จำเป็นมัยเวลานั่งสมาธิต้องเห็นแสงสว่างเจิดจ้า

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย nite, 4 กุมภาพันธ์ 2014.

  1. nite

    nite เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2013
    โพสต์:
    442
    ค่าพลัง:
    +611
    อยากทราบว่าทุกคนที่นั่งสมาธิจะต้องเห็นแสงสว่างเจิดจ้าทุกครั้งที่นั่งหรือภาวนา
    ถ้าคนที่นั่งภาวนาอยู่กับ พุทโธ ไปเรื่อยๆจนผ่านไป 1-2 ชั่วโมงโดยไม่เมื่อยไม่เหนื่อย พอลืมตาขึ้นมาก็รู้สดชื่นเหมือนพึ่งตื่นนอน แต่ไม่เห็นแสงสว่างหรืออะไรใดๆทั้งสิ้นแบบนี้เขาเรียกว่าสมาธิได้มัย แล้วถ้าใช่สมาธิอยู่ประมาณไหน เริ่มต้น??
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 กุมภาพันธ์ 2014
  2. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    ไม่จำเป็นครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 กุมภาพันธ์ 2014
  3. nite

    nite เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2013
    โพสต์:
    442
    ค่าพลัง:
    +611
    หรือว่าที่ไม่เห็นแสงสว่าง เพราะสมาธิเรายังไม่นิ่ง ?? แต่ก็นั่งไปได้ 1-2 ชั่วโมงแบบไม่เมื่อยอะไรเลย หรือว่าพึ่งแค่พื้นฐานเลยยังไม่ถึงขั้นนั้น??ต้องฝึกเรื่อยๆ?
     
  4. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    อยู่ที่ อะไรหว่า เรียกไม่ถูก


    อยู่ที่ สภาพ จิต ของผู้ปฏิบัติ ตอนนั้นๆ ว่ามีอารมณ์ มี นิวรณ์ มีกิเลสหนักไหม

    ศีลบริสุทธิ์ ไหม ก่อนทำสมาธิ นะครับ


    บางคนก็มืดสนิท ไม่มีอะไร

    บางคนก็สว่างไปหมด

    บางคนเคยสว่างก็มืด บางคนมืด ก็สว่าง


    ผมว่า จขกท ไม่ต้องไปกังวลหรอกว่า สว่าง หรือ มืด นะครัช


    .

    ดู จิต ตัวเอง ว่า สงบ จาก นิวรณ์ 5 ไหม สงบจากกิเลส ไหม


    จะปฏิบัติสมาธิได้นั้น ต้องมี ศีล เป็นฐานของการปฏิบัติ นะครัช

    .
     
  5. นะมัตถุ โพธิยา

    นะมัตถุ โพธิยา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    618
    ค่าพลัง:
    +2,269
    จำเป็น


    พระธรรมมงคลญาณ (หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินธฺโร เจ้าอาวาสวัดธรรมมงคล กรุงเทพฯ
    และเป็นศิษย์เอกองค์หนึ่งของหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต)

    หลวงพ่อสอนไว้ว่า.....

    แสงสว่างในสมาธิ คือ กระแสจิต

    เมื่อสมาธิก้าวหน้า.....พลังจิตจะมากขึ้น
    พลังจิตจะแปรสภาพเป็น.....กระแสจิตที่เจิดจ้า(จึงเห็นเป็นแสงสว่าง)
    ยิ่งพลังจิตมากขึ้นเท่าใด.....แสงสว่างก็ยิ่งมากขึ้นตามเท่านั้น
    และต่อไปแสงสว่างนั้น.....จะพัฒนาไปเป็นตาทิพย์

    ตาทิพย์ คือ แสงสว่างในสมาธิที่เจิดจ้ามากจนสามารถมองเห็นสิ่งรอบตัวได้แบบหลับตาก็เห็นชัดเจนถูกต้องเหมือนลืมตา
    ซึ่งจำเป็นในการนำไปใช้เจริญวิปัสสนากรรมฐานต่อไป

    ดังนั้น.....
    แสงสว่างจึงเป็นเกณฑ์หนึ่งในการวัดระดับขั้นของสมาธิ(สมถกรรมฐาน)ว่า.....
    สมาธิก้าวหน้ามากน้อยแค่ไหน และพร้อมจะก้าวขึ้นไปสู่วิปัสสนาได้หรือยัง

