรุณาจึงจะเกิดผลอย่างสูงสุด


    การอธิษฐานครอบดวงแก้วให้แก่บ้าน เพื่อป้องกันรังสี

    พระผงจักรพรรดิที่หลวงปู่ดู่ท่านสร้างขึ้น และพระผงจักรพรรดิที่สร้างขึ้นตามสูตรของหลวงปู่ดู่นั้น  สามารถนำมาอธิษฐานเพื่อป้องกันอันตรายจากรังสีนิวเคลียร์ได้ทุกองค์ กับผู้ที่บูชาคล้องคอติดตัว และกับบ้านพักที่อาศัย แต่ถ้าต้องการให้คุ้มครองบ้านพักอาศัยด้วยนั้น ต้องอัญเชิญพระผงจักรพรรดิไว้ที่บ้าน 1 องค์  โดยให้อัญเชิญพระผงจักรพรรดิมาอธิษฐานทำน้ำมนต์ ในเวลา 20.30 น. เพราะต้องอาศัยกำลังใหญ่(ช่วงเวลาดังกล่าว หลวงตาม้า จะนำเทพ พรหม ร่วมสวดพระคาถามหาจักรพรรดิ) โดยนำพระผงจักรพรรดิแช่ในภาชนะที่เหมาะสม เช่น ขันน้ำมนต์ และให้แช่ไว้อย่างนั้นตลอด เพื่อจะได้เป็นหัวเชื้อน้ำมนต์สำหรับใช้ในการอื่นๆ ได้  แล้วให้ตั้งจิตน้อมระลึกถึง หลวงปู่ดู่  พรหมปัญโญ แล้วกล่าวคำอธิษฐานว่า “ข้าพเจ้าขออาราธนาอัญเชิญพระบารมีรวม แห่งองค์สมเด็จพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์เจ้า พระอรหันตาขีณาสพเจ้าทั้งหลาย พระธรรม บารมีรวมแห่งพระอริยสงฆ์ ตั้งแต่อดีต ปัจจุบัน และอนาคต โดยมีบารมีรวมของหลวงปู่ดู่  พรหมปัญโญ เป็นที่สุด ขอหลวงปู่ท่านได้โปรดรวมบารมีทั้งหมดทั้งมวล แผ่มายังน้ำบริสุทธิ์นี้ ให้มีพุทธานุภาพ ธรรมานุภาพ สังฆานุภาพ และมหิทธานุภาพ ในการป้องกัน ขจัดทำลายรังสีและพลังงานอันไม่ดีทั้งปวง ที่เข้ามาในอาณาบริเวณเขตน้ำมนต์แห่งนี้ให้เกิดเป็นปราการแก้ว 7 ชั้น คุ้มครองทั้ง 6 ทิศ คือ เบื้องหน้า เบื้องหลัง เบื้องซ้าย เบื้องขวา เบื้องบน และเบื้องล่าง ให้กระแสเย็นแห่งน้ำมนต์นี้จงเปล่งออกไปเป็นรัศมีเรืองรอง คุ้มครองป้องกันและครอบคลุมบ้านทั้งหลังของข้าพเจ้านี้ ให้ผู้ที่อาศัยอยู่ภายในบ้านนี้จงร่มเย็น ปลอดภัยจากอันตรายทั้งหลายทั้งปวงด้วยเถิด” จากนั้นให้สวดบทอัญเชิญพระเข้าตัว(บทสัพเพฯ) แล้วให้นำน้ำมนต์ไปรดรอบๆ บ้าน แล้วตั้งภาชนะใส่น้ำมนต์ที่มีพระผงจักรพรรดิแช่อยู่ไว้ในที่อันควร หมั่นเติมน้ำอย่าให้แห้ง น้ำมนต์นี้ใช้ได้ทั้งกินและอาบ


    การอธิษฐานให้บุตร คนรัก บริวาร และเจ้านายที่เป็นมิจฉาทิฐิ ให้เป็นคนดีขึ้น จิตใจเยือกเย็น

    เป็นการใช้กำลังของพระผงจักรพรรดิควบคู่ไปกับพรหมวิหารธรรม และให้กระทำตอนที่บุคคลนั้นหลับอยู่ หากใช้คู่กับการครอบวิมานก็จะได้ผลดียิ่งขึ้น  โดยการกำพระผงจักรพรรดิแล้วสวดพระคาถามหาจักรพรรดิจนจิตสงบดี  แล้วให้อธิษฐานว่า “ด้วยอำนาจบารมีแห่งพระมหาจักรพรรดิทุกๆ พระองค์ นับตั้งแต่อดีต ปัจจุบัน และอนาคต โดยมีพระบารมีแห่งสมเด็จองค์ปฐมบรมจักรพรรดิเป็นประธาน และมีพระบารมีรวมพระมหาจักรพรรดิของหลวงปู่ดู่  พรหมปัญโญ เป็นที่สุด ขอได้โปรดกล่อมเกลาปรับสภาพร่างกายและจิตใจของ....(ชื่อของบุคคลหรือกลุ่มบุคคล)... ให้ดีขึ้น ขอให้มีร่างกายแข็งแรง จิตใจเยือกเย็น เบิกบาน ให้มีหิริโอตตัปปะ มีจิตใจฝักใฝ่แต่ความดี เกลียดกลัวความชั่วทั้งปวง ให้เป็นคนว่านอนสอนง่าย อยู่ในโอวาท...(อื่นๆ ตามแต่จะอธิษฐาน)... หากแม้นเขาดื้อดึงเพียงใด ด้วยอำนาจของจักรแก้วพระจักรพรรดิ จงโปรดสั่งสอนให้หลาบจำรู้สำนึกด้วยเถิด” จากนั้นสวดบทอัญเชิญพระเข้าตัว(บทสัพเพฯ)

    การอธิษฐานเพื่อความคล่องตัวในทุกๆ เรื่อง

    ให้ทรงกำลังใจเป็นทานบารมี  จากนั้นให้กำพระผงจักรพรรดิ แล้วตั้งจิตกำหนดตั้งองค์พระ(เป็นพระแก้วแดงหรือพระพุทธนิมิตก็ได้) หรือหลวงปู่ทวด หรือหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญก็ได้ แล้วอธิษฐานว่า “ด้วยอำนาจบารมีแห่งพระมหาจักรพรรดิทุกๆ พระองค์ นับตั้งแต่อดีต ปัจจุบัน และอนาคต โดยมีพระบารมีแห่งสมเด็จองค์ปฐมบรมจักรพรรดิเป็นประธานและมีพระบารมีรวมพระมหาจักรพรรดิของหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ เป็นที่สุด ขอได้โปรดรวมกองบุญของข้าพเจ้า (เอ่ยชื่อ-นามสกุลตัวเอง) เพื่อเบิกมาใช้ให้มีความคล่องตัวในทุกเรื่อง หากมีเรื่องอันใดติดขัดขอให้คล่องดั่งน้ำที่ไหลออกจากคนโท ที่ไหลจากที่สูงลงสู่ที่ต่ำ เรื่องอันใดคล่องตัวอยู่แล้ว ขอให้คล่องตัวยิ่งขึ้นไป ขึ้นชื่อว่าความอดอยาก ความยาก ความจน ความไม่มี ขอจงอย่าได้บังเกิดมีแก่ข้าพเจ้า นับตั้งแต่นี้ตราบกระทั่งข้าพเจ้าเข้าสู่พระนิพพานด้วยเถิด โดยเฉพาะกาลนี้ ขอให้มีความคล่องตัวในเรื่อง (อธิษฐานขอเอา เช่น การค้าขาย การติดต่อเจรจา การเงิน ฯลฯ) ด้วยเถิด” สวดบทอัญเชิญพระเข้าตัว(บทสัพเพฯ)

