อัลบั้มพระ ประวัติ และวัตถุมงคล

สวัสดียามเช้าครับพี่โญ คุณวุฒิ...

 

​

 

​

 

​

 

​

 

​

 

​

 

;aa44 สวัสดีครับ น้องเอ๋ พี่วรรณ คุณเอ๊ะ คุณเอ็ม พี่ตี๋ น้องกูน คุณวุฒิ มาทักทายกันยามเช้าครับ

 

อนุสรณ์ ๑๐๐ ปี

หลวงปู่จันทร์ วัดป่าข่อย จ.สุโขทัย









เอื้อเฟื้อโดยพี่ตี๋ ขอบพระคุณคร๊าาาาบ....
​

 

.... ฝากไว้ในอัลบั้ม ....​

หลวงพ่อผอง ธัมมธีโร" หรือ "พระครูธีรพัชโรภาส" เจ้าอาวาสวัดพรหมยาม ต.สามแยก อ.วิเชียรบุรี จ.เพชรบูรณ์ เป็นพระเกจิอาจารย์ชื่อดังสายหลวงพ่อทบ ได้รับการถ่ายทอดสรรพวิทยาคม การฝึกสมาธิ ตลอดจนเคล็ดลับต่างๆ ในการปลุกเสกพระเครื่องวัตถุมงคลให้ศักดิ์สิทธิ์ หลวงพ่อผอง เกิดเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2467 ที่บ้านหันน้อย ต.หันมะเขือ อ.พล จ.ขอนแก่น อุปสมบทเมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2489 ที่วัดศรีชมชื่น ม.15 ต.บ้านเรือ อ.ภูเวียง จ.ขอนแก่น มีพระครูปฏิพัทธ์ธรรมคุณ เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้รับฉายาว่า ธัมมธีโร ต่อจากนั้น ได้เดินทางไปฝากตัวเป็นศิษย์หลวงพ่อทบ วัดเขาน้อย อ.ชนแดน ศึกษา วิทยาคม หลวงพ่อผอง ได้อยู่ปฏิบัติรับใช้หลวงพ่อทบ นานหลายพรรษา จนได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าคณะตำบลดงขุย-ชนแดน หลวงพ่อผอง ได้เริ่มจัดสร้างวัตถุมงคลต่างๆ ทั้งเนื้อว่าน รูปหล่อ เหรียญชนิดต่างๆ มาตั้งแต่ ปี พ.ศ.2535 เพื่อหาทุนสมทบก่อสร้างศาลาการเปรียญ ห้องสมุด และอุโบสถ

วัตถุมงคลของท่านทุกรุ่น ล้วนได้รับความนิยมสูง ด้วยไม่เน้นจัดสร้างเพื่อการค้าแต่อย่างใด แต่จัดสร้างเพื่อมอบให้ญาติโยมที่สมทบทุนบริจาคทรัพย์สร้างถาวรวัตถุในพระพุทธศาสนาเท่านั้น

 

(ขอขอบคุณข้อมูลจาก นสพ.บ้านเมือง)

เมื่อเวลา 05.30 น. วันที่ 7 ก.ย. 2555 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ รพ.เพชรบูรณ์ ว่า พระครูธีรพัชโรภาส หรือ “หลวงพ่อผอง” วัดพรหมยาม ต.สามแยก อ.วิเชียรบุรี พระเกจิชื่อดังของ จ.เพชรบูรณ์ ได้มรณะภาพลงอย่างกะทันหันด้วยโรคหัวใจวายเฉียบพลันที่ห้องไอซียู จึงเดินทางไปตรวจสอบ พบบรรดาศิษย์ยานุศิษย์จำนวนมากที่ทราบข่าวต่างเดินทางมารอเคารพศพหลวงพ่อเป็นจำนวนมาก ท่ามกลางบรรยากาศที่เป็นไปด้วยความเศร้าสลด

