เค้าว่าปี 2562 ประเทศไทยจะเข้ายุคศิวิไลซ์ - ช่วยนิยามคำว่าศิวิไลซ์กันหน่อยครับ

เค้าว่าปี 2562 ประเทศไทยจะเข้ายุคศิวิไลซ์ - ช่วยนิยามคำว่าศิวิไลซ์กันหน่อยครับ

เพราะว่าผมได้ลองถามแล้วว่าปี 2562 นั้นจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง ผมจะได้เตรียมตัว .. แต่คนที่แจ้ง บอกว่าให้ซื้อที่ดินทำการเกษตรไว้ เพราะผลผลิตการเกษตรจะราคาแพง

.. ผมมาคิดดู แบบนี้มันเรียกว่ายุค ศิวิไลซ์ เหรอครับ
ดังนั้น รบกวนท่านๆ ช่วยนิยามคำว่า ศิวิไลซ์ มันต้องเป็นอย่างไรบ้างครับ

 

ศิวิไลซ์ ท้องทุ่งนา กับ ศิวิไลซ์ ในเมืองหลวง

 

ศิวิไลซ์ ตามความหมายของชาวปุถุชนคือยุคที่ความเจริญรุ่งเรืองทางวัตถุจะเติบโตรวดเร็วพุ่งปรี๊ด ครับ

แต่ได้ข่าวว่าคนที่เขียนเป็นพระนี่สิ ได้ข่าวว่าเป็นของหลวงพ่อฤาษีลิงดำจริงเท็จอย่างไรผมไม่ทราบ เห็นมีคนบอกในกระทู้ผมว่าท่านเป็นโลกะวิทู รู้ทั้งทางโลกและทางธรรม และที่สำคัญ "ท่านอยู่ในยุคที่มีคำว่าคอรัปชั่นแล้ว" ท่านอาจจะหมายถึงความเจริญทางธรรม หรือทางด้านจิตใจก็อาจเป็นไปได้นะ เพราะคนน่าจะเข้าอกเข้าใจกันมากขึ้น หลังพบกับวิกฤตในชาติ แต่ผมว่าความเจริญทางจิตใจ จะอยู่กับเราได้ไม่นานเท่าไร อาจกินเวลาประมาณ 100-300 ปี อย่างมากๆๆๆ นะ ให้ 700 ปี อย่างไรก็ตามผมแค่เดา

ยุคนี้คือ ถิ่นกาขาว แล้วมันจะต่อด้วยยุคไทยมหารัฐ จักรพรรดิราช อันนี้ไม่รู้เหมือนกันว่าเท็จจริงอยางไร เพราะมันมีหลายคำทำนายเหลือเกิน
เห็นเขาว่างั้นนะ แต่ผมจำไม่ได้แล้วว่า แต่ละยุคมีช่วงทิ้งห่างเท่าไร
เอาเป็นว่า ไม่รู้ว่าจักรพรรดิ์จะมาเมื่อไหร่ กว่าจะถึงยุคจักรพรรดิ์ ผมและคุณและใครต่อใคร อาจจะม่องเท่งก่อน
หรือจักพรรดิอาจจะมาเร็ว ๆ นี้ แล้วแต่กรรมของคนในชาติล่ะครับ

แต่ความคิดผม ผมว่ารักกันไว้จะดีที่สุด
/////////////////////////////////////////////////

พอดีได้อ่านโพสข้างล่างแล้ว ผมรู้สึกกลัวขึ้นมาทันทีเลยครับ
ความหมายของคำว่า ศิวิไลซ์ ที่ว่าทำให้เป็นคนเมือง ทำให้หายป่าเถื่อน อารยธรรม *.*
น่ากลัวนะ
ถ้าเราใช้คำเหล่านี้ในลักษณะของวาทะกรรม(ใช้คำพูดที่สวยหรูมาบิดเบือนความเข้าใจ ให้เห็นบางอย่างเป็นอีกอย่าง หรือกลับผิดเป็นถูก)มันก็ โคตะระน่ากลัวเลยล่ะครับ มันคือความอันตรายของความฉลาดของผู้ไม่มีคุณธรรม ผมไม่ได้ว่าใครนะ
ใจจริงอยากให้คนเจริญทางด้านจิตใจกันมากกว่าทางด้านปัญญาหรือว่าวัตถุนะ(หมายถึงให้คณธรรมนำปัญญานะ ผมไม่ได้เชียร์ให้คนโง่) ผมหวังให้จิตใจของคนเจริญกว่าวัตถุเสมอ

