ของดีราคาถูก พระหลักร้อย พุทธคุณหลักล้าน

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย mayakarn, 22 กรกฎาคม 2011.

  1. Norr

    Norr เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,105
    ค่าพลัง:
    +127,436
    สวัสดีครับพี่ชาญ...

    มวลสารทำจากข้าวก้นบาตรนั้นเยี่ยมมากๆเลยอ่ะครับ..
     
  2. Norr

    Norr เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,105
    ค่าพลัง:
    +127,436
    1 - 0

    Thai vs Indo
     
  3. MrCHAN

    MrCHAN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2012
    โพสต์:
    5,812
    ค่าพลัง:
    +97,448
    [​IMG] [​IMG] [​IMG]
     
  4. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    19,236
    ค่าพลัง:
    +53,095
    Liverpool 3 - 0 Cardiff City


    ซัวเรส 2
    สตอลิ่ง 1 :cool::cool:
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 ธันวาคม 2013
  5. Norr

    Norr เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,105
    ค่าพลัง:
    +127,436
    [​IMG]
     
  6. MrCHAN

    MrCHAN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2012
    โพสต์:
    5,812
    ค่าพลัง:
    +97,448

    หมดครึ่งแรกไทยนำอินโด 1:0


    [​IMG][​IMG][​IMG]
     
  7. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    19,236
    ค่าพลัง:
    +53,095
    ขอให้ไทยตาม ลิเวอร์พูลไปติดๆเลยละกันครับ คืนนี้ ฝันดีแน่ๆ อิๆ

    พรุ่งนี้มีงานเลี้ยงลุ้นๆ รางวัลว่าจะได้อะไร มอไซค์ หรือ รถเก๋ง
    :cool:
     
  8. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,833
    กระทู้เรื่องเด่น:
    92
    ค่าพลัง:
    +225,599
    [​IMG]

    ขอโมทนาบุญกับคุณชาญด้วยครับ
     
  9. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,833
    กระทู้เรื่องเด่น:
    92
    ค่าพลัง:
    +225,599
    แบบนี้ก็คอเลสฯ สูงนะครับพี่ตี๋
     
  10. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,833
    กระทู้เรื่องเด่น:
    92
    ค่าพลัง:
    +225,599
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]

    ลอยองค์เนื้อเกสรว่านขาวหลวงพ่อแพ รุ่นแพ 5 แผ่นดิน โรยเกศา ผงตะไบบาตร
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 เมษายน 2015
  11. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,833
    กระทู้เรื่องเด่น:
    92
    ค่าพลัง:
    +225,599
    สวัสดียามดึกครับคุณปู

    อากาศเย็นๆ กาแฟร้อนๆซักแก้วแก้ง่วงนะครับ ^_^


    [​IMG]

    [​IMG]
     
  12. ปู ท่าพระ

    ปู ท่าพระ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    5,822
    ค่าพลัง:
    +60,326

    สวัสดีครับพี่วรรณ กาแฟร้อนเยี่ยมเลยครับ ช่วงนี้พยายามหลีกเลี่ยงพวกน้ำแข็งเลยครับเพราะผมแพ้อากาศง่าย
     
  13. ปู ท่าพระ

    ปู ท่าพระ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    5,822
    ค่าพลัง:
    +60,326
    [​IMG]