    การกำหนดจิตถามพระในเรื่องการปฏิบัติและปัญหาชีวิตที่แก้ไม่ตก

    ให้ทำใจสบายๆ กำพระผงจักรพรรดิแล้วกำหนดให้เห็นรูปหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ แล้วกราบเรียนถามท่านตรงๆ เช่น “หลวงปู่ลูกจะทำอย่างไรกับปัญหาอุปสรรค(เหตุเรื่องหนึ่งเรื่องใด)ดีครับ?” จากนั้นให้ทำใจสบายๆ ไม่ต้องเคร่งเครียดไม่ต้องเงี่ยหูฟังว่าหลวงปู่จะตอบหรือไม่ บางครั้งหลวงปู่จะแสดงให้เห็นเป็นภาพ บางครั้งก็เป็นจิตรู้ขึ้นมาเองว่าทำอย่างไรจึงจะถูกต้อง
    การแผ่ส่วนบุญปรับภพภูมิ

    กำพระผงจักรพรรดิไว้ในมือ แล้วอธิษฐานว่า “ข้าพเจ้าขออาราธนาอัญเชิญบารมีรวมพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ นับตั้งแต่อดีต ปัจจุบัน และอนาคต โดยมีบารมีรวมของหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ เป็นที่สุด ขอได้โปรดส่งวิญญาณ ปรับภพภูมิดวงวิญญาณของ(เอ่ยชื่อ หรือกล่าวโดยรวมคือดวงวิญญาณทั้งหลายที่สถิตอยู่ในบริเวณสถานที่แห่งนี้) ให้ไปสู่สุคติด้วยเถิด” สวดบทอัญเชิญพระเข้าตัว(บทสัพเพฯ)
    การอธิษฐานทำน้ำมนต์

    ให้นำพระผงจักรพรรดิมากำไว้ในมือ แล้วสวดบทพระคาถามหาจักรพรรดิ 1 จบแล้วอธิษฐานว่า “ข้าพเจ้าขออาราธนาอัญเชิญพระบารมีรวม แห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์เจ้า พระอรหันตาขีณาสพเจ้าทั้งหลาย พระธรรม บารมีรวมแห่งพระอริยะสงฆ์ ตั้งแต่อดีต ปัจจุบัน และอนาคต โดยมีบารมีรวมของหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ เป็นที่สุด ขอหลวงปู่ได้โปรดรวมบารมีทั้งหมดทั้งมวล แผ่มายังน้ำบริสุทธิ์นี้ ให้มีพุทธานุภาพ ธรรมานุภาพ สังฆานุภาพ และมหิทธานุภาพ เพื่อใช้ในการมงคลทั้งปวง เพื่อใช้ในการแก้และป้องกันคุณไสย อวิชชาต่างๆ  เพื่อใช้ในการปรับธาตุทั้ง 4 และรักษาโรคภัยไข้เจ็บทุกประเภท ขอบารมีรวมของหลวงปู่ ได้โปรดเมตตาให้เป็นไปตามคำอธิษฐานแห่งข้าพเจ้านี้ทุกประการด้วยเถิด”  แล้วค่อยๆ จุ่มพระผงจักรพรรดิลงในภาชนะใส่น้ำ สวดบทอัญเชิญพระเข้าตัว(บทสัพเพฯ) น้ำมนต์นี้ใช้ได้ทั้งกิน และอาบ
    อานิสงส์การสวดบทพระคาถามหาจักรพรรดิ

    บทสวดพระคาถามหาจักรพรรดินี้ หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ เป็นผู้เรียบเรียงโดยมีที่มาจาก การที่ศิษย์ของหลวงปู่ท่านหนึ่ง ต้องการพระคาถาเพื่อใช้สวดบูชาพระพุทธรูปที่เขาได้จัดสร้างขึ้น เป็นการสวดเพื่อบูชาพระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ ตลอดทั้งพระนิพพาน รวมถึงพระธรรมเจ้า พระโพธิสัตว์เจ้า พระอรหันตาขีณาสพเจ้า พระอริยะสงฆ์ และพระสงฆ์สาวกทั้งมวล เป็นการบูชาพระพุทธเจ้าทั้ง 5 พระองค์ในภัทรกัป(กัปปัจจุบันนี้) อีกทั้งยังเป็นการอัญเชิญกำลังแห่งพระพุทธเจ้าจักรพรรดิ กำลังแห่งพระโพธิญาณของพระโพธิสัตว์เจ้าทุกๆ พระองค์ นับตั้งแต่อดีต ปัจจุบัน และอนาคต น้อมนำกำลังของเทพพรหม พระอริยะเจ้าทั้งหลาย อาราธนารวมเข้าที่กาย ใจ จิต วิญญาณของผู้สวด เป็นการอาราธนาบารมีแห่งคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ครูบาอาจารย์ เทพ พรหม สิ่งศักดิ์สิทธิ์เข้าสู่ตัว เพื่อคุ้มครองป้องกันภัย และเสริมโชคลาภให้แก่ผู้สวด เนื่องจากในบทสวดมีการระลึกถึงพระสีวลี ผู้ซึ่งเป็นพระอสีติมหาสาวกเอตทัคคะในทางผู้มีลาภมากรวมอยู่ด้วย การสวดครั้งหนึ่ง มีอานิสงส์แผ่ไปทั่วจักรวาลตลอดสามแดนโลกธาตุ(เทพ พรหมภูมิ, มนุษย์ภูมิ, อบายภูมิ) สามารถแผ่ส่วนบุญปรับภพภูมิแก่สรรพสัตว์ ตลอดจนเทวดาประจำตัว ญาติมิตร ครอบครัว เจ้ากรรมนายเวร และหากนำบทสวดนี้ไปสวดหรือแผ่ไปในนรก(อบายภูมิ) ไฟนรกจะดับชั่วขณะ นอกจากนี้ การสวดบทพระคาถามหาจักรพรรดินี้ ยังเป็นการสร้างกำแพงแก้วคุ้มกันตัวแก่ผู้สวดอีกด้วย บทสวดพระคาถามหาจักรพรรดินี้มีพลังงานมากมาย เหมาะอย่างยิ่งที่จะใช้สวดก่อนหรือระหว่างการนั่งภาวนากัมมัฏฐาน เพราะจะก่อให้เกิดกระแสพุทธานุภาพครอบคลุมและคุมการปฏิบัติภาวนาของเรา และหากได้สวดอยู่เป็นประจำจะสามารถอธิษฐานเรื่องราวใดที่มีข้อติดขัด เรื่องร้ายทั้งหลาย ทำให้ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี นำมาซึ่งความเจริญแก่ผู้สวดทั้งในทางโลกและทางธรรม
    การนำเอาพลังงานจักรพรรดิมาใช้

