พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. ตั้งจิต

    ตั้งจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2005
    โพสต์:
    1,574
    ค่าพลัง:
    +5,485
    <table id="post873101" class="tborder" align="center" border="0" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td class="thead" style="border-style: solid none solid solid; border-color: rgb(255, 255, 255) -moz-use-text-color rgb(255, 255, 255) rgb(255, 255, 255); border-width: 1px 0px 1px 1px; font-weight: normal;" id="currentPost"> วันนี้, 03:22 PM <!-- / status icon and date --> </td> <td class="thead" style="border-style: solid solid solid none; border-color: rgb(255, 255, 255) rgb(255, 255, 255) rgb(255, 255, 255) -moz-use-text-color; border-width: 1px 1px 1px 0px; font-weight: normal;" align="right"> #1560 </td> </tr> <tr valign="top"> <td class="alt2" style="border-style: none solid; border-color: -moz-use-text-color rgb(255, 255, 255); border-width: 0px 1px;" width="175"> ตั้งจิต <script type="text/javascript"> vbmenu_register("postmenu_873101", true); </script>
    สมาชิก

    [​IMG]

    เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: วันนี้ 03:36 PM
    วันที่สมัคร: Sep 2005
    อายุ: 44 ปี
    ข้อความ: 558 <!-- Start Post Thank You Hack -->
    ได้ให้อนุโมทนา 4,209 ครั้ง
    ได้รับอนุโมทนา 4,171 ครั้ง ใน 570 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
    พลังการให้คะแนน: 500 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]


    </td> <td class="alt1" id="td_post_873101" style="border-right: 1px solid rgb(255, 255, 255);"> <!-- message --> อ้างอิง:
    <table border="0" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td class="alt2" style="border: 1px inset ;"> ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ พสภัธ [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]

    โต(กุมารน้อย) เช้าวันนี้นำเอารูปภาพ "พระชำระหนี้สงฆ์ หนี้เวรหนี้กรรม" มาให้ทุกๆ ท่านได้อนุโมทนาบุญ..โดยพระ อ.ท่านให้ชั่งทำหน้าพระพุทธรูป ให้เมือนหลวงพ่อชินราช..แบบพิมพ์นี้จะสร้างให้ครบ 200 องค์...พระ อ. ท่านตั้งใจไว้..โดยจะเชิญชวนท่านผู้มีความประสงค์ในการสร้างองค์พระ...หน้าตักสี่ศอก..พระ อ. ท่านสร้างไปถวายตามวัดต่างๆ รวมทั้งภายในวัดทัองคุ้ง(สมุทรปราการ)ด้วยน่าจะถึง 200 องค์แล้ว...
    พระเดชพระคุณหลวงพ่อ (วัดท่าซุง) ท่านบอกว่าการสร้างพระพุทธรูป ตายไปแล้วตกนรกยาก..เหมือนอย่างท่านที่ภาวนาว่า "พุทโธ" ก่อนตาย ๆ ไปแล้วลงนรกไม่ได้ เพราะจะทำให้ไฟในเมืองนรกเขาดับ....
    องค์นี้จะปิดทองคำทั้งองค์เลย..เพราะจะได้ช่วยเหลือท่านที่มีบาปมากๆ หนักๆ ได้..(หลวงพ่อวัดท่าซุง)ท่านบอกไว้..แม้แต่คนที่ตายไปแล้วลงนรก..ถ้าสร้างพระพุทธรูปแล้วอุทิศส่วนกุศลไปให้..ท่านบอกว่า..ไฟในเมืองนรกก็ดี..สรรณพาวุธ ก็ดี..มีการเจ็บปวดไม่ถึงร้อยเปอร์เซ็นต์..ของผู้ที่ตกนรก...ท่านใดจะร่วมปิดทององค์พระพุทธรูปพระหน้าสี่ศอก..พระชำระหนี้สงฆ์..หนี้เวร..หนี้กรรม..แผ่นทองคำแท้..ตั้งราคาไว้แผ่นละ 5 บาท...องค์นี้คงจะต้องใช้แผ่นทองคำถึง 10,000 กว่าแผ่น...แต่ต้องโทรมาแจ้งให้พระ อ. ท่านได้ทราบ..นะ..จ๊ะ...เพราะในช่วงของตอนเย็นหลังจากทำวัตรสวดมนต์แล้ว..พระ อ. ท่านจะได้ประกาศชำระหนี้สงฆ์..ในท่ามกลางสงฆ์..สาธุ..สาธุ.สาธุ..
    </td> </tr> </tbody></table>
    วันนี้ได้โอนเงินมาร่วมบุญสร้างพระชำระหนี้สงฆ์จำนวน 350 บาท
    ในนามผมและครอบครัว 200บาท และ พี่ชายผมและครอบครัว 150 บาท เดี๋ยวจะโทรไปแจ้งชื่อกับหลวงพ่อแผนคระบ

    โมทนาสาธุ
    <!-- / message --> <!-- sig -->
    ____________________________________________________________
    ตั้งกายตรง ดำรงสติมั่น ถอนความพอใจและความไม่พอใจ คลายอุปาทานเสีย ป่านี้แหละจะงดงาม
    <!-- / sig --> </td> </tr> <tr> <td class="alt2" style="border-style: none solid solid; border-color: -moz-use-text-color rgb(255, 255, 255) rgb(255, 255, 255); border-width: 0px 1px 1px;"> [​IMG] [​IMG] <script type="text/javascript"> vbrep_register("873101")</script> [​IMG] </td> <td class="alt1" style="border-style: none solid solid none; border-color: -moz-use-text-color rgb(255, 255, 255) rgb(255, 255, 255) -moz-use-text-color; border-width: 0px 1px 1px 0px;" align="right"> <!-- controls --> <table id="table1" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="left"> <!-- Start Post Groan Hack --> [​IMG] <!-- End Post Groan Hack --> </td> <td> <!-- Start Post Thank You Hack --> [​IMG] <!-- End Post Thank You Hack --> [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG]</td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table>
    โทรไปเจอหลวงพ่อแผนแล้ว ท่านรับสายแล้วขอชื่อเพื่อจะได้ประกาศที่วัดในตอนเย็น
    รู้สึกดีจังเลยครับที่ได้ทำบุญชำระหนี้สงฆ์อย่างถูกต้องสมบูรณ์แบบ ที่สำคัญได้ร่วมสร้างพระพุทธรูปด้วย ใครไม่เคยรีบเลยครับ ไม่ต้องลองทำจริงๆได้เลย แล้วจะรู้ว่าแช่มชื่นใจจริงๆ
    โมทนาสาธุ
     
  2. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    palungjit.org > พลังจิต > ศูนย์ ประชาสัมพันธ์ > งานบุญ ที่ไม่เข้าหมวดใดๆ


    ขอความเมตตาช่วยต่อชีวิตพระเณรบช.ออมทรัพย์ 2030-06304-5 บัญชี รร.พระปริยัติธรรมบ่อเงินบ่อทอง บมจ.ธ.กรุงไทย สาขาพนมสารคาม

    http://palungjit.org/showthread.php?t=21733&page=93

    .

    palungjit.org > พลังจิต > ศูนย์ ประชาสัมพันธ์ > พระพุทธรูป - วัด โบสถ์ วิหาร - สิ่งก่อสร้าง

    "ให้ร่วมกันสร้าง เราจะมาโปรดสัตว์ไม่ให้สร้างคนเดียว"


    http://palungjit.org/showthread.php?t=57546&page=78


    <TABLE class=tborder id=post870046 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">วันนี้, 06:02 AM <!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right>#1859 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>พสภัธ<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_870046", true); </SCRIPT>
    สมาชิก ยอดนิยม
    สมาชิกยอดฮิต

    [​IMG]

    เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: วันนี้ 06:45 AM
    วันที่สมัคร: Nov 2005
    สถานที่: //////////////
    ข้อความ: 3,344 <!-- Start Post Thank You Hack -->
    ได้ให้อนุโมทนา 4,574 ครั้ง
    ได้รับอนุโมทนา 28,911 ครั้ง ใน 3,190 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
    พลังการให้คะแนน: 3342 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]