    ประวัติเจ้าราชครูหลวงโพนสะเม็ก

    เมื่อราว478ปีมาแล้วในดินแดนแถบลุ่มน้ำโขงมีพระเถราจารย์รูปหนึ่งเป็นที่เลื่องลือในเรื่องวัตรปฏิบัติที่ดีงามและอิทธิปาฏิหารย์อันเป็นที่เคารพแก่ราษฎรทั่วไปทั้ง2ฝั่งลุ่มน้ำโขง รวมไปถึงในราชสำนักล้านช้าง ซึ่งขณะนั้นพื้นที่บริเวณฝั่งตะวันออกของแม่น้ำโขงเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรล้านช้าง ปัจุบันคือบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน พระเถราจารย์รูปนี้มีนามว่า" พระราชครูหลวงโพนสะเม็กหรือเจ้าราชครูหลวงโพนสะเม็ด ซึ่งตามพงศาวดารเมืองจำปาศักดิ์และจากคำบอกเล่าของชาวบ้านแถบทางลุ่มน้ำโขงล่ำสือต่อกันมานับตั้งแต่รุ่นปู่ย่าตายายถึงเรื่องราวของพระเถราจารย์รูปนี้ ตามตำนานนั้นท่านเจ้าราชครูหลวงฯมีชื่อที่เรียกกันโดยคำกล่าวขนานนามท่านว่า " ญาคูขี้หอม " อันเนื่องมาจากวัตรปฏิบัติของท่านที่เพียบพร้อมในศีลจริยวัตรอันงดงาม ไม่ด่างพร้อยจนมีคำกล่าวว่าแม้แต่ชานหมากหรือภาษาถิ่นเรียกว่า " ขี้หมาก" ของท่านเมื่อยามคายออกมา ยังเต็มไปด้วยกลิ่นหอมของรสพระธรรม

    เนื่องจากท่านเจ้าราชหลวงฯเป็นพระเถระที่มีคุณูปการอย่างยิ่งต่อพระพุทธศาสนาที่ท่านได้ทำนุบำรุงศาสนสถานและศาสนวัตถุในพุทธศาสนาและอาณาจักรล้านช้างโดยเฉพาะการปกป้องรักษาเหล่าบรรดาเชื้อพระวงศ์ในพระยาสุริยวงศาธรรมิกราช รวมไปถึงการราชาภิเษกสถาปนาเจ้าหน่อกษัตริย์เป็นเจ้าสร้อยศรีสมุทรพุทธางกูรขึ้นครองนครจำปาศักดิ์ ตามประวัติของท่านเจ้าราชครูหลวงฯรูปนี้นั้นกล่าวไว้ว่าท่านถือกำเนิดขึ้นเมื่อจุลศักราช 993 ปีมะแมซึ่งตรงกับพุทธศักราช 2174 ณ เมืองโพพันลำ ( ปัจจุบันคือบ้านกาลึม หมู่5 ตำบลเมืองพาน อำเภอบ้านผือ จังหวัดอุดรธานี ) ในแผ่นดินพระยามหาพรหมเทโวโพธิสัตว์ ( พระหม่อนแก้ว ราวปีพ.ศ. 2170 – 2180 )แห่งกรุงศรีสัตนาคนหุตล้านช้าง เวียงจันทน์ ซึ่งตรงกับรัชสมัยของพระเจ้าปราสาททองแห่งกรุงศรีอยุธยา ( ราวปีพ.ศ.2173 – พ.ศ. 2198 ) โยมบิดามีนามว่า " ท้าวอุทร" โยมมารดา มีนามว่า " แม่นางผุสดี" ท่านเจ้าราชครูมีนามเดิมอย่างไรนั้นไม่ปรากฏอย่างแน่ชัด หากแต่ปรากฎนามในพงศาวดารภาคที่70 หอพระสมุดแห่งชาติ มีข้อความกล่าวถึงราชคูจัว ซึ่งพระเจ้าแผ่นดินในเวียงจันทน์ทรงสถาปนา สามเณรสีดาเป็น ราชคูจัวสีดา ภายหลังท่านอุปสมบทเป็นภิกษุแล้วจำพรรษาอยู่เกาะโพนเสม็ดประชาชนเรียกท่านว่า หลวงพ่อโพนเสม็ด ดังนั้นชื่อของท่านสันนิษฐานว่าน่าจะชื่อ สีดา นั้นเอง ท่านถือกำเนิดในตระกูลสามัญชนที่ประกอบอาชีพเกษตรกรรมและกสิกรรม