    การนำพลังงานจักรพรรดิ หรือพลังงานของหลวงปู่ดู่ ท่านมาใช้ประโยชน์นั้น  หลักการก็คือ ให้นึกถึงภาพหลวงปู่ดู่หรือพระจักรพรรดิก็ได้ ซึ่งท่านเป็นแหล่งต้นทางของพลังงาน แล้วก็นึกโน้มอธิษฐานขอบารมีรวมของท่านมาเป็นพลังงานแผ่ผ่านมาที่ตัวเราแล้วส่งต่อไปยังเป้าหมายหรือปลายทาง อย่างภาพด้านบน เป็นการแผ่ส่วนบุญปรับภพภูมิ ส่วนการจะนำเอาพลังงานมาใช้ในด้านอื่นๆ ก็มีหลักการเดียวกัน คือโน้มนำพลังงานต้นทางจากหลวงปู่ดู่ หรือพระจักรพรรดิผ่านมาที่ตัวเราทุกครั้ง พลังงานจักรพรรดินั้นมีอยู่มากมายโดยมิมีประมาณไม่มีวันหมดแต่อยู่ที่เราต้องรู้จักหลักการของการนำมาใช้ประโยชน์ อย่างการอธิษฐานจิตนำเอาพลังงานจักรพรรดิมาใช้ประโยชน์นั้น หลวงปู่ดู่ และหลวงตาม้า ท่านบอกว่าไม่ควรอธิษฐานในสิ่งที่สวนทางกับหลักพระธรรม หรือคำสอนของหลวงปู่ดู่ เช่น การอธิษฐานขอให้รวยเป็นเศรษฐี หรือถูกหวยรางวัลที่หนึ่งนั้น ท่านบอกว่าไม่ถูกต้องเพราะแสดงว่าเรายังมีความโลภอยู่ในจิตของเรา ท่านแนะให้อธิษฐานว่า “ขอให้ข้าพเจ้าจงมีความสำเร็จและมีความคล่องตัวในทุกๆ เรื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่อง.........ขอให้มีความคล่องตัวมากเป็นพิเศษ”  เกี่ยวกับการนำเอาพลังงานจักรพรรดิมาอธิษฐานเพื่อใช้ประโยชน์นั้น ได้มีลูกศิษย์หลวงตาม้า ได้ถามหลวงตากันหลายคน และถามกันบ่อยมากว่า ทำไมสวดจักรพรรดิเป็นประจำ แล้วอธิษฐานแล้วทำไมถึงเห็นผลช้า  ซึ่งจริงๆ แล้วการเห็นผลนั้นไม่ช้าหรอกครับ ที่ว่าช้านั้นเพราะเกิดจากการไม่เข้าใจในการอธิษฐานเพื่อขอใช้ประโยชน์ครับ  ซึ่งถ้าเราสังเกตุให้ดีๆ แล้วจะเห็นว่า หลวงตาม้าท่านมักจะพูดคำว่า "กำลังจักรพรรดิ" อยู่บ่อยมาก ซึ่งลูกศิษย์หลายคนก็ไม่ทันได้คิด ที่ผ่านมาก็เลยอธิษฐานขอใช้บารมีของหลวงปู่ดู่ ซึ่งนั่นยังไม่ถูกต้องทีเดียวครับ  ที่ถูกต้องนั้นคือ เราต้องอธิษฐานขอบารมีของหลวงปู่ดู่ท่านได้เมตตาช่วยนำพลังงานจักรพรรดิ(พลังงานจักรพรรดินะครับไม่ใช่บารมีของหลวงปู่ครับ)ของหลวงปู่ดู่ หรือของสมเด็จองค์ปฐมบรมมหาจักรพรรดิและบรมมหาจักรพรรดิทุกๆ พระองค์ มาเป็นกำลังหรือพลังเพื่อใช้ให้สิ่งที่เราขอ(เช่น เรื่องงาน,เรื่องเงิน,เรื่องเรียน ฯลฯ) นั้นเกิดความสำเร็จหรือเกิดความคล่องตัว โดยสิ่งที่เราอธิษฐานขอนี้ต้องไม่ขัดต่อศีลธรรมครับ ซึ่งสิ่งที่เราอธิษฐานขอโดยใช้กำลังจักรพรรดินี้จะสำเร็จโดยเร็วหรือง่ายดายครับ

    การใช้พระผงจักรพรรดิในการภาวนา(ฝึกจิต)