    </TD><TD class=alt1 id=td_post_870046 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- message -->
    โต(กุมารน้อย) เช้าวันนี้นำเอารูปภาพ "พระชำระหนี้สงฆ์ หนี้เวรหนี้กรรม" มาให้ทุกๆ ท่านได้อนุโมทนาบุญ..โดยพระ อ.ท่านให้ชั่งทำหน้าพระพุทธรูป ให้เมือนหลวงพ่อชินราช..แบบพิมพ์นี้จะสร้างให้ครบ 200 องค์...พระ อ. ท่านตั้งใจไว้..โดยจะเชิญชวนท่านผู้มีความประสงค์ในการสร้างองค์พระ...หน้าตักสี่ศอก..พระ อ. ท่านสร้างไปถวายตามวัดต่างๆ รวมทั้งภายในวัดทัองคุ้ง(สมุทรปราการ)ด้วยน่าจะถึง 200 องค์แล้ว...
    พระเดชพระคุณหลวงพ่อ (วัดท่าซุง) ท่านบอกว่าการสร้างพระพุทธรูป ตายไปแล้วตกนรกยาก..เหมือนอย่างท่านที่ภาวนาว่า "พุทโธ" ก่อนตาย ๆ ไปแล้วลงนรกไม่ได้ เพราะจะทำให้ไฟในเมืองนรกเขาดับ....
    องค์นี้จะปิดทองคำทั้งองค์เลย..เพราะจะได้ช่วยเหลือท่านที่มีบาปมากๆ หนักๆ ได้..(หลวงพ่อวัดท่าซุง)ท่านบอกไว้..แม้แต่คนที่ตายไปแล้วลงนรก..ถ้าสร้างพระพุทธรูปแล้วอุทิศส่วนกุศลไปให้..ท่านบอกว่า..ไฟในเมืองนรกก็ดี..สรรณพาวุธ ก็ดี..มีการเจ็บปวดไม่ถึงร้อยเปอร์เซ็นต์..ของผู้ที่ตกนรก...ท่านใดจะร่วมปิดทององค์พระพุทธรูปพระหน้าสี่ศอก..พระชำระหนี้สงฆ์..หนี้เวร..หนี้กรรม..แผ่นทองคำแท้..ตั้งราคาไว้แผ่นละ 5 บาท...องค์นี้คงจะต้องใช้แผ่นทองคำถึง 10,000 กว่าแผ่น...แต่ต้องโทรมาแจ้งให้พระ อ. ท่านได้ทราบ..นะ..จ๊ะ...เพราะในช่วงของตอนเย็นหลังจากทำวัตรสวดมนต์แล้ว..พระ อ. ท่านจะได้ประกาศชำระหนี้สงฆ์..ในท่ามกลางสงฆ์..สาธุ..สาธุ.สาธุ..



    <!-- / message --><!-- sig -->

    </TD></TR></TBODY></TABLE>


    [​IMG]

    *****************************************************

    เรียนเชิญทุกๆท่าน และพี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ ทำบุญชำระหนี้สงฆ์กันนะครับ

    เบอร์โทร.หลวงพ่อแผน 08-1940-8541


    โมทนาสาธุครับ
    .

    <!-- / message --><!-- sig -->
     
  3. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>เสียบแล้วเสียว “รางปลั๊กไฟ” ไร้คุณภาพ 18 ยี่ห้อผ่านมาตรฐานแค่ 1
    http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9500000150585
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>19 ธันวาคม 2550 16:37 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left> เตือน “รางปลั๊กไฟ” ไร้คุณภาพ เสี่ยงไฟช็อต ไฟไหม้บ้าน ตะลึง! ทดสอบคุณภาพรางปลั๊กไฟ 18 ยี่ห้อ ผ่านมาตรฐานความปลอดภัยยี่ห้อเดียว แถมโกงความยาวสายไฟทุกยี่ห้อ

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=right border=0><TBODY><TR><TD width=5>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=175 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=175>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> วันนี้ (19 ธ.ค.) ที่สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) วารสารฉลาดซื้อได้จัดงานแถลงข่าว ผลการทดสอบรางปลั๊กไฟ “เสียบไม่เสียว : รางปลั๊กไฟยี่ห้อไหนปลอดภัยต่อบ้านคุณ” โดย ดร.วีรพันธ์ รังสีวิจิตรประภา ภาควิชาวิศวกรรมไฟฟ้า คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมาได้ทำการทดสอบรางปลั๊กไฟที่ซื้อมาจากห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ทั่วกรุงเทพฯ จำนวน 18 ชิ้น ขนาด 3-6 เต้ารับ มีราคาตั้งแต่ 59-660 บาท โดยส่งให้สถาบันไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ทำการทดสอบคุณภาพมาตรฐานหลัก 5 ด้าน คือ 1.ความต้านทานของฉนวนและแรงดันไฟฟ้า คือป้องกันการเกิดไฟดูด 2.อุณหภูมิที่เพิ่มขึ้น เต้ารับจะต้องไม่ร้อนมาก 3.แรงที่ใช้ในการดึงเต้าเสียบ เต้ารับไม่หลวม หรือแน่นเกินไป 4.ความทนของวัสดุฉนวนต่อความร้อนผิดปกติ หากปลั๊กไฟเกิดไฟลุกไหม้ไฟจะดับได้ด้วยตัวเองภายในเวลา 30 นาที จึงถือว่าได้มาตรฐาน และ 5.ความยาวของสายไฟ ต้องตรงตามที่ระบุในฉลาก

    ดร.วีรพันธ์ กล่าวต่อว่า ผลการทดสอบปรากฏว่า ตัวอย่างส่วนใหญ่มักจะไม่ผ่านมาตรฐานด้านความทนของวัสดุฉนวนต่อความร้อนผิดปกติ ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดไฟฟ้าลัดวงจรและเกิดเพลิงไหม้ โดยมีตัวอย่างผ่านมาตรฐานเพียง 4 ยี่ห้อเท่านั้น ที่น่าตกใจคือมีเพียงตัวอย่างเดียวเท่านั้นที่ผ่านมาตรฐานความปลอดภัยทุกด้าน อีกทั้งรางปลั๊กไฟทุกยี่ห้อไม่ได้มาตรฐานเรื่องความยาวสายไฟตรงตามที่ระบุไว้ที่ฉลาก โดยเฉลี่ยมีความยาวที่หายไปอย่างต่ำ 10 ซม.ขึ้นไป

    “วิธีการเลือกซื้อรางปลั๊กไฟที่มีความปลอดภัย ควรเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่ผลิตจากวัสดุได้มาตรฐาน เป็นพลาสติกเอวีซี เพราะมีความคงทนต่อความร้อนดีกว่าพลาสติกพีวีซี สังเกตได้จากเนื้อพลาสติกจะเนียนกว่า รางปลั๊กไฟควรมีสวิตซ์ปิด เปิด และมีฟิวส์ช่วยในการตัดกระแสไฟหากมีการใช้ไฟเกินกว่าที่รางปลั๊กไฟกำหนด หรือเลือกสินค้าที่มีสัญลักษณ์ มอก.” ดร.วีรพันธ์ กล่าว

    ดร.วีรพันธ์ กล่าวอีกว่า ส่วนการใช้รางปลั๊กไฟที่ถูกต้อง ไม่ควรเสียบปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าจนเต็มราง เพราะอาจทำให้เกิดการใช้กระแสไฟฟ้าเกินกำหนดคือ 10 แอมป์ ทำให้ไฟช็อตได้ และไม่ควรเสียบปลั๊กไฟเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดใหญ่หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ต้องใช้ไฟตลอดเวลาเช่น ตู้เย็น เป็นต้น แต่ควรจะเสียบปลั๊กไฟแบบถาวรที่ติดกับผนังแทนเพราะรองรับกระแสไฟได้ถึง 16 แอมป์ นอกจากนี้ ทุกบ้านควรต่อสายดินป้องกันกรณีเกิดไฟรั่วจะได้มีช็อตหรือดูดคนในบ้านด้วย

    ด้านนายสมคิด แสงนิล รองเลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สอม.) กล่าวว่า ปัจจุบันมีมาตรฐานควบคุมความปลอดภัยของรางปลั๊กไฟมีเพียงมาตรฐานเดียว คือ มาตรฐานไฟฟ้า (มอก.11-2531) ซึ่งขณะนี้เตรียมบังคับใช้กฎหมายควบคุมขั้นตอนการผลิต และวัสดุที่นำมาผลิตรางปลั๊กไฟที่มีคุณภาพในวันที่ 3 มีนาคม 2551 เป็นต้นไป ทั้งนี้ ในระหว่างนื้ ผู้บริโภคจะต้องระมัดระวังเลือกซื้อสินค้าที่มีคุณภาพ

    “ขณะที่ผู้บริโภคเมื่อเห็นตรา มอก.ก็เข้าใจผิดคิดว่าได้มาตรฐานแล้ว ทั้งๆ ที่ส่วนฉนวนหุ้มรางปลั๊กไฟยังไม่มีมาตรฐานบังคับแต่อย่างใด ทั้งที่เป็นส่วนสำคัญเพราะหากผลิตจากวัสดุที่ไม่ได้มาตรฐานจะทำให้เกิดการลุกไหม้ได้” นายสมคิดกล่าว
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    *************************************************


    ทำไมไม่ระบุยี่ห้อให้ชัดเจนกันไปเลยก็ไม่รู้
    ระวังกันด้วยนะครับ คงต้องไปดูที่บ้านด้วยแล้ว

    .
     