    ครั้นเมื่อท่านเจ้าราชครูหลวงฯอายุได้ 8 ปีโยมบิดาได้ฝากเรียนหนังสือกับท่านญาคูลืมบอง ( ท่านญาคูลืมไต้หรือญาคูลืมคบไฟ ) ที่วัดโพพันลำหรือวัดภูพันลึม ( ปัจจุบันวัดดังกล่าว คือบริเวณดอนปู่ตาประจำหมู่บ้านกาลึม ตำบลเมืองพาน อำเภอบ้านผือ จังหวัดอุดรธานี ซึ่งปรากฏหลักฐานทางโบราณคดีกล่าวคือมีศาสนสถานโบราณทางพุทธศาสนา สันนิษฐานว่าอาจจะเป็นอุโบสถหรือวิหารเนื่องจากมีแนวการเรียงอิฐเป็นฐานของโบราณสถานแต่สภาพถูกรบกวนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และมีพระพุทธรูปปูนปั้นปางมารวิชัย ศิลปะล้านช้างหันพระปฤษฎางค์ชนกัน 2องค์ องค์แรกเป็นพระพุทธรูปปูนปั้นปางมารวิชัยศิลปะล้านช้างหันพระพักต์ไปด้านทิศตะวันออก ปัจจุบันชาวบ้านได้ทำการบูรณะทาสีองค์พระพุทธรูปด้วยสีทอง

    องค์ที่สองเป็นพระพุทธรูปปูนปั้นปางมารวิชัยขนาดโตกว่าองค์แรกเล็กน้อยหันพระพักต์ไปด้านทิศตะวันตกทางเทือกเขาภูพาน ปัจจุบันชาวบ้านได้ทำการบูรณะทาสีองค์พระพุทธรูปด้วยสีเงินได้สร้างศาลามุงพระพุทธรูปทั้งสองได้เป็นอย่างดีในระดับหนึ่ง )

    เมื่อพ.ศ.2189 ท่านเจ้าราชครูหลวงฯ มีอายุครบ 15 ปี ท่านญาคูลืมบองได้บรรพชาท่านเจ้าราชครูเป็นสามเณร( จัว ) ทั้งนี้ท่านญาคูลืมบองนั้นมีศักดิ์เป็นญาติผู้ใหญ่ทางโยมบุพการีของท่านเจ้าราชครูหลวงฯจากตำนานในท้องถิ่นเล่ากันว่าท่านญาคูลืมบองเป็นพระเถระที่เคร่งครัดในพระธรรมวินัยและศึกษาวิปัสสนาธุระเป็นประจำ อีกทั้งมีความเชี่ยวชาญในเวทย์มนต์ คาถาอาคมรวมถึงไสยศาสตร์จนเป็นที่เคารพแก่เจ้าเมืองโพพันรำ ถึงขนาดเจ้าเมืองอาราธนาท่านญาคูไปดูแลเมืองพานแทน ด้วยความเก่งกล้าและความสามารถของท่านญาคูรูปนี้จึงได้สมญานามว่า " ญาคูเสือ" จากชาวเมืองโพพันรำ ท่านเจ้าราชครูหลวงฯได้ศึกษาเล่าเรียนพระธรรมวินัยและสามารถแปลภาษาบาลีรวมไปถึงศึกษาไสยเวทย์จากท่านจนสำเร็จ ว่ากันว่ามีอยู่ครั้งหนึ่งท่านญาคูลืมบองได้ไม้งิ้วดำมาหุงข้าวให้พระภิกษุและสามเณรฉัน แต่ไม่มีรูปใดรับเนื่องจากโดยธรรมชาตินั้นไม้งิ้วดำมีสารพิษในตัวไม่นิยมนำมาประกอบอาหารทั้งสิ้นรวมไปถึงนำมาใช้เพื่อการหุงต้ม เว้นแต่สามเณรที่พึ่งบรรพชาใหม่( เจ้าราชครูหลวงฯ ) รับฉันแต่ผู้เดียวจึงมีกำลังมหาศาล ท่านญาคูถ่ายทอดวิชาครบทุกด้านจึงนำท่านเจ้าราชครูหลวงฯไปฝากกับพระครูยอดแก้วแห่งวัดยอดแก้ว ( สันนิษฐานว่าวัดยอดแก้วน่าจะอยู่ในฝั่งตะวันออกของแม่น้ำโขงในปัจจุบันซึ่งวัดยอดแก้วตั้งอยู่ที่ตำบลเวียงคุก อำเภอเมือง จังหวัดหนองคายภายในวัดมีร่องรอยความเจริญรุ่งเรืองของอุโบสถขนาดใหญ่ซึ่งปัจจุบันเหลือเพียงเสาศิลาแลง แต่ตัวอาคารมีการสร้างครอบอาคารหลังเก่า ภายในประดิษฐานพระประธานปูนปั้นขนาดใหญ่ ศิลปะล้านช้าง ) พระสังฆราชแห่งอาณาจักรล้านช้างในขณะนั้น เมื่อท่านได้เข้าศึกษาในวัดยอดแก้วปรากฏว่าท่านเจ้าราชครูหลวงฯสามารถศึกษาเล่าเรียนได้อย่างรวดเร็ว มีปฏิภาณไหวพริบดีเลิศ จนทราบถึงพระกรรณของพระยาสุริยวงศาธรรมิกราช พระเจ้ากรุงศรีสัตนาคนหุตล้านช้าง เวียงจันทน์ในขณะนั้น จึงทรงรับเป็นองค์อุปัฏฐาก ราวปีพ.ศ.2194 ท่านเจ้าราชครูหลวงฯอายุครบ 20 ปีได้ทำการอุปสมบทที่อุทกกเขปสีมา กล่าวคือการอุปสมบทของท่านในครั้งนี้ท่านเจ้าราชครูหลวงฯได้ขอความอนุเคราะห์ต่อ

