ใครตอบไม่ได้คนนั้นไม่มีวันที่จะบรรลุธรรมได้ สติคืออะไร?

ในห้อง 'Black Hole' ตั้งกระทู้โดย newamazing, 6 สิงหาคม 2013.

  1. สับสน!

    สับสน! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2010
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +3,984

    ..ถ้าจิต..ไม่มีสติ จะเห็นการเกิด-ดับไหม
    พูดไม่คิด..เอากำลังจิตมาจากไหน บิดเบี้ยวเหมือนอาจารย์ตัวเองเลย อิอิ
     
  2. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    ปู่ งง อะจิ

    อย่าไป จับประเด็นด้วยการตรึกเลย ปู่

    ของแบบนี้ คนที่ภาวนาได้ เขาจะ น้อมเอามาพินาได้ นะ

    พอยกขึ้นมา มันจะ " ยิบ ยิบ ยิบ " ขึ้นมาเลย

    พอ " ยิบ ยิบ ยิบ " ขึ้นมานะ จะรู้ทันอีกว่า มันปรุงขึ้นมาเพื่อดูได้

    พอปรุงขึ้นมาเพื่อดูได้ จะรู้ทันลงไปอีกว่า " จิตส่งใน " หากไม่
    ถลำเกินไปก็ไม่เกิด น้ำหนัก หากเบาเกินไป ก็ทะลึ่ง ประคองไว้

    อันนี้ก็แล้วแต่ว่า จะกล้าหาญกันแบบไหน บางคนเอาเป็นวิหาร
    ธรรมยังได้

    แต่ จะรู้เลยว่า จิตส่งใน ก็คือ จิตส่งออกนอก ตายน้ำตื้นพอกัน

    พอรู้ว่าตายน้ำตื้นปั๊ป กลับมา หายใจ ฮะเอ่อ

    ฉลาดในสัญญาอันเดียว มีอารมณ์อันเดียว มันก็จะชัดเข้ามา

    กว่าจิตจะตื่น ( มีสัญญาอันเดียว มีอารมณ์อันเดียว เพื่อตาเห็น
    ความเกิดดับ ... เพื่อที่จะ สาว หรือ ทวนกระแส หรือ รื้อค้น ไป
    หาเหตุ ) สนุก สงบ แต่ ร่าเริง ฮะเอ่อ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 สิงหาคม 2013
  3. นางมะลิ

    นางมะลิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มกราคม 2012
    โพสต์:
    59
    ค่าพลัง:
    +117
    อนุโมทนาค่ะ การปรากฏตัวของ คุณnewamazing และการแถไปมาของคุณNew ทำหน้าที่ล่อเป้าให้
    ทำให้Shree Rajneesh buddha ออกมา
    คุณนิว ฟังคุณศรีรัชนี บ้างนะค่ะ เพราะคุณนิว พูดเรื่องเดียวกันในบางช่วงกับคุณศรี ....แล้วมาว่าคุณศรี ฉันก็สงสัยว่าฟังเขาไหมเนี่ย .....เหมือนเอาที่เขาพูดไปแขวะเขาเองตลกดี
    อย่างเรื่องคิดเอากับปฏิบัติจริงมันต่างกันฉันว่าคุณศรีพูดก่อนคุณอีกนะ คุณพูดซ้ำกับเขาแล้วบอกจะสอนเขาอีก.....สรุป
    ฟังหรือเปล่านี่ .....

    คำพูดคุณศรีรัชนี ช่างแหลมคมมาก แต่สำนวนแกแปลกตาไปหน่อย ยาวเกินไปด้วยสั่ฃ้นๆๆหน่อยก็ดีนะค่ะ
    ฟังแล้วดิบๆๆ ขัดความคิดความเชื่อแบบเดิมๆๆ แม้ฉันจะฟังแล้วมึนเป็นบางตอน
    แต่ก็มีประโยชน์ของคนศึกษาธรรม
    เพราะมันจริงอย่างแกว่าเหมือนกันนะ
    อย่างเรื่อง เราเป็นคนพุทธแล้วอ้างเหมือนๆๆกันมาแบบเดียวกันเลยรู้เลยว่าคนพุทธ เดาได้เลยว่าจะพูดอะไร
    ...เห็นความแตกต่างของคนตอบสดกับคนที่ก็อปปี้วางตัดต่อชัดทีเดียว ฮิฮิฮิ
    คุณนิวค่ะระวังจะเหมือนเรื่อง ภิกษุ ปุกกุสาติ นะค่ะ แต่น่าเสียดายที่ภิกษุ ปุกกุสาติยังรู้นะ แต่คุณนิวดูจะไม่เฉลียวใจเลยอะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 สิงหาคม 2013
  4. สับสน!