  4. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • attd11wy.jpg
      attd11wy.jpg
      ขนาดไฟล์:
      11.4 KB
      เปิดดู:
      87
    • attew7te.jpg
      attew7te.jpg
      ขนาดไฟล์:
      14.3 KB
      เปิดดู:
      92
    • attg2u9d.jpg
      attg2u9d.jpg
      ขนาดไฟล์:
      15.9 KB
      เปิดดู:
      83
    • attn5jdf.jpg
      attn5jdf.jpg
      ขนาดไฟล์:
      10.1 KB
      เปิดดู:
      79
    • attoqx7t.jpg
      attoqx7t.jpg
      ขนาดไฟล์:
      10.6 KB
      เปิดดู:
      79
    • attotxfy.jpg
      attotxfy.jpg
      ขนาดไฟล์:
      25.1 KB
      เปิดดู:
      82
    • attp2u6s.jpg
      attp2u6s.jpg
      ขนาดไฟล์:
      10.7 KB
      เปิดดู:
      74
    • attrhi61.jpg
      attrhi61.jpg
      ขนาดไฟล์:
      16.9 KB
      เปิดดู:
      74
    • atts702v.jpg
      atts702v.jpg
      ขนาดไฟล์:
      17.1 KB
      เปิดดู:
      80
    • atttdqrn.jpg
      atttdqrn.jpg
      ขนาดไฟล์:
      18.4 KB
      เปิดดู:
      90
    • attzv1qz.jpg
      attzv1qz.jpg
      ขนาดไฟล์:
      15.7 KB
      เปิดดู:
      85
  5. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน
    ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ
    ข้าพระพุทธเจ้า
    sithiphong

    กราบ กราบ กราบกราบ กราบ กราบ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  6. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  7. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  8. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  9. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  10. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  11. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  12. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  13. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  14. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    http://www.positioningmag.com/Magazine/Details.aspx?id=65386


    ก่อนเลือนหาย หม่อมราชวงศ์กิติวัฒนา ปกมนตรี <HR class=b>
    Positioning Magazine ธันวาคม 2550

    ช่วงเช้าวันเสาร์ของเดือนตุลาคม ทีมงานนิตยสาร POSITIONING ได้มีโอกาสรับฟังเรื่องราวความประทับใจของหม่อมราชวงศ์กิติวัฒนา (ไชยันต์) ปกมนตรี ที่บ้านพักในย่านปทุมธานี ซึ่งหม่อมราชวงศ์กิติวัฒนา เป็นบุคคลหนึ่งในหลายๆ คนที่ได้มีโอกาสรับใช้ใกล้ชิดเบื้องพระยุคลบาทพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ต่างมีความรู้สึกปลื้มปีติ และอดที่จะชื่นชมในพระราชจริยาวัตรอันงดงามของพระองค์มิได้

    ความประทับใจในองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เกิดขึ้นเมื่อตอนที่หม่อมราชวงศ์กิติวัฒนาได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในผู้อัญเชิญเครื่องเฉลิมพระราชมณเฑียร ตามเสด็จฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในงานพระราชพิธีเฉลิมพระราชมณเฑียร ซึ่งพระราชพิธีเฉลิมพระราชมณเฑียรสืบทอดมาตั้งแต่สมัยรัชการที่ ๑ ตามหมายกำหนดการตรงกับวันที่ ๖ พฤษภาคม ๒๔๙๓ โดยเป็นผู้อุ้ม วิฬาร์ หรือ แมว ในพระราชพิธีนี้ หม่อมราชวงศ์กิติวัฒนาเล่าว่า

    “ตอนนั้น ในครอบครัวของดิฉันมีแต่ความตื่นเต้น เพราะตัวดิฉันได้รับการคัดเลือกจากสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี ให้อุ้มวิฬาร์หรือแมวในพระราชพิธีเฉลิมพระราชมณเฑียร จึงต้องมีการฝึกซ้อมแมวสีสวาดไว้หลายตัว เพื่อที่เราจะได้ดูว่า พฤติกรรมของแมวตัวใดที่จะเหมาะสมที่สุด แต่แล้วทางสำนักพระราชวังก็ส่งแมวตัวอ้วนใหญ่ท่าทางดุดันมาให้หนึ่งตัว ซึ่งอย่าว่าแต่จะอุ้มเลย แค่ดิฉันพยายามจะแตะต้องตัวก็ทำท่าไม่พอใจเสียแล้ว” หม่อมราชวงศ์กิติวัฒนาเล่าเรื่องราวความประทับใจในอดีตอย่างอารมณ์ดี

    “เด็กๆที่ถูกเลือกเข้าในพระราชพิธี มีทั้งหมด ๑๖ คน ซึ่งจะมาจากสายเลือดเดียวกัน เรียนจบจากโรงเรียนมาแตร์เดอี โรงเรียนราชินี โรงเรียนวัฒนา โรงเรียนเซนต์โยเซฟคอนแวนต์ บางคนก็เคยเห็นหน้ากันบ้าง แต่บางคนก็ไม่เคย”

    “สำหรับในเรื่องนี้มีผู้เข้าใจผิดอยู่มาก เพราะมักจะเข้าใจไปว่า ดิฉันเป็นเพื่อนเจ้าสาวของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ซึ่งจริงๆ แล้วไม่ใช่เลย ในพระราชพิธีราชาภิเษกสมรสไม่ได้มีใครผู้ใดเป็นเพื่อนเจ้าสาวทั้งสิ้น พระราชพิธีเฉลิมพระราชมณเฑียรนี้ ถ้าเราจะเรียกแบบสามัญชนก็คือพิธีขึ้นบ้านใหม่นั่นเอง

    ดิฉันได้รับการฝึกหัดกิริยามารยาทจากท่านแม่ ซึ่งก็คือหม่อมเจ้าหญิงพัฒนคณนา (กิติยากร) ไชยันต์ นานนับเดือน และทำให้ได้รับทราบจากท่านแม่ว่า เครื่องเฉลิมพระราชมณเฑียรในครั้งนี้จะมีอยู่ด้วยกัน ๑๒ สิ่ง คือ พระแสงฝักทองเกลี้ยง พระแสงขรรค์เพชร ร.๕ พระแส้หางช้างเผือก ธารพระกรศักดิ์สิทธิ์ ไก่ขาว ศิลาบด โมรา พานพืช กุญแจทอง จั่นหมากทอง วิฬาร์และพานฟัก รวมทั้งยังมีผู้นำเทียนอีก ๒ คน เครื่องราชูปโภคอีก ๔ สิ่ง คือ พระสุพรรณศรี พานพระศรี พานหมาก และพานพระมาลา รวมนางเชิญทั้งหมด ๑๖ คนพอดี
    ในวันนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงฉลองพระองค์สีฟ้าอมม่วงงดงามมากทั้งสองพระองค์ จนเมื่อเสร็จจากงานพระราชพิธีแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานของที่ระลึกแก่พวกเราทุกคน ซึ่งของที่ได้รับพระราชทานมานั้นเป็นเสมาพระบรมรูปจารึกว่า พระราชพิธีบรมราชาภิเษก ๒๔๙๓ และดอกพิกุลเงินพิกุลทองอย่างละดอก ซึ่งดิฉันยังคงเก็บรักษาไว้จนถึงทุกวันนี้”

    “ทุกๆ เหตุการณ์ทำให้ดิฉันซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถเป็นอย่างมาก และจะไม่มีวันลืมเลือนพระมหากรุณาธิคุณในทุกๆ ครั้งที่ได้รับพระราชทานเลยไปจนตลอดชีวิต” หม่อมราชวงศ์กิติวัฒนากล่าวทิ้งท้ายด้วยความประทับใจ
     
  15. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    http://www.positioningmag.com/Magazine/Details.aspx?id=65457


    พระอัจฉริยภาพ <HR class=b>
    Positioning Magazine ธันวาคม 2550

    พระอัจฉริยภาพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ปรากฏเด่นชัดตั้งแต่ครั้งทรงพระเยาว์ ไม่ว่าจะเป็นพระอัจฉริยภาพทางด้านการถ่ายภาพ ด้านงานช่าง ด้านวิทยุสื่อสาร ฯลฯ ซึ่งสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ทรงมีบทบาทสำคัญในการทำให้ทรงมีพระราชจริยาวัตรในเชิงสร้างสรรค์เหล่านี้ ด้วยทรงสอนพระราชโอรสและพระราชธิดาให้ทรงเรียนรู้และได้ทรงทำกิจกรรมในด้านต่างๆ มากมาย

    ตัวอย่างเช่น ความรู้ทางด้านการใช้แผนที่ พระองค์ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้โรงเรียนเพาะช่างจัดทำแผนที่ประเทศไทยโดยผลิตเป็นรูปตัวต่อ เพื่อให้พระโอรสและพระธิดาทั้งสามพระองค์ทรงเล่นเป็นเกม เป็นการสอนให้รู้จักประเทศไทย และรู้จักการดูการใช้แผนที่ไปพร้อมๆ กัน

    ด้านพระราชอัธยาศัยและพระราชจริยาวัตรอันงดงามหลายประการที่มีในองค์สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ได้รับการถ่ายทอดไปสู่พระราชโอรสและพระราชธิดาเช่นกัน

    ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ การโปรดการถ่ายรูปและถ่ายภาพยนตร์ที่ได้สืบทอดมายังพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอย่างครบถ้วน ดังจะเห็นได้จากการที่ ไม่ว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะเสด็จพระราชดำเนินยังสถานที่ใด จะทรงมีแผนที่และกล้องถ่ายรูปคล้องพระศอตลอดเวลา เช่นเดียวกับพระบรมราชชนนีที่ทรงกระทำมาก่อน

    ด้านภาษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวยังทรงศึกษาภาษาต่างๆ ได้แก่ ภาษาฝรั่งเศส เยอรมัน อังกฤษ และทรงจดจำได้อย่างรวดเร็ว จนเป็นที่ชื่นชมของครูที่มาถวายการสอนอย่างมาก