    พระยาสุริยวงศาธรรมิกราชให้จัดสร้างโบสถ์น้ำหรือสิมน้ำและขอให้พระสงฆ์นั่งหัตถบาส ร่วมทำพิธีเป็นจำนวน 500 รูป โดยพระยาสุริยวงศาธรรมิกราชรับเป็นองค์อุปถัมภ์การอุปสมบทในครั้งนี้ แต่พระองค์ทรงขออนุโลมและโปรดให้สร้างแพที่ท่าน้ำเวียงจันทน์ โดยนำเอาเรือมาผูกนำติดกันเป็นแพสามารถจุพระสงฆ์ได้ 500รูป และได้ทำพิธีอุปสมบทท่านจนเสร็จพิธีได้เกิดอุบัติเหตุกับเรือที่นำมาผูกต่อกันเป็นแพได้อับปางลงในน้ำ เป็นเหตุให้พระภิกษุที่ร่วมพิธีทั้งหลายตกลงในน้ำพากันว่ายน้ำขึ้นฝั่ง ทำให้จีวรของพระสงฆ์ทุกรูปต่างเปียกกันหมด เว้นแต่ท่านเจ้าราชครูหลวงฯซึ่งเป็นพระใหม่พึ่งบวชแต่เป็นที่น่าอัศจรรย์ยิ่งนักกล่าวคือ จีวรของท่านมิได้เปียกน้ำแต่นิด สร้างความศรัทธาแก่พระยาสุริยวงศาธรรมิกราชเป็นอย่างมาก ทำให้พระองค์เกิดความโสมนัสยิ่ง