    ให้นำพระผงจักรพรรดิมากำไว้ในมือ ซึ่งจะช่วยให้สามารถรวมจิตเป็นสมาธิได้เร็วขึ้น ให้เริ่มด้วยการสวดระลึกถึงพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ สวดอาราธนาศีล สวดบูชาหลวงปู่ทวด หลวงปู่ดู่ สวดขอขมาพระรัตนตรัย แล้วสวดบทพระคาถามหาจักรพรรดิ เสร็จแล้วให้อธิษฐานว่า “.....ข้าพเจ้า...(นาม)....ขออาราธนาบารมีแห่งพระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า พระอริยบุคคลทุกชั้นภูมิ และพระมหาจักรพรรดิ ตั้งแต่ในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต โดยมีบารมีรวมของพระศรีอริยเมตไตรยเป็นที่สุด ขอได้โปรดยกจิตของข้าพเจ้าขึ้นสู่ภาวะพระกรรมฐานทั้ง 40 ทัศ พระปิติทั้ง 5 และวิปัสนสนาญาณทั้ง 9 จงมาบังเกิดปรากฏในกายทวาร ในวจีทวาร ในมโนทวาร ของข้าพเจ้า ณ กาลบัดเดี๋ยวนี้เถิด  ขอได้โปรดยกจิตของข้าพเจ้า ขึ้นสู่ภาวะเมฆจิต ให้สามารถกำหนดจิตรู้ภาวการณ์ต่างๆ ทั้งเหตุผล อดีต ปัจจุบัน และอนาคต ได้ในทุกขณะจิตที่ปรารถนาจะรู้ และเมื่อรู้แล้วขอให้เห็นภาพนั้นได้ชัดเจนแจ่มใส และสามารถพยากรณ์ได้ตามความเป็นจริงทุกๆ ประการ  เหตุที่จะพึงบังเกิดแก่ข้าพเจ้า ขอให้ข้าพเจ้าได้รู้เหตุนั้นโดยมิต้องกำหนดจิตแม้แต่ประการใด ณ กาลบัดเดี๋ยวนี้ด้วยเถิด”  แล้วให้สวดบทอัญเชิญพระเข้าตัว(บทสัพเพฯ) แล้วให้เริ่มทำสมาธิได้ตามแบบที่ถนัด เช่น อานาปานสติ  จะใช้คำภาวนาว่า “พุทโธ” หรือ “พุทธัง สรณัง คัจฉามิ  ธัมมัง สรณัง คัจฉามิ  สังฆัง สรณัง คัจฉามิ” หรือ “ยุบหนอ พองหนอ” หรือจะใช้บทสวดพระคาถามหาจักรพรรดิก็ได้ แต่หลวงตาม้าท่านแนะนำให้ใช้บทพระคาถามหาจักรพรรดิ เพราะว่ามีกำลังมาก แล้วก็ให้กำหนดหรือตั้งนิมิตเป็นพระพุทธรูปทรงเครื่องจักรพรรดิ(พระมหาจักรพรรดิ) หรือหลวงปู่ทวด หรือหลวงปู่ดู่ ก็ได้ แต่บางท่านก็กำหนดเป็นภาพพระผงจักรพรรดิที่กำอยู่ในมือ ให้กำหนดหรือตั้งนิมิตเบาๆ ไม่ต้องเกร็งหรือเพ่งเกินไป พร้อมกับภาวนาไปเรื่อยๆ จิตจะค่อยๆ นิ่งเอง เมื่อถึงจุดหนึ่งจะทำให้สามารถสัมผัสกับโลกทิพย์ได้ และในบางครั้งองค์พระผงจักรพรรดิที่กำอยู่ในมือนั้นจะดิ้นได้
     
  7. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    23,461
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,172
    ค่าพลัง:
    +70,618
    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  8. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    23,461
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,172
    ค่าพลัง:
    +70,618
    [​IMG]


    [​IMG]



    ทำไมพระแก้วแดงถึงมีพลังงานรวมของพระศรีอริยเมตไตรย
    ..........................................
    ศิษย์: ทำไมพระแก้วแดงถึงมีพลังงานรวมของพระศรีอริยเมตไตรยคะ
    หลวงตา: พระศรีอริยเมตไตรยเป็นอนาคต พระแก้วแดงเป็นบารมีตั้งแต่แรกเริ่มอธิษฐานมารวมที่พระแก้วแดง เป็นบารมีของพระศรีอริยเมตไตรย ท่านชอบสีแดง ท่านชอบอะไรที่สีแดง ถ้าเราปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้า ถ้าบารมีเยอะกำลังก็อยู่ที่สีแดง
    ศิษย์: คือหมายถึงว่า สีแดง เป็นเฉพาะวิริยะเหรอครับ
    หลวงตา: มันอยู่ที่สีนะ บางองค์วิริยะเป็นสีขาวก็มี มันอยู่ที่เรา ชอบสีไหนก็เป็นสีนั้น อย่างหลวงตาก็ชอบสีออกแดงอมชมพูนั่นแหละ คือ พระพุทธเจ้าแต่ละองค์ สีไม่เหมือนกัน องค์หน้าอาจจะเป็นสีแดงก็ได้นะ มันอยู่ที่ความชอบ ซ้ำกันก็มีเยอะนะ
    ศิษย์: แล้วถ้าซ้ำกันนี่ สร้างองค์เดียวกัน สีเหมือนกัน ใช้เหมือนกันได้ไหมครับ
    หลวงตา: ไม่ได้ คนละองค์ พลังงานคนละพลังงาน
    ศิษย์: หลวงตาคะ แล้วพระจักรพรรดิที่สีแดง ต่างกับสีขาวไหมคะ
    หลวงตา: เหมือนกันนั่นแหละ ใช้เหมือนกัน คือคำว่าจักรพรรดิ คือ พระทรงเครื่องเหมือนทหาร ทหารออกรบต้องใส่ชุดทหาร เวลาอยู่ในบ้าน ถอดชุดเป็นทหาร คนเดียวกันไหม คนเดียวกัน แล้วถ้าทหารคนนั้นไปบวช ก็คนๆ เดียวกัน มันอยู่ที่รูปลักษณ์ อย่างพระแก้วมรกตนะ พระทรงเครื่องจักรพรรดินะนั่น
    ศิษย์: แล้วสามองค์ก่อนพระแก้วมรกตล่ะครับ หายไปไหนครับ
    หลวงตา: สามองค์ก่อน ไม่ทราบ ไม่ได้เช็ค เพราะมันไม่มีประโยชน์อะไร ไปถามทำไม
    ศิษย์: หายไปไหนหรือครับ ผมก็อยากรู้
    หลวงตา: หายสิ ไม่หายได้ไง บัญชีท่านปิดแล้ว อย่างองค์สีเขียวนี่ หมดศาสนาท่าน ธาตุก็เผาธาตุอีกที พระแก้วมรกตก็สลายไปตามพลังงาน
    เหมือนบ้านเรา เผาบ้านหลังนี้แล้วไปปลูกใหม่ พลังงานมันก็ไปตามสภาพของตัวเราเอง พระพุทธเจ้าแต่ละองค์ก็เหมือนกัน ธาตุจะโดนเผา พลังงานโดนเผา มันหมดยุคไป 2000 กว่าปีก็หมด โลกจะเปลี่ยนแปลงอีกเยอะ
    ศิษย์: พระพุทธรูปองค์อื่นที่สีแดงที่ทรงเครื่องจักรพรรดิก็มีคุณสมบัติเหมือนกันสิคะ
    หลวงตา: เหมือนกัน พระทรงเครื่องคือผู้มีฤทธิ์นะ พูดถึงฤทธิ์ไม่ได้พูดถึงธรรมโดยตรง ทรงเครื่องทุกอย่างนะ เรื่องของธรรมก็ทรงพระพุทธเจ้าธรรมดานี่แหละ
    ศิษย์: ขอย้อนไปที่พระพุทธเจ้าหน่อยนะครับ หลวงตาบอกว่า พระพุทธเจ้าหลายองค์ท่านปิดบัญชีไปแล้ว การอนุโมทนาบุญที่พระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ได้เคยทำมาไดไหมครับ
    หลวงตา: ได้อยู่ โมทนาในส่วนบุญที่ท่านทำมาตั้งแต่อดีต ปัจจุบัน และอนาคต มันก็สว่างที่จิตเรา
    ศิษย์: โมทนาแล้วโมทนาอีกได้ไหมครับ
    หลวงตา: ได้ แล้วมันจะลดความอิจฉาริษยาในใจเราด้วย พลังงานก็พุ่งมาที่เรา