    ด้านการดนตรี นอกจากทรงซื้อเครื่องดนตรีมาฝึกจนเกิดความชำนาญ และทรงมีพร้อมทั้งหีบเสียง วิทยุ และเครื่องดนตรีต่างๆ พระองค์ทรงอ่านหนังสือที่เกี่ยวกับการดนตรีเพื่อทราบประวัตินักดนตรีที่มีชื่อ และมีแผ่นเสียงเพลงที่บรรเลงโดยนักดนตรีนั้นๆ เพื่อทรงเปรียบเทียบว่าใครเล่นเครื่องดนตรีชนิดใดได้ดีที่สุด

    พระปรีชาสามารถในด้านการดนตรีนี้เอง ที่ทำให้ต่อมาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงพระราชนิพนธ์เพลงไว้มากมาย อาทิเช่น สายฝน ใกล้รุ่ง ชะตาชีวิต ยามเย็น แสงเทียน ฯลฯ

    ด้านงานช่าง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระปรีชาสามารถในการต่อเรือใบด้วยพระองค์เอง ทรงขุดลำเรือตามรูปร่างอย่างแบบเรือใบแข่งเพรียวลมด้วยการย่อสัดส่วนอย่างถูกต้องตามหลักวิชา เรือใบที่สำเร็จขึ้นโดยฝีพระหัตถ์เหล่านี้ มีอยู่ลำหนึ่งซึ่งโปรดกว่าลำอื่น พระราชทานชื่อว่า "ทัศนาวลัย" อันเป็นชื่อของพระภาติยะ พระธิดาในสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอเจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา (ปัจจุบันคือท่านผู้หญิงทัศนาวลัย ศรสงคราม) และพระราชทานเป็นพระปรมาภิไธย "ภ.อ." ติดที่เรือใบด้วย
    ด้านจิตรกรรม

    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงสนพระราชหฤทัยงานศิลปะด้านจิตรกรรมตั้งแต่ทรงพระเยาว์เมื่อครั้งที่ประทับอยู่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ระหว่างปีพุทธศักราช ๒๔๘๐-๒๔๘๔ ทรงฝึกเขียนภาพจากตำราที่ทรงซื้อและมีผู้ทูลเกล้าฯ ถวาย และเมื่อสนพระราชหฤทัยผลงานของศิลปินผู้ใดก็จะเสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมศิลปินผู้นั้นถึงที่พัก ทรงมีพระราชปฏิสันถารและทอดพระเนตรวิธีการทำงาน จนทรงเข้าพระราชหฤทัยในการสร้างสรรค์งานเขียนของศิลปินเหล่านั้นเป็นอย่างดี

    ภายหลังที่เสด็จขึ้นครองราชย์แล้ว ในปีพุทธศักราช ๒๕๐๒ ทรงเริ่มเขียนภาพอย่างจริงจังและทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้บรรดาศิลปิน จิตรกร และประติมากร เข้าเฝ้าเป็นครั้งคราว พระราชทานเลี้ยงอาหารบ้าง ให้มาร่วมเขียนภาพบ้าง

    ในระยะแรกๆ พระองค์ทรงเขียนภาพเหมือนจากพระสาทิสลักษณ์ของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอทุกพระองค์ ผู้ใกล้ชิดเบื้องยุคลบาท และมีภาพผลงานหลายชิ้นที่ทรงเขียนภาพหุ่นนิ่งและภาพทิวทัศน์บ้าง แต่โดยสรุปแล้ว เนื้อหาจากภาพคนจะเป็นแนวเรื่องหลักของการทรงงานจิตรกรรม

    ผลงานศิลปกรรมของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เริ่มปรากฏให้เห็นตั้งแต่การแสดงศิลปกรรมแห่งชาติครั้งที่ ๑๔ ในปีพุทธศักราช ๒๕๐๖ มาจนถึงปัจจุบัน

    ภายหลังจากปีพุทธศักราช ๒๕๐๖ ที่พระราชทานภาพเข้าร่วมแสดงในงานศิลปกรรมแห่งชาติ ครั้งที่ ๑๔ แล้ว พระองค์ทรงมีผลงานจิตรกรรมใหม่ๆ ต่อเนื่องมาโดยตลอด และมหาวิทยาลัยศิลปากรได้ทูลเกล้าฯ ถวายปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาจิตรกรรม ในปีพุทธศักราช ๒๕๐๘

    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรับสั่งเกี่ยวกับการเขียนภาพของพระองค์เองว่า ทรงวาดเอง มิได้ทรงปล่อยให้แบบหรือแนวทางของผู้ใดเข้ามามีอิทธิพลกับงานเขียนภาพ และในการวาดภาพนั้นก็ทรงวาดอย่างนักวาดภาพสมัครเล่น คือทรงวาดตามพระราชหฤทัยจะนึกวาด มิได้ทรงคำนึงถึงทฤษฎีหรือกฎเกณฑ์อันใด ผลงานของพระองค์ท่านออกมาจินตนาการของพระองค์เอง ฉะนั้นเมื่อได้เห็นภาพเขียนฝีพระหัตถ์ก็จะเห็นชัดแจ้งถึงลักษณะที่เป็นอิสระเฉพาะตัว

    ตั้งแต่พุทธศักราช ๒๕๐๔ ทรงเริ่มเขียนภาพที่มีลักษณะเป็นภาพนามธรรมมากขึ้น เช่น ภาพมือแดง และในระยะต่อๆ มา ทรงเขียนภาพผสมผสานระหว่างข้อมูลที่ทรงเห็นจากธรรมชาติกับพระราชดำริส่วนพระองค์ มีลักษณะของรูปทรงของสิ่งที่ทรงเห็น แต่มีการตัดทอนเพิ่มเติมแนวความคิดส่วนพระองค์ จนเกิดเป็นรูปทรงใหม่ขึ้น เรื่องราวเหล่านั้นจะเกี่ยวข้องกับคนและใบหน้า และเริ่มมีบางภาพที่มีรูปร่างของคนเต็มตัว

    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงงานจิตรกรรมตั้งแต่ขึ้นครองราชย์จนถึงราวๆ พุทธศักราช ๒๕๑๐ ก็มิได้ทรงเขียนภาพอีก เพราะทรงมีพระราชภารกิจด้านอื่นที่ต้องทรงเอาพระราชหฤทัยใส่เพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม เพื่อให้พสกนิกรของพระองค์มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นกว่าเดิม
    ถึงกระนั้นก็ปรากฏว่ามีภาพจิตรกรรมฝีพระหัตถ์ที่เผยแพร่แล้วจำนวน ๔๗ ภาพ และที่ยังไม่เคยเผยแพร่อีกจำนวนประมาณ ๖๐ ภาพ
     
  16. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ด้านดนตรี

    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงอ่านหนังสือเกี่ยวกับการดนตรีตั้งแต่ทรงศึกษาอยู่ที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ทรงได้รับการฝึกฝนตามแบบฉบับการศึกษาวิชาดนตรีอย่างแท้จริงคือการเขียนโน้ตและบรรเลงแบบคลาสสิก มีพระอาจารย์ถวายคำแนะนำอย่างเข้มงวดนานกว่า ๒ ปี

    หลังจากทรงฝึกหัดดนตรีขั้นพื้นฐานได้นานพอสมควรแล้ว จึงเริ่มสนพระราชหฤทัยทรงดนตรีแนวแจ๊ซ ทรงศึกษาประวัตินักดนตรีที่มีชื่อเสียงและทรงเปรียบเทียบฝีมือการเล่นดนตรีต่างๆ จากแผ่นเสียงที่บรรเลงโดยนักดนตรีเหล่านั้น แล้วจึงทรงบรรเลงสอดแทรกพร้อมกับแผ่นเสียงของนักดนตรีที่มีชื่อเสียงตามสไตล์ที่ทรงโปรด

    พระราชอัจฉริยภาพทางดนตรีนั้นถึงขั้นที่ทรงคลาริเน็ตและแซกโซโฟนบรรเลงได้อย่างคล่องแคล่ว และสามารถบรรเลงโต้ตอบได้อย่างครื้นเครงกับนักดนตรีต่างๆ ที่มีชื่อเสียงของโลก นอกจากนี้ยังมีพระปรีชาสามารถในการทรงทรัมเป็ต กีตาร์ และเปียโน

    เมื่อครั้งเสด็จพระราชดำเนินเยือนมหานครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกาเมื่อปีพุทธศักราช ๒๕๐๓ นักดนตรีที่มีชื่อเสียงของโลกล้วนถวายการยกย่องพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในฐานะที่ทรงเป็นนักดนตรีแจ๊ซที่มีอัจฉริยภาพสูงส่ง ในครานั้นได้ทรงเข้าร่วมบรรเลงดนตรีโดยมิได้เตรียมพระองค์มาก่อน ทรงพระราชนิพนธ์ทำนองเพลงขึ้นอย่างฉับพลัน และยังทรงบรรเลงโต้ตอบกับนักดนตรีแจ๊ซชาวอเมริกันอันลือนามอีกด้วย

    บรรยากาศอันเป็นกันเองที่มิได้เตรียมการล่วงหน้าเช่นนี้เป็นที่นิยมยกย่องของชาวอเมริกันเป็นอย่างยิ่ง สถานีวิทยุเสียงแห่งอเมริกาได้เชิญบทที่พระราชทานสัมภาษณ์พิเศษเป็นภาษาอังกฤษ พร้อมทั้งดนตรีที่ทรงร่วมบรรเลงออกกระจายเสียงทางสถานีวิทยุไปทั่วโลกด้วย นับเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยในการกระชับมิตรภาพครั้งสำคัญครั้งแรกระหว่างไทยกับสหรัฐฯในยุคนั้น