 

ศิวิไลซ์ มาจากคำว่า civilize
หมายถึง ความเจริญ, ทำให้เป็นคนในเมือง, ทำให้หายเป็นคนป่าเถื่อน, นำความเจริญให้บังเกิดแก่, อารยธรรม

รากศัพท์มาจากคำว่า civil หมายถึง เมือง เติม lize ข้างหลังหมายถึงเป็นกลุ่มชน civilize แปลตรงตัวจึงหมายถึง กลุ่มคนที่อยู่ในเมือง

ยุคศิวิไลซ์ก็น่าจะหมายถึงยุคที่คนมีการรวมตัวกัน และปลูกสิ่งก่อสร้าง สร้างวัฒนธรรม ศิลปะทำให้เป็นกลุ่มคนที่มีอารยะ เรียนว่าอารยะชนนั่นเอง


ทีนี้สิ่งที่ต้องคิดต่อก็คือ มันไม่ได้เป็นคำจากภาษาไทย บาลี หรืออะไรที่มันใกล้ๆเราหรือควรจะเป็น แล้วทำไมถึงไปอยู่ในคำทำนายได้ อันนี้ก็แล้วแต่คิดครับ

 

เอาไปอีกหน่อยเผื่อมีบางท่านจะบอกว่าที่ถูกไม่ได้เขียนอย่างนั้น แต่มันต้องเขียนอย่างนี้ต่างหากล่ะ

ศิวิไล เป็นการเขียนตามการออกเสียงในภาษาไทยและก็ให้บังเอิญว่าเสียงของมันก็ไปพ้องกับคำและความหมายที่ใช้ในภาษาไทยที่ใช้ว่า ศรีวิไล มีความหมายว่าเจริญ

ศิวิไลซ์ เป็นการเขียนทับศัพท์จากคำว่า civilize กึ่งๆ จะเป็นไทย กึ่งๆ จะเป็นเทศเพราะมันฟังคล้าย ศรีวิไล มากๆ (ซีวิลไลซ์) มีความหมายว่าทำให้เจริญ

ศรีวิไล(น่าจะ)มีที่มาจาก civilize นี่แหละ แล้วลากให้เป็นไทยทำนองเดียวกับ
นายแร้งกิน (Mr.Rankin)
หมอเหา(Dr.House) (
หรือหมาดำ(madam)

:boo:boo::boo:

 

ผมชอบคำนี้นะ .. ศิวิไล ==> ทำให้หายป่าเถื่อน

ว่าแต่สังคม ไทย ลาวลุ้มน้ำโขงแต่ก่อนคนก็มีน้ำใจกัน
ใครเข้าบ้านไหนก็เชิญชวนกินข้าว ไม่มีอดมีขาด ไม่ใช่เหรอ
แบบนี้ก็ศิวิไลมาแต่ก่อนแล้ว?

 

barbarous [ADJ] ป่าเถื่อน, See also: โหดร้าย, ดุร้าย, โหดเหี้ยม, Syn. uncivilized, barbaric
จาก longdo

ผมก็หวังว่า ยุคศิวิไลซ์จะเป็นยุคที่ไม่มีความโหดร้ายครับ อย่าเป็นยุคที่เจริญทางด้านวัตถุเพียงอย่างเดียวเลย

- -

จะพูดอะไรต่อดี ไม่ล่ะ เดี๋ยวเกิดกรณีพิพาท - - 555

 