ทั้งนี้เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 6 ก.ย. หลวงพ่อได้มีอาการอ่อนเพลีย แขนขาไม่มีแรง ศิษย์ใกล้ชิดจึงพาหลวงพ่อเข้ารักษาตัวที่ รพ.วิเชียรบุรี ก่อนจะถูกส่งรักษาต่อที่ รพ.เพชรบูรณ์ โดยแพทย์ได้นำเข้าห้องไอซียู แต่อาการหลวงพ่อก็ไม่มีทีท่าจะดีขึ้น กระทั่งเวลา 04.45 น.ของวันนี้ หลวงพ่อก็มรณภาพลงด้วยอาการสงบ โดยคณะแพทย์ลงความเห็นการมรณภาพของหลวงพ่อว่า กล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน

หลวงพ่อผอง เกิดเมื่อวันที่ 24 มี.ค. 2467 ที่บ้านหันน้อย ต.หนองมะเขือ อ.พล จ.ขอนแก่น พออายุครบ 20 ปี ได้อุปสมบทที่วัดบ้านเรือ อ.ภูเวียง จ.ขอนแก่น โดยมีพระครูปฏิพัทธ์ธรรมคุณ เป็นพระอุปัชฌาย์ ภายหลังอุปสมบท พระอุปัชฌาย์ได้สอนวิปัสสนากัมมัฏฐาน และทำสมาธิเจริญจิตตภาวนา พร้อมกันนี้หลวงพ่อได้ศึกษาพระปริยัติธรรมไปด้วย จนสามารถสอบได้นักธรรมชั้นตรี-โท และสอบได้นักธรรมชั้นเอกในภายหลังต่อมา ท่านได้กราบลาพระครูปฏิพัทธ์ธรรมคุณ เพื่อออกเดินท่องธุดงควัตรแสวงหาความวิเวก ตามเทือกเขาชัยภูมิ ไปจนถึง จ.พิจิตร และเพชรบูรณ์ จนได้พบกับพระครูวิชิตพัชราจารย์ หลวงพ่อทบ และหลวงพ่ออ้วน วัดดงขุย สองอดีตพระเกจิดังของเมืองเพชรบูรณ์ จึงฝากตัวเป็นศิษย์ร่ำเรียนสรรพศาสตร์วิชาอาคมต่างๆ อยู่นานหลายพรรษา จนแตกฉาน จึงกราบลาออกธุดงค์ต่อจนมาถึงบ้านพรหมยาม ต.สามแยก อ.วิเชียรบุรี ซึ่งขณะนั้นเป็นพื้นที่ป่า เต็มไปด้วยสัตว์นานาชนิด

พ.ศ.2506 หลวงพ่อผอง ได้ร่วมกับชาวบ้าน สร้างวัดพรหมยาม จัดสร้างกุฏิ ศาลาการเปรียญ เสนาสนะต่างๆ เมื่อปี พ.ศ.2531 หลวงพ่อผอง ได้รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าคณะตำบลสามแยก และได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรที่พระครูธีรพัชโรภาส นอกจากหลวงพ่อจะเป็นพระนักพัฒนาแล้ว ยังเป็นพระภิกษุที่มีความเคร่งครัดในระเบียบวินัยสงฆ์ พูดจาไพเราะ มีความเมตตากับทุกคน จนที่กล่าวขานและเคารพเลื่อมใสในวัตรปฏิบัติ ส่วนวัตถุมงคลหลวงพ่อได้สร้างไว้ในรูปแบบต่างๆ ไว้จำนวนหลายรุ่น อาทิ เหรียญ รูปเหมือน พระกริ่ง พระผง เครื่องรางต่างๆ และเป็นที่นิยมในหมู่นักสะสมพระเครื่อง ก่อนที่หลวงพ่อจะละสังขาร รวมสิริอายุ 88 ปี พรรษาที่ 68 สำหรับศพหลวงพ่อคณะศิษย์ได้ตั้งสวดบำเพ็ญกุศลที่ศาลาวัดพรหมยาม ต.สามแยก อ.วิเชียรบุรี ส่วนจะมีการฌาปณกิจหรือเก็บศพหลวงพ่อไว้สักการะหรือไม่อย่างไร ขณะนี้อยู่ระหว่างการปรึกษาหารือของคณะกรรมการวัดกับศิษย์ยานุศิษย์.