    ปัจจุบันมีเพลงพระราชนิพนธ์ รวมทั้งสิ้น ๔๓ เพลง บทเพลงพระราชนิพนธ์หลายต่อหลายเพลงได้กลายเป็นส่วนสำคัญส่วนหนึ่งของชีวิตคนไทย เช่นเพลง "พรปีใหม่" ที่ได้กลายเป็นเพลงประเพณี ในวันส่งท้ายปีเก่าและต้อนรับปีใหม่ของคนไทยมาจนถึงทุกวันนี้

    ในสถาบันการศึกษาระดับสูงของประเทศ เพลงพระราชนิพนธ์ "มหาจุฬาลงกรณ์" "ธรรมศาสตร์" และ "เกษตรศาสตร์" ได้กลายเป็นเพลงอันศักดิ์สิทธิ์ประจำมหาวิทยาลัยอันเก่าแก่ทั้งสามแห่ง ขณะที่ในวงราชการทหาร "มาร์ชราชวัลลภ" และ "มาร์ชธงชัยเฉลิมพล" ได้กลายเป็นแบบฉบับของดนตรีมาร์ชที่ใช้บรรเลงประจำปีในพระราชพิธีอันสำคัญยิ่งของชาติคือ พระราชพิธีปฏิญาณตนและตรวจพลสวนสนามของทหารรักษาพระองค์ เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา

    ด้านคอมพิวเตอร์

    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงลึกซึ้งในการค้นคว้าวิจัยเพื่อการพัฒนาในทางวิทยาศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ การเกษตร การชลประทาน การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และการใช้เครื่องมือเทคโนโลยีต่างๆ โดยเฉพาะด้านเทคโนโลยีสารสนเทศนั้น ทรงเห็นความสำคัญและ ทรงสนับสนุนอย่างยิ่ง

    โดยส่วนพระองค์นั้น ทรงศึกษาคิดค้นสร้างโปรแกรมคอมพิวเตอร์เพื่อการประมวลผลข้อมูลต่างๆ ด้วยพระองค์เอง ทรงประดิษฐ์รูปแบบตัวอักษรไทยที่มีลักษณะงดงาม เพื่อแสดงผลบนจอภาพคอมพิวเตอร์และเครื่องพิมพ์ ทรงใช้เครื่องคอมพิวเตอร์เพื่อบันทึกพระราชกรณียกิจต่างๆ และทรงติดตั้งเครือข่ายสื่อสารคอมพิวเตอร์เพื่อสนับสนุนพระราชภารกิจต่างๆ ทั้งยังทรงเคยประดิษฐ์ ส.ค.ส. ด้วยคอมพิวเตอร์ เผยแพร่ผ่านสื่อมวลชนเพื่อทรงอวยพรปวงชนชาวไทย

    ความเป็นมาที่พระองค์ท่านทรงเริ่มใช้คอมพิวเตอร์นั้น หม่อมหลวงอัศนี ปราโมช ได้ตกลงใจซื้อคอมพิวเตอร์แมคอินทอชพลัส อันเป็นเครื่องที่ทันสมัยที่สุดในยุคนั้นขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย เพราะเป็นเครื่องที่สามารถเก็บและพิมพ์โน้ตเพลงได้ การเรียนรู้และใช้งานไม่ยาก ทั้งยังอาจเชื่อมต่ออุปกรณ์พิเศษสำหรับเล่นดนตรีตามโน้ตเพลงที่เก็บไว้ได้ด้วย

    ตั้งแต่นั้น พระองค์ทรงใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ในงานส่วนพระองค์ทางด้านดนตรี โดยทรงศึกษาวิธีการใช้เครื่องและโปรแกรมที่เกี่ยวข้องด้วยพระองค์เอง ทั้งการป้อนโน้ตเพลงและเนื้อร้อง

    สำหรับเรื่องอักขระคอมพิวเตอร์หรือ Font นั้นก็ทรงเป็นที่สนพระราชหฤทัย เนื่องจากเมื่อพระองค์ได้ทรงศึกษาและทรงใช้คอมพิวเตอร์ทำโน้ตเมื่อประมาณเดือนธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๒๙ และทรงทดลองใช้โปรแกรม "Fontastic" เมื่อประมาณเดือนกุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๓๐ สิ่งที่ทรงสนพระทัยเป็นพิเศษคือการประดิษฐ์ตัวอักษรไทย พระองค์ทรงประดิษฐ์อักษรไทยหลายแบบด้วยกัน อาทิ แบบจิตรลดา แบบภูพิงค์ ฯลฯ อีกทั้งทรงสนพระทัยประดิษฐ์อักษรขนาดใหญ่ที่สุดจนถึงขนาดเล็กที่สุด

    โปรแกรมที่พระองค์ทรงสร้างขึ้นนั้นมีตัว Phonetic symbols การสร้างตัวอักษรเทวนาครีนั้น ทรงเริ่มเมื่อประมาณเดือนพฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๓๐ ทรงศึกษาตัวอักษรเทวนาครีด้วยพระองค์เองจากพจนานุกรมและตำราภาษาสันสกฤต และทรงสอบถามจากผู้เชี่ยวชาญด้านภาษาบาลีสันสกฤต เช่น สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และท่านองคมนตรี หม่อมหลวงจิรายุ นพวงศ์ ซึ่งจะต้องตรวจสอบตัวอักษรที่ทรงสร้างขึ้น

    ผลงานอีกชิ้นหนึ่งที่พระองค์ทรงประดิษฐ์ก็คือ การใช้คอมพิวเตอร์ "ปรุง" อวยพรปีใหม่ เพื่อพระราชทานแก่ข้าราชการต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง

    ด้านหัตถกรรมงานช่าง

    หนึ่งในสิ่งประดิษฐ์ที่พระองค์ทรงสนพระราชหฤทัย คือ การประดิษฐ์ "เรือใบ" ด้วยหลัก ทางวิทยาศาสตร์ประยุกต์ โดยเฉพาะ "เรือใบมด" "เรือใบซูเปอร์มด" และ "เรือใบไมโครมด" ซึ่งนับเป็นความภาคภูมิใจของคนไทย เพราะเป็นเรือที่ทรงออกแบบเพื่อคนไทยโดยเฉพาะ เมื่อครั้งทรงศึกษาอยู่ที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ได้ทรงประดิษฐ์ของเล่นด้วยพระองค์เอง เช่น เครื่องร่อน และเรือรบจำลอง เป็นต้น

    หลังจากเสด็จขึ้นครองราชสมบัติ แม้จะมีพระราชภารกิจต่างๆ มากมาย แต่ก็โปรดที่จะต่อเรือใบพระที่นั่งด้วยพระองค์เองจำนวนหลายลำ เรือใบฝีพระหัตถ์ ที่สำคัญมี ๓ ประเภท ได้แก่ เรือใบประเภทเอนเตอร์ไพรส์ (International Enterprise Class), เรือใบประเภทโอเค (International OK Class) และเรือใบประเภทม็อธ (International Moth Class)

    เรือใบลำแรกที่ทรงต่อเองเมื่อวันที่ ๗ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๐๗ เป็นเรือใบประเภท เอนเตอร์ไพรส์ ชื่อ "เรือราชปะแตน" และลำต่อมา ชื่อ "เรือเอจี" โดยทรงต่อตามแบบสากล

    ส่วน เรือมด หรือ เรือใบมด ทรงออกแบบและทรงต่อขึ้นมาด้วยพระองค์เอง และได้จดลิขสิทธิ์เป็นสากล ประเภท International Moth Class ที่ประเทศอังกฤษ และพระราชทานชื่อ เรือใบมด แปลงมาจากเรือใบ "ม็อธ" ซึ่งที่มาของชื่อทรงมีรับสั่งว่า "ที่ชื่อมดนั้น เพราะมันกัดเจ็บๆ คันๆ ดี" ต่อมาทรงพัฒนาเรือแบบต่อๆ มาอีกโดยได้พระราชทาน ชื่อว่า เรือใบซูเปอร์มด และ เรือใบไมโครมด

    "เรือใบมด" เป็นเรือใบที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงออกแบบให้เหมาะสมกับคนไทย ขนาดตัวเรือยาว ๑๑ ฟุต กว้าง ๔ ฟุต ๗ นิ้ว เสาเดี่ยว เนื้อที่ใบ ๗๒ ตารางฟุต มีน้ำหนักเบาสะดวกในการเคลื่อนย้าย เก็บรักษาง่าย มีคุณสมบัติว่องไว แล่นได้เร็ว และมีราคาถูก

    "เรือใบซูเปอร์มด" เป็นเรือใบมดที่ทรงปรับปรุงแบบใหม่ ทรงออกแบบตัวเรือยาว ๑๑ ฟุตเท่าเรือมด แต่ความกว้างเพิ่มขึ้น คือกว้าง๔ ฟุต ๑๑ นิ้ว ท้องแบน น้ำหนักประมาณ ๓๔ กิโลกรัม เนื้อที่ใบโตเท่าเดิม การทรงตัวดี ความเร็วมีมากขึ้น ตัวเรือคงทนแข็งแรง สู้คลื่นลมได้ดี และมีความปลอดภัยสูง เรือใบซูเปอร์มดนี้ ใช้แข่งขันกีฬานานาชาติเป็นครั้งแรกในกีฬาแหลมทอง ครั้งที่ ๔ ณ ประเทศไทย เมื่อเดือนธันวาคมพุทธศักราช ๒๕๑๐ และใช้ในการแข่งขันกีฬานานาชาติ ทุกๆ ครั้งที่แข่งในประเทศไทย ครั้งหลังสุดใช้ในการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ครั้งที่ ๑๓ ที่ประเทศไทย เมื่อพุทธศักราช ๒๕๒๘