    ------------------------------------------------------------------------------------------------------------

    สนใจเรียนสมาธิที่ถูกต้องตามแนวหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
    เชิญคลิก : สถาบันจิตตานุภาพ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 กุมภาพันธ์ 2014
  6. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    คำว่า " แสงสว่าง " เวลาเราได้ยิน หากเรา ยังติดในความเป็น ปุถุชน คนหนา
    หรือ การปฏิบัติของเรา ยังไม่เคย เจอสภาวะ กำจัดกิเลส หรือ กิเลสสะเทือน

    เราก็จะ สำคัญไปว่า แสงสว่าง คือ อะไร แว๊บๆ วู๊บๆ ตูมๆ ตามๆ

    แสงสว่าง ในพระพุทธศาสนา เราไม่จำกัดรุปแบบของการปรากฏ แต่ เราจะ
    เน้นการ เกิดขึ้น เพื่อ กิจใด และ หลังจากทำกิจนั้น อะไรเป็นผล

    สมมตินะสมมติ

    สมมติว่า เราเดินไปเจอทองตกอยู่บนพื้นในที่สาธารณะ ไม่อาจระบุได้ว่า เป็นที่
    ในความรับผิดชอบของใคร แล้วเราก็เดินผ่าน ไม่ฉวยขึ้นมาเก็บเอาไว้

    อันเนี่ยะ เราจะถือว่า แสงสว่างเกิดขึ้นแล้ว !!

    เพราะถ้าหยิบ โอกาสที่เราหยิบเพราะ โลภะ ก็มีมาก โอกาสที่เราหยิบ
    แล้วจะโดนปรักปรำเอาว่าเป็น ขโมย เอาได้ ก็มีได้มาก ( อย่านึกว่าจะ
    เป็นคนเก็บแล้วเอาไปคืนเจ้าของ จะเป็น คนดีเสมอไป -- อย่างในสมัย
    พุทธกาล พระท่านไปเก็บถุงเงินที่ตก โจรมันโยนทิ้งไว้ แล้ววิ่งไปอีกทาง
    พอ เจ้าของเขามาเจอ เขาก็ ฟันหัวพระฉับ ขาดกระเด็นไป เพราะ เขา
    ถือว่า สมรู้ร่วมคิดกัน เป็นต้น )

    เว้นไว้แต่ เป็นสถาณที่ ที่มีเจ้าเรือนแน่ชัด อันนั้น เราเก็บได้ แล้วรีบเอาไป
    ให้เจ้าของที่ ที่ดูแล ก็อาจจะ พอพ้นผิดได้ ( ในทางโลก อาจจะ ปรักปรำ
    ได้ว่า โจรเห็นว่าไม่รอด เลย วานให้เรา เอาทรัพย์มาคืน เพื่อจะได้ พ้นผิด
    กันไป ทั้งโจร แล้ว คนเอามาคืน ก็กลายเป็น ฮีโร่ ได้รางวัลเล็กน้อย ถึง มากเท่ามาก)

    ก็นะ อ้อมไปเยอะ

    แสงสว่าง มีกิจในการเกิดคือ ละ วาง สลัดคืน อุปทานขันธ์ ( เน้นนะว่า อุปทานขันธ์ )

    ดังนั้น

    หาก อุปทานในขันธ์5 ของเจ้าของกระทู้ มันจางคลายลง รู้ว่าพ้น หรือ รู้ว่าไม่พ้น
    เนี่ยะ แสงสว่าง

    ( รู้ว่า ไม่พ้น ก็ได้นะ ถือว่า ละอุปทานขันธ์ได้ เหมือนกัน เพราะการเห็นได้ จะเรียก
    ว่า มีจักษุธรรม จึงอนุโลม )

    แต่ แสงสว่างประเภท ไกลสุดขอบจักรวาล ไม่มีขอบไม่มีเขต รู้สารพัด รู้ไปยิ่งกว่า
    พันจักวาล รู้เรื่องกษัตรย์ รู้เรื่องอนาคต รู้เรื่องอดีตกาล รู้เรื่องพญา รู้เรื่ององค์โน้น องค์นี้
    บางประเภท อันนั้น นอกจาก กิเลสไม่สะเทือน อุปทานขันธ์ไม่จางคลาย ยังเข้าข่าย
    จม " เดรัจฉานกถา " ด้วยซ้ำไป
     