    ครั้นเจ้าราชครูหลวงฯอุปสมบทครบ 1 พรรษา พระยาสุริยวงศาธรรมิกราชพระเจ้ากรุงศรีสัตนคนหุตล้านช้าง เวียงจันทน์เกิดพระราชศรัทธา จึงทรงพระราชทานสมณศักดิ์แต่งตั้งเป็น "พระครู" และอาราธนาท่านไปพำนักที่วัดโพนสะเม็ก แขวงเมืองเวียงจันทน์ นับแต่นั้นมาราษฎรเรียกท่านว่า " พระครูโพนสะเม็ก " เนื่องจากเรียกตามชื่อของวัดที่ท่านพำนักนั้นเอง ท่านเจ้าราชครูหลวงฯเป็นที่นับถือเลื่อมใสของประชาชนทั่วไป รวมไปถึงราชสำนักแห่งล้านช้าง จนถึงกับเจ้านายและเสนาบดีต่างพาบุตรหลานมาฝากตัวเป็นศิษย์ ท่านได้สอนหลักธรรมรวมไปถึงการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน เมื้อสิ้นรัชกาลพระยาสุริยวงศาธรรมิกราชา พระเจ้ากรุงศรีสัตนาคนหุตล้านช้าง เกิดปัญหาการช่วงชิงอำนาจในราชสมบัติของกลุ่มเชื้อพระวงศ์กับเสนาบดีชั้นผู้ใหญ่ ในที่สุดพระยาเมืองแสนหรือพระยาเมืองจัน ซึ่งเป็นอัครมหาเสนาบดีใหญ่ ได้ทำการช่วงชิงอำนาจในราชสมบัติของเชื้อพระวงศ์โดยการปราบดาภิเษกขึ้นเป็นกษัตริย์ในปีพ.ศ. 2238 เหล่าบรรดาเชื้อพระวงศ์ในพระยาสุริยวงศาธรรมิกราชได้หันมาขอพึ่งบารมีท่านเจ้าราชครูหลวงฯ เพื่อปกป้องจากภัยมืดของอัครเสนาบดีที่ปราบดาภิเษกเป็นพระเจ้ากรงศรีสัตนาคนหุตล้านช้างองค์ใหม่ ดังกรณีของเจ้านางสุมังคละ ซึ่งพระยาเมืองจันปราถนาในตัวเจ้านางเพื่อที่จะได้มาเป็นพระอัครมเหสี เนื่องจากเจ้านางเป็นพระธิดาในพระยาสุริยวงศาธรรมิกราชาอันหมายถึงความชอบธรรมในราชสมบัติเพราะเจ้านางเป็นราชนารีชั้นสูงในราชสำนัก แต่เจ้านางไม่ประสงค์ที่จะเป็นพระอัครมเหสีในพระยาเมืองจันด้วยเหตุที่ว่า เจ้านางมีพระโอรสอยู่ 1 องค์ คือ เจ้าองค์หล่ออีกทั้งยังทรงครรภ์ได้ 6-7 เดือน จึงหนีไปพึ่งบารมีท่านเจ้าราชครูหลวงฯ เป็นเหตุให้พระยาเมืองจันไม่พอพระทัยยิ่งนัก ฝ่ายเจ้านางเองนั้นเมื่อไปพบท่านเจ้าราชครูหลวงฯ ท่านได้แนะนำให้ไปอยู่ที่ภูฉะง้อหอคำ ( สันนิษฐานว่าภูฉะง้อคำน่าจะหมายถึงหอนางอุสาบนภูพระบาท ตำบลเมืองพาน อำเภอบ้านผือ จังหวัดอุดรธานี ) ส่วนเจ้าองค์หล่อให้ไปกับเหล่าเสนาบดีที่จงรักภักดีไปยังเมืองญวน ( ปัจจุบันคือประเทศเวียตนาม ) ด้วยเหตุนี้เองที่ทำให้พระยาเมืองจันคิดกำจัดท่านเจ้าราชครูหลวงฯ เพราะท่านเป็นผู้นำของผู้คนทั่วไปอีกทั้งรวมไปถึงเหล่าเชื้อพระวงศ์ เพื่อให้หมดเสี้ยนหนามที่จะขัดขวางอำนาจของพระองค์ ในปีพ.ศ. 2232 เจ้าราชครูหลวงฯ ได้กราบบังคมทูล ขอพระราชทานพระราชานุญาตต่อพระยาเมืองจันเพื่อไปบูรณะปฏิสังขรณ์พระธาตุพนมซึ่งชำรุดมาก บริเวณภูกำพร้าฝั่งขวาแม่น้ำโขง ท่านได้นำราษฎรชาวเวียงจันทน์และช่างฝีมือตามมาด้วยประมาณ 3,000 คน