    ส่วน "เรือใบไมโครมด" เป็นเรือใบที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงออกแบบโดยให้มีขนาดเล็กกว่าเรือมด คือ ตัวเรือยาว ๗ ฟุต ๙ นิ้ว กว้าง ๓ ฟุต ๔ นิ้ว เป็นเรือขนาดเล็กมาก เหมาะสำหรับเด็กและคนร่างเล็ก วิธีการสร้างเรือใบมด ใช้เครื่องมือช่างไม้ธรรมดาๆ ก็สามารถทำได้ วัสดุที่ใช้ล้วนหาได้ในประเทศทั้งสิ้น

    เรือใบลำสุดท้ายที่ทรงออกแบบและต่อด้วยพระองค์เองเมื่อวันที่ ๑๗ พฤศจิกายน พุทธศักราช๒๕๑๐ คือ "เรือโม้ก" (Moke) ซึ่งเป็นเรือที่มีลักษณะผสมระหว่างเรือโอเค กับเรือซูเปอร์มด

    ในโอกาสที่ประเทศไทยได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาแหลมทอง ครั้งที่ ๔ ระหว่างวันที่ ๙ - ๑๖ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๑๐ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงสมัครเข้ารับ การคัดเลือกเป็นนักกีฬาทีมชาติไทยในกีฬาเรือใบอย่างถูกต้องตามขั้นตอนเช่นเดียวกับนักกีฬา คนอื่นทั่วไป และด้วยพระปรีชาสามารถทรงได้รับการคัดเลือกเป็นนักกีฬาเรือใบทีมชาติไทย ฉลองพระองค์ชุดวอร์มและเบลเซอร์ และทรงได้รับเบี้ยเลี้ยงในฐานะนักกีฬา ทรงเข้าค่ายฝึกซ้อมตามโปรแกรมการฝึกซ้อมเช่นเดียวกับนักกีฬาคนอื่นๆ พระองค์ทรงชนะเลิศการแข่งขันเรือใบประเภทโอเค และทรงได้รับการทูลเกล้าฯ ถวายเหรียญรางวัลเหรียญทองจากสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ เมื่อวันที่ ๑๖ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๑๐ ซึ่งเป็นวันพิธีฯปิดการแข่งขันกีฬาแหลมทอง ครั้งที่ ๔ ณ สนามศุภชลาศัย สนามกีฬากรีฑาสถาน ท่ามกลางความปลื้มปีติของพสกนิกร

    “เรือมด เรือซูเปอร์มด และเรือไมโครมด" นอกจากจะเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่สะท้อน ให้เห็นถึงพระอัจฉริยภาพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการที่ทรงนำเอาวิทยาศาสตร์ประยุกต์ มาปรับแต่งให้เหมาะสมกับลักษณะของคนไทยที่พระองค์ทรงให้ความสำคัญมาตลอดแล้ว ความสนพระราชหฤทัยในด้านการต่อเรือของพระองค์ ยังนับเป็นตัวอย่างให้แก่พสกนิกรชาวไทยในด้านความวิริยะพยายามในอันที่จะทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งให้สำเร็จตามเป้าหมายอีกด้วย

    ด้านเครื่องจักรกล

    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงสนพระทัยปัญหาเรื่องน้ำมาเป็นเวลานานเมื่อทรงทราบว่ากรุงเทพฯ และแม่น้ำเจ้าพระยาตอนล่างได้รับผลกระทบจากปัญหาน้ำเน่าเสียอยู่ในขั้นวิกฤตรุนแรงจึงทรงคิดค้นประดิษฐ์เครื่องกลเติมอากาศเพื่อแก้ไข ปัญหาดังกล่าว โดยพระราชทานให้กรมชลประทานและมูลนิธิชัยพัฒนาดำเนินการผลิตเครื่องเติมอากาศที่ผิวน้ำหมุนช้า แบบทุ่นลอยนี้มีชื่อว่า "กังหันชัยพัฒนา" สามารถลอยขึ้นลงได้เองตามระดับน้ำ มีใบพัดที่ออกแบบเป็นซองตักน้ำรูปสี่ เหลี่ยมคางหมูจำนวน ๖ ซอง โดยใช้มอเตอร์ไฟฟ้าขนาด ๒ แรงม้าสำหรับขับเคลื่อนซองน้ำให้หมุนรอบเป็นวงกลม ทั้งนี้ ใช้หลักการวิดน้ำขึ้นไปสาดกระจายให้เป็นฝอยในอากาศ ทำให้น้ำสัมผัสกับอากาศได้อย่างทั่วถึง ส่งผลให้ปริมาณ ออกซิเจนในอากาศสามารถละลายผสมผสานเข้าไปในน้ำได้อย่างรวดเร็ว
    ด้านการถ่ายภาพ

    ตั้งแต่ครั้งพระชันษา ๘ พรรษา สมเด็จพระราชชนนีประทานกล้องถ่ายรูปของฝรั่งเศสแก่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อครั้งโดยเสด็จฯ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จนิวัตพระนครครั้งแรก ทรงถ่ายภาพประชาชนที่มาเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทสมเด็จพระบรมเชษฐาธิราชอยู่ตลอดเวลา ทรงพระปรีชาสามารถในการถ่ายรูป ไม่ว่าจะเป็นกล้องธรรมดาหรือกล้องถ่ายภาพยนตร์ และทรงเชี่ยวชาญในการล้างฟิล์ม การอัดขยายภาพทั้งขาว-ดำและภาพสี ทรงมีห้องมืดของพระองค์เอง ทรงสนพระทัยที่จะคิดค้นหาเทคนิคใหม่ๆ ในการถ่ายภาพอยู่เสมอ

    ภาพถ่ายฝีพระหัตถ์เคยไปปรากฏตามหน้านิตยสารแสตนดาร์ดของพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเปรมบุรฉัตร เมื่อราวปีพุทธศักราช ๒๔๘๓ ทรงมีพระราชดำรัสด้วยพระอารมณ์ขันแก่ผู้ใกล้ชิดผู้หนึ่งถึงการเป็นช่างภาพอาชีพของพระองค์ว่า

    "ฉันเป็นกษัตริย์ก็จริง แต่ฉันก็ยังมีอาชีพเป็นช่างภาพของหนังสือพิมพ์แสตนดาร์ด ได้เงินเดือนละ ๑๐๐ บาท ตั้งหลายปีมาแล้ว จนบัดนี้ก็ยังไม่เห็นเขาขึ้นเงินเดือนให้สักที เขาก็คงถวายเดือนละ ๑๐๐ บาท อยู่เรื่อยมา"

    ภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ในระยะหลังๆ ที่ทรงถ่ายไว้ระหว่างเสด็จปฏิบัติพระราชกรณียกิจในที่ต่างๆ ทรงใช้ภาพถ่ายฝีพระหัตถ์เป็นหลักฐานในการวางแผนปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น เมื่อคราวน้ำท่วมกรุงเทพฯ หลายครั้ง ได้ทรงถ่ายภาพจุดสำคัญๆ ไว้เป็นหลักฐานการวางแผนป้องกันน้ำท่วมทางเฮลิคอปเตอร์

    ภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ที่ปรากฏจึงมิได้ทรงถ่ายภาพเพื่อศิลปะแต่เพียงอย่างเดียว เพราะแต่ละภาพทรงไว้ซึ่งคุณค่าทางศิลปะและวิชาการ สามารถนำมาใช้ประโยชน์เพื่อการพัฒนาประเทศชาติบ้านเมือง และนำความผาสุกร่มเย็นมาสู่ประชาชนชาวไทยได้อย่างดีอีกด้วย

    ด้านประติมากรรม

    ศิลปกรรมสาขาประติมากรรมเป็นสาขาหนึ่งของวิจิตรศิลป์ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงศึกษาค้นคว้าเทคนิควิธีการต่างๆ ในงานประติมากรรมด้วยพระองค์เอง ทั้งการปั้น การหล่อ และการทำแม่พิมพ์

    อาจารย์ไพฑูรย์ เมืองสมบูรณ์ ข้าราชการบำนาญ กองหัตถศิลป์ กรมศิลปากร ซึ่งเป็นผู้ใกล้ชิดเบื้องพระยุคลบาทในงานด้านประติมากรรม และเคยเป็นประติมากรที่ทำงานถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในสวนจิตรลดา พระราชวังดุสิตได้เล่าว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีรับสั่งถึงการทำงานและเทคนิควิธีการของการทำแม่พิมพ์การปั้น และทรงเข้าพระราชหฤทัยถึงกระบวนการและขั้นตอนของงานทางด้านนี้เป็นอย่างดี โดยทรงศึกษาจากหนังสือทางด้านศิลปะและทรงลงมือปฏิบัติด้วยพระองค์เอง