    สับสน! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2010
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +3,984

    ที่พูดมานี่..หมายถึงกำลังทอดแหหาปลา..สาวแหขึ้นมาดูว่ามีปลาติดเบ็ดไหมใช่ปล่าว :boo:
    มีจิตส่งใน..ต้องประคอง อย่าถลำเถลือก-เสือกดิ้นไปมาอีกด้วย ถลำตื้น-ถลำลึก ประคองไว้..ความคิดใช่ไหม ที่พูดมานี่..ไม่ตามความคิดแล้วรึ
    ..ประวัติศาสตร์ ที่เคยเรียนมาว่า พม่าเผาอยุทธยานะ ผิดแล้ว สอนผิดหมด..จริงๆแล้ว..:boo:
     
  5. MindSoul1

    MindSoul1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กันยายน 2012
    โพสต์:
    295
    ค่าพลัง:
    +496
    กลยุทธในการสอนธรรมของคุณ New นี่เยี่ยมมากเลยนะ อิอิอิ

    ถ้าเค้าสามารถวางคุณ New ลงได้
    ไม่ไหลตามเรื่องราวของคุณ New
    เค้าเองนั่นแหละจะประจักษ์ความจริงได้เอง
     
  6. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    <table style='font-size:10px; ' border=1 cellpading=0 cellspacing=0>
    <tr bgcolor=blue><td><font color=white>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 8 คน ( เป็นสมาชิก 6 คน และ บุคคลทั่วไป 2 คน ) [ แนะนำเรื่องเด่น ]
    </font></td></tr>
    <tr><td><font color=blue>
    นิวรณ์*, น้ำ-จันทร์, MindSoul1, jittinon, Shree Rajneesh buddha, newamazing</font>
    </td></tr>
    </table>

    จ่า แอม หายไปไหน หรือว่า มาแว้ว แต่ไปมัวร้อยมะลิ
     
  7. newamazing

    newamazing เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,704
    ค่าพลัง:
    +1,381
    ผมไม่ใช่อนาคามีครับ ผมแค่สกิทาพยายามเข้าสู่อนาคาแต่ยากมากขอทรงระดับสกิทาก่อนครับ เรื่องหนี้สิน บอกตรงๆนะ การเป็นหนี่เป็นความทุกข์ แต่ขอให้รู้ไว้ด้วยว่าตัวหนี่ไม่ใช่ทุกข์ตัวทุกข์เป็นตัวเข้าไปยึด มีก็จ่ายไม่มีจะเอาที่ไหนไปจ่ายจริง่ป่าวสบายๆไม่ใช่เรื่องยาก สังขารคือการปรุงแต่ง สติมีหน้าที่ระลึกรู้ถูกต้องตรงความจริง
     
  8. MindSoul1

    MindSoul1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กันยายน 2012
    โพสต์:
    295
    ค่าพลัง:
    +496
    อินทรียสังวร เป็นเหตุให้ได้มาซึ่งวิมุตติญาณทัสสนะ

    ภิกษุทั้งหลาย !
    เปรียบเหมือนต้นไม้ เมื่อสมบูรณ์ด้วยกิ่ง และใบแล้ว สะเก็ดเปลือกนอก ก็บริบูรณ์;
    เปลือกชั้นใน ก็บริบูรณ์; กระพี้ ก็บริบูรณ์; แก่น ก็บริบูรณ์ นี้ฉันใด;