    ในการครั้งนี้เหล่าเชื้อพระวงศ์ได้หนีมาด้วยในครั้งนี้คือเจ้านางสุมังคละและเจ้าหน่อกษัตริย์ พระโอรสที่พึ่งประสูติเพื่อย้ายหนีมาอยู่แถบบริเวณบ้านงิ้วลำพันโสมสนุกพร้อมด้วยข้าราชบริพารที่จงรักภักดี ( สันนิษฐานว่าอาจจะเป็นหมู่บ้านใดหมู่บ้านหนึ่งในอดีตของเมืองโพพันรำมาตุภูมิของท่านเจ้าราชครูหลวงโพนสะเม็ก ) ท่านเจ้าราชครูหลวงฯได้ออกจากเวียงจันทน์ล่องเรือผ่านเมืองใดก็มีผู้มีจิตศรัทธาเข้าร่วมจำนวนมาก เมื่อถึงพระธาตุพนมได้ลงมือบูรณะในปีพ.ศ. 2233 – 2235 ในการบูรณะในครั้งนี้นั้นท่านได้บูรณะตั้งแต่ชั้นที่ 2 ขึ้นไปจนสุดยอดพระธาตุ ซึ่งท่านได้ไปขุดเอาโลหะชนิดหนึ่งที่ชาวล้านช้างเรียกว่าเหล็กเปียก มีลักษณะคล้ายตะกั่วหรือเงิน มาหล่อแล้วสวมลงในปูนที่ยอดพระธาตุ หลังจากเสร็จสิ้นการบูรณะพระธาตุพนมแล้วนั้นท่านได้แบ่งครอบครัวชาวเวียงจันทน์จำนวนหนึ่งไว้ที่พระธาตุพนมเพื่อดูแลรักษาพระธาตุ จากนั้นท่านได้มุ่งมาสู่ดินแดนมาตุภูมิของท่านคือ เมืองโพพันรำระหว่างเดินทางนั้นท่านได้บูรณะศาสนสถานตลอดทาง เมื่อมาถึงบริเวณเมืองโพพันรำท่านได้บูรณะอูบมุงที่วัดพระพุทธบาทบัวบานปัจจุบันคือวัดพระพุทธบาทบัวบาน ตำบลเมืองพาน อำเภอบ้านผือ จังหวัดอุดรธานี จากนั้นท่านได้จาริกต่อไปยังทางใต้ไปสู่เมืองนครจำบากนาคบุรีศรี ( นครจำปาศักดิ์ ) ซึ่งเป็นเมืองที่มีชนพื้นเมืองที่เป็นกลุ่มพวกข่า ส่วย กูย และจาม ขณะนั้นมีผู้ปกครองเมืองเป็นสตรีมีนามว่า "นางเภาและนางแพง" ได้ทราบข่าวว่าท่านเจ้าราชครูหลวงฯเป็นที่เคารพนับถือของราษฎรยิ่งนัก จึงเกิดความศรัทธาเลื่อมใสในท่านเจ้าราชครูหลวงฯ นางทั้งสองดำริให้ท่านปกครองบ้านเมืองแทน แต่ท่านได้ปฏิเสธเนื่องจากมิใช่กิจของสงฆ์เกรงผิดพระธรรมวินัยและเป็นที่ครหาได้ ด้วยเหตุนี้เองท่านจึงให้ท้าวพระยาทั้งหลายกราบบังคมทูลเชิญเจ้าหน่อกษัตริย์ซึ่งมีพระชนมายุควรแก่การปกครองบ้านเมืองได้แล้ว ที่บ้านงิ้วลำพันโสมสนุกมาเป็นเจ้าผู้ครองนครแทน จากนั้นในปีพ.ศ. 2256 เจ้าหน่อกษัตริย์ได้รับการราชาภิเษกเป็น" เจ้าสร้อยศรีสมุทรพุทธางกูร " โดยท่านเจ้าราชครูหลววงฯและได้เปลี่ยนชื่อเมืองนครจำบากนาคบุรีเป็น

    " นครจำปาศักดิ์ " ต่อมาท่านได้รับการเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชครูหลวงโพนสะเม็ก เป็นพระสังฆราชแห่งเมืองจำปาศักดิ์ ในเวลาต่อมา ราวปีพ.ศ.2263 ท่านพระราชครูหลวงโพนสะเม็กได้อาพาธถึงแก่มรณภาพ สิริอายุได้ 90 ปี เจ้าสร้อยศรีสมุทรหน่อพุทธางกูรได้โปรดเกล้าฯให้ท้าวพระยาและเหล่าเสนาบดี จัดการพิธีพระราชทางเพลิงศพแด่ท่านพระราชครูหลวง เมื่อเสร็จพิธีแล้วโปรดให้ก่อพระเจดีย์เพื่อบรรจุอัฐิธาตุของท่านองค์ใหญ่ 1 และองค์เล็กอีก 3 องค์ บริเวณวัดธาตุ เมืองจำปาศักดิ์ ส่วนอัฐิธาตุที่เหลือให้ไปบรรจุยังพระเจดีย์ธาตุที่บริเวณด้านหน้าองค์พระธาตุพนมตามเจตนารมย์ของท่านพระราชครูหลวงฯที่ประสงค์ให้นำอัฐิธาตุของท่านไปบรรจุยังวัดพระธาตุพนมนั้นเอง