    งานประติมากรรมฝีพระหัตถ์ซึ่งเป็นประติมากรรมลอยตัว (Round Relief) เก็บรักษาไว้ในตู้บนพระตำหนักจิตรลดารโหฐานพระราชวังดุสิต มี ๒ ชิ้นคือ

    ชิ้นที่ ๑ ได้แก่ รูปปั้นผู้หญิงเปลือยคุกเข่า ความสูง ๙ นิ้ว ทรงปั้นด้วยดินน้ำมัน
    ชิ้นที่ ๒ ได้แก่ พระรูปปั้นสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ครึ่งพระองค์ ความสูง ๑๒ นิ้ว ทรงปั้นด้วยดินน้ำมัน

    ต่อมาอาจารย์ไพฑูรย์ได้ขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตทำแม่พิมพ์หล่อเป็นปูน

    ปลาสเตอร์ ประติมากรรมฝีพระหัตถ์ชิ้นนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงจัดท่าทางและองค์ประกอบ ที่มีความประสานกลมกลืนอย่างงดงาม สะท้อนคุณค่าของความสง่างาม ทรงทิ้งร่องรอยฝีพระหัตถ์ที่มีชีวิต มีการเคลื่อนไหวไว้บนผิวดินน้ำมันที่ทรงปั้น

    ในเดือนมีนาคม พุทธศักราช ๒๕๐๘ โปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระพุทธรูปปางประทานพร ภปร. ซึ่งสร้างขึ้นเป็นครั้งที่ ๒ โดยมีพระราชประสงค์ให้ดัดแปลงแก้ไขพระพุทธลักษณะจากการสร้างครั้งที่ ๑ ของวัดเทวสังฆาราม จังหวัดกาญจนบุรี ในครั้งนี้ทรงมีแนวพระราชดำริแก่ช่างปั้นว่า พระพุทธรูปปางประทานพร ภปร. ควรมีพระพุทธลักษณะเข้มแข็งแต่ไม่แข็งกระด้าง อ่อนโยนแต่ไม่อ่อนแอ และให้ดูมีเมตตา ใครที่ชมพระพุทธรูปองค์นี้ถ้ามีจิตใจอ่อนไหวก็ให้มีจิตใจเข้มแข็งขึ้น และมีความรู้สึกสงบเยือกเย็นสุขุม ดังนั้นเพื่อให้เป็นไปตามพระราชประสงค์ จึงได้มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงแบบพระพุทธรูปให้ดูงดงามเหมาะสมตามพระพุทธลักษณะยิ่งขึ้น ส่วนฐานของพระพุทธรูปเป็นกลีบบัว ใต้กลีบบัวเป็นขาสิงห์ ที่ผ้าทิพย์ประดิษฐานอักษรพระปรมาภิไธยย่อ ภปร. และที่ฐานรองพุทธบัลลังก์ก็มีอักษรบาลีจารึกไว้ว่า "ทยฺยชาติยา สามคฺคิย ํสติสญฺชานเนนโภชิสิยํ รกขนฺติ" ในบรรทัดถัดลงมา เป็นอักษรไทยจารึกไว้ว่า "คนไทยจะรักษาความเป็นไทย อยู่ได้ด้วยมีสติสำนึกอยู่ในความสามัคคี" โปรดให้หล่อขึ้น ๒ ขนาด คือ ขนาดหน้าตัก ๙ นิ้ว และ ๕ นิ้ว ในการนี้ทรงควบคุม ดูแลการปั้น และการหล่ออย่างใกล้ชิดโดยตลอด และมีพระราชประสงค์ให้ประชาชนเช่าไว้เพื่อสักการบูชา

    http://www.positioningmag.com/Magazine/Details.aspx?id=65457
     
  17. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    http://www.positioningmag.com/Magazine/Details.aspx?id=65464


    ความประทับใจเบื้องหลังภาพถ่าย อนุชัย ศรีจรูญพู่ทอง <HR class=b>
    Positioning Magazine ธันวาคม 2550

    ถ้าถามว่าอะไรคือที่สุดของความภูมิใจที่ได้เกิดเป็นคนไทย คงจะมีเสียงตอบมาโดยพร้อมเพรียงกันทีเดียวว่า คือการขอสักครั้งในชีวิตที่มีโอกาสได้มีโอกาสได้เห็นองค์จริงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

    ความฝันของเด็กชายอนุชัย ศรีจรูญพู่ทอง ในอดีตก็ไม่ต่างกัน ความคิดที่อยากจะเจอพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ก็คือ การตั้งใจเรียนให้จบปริญญาตรี เพื่อมีโอกาสรับพระราชทานปริญญาบัตรจากพระหัตถ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

    ความประทับใจในพระองค์ท่านที่เกิดกับอนุชัย ก็ไม่ต่างจากคนไทยทั่วไป แต่อนุชัย ศรีจรูญพู่ทอง กรรมการผู้จัดการ บริษัท รีมิกซ์ สตูดิโอ จำกัด ในปัจจุบันโชคดีกว่าหลาย ๆ คน ที่เขามีโอกาสได้รับเลือกให้เป็นผู้ฉายภาพพระฉายาลักษณ์ของ 25 ราชวงศ์ ในงานพิธีฉลองครบรอบสิริราชย์สมบัติครบ 60 ปี เมื่อปี 2549 ซึ่งถือเป็นเรื่องภาคภูมิใจที่สุดในชีวิต

    การทำงานของช่างภาพในงานฉลองสิริราชย์ฯ ครั้งนั้น สมาคมถ่ายภาพ โดย สุรัตน์ โอสถานุเคราะห์ ได้คัดเลือกช่างภาพฝีมือดีของเมืองไทยกว่า 100 ชีวิต กระจายกำลังประจำอยู่ตามจุดต่างๆ เพื่อถวายงานถ่ายภาพงานพระราชพิธีที่จัดขึ้นให้ครอบคลุมทุกจุดทั่วกรุงเทพฯ แต่อนุชัยเป็นผู้รับเลือกให้เป็นช่างภาพคนเดียวที่เข้าไปฉายพระฉายาลักษณ์ของกษัตริย์และตัวแทนพระองค์ทั้ง 25 ราชวงศ์ที่เสด็จมาร่วมงาน

    “การถวายงานเป็นเรื่องของความรับผิดชอบ ทุกคนถือเป็นเรื่องโชคดี”

    ก่อนหน้าที่จะได้รับโอกาสสุดพิเศษเช่นนี้ อนุชัย มีความคิดที่จะตระเวนถ่ายภาพในโครงการ “ภาพเล่าเรื่องพระเจ้าอยู่หัวในดวงใจ” โครงการตระเวนถ่ายภาพของภาพพระเจ้าอยู่หัวที่มีอยู่ทั่วทุกบ้านของคนไทยทั้ง 76 จังหวัด ถ่ายภาพนับ 1,000 ภาพ แล้วคัดจำนวนเพียง 81 ภาพ นำมาแสดงในรูปแบบนิทรรศการภาพถ่าย ขาว-ดำ ที่หอศิลป์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ ระหว่างวันที่ 18 ตุลาคม - 18 พฤศจิกายน 2550

    ความคิดที่จะตระเวนถ่ายภาพพระบรมฉายาลักษณ์ของพระเจ้าอยู่หัวที่มีอยู่ในบ้านคนไทยทั่วทุกภาค ทุกจังหวัด เริ่มต้นจากครั้งหนึ่งที่เขาได้มีโอกาสรับรู้เรื่องราวเบื้องหลังภาพพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จากเจ้าของภาพรายหนึ่ง จนกลายเป็นความประทับใจที่เขาอยากค้นหาความหมายของภาพต่อไป

    “จากเมื่อก่อนเราเห็นรูปๆ หนึ่ง ทุกบ้านมีรูปนี้ เราแค่เห็น แต่ไม่เคยถามที่มา ไม่เคยถามว่ามีความหมายอย่างไร เมื่อลองถามก็จะได้มากกว่ารูปที่มีติดในบ้าน บางบ้านรูปที่เห็นคือการสะท้อนวิธีคิดของพระองค์ บางคนพ่อตายมีภาพในหลวงที่เปรียบเสมือนพ่อคนใหม่ที่ติดไว้ให้กำลังใจ มีทั้งความหมายของความรัก การพิจารณา บางอย่างเป็นปรัชญา ที่เป็นเครื่องเตือนใจให้คนทำดี เป็นกำลังใจ”

    ภาพถ่ายหนึ่งภาพ ที่ซ่อนเบื้องหลังวิธีคิดที่น่าสนใจหลากหลาย ที่เจ้าของภาพสะท้อนออกมาในแต่ละบ้าน แต่ละชุมชน กลายเป็นแรงบันดาลใจอย่างแรงกล้าที่ทำให้อนุชัย ทุ่มเทเวลา 3 ปี เพื่อตระเวนถ่ายภาพและได้พูดคุยถึงเรื่องราวที่หลากหลายอย่างไม่รู้จบ จนกลายเป็นบทสรุปแห่งความประทับของผลงาน “ภาพเล่าเรื่องพระเจ้าอยู่หัวในดวงใจ” ครั้งนี้ว่า