    ภิกษุทั้งหลาย !
    เมื่ออินทรียสังวร มีอยู่, ศีล ก็ถึงพร้อมด้วยอุปนิสัย;
    เมื่อ ศีล มีอยู่, สัมมาสมาธิ ก็ถึงพร้อมด้วยอุปนิสัย;
    เมื่อ สัมมาสมาธิ มีอยู่, ยถาภูตญาณทัสสนะ ก็ถึงพร้อมด้วยอุปนิสัย;
    เมื่อ ยถาภูตญาณทัสนะ มีอยู่, นิพพิทาวิราคะ ก็ถึงพร้อมด้วยอุปนิสัย;
    เมื่อ นิพพิทาวิราคะ มีอยู่ วิมุตติญาณทัสสนะ ก็ถึงพร้อมด้วยอุปนิสัย;
    ฉันนั้น เหมือนกันแล.

    ฉกฺก. อํ. ๒๒/๔๐๒/๓๒๑.
     
  9. newamazing

    newamazing เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,704
    ค่าพลัง:
    +1,381
    สภาวะไหนก็ไม่ส่วนนอะไรเกี่ยวกับการช่วยสังคมหรอกครับไม่มีการกำหนดตายตัว เป็นไปตามเหตุปัจจัยเอื้ออำนวย
     
  10. newamazing

    newamazing เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,704
    ค่าพลัง:
    +1,381
    ใครครับทำบุญยังเลือกสถานที่ผิดคนหรือเปล่าผมตักบาตรพระทุกวันเอาสะดวกไม่เห็นต้องเลือก
     
  11. (อโศก)

    (อโศก) เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    140
    ค่าพลัง:
    +445
    พูดได้เต็มปากนะว่าสกิทาคามี หึหึหึ เป็นคนเฟ้อเจ้อมากกว่านะ ผมว่า เว็ปพลังจิตนี่รวมคนบ้าได้ใจจริงๆๆ เหอๆๆๆ
    กามราคะ ละได้แล้วหรือพ่อคุณ ยังนอนกับเมียหรือเปล่า ถ้ายังทำอะจึ๋งๆๆๆ ทุกวันก็คงจะเป็นสกิทาคามียากนะ เดี๋ยวเป็นสกิทาคามีเดี่ยวเป็นพระโสดาบันเพราะจะต้องชุ่มไปด้วยการให้
    ให้ผมหน่อยสิ โอนเงินมาเลย อยากรู้จริงๆๆ พ่อโสดาบัน วันนี้ทำบุญยังจ๊ะ ก็จ่ายไม่มีจะเอาที่ไหนไปจ่ายจริงเป่าวสบายๆไม่ใช่เรื่องยาก ยากสิคุณ สบายตรงไหวว่ะ ดอกบาน เจ้าหนี้กระทืบ ทุกข์แน่ แต่คุณไม่ยึดใช่ปะขอถีบทีสิ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 สิงหาคม 2013
  12. MindSoul1

    MindSoul1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กันยายน 2012
    โพสต์:
    295
    ค่าพลัง:
    +496
    ทรงมีหลักเกณฑ์การฝึกตามลำดับ (อย่างย่อ)

    ดูก่อนพราหมณ์ ! ในธรรมวินัยนี้ เราสามารถบัญญัติกฎเกณฑ์แห่ง
    การศึกษาตามลำดับ การกระทำตามลำดับ และการปฏิบัติตามลำดับ ได้เหมือน
    กัน (กับที่ท่านวิธีฝึกสอนศิษย์ของท่านให้นับตามลำดับ)

    ดูก่อนพราหมณ์ ! เปรียบเหมือนผู้ชำนาญการฝึกม้า ได้ม้าชนิดที่
    อาจฝึกได้มาแล้ว ในขั้นแรกย่อมฝึกให้รู้จักการรับสวมบังเหียนก่อน แล้วจึงฝึ
    กอย่างอื่น ๆ ให้ยิ่งขึ้นไป ฉันใด; พราหมณ์เอย! ตถาคตครั้นได้บุรุษที่พอฝึกได้
    มาแล้วในขั้นแรกย่อมแนะนำอย่างนี้ก่อนว่า “มาเถิดภิกษุ ! ท่านจงเป็น ผู้มีศีล :
    สำรวมด้วยดีในปาติโมกข์ ถึงพร้อมด้วยมรรยาทและโคจร มีปรกติ
    เห็นเป็นภัยแม้ในโทษที่เล็กน้อย จงสมาทานศึกษาในสิกขาบททั้งหลายเถิด” ดังนี้.