ผมว่ามันน่าจะหมายถึงความสวยงามความสว่างไสว เหมือนคนบ้านนอกเข้ากรุงเทพฯ
ครั้งแรก ดูอะไรมันสวยงามละลานตาไปหมด ดูแล้วมีแต่ความสบายตาสบายใจ

เท่าที่ค้นข้อมูลผ่านมานั้นเราเหมือนอยู่ในที่มืดถูกบดบังด้วยอะไรบางอย่าง หรือว่าหลับตา
อยู่พอลืมตาขึ้นพบกับแสงสว่างก็เห็นว่าโลกนี้มันช่างสวยงามเหลือเกิน มันเป็นยุคน่ะ
เหมือน sine wave

 

ฝรั่งเข้ามา..เจริญรุ่งเรืองแต่ยุคพระนารายณ์(อยุธยาตอนต้น?)

ตอนนี้ อยากให้ภาคใต้ หมดปัญหาไปด้วย..
ทั้งประเทศเข้าสู่ยุคฟื้นฟูต้นมะม่วง..
โลกนี้มนุษย์จะใจดีกับธรรมชาติได้ไหม... หรือต้องรออะไร..อีก..??

*** ยามนี้เราจึงมาร้องเพลงร่วมร้องบรรเลงเสียงเพลงจากไพร
เมืองนั้นมีความศิวิไลซ์เมื่อมีป่าไม้ต้นน้ำลำธาร
มีนกกาหากินบินว่อนแม่ลูกอ่อนมีนมให้ลูกกิน
คนหากินสัตว์หากินเราไม่เบียดเบียนกันและกัน
ต้นไม้งามคนงดงามงามน้ำใจไหลเป็นสายธาร
ชุบชีวิตทุกฝ่ายเบิกบานมีคนมีต้นไม้มีสัตว์ป่า

ความสมดุลย์คือคุณตามธรรมชาติ
ดินน้ำลมฟ้าอากาศเติมวาดชุบชีวิตชน
หมู่ไม้พรรณอยู่กันมาหลายชั่วคน
ให้ใบให้ดอกให้ผลให้คนได้ผลประโยชน์

..
[ame="http://www.youtube.com/watch?v=6sGqo2OgLzk"]คาราบาว ชีวิตสัมพันธ์ - YouTube[/ame]

 

เพิ่มอีก เพลง เข้ากับกระทู้
[ame="http://www.youtube.com/watch?v=54QWC_l4nvU"]แดนศิวิไลซ์สุดขอบฟ้า - YouTube[/ame]

link เกี่ยวเนื่อง
http://palungjit.org/threads/%E0%B9%80%E0%B8%99%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B9%84%E0%B8%94%E0%B9%89%E0%B9%82%E0%B8%9E%E0%B8%AA-%E0%B8%A5%E0%B8%87%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%A5%E0%B8%87-%E0%B9%84%E0%B8%A7%E0%B9%89%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%97%E0%B8%B9%E0%B9%89.531704/

 

ตอนนี้ขอแค่นี้พอแล้วครับ

[ame=http://www.youtube.com/watch?v=whFxE1XFvhw]ฉันคิดไปเป็นชาวเกาะ - YouTube[/ame]

:boo:

 

ฉันจะอยู่ถึง 120 ปี จะอยู่จนฉลองพระราชพิธีครองสิริราชสมบัติครบ 100 ปี

นั่นคือพระราชดำรัสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่มีต่อท่านผู้หญิงบุตรี วีระไวทยะ รองราชเลขาธิการ เวลาจัดถวายพระพรและขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตที่จะถวายพระพรว่า ขอให้พระองค์ทรงพระเจริญ มีพระชนมพรรษาเกินกว่า 100 พรรษา ซึ่งท่านผู้หญิงบุตรีได้กรุณาอัญเชิญกระแสพระราชดำรัสดังกล่าวมาเล่าให้ อาจารย์เผ่าทอง ทองเจือ คณบดีคณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านโบราณคดีคนหนึ่งของไทยฟัง