  7. nite

    nite เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2013
    โพสต์:
    442
    ค่าพลัง:
    +611
    สงสัยเราคงกิเลสหนาไปหน่อยเลยมองไม่เห็นแสงสว่าง ที่ว่ามันเป็นแบบไหนแต่ก็เอาเถอทุกครั้งที่หลับตาแค่รู้ว่าหลับตา ทุกครั้งที่หายใจแค่รับรู้ว่าหายใจ อยู่กะพุทโธพุทโธ ก็พอละ...:'(
     
  8. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    เคยได้ยินบทนี้ไหม

    ปัญหา ในการเจริญสมาธิ บางครั้งเกิดนิมิตเห็นรูปแล้ว หรือเกิดโอภาสแสงสว่างแล้ว แต่ในไม่ช้าก็หายไป ทั้งนี้เพราะเหตุไร?

    พุทธดำรัสตอบ “.....ดูก่อนอนุรุท เมื่อก่อนตรัสรู้ ยังไม่รู้แจ้งด้วยปัญญาอันยิ่ง ยังเป็นโพธิสัตว์อยู่ เราย่อมรู้สึกแสงสว่างและการเห็นรูปเหมือนกัน แต่ไม่ช้าเท่าไร แสงสว่างและการเห็นรูปอันนั้นของเรา ย่อมหายไปได้ เราจึงมีความดำริดังนี้ว่า อะไรหนอแลเป็นเหตุเห็นปัจจัยได้แสงสว่างและการเห็นรูปของเราหายไปได้ ดูก่อนอนุรุธ เรานั้นได้มีความรู้ดังนี้ว่าวิจิกิจฉา (ความสงสัยลังเล) แลเกิดขึ้นแล้วแก่เราก็วิจิกิจฉาเป็นเหตุ สมาธิของเราจึงเคลื่อน เมื่อสมาธิเคลื่อนแล้ว แสงสว่างและการเห็นรูปจึงหายไปได้ เราจักทำให้วิจิกิจฉาไม่เกิดขึ้นแก่เราได้อีก

    .....ดูก่อนอนุรุธ เรานั้นได้มีความรู้ดังนี้ว่าอมนสิการ (การไม่ใส่ใจ) แลเกิดขึ้นแล้วแก่เราก็อมนสิการ เป็นเหตุ สมาธิของเราจึงเคลื่อน

    ถีนมิทธะ (ความง่วงงุน) แลเกิดขึ้นแล้วแก่เรา...... สมาธิของเราจึงเคลื่อน......

    ความหวาดเสียว...... แลเกิดขึ้นแล้วแก่เรา...... สมาธิของเราจึงเคลื่อน......

    ความตื่นเต้น แลเกิดขึ้นแล้วแก่เรา...... สมาธิของเราจึงเคลื่อน......

    ความชั่วหยาบ แลเกิดขึ้นแล้วแก่เรา...... สมาธิของเราจึงเคลื่อน......

    ความเพียรที่ปรารภเกินไป แลเกิดขึ้นแล้วแก่เรา...... สมาธิของเราจึงเคลื่อน......

    ความเพียรที่หย่อนเกินไป แลเกิดขึ้นแล้วแก่เรา...... สมาธิของเราจึงเคลื่อน......

    ตัณหาที่คอยกระซิบ แลเกิดขึ้นแล้วแก่เรา...... สมาธิของเราจึงเคลื่อน......

    ความสำคัญสภาวะว่าต่างกัน แลเกิดขึ้นแล้วแก่เรา...... สมาธิของเราจึงเคลื่อน......

    ลักษณะที่เพ่งเล็งรูปเกินไป แลเกิดขึ้นแล้วแก่เรา...... สมาธิของเราจึงเคลื่อน......

    เมื่อสมาธิเคลื่อนแล้ว แสงสว่างและการเห็นรูปจึงหายไปได้ เราจักทำให้วิจิกิจฉาอมนสิการ
    ถีนมิทธะความหวาดเสียว ความตื่นเต้น ความชั่วหยาบ ความเพียรที่ปรารภเกินไป ความ
    เพียรที่ย่อหย่อนเกินไป ตัณหาที่คอยกระซิบ ความสำคัญสภาวะว่าต่างกัน และลักษณะที่
    เพ่งเล็งรูปเกินไปขึ้นแก่เราได้อีก.....