    พราหมณ์ ! ในกาลใด ภิกษุนั้นเป็นผู้มีศีล (เช่นที่กล่าวแล้ว) ดีแล้ว
    ตถาคตย่อมแนะนำให้ยิ่งขึ้นไปว่า “มาเถิดภิกษุ ! ท่านจงเป็นผู้สำรวมในอินทรีย์ทั้งหลาย :
    ได้เห็นรูปด้วยตาแล้ว จักไม่ถือเอาโดยนิมิต(คือรวบถือทั้งหมดว่างามหรือไม่งามแล้วแต่กรณี),
    จักไม่ถือเอาโดยอนุพยัญชนะ(คือแยกถือเอาแต่บางส่วนว่าส่วนใดงามหรือไม่งามแล้วแต่กรณี),
    บาปอกุศลกล่าวคืออภิชฌาและโทมนัส มักไหลไปตามอารมณ์เพราะการไม่สำรวมจักขุอินทรีย์
    ใดเป็นเหตุ เราจักสำรวมอินทรีย์นั้นไว้เป็นผู้รักษาสำรวมจักขุอินทรีย์. (ในโสตินทรีย์คือหู
    ฆานินทรีย์คือจมูก ชิวหาอินทรีย์คือลิ้น กายินทรีย์คือกาย และมนินทรีย์คือใจ ก็มีข้อความนัยเดียวกัน).

    พราหมณ์ ! ในกาลใด ภิกษุนั้นเป็นผู้สำรวมอินทรีย์ (เช่นที่กล่าวนั้น)
    ดีแล้ว ตถาคตย่อมแนะนำให้ยิ่งขึ้นไปอีกว่า “มาเถิดภิกษุ! ท่านจงเป็นผู้รู้
    ประมาณในโภชนะอยู่เสมอ
    จงพิจารณาโดยแยบคายแล้วจึงฉัน ไม่ฉัน
    เพื่อเล่นเพื่อมัวเมา เพื่อประดับตกแต่ง, แต่ฉันเพียงเพื่อให้กายนี้ตั้งอยู่ได้
    เพื่อให้ชีวิตเป็นไปเพื่อป้องกันความลำบาก เพื่ออนุเคราะห์พรหมจรรย์,
    เราจักกำจัดเวทนาเก่า (คือหิว) เสียแล้วไม่ทำเวทนาใหม่ (อิ่มจนอึดอัด) ให้เกิดขึ้น.
    ความที่อายุดำเนินไปได้ ความไม่มีโทษเพราะอาหารและความอยู่ผาสุกสำราญ
    จักมีแก่เรา” ดังนี้.

    พราหมณ์ ! ในกาลใด ภิกษุนั้นเป็นผู้รู้ประมาณในโภชนะ (เช่นที่กล่าวนั้น)
    ดีแล้ว ตถาคตย่อมแนะนำให้ยิ่งขึ้นไปอีกว่า “มาเถิดภิกษุ! ท่านจงประกอบ
    ความเพียรในธรรมเป็นเครื่องตื่น

    (ไม่หลับ ไม่ง่วง ไม่มึนชา). จงชำระจิต
    ให้หมดจดสิ้นเชิงจากอาวรณิยธรรมทั้งหลาย ด้วยการเดิน การนั่งตลอดวันยังค่ำ
    ไปจนสิ้นยามแรกแห่งราตรี. ครั้นยามกลางแห่งราตรี สำเร็จการนอนอย่าง
    ราชสีห์ (คือ) ตะแคงขวา เท้าเหลื่อมเท้า มีสติสัมปชัญญะในการลุกขึ้น. ครั้นถึง
    ยามท้ายแห่งราตรี ลุกขึ้นแล้ว ชำระจิตให้หมดจดจากอาวรณิยธรรมด้วยการเดิน
    การนั่ง อีกต่อไป”
    ดังนี้

