lisy
ความเคลื่อนไหวล่าสุด:
27 พฤษภาคม 2013
วันที่สมัครสมาชิก:
22 กรกฎาคม 2008
โพสต์:
50
พลัง:
21

โพสต์เรตติ้ง

ได้รับ: ให้:
ถูกใจ 21 1
อนุโมทนา 0 0
รักเลย 0 0
ฮ่าๆ 0 0
ว้าว 0 0
เศร้า 0 0
โกรธ 0 0
ไม่เห็นด้วย 0 0

แชร์หน้านี้

lisy

สมาชิก

lisy เห็นครั้งสุดท้าย:
27 พฤษภาคม 2013
    1. สิริญา
      สิริญา
      " ชีวิตลิขิต " แม่ชีณัฐทิพย์ ตนุพันธ์ - PaLungJit.com
    2. ธรรมะสวนัง
      ธรรมะสวนัง
      สวัสดีปีใหม่ค่ะ คุณ lisy

      [IMG]
    3. ทามปายได้
    4. k.kwan
      k.kwan
      อ้างอิง:
      ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ k.kwan [IMG]
      ในความเห็นของเค ปัญญา คือ การรู้ตัว
      ถ้าเรารู้ตัวมากขึ้น มีอะไรมากระทบเราก็รู้ตัว
      มีอารมณ์อะไรเกิดขึ้นกับเรา ก็รู้ตัว
      ชอบ ไม่ชอบ ร้อน เย็น ก็ให้รู้ตัว
      เมื่อก่อนเราไม่ค่อยรู้ตัว (เรียกว่าหลงไปอยู่ในโลกของความคิด)
      อะไร อะไร เกิดมันสนองตอบไปแบบอัตโนมัติ
      ดูหนังก็อินเหมือนเข้าไปอยู่ในหนัง ร้องไห้ หัวเราะ ก็ไม่รู้ตัว
      โดนกิเลสครอบงำก็ไม่รู้ตัว
      ที่บอกว่าไม่คิด หมายถึง อย่าไปช่วยเค้าคิด แต่ให้รู้ตัวว่าคิด
      (มันน่างงเหมือนกันเนอะ) ถ้าต้องทำงานที่ต้องใช้ความคิด
      ก็คิดไปนะคะ เพราะบางทีพอรู้ว่าคิด มันก็มักจะหยุดคิดซะดื้อๆ
      เอาตามพอเหมาะสมกับตัวเอง เพราะวันนึงมีตั้งหลาย ชม.


      แล้วทำไมเราถึงต้องรู้ตัว
      ในความเห็นของ เค การรู้ตัว คือการตื่นของจิตหนึ่งมารับรู้โลก
      เค เรียกเค้าว่า สติ การฝึกรู้ตัว ก็คือการฝึกเจริญสติ

      มีสติแล้วมันดียังไง
      ในความเห็นของ เค การมีสติ ทำให้รู้ตามจริง ตามความเป็นไปของโลก
      เมื่อรู้มากๆเข้า จิตนี้เค้าจะเลื่อนขั้นเลื่อนภูมิ ตามความรับรู้ไปตามลำดับ
      ธรรมมะ คือความจริง ที่มีอยู่ รอให้จิตเราไปเรียนรู้
      ตอนนี้รู้แค่นี้อะค่ะ เพราะยังรู้ตัวน้อยอยู่

      ขอบคุณคุณเคคะ
      lisy ก็พยายามอยู่นะคะ อย่างในกรณีที่คุณเคบอกเรื่องรู้ตัวนะคะ ถ้ามีอะไรมากระทบในทางเลว เรารู้ตัวแล้วละว่าเรากำลังโกรธ แล้วคุณเคจะทำอย่าง โต้ตอบไหม อย่างกรณีที่ lisy เล่าที่ตอบคุณคีตเสวี