อาจารย์เผ่าทองอัญเชิญกระแสพระราชดำรัสนี้มาเล่าให้แขกกลุ่มหนึ่งของไทยธนาคารฟังเมื่อวันที่ 23 มิถุนายนที่ผ่านมา. แม้การฉลองครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ที่เริ่มตั้งแต่วันที่ 8-12 มิถุนายน 2549 ที่ผ่านพ้นไปแล้ว แต่ได้สร้างความปลื้มปีติและความประทับใจแก่ปวงชนชาวไทยไม่รู้ลืม แต่เบื้องหลังงานพระราชพิธียังมีเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยที่เป็นความรู้และน่าสนใจอย่างยิ่ง

ไทยธนาคารได้จัดงานย้อนรำลึกถึงงานพระราชพิธีฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี โดยเชิญอาจารย์เผ่าทองมาเป็นวิทยากร เล่าแบบเจาะลึกในทุกพระราชพิธี เพื่อให้ปวงพสกนิกรได้ซาบซึ้งและอิ่มใจมากยิ่งขึ้น
อาจารย์เผ่าทอง เล่าว่า
งานฉลองพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวครองสิริราชสมบัติครบ 25 ปี เรียกว่า รัชดาภิเษกสมโภช ครองราชย์ครบ 50 ปี เรียกว่า กาญจนาภิเษกสมโภช
หากครองสิริราชสมบัติครบ 75 ปี จะเรียกว่า ฉลองพระราชพิธีพัชราภิเษก
แต่งานฉลอง 60 ปีครั้งนี้ พระเจ้าอยู่หัวยังไม่ทรงนับเป็นไดมอนด์จูบิลี แต่เมื่อฉลองครบ 100 ปี ก็จะเป็นพระราชพิธีที่สำคัญมากที่สุด เรียกว่า อมรินทร์ภิเษกสมโภช

ยุคศิวิไลซ์ ถ้าเทียบเคียงกับที่ผมอ่าน จากหนังสือพุทธพยากรณ์ โดย หลวงพ่อพระราชพรหมยาน(หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) บางส่วนกล่าวว่า พระราชาองค์นี้จะป็นที่พึ่งของคนไทยต่อไป ประเทศไทยมีทรัพยากร พระพุทธศาสนาจะรุ่งเรืองอีกครั้งหนึ่ง จะมีพระอริยเจ้ามากคล้ายกับสมัยที่พระพุทธองค์ยังทรงมีชีวิตอยู่ แต่ไม่ได้ระบุ พศ.ไว้

ข้อมูล ในเวปต่างๆใช้วิจารณญาณ ในการรับชม

 

ถ้าจะมีพระอริยะเจ้ามากขึ้น
ผมว่ามีแนวโน้มว่าจะมีมากขึ้นจริงครับ
แต่ต้องอาศัยพระที่สอนถูกหลักการศาสนาพุทธที่มีอิทธิพลต่อสังคม
เป็นต้นว่า หลวงพ่อเกษมเป็นต้น
ทีแรกผมก็ไม่ค่อยชอบท่านหรอกหลวงพ่อเกษมนะ

เพราะตอนนั้นผมยังฟังคนมากกว่าฟังธรรม
ตอนหลัง ๆ มานี่ผมเลือกฟังธรรมมากกว่าฟังคน ครับ

พระบางรูปที่ผมฟังแล้วเลื่อมใส เมื่อก่อน ตอนนี้กลายเป็นเด็กไร้เดียงสาไปเลย

ก็หวังว่าอยากให้มีพระอริยะเจ้าแห่งยุคเกิดขึ้นมาอีกบ้างสักรูปสองรูป
อนาคตไม่รู้เหมือนกันว่าจะมีใครมาอีกมั้ย
แต่ผมก็หวังว่าให้มาเร็ว ๆ เถอะ พระอริยะเจ้าที่มีอิทธิสามารถเปลี่ยนแปลงสังคมได้น่ะ


