พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948

    วันที่ 03 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550 ปีที่ 30 ฉบับที่ 10829

    ทำแค่ใช่... ไม่ต้องมาก

    http://matichon.co.th/matichon/matichon_detail.php?s_tag=01act03031150&day=2007-11-03&sectionid=0130

    คอลัมน์ จิตวิวัฒน์

    โดย สรยุทธ รัตนพจนารถ asia@sorrayut.com แผนงานพัฒนาจิตเพื่อสุขภาพ มูลนิธิสดศรี-สฤษดิ์วงศ์ สนับสนุนโดยสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)



    จดหมายข่าวอิเล็กทรอนิกส์ของสถาบันโนเอติกซายน์ (Institute of Noetic Sciences) เดือนตุลาคมนี้ มีการแนะนำให้สมาชิกไปดูคลิปวีดิทัศน์ของ แมรีแอนน์ วิลเลียมสัน นักอบรมชั้นนำคนหนึ่งของโลก เธอเขียนหนังสือขายดีติดอันดับหนึ่งของหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์หลายเล่ม และเป็นหนึ่งในผู้ร่วมผลักดันให้มีการจัดตั้งกระทรวงสันติภาพในประเทศสหรัฐอเมริกา

    ในคลิปวิดีโอหนึ่งนาทีนั้น แมรีแอนน์เชิญชวนกึ่งท้าทายให้ผู้ดูร่วมเป็นหนึ่งในประชากรสิบเอ็ดเปอร์เซ็นต์ที่จะเปลี่ยนแปลงโลกได้ เธออ้างถึงงานวิจัยของนักสังคมศาสตร์ที่บอกว่าการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในสังคมโลกหลายครั้งเกิดขึ้นได้ด้วยการที่มีผู้ที่เชื่อ ต้องการ และเปลี่ยนแปลงก่อนเพียงจำนวนหนึ่ง

    โดยยกตัวอย่างการเรียกร้องสิทธิเลือกตั้งของสตรีในอังกฤษ และการต่อสู้เพื่อเอกราชของประเทศสหรัฐอเมริกาจากอังกฤษ เหตุการณ์เหล่านี้ล้วนไม่ต้องมีผู้ต่อสู้เรียกร้องถึงครึ่งหนึ่งของประชากร แต่มีจำนวนที่ "เพียงพอ" โดยเธอบอกว่าเพียงสิบเอ็ดเปอร์เซ็นต์เท่านั้น

    ตัวเลขนี้ตั้งอยู่บนความเชื่อเรื่อง มวลวิกฤต (Critical Mass) ซึ่งเป็นศัพท์แสงทางสังคมศาสตร์พลวัต อธิบายถึงการมีอยู่ของโมเมนตัมของระบบสังคมที่สามารถขับเคลื่อนตัวเองและขยายเพิ่มได้

    ขออนุญาตยกตัวอย่างเพื่อประกอบความเข้าใจ เช่น ในเมืองใหญ่ หากมีคนคนหนึ่งหยุด แล้วแหงนมองดูท้องฟ้า คนอื่นๆ รอบข้างก็จะยังคงเดินไปเรื่อยๆ ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่หากมีคนหยุดสักสามสี่คน อาจจะมีบางคนที่สงสัย หันกลับมาดูพวกที่ดูฟ้า แล้วอาจเดินต่อ แต่เมื่อมีคนจำนวนมากพอแหงนหน้าดูท้องฟ้า ซึ่งจริงๆ แล้วก็ไม่มากนักในกรณีนี้ (ขึ้นกับหลายปัจจัย) เช่น ประมาณหกถึงเจ็ดคนเท่านั้น คนอื่นๆ ก็จะหยุดแล้วแหงนหน้ามองดูเหมือนกัน จำนวนนี้แหละ เรียกว่า มวลวิกฤต

    เอาเป็นว่าคุณแมรีแอนน์ เธอท้าให้คนที่เปิดดูคลิปเปลี่ยนแปลงตนเองเสีย จะได้เพิ่มจำนวนผู้เปลี่ยนแปลงไปให้ถึงสิบเอ็ดเปอร์เซ็นต์ครับ

    เธอบอกว่าหากตัวเราเองยังไม่เปลี่ยนแปลงก่อน ก็อย่าไปอ้างเลยว่าโลกจะเปลี่ยนแปลงได้

    อยากจะเพิ่มเติมว่า อันที่จริงแล้วเราไม่ต้องรอถึงสิบเอ็ดเปอร์เซ็นต์หรอก (ซึ่งสำหรับประชากรโลก ณ วันนี้ สัดส่วน 11 เปอร์เซ็นต์ของหกพันหกร้อยสามสิบกว่าล้านคน ก็ตกราวๆ เจ็ดร้อยสามสิบล้านคน) เพราะจิตของเราแต่ละคนที่เข้าถึงความจริง ก็สามารถเปลี่ยนแปลงโลกได้

    ในมนุษย์จำนวนหกพันหกร้อยสามสิบกว่าล้านชีวิตนี้ แต่ละคนก็ล้วนแต่มีจิตที่คิดสร้างโลกขึ้นมา มีประสบการณ์และสร้างการดำรงอยู่ของตัวตนเราในโลกทางกายภาพนี้ทั้งสิ้น

    โลกนั้นดำรงอยู่ในจิตของเรา และเราแต่ละคนต่างเลือกว่าจะมีประสบการณ์ต่อมันอย่างไร สิ่งที่เราคิด สิ่งที่เราทำ ล้วนก่อประกอบขึ้นเป็นโลกทางกายภาพตามแบบที่เราอยากจะมีประสบการณ์