    **************************************

    สังเกตเลยนะครับ

    โพส #7 คุณทำอะไร ใช่ การ นมสิการ หรือเปล่า

    ถ้าเป็นการ นมสิการ จะไม่ใช่ แค่พูดเป็น โวหาร ลอยๆ

    แต่ พูดปั๊ป จิตก็ นมสิการด้วย

    ถ้า พูดปั๊ป จิตนมสิการด้วย หรือ นมสิการอยู่ก่อนแล้ว แสงสว่าง ก็มี แล้ว !!
     
  9. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    ทีนี้ มาคำว่า " นิมิตรูป " คืออะไร คือ รูป ดิน น้ำ ลม ไฟ เห็นกัน จะๆ จับต้องได้
    หรือว่า เป็น นามธรรมที่บางอย่างที่ทำให้ทราบได้ว่ากำลังสัมผัสรูป

    เคยได้ยิน " เย็น ร้อน อ่อน แข็ง ตึง ไหว " ไหม

    หรือ

    เคยได้ยิน " ธาตุนมสิการบรรพะ ไหม "

    ดังนั้น

    หากคุณ มี นมสิการ จิตเกิดสมาธิ แล้ว ไประลึกสภาพธรรม เย็น ร้อน อ่อน แข็ง ตึง ไหว

    อันนี้ คุณสำคัญเป็นไฉน

    ใช่แสงสว่าง ใช้การสัมผัสรับรู้ ปรมัตถธรรม มหาภูรูป4 หรือเปล่า หละ !!?

    ลองใคร่ครวญดู

    อ้อ อย่ากลัวว่า จะเป็น อัชฌาศัยสุขวิปัสโก นะ

    เพราะ มันเป็น " ธาตุนมสิการบรรพะ " การระลึกรู้ ดิน น้ำ ลม ไฟ นี่แหละ
    มีสติเพ่งพิจารณา ดิน น้ำ ลม ไฟ แน่นอน อย่าได้สำคัญว่า ไม่ได้เพ่งดิน น้ำ ลม ไฟ
     
  10. nite

    nite เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2013
    โพสต์:
    442
    ค่าพลัง:
    +611
    เคยมีนั่งไปสักพักแล้วในจิตหมุนเหวี่ยงๆแรกก็ตกใจหลังเริ่มหาสาเหตุ แล้วบอกกับตัวเองว่าอย่าคิดไปเองตั้งสติสักพักมันก็นิ่งแล้วก็ ท่องพุทโธๆต่อไปเรื่อยๆจนลืมตามา ปาไปเกือบ สองชั่วโมง รู้สึกอิ่มเหมือนได้นอน แบบนี้เขาเรียกว่าสมาธิได้มัย?? แต่ไม่เห็นแสงสว่างที่ว่านะ?
     
  11. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456

    มันเลย แสงสว่างไปแล้ว ครับท่าน

    การไปเห็น เหวี่ยงๆ ไหวๆ นั้นคือ " อาโปกสิณสัญญา " ของเด็กๆ ของชาวบ้านๆ

    ให้คุณ ทราบว่า ขณะนั้นเห็น นิมิตรูป ได้ชัด

    จะไม่ชัด ก็เมื่อ ท่านลังเล ว่า เห็นอะไร

    พอไปลังเล ว่าเห็นอะไร ก็ตก จากสมาธิ

    หรือ

    พอมันกำลังเหวี่ยงๆ ท่านก็ พยายามจะทำให้มัน ชัด เลยเพ่ง
    เข้าไปใน การเหวี่ยง จิตท่านก็เสียความตั้งมั่น หลุดจาก สมาธิ

    เนี่ยะ

    สังเกตไปเลย ไม่ผิดจาก ที่พระพุทธองค์ ก็ ทรงเห็น เหมือน
    อย่างที่คุณเห็น

    ดังนั้น

    พิจารณาดีๆ ว่า สุญญตาสมาธิ อยู่ตรงไหน ถอยห่างออกมาอย่างไร
    ตั้งมั่นอย่างไร

    ถ้าทำได้ จะพบว่า สมาธิของพระพุทธองค์ สมาทาน ได้ตลอดเวลา
    ไม่ต้องเข้าคอส ไม่ต้องตั้งท่า นมสิการปั๊ป เข้าออก ได้เลย