พุทธศาสนาจะเจริญรุ่งเรืองในประเทศที่มีความทุกข์มาก ๆ
เมืองไทยมีความทุกข์มากขึ้น
เป็นตลกร้ายที่ร้ายมาก ๆ
ศาสนาพุทธจะเจริญรุ่งเรื่องในประเทศที่มีความทุกข์มาก ๆ
แต่คนที่พูดว่านับถือพุทธกันจริง ๆ มันไม่มี มีแต่ไปนับถือเครื่องรางของขลัง ผีสางเทวดา เจ้าพ่อ เจ้าแม่ ภูเขา ต้นไม้ สัตว์พิการ ซะมาก
ใช่ครับ เขาช่วยเราได้ส่วนหนึ่ง แต่เขาไม่ได้ช่วยให้เราออกจากทุกข์ เขาช่วยให้เราติดอยู่แต่กับความทุกข์
จน หาที่ขอหวย ซื้อหวย ถูกหวยกิน ไม่ได้ตังค์
หาที่ขอหวยอีก ซื้ออีก ถูกหวย ได้ตังค์ หาที่ซื้อหวยอีก *.* วังวน

คนไทยไม่ได้นับถือศาสนาพุทธอย่างที่เราเข้าใจกันหรอก เขานับถือผีสาง เครื่องรางของขลัง

 

ปวงประชามีศีลมีธรรม มีพรหมวิหาร๔ ครองใจก็จะกลายเป็นสังคม"ศรีวิไล"
ด้านวัตถุมันจะเจริญตามจิตใจมาเอง ยานยนต์ต้นทุน๓แสน/คัน ก็ขายกันเอากำไร
พอประมาณ พออยู่ได้ ไม่ใช่แบบนี้ ๓ แสนขาย๗แสน จะงกรีบรวยกันไปไหน เหมือนรู้
ว่าโลกจะแตก รีบกอบโกยกันใหญ่ อย่างนั้นไม่ศรีวิไลแน่นอน

 

สังคมที่ใช้ระบบเศรษฐกิจที่เอื้อให้คนขูดรีดกันเอาเปรียบกันนั้น เป็นสังคม"คนกินคน"
สังคมศรีวิไล "คนต่างมีเมตตาต่อกัน" อยากให้เพื่อนมนุษย์มีความอยู่เย็นเป็นสุข ไม่
ต้องกระเสือกกระสนแย่งกันอยู่แย่งกันกิน ไม่ต้องรีบร้อนเหมือนกับทุกวันนี้

แต่จะเป็นจริงได้ระบบเศรษฐกิจจะไม่จำเป็นต้องมีนายทุน/ธนาคาร/ตลาดหุ้น/สลากกินแบ่ง
กินรวบต่างๆ ไม่ต้องเอาไว้ พูดง่ายๆ ว่าคิดและปฏิบัติแบบแนงทางสันติอโศกนั่นแหละครับ
มันแก่นของศรีวิไลเลย อย่าไปกลัวเรื่องล้าหลังทางวัตถุ มันจะค่อยๆวิวัฒน์ไปยิ่งกว่าระบบ
ปัจจุบันหลายต่อหลายเท่าเพราะคนจิตใจไม่กอบไม่โกย

 

รอวันนั้นมาถึงแต่คงจะม้วยเสียก่อนแน่ๆ เลยขอให้ลูกหลานไทยรักคนไทยและมีเมตตาต่อคนไทย คิดเป็นทำเป็น มีนวัตกรรมของตนเองส่งเสริมการพัฒนาภายในชาติต่อยอดนวัตกรรมฝรั่งมาใช้เป็นของไทยไม่ยอมเสียประโยชน์ให้ชาติอื่นโดยไม่เป็นธรรม มุ่งประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าส่วนตนเป็นที่ตั้ง และมีความสมานสามัคคีกันในชาติก็เริ่มเห็นเค้ารางแห่งความศิวิไลท์แล้วแหละ

 

"ถิ่นกาขาว ชาวศิวิไลย์"

ก่อนที่จะ สิ-วิ-ไล ต้องมีถิ่นของกา กาที่มีสีขาว ในความเป็นจริงกาที่มีสีขาว อาจจะมี หรืออาจจะไม่มี แต่ที่แน่ๆ ธรรมชาติของกามีสีดำและนิสัยไม่ดีเมื่อเทียบกับนกแต่ละชนิด
ส่วนที่พระท่านนิยาม ท่านพูดเป็นคำทายปริสนาเชิงเปรียบเทียบ ถ้ามองให้ลึกก็จะเข้าใจตามสภาพเหตุการณ์??