    ข้อมูลจาก... หนังสือหลวงตาสอนศิษย์ เล่ม 1 (หน้าที่ 17-18)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 29 พฤศจิกายน 2016
  9. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    23,461
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,172
    ค่าพลัง:
    +70,618
    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  10. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    23,461
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,172
    ค่าพลัง:
    +70,618
    พระแก้วแดงเป็นรูปลักษณ์แทน บารมีรวมพระศรีฯ ทั้งหมดทั้งมวล และเป็นจุดศูนย์กลางเชื่อมโยงบารมีรวมของโพธิญาณทุกท่าน ที่ปรารถนาสร้างบารมีและฝากกระแสไว้กับพระศรีฯ ฉะนั้น เวลาเราท่านน้อมบารมีองค์พระแก้วแดงเข้าตัวเรา ก็จะได้รับบารมีรวมพระศรีฯ บารมีรวมเหล่าโพธิญาณทุกๆองค์ กำลังจึงมีมาก แต่ไม่ใช่ว่า ท่านที่จับภาพหลวงปู่ดู่ หรือหลวงปู่ทวด ก็ใช่ว่ากำลังท่านจะน้อยนะ....กำลังท่านมีเยอะ มีมากมาย มหาศาล ....

    พระ พุทธเจ้า มี 3 แบบ

    ปัญญาธิกะ บำเพ็ญบารมี 4 อสงไขย์ กับอีกแสนมหากัปป์

    ศรัทธา ธิกะ บำเพ็ญบารมี 6 อสงไขย์ กับอีกแสนมหากัปป์

    วิริยะธิกะ บำเพ็ญบารมี 12 อสงไขย์ กับอีกแสนมหากัปป์

    พระศรีฯ ท่านบำเพ็ญบารมีแบบวิริยะธิกะก็จริง หากแต่ว่าท่านบำเพ็ญบารมีเกินนั้นมากโข ...ท่านบำเพ็ญบารมี 16 อสงไขย เยอะจริงๆ

    พระศรีฯ ท่านสร้างท่านทำบารมีพิเศษ กำลังท่านจึงเยอะช่วยเหลือผู้ที่มีกระแสเกี่ยวข้องเนื่องอยู่กับท่านได้เยอะ
    เราที่เป็นลูกศิษย์(ในชาตินี้) จึงพลอยได้รับอานิสงส์ ได้มารับรู้เรื่องราวของท่าน ได้เรียนรู้สรรพวิชาของท่าน
    (วิชาภูตพระ พุทธเจ้า ,การแผ่บุญ ปรับภพภูมิ ,การครอบวิมาน อื่นๆ อีกมากมาย ที่เปิดเผยได้ และที่ไม่สามารถเปิดเผย เพราะเป็นปัจจัตตังเป็นความรู้พิเศษเฉพาะตัว ฯลฯ)

    ไม่ใช่เหตุ บังเอิญนะ ที่ เหล่าเราท่านได้มารับรู้เรื่องราวของพระศรี เรื่องราวของหลวงปู่ ไม่ใช่เหตุบังเอิญเลย

    ....นั้นเป็นเพราะ เราท่านต่างเกี่ยวเนื่องสัมพันธ์กันมากับหลวงปู่ ไม่ภพใดก็ภพหนึ่ง ในอดีตกาล ที่ผ่านมา
    นั้นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ ชาตินี้ ภพนี้ เราท่านได้มาพบได้มาเรียนรู้วิชา ศึกษาข้อธรรมแนวทางการปฏิบัติ
    ได้มา ฝากกระแสต่อเนื่อง กับหลวงปู่...นั้นเพราะคำๆเดียว คือ "กระแสเดิม"


    http://buddhapoom.com/index.php?topic=8.0
     
  11. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    23,461
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,172
    ค่าพลัง:
    +70,618
    พระแก้วแดงกับโพธิญาณ

    ถึงโพธิญาณทุกท่าน...

    -ทั้งท่านที่รู้ตัวเอง ว่ามีปรารถนามีความต้องการที่จะช่วยสัพสัตว์ ช่วยเหลือสัตว์โลก ขนเหล่าสัตว์ทั้งหลายให้หลุดออกจากวัฏสงสาร 3 แดนโลกธาตุนี้ เข้าสู่กระแสพระนิพพานเป็นที่สุด เค้าเหล่านี้ต้องสร้างบารมีมากมายมหาศาลเพื่อการตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าใน กาลข้างหน้า

    -ทั้งท่านที่ยังไม่รู้ตัวว่าเรา ปรารถนาอะไร ...ยังไม่รู้ว่าตนเองเคยปรารถนาพุทธภูมิมาก่อน...แต่ในความเป็นจริงนั้น ตนเองได้สร้างได้ทำบารมีมามากหลายยุค หลายภพ หลายชาติแล้ว เพียงแต่ชาตินี้ ยังระลึกไม่ได้เท่านั้นเองว่าตนเองปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้าในกาลข้างหน้า

    -และ ท่านที่เพิ่งตั้งจิตปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้าในอนาคตกาล เพิ่งเริ่มสร้างบารมีในชาตินี้

    พระแก้วแดง
    ใช่ว่าจะมีพลังงาน ,มีพุทธคุณหรือมีกำลังมากเท่านั้น ...พระแก้วแดงยังมีนัยสำคัญอื่นอีก...

    สำหรับ พุทธภูมิ

    พระแก้วแดงเป็นเสมือนศูนย์กลาง พลังงานที่บรรดาเหล่าโพธิญานได้ฝากกระแสฝากพลังงานเอาไว้ สำหรับเหล่าบรรดาพุทธภูมิทั้งหลายได้มาน้อมนำบารมีนี้ไปสร้างบารมีต่อย อด...เช่น..

    กรณีศึกษาที่ ๑ ไม่ได้รู้จักพระแก้วแดง..

    -หมวดอรรถ เกิดมาชาตินี้ พึงระลึกได้ว่าตนเองปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้าในกาลข้างหน้า

    จึงได้ขนขวาย สร้างบารมีอย่างมากมาย ตั้งแต่วัยรุ่น จนเข้าสู่วัยหนุ่ม กระทั่งวัยชรา เค้าเพียรสร้างบารมีโดยอาศัยกำลังที่ตนเองมีในชาตินี้ เค้าก็จะสร้างบารมีได้แบบลุ่มๆ ดอนๆ ...แถมพ่วงด้วยเจ้ากรรมนายเวรที่ตามมาทวงสัญญาเป็นพักๆ ทวงสัญญาเป็นพักๆของพุทธภูมินี่..ไม่ใช่น้อยๆ เลยนะ มากโขที่เดียว โดนเจ้ากรรมนายเวรเล่นแต่ละที แทบปางตาย แล้วไม่ใช่แทบปางตายแค่ครั้ง หรือสองครั้ง .......ในช่วงวาระชีวิตหนึ่งที่เกิดมาของหมวดอรรถ จะเจอสภาวะแทบปางตายบ่อยมาก นี่แหละ พุทธภูมิ ลำบากใช่เล่น เกิดแล้วตาย ตายแล้วเกิด สร้างบารมีอยู่อย่างนี้ เป็นอสงไขย์ เป็นกัปป์ ...