    ที่มา:tinyzone

    ขอบคุณเจ้าของภาพด้วยครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 ธันวาคม 2013
  14. ddd445

    ddd445 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2013
    โพสต์:
    7,468
    ค่าพลัง:
    +38,819
    สวัสดียามเช้าคุณปู คุณเอ๊ะ และทุกๆท่าน ขอให้มีแต่ความสุขกาย สุขใจกันนะครับ
    หลวงพ่อนาคปรก(อธิษฐานจิตโดย ลป.เครื่อง) วัดสระกำแพงใหญ่ อ.อุทุมพรพิสัย จ.ศรีสะเกษ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_3550.JPG
      IMG_3550.JPG
      ขนาดไฟล์:
      4.7 MB
      เปิดดู:
      81
    • IMG_3554.JPG
      IMG_3554.JPG
      ขนาดไฟล์:
      4.5 MB
      เปิดดู:
      119
  15. ddd445

    ddd445 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2013
    โพสต์:
    7,468
    ค่าพลัง:
    +38,819
    สวัสดีครับคุณวัน ... ไตรกีเซอร์ไลสูงครับ ส่วนคอเลสไม่สูงครับ
     
  16. ddd445

    ddd445 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2013
    โพสต์:
    7,468
    ค่าพลัง:
    +38,819
    ขอบคุณ คุณปู ที่ได้นำเรื่อราวต่างๆมาให้ได้อ่าน ทำให้หูตาสว่างด้วยความรู้ทางประวัติศาสตร์ ที่มิได้หาอ่านกันได้ง่ายๆ สาธุๆๆๆๆ
     
  17. ปู ท่าพระ

    ปู ท่าพระ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    5,822
    ค่าพลัง:
    +60,326
    สวัสดียามเช้าครับพี่ตี๋ พี่โญ
     
  18. MrCHAN

    MrCHAN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2012
    โพสต์:
    5,812
    ค่าพลัง:
    +97,448
    ;aa44 อรุณสวัสดิ์ยามเช้าครับพี่ตี๋ พี่ปู คุณเอ๊ะ และทุก ๆ ท่าน...
     
  19. ปู ท่าพระ

    ปู ท่าพระ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    5,822
    ค่าพลัง:
    +60,326
    [​IMG]

    [​IMG]

    น้อมกราบหลวงปู่สิม -/\-
     
  20. MrCHAN

    MrCHAN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2012
    โพสต์:
    5,812
    ค่าพลัง:
    +97,448
    พระพุทธมหาปฐวีธาตุ


    [​IMG]

    ขอบพระคุณบทความตามเวปอ้างอิงครับ
    พระพุทธมหาปัฐวีธาตุ ของดีของหลวงปู่ที่ไม่ควรมองข้าม

    พระพุทธมหาปฐวีธาตุของหลวงปู่คำพันธ์ นี้เป็นของวัดสร้างเอง ส่วนใหญ่เรียกว่าพระพุทธรูป
    ศักดิ์สิทธิ์ เนื้อดินหรือเนื้อเกสร แต่หลวงปู่ท่านเรียกว่า “พระพุทธมหาปฐวีธาตุ” ไม่ว่าจะเรียก
    อย่างไรก็หมายถึงพระพิมพ์นี้ทั้งนั้น พุทธมหาปฐวีธาตุนี้สามารถอธิฐานแช่น้ำทำน้ำมนต์ได้ด้วย
    หลวงปู่คำพันธ์ ท่านกล่าวไว้ว่า มีองค์นี้แล้วเหมือนมีหลวงปู่อยู่ด้วย น้ำมนต์ก็จะศักดิ์สิทธิ์ดุจดั่ง
    หลวงปู่ทำให้เองเลย ดังนั้น พระพุทธมหาปฐวีธาตุจึงนับได้ว่าเป็นพระอีกพิมพ์หนึ่งในไม่กี่พิมพ์ที่หลวงปู่คำพันธ์ท่านโปรดปราน