    พราหมณ์ ! ในกาลใด ภิกษุนั้นเป็นผู้ประกอบความเพียรในธรรม
    เป็นเครื่องตื่น (เช่นที่กล่าวนั้น) ดีแล้ว ตถาคตย่อมแนะนำให้ยิ่งขึ้นไปอีกว่า “มาเถิด
    ภิกษุ ! ท่านจงเป็นผู้ประกอบพร้อมด้วยสติสัมปชัญญะ
    รู้ตัวรอบคอบ
    ในการก้าวไปข้างหน้า การถอยกลับไปข้างหลัง, การแลดู การเหลียวดู,การคู้
    การเหยียด, การทรงสังฆาฏิบาตรจีวร, การฉัน การดื่ม การเคี้ยว การลิ้ม การถ่าย
    อุจจาระปัสสาวะ, การไป การหยุด, การนั่ง การนอน, การหลับ การตื่น, การพูด
    การนิ่ง” ดังนี้.

    พราหมณ์ ! ในกาลใด ภิกษุนั้นเป็นผู้ประกอบพร้อมด้วยสติสัมปชัญญะ
    (เช่นที่กล่าวนั้น) ดีแล้ว ตถาคตย่อมแนะนำให้ยิ่งขึ้นไปอีกว่า “มาเถิดภิกษุ !
    ท่านจงเสพเสนาสนะอันสงัด คือป่าละเมาะ โคนไม้ ภูเขา ลำธาร
    ท้องถ้ำ ป่าช้าป่าชัฏ ที่แจ้ง ลอมฟาง (อย่างใดอย่างหนึ่ง). ในกาลเป็นปัจฉาภัตต์
    กลับจากบิณฑบาตแล้ว นั่งคู้บัลลังก์ตั้งกายตรงดำรงสติเฉพาะหน้า, ละอภิชฌา
    ในโลก มีจิตปราศจากอภิชฌาคอยชำระจิต จากอภิชฌา ; ละพยาบาท
    มีจิตปราศจากพยาบาท เป็นผู้กรุณามีจิตหวังความเกื้อกูลในสัตว์ทั้งหลาย คอย
    ชำระจิตจากพยาบาท; ละถีนะมิทธะมุ่งอยู่แต่ความสว่างในใจ มีจิตปราศจาก
    ถีนะมิทธะมีสติสัมปชัญญะรู้สึกตัว คอยชำระจิตจากถีนะมิทธะ; ละอุทธัจจะ
    กุกกุจจะ ไม่ฟุ้งซ่านมีจิตสงบอยู่ในภายในคอยชำระจิตจากอุทธัจจะกุกกุจจะ ;
    ละวิจิกิจฉา ข้ามล่วงวิจิกิจฉาเสียได้ ไม่ต้องกล่าวว่า ‘นี่อะไร นี่อย่างไร’
    ในกุศลธรรมทั้งหลาย (เพราะความสงสัย) คอยชำระจิตจากวิจิกิจฉา”
    ดังนี้.

    ภิกษุนั้น ครั้นละนิวรณ์ห้าประการ อันเป็นเครื่องเศร้าหมองจิต
    ทำปัญญาให้ถอยกำลังเหล่านี้ ได้แล้ว
    , เพราะสงัดจากกามและสงัดจากอกุศล -
    ธรรมทั้งหลาย จึงบรรลุฌานที่ ๑ มีวิตกวิจารมีปีติและสุขอันเกิดแต่วิเวก
    แล้วแลอยู่. เพราะสงบวิตกวิจารเสียได้ จึงบรรลุฌานที่ ๒ เป็นเครื่องผ่องใส
    ในภายใน เป็นที่เกิดสมาธิแห่งใจ ไม่มีวิตกวิจาร มีแต่ปีติและสุขอันเกิดแต่สมาธิอยู่.
    เพราะความจางแห่งปีติ ย่อมอยู่อุเบกขา มีสติสัมปชัญญะ เสวยสุขด้วยนามกาย
    บรรลุฌานที่ ๓ อันเป็นฌานที่พระอริยเจ้ากล่าวว่าผู้ได้ฌานนี้ เป็นอยู่อุเบกขา
    มีสติอยู่เป็นสุข. และเพราะละสุข และทุกข์เสียได้ เพราะความดับหายไป
    แห่งโสมนัสและโทมนัสในกาลก่อน จึงได้บรรลุฌานที่ ๔ อันไม่ทุกข์ไม่สุข
    มีแต่ความที่มีสติเป็นธรรมชาติบริสุทธิ์ เพราะอุเบกขา แล้วแลอยู่.