    เราจึงอาศัยอยู่ในโลกแห่งมายาการ ความรู้สึกที่เรามีต่อวัตถุทุกชนิดล้วนเป็นความรู้สึกที่เรามีต่อความสัมพันธ์ของสนามหรือคลื่นพลังงาน เป็นความรู้สึกที่จิตเราแปลผลตีความขึ้นมา และด้วยเหตุที่เราล้วนมีประสบการณ์ต่อมายาการนี้ร่วมกัน เราก็มักคิดตีขลุมเหมาเอาว่าเรานั้นอยู่บนโลกใบเดียวกัน เราเลือกที่จะเชื่อว่าโลกมีอยู่นอกเหนือจากการสร้างของเรา แต่แท้จริงแล้ว โลกนั้นมันอยู่ในจิตของเราเอง

    ความพยายามใดๆ ที่เรากระทำเพื่อก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงนั้น อาจเป็นความพยายามที่เปลืองแรง ไปจนถึงขั้นสูญเปล่า เพราะเป็นการไปแก้ไขปรับเปลี่ยนโลกทางกายภาพที่เราต่างสร้างขึ้นและให้ความหมายตีความแตกต่างกัน ในเมื่อโลกเกิดขึ้นและดำรงอยู่ภายในใจของเราเองแล้ว

    การเปลี่ยนแปลงใดๆ ก็ควรเริ่มต้นจากตัวเรา เริ่มขึ้นในใจตัวเอง

    ตัวอย่างเช่น เรื่องสันติภาพ สันติภาพนั้นมิได้เข้าถึงได้ด้วยการพยายามสร้างให้สันติภาพเกิดขึ้นในโลก หากแต่สันติภาพที่แท้จริงนั้นเข้าถึงได้ผ่านการตระหนักรู้ว่าสันติภาพนั้นมีอยู่แล้ว อยู่ในโลกของคนทุกคน และเส้นทางการเข้าถึงนั้นมีการเดินทางเข้าสู่ด้านในตนเองเป็นบาทฐานสำคัญ

    หากหญิงหรือชายใดได้มีสันติในเรือนใจแล้ว ทุกสิ่งที่เธอหรือเขาทำออกมาไม่ว่าด้วยกายหรือวาจาย่อมไม่เป็นไปเพื่อเบียดเบียนตนเองและผู้อื่น ทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำย่อมถูกกระทำด้วยสันติวิธี (นั่นย่อมรวมถึงการพยายามสร้างสันติภาพให้เกิดขึ้นในโลกด้วย)

    อีกทั้งสันติภาพนั้นมิได้เข้าถึงได้ด้วยการพยายามไปเปลี่ยนคนอื่น ความพยายามอันบริสุทธิ์ใจในการสร้างงาน สร้างกิจกรรม สร้างโครงการเกี่ยวกับการส่งเสริมสันติภาพเป็นความพยายามอันน่าชื่นชม หากแต่ต้องชวนผู้คิดและดำเนินการโครงการเหล่านั้นได้ตั้งคำถามกับตัวเองว่าเข้าถึงสันติภาพภายในตนแล้วหรือยัง หรืออย่างน้อยได้ใช้งานเป็นโอกาสในการเดินทาง ฝึกฝน และเรียนรู้ในการเข้าถึงสันติภาพที่แท้จริงหรือไม่ เพราะหากโลกภายในไม่มีสันติภาพแล้ว กิจกรรมต่างๆ ก็เป็นเพียงความพยายามอันไปไม่ถึงดวงดาว เป็นกิจกรรมที่ได้แต่รูปแบบ ขาดหัวใจ สาระ หรือจิตวิญญาณของสันติภาพ

    โจทย์ของคนทำงานเรื่องสันติภาพหรือสมานฉันท์ รวมทั้งงานเพื่อการเปลี่ยนแปลงยกระดับสังคมไปสู่การมีจิตใหญ่ ดังเช่น จิตวิวัฒน์ จิตตปัญญาศึกษา พัฒนาจิตเพื่อสุขภาพ ตลอดจนสุขภาวะทางจิตวิญญาณ/ทางปัญญา จึงมีหลายชั้น หนึ่งคือต้องทำการบ้านกับตนเองก่อน หนึ่งคืองานและชีวิตของคนทำงานควรเป็นบทพิสูจน์ของการเดินทางเข้าสู่ความเป็นหนึ่งเดียวกับเรื่องที่ทำในทุกระดับ ในทุกมิติ

    และอีกหนึ่งที่สำคัญคือต้องพยายามสื่อสารให้ผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าใจว่า เป้าหมายภายในนั้นสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าเป้าหมายภายนอก เราไม่สามารถทำงานเรื่องจิตวิวัฒน์โดยไม่ใช้กระบวนการจิตวิวัฒน์ได้

    โดยเฉพาะผู้ที่เกี่ยวข้องในฐานะผู้กำหนดนโยบายหรือผู้ให้ทุน ความตั้งใจที่อยากจะให้เรื่องดีงามแพร่ขยายกระจายไปทั่วแผ่นดินนั้นก็เป็นกุศลเจตนาที่ควรยกย่อง ทว่าจะต้องไม่กระทำอย่างผิวเผินเหมือนกับผลิตสินค้าให้ได้จำนวนมากที่สุดในราคาต่ำสุดและใช้เวลาสั้นที่สุด

    ความท้าทายอยู่ที่เราจะทำอย่างไรให้ชีวิตเป็นเรื่องของความปกติ เป็นเรื่องความสมดุลของการพัฒนาทางกาย ใจ และจิตวิญญาณ ผสมผสานงาน ครอบครัว และสังคมอย่างพอดี และให้การทำงานเป็นการปฏิบัติธรรมในทุกขณะจิต

    ต้องเข้าใจว่าความคาดหวังและคำถามที่ว่า "เปลี่ยนได้กี่คนแล้ว" เพื่อจะได้ถึง 11% เสียทีนั้น ต้องเริ่มนับหนึ่งจากตนเองก่อนเสมอ
     
  2. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    พบเหรียญเก่าอยู่เหรียญนึง ผมนำมาชุบทองใหม่ ก็งดงามอยู่เหมือนกัน และจะนำไปอธิษฐานจิตขอหลวงปู่ท่านสงเคราะห์อีกครั้งที่หิ้งพระบ้านอาจารย์ปู่วันอาทิตย์นี้ครับ...