    ประมาณปี 31 หรือ 32 มีศิษย์ของหลวงปู่ท่านหนึ่ง เข้ากราบหลวงปู่ร่วมกับคณะครู
    และผู้บริหารประมาณ 5-6 คน เพื่อถวายสังฆทาน หลวงปู่หยิบพระผงสีดำจากย่ามให้คนละองค์
    ท่านบอกว่า นี่คือสมเด็จมหาปฐวี ดิน 9 บัง ด้วยความไม่รู้ จึงถามหลวงปู่ไปว่า ดิน 9 บัง
    เป็นดินที่ลี้(ซ่อน, บัง) 9 ครั้งหรือครับหลวงปู่ หลวงปู่หัวเราะแล้วตอบอย่างอารมณ์ดีว่า 9 บัง
    หมายถึง ดิน 9 จากห้วย 9 ห้วย (ห้วย หมายถึง ห้วยหนอง หรือหนองน้ำ หรือแหล่งน้ำ) ซึ่งสรุป
    แล้วสมเด็จมหาปฐวีเป็นสมเด็จที่หลวงปู่นำดินจากแหล่งน้ำที่ศักดิ์สิทธิ์ 9 แห่ง มากดเป็นพิมพ์พระสมเด็จนั้นเอง

    พุทธลักษณะเป็นรูปองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าประทับบนอาสนะมีฐานผ้าทิพย์
    ปางมารวิชัยประทับใต้ต้นศรีมหาโพธิ์ บริเวณพระศอและใบหน้าด้านหลังเป็นรัศมีเส้นวงกลม
    อันหมายถึงพระปัญญาญาณที่สว่างไสว สงบและเต็มไปด้วยบุญญาและบารมีแห่งธรรมะ
    เส้นขอบองค์พระคู่ขนานกับองค์พระเว้าเป็นซุ้มและกนกทำให้พุทธศิลป์โดยรวมขององค์พระมีความงดงามและลงตัว

    ด้านหลังองค์พระประทับด้วยพระยันต์ "นะปัดมหาสูญนิพพาน" ที่หลวงปู่คำพันธ์ท่านว่ามีความศักดิ์สิทธิ์และมีความหมายอย่างยิ่ง
    มีคุณค่าอันยิ่งใหญ่ไพศาลหาที่สุดมิได้ หลวงปู่ท่านเรียกยันต์
    ตัวนี้ว่า “ยันต์ นะ ปัดมหาสูญนิพพาน” ผู้ใดมีวัตถุมงคลของหลวงปู่ จะไม่มีวันตกต่ำ และจะมีชีวิต
    ที่สูงยิ่งขึ้น เมื่อบูชา และอาราธนาใช้ แต่บุคคลนั้นต้องตั้งอยู่ในความดี กล่าวได้ว่า วัตถุมงคล
    อันศักดิ์สิทธิ์เหมาะสมกับผู้ที่เจริญด้วยความดี ไม่ว่าจะยากจนแสนเข็ญหรือร่ำรวยล้นฟ้า
    ทุกคนสามารถเป็นคนดีได้เปรียบเสมือนผู้กับผู้เจริญรอยตามพระธรรม สามารถเข้าถึงพระนิพพาน
    แห่งธรรมะได้ สิ่งนี้คือความหมายของ “ยันต์ นะ ปัดมหาสูญนิพพาน” ของหลวงปู่

    ฉะนั้น หากผู้ใดมี “พระพุทธมหาปัฐวีธาตุ” โปรดจงระลึกไว้เสมอว่า ท่านมีวัตถุมงคลที่
    เปี่ยมพร้อมไปด้วยพุทธศิลป์ที่งดงาม และพุทธคุณอันสูงล้ำค่าแห่งองค์พระทั้งดีในและดีนอก
    คือ มวลสารที่นำมาใช้สร้างถูกคัดกรองมาอย่างดีจากสถานที่ ที่หลวงปู่ท่านบอก รวมถึงการ
    ได้รับการปลุกเสกจากหลวงปู่ด้วยแล้ว จึงถือได้ว่า เป็นของดีอันสุดวิเศษจริง ๆ

    ปล.เรื่องจำนวนขมวดของยันต์ไปถามผู้รู้แล้วไม่มีใครทราบเลยครับพี่ปู
     

แชร์หน้านี้

Loading...