    พราหมณ์เอย ! ภิกษุเหล่าใดที่ยังเป็นเสขะ (คือยังต้องทำต่อไป)
    ยังไม่บรรลุอรหัตตมรรค ยังปรารถนานิพพานอันเป็นที่เกษมจากโยคะ ไม่มีอื่นยิ่ง
    ไปกว่าอยู่, คำสอน ที่กล่าวมานี้แหละ เป็นคำสอนสำหรับภิกษุทั้งหลายเหล่านั้น.


    ส่วนภิกษุเหล่าใด เป็นอรหันต์สิ้นอาสวะแล้ว จบพรหมจรรย์แล้ว
    ทำกิจที่ต้องทำสำเร็จแล้ว มีภาระอันปลงได้แล้ว มีประโยชน์ตนอันได้บรรลุ
    ถึงแล้ว มีสัญโญชน์ในภพสิ้นไปรอบแล้ว หลุดพ้นแล้วเพราะรู้โดยชอบแล้ว,
    ธรรมทั้งหลาย (ในคำสอน) เหล่านี้ เป็นไปเพื่อความอยู่เป็นสุขในทิฏฐธรรม
    และเพื่อสติสัมปชัญญะ แก่ภิกษุทั้งหลายเหล่านี้ด้วย.


    ----------------------------------
    บาลี คณกโมคคัลลานสูตร อุปริ. ม. ๑๔/๘๒/๙๔. ตรัสแก่พราหมณ์ ชื่อคณกโมคคัลลานะ
    ที่บุพพาราม ใกล้กรุงสาวัตถี.

    �Ҥ � : �. �����ǡѺ��û�С�Ⱦ����ʹ� : �ç����ѡࡳ����ý֡����ӴѺ (���ҧ���)
    Wunjun Group
     
  13. (อโศก)

    (อโศก) เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    140
    ค่าพลัง:
    +445
    สรุปว่าเป็นข้ออ้าง ในการโม้ใช่ป่ะ ก็นึกว่าของจริง เสียดายไอ้คนจน อย่างเราเลยอดได้คนใจบุญมาหนุนนำเลยนะพ่อสาทาคามี ข้ออ้างเยอะจัง ไอ้เที่ยวมาอวดว่าตัวเองทำบุญเยอะทำทุกวันอะไรนี่
    แล้วบอกว่าเป็นสกทาคามี นี่ตลกว่ะ
    บ้านเรียกเมาบุญ แล้วพูดให้รู้ ทำก็ทำสิทำไมต้องมาประกาศให้โลกรู้ล่ะ ผมตักบาตรทุกวัน ......ไม่หวังผลด้วยนี่แหละหวังผลเต็มที่ เป็นนักการเมืองหรือครับทำดีแล้วต้อง
    ประกาศให้โลกรู้ กลัวคนไม่ศรัทธา
    หายไปไหนล่ะคุณสกทาคามี555 อยากเป็นอนาคมีอีก จะเลือนระดับ ความอยากเต็มกระบุ้ง
    จะเป็นพระอริยบุคคลละได้ยังอารมณ์วิปัสสนูนะ กูเป็นนั้นเป็นนี่บรรลุนั้นนี่แล้วอะ
    ผมอยากพบสกทาคามีออกมาหน่อยสิผมเนี่ย ออร่าหัน เหอๆๆ เห็นออร่าไหม?
    ถ้าHLC อยู่ต้องว่าnewamazingรับยาช่อง3
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 สิงหาคม 2013
  14. newamazing

    newamazing เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,704
    ค่าพลัง:
    +1,381
    ข้าพเจ้าไม่สนใจเหตุผลอะไรเกี่ยวกับเรื่องทาน ข้าพเจ้าสนใจคนที่พูดเรื่องหลุดพ้นที่สวยหรูแต่ข้าพเจ้าเบื่อที่จะได้ยินสิ่งเหล่านี้เพราะมันมากมายเหรอเกิดแค่คุณสมบัติเบื้องต้นที่จะต้องมีคุณธรรมในตนที่จะต้องเคารพและเชื่อมั่นในคำสอนก็อ้างว่ายึดติด ก็แสดงว่าหลุดพ้นแล้วก็เลยลองทดสอบการสละเพื่อเป้นทานซึ่งคุณสมบัติอริยบุคคบเบื้องตนนั้นมือจะต้องชุ่มไปด้วยการให้ลองดูซิจะสละได้หรือป่าวก็ไม่ทำกันอ้างโน้นอ้างนี่