    เหรียญนี้แม้ว่าจะไม่ทราบ "ที่มา" แต่สามารถจะทำให้ทราบ "ทีไป" ได้ เราใช้เองจะไปกลัวอะไร !!!
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • P1010186.jpg
      P1010186.jpg
      ขนาดไฟล์:
      351.3 KB
      เปิดดู:
      31
    • P1010187.jpg
      P1010187.jpg
      ขนาดไฟล์:
      210.8 KB
      เปิดดู:
      32
  3. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    http://www.matichon.co.th/prachacha...g=02fin08011150&day=2007-11-01&sectionid=0206


    วันที่ 01 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550 ปีที่ 31 ฉบับที่ 3945 (3145)​

    เปิดมาตรฐานเกณฑ์ใหม่ เกาะติดรายงานข้อมูลเครดิตบูโร


    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#f8b8cb><TD>[​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>ช่วงที่ผ่านมา บริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติ (เครดิตบูโร) ประสบปัญหาการเปิดข้อมูลไม่เป็นมาตรฐานเดียวกัน เพราะสินเชื่อมีหลายประเภท และสมาชิกของเครดิตบูโรก็มีหลากหลาย ทำให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับการรายงานข้อมูลและการประมวลผลข้อมูล

    ล่าสุดคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลเครดิต จึงมีมติกำหนดหลักเกณฑ์การรายงานข้อมูลของสมาชิกเครดิตบูโรให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน ดังนี้

    เครดิตบูโรสามารถประมวลผลข้อมูล โดยมีรายการตามที่ตกลงกับสมาชิก และจะไม่มีข้อมูลอื่นที่เกินกว่าข้อมูลเครดิตของลูกค้าที่ขอสินเชื่อ รวมถึงไม่รวมข้อมูลเกี่ยวกับการให้สวัสดิการกู้ยืมแก่พนักงาน เพราะสวัสดิการกู้ยืมเป็นสินเชื่อผ่อนปรนในกรณีพิเศษ ซึ่งไม่ใช่สินเชื่อตามธุรกิจปกติ

    ส่วนกรณีที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ไม่ได้กำหนดอัตราค่าธรรมเนียมต่างๆ ที่สมาชิกอาจเรียกได้ ในการให้สินเชื่อทั่วไป ขอให้สมาชิกส่งข้อมูลและให้เครดิตบูโรประมวลผลจากเงินต้นและดอกเบี้ย โดยไม่รวมถึงค่าปรับ ค่าธรรมเนียม ค่าใช้จ่ายในการติดตามทวงหนี้ ค่าต่อสัญญา หรือค่าใช้จ่ายอื่นไม่ว่าจะเรียกชื่ออย่างไร

    สำหรับสินเชื่อบัตรเครดิต ให้สมาชิกส่งข้อมูลและเครดิตบูโรประมวลผลจากข้อมูลเงินต้น รวมถึงดอกเบี้ยในหนี้ค้างชำระ หรือดอกเบี้ยในระหว่างเวลาผิดนัดชำระหนี้ หรือค่าปรับในการชำระหนี้ล่าช้ากว่ากำหนด หรือค่าบริการ หรือค่าธรรมเนียมอื่นใด แต่ต้องไม่เกินอัตราที่กฎหมายกำหนด หรือไม่เกิน 20% ต่อปี

    ส่วนสินเชื่อส่วนบุคคล ให้ส่งข้อมูลและประมวลผลจากข้อมูลเงินต้นรวมถึงดอกเบี้ย หรือค่าปรับ หรือค่าบริการ หรือค่าธรรมเนียมอื่นใด แต่ต้องไม่เกินตราที่กฎหมายกำหนด หรือ 28% ต่อปี สำหรับสินเชื่อประเภทเช่าซื้อและให้เช่าแบบลีสซิ่ง ให้สมาชิกส่งข้อมูลและให้เครดิตบูโรประมวลผลจากจำนวนเงินที่ลูกค้าต้องจ่ายในแต่ละงวดตาม สัญญาเท่านั้น โดยไม่รวมถึงค่าปรับ ค่าธรรมเนียม ค่าใช้จ่ายในการติดตามทวงถามหนี้ ค่าต่อสัญญาหรือค่าใช้จ่ายอื่นไม่ว่าจะเรียกชื่ออย่างไร

    สำหรับการประมวลผลข้อมูลของลูกหนี้ที่มีลักษณะดังต่อไปนี้ ให้เครดิตบูโรสามารถประมวลผลข้อมูลได้ คือ 1.เป็นหนี้ที่สมาชิกยังมีสิทธิเรียกร้องต่อลูกหนี้ แม้ว่าจะได้ตัดบัญชีหนี้สูญแล้ว 2.หนี้ที่ขาดอายุความฟ้องร้อง เว้นแต่กรณีที่หนี้ได้ระงับสิ้นไป หรือศาลมีคำสั่งพิพากษายกฟ้องและคดีถึงที่สุดแล้ว 3.หนี้ของลูกหนี้ที่ศาลได้มีคำพิพากษาให้เป็นบุคคลล้มละลาย ซึ่งสมาชิกได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ไปแล้ว 4.หนี้ที่มีข้อโต้แย้งเกี่ยวกับความถูกต้องของข้อมูลและไม่อาจหาข้อยุติได้ 5.หนี้ที่เจ้าของข้อมูลขอแก้ไขเกี่ยวกับความถูกต้องของข้อมูล แต่ยังไม่ได้รับคำชี้แจงจากสมาชิก