    *********

    อนึ่ง พึงทราบว่า เมื่อภาวนามากๆ จิตเป็น สมาธิในพระพุทธศาสนาได้มากๆ ( สุญญาตาสมาธิ อนิมิตสมาธิ อัปณิหิตสมาธิ )
    พอจิตมันเกิด " ลหุสัญญา " แล้วคุณไม่ได้กำหนดรู้ " ลหุสัญญา " จิตคุณจะปลิ้นออกไปสู่ การมีญาณทัศนะแบบฤาษี
    คือ เห็นนิมิต เห็นโน่น เห็นนี่ ได้ยินโน้น นั่น นี่หรือ มีธรรมแตกฉาน อันนั้น เราจะเรียกว่า จิตตกจากสมาธิทั้งหมด

    เพราะอะไร

    เพราะมันเป็น สภาวะที่มีสมุทัย เจือปน มันจึงแฉลบออก ไปสู่ โลกธาตุที่อุดมไปด้วย ดิน น้ำ ไฟ ลม

    ตราบใดที่จิตรู้แต่ ธรรมชาติที่ประกอบไปด้วยดิน น้ำ ไฟ ลม พึงทราบว่า เป็นเรื่องจิตมีสมุทัยทั้งนั้น ให้ทราบไปตาม
    นั้นแล้ว อะไรที่รู้ ที่เห็น เราจะ เลือก หยิบ จับเท่าที่ เป็นประโยชน์ต่อการ ภาวนา เท่านั้น

    จะไม่หยิบจับมากล่าวอย่างเกินความจำเป็น ไม่ใช่เพื่อการชี้ทุกข์


    อะไรก็ตามที่ไม่ใช่การชี้ทุกข์ สิ่งเหล่านั้น คือ เดรัจฉานกถา ทั้งหมด
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 กุมภาพันธ์ 2014
  12. นะมัตถุ โพธิยา

    นะมัตถุ โพธิยา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    618
    ค่าพลัง:
    +2,269


    ขออนุโมทนาบุญที่สนใจปฏิบัติสมาธิ
    และขอเป็นกำลังใจให้ปฏิบัติต่อไป

    ไม่ควรไปคิดว่า...ตนเองกิเลสหนาเลยมองไม่เห็นแสงสว่าง
    เพราะ ผู้ที่ฝึกสมาธิ...ก็เริ่มจากมืดตื้อ ไม่มีแสงสว่าง เหมือนกันทุกคน

    หลวงพ่อวิริยังค์ สอนว่า...
    ทุกครั้งที่นั่งสมาธิ จะได้พลังจิตสะสมเพิ่มขึ้น
    ขอให้พยายามนั่งสมาธิทุกวันๆไปเรื่อยๆ.....
    ในที่สุด...เมื่อพลังจิตสะสมมากถึงจุดที่เพียงพอ
    ก็จะเกิดแสงสว่างและตาทิพย์ ได้ทุกคนแน่นอน

    chearr chearr chearr
     
  13. nite

    nite เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2013
    โพสต์:
    442
    ค่าพลัง:
    +611
    ก็ถ้าว่าง ตอนเย็นก็จะนั่งบ่อยๆ บางคนบอกว่าอย่านั่งบ่อยเด่วติดสมาธิเพราะกลัวจะติดความสบายในสมาธิ ก็เลยไม่ได้นั่งทุกวันเหมือนแต่ก่อน
     
  14. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    จะไปกลัวติด ทำไมหละคร้าบ ท่าน

    สมาธิ หากเป็น สุญญตาสมาธิ ไม่ใช่ สมาธิที่มีสมุทัยเจือปน เสพเท่าไหร่
    ก็ไม่ติด เสพให้มากๆ นอกจากจะไม่ติด ยังเป็นการ นำออกแต่ส่วนเดียว

    ทีนี้ อยู่ดีๆ เราจะเจริญ สุญญตาสมาธิ เข้าเป้าทันทีไหม ไม่แน่นอนอยู่แล้ว
    [ เพราะถ้า แน่นอนก็ไม่ใช่ สุญญตา สิ ]

    ดังนั้น เวลาเคลื่อนออกจากสมาธิ มี สมุทัย หรือ มีตัณหา จิตจึงเคลื่อนออก
    จาก สุญญตาสมาธิ ไปเป็น สมาธิที่มีสมุทัย สมาธิฤาษีชีไพร สมาธิชาวบ้าน
    ก็แค่ กำหนดรู้ ตัณหา ไปตรงๆ เท่านั้นเอง

    เหมือนที่พระพุทธองค์ปรารภว่า

    เมื่อสมาธิเคลื่อนแล้ว แสงสว่างและการเห็นรูปจึงหายไปได้
    เราจักทำให้วิจิกิจฉา อมนสิการ ถีนมิทธะความหวาดเสียว ความตื่นเต้น
    ความชั่วหยาบ ความเพียรที่ปรารภเกินไป ความเพียรที่ย่อหย่อนเกินไป
    ตัณหาที่คอยกระซิบ ความสำคัญสภาวะว่าต่างกัน และลักษณะที่
    เพ่งเล็งรูปเกินไปไม่เกิดขึ้นแก่เราได้อีก.....