    ผมเห็นแต่แบบนี้มีแต่พูดถึงการหลุดพ้นพูดถึงอภิปรัชญาทุกศาสนาเป็นหนึ่งเดียวนันคือความโง่ต่างหาก เป้นสิ่งที่ยังไม่เข้าใจจริงว่าพระสัทธรรมของพระพุทธองค์นั้นสูงสุดแล้วได้อะไร พระสัทธรรมของพระองค์นั้นต่า่งจากศาสนาอื่นอย่างไร พระสัทธรรมของพระองค์คือความเป็นจริงงทั้งหมดเป็นธรรมชาติไม่มีความเชื่อเข้ามา ท่านเพียงเข้าถึงสภาวะแห่งความคิดเรื่องราวของการหลุดพ้นแต่ท่านยังไม่เขาใจว่าเฉพาะความคิดนั้นมันยังห่างไกลฝั่งจริงๆ และท่านอย่าเอาเราไปเปรียบเทียบกับนักปฎิบัติท่านอื่นเลย ถ้าวันนั้นข้าพเจ้าไม่แรกสิ่งนี้มาด้วยชีวิตและสิ่งที่ปรากฎแก่ขาพเจ้า ข้าพเจ้าก็จะมีความหลุดพ้นไม่แตกต่างจากท่านคือความรู้แบบที่ท่านกำลังกล่าวอยู่นี่แหล่ะ แต่ถ้าท่านปฎิเสธตำราเราคงคุยกันยากซะหน่อย

    และเรื่องที่ท่านถามผมว่าผมทำทานแล้วเอามาเล่าทำไมผมเล่าแล้วผมได้อะไรกับสิ่งนี้ท่านคิดดูดีๆ แต่ถ้าสิ่งที่ผมเล่าแล้วมันเกิดพุทธปัญญากับคนอื่นนั้นซิเป็นประโยชน์จริงๆอย่างที่คนที่ยังไม่หมดกิเลสหวังอยู่ วันหนึ่งผมประจักสภาวะธรรมที่ทำให้ผมหายสงสัยทั้งหมดในคำสอน สภาวะที่เหมือนที่เราแบกสิ่งทั้งหมดไว้มันถูกทำลายลง ผมเลยพิสูจน์ตนเองนอกจากความคิดที่ผมคิดว่าผมบรรลุธรรมแลวรู้ตัวตนถูกทำลายบ้างแล้ว จะมีอะไรดีกับคำว่าผมต้องสละอะไรที่เป็นของรักของหวงของผม และมนุษย์จะมีอะไรดีเท่ากับเรื่องเงินๆทองๆ ผมก็เลยตัดสินใจมอบสิ่งนั้นกับสิ่งสมควรแก่การให้ และครั้งต่อมาผมทำได้มากกว่าเก่าผมไม่รู้สึกเสียดายสิ่งนี้เลยทั้งสิ่งที่ผมบริจาคไปนั้นถึงมันจะไม่มาก แต่เงินติดตัวผมมีอยู่นั้นตอนนี้มันน้อยกว่าการบริจาคมากมาย ถ้าท่านคิดตรงนี้ดูดีๆประโยชน์อยู่ที่คนอ่านไม่ได้อยู่ที่ผม

    และถ้าท่านอยากรู้ว่าผมประจักษ์อย่างไร อะไรเกิดกับผม ก็รูปนามดับไปอายตนะทั้งหมดดับชั่วขณะเหลือแต่วิญญานที่เป็นธาตุรู้เท่านั้นเข้าไปรู้ความจริงฝั่งอสังขตะธรรมคือความไม่เกิดไม่ดับ วิธีที่เขาถึงก็คืออานาปานสติแต่ผมกล้าที่จะด้วยการถ้าไม่บรรลุจะไม่หยุดความเพียร
     
  15. นางมะลิ

    นางมะลิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มกราคม 2012
    โพสต์:
    59
    ค่าพลัง:
    +117
    ยังอยู่เจ้าค่ะ
     
  16. อินทรบุตร

    อินทรบุตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    2,511
    ค่าพลัง:
    +7,320
    newamazing เคยได้อรูปฌานมาก่อนไหม?
     