    ส่วนกรณีข้อมูลเครดิตที่มีการพิจารณาของศาลแล้ว สมาชิกต้องดำเนินการดังนี้ คือ กรณีศาล พิพากษายกฟ้องและคดีถึงที่สุดอันเนื่องจากคดีขาดอายุความ สมาชิกต้องหยุดส่งข้อมูลและรายงานนับแต่วันที่ศาลพิพากษายกฟ้องและคดีถึงที่สุด และกรณีศาลพิพากษายกฟ้องและคดีถึงที่สุดอันเนื่องจากพิสูจน์ได้ว่า ลูกหนี้มิได้มีหนี้อยู่จริง ให้สมาชิกต้องหยุดส่งข้อมูลนับแต่วันที่ศาลพิพากษายกฟ้องและคดีถึงที่สุด พร้อมทั้งให้สมาชิกแก้ไขข้อมูลและรายงานหนี้ย้อนหลังนับตั้งแต่วันที่เริ่มส่งข้อมูลและรายงานภาระหนี้นั้น และแจ้งให้ศูนย์ข้อมูลเครดิตแก้ไขข้อมูลหนี้ดังกล่าวด้วย โดยให้เสร็จสิ้นภายใน 30 วันนับแต่วันที่ศาลพิพากษา ยกฟ้องและคดีถึงที่สุด

    รวมถึงกรณีที่หนี้ของลูกหนี้ที่ศาลได้มีคำ พิพากษาให้เป็นบุคคลล้มละลาย แต่สมาชิกมิได้ยื่นคำ ขอรับชำระหนี้เอาไว้ สมาชิกต้องหยุดส่งข้อมูลและรายงานนับแต่วันที่พ้นกำหนดเวลายื่นคำขอรับชำระหนี้ ยกเว้นสมาชิกที่เป็นเจ้าหนี้มีหลักประกันที่มิได้ยื่นขอรับชำระหนี้เอาไว้ ให้สมาชิกยังคงส่งข้อมูลให้เครดิตบูโรต่อไป

    นายสรสิทธิ์ สุนทรเกศ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับสถาบันการเงิน ธปท. ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการการคุ้มครองข้อมูลเครดิต กล่าวว่า กรณีบริษัทประกันชีวิตที่มีสัญญากรมธรรม์กับผู้ซื้อประกันในลักษณะที่ทำประกันชีวิตตามสัญญาได้ระยะหนึ่ง กรมธรรม์นั้นจะมีมูลค่าเงินสด และถ้าลูกค้าไม่ส่งเงินประกันต่อตามที่กำหนด บริษัทจะหักค่าประกันจากมูลค่าเงินสดและคิดดอกเบี้ย ซึ่งกรณีนี้ตัวแทนประกันภัยได้หารือกับคณะกรรมการว่า เข้าข่ายต้องส่งรายงานข้อมูลให้เครดิตบูโรหรือไม่ ขณะนี้ยังไม่มีข้อสรุป เพราะต้องตีความว่าการดำเนินการดังกล่าวเป็นการให้สินเชื่อหรือไม่

    นอกจากนี้ยังมีกรณีที่สมาคมบริษัทลีสซิ่งขอดูข้อมูลผู้ค้ำประกัน เพราะสินเชื่อเช่าซื้อหรือลีสซิ่ง จะต้องมีผู้ค้ำประกัน ซึ่งไม่มีข้อสรุปเช่นกัน เพราะต้องตีความว่า ผู้ค้ำประกันเป็นผู้ขอสินเชื่อหรือไม่ แต่ถ้าผู้ค้ำประกันยินยอมจะดำเนินการได้หรือไม่ ก็เป็นอีกประเด็นที่ต้องพิจารณา ซึ่งขณะนี้ข้อมูลเกี่ยวกับการค้ำประกัน ห้ามเก็บประวัติ เพราะฉะนั้นจะไม่มีข้อมูลผู้ค้ำประกันในระบบ

    "ในกรณีของบริษัทประกันชีวิตกับสมาคมลีสซิ่ง ที่สอบถามมานั้น จะมีข้อสรุปเป็นอย่างไร ต้องรอให้คณะกรรมการประชุมเพื่อพิจารณาก่อน ซึ่งคาดว่าคงได้ความชัดเจนในเร็วๆ นี้" นายสรสิทธิ์กล่าว
     
  4. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ผมได้เหรียญหลวงพ่อกบ วัดเขาสาริกามา 2 เหรียญ ผมนำไปตรวจสอบแล้วว่าเป็นของเก๊ ผมได้อธิษฐานเหรียญทั้งสอง ปรากฎว่าใช้ได้ครับ มี "ที่ไป"เหมือนกับคุณเพชร หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า(หลวงพ่อกบ วัดเขาสาริกา) มาอธิษฐานจิตเหรียญทั้งสองให้บนมือผม และเหรียญทั้งสองเหรียญ ผมจะเก็บไว้ห้อยเอง 1 เหรียญ อีก 1 เหรียญผมจะนำบรรจุพระเจดีย์ ร่วมบุญกับหลวงปู่ขรัวขี้เถ้า(หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า)ครับ

    .
     
  5. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137

    นี่คือ"ความพิเศษ"ที่สามารถทำได้ และ"มั่นใจ"ใช้กันเฉพาะใน"กลุ่มพระวังหน้า"นี้เท่านั้นนะครับ

    ต้องออกเดินทางแล้วครับ ขอให้สนุกกับการอ่านกระทู้นี้นะครับ...
     