 

ได้อ่านข้อความของคุณ พีพี2แล้วเกรงว่าจะหมดศรัทธาในศาสนาพุทธ อย่าเพิ่งหมดศรัทธานะครับ
ผมจึงอยากเล่าเรื่องส่วนตัวของผมนิดหน่อย แม้จะเป็นพุทธโดยกำเนิดแต่ไม่เคยรู้เรื่องของศาสนาพุทธ ไม่มีศรัทธาออกจะมีความคิดแย้ง ว่าเป็นนิทาน ยิ่งได้ไปเรียนที่กรุงเทพฯยิ่งแล้วใหญ่ เห็นพระทำตัวไม่เหมาะสม ผมยิ่งหมดศรัทธา เอาเป็นว่าไม่เชื่อในพุทธศาสนา ในช่วงเรืยนที่กรุงเทพฯเมื่อปี2512เพื่อนๆก็ให้เหรียญให้พระ มาพอสมควร ไม่ว่าจะเป็น ลพ.แพ ลพ.เงินดอนยายหอม(รุ่นเสมา หลวงพอเงิน ไม่มีไม้เอก มารู้ทีหลัง ซี๊ดปากเลย) ลป.ทวดนี่เพื่อนจากปัตตานีเวลาปิดเทอม จะเอามาฝาก ก็ยังปฏิเสธ และอีกหลายรูปที่ัดังๆในปัจจุบัน(พอจำได้) ที่เอาเก็บไว้จริงๆก็จะเป็นเพื่อนที่รักกันผูกพันกันเท่านั้น นอกนั้นก็ให้พี่ๆที่ขอไป
หลังจากเรียนจบปี2519 ก็ได้งานทำที่ภาคอิสานตามแนวเขตชายแดนไทย-เขมร เกิดกลัวตายก็เลยอยากหาของขลังไว้ป็องกันตัว ได้เพื่อนพาไปกราบพระดีเพื่อหวังของขลัง เจอของจริงของแท้คือ ลป.สาม อกิญจโน วัดป่าไตรวิเวก สุรินทร์ สายวัดป่า ลป.มั่น ได้พบได้สนทนา ได้คำสอนคำแนะนำแล้วเกิดศรัทธา ได้วนเวียนไปกราบนมัสการบ่อยขึ้นได้ความรู้เกี่ยวกับพุทธศานาเหิ่มขึ้นตามลำดับ เริ่มรู้ว่าพุทธศานามีความหมายอย่างไร เริ่มหัดสวดมนต์เป็น หัดนั่งสมาธิ สงสัยอะไรก็หาโอกาสไปถามท่าน ได้เหรียญจากท่านมาไว้เป็นที่ระลึก ที่สำคัญ ลป.บอกว่าเมื่อเกิดความกลัว(ตอนนั้นกลัวตาย)ให้ภาวนาพุทโธ เมื่อยังไม่หายกลัวก็ให้ท่องเร็วท่องไปเรื่อยๆจนกว่าจะหายกลัว ได้ผลครับ จิตใจมั่นคง ก็เริ่มศึกษาเกี่ยวกับพุทธศาสนา พอนึกย้อนหลังไปแล้วอยากร้องไห้เหมือนคนบาปหนา
ด้วยบุญเก่าที่คงพอมีอยู่บ้าง จึงได้มีโอกาสพบครูบาอาจารย์หลายๆรูปเช่น ลป.ดูลย์ ลป.ชา ลพ.พุธ ได้มีโอกาส สนทนาด้วยยิ่งเกิศรัทธา ว่าพุทธศาสนานี่ของจริง พิสูจน์ได้ เข้าใจในสัจจธรรม ที่เราต้องต่อสู้เพื่อไม่ให้เจ้ากิเลส 3 ตัว(โลภ โกรธ หลง)มาอยู่เหนือจิตใจของเรา ถึงแม้ปัจจุบันยังพ่ายแพ้มันอยู่ รู้ทันมันบ้าง ตามมันไม่ทันบ้าง ก็พยายามสู้กับมัน
ผมก็ร่ายมายาว อ่านแล้วจะสับสน ขอแค่นี้นะครับ

 

พระเครื่องเมืองโคราช เอื้อเฟื้อจากพี่ตี๋เหมือนเดิมคร๊าาาาาบ...