    กรณี ศึกษาที่ ๒ ได้รู้จักพระแก้วแดง..แล้วรู้วิธีรวมบารมีน้อมนำมาใช้

    -หมวด อรรถ เกิดมาชาตินี้ รู้ว่าตนเองปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้าในกาลข้างหน้า จึงเร่งสร้างบารมี ...สืบเนื่องด้วยบารมีเดิม อดีตชาติเคยเกี่ยวข้อง ,เคยฝากกระแสกับหลวงปู่ กับพระศรีฯ มาก่อน ปัจจุบันจึงได้มารับรู้เรื่องราวของหลวงปู่ ได้เรียนรู้วิชาที่หลวงปู่สอน ได้รู้ว่าพระแก้วแดงนั้นเป็นรูปลักษณ์ที่รวมบารมีของพระศรีฯ และบารมีรวมเหล่าโพธิญาณทุกท่านที่เกี่ยวเนื่องเกี่ยวพันธุ์กับหลวงปู่ ซึ่งทุกองค์ที่จะลงมาจุติในโลกเพื่อสร้างบารมี ต้องเกี่ยวเนื่องกับหลวงปู่โดยปริยาย...เพราะหลวงปู่ท่านเป็นโพธิสัตว์องค์ ใหญ่ เป็นโพธิญาณที่จะมาตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าองค์ต่อไป...นั้นแหละบารมีรวม รวมหมดจริงๆ)

    หมวดอรรถ จึงสามารถน้อมนำบารมีของพระแก้วแดงบารมีรวมโพธิญาณเพื่อรวมบารมีเดิมของตน เองตั้งแต่อดีตปัจจุบัน มาใช้ประโยชน์เพื่อสร้างบารมีในชาตินี้ได้

    อาจจะมีคำถามว่า...ดีอย่างไร..? ก็สร้างบารมีเหมือนกัน ...!! ขอตอบว่า...ต่างกันมาก...

    การสร้างบารมีโดยสามารถรวมบารมีเดิมมาช่วยสร้างนั้น จะทำให้การสร้างบารมีเป็นไปโดยง่าย มีอุปสรรคน้อยมากที่จะมาขวางกั้นการสร้างบารมี ด้วยกำลังของพระแก้วแดง บุพกรรมที่หมวดอรรถต้องเสวย ต้องชดใช้ในชาตินี้เนื่องเพราะถึงวาระนั้น

    ...ก็ ยังต้องชดใช้อยู่ดีนั้นแหละ

    ...อ้าว แล้วมันจะดียังไง

    ....ก็ดีตรง ที่ แทนที่หมวดอรรถจะต้องรับกรรมไปเต็ม 100 ส่วน ก็จะเหลือซัก 40-50 ส่วนเท่านั้นที่ต้องเสวยกรรม ด้วยกำลังของพระแก้วแดง ช่วยลดทอนบุพกรรม ด้วยกำลังบุญของพระศรีฯ ที่แผ่ไปให้เจ้ากรรมนายเวร

    หากเจ้ากรรมนายเวร สามารถรับบุญนั้นได้ เค้าเหล่านั้นก็จะปรับเปลี่ยนสภาวะ ไปสู่ สุขคติภูมิทันที ที่หมวดอรรถทำนั้นถือเป็นการช่วยตนเองและช่วยเจ้ากรรมนายเวรไปในตัว นี่แหละ กำลังของพระศรีฯ กำลังรวมของเหล่าบรรดาโพธิญาณ และกำลังรวมของหมวดอรรถ ทั้งหมดทั้งมวลนี้รวมอยู่ในรูปลักษณ์ของ" พระแก้วแดง "


    เช่น นี้ ...หมวดอรรถ จึงสามารถสร้างบารมีได้มาก สร้างบารมีได้โดยง่ายกว่า กรณีที่ ๑ มากมายนัก...
     
  12. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    23,461
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,172
    ค่าพลัง:
    +70,618
    วลีอมตะที่กล่าวว่า

    "โพธิญาณต้อง เรียนกับโพธิญาณเท่านั้น"

    เป็นจริงแน่แท้ หากโพธิญาณท่านนั้นต้องการที่จะรู้เกี่ยวกับเรื่องราวสืบมาของโพธิญาณ ต้องการที่จะเรียนการสร้างบารมีของโพธิญาณ ต้องการทราบประเพณีของเหล่าพุทธภูมิ(ที่เรียกกันว่า พุทธประเพณี) ฯลฯ

    เรื่องเหล่านี้นับเป็นเรื่องใบไม้นอกกำมือ ไม่มีกล่าวไว้ในพระไตรปิฏก เป็นความรู้และเรื่องราวที่ต้องแสวงหาของเหล่าพุทธภูมิ...จึงเป็นที่มาของ เรื่องการ ต่อกระแสของพุทธภูมิ เนื่องด้วยพุทธภูมิหรือเหล่าบรรดาโพธิญาณ

    ...แม้น ว่าบารมีของท่านเหล่านั้นจะเต็มแล้วก็ตามที แต่จริตเดิม นั้นยังมีอยู่ (ความเมมตา ความปรารถนาต้องการให้สรรพสัตว์พ้นทุกข์) ท่านเหล่านั้นจึงมิได้ นิ่งเฉย เสวยสุขอยู่บนวิมานของแต่ละท่านแต่อย่างใด...

    หากแต่ ทุกท่านต่างก็ลงมาจุติลงมาเกิดเพื่อช่วยเหลือสัตว์โลก ตามวาระของแต่ละท่าน พระโพธิสัตว์ทุกท่านจะเล็งรู้เองว่า กาลใดเมื่อใดจึงจะเหมาะสมที่จะลงมาจุติ)

    ...เมื่อท่านเหล่านั้นลงมา ก็ เหมือนกับเริ่มใหม่ เกิดใหม่ มาเรียนรู้ใหม่

    ...การสร้างบารมีนั้น ท่านก็จะอาศัยเรียนกับโพธิญาณรุ่นพี่หรือรุ่นน้องที่มาจุติก่อน(โพธิญาณจะ ต้องเรียนกับโพธิญาณ) นี่แหละมาเรียนรู้ไว้ มาต่อกระแสสืบต่อๆกันไป ไม่มีที่สุดตราบใดยังมีผู้ปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้าอยู่...

    ณ ถ้ำใหญ่ .....หลังจากสวดมนต์เสร็จ

    หลวงตาม้าและคณะศิษย์ เสวนาพาทีสอบถามเรื่องการปฏิบัติธรรม ....