  6. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948

    วันที่ 01 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550 ปีที่ 31 ฉบับที่ 3945 (3145)​

    องค์กรอยู่ดีมีสุข - คอลัมน์ การบริหารงาน และการจัดการองค์กร

    http://www.matichon.co.th/prachacha...g=02edi08011150&day=2007-11-01&sectionid=0212

    คอลัมน์ การบริหารงาน และการจัดการองค์กร

    โดย ดร.มิชิตา จำปาเทศ รอดสุทธิ Michita@ThaiBoss.com

    ในปัจจุบันนี้คนไทยตื่นตัวในเรื่อง การสร้างองค์กรให้อยู่ดีมีสุข (happy organization) กันมากขึ้น น่าชื่นใจ สุขใจ ทั้งในองค์กรและสังคมรอบข้าง ตลาด หลักทรัพย์มีสถาบันธุรกิจเพื่อสังคมเกิดขึ้น องค์กรน้อยใหญ่เริ่มดำเนินธุรกิจอย่างคำนึงถึงผลกระทบต่อสังคมทั้งภายในองค์กรและภายนอกองค์กร มากขึ้น บทความนี้ผู้เขียนขอคุยเรื่ององค์กรอยู่ดี มีสุข โดยใช้โมเดลการทำดี 10 ประการ หรือกุศลกรรมบท 10 เป็นแบบในการอภิปราย

    จะขอทบทวนกุศลกรรมบท 10 ที่พวกเราส่วนใหญ่เคยเรียนกันมาแล้วอีกครั้งนะคะ เรียบเรียงจากหนังสือ พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม โดยพระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต)

    กุศลธรรมบท 10 หรือทางแห่งกุศลกรรม, ทางทำความดี, กรรมดีอันเป็นทางนำไปสู่ ความสุข ความเจริญ

    ก.การกระทำทางกาย 3

    1.ละการฆ่า การเบียดเบียน มีเมตตากรุณาช่วยเหลือเกื้อกูลกัน

    2.ละการลักทรัพย์ เคารพกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินของผู้อื่น

    3.ละการประพฤติผิดในกาม ไม่ล่วงละเมิดประเพณีทางเพศ

    ข.การกระทำทางวาจา 4

    4.ละการพูดเท็จ ไม่ยอมกล่าวเท็จเพราะเหตุตนเอง ผู้อื่น หรือเพราะเห็นแก่ผลประโยชน์ใดๆ

    5.ละการพูดคำส่อเสียด ช่วยสมานคนที่ แตกร้าวกัน ส่งเสริมคนที่สมัครสมานกัน ชอบกล่าวถ้อยคำที่สร้างสามัคคี

    6.ละคำหยาบ พูดแต่คำสุภาพ อ่อนหวาน

    7.ละการพูดเพ้อเจ้อ พูดแต่คำจริง มีเหตุผล มีสารประโยชน์ ถูกกาลเทศะ

    ค.การกระทำทางใจ 3

    8.ไม่เพ่งเล็งอยากได้ของผู้อื่น

    9.ไม่มีจิตคิดร้าย คิดปรารถนาแต่ว่าขอให้ สัตว์ทั้งหลายไม่มีเวร ไม่เบียดเบียน ไม่มีทุกข์ ครองตนอยู่เป็นสุขเถิด

    10.มีความเห็นชอบ เช่นว่า ทานมีผล ผลวิบากของกรรมดีกรรมชั่วมี เป็นต้น

    ก่อนกล่าวถึงโมเดลนี้ผู้เขียนจะขอทำความเข้าใจเบื้องต้นก่อนว่า องค์กรเกิดจากการที่มี คนต่างๆ มารวมกัน ถ้าไม่มีคนก็ไม่เรียกองค์กร คงจะเรียกตึก เครื่องจักร ฯลฯ ดังนั้นองค์กรอยู่ดีมีสุขจึงหมายถึงการที่คนในองค์กรนั้นๆ อยู่ดีมีสุขด้วย ที่นี้องค์กรธุรกิจแต่ละองค์กรจะสามารถ เป็นองค์กรอยู่ดีมีสุขได้ในรูปแบบที่สอดคล้องกับโมเดลนี้ได้อย่างไร เราลองมาดูกันค่ะ

    เรื่องที่อาจจะ "โดน" คนในองค์กรส่วนใหญ่ ได้ก่อนเลยคงเป็นเรื่องวาจา ซึ่งสอดคล้องกับปัญหาท็อปฮิตติดอันดับเวลาผู้เขียนไปเป็นที่ปรึกษาองค์กรหรือไปบรรยายที่ใด "การสื่อสาร" ดูตามข้อ ข. เราอาจพบว่าถ้าคนในองค์กรของเรา ทุกคนขอเพียงปฏิบัติได้ตามการกระทำทางวาจา 4 ประการนี้มากขึ้นอีกคนละครึ่ง ปัญหามากมาย ในองค์กรคงจะลดไปได้ไม่น้อยทีเดียว

    ยกตัวอย่างเช่นลูกน้องที่ทำงานไปโกหกไป โกหกกับลูกค้าแล้วหันมาบอกทุกคนว่า "ฉันจำเป็นต้องโกหกกับลูกค้านะ ไม่โกหกกับพวกเราหรอก เชื่อฉันสิ" ใครจะไปเชื่อเธอได้ โกหกอยู่เป็นประจำอย่างนั้น : ทำไปนานๆ เข้าพูดจริงพูดเท็จตัวเอง ยังแยกไม่ออกเลย อาจเป็นเพราะการโกหกเป็นการฝึกพฤติกรรมและจิตใจให้แปลงไปมาเสีย จนเคยชินก็เป็นได้ ลูกน้องแบบนี้ก็ยากที่เราจะไว้ใจหรือวางใจในเรื่องต่างๆ ได้จริง เพราะไม่ทราบว่าที่เธอพูดอธิบายงานต่างๆ นานานั้นเป็นเพียงเรื่องแต่งขึ้นมาหรือเรื่องจริง