วันที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 ปีที่ 23 ฉบับที่ 8199 ข่าวสดรายวัน
หลวงพ่อคง ฐิติปัญโญ วัดตะคร้อ-โคราช


"พระครูคงคนครพิทักษ์" หรือ "หลวงพ่อคง ฐิติปัญโญ" วัดตะคร้อ อ.คง จ.นครราชสีมา เป็นพระเกจิ อาจารย์เรืองวิทยาคมรุ่นเก่าอีกรูปหนึ่งที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วภาคกลาง

ชาติภูมิ หลวงพ่อคง เดิมชื่อ คง เทพนอก เกิดเมื่อวันอาทิตย์ที่ 20 พ.ค.2453 ปีกุน ณ บ้านคอนเมือง หมู่ 2 ต.เทพาลัย อ.คง จ.นคร ราชสีมา บิดา-มารดา ชื่อ นายพูน และนางแย้ม เทพนอก ประกอบอาชีพทำนาทำไร่

ท่านเป็นลูกคนโต จึงต้องทำงานหนักตรากตรำมากกว่าคนอื่นตั้งแต่เด็กจนโต หัดไถนา ปักดำ ถอนกล้า เกี่ยวข้าวและหาบข้าว ช่วยบิดา-มารดา ทำงานทุกอย่าง เพื่อแบ่งเบาภาระหน้าที่

ต่อมาบิดาได้นำไปฝากกับหลวงพ่อหมั่น ที่วัดบ้านคอนเมือง จ.นครราชสีมา

หลวงพ่อหมั่นเป็นพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ เชี่ยวชาญวิทยาคม ท่านจึงเป็นที่เคารพนับถือของคนแถบนั้น โดยวัดบ้านคอนเมืองนั้นไม่ห่างไกลกับบ้านของท่าน ด้วยบิดา-มารดาต้องการให้ท่านได้เล่าเรียนหนังสือ อ่านออกเขียนได้และมีวิชาติดตัว

ชีวิตเด็กวัดเป็นคนหนักเอาเบาสู้ มีความรับผิดชอบต่อหน้าที่การงานและมีเมตตา

อายุ 16 ปี บรรพชาเมื่อปี พ.ศ.2470 แต่บวชได้เพียง 2 ปีก็ต้องลาสิกขา เหตุไม่มีคนเลี้ยงดูบิดามารดา

พ.ศ.2474 เมื่อน้องของท่านโตพอที่จะรับภาระหน้าที่ได้จึงได้เข้าพิธีอุปสมบท ขณะนั้นอายุ 21 ปี โดยความตั้งใจแต่ทีแรกท่านเพียงต้องการบวชเพื่อทดแทนคุณ และเป็นไปตามค่านิยมของท้องถิ่นที่ผู้ชายทุกคนต้องได้เคยบวชเรียนมาก่อนครองเรือน อุปสมบท ณ วัดบ้านวัด ต.เทพาลัย อ.คง จ.นครราชสีมา มีหลวงพ่อทุย (พระครูศีล วิสุทธิพรต) เจ้าอาวาสวัดเดิม อ.พิมาย เป็นพระอุปัชฌาย์, พระอาจารย์ทองสุข สุชาโต เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระอาจารย์ทิม สุมโน เป็นพระอนุสาวนาจารย์

ได้รับฉายาว่า ฐิติปัญโญ มีความหมายว่า ผู้มีปัญญาตั้งมั่น

หลังอุปสมบทพระภิกษุคงได้มาศึกษาเล่าเรียนกับหลวงพ่อทุย วัดเดิม อ.พิมาย พระอุปัชฌาย์ของท่าน ซึ่งหลวงพ่อทุยเป็นพระภิกษุเรืองวิทยาคม เป็นที่นับถือมากของชาวพิมายและโคราช และเมื่อมีเวลาว่างพระภิกษุคงได้ปรนนิบัติอุปัฏฐากหลวงพ่อทุย