    ขณะนั้นหลวงตาได้พูดขึ้น โดยมองไปที่ศิษย์คนหนึ่งว่า...

    "เอ๊า ไหนลองกำหนดไปดูพระแก้วแดงซิ องค์จริงเป็นยังไง อยู่ที่ไหน ...? "

    ศิษย์คนนี้เพิ่งเริ่มฝึกภูติ พระพุทธเจ้า หรือวิชาที่พวกเรารู้จักและเรียกกันในชื่อว่า "วิชาเปิดโลก" เค้าตอบรับคำหลวงตา ...นั่งในอริยาบทสบายๆ แล้วจัดแจงถอดประคำพระที่เพิ่งได้รับจากหลวงตาเมื่อตอนกลางวัน มากำไว้... มือขวากำพระ วางมือที่กำพระไว้บนมือซ้าย หลับตาพริ้ม....ทำใจให้สบายที่สุด จับภาพหลวงปู่ยืนยิ้มอยู่ แล้วบอกกับหลวงปู่ในใจว่า หลวงปู่ครับ หลวงตาถามผมว่าพระแก้วแดงเป็นยังไง อยู่ที่ไหน

    ...หลวงปู่พาลูกไปดูได้ไหมครับ ...ฉับพลันทันใดนั้น ...หลวงปู่ที่ยืนยิ้มอยู่ก็หันหลังให้ ภาพหลวงปู่ก็เปลี่ยนไป เร็วมาก เปลี่ยนเป็นสถานที่ๆ เค้าไม่รู้จัก เย็นมาก เหมือนเป็นถ้ำ ...ที่ใหญ่และสะอาด มีทางเดินไปข้างหน้า ข้างทางจัดวางด้วยเพชรนิลจินดา ระรานตาไปหมด แต่แปลก จิตบอกว่า เป็นของทิพย์ทั้งนั้น

    เป็นของที่มีคน เค้าเอามาถวายบูชา เราก็เดินไป เรื่อยๆ ไม่นานนัก ก็พบ โถงใหญ่ ใหญ่โตมาก กว้าง เหมือนโดม

    แต่เป็นโดมที่มีเพดานเป็นผนังถ้ำ มีพระองค์ใหญ่ ตั้งอยู่กึ่งกลางห้องโถง


    เป็น "พระแก้วสีแดง" เราอุทานในใจ ...สวยงามมาก องค์ท่านเป็นพระทรงเครื่องจักรพรรดิ์

    วรรณะสมบูรณ์ไม่อ้วน มาก ไม่ผอมนะ อวบๆ นิดๆ ...เนื้อผิวองค์พระเป็นสีแดงกล่ำ

    แต่มองดู เหมือนใส เหมือนทึบ อธิบายยาก...ทำไมองค์พระช่างใหญ่โตมโหฬารเช่น นี้..(อุทานในใจ) ใหญ่กว่าพระแก้วแดง ที่ประดิษฐานอยู่ในถ้ำใหญ่ที่เราสวดมนต์ไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่าขนาดองค์พระ ต่างกันลิบลับ ...

    ด้านซ้าย-ขวาของพระแก้วแดงองค์ใหญ่ มีแท่นหินสีขาวสวยงามมากๆ ตั้งอยู่ทั้งสองฝั่ง บนแท่นมีคนนั่งอยู่...ไม่ใช่คนแน่ๆ คนอะไร จะมีรัศมีกระจายออกมาจากกาย(เหมือนเทวดาเลย) คนทางด้านซ้ายมือมีรัศมีสีทอง ส่วน คนด้านขวามือมีรัศมีสีแดงกระจายออกมาจากกาย...ในใจไม่ได้รู้สึกกลัวแต่ อย่างใด รู้สึกสบายมากๆ

    เราเดินเข้าไป ด้านหน้าขององค์พระแก้วแดง เหมือนคนทั้งสองเค้าไม่สนใจเราเลย ทั้งสองมองมาที่เราแล้วก็ยิ้มให้ จากนั้นเค้าก็นั่งทำสมาธิของเค้าต่อไป ....

    เมื่อมายืนต่อหน้าองค์ พระแก้วแดงแล้ว ตัวเราเล็กมากๆ ถ้าจะเปรียบก็เหมือน เราเป็นตุ๊กตาช้างม้า (ตุ๊กตาแก้บนที่เค้าถวายวางไว้หน้าพระประธานตามศาลหลักเมือง คงนึกภาพออกนะครับ) ขณะที่องค์พระแก้วแดงมีขนาดใหญ่มากกว่าพระประธานหน้าตัก 60 นิ้ว ยังไงยังงั้น ใหญ่มากจริงๆ นี่แค่เปรียบเทียบนะ จริงๆ แล้ว องค์พระแก้วแดงใหญ่โตมาก ไม่รู้จะบรรยายยังไง ในสภาวะทิพย์กับในโลกความเป็นจริง มันต่างกันนะ ...

    เราก้มลงกราบพระ แก้วแดงองค์ใหญ่ จากนั้น ก็ก้มกราบไปที่คนทั้งสองฝั่งที่นั่งบนแท่น เพราะเริ่มมั่นใจแล้วว่า ทั้งสองไม่ใช่คนธรรมดา...เมื่อก้มกราบลงไปนั้น เหมือนหลวงปู่ทำให้เห็นเป็นภาพ ท็อปวิวเลย
    เหมือนเรามองลงมาจากบนผนังเพดานถ้ำ มองเห็นเป็นพญานาค 2 ท่านขดอยู่บนแท่นทั้งสองนั้น...

    " องค์ด้านซ้ายเป็นพญานาคสีทอง องค์ด้านขวาเป็นพญานาคสีแดง "

    สิ้นสงสัยทันที ที่เราเห็นคงเป็นพญานาค ที่ดูแลองค์พระแก้วแดงนี้เป็นแน่แท้ ....ดีจังเลย ได้เห็นกราบพระแก้วแดงองค์จริง ได้เห็นพญานาคที่ดูแลรักษาพระแก้วแดง....ทั้งสองท่าน

    ได้ยินเหมือน หลวงปู่บอกมาว่า พระแก้วแดงนี้ อยู่เมืองบาดาล พญานาคเค้าดูแลรักษาไว้ให้ อนาคตในยุคพระศรี คนในยุคนั้นจะมีร่างกายที่ใหญ่โตมาก เหตุนี้เองพระแก้วแดงจึงมีวรรณะลักษณะใหญ่โตเกือบคับเต็มถ้ำ

    พระแก้วแดง นี้ ศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก เวลานั่งสมาธิ สามารถจับพระแก้วแดงเป็นพุทธนิมิต พุทธานุสติ ได้ ...