    เพื่อนร่วมงานที่ชอบนินทาว่าร้ายคนอื่น ชอบกระแนะกระแหนส่อเสียด ทำให้คนอื่นไม่สบายใจ พวกนี้ยิ่งมีมากในองค์กรก็ยิ่งสร้างความร้าวฉาน ความขัดแย้งแตกแยกในองค์กรได้ดีนัก คนเขาอยู่กันเฉยๆ ก็ไปหาประเด็นยุยงให้เขาไม่ชอบกัน เขม่นกันก็ได้ หรือบางคนที่พูดอะไรไปเรื่อยเปื่อย ไม่มีอะไรจะพูดก็ยังขุดคุ้ย ลากมาคุยจนได้ เสียเวลามีค่าในการทำสิ่งอื่น ต้องมานั่งฟังคนเหล่านี้พล่ามไปอย่างนั้นเอง ถ้าไม่สบายใจแล้วให้เราช่วยฟังก็ว่าไปอย่าง แต่นี่เธอก็พล่ามได้ อย่างนี้ทุกครั้ง บางทีฟังมากๆ ก็พลอยจิตใจหมองไปด้วยความวุ่นวายในหัวกับเรื่องเพ้อเจ้อของเธอ

    หัวหน้างานบางคนชอบดุว่าลูกน้องด้วย ความกระโชกโฮกฮาก อาจใช้คำหยาบคายดุดัน แล้วอ้างว่าต้องใช้วิธีนี้ มิเช่นนั้นไม่ได้ผล หรือไม่ก็อ้างว่าเป็นคนปากตรงกับใจ แต่เขาเหล่านั้นลืมไปว่าใจที่แสดงออกมาทางปากนั้น ได้ทำร้ายผู้อื่นอย่างไร มิได้ระวังหรือคัดกรองเฉพาะข้อมูลที่ ควรแจ้ง แต่ระบายอารมณ์ของตนให้แก่ผู้อื่นไปด้วย เป็นผลให้ผู้ใต้บังคับบัญชาไม่อยากทำงานให้ งานก็พลอยไม่สัมฤทธิผลไปด้วย

    การกระทำทางใจนี่ก็ละเอียดอ่อนทีเดียว แค่มีคนบางคนที่คอยเพ่งเล็งอยากได้ตำแหน่ง คนนั้น อยากได้อะไรๆ อย่างคนนี้ ก็พาทำให้เกิดความอิจฉาริษยารุนแรงขึ้นได้ ในที่ประชุมก็ไม่ยอมรับความคิดเห็นของคนที่ตนอิจฉาแม้ว่าจะดีอย่างไรก็ตาม บางคนมีใจคิดร้ายกับผู้อื่น แช่งคนอื่นในใจก็มี หรือสร้างการกระทำทางกายที่ไม่ดีขึ้นมาก็ได้ อย่างที่เห็นในข่าว ถึงขนาดทำร้ายร่างกายหรือถึงชีวิตกัน หรืออย่างน้อยกระทำไม่ดีทางวาจาก็มาได้เป็นชุด ยิ่งถ้าใครไม่สนใจว่าการกระทำของตนมีผลอะไรต่อใครที่เราเรียกว่ากรรมนั้น ยิ่งอาจทำให้ทำอะไรรุนแรงโดยไม่ยั้งคิดก็เป็นได้

    ในทางกลับกัน เรื่องที่หลายองค์กรพยายามสร้างกันมาก เช่น ความซื่อสัตย์ซื่อตรง (integrity) กลับทำได้ง่ายๆ ถ้าคนแต่ละคนพยายามคิดดี ไม่คิดเบียดเบียนผู้อื่น การลักทรัพย์หรือยักยอกของผู้อื่นหรือองค์กรก็จะไม่เกิดขึ้น รวมทั้งการกระทำผิดทางกายและวาจาอื่นๆ ก็จะจางคลายลง ธรรมาภิบาล (good governance) ก็จะทำได้อย่างไม่ฝืนใจ การรับผิดชอบต่อสังคม (corporate social responsibility) ก็เกิดขึ้นได้จากภายใน เพราะเกิดจากความสุขของคนในองค์กรที่มีให้ระหว่างกัน จนถึงภายนอกองค์กรด้วยความเมตตาและเข้าใจสัจธรรมอย่างแท้จริง

    เวลาคุยเรื่องแบบนี้อาจมีบางคนที่ทำบางข้อ ไม่ได้ อึดอัดและขัดกับพฤติกรรมเดิม จนทำให้หาเหตุผลมาลบล้างให้ตัวเองสบายใจว่า เรื่องนี้ ไม่จริงสำหรับสมัยนี้หรอก ถ้าท่านผู้อ่านพบอาการนี้กับตัวเอง ลองดูความรู้สึกนึกคิดนั้นดีๆ นะคะ ใจเย็นๆ ทำได้บ้าง ไม่ได้บ้าง ไม่เป็นไร ขอเพียงค่อยๆ เพิ่มปริมาณการกระทำดีเหล่านี้ให้มากขึ้นเท่าที่ทำได้ก็พอค่ะ ผู้เขียนขอเป็นเพื่อนร่วมทาง กับท่านทั้งหลาย ในการสร้างการกระทำดีให้ มากขึ้นเพื่อองค์กรที่อยู่ดีมีสุขร่วมกันค่ะ
     
  7. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948

    วันที่ 01 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550 ปีที่ 31 ฉบับที่ 3945 (3145)​