      ขอมาตอบที่นี่ละกันค่ะ
      เล่าเรื่องของเคละกันนะ ตอนที่เริ่มปฏิบัติใหม่ๆ นี่ก็กว่าจะรู้ตัวมันจบไปแล้วค่ะ โกรธไปแล้ว เถียงไปแล้ว ทำอะไร อะไร ไปแล้ว แบบว่ารู้ตัวช้า พอดับไปหมด โต้ตอบไปหมดแระ ค่อยมารู้สึกตัว เรียกว่าสติเกิดช้า แต่ยังดียังรู้ตัว ทวนกลับไปได้ จิตมันเรียนรู้นะคะ เหมือนเราทวนความรู้แล้วสรุปว่า ดี ไม่ดี ถูก หรือไม่ถูก แต่พอรู้ตัวแล้ว สรุปแล้วต้องวางอีกทีนะคะ ถ้าไม่วางก็ ทุกข์อีก เศร้าอีกว่าทำผิดไป ทำกรรมไป ต้องปลอบตัวเองหน่อย ว่าอย่าทำร้ายตัวเองด้วยความรู้สึกผิด พอจิตเขาเข้าใจวางได้ก็สงบ ถ้าวางไม่ได้ก็ค้างไป อาจมีอารมณ์เสียไปใส่คนอื่นต่อ ก็ให้รู้ไปอารมณ์ค้าง ถ้าวางไม่ได้จริงๆ ก็เปลี่ยนอารมณ์ไปเลย ดูหนัง ฟังเพลง ให้ลืมๆไปซะ ทำยากนะ แต่ก็ถ้าผ่านไปได้ก็สบายละ เจอทุกข์ รู้ทุกข์ ก็วางเร็ว ไม่ค้างนาน ไม่ทุกข์นาน สิ่งนี้จะเกิดได้จากจิตรู้นั้น เขาเข้าใจสภาวะว่า ทำไปก็ทุกข์ เขาก็วางเอง วนไปวนมาอีกละ อย่าเพิ่ง งงนะคะ
      พอทำไปเรื่อยๆ ครึ่งปีได้แล้วมั้ง มาหลังๆนี้ พอมีอารมณ์อะไรเกิดขึ้น พอรู้ตัวปั๊บมันก็ดับไปเองค่ะ พอรู้ว่าโกรธ โมโห ก็ดับตั้งแต่รู้ แต่ก็ไม่ทุกครั้ง บางที่ก็รู้โกรธแต่ไม่ดับมันค้างแต่ไม่แสดงการตอบโต้ ดูโกรธไปมันอยู่ในใจก็ไม่แสดงเพราะสติมา มันก็รู้ดีชั่ว มีคนมาแย้ง ก็รู้ว่าเขาแย้ง มีเถียงไปบ้าง ก็รู้ว่าเพราะความเห็นไม่ตรงกัน ก็รู้ตัวไปมันจะไม่ถลำไปเกิดอารมณ์ที่รุนแรง ถ้าลืมตัวก็คือหลงไปแล้ว เป็นทาสของอารมณ์นั้น การแสดงออกก็มีแต่อารมณ์ถ้ารู้ตัวเมื่อไรก็หยุดได้เพราะสติมา ก็จะรู้ตัวแล้วการกระทำของเราก็จะหลุดจากอารมณ์ ทำอะไรก็เพราะมีสติ มันก็วนไปวนมาอีกละ งงดีนะคะ แต่ทั้งหมดก็คือจิตนั้นเขาได้เรียนรู้โลกความจริงของการอยู่เหนืออารมณ์ และการหลงไปในอารมณ์ เป็นความเข้าใจของตนเองค่ะ ความรู้ตรงนี้ เค เรียกว่า ปัจจัตตัง ซึ่งคนอื่นอาจบอกว่าไม่ใช่ก็ได้ แต่เคเรียกอย่างนั้น เพราะมันเป็นสิ่งที่เรียนรู้ได้เฉพาะตน เฉพาะจิตนั้น (จิตสติ)
      และเคก็เข้าใจว่า หลายคนเว็บบอร์ด ที่เขาพูดกันก็ตัวสติตัวนี้แหละ แต่ใช้ศัพท์กันคนละอย่าง เหมือนคุยเรื่องเดียวกันแต่คนละภาษา ดังนั้นถ้าคุณ lisy เข้าใจคำพูดของใคร ก็อันนั้นน่าจะใช้ได้ ไม่มีผิดถูกหรอค่ะ มีแต่ว่าเราจะเข้าใจหรือเปล่า เค ก็ศึกษาจากพวกเค้าทุกคนแหละค่ะ อิอิ แล้วก็ฟังของหลวงพ่อปราโมช แล้วทำความเข้าใจในแบบของตนเอง สำคัญว่าทำให้ถูก ไม่มีสงสัย ก็โอเค แล้วค่ะ จิตนั้นเค้าจะรู้เอง ถ้ายังสงสัย เค้าก็ดิ้นรนไปเองเหมือนคุณ lisy ตอนนี้แหละ เมื่อก่อนเค ก็เป็นแบบคุณ กว่าจะสงบใจ วางความคิดได้ วางสุข วางทุกข์ได้ ก็ลองผิด ลองถูกไปเรื่อย ยังดีที่คิดจะทำความเข้าใจนะคะ ไม่เสียชาติเกิดแล้วค่ะ ของเคก็เพิ่งจะหัดรู้หัดดู ไม่ใช่ถึงฝั่งจบกิจนั้นอีกยาวไกล แค่มีรู้สติรู้ทันเอาตัวรอดได้ไปวันๆ วันไหนขาดสติ หลงไปก็เสร็จเหมือนกัน ยังเป็นปุถุชน ก็ไม่ประมาทหรอกค่ะ บางทีพูดไปเยอะๆคนอื่นเข้าใจผิดว่าเป็นโน่นเป็นนี่อีก ก็ต้องวาง ถ้าไม่วางมันก็ทุกข์อีก มีแต่เราที่รู้ตัวเราได้ วนไปวนมาอีกละ
      อย่าคิดมากนะคะ ทำเล่นๆ ให้เป็นธรรมชาติของเขาเอง จะสบายค่ะ
      แถมให้ มาฟังหลวงพ่อปราโมช ดูนะคะ เค ว่า ของวันนี้ฟังแล้วเข้าใจมากขึ้นนะ
      http://wimutti.net/pramote/cd.php?cd=13
      วันพฤหัสบดีที่ 13 กรกฏาคม 2549(1)
      วันพฤหัสบดีที่ 13 กรกฏาคม 2549(2)
      วันอื่นก็มีนะ แต่วันนี้หลวงพ่อเทศน์เรื่อง สมถะ-วิปัสนา เหมาะกับผู้เริ่มต้นดี
  • Loading...
  • Loading...
Loading...