ส่วนชาว สิ-วิ-ไล หมายถึงดินแดนที่ผู้คนมีธรรมะในจิตใจมากที่สุด แต่การที่จะมีธรรมะในจิตใจน่าคิดกว่า อะไรที่มีศักยภาพมากขนาดมาเปรี่ยนจิตใจคนได้ขนาดนั้น? ถ้าคิดในแง่ลบ ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา ไม่เกิดวิกฤติผู้คนไม่เห็นใจกัน..?

 

ขอแสดงความคิดถึง จขกท.อย่างสุดซึ้ง
และขอให้ได้รับการอภัยโทษโดยเร็ววัน!!!

 

หากพิจารณาเฉพาะด้านจิตใจ ผมว่าประเทศไทยผ่านยุคคนดีจิตใจงามมาแล้ว
อย่างน้อย เราก็เคยได้ชื่อว่า สยามเมืองยิ้ม มาก่อนซึ่งน่าจะสะท้อนภาพชีวิต
จิตใจคนไทยสมัยก่อนที่ไม่นานมากนี้ได้

ดังนั้นผมว่า คำว่า "ศิวิไลซ์" น่าจะต้องรวมถึงความเจริญทางวัตถุด้วย
เจริญทางวัตถุก็จำพวกเทคโนโลยีและวิวัฒนาการด้านต่างๆ รวมทั้งกฎระเบียบสังคม นั้นแหละ

ซึ่งก็ไม่ได้จะหมายความว่าเราจะเข้าศิวิไลซ์เป็นประเทศแรกของโลก
ประเทศอื่นๆ ก็มีอยู่มากมาย ดังนั้นอาจจะมีประเทศอื่นเข้าศิวิไลซ์ไปแล้วก็ได้
ซึ่งก็ลองมองๆดูครับ ตัวอย่างเช่น ญี่ปุ่น เทคโนเจริญมาก และหากคนที่เคยไปเที่ยว
จะรู้ว่าคนญี่ปุ่นมีวินัยมาก และหากใครลืมของทิ้งไว้ จะไม่มีหายเพราะไม่มีใครเอาไปครับ เป็นต้น

 

ความเจริญทางด้านวัตถุ ณ วันนี้
การคิดค้นประดิษฐ์สิ่งใหม่ๆ น่าจะ
เกินจุดอิ่มตัวแล้ว
ถ้ายังไม่หยุดคิดค้น สิ่งประดิษฐ์จากนี้ไป
น่าจะเป็นโทษมากกว่าเป็นคุณ

โลกเละ เพราะคนมักง่าย ทำอะไรง่ายๆ
เพราะคิดว่าสิ่งประดิษฐ์จะเข้ามาทดแทน
สิ่งที่ถูกทำลายไปได้ เช่น ตัดไม้ทำลายป่าวอด
เดี๋ยวก็จะมีเชอร่ามาทดแทนเป็นต้น

วัตถุสิ่งประดิษฐ์จากนี้ จะเป็นสิ่งทีไม่ค่อยจำเป็นนัก
แต่มุ่งเพื่อการค้ามากขึ้นจัดเป็นสิ่งฟุ่มเฟือยมากกว่า

สิ่งประดิษฐ์ขั้นสูงจะไม่มีเพียงคุณประโยชน์ด้านเดียว
แต่จะให้โทษด้วย เพราะใช้ผิดวิธี หรือการให้ความไว้วางใจ
แก่สิ่งปีะดิษฐ์มากเกินไป