    “ความรักที่คนไทยมีต่อพระเจ้าอยู่หัว ไม่มีเส้นแบ่ง ถ้าจะมีก็มีเส้นเดียวเท่านั้นคือ เส้นของความจงรักภักดีต่อพระเจ้าอยู่หัว เพราะการที่ได้รู้เรื่องราวของผู้คนจากทุกที่ที่ผ่านมา จะยากดีมีจนอย่างไร ทุกคนรักพระองค์อย่างไม่มีเงื่อนไข”


    Profile

    อนุชัย ศรีจรูญพู่ทอง

    ได้รับเลือกเป็น 1 ใน 200 ช่างภาพที่ดีที่สุด โดยนิตยสาร Archives และมีผลงานเผยแพร่ในหนังสือ 200 Best Ad Photographers Worldwide Book ปี 2004

    นอกจากเกียติประวัติในการเป็นหนึ่งในช่างภาพที่ร่วมบันทึกเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ งานฉลองสิริราชสมบัติพระบาทสมเด็จพระอยู่หัวครบ 60 ปี แล้ว เขายังเป็นเจ้าของรางวัล Gold Award ทั้งประเภทสื่อสิ่งพิมพ์และสื่อกลางแจ้ง จากการประกวดโฆษณา Cannes Lion ครั้งที่ 54 ประจำปี 2007 ประเทศฝรั่งเศส จากผลงานชื่อ ‘Tree’ ของ World Wild Life Foundation (WWF)
     
  18. เชน

    เชน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    268
    ค่าพลัง:
    +1,037
    คนหลงทาง

    สวัสดีครับคุณหนุ่ม ผมเองต้องขออภัยในสิ่งที่ผ่านมา เพราะความหลงผิดไปบ้างด้วยความด้อยประสปการณ์ หลังๆมานี้รู้สึกได้ว่ามีความชอบในพระที่หลวงปู่เทพท่านสร้างเอาไว้..บอกไม่ได้ว่าเพราะอะไร...ทั้งที่ผมก็มีพระมากพอสมควรทั้งแบบที่คุณหนุ่มมี..เพราะได้มาจากคนที่ชลบุรี...จึงไคร่อยากร่วมทำบุญด้วยในฐานะที่กลับสู่ความหลงผิดไประยะหนึ่ง..จึงร่วมทำบุญบูชาพระรุ่นนี้ประเดิมกับสายคุณหนุ่มด้วยนะครับ...............................ขอบคุณ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  19. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    โมทนาสาธุครับ

    .
     
  20. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    http://palungjit.org/showthread.php?p=874474#post874474

    <TABLE class=tborder id=post873897 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">เมื่อวานนี้, 10:09 PM <!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right> #64 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>อาณัติ<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_873897", true); </SCRIPT>
    สมาชิก

    เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: เมื่อวานนี้ 10:34 PM
    วันที่สมัคร: Apr 2006
    ข้อความ: 209 <!-- Start Post Thank You Hack -->
    ได้ให้อนุโมทนา 6,030 ครั้ง
    ได้รับอนุโมทนา 1,393 ครั้ง ใน 212 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
    พลังการให้คะแนน: 180 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]


    </TD><TD class=alt1 id=td_post_873897 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- message -->ขอแสดงความคิดเห็นสักเล็กน้อย เพราะชอบคุณsithiphong จากเรื่องราวของหลวงปู่เทพโลกอุดรฯ ชอบคุณเพชรจากกระทู้ช่วยสงฆ์อาพาธฯ และกระทู้นี่ก็ชื่นชมเช่นกัน(หน้าที่ 1) พออ่านหน้าที่ 3, 4 วังเวงยังไงไม่รู้ จิตใจสับสน หากไม่โกรธมากมายนักก็หยุดแค่นี้เถอะครับ หากที่แสดงความคิดเห็นมาไม่ถูกจริต ต้องขออภัยเป็นอย่างสูง

    ด้วยความเคารพ

    (ปล.หากมีข้อแนะนำสิ่งใด กรุณาส่งมาทางPM นะครับผมคงไม่เข้ามาอ่านกระทู้นี้อีกแล้ว)
    <!-- / message --></TD></TR></TBODY></TABLE>

    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ อาณัติ [​IMG]
    ขอแสดงความคิดเห็นสักเล็กน้อย เพราะชอบคุณsithiphong จากเรื่องราวของหลวงปู่เทพโลกอุดรฯ ชอบคุณเพชรจากกระทู้ช่วยสงฆ์อาพาธฯ และกระทู้นี่ก็ชื่นชมเช่นกัน(หน้าที่ 1) พออ่านหน้าที่ 3, 4 วังเวงยังไงไม่รู้ จิตใจสับสน หากไม่โกรธมากมายนักก็หยุดแค่นี้เถอะครับ หากที่แสดงความคิดเห็นมาไม่ถูกจริต ต้องขออภัยเป็นอย่างสูง

    ด้วยความเคารพ

    (ปล.หากมีข้อแนะนำสิ่งใด กรุณาส่งมาทางPM นะครับผมคงไม่เข้ามาอ่านกระทู้นี้อีกแล้ว)
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    คนบางคนไม่รู้ ไม่สมควรแสดงความคิดเห็น ลองติดตามอ่านดูว่า เจตนาผู้ตั้งกระทู้เป็นอย่างไร เนื้อหาในกระทู้เป็นอย่างไร ก่อน ถ้าไม่เข้าใจก็ให้ถามแต่การถามมิใช่ว่าจะถามโดยเอาความคิดเห็นของตนเองเป็นใหญ่และคิดว่าความคิดเห็นของตนถูกต้อง ทั้งๆที่บางเรื่องบางคนไม่รู้เรื่องเลย แถมยังนำกติกาของคนบางกลุ่มบางพวก มาอุปโลกเป็นกติกาหรือมาตรฐานสากล ผมจึงบอกว่ากติกาสากลนั้น ไม่ถูกต้อง ต้องเป็นกติกานักซื้อขายพระ

    ยังมีองค์ความรู้ที่คนเรายังไม่รู้อีกมากมายนัก ความรู้ของคนปัจจุบันยังมีน้อยนัก แต่บางคนคิดไปเองว่า ความรู้ที่ตนเองมีนั้นรู้หมดทุกเรื่อง

    ยกตัวอย่าง แค่ร้อยกว่าปีก่อน มีโรคระบาดคืออหิวาตกโรค ซึ่งยังไม่มีความรู้ในการรักษา แต่ปัจจุบันสามารถคิดค้นยารักษาได้
    หรืออย่างปัจจุบัน โรคที่เรายังรักษาไม่หายคือโรคเอดส์ แต่ในอนาคต(ซึ่งยังไม่รู้ว่าอีกกี่สิบปี อีกกี่ร้อยปี อีกกี่พันปี) ผมคิดว่าเมื่อถึงวันนั้นก็จะมียารักษาโรคเอดส์นี้ เมื่อถึงวันนั้นก็อาจจะมีโรคที่ไม่เคยเห็นในปัจจุบันเกิดขึ้นมาใหม่ที่ไม่มียารักษาก็ได้

    ดังนั้น องค์ความรู้ที่มีอยู่ในปัจจุบัน มิใช่ว่าคนเราในยุคปัจจุบันจะรู้ทุกๆเรื่อง เพราะว่าเรามิใช่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่พระองค์ท่านเป็นสัพพัญญู รู้ในทุกสิ่ง องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์ท่านรู้ทุกสิ่ง แต่สิ่งที่พระองค์ท่านเมตตานำมาสั่งสอนมนุษย์หรือคนนั้น พระองค์ท่านนำมาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น และจุดมุ่งหมายที่พระองค์ท่านเมตตาสั่งสอนก็คือพระนิพพาน

    อีกเรื่องก็คือ ผลประโยชน์ ซึ่งเรื่องนี้ถ้าจะคุยกัน จะเป็นเรื่องยาว ผมว่าหลายๆท่านน่าจะพอเข้าใจ เช่น ถ้าพระของตนเองหรือกลุ่มตนเองมี ต้องตั้งเป็นกติกา(ของคนบางพวก บางกลุ่ม)ว่าต้องมีลักษณะนี้ ลักษณะนั้น ต้องอัพราคาขึ้น แต่ถ้าไม่เหมือนให้ตีเก๊ไว้ก่อน แถมไม่ต้องมาเสียภาษี ซึ่งเป็นการเอาเปรียบกับคนที่ทำงานสุจริตและเสียภาษีให้กับประเทศชาติ สิ่งต่างๆที่เป็นสาธารณ คนบางพวก บางกลุ่มก็ใช้ แต่ไม่ต้องเสียภาษี ฯลฯ ผมคงจะยกตัวอย่างเพียงเท่านี้

    ผมขอขอบคุณ คุณอาณัติที่เตือนกัน ผมเองก็ไม่ได้โกรธอะไร และไม่ต้องการรู้จัก ผมเคยบอกไปว่า คนบางพวก บางกลุ่ม ไม่อยากรู้จัก จักไม่ต้องไปเยียมในนรก ผมอยากรู้จักคนส่วนใหญ่ที่เป็นคนมีความคิดที่เป็นกุศล มีสัมมาอาชีพที่ไม่เอาเปรียบสังคม ดำรงชีพตามพระราชดำริตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง

    ผมจะส่งข้อความนี้ไปทาง pm ด้วยครับ
    โมทนาสาธุครับ



    .
    <!-- / message --><!-- sig -->
     

แชร์หน้านี้

Loading...