    ยอดร้องเรียนบริการแบงก์พุ่ง/ธปท.คาดสิ้นปีทะลุ800เรื่อง

    http://www.matichon.co.th/prachacha...g=02fin05011150&day=2007-11-01&sectionid=0206

    แบงก์ชาติชี้ลูกค้าแห่ร้องเรียนปัญหาใช้บริการการเงิน แค่ครึ่งปียอดทะลุเกินปี"49 ทั้งปี คาดสิ้นปีสูงถึง 800 กว่าเรื่อง เผยแบงก์ถูกร้องเรียนหนักสุด แฉ 3 อันดับแรกร้องเรียนสูงสุด "สินเชื่อ-บัตรเครดิต-พนักงานทวงหนี้ก้าวร้าว" ส่วนน็อนแบงก์ถูกโวยเอาข้อมูลลูกค้าเปิดเผยให้ผู้อื่น ขณะที่เครดิตบูโรเจอปัญหาแจ้งยอดหนี้ไม่ตรง

    นายสรสิทธิ์ สุนทรเกศ ผู้ช่วยผู้ว่าการสายกำกับสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า จากการรวบรวมสถิติข้อมูลการรับเรื่องราวร้องทุกข์เกี่ยวกับการใช้บริการธุรกรรมทางการเงินจากประชาชน ซึ่ง ธปท.พบว่ามีการร้องเรียนเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยสิ้น มิ.ย.ที่ผ่านมามีจำนวนกว่า 500 เรื่องแล้ว ซึ่งเท่ากับจำนวนร้องเรียนของปี"49 ที่มี 500 กว่าเรื่อง ทั้งนี้ ธปท.คาดว่าภายในสิ้นปีนี้น่าจะมีการร้องเรียนเพิ่มขึ้นเป็น 800 กว่าเรื่อง

    โดยช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ (ดูตารางประกอบ) ธปท.ได้รับเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับธนาคารพาณิชย์จำนวน 400 เรื่อง ซึ่งเรื่องที่ร้องเรียนมากที่สุด คือ เงินให้สินเชื่อ เช่น การขอให้ ธปท.ช่วยปรับปรุงโครงสร้างหนี้ การคิดดอกเบี้ยไม่ถูกต้อง และธนาคารปฏิเสธการอนุมัติสินเชื่อ เรื่องร้องเรียนรองลงมา คือ บัตรเครดิต เช่น การคิดอัตราดอกเบี้ยไม่เป็นธรรม อัตราการผ่อนชำระหนี้บัตรเครดิตสูงเกินไป รวมทั้งธนาคารหักเงินในบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ไปชำระหนี้บัตรเครดิตโดยไม่แจ้งให้ทราบก่อน

    เรื่องร้องเรียนอันดับ 3 คือ พนักงานทวงหนี้ด้วยวิธีก้าวร้าวและข่มขู่ การทวงหนี้ไม่เป็นไปตามขั้นตอนกฎหมาย และความไม่โปร่งใสในการปฏิบัติงาน

    นอกจากนี้ยังมีเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับเงินฝาก เช่น กรณีกดเงินจากตู้เอทีเอ็ม แต่ได้เงินไม่ครบจำนวน แต่ถูกหักบัญชีตามยอดที่กดไปแล้ว หรือเงินฝากหายไปจากบัญชี โดยที่ผู้ร้องเรียนไม่ได้เป็นผู้ถอน

    ค่าธรรมเนียมส่วนใหญ่เป็นกรณีที่ธนาคารเปลี่ยนค่าธรรมเนียมโดยไม่แจ้งให้ทราบล่วงหน้า ค่าธรรมเนียมสูงเกินไป และคิดค่าธรรมเนียมไม่เป็นธรรม

    สำหรับเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับเจ้าหน้าที่ของสถาบันการเงิน เช่น ผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่ไม่สุจริต หรือเจ้าหน้าที่สถาบันการเงินใช้กิริยาและวาจาไม่สุภาพ และถูกเจ้าหน้าที่สถาบันการเงินหลอกลวง

    ส่วนเรื่องร้องเรียนที่เกี่ยวกับธุรกิจการเงินที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน (น็อนแบงก์) ข้อมูลตั้งแต่ ม.ค.-ก.ค.2550 มีจำนวน 100 เรื่อง ส่วนใหญ่เป็นการขอประนอมหนี้ และเจ้าหน้าที่ใช้วาจาไม่สุภาพ ข่มขู่ เปิดเผยข้อมูลของลูกค้าต่อบุคคลอื่นที่ไม่มีความเกี่ยวข้อง

    นอกจากนี้เรื่องร้องเรียนที่เกี่ยวกับเครดิตบูโร ข้อมูลในช่วง 9 เดือนแรกปีนี้มีจำนวนร้องเรียนเพียง 15 เรื่อง โดยปัญหาที่ร้องเรียน เช่น การส่งยอดหนี้ไม่ถูกต้อง การส่งยอดหนี้ที่ขาดอายุความแล้ว และการส่งยอดหนี้ของลูกหนี้ที่ถูกปลดจากการล้มละลายแล้ว

    นายสรสิทธิ์กล่าวว่า ตามกฎหมายของ ธปท.และกฎหมายของธุรกิจสถาบันการเงิน จะไม่ได้กำหนดให้ ธปท.มีหน้าที่รับเรื่องราวร้องเรียนดังกล่าว ยกเว้นกฎหมายการประกอบธุรกิจข้อมูลเครดิตที่ระบุในมาตรา 36 เกี่ยวกับอำนาจ หน้าที่ของ ธปท.ไว้ว่า ต้องรับเรื่องราวร้องทุกข์เกี่ยวกับข้อมูลเครดิต แต่เนื่องจากที่ผ่านมา ธปท.ในฐานะผู้กำกับดูแลสถาบันการเงินได้รับเรื่องราวร้องทุกข์ที่เกี่ยวกับสถาบันการเงินทุกเรื่อง เพราะประชาชนหวังว่าจะเป็นที่พึ่งช่วยแก้ปัญหาได้ทุกเรื่อง