    ปล. พึงเห็นว่า บทที่ตัดแปะมา มีพิมพ์ตกหล่นด้วย จึงได้ ทำสี แก้ไข

    **************


    ลองสังเกตุดีๆ นะ

    สมาธิของพระพุทธองค์ ทำเท่าไหร่ ก็ไม่มีทางติด สมาธิขั้นต้นๆ คือ สุญญตา
    ไม่มี อัตตา จะเอาอะไรมาติดหละ

    ทำสมาธิแฉลบไปทางศาสนาอื่น อันนั้น ทำแล้ว ก็อาจจะมีติด แต่ ก็ให้ทำไป
    ทั้งๆที่กำหนดรู้ทุกข์ว่า จะติด มันก็คือ การปรารภที่จะไม่ให้มันเกิดขึ้น นั่นแหละ
    [ อย่าไป งง โวหาร ]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 กุมภาพันธ์ 2014
  15. nite

    nite เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2013
    โพสต์:
    442
    ค่าพลัง:
    +611
    (smile)
     
  16. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    สังเกตอีกนิดหนึ่ง

    ธรรมะของพระพุทธ จะมีแต่ อุบายในการชี้ทุกข์

    หาก คุณเข้าใจว่า ปฏิบัติแล้วได้เห็นความสบาย อยู่กับความสบายๆ เอาสบาย
    อันนั้น สมาทาน อะไรผิดแล้วหละ

    ทราบไปตามความเป็นจริง แบบนี้ก็ได้ ไม่ต้อง รีบร้อน ตำหนิจิต มันจะผลิก
    มากำหนดรู้ทุกข์ ทันที

    แต่ถ้า สิ้นกิเลส มีฐานที่เป็นคนสิ้นกิเลส จะ เอาสภาวะกิเลส มันบรรเทา เบาบาง
    บอกเป็น หนทางสบาย สุขวิปัสสโก ไปเรื่อยๆ อันนี้ ไม่ว่ากัน

    งง ไหม

    คือ ถ้าเราจะ บำเพ็บแบบ สุขวิปัสสโก เราภาวนาไป นิดหน่อย เอ้ย กิเลสตัวนี้
    เบาบางลง โอ้ยกิเลสตัวนั้นเราข้ามมัน ชนะมันได้ ( ชั่วคราวก็เถอะ ) แล้ว เรา
    เอามายกเห็น มาปรารภเพื่อให้เกิด "ธรรมปราโมทย์ " เป็นการ ฉลาดทำจิต
    ให้เกิดความปราโมทย์ อันนี้ จิตมันจะ ตะบี้จะบันรู้ทุกข์ แบบไม่สนใจนิมิต
    อะไรเลย เอาใจใส ใจสว่าง จากการห่างจาก กิเลส ลูกเดียว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 กุมภาพันธ์ 2014
  17. markdee

    markdee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    745
    ค่าพลัง:
    +1,911
    ศึกษาไปเรื่อยๆ..เดี๋ยวก็ค่อยรู้ไปทีละนิด..ลองฟังธรรมะจากพระอาจารย์ต่างๆที่ปฏิบัติบ้างก็ได้..แล้วเอามาเทียบเคียงกับที่เราปฏิบัติอยู่..อย่าเข้าข้างตัวเองนะเดี๋ยวจะไม่รู้จริงค่ะ
     
  18. nite

    nite เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2013
    โพสต์:
    442
    ค่าพลัง:
    +611
    ส่วนมากชอบฟังคนอื่นพูด แล้วก็ชอบปฏิบัติให้รู้เองมากกว่า ขอบคุณทุกๆคนเลยที่ให้คำแนะนำจะลองเอาไปทำดู ^^
     