พ.ศ.2480 หลวงพ่อทุยได้แนะนำให้พระภิกษุคงได้ไปศึกษาเล่าเรียนกับหลวงพ่อเขียว เจ้าอาวาสวัดบัวใหญ่ อ.บัวใหญ่ ซึ่งเป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่อทุยเช่นกัน โดยหลวงพ่อเขียวท่านมีวิชาที่เชี่ยวชาญด้านแคล้วคลาดปลอดภัย

พระภิกษุคงได้รับการถ่ายทอดวิชาที่เข้มขลังทั้งหมด อีกทั้งในขณะที่อยู่จำพรรษาที่วัดบัวใหญ่ ท่านขึ้นชื่อว่าเป็นพระที่เทศน์ได้เก่งมาก ได้รับกิจนิมนต์ให้ไปเทศน์ในถิ่นทุรกัน ดารเสมอๆ ซึ่งเป็นการฝึกตนเองให้กับพระภิกษุหนุ่ม ในช่วงนั้นพระภิกษุคงยังได้มีโอกาสออกท่องธุดงค์ไปทั้งลาวและเขมร ซึ่งการเดินทางในยุคนั้นยากลำบากมาก ภาคอีสานเต็มไปด้วยป่าดงดิบ ดังนั้น พระภิกษุที่ออกธุดงค์ได้จะต้องมีวิชาที่เก่งกล้า

พ.ศ.2493 ครั้นเมื่อตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดตะคร้อ อ.คง จ.นครราชสีมา ว่างลง หลวงพ่อเขียวเห็นว่าพระหนุ่มรูปนี้มีความสามารถที่จะรับตำแหน่งนี้ได้ จึงสนับสนุนให้พระหนุ่มได้มีโอกาสดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดตะคร้อ

กล่าวได้ว่าวัดตะคร้อในยุคนั้นเป็นวัดยากจน แถบอำเภอคงจัดได้ว่าเป็นอำเภอที่ทุรกันดารที่สุดในยุคนั้น

หลวงพ่อคงต้องบริหารปกครองพระลูกวัด ท่านได้สร้างเสนาสนะ อุโบสถ โรง เรียนพระปริยัติธรรม ฯลฯ จนกระทั่งได้เป็นวัดพัฒนาตัวอย่างของกระทรวงศึกษาธิการ

หลวงพ่อคง วัดตะคร้อ เป็นผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ด้วยวัตรปฏิบัติที่งดงามน่าเลื่อมใส หลวงพ่อท่านมีวิชาอาคมที่เข้มขลัง ท่านรับกิจนิมนต์โดยไม่เลือกชนชั้นวรรณะ ทุกคนที่มากราบนมัสการหลวงพ่อท่านจะมอบวัตถุมงคลให้คนละกำมือ

แม้กระทั่ง หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ พระเกจิดังแห่งวัดบ้านไร่ อ.ด่านขุนทด จ.นคร ราชสีมา ยังได้เข้ากราบนมัสการหลวงพ่อคง ณ วัดตะคร้อ เนื่องในวันคล้ายวันเกิดครบ 7 รอบ เมื่อปีพ.ศ.2537 เนื่องจากเป็นสหธรรมิกกัน

แม้หลวงพ่อคงจะล่วงอายุเข้าสู่วัยชรา แต่ท่านยังคงมุมานะปฏิบัติเคร่งครัดในพระธรรมวินัย สร้างศรัทธาต่อประชาชนในท้องถิ่น

 

​

 

สวัสดีครับ อ.โญ
ถ่ายภาพซูมแล้วสวยมากครับ
เหรียญนี้ยังทันลป.ความจริงน่าจะใช้ว่า ฉลองครบรอบ 100ปี เพราะลป.อายุ 103หรือ104 ปีผมจำได้ไม่แน่ชัด

 

อรุณสวัสคร๊าบบบพี่ๆทุกท่าน ^^

 

;aa44 ดีจ้าตากานต์ ดีขึ้นหรือยัง

 

น้อมกราบ ลป.ดู่ ด้วยเศียรเกล้า

 

อ่านประวัติท่านเกิด ๕ มกราคม ๒๔๔๕ มรณภาพ ๒ ธันวาคม ๒๕๔๘

อายุเท่ากับ ๑๐๓ ปี ครับพี่ตี๋