  17. newamazing

    newamazing เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,704
    ค่าพลัง:
    +1,381
    นิวรณ์ผมไม่สนใจหรอกเรื่องทานนะใครจะได้อะไรใครจะโง่อย่างไรใครจะทำอย่างไร ผมสนใจคนที่พูดและคิดว่าตนเองบรรลุธรรมแล้วจะขั้นไหนก็ตาม กล้าที่จะสละหรือเปล่า ถ้าไม่กล้าทำไมไม่กล้า ลองดูซิมันไม่่มีอะไรหรอกแค่ได้รูจักตนเองจริงๆเท่านั้นนิวรณ์ ส่วนเรื่องภาวนานะคิดไปเถอะผมไม่ได้มาเพราะโชคช่วนนะครับ ผมได้มาเพราะผมมีความศรัทธา ความเพียร ที่แรงกล้าจนเกิดเป็นสติเป็นสมาธิเป็นปัญญา
     
  18. (อโศก)

    (อโศก) เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    140
    ค่าพลัง:
    +445
    ผมว่าพระอริยเจ้านิวทำทานไว้อวดชาวบ้านมากกว่านะ เห็นประกาศไปหลายกระทู้แล้วว่าทำบุญทุกวันตักบาตรทุกวัน
    แต่มีเหตุผลสวยๆๆ ไปงั้น จร้าพ่อคนดีศรีสยาม
    ธรรมพระพุทธเจ้าดีที่สุดเห็นด้วยเลย

    นั้นอวดอุตริมนุษยธรรมอีก
    พูดธรรมก็ถูกๆๆผิด
    อายตนะทั้งหมดดับชั่วขณะเหลือแต่วิญญานที่เป็นธาตุรู้เท่านั้นเข้าไปรู้ความจริง
    ความจริงอะไรว่ะ
    ก็อายตนะทั้งหมดดับชั่วขณะ
    อายตนะภายในมี 6 คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ
    อายตนะภายนอกมี 6 คือ รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ และ ธรรมารมณ์

    วิญญาณ(ใจ)ก็เป็นอายตนะ ไหนว่าดับหมด เอาถ้าว่าเหลือแต่วิญญาณไม่ดับ งั้นอสังขตธรรมไม่ใช่ธรรมารมณ์หรือไงเพราะเป็นสิ่งที่ใจรู้
    ก็อายตนะดับหมดหรือแต่วิญญาณ แล้ว วิญญาณณุ้อะไรในเมื่อ ธรรมารมณ์ก็ดับ
    ธรรมารมณ์ที่วิญญาณรู้ก็เป็นอายตนะ แต่ไงบอกอายตนะทั้งหมดดับชั่วขณะ
    แล้วดับแล้วดันรู้ อสังขตะธรรม ได้อีก
    พูดเองขัดเอง
    เพี้ยนจริงๆๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 สิงหาคม 2013
  19. (อโศก)

    (อโศก) เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    140
    ค่าพลัง:
    +445
    เอาแค่เคยหายเพี้ยนเป็นผู้เป็นคนกับเขาให้ได้ก่อนดีกว่าไหม
    หมอนี่อะ
     
  20. newamazing

    newamazing เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,704
    ค่าพลัง:
    +1,381
    ดูเหมือนเรื่องเดียวกันครับแต่แตกต่างครับ อริยสาวกของพระพุทธองค์ล้วนแต่ยกย่องพระศาสดากันทั้งนั้น ผมยังไม่เห็นการยกย่องของเขาเลย
     

แชร์หน้านี้

Loading...