  19. nataphat

    nataphat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 เมษายน 2009
    โพสต์:
    189
    ค่าพลัง:
    +246
    ผมว่าไม่จำเป็นน่ะ ส่วนใหญ่ใช้อานาปานสติไม่เคยเห็นแสงสว่างถ้าเรามุ่งที่ลมหายใจ เป็นหลักว่าเราจะระลึกรู้ลมหายใจเป็นหลัก ถ้ามีโอพาสเข้ามาก็ต้องวางใจเฉยๆ วิสุทธิมรรคเองก็ไม่เคยบอกว่าจะต้องผ่านโอพาสตัวนี้ การที่ดูบริกรรมพุทโธ ก็มุ่งเอาสติรู้ลมหายใจกับคำภาวนาเป็นสำคัญ น่ะครับ นอกเสียจากใช้กรรมฐานที่ใช้นิมิตเช่นกสินเป็นต้นนอันนี้ระดับสมาธิเทียบจากความสว่างของภาพนิมิต ตามลำดับขั้น อานาปานสติเองนี้เป็นอย่างงั้นอยู่แล้วคือมันจะมาแบบเงียบๆไม่มีอ่ารัย แต่พอเทียบอารมจิตดูถ้าอารมเข้าปฐมฌานในอานาปานสตินี้มืดหมดเลย จะมีความเป็นทิพย์ก็ตรงอุปจารสมาธิหรือไม่ก็ตรงที่จิตเข้าถึงฌานสี่แล้วก็อีกเรื่องหนึ่ง เสริมอีกนิด ถ้าใช้อานาปานสติกรรมฐานคือดูลมหายใจนี้ความละเอียดของสมาธิูสังเกตได้จากการที่สติเรารู้ลมขนาดไหนเช่น แรกๆรู้แค่ปลายจมูกก็ยากแล้ว เผลอบ่อย พอสมาธิดีขึ้นมาอีกนิด ก็จะเริ่มรู้ทองกับกลางอกตามลำดับ พอละเอียดขึ้นอีกก็จะรู้ลมหายใจที่เคลื่อนไปตลอดที่ผ่านไปตามจุดต่างๆอย่างละเอียด อันนี้คือกรสังเกตุระดับสมาธิในอานาปานสติเบื้องต้น ให้ศึกษาดูให้เข้าใจน่ะครับ แต่มันจะไปแบบเรียบๆไม่มีแสงสว่าง อ่ารัยเท่าไร นอกจากบางคนที่เค้าคงมีอารมกรรมฐานเดิมในกาลเก่าก่อน พอถึงจังหวะอารมใกล้เคียงของเดิมไอ้ของเก่ามันก็ปรากฎ แต่ถามว่าไอ้แสงสว่างที่ว่านั้นเป็นเหตุแห่งทิพยจักษุญญานไหมก็ขอบอกว่าไม่จำเป็นเสมอไป แต่ก็มีวิธีการที่จะใช้ไอ้แสงสว่างที่ว่านั้นให้ไปถึงอารมของทิพยจักษุญาน น่ะ แต่ทิพย์จักษุญานนั้นมีการฝึกได้หลายวิธีลองศึกษาตามกรรมฐาน 40 วิสุทธิมรรคก็ได้ถ้าอ่านภาษาเก่าๆออก เคล็ดลับที่สำคัญน่ะ เราทำกรรมฐานกองไหน ดูว่าเค้าเอาอารัยเป็นอารมแล้วมุ่งสนใจแค่นั้น อาการทางกายเกิดอารัยขึ้นอย่าไปสนใจให้มาก กำหนดรู้ไป โมทนาสาธุกับทุกท่านที่ปรารภนาความดี ขอให้ถึงซึ่งความดียิ่งๆขึ้นไปน่ะครับ ขอบคุณครับ
     
  20. nite

    nite เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2013
    โพสต์:
    442
    ค่าพลัง:
    +611
    ใช่ๆๆพอเหวี่ยงๆก็จะเห็นอะไรทำนองที่คุณว่า แต่ไม่ชัดเจนเพราะไม่เชื่อในนิมิต พอเห็นแบบนั้นก็จะดึงจิตกลับมาพุทโธต่อไม่ก็นึกถึงพระพุทธรูป...เลยไม่เข้าใจว่าตั้งแต่นั่งมาทำไมไม่เคยเห็นแสงสว่างแบบคนอื่นว่าซะที??
     

แชร์หน้านี้

Loading...