    จากนั้นภาพก็เปลี่ยนเป็นหลวงปู่ยืนยิ้มอยู่ต่อ หน้าเราเหมือนเดิม ...เราก็ลืมตาขึ้น (ช่วงเวลาที่หลวงปู่พาไปเมืองบาดาลนั้น เร็วมาก ไม่นานเลย)

    หลวงตา ถามขึ้นว่า ...ว่าไง

    ศิษย์ก็ตอบไปว่า ...

    "พระแก้วแดงอยู่เมืองบาดาล ครับ องค์ใหญ่มากๆ มีพญานาคดูเฝ้ารักษาดูแลอยู่ 2 ท่าน"

    หลวงตา " ถูก ....ตามนั้นแหละ องค์จริงอยู่ที่เมืองบาดาล รอวาระ รอยุคพระศรีอริยเมตไตรย เมื่อถึงยุคนั้น พระแก้วแดงจะปรากฎขึ้นมาเองด้วยบุญฤทธิ์ของพระศรีอริยเมตไตรย ให้คนในยุคนั้นได้กราบไหว้บูชา ...พระแก้วแดงจึงเป็นเสมือนรูปลักษณ์ที่รวมบารมีของพระศรีฯทั้งหมดไว้ เป็นรูปที่ให้นามจับ พลังเหนือพลัง...."

    เป็นอันว่า ในวันนั้นศิษย์ ผ่านการทดสอบจากหลวงตา

    เพราะบารมีของหลวงปู่ดู่โดยแท้ ...
     
  13. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    23,461
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,172
    ค่าพลัง:
    +70,618
    ถาม++หากคิดอกุศลจะทำยังไง+++

    " มองภาพพระ...แล้วคิดไม่ดีไม่ค่อยกล้ามอง
    ทำยังไงดี "

    ศิษย์ : แล้วอย่างนั่งสมาธิแล้ว...เหมือนมีกลุ่มพลัง
    งานที่กลางหน้าผากค่ะหลวงตา รู้สึกชาและเบาๆ
    ที่กลางหน้าผากเนี่ยค่ะ

    หลวงตา : อือ มันเป็นจุดรวมจุดรวม...เคยรวมอยู่ที่
    หน้าผาก เค้าเรียกอุณาโลมฮะ

    ศิษย์ : ก็ทำต่อไปเรื่อยๆ

    หลวงตา : ก็ทำไปเรื่อยอย่าหยุดก็แล้วกัน...หลวงปู่
    ท่านไม่ให้หยุด. ทำจนตายนั่นแหละ อย่าไปสงสัย
    อะไร ทำไปเรื่อยๆมันจะเกิดยังไงก็ปล่อยมัน
    ไปเรื่อยๆสวดมนต์แผ่เมตตา...บันทึกบุญไปเรื่อยๆ

    ศิษย์ : แล้วอย่างบางท่าน...กังวลค่ะหลวงตาว่าเมื่อ
    ก่อนเวลามองภาพพระไม่คิดอะไร รู้สึกปิติตลอด
    เลยโน๊ะคะ แต่ทำไมพอช่วงหลังมานี่...กลับเปลี่ยน
    มองปุ๊บ. มโนมันคิดสิ่งไม่ดีอะค่ะ

    หลวงตา : อ้าว เพราะกรรมที่บันทึกไว้ในอดีตนี่ ...
    บางทีมันมา มันก็รบกวนอยู่แล้วคลื่นรบกวนไง

    ศิษย์ : แล้วอย่างนี้...ถ้าเกิดอาการอย่างนี้เราต้อง
    มองภาพพระต่อมั๊ยคะ เพราะว่าเค้าไม่ค่อยกล้า
    มองเงี้ย เพราะมองแล้วมัน...

    หลวงตา : อ้าวโยโทโสก่อน...แล้วค่อยมองต่อ

    ศิษย์ : อ๋อถ้ารู้สึกคิดไม่ดี...ก็โยโทโสแล้วก็มองภาพ
    ต่อไปเงี้ยคะ

    หลวงตา : ใช่..ห้ามหยุดนะฮะ

    ถอดคำเทศน์จากยูทูป 6 พฤศจิกายน 2015



    [​IMG]
     
  14. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    23,461
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,172
    ค่าพลัง:
    +70,618
    ปฎิบัติเพื่อตัวแกเอง ไม่ใช่เพื่อข้า.../ เมื่อรู้จักความดีในตัวเอง ก็รู้จักข้า

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 11111111111.jpg
      11111111111.jpg
      ขนาดไฟล์:
      24.9 KB
      เปิดดู:
      1,347
  15. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    23,461
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,172
    ค่าพลัง:
    +70,618
    หาพระเก่าให้เจอ

    ถ้าเข้าถึงพระพุทธเจ้าแล้ว ก็ไม่ต้องห้อยพระเครื่องก็ได้

    แต่นี่ จิตใจ วันๆไปอยู่กับโลก กับอกุศลมาก จนลืมพระ

    แต่พระเครื่องที่ห้อยคอ ไม่ลืมเอ็ง และมีพลังพระไหลเข้าทุกขณะ

    ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น แสงแห่งพระนี้ จะช่วยเอ็งได้



    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  16. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    23,461
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,172
    ค่าพลัง:
    +70,618
    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  17. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    23,461
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,172
    ค่าพลัง:
    +70,618
    เกี่ยวกับการอยู่ร่วมกันในวงของผู้ปฏิบัติธรรม
    หลวงปู่ท่านได้ให้โอวาทเตือนผู้ปฏิบัติไว้ว่า

    "การมาอยู่ด้วยกัน ปฏิบัติด้วยกันมากเข้า
    ย่อมมีเรื่องกระทบกระทั่งกันเป็นธรรมดา
    ตราบใดที่ยังเป็นปุถุชนคนธรรมดาอยู่
    ทิฏฐิความเห็นย่อมต่างกัน
    ขอให้เอาส่วนดีมาสนับสนุนกัน
    อย่าเอาเลวมาอวดกัน
    การปรามาสพระก็ดี
    การพูดจาจาบจ้วงใน
    พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์
    หรือท่านที่มีศีลธรรมก็ดี
    จะเป็นกรรมติดตัวเรา
    และขัดขวางการปฏิบัติธรรมในภายหน้า
    ดังนั้น หากเห็นใครทำความดี
    ก็ควรอนุโทนายินดีด้วย
    แม้ต่างวัดต่างสำนัก
    หรือแบบปฏิบัติต่างกันก็ตาม"

    คติธรรมคำสอนโดย... หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ

     
  18. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    23,461
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,172
    ค่าพลัง:
    +70,618
    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  19. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    23,461
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,172
    ค่าพลัง:
    +70,618
    <iframe width="640" height="460" src="https://www.youtube-nocookie.com/embed/RSXJNQUQk2g?&autoplay=&rel=0" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 10 ธันวาคม 2016
  20. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    23,461
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,172
    ค่าพลัง:
    +70,618
    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 6 ธันวาคม 2016
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...