    "ส่วนใหญ่ทุกคนจะตั้งความหวังไว้กับแบงก์ชาติค่อนข้างมาก เช่น บางกรณีโทร.มาร้องทุกข์ให้ช่วยพิสูจน์ว่า บัตรเครดิตถูกขโมยไปใช้ ซึ่งเป็นหน้าที่ของตำรวจไม่ใช่แบงก์ชาติ แต่แบงก์ชาติก็พยายามชี้แจงสร้างความเข้าใจ เพื่อให้ดำเนินการในขั้นตอนที่ถูกต้อง ส่วนเรื่องใดที่ช่วยได้ก็จะประสานงานให้ผู้ร้องเรียนกับสถาบันการเงินเจรจาร่วมกัน หรือทำความเข้าใจกันเพื่อแก้ปัญหา" นายสรสิทธิ์กล่าว
     
  8. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    ผมได้เหรียญหลวงพ่อกบ วัดเขาสาริกามา 2 เหรียญ ผมนำไปตรวจสอบแล้วว่าเป็นของเก๊ ผมได้อธิษฐานเหรียญทั้งสอง ปรากฎว่าใช้ได้ครับ มี "ที่ไป"เหมือนกับคุณเพชร หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า(หลวงพ่อกบ วัดเขาสาริกา) มาอธิษฐานจิตเหรียญทั้งสองให้บนมือผม และเหรียญทั้งสองเหรียญ ผมจะเก็บไว้ห้อยเอง 1 เหรียญ อีก 1 เหรียญผมจะนำบรรจุพระเจดีย์ ร่วมบุญกับหลวงปู่ขรัวขี้เถ้า(หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า)ครับ

    .
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    บางเรื่อง บางสิ่ง บางอย่าง มีเงินก็หาซื้อไม่ได้
    แล้วแต่วาสนาบารมีของแต่ละคน

    ขอให้คุณเพชร เดินทางด้วยความปลอดภัยทุกประการนะครับ

    .
     
  9. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    อิทธิคุณ... แง (cry) แล้วถ้ามีอยู่ล่ะครับ ทำไงดีเอ่ย....
     
  10. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    เรื่องพระพิมพ์ที่เข้าประกวด

    ผมขอเตือนไว้นะครับ ห้ามนำพระพิมพ์ที่เข้าประกวดทุกประเภท ทุกๆองค์ที่นำเข้าประกวด ห้ามนำมาห้อยคอโดยเด็ดขาด เพราะว่าท่านจะได้พระแท้นอก-เก๊ใน (เนื้อหาทรงพิมพ์แท้ แต่พลังอิทธิคุณ(พลังพุทธคุณ ที่วงการพระเครื่องเรียก) ไม่มีแล้ว)


    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    นำไปบ้านปู่(ถ้าได้ไปเมื่อไร ก็นำไปด้วย) ขอบารมีหลวงปู่อธิษฐานจิตให้ซิครับ หลวงปู่ท่านเมตตาลูกหลานมากๆครับ

    .
     
  11. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    http://www.bangkokbiznews.com/2007/11/03/WW10_WW10_news.php?newsid=198642


    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=2 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top>ธปท.แจ้งเตือนประชาชนมิจฉาชีพฉกข้อมูลบัตรเครดิตอาละวาด
    </TD></TR><TR><TD vAlign=top>3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550 03:06:00
    </TD></TR><TR><TD vAlign=top><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=2 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top>
    ผอ.อาวุโส เผยมีแจ้งเหตุผู้แอบอ้างเป็นคนธปท. โทรหลอกทวงหนี้ หว่านล้อมขอรหัสเลขบัญชี หลอกกดรหัสเอทีเอ็ม ก่อนฉกเงินโอน ระบุติดตามโจรไฮเทคได้แล้วบางส่วน ยืนยันไม่ใช่คนธปท.
    กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ : ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) วานนี้(2พ.ย.) นายชาญชัย บุญฤทธิ์ไชยศรี ผู้อำนวยการอาวุโส สำนักกฎหมายและคดี ธปท. เปิดเผยว่า ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนเข้ามาว่า มีผู้แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ของ ธปท. โทรศัพท์เข้าไปยังโทรศัพท์เคลื่อนที่ของประชาชน และแจ้งว่าประชาชนผู้รับโทรศัพท์นั้น เป็นหนี้ค้างอยู่กับสถาบันการเงินต่างๆ
    พร้อมกับพยายามสอบถามข้อมูลบัญชีเงินฝาก เลขที่บัตรเอทีเอ็ม และข้อมูลส่วนตัวอื่นๆ เช่น เลขที่บัตรประชาชน วัน เดือน ปีเกิด และที่อยู่ โดยอ้างว่าจะส่งเอกสารเกี่ยวกับการเป็นหนี้ไปให้ ซึ่งลักษณะการพูดจาจะดูน่าเชื่อถือมาก
    และถ้ารู้ว่า ประชาชนผู้นั้นมีบัตรเอทีเอ็ม ก็จะแจ้งว่ามีการใช้บัตรเอทีเอ็มเบิกเงินจำนวนมาก และชักจูงให้ผู้รับโทรศัพท์ไปดำเนินการที่ตู้เอทีเอ็ม โดยอ้างว่า เพื่อตรวจสอบการใช้บัตรและเปลี่ยนรหัสให้ใหม่ ทั้งนี้ หากผู้รับโทรศัพท์หลงเชื่อและปฏิบัติตาม ผู้แอบอ้างจะให้ปฏิบัติขั้นตอนต่อไป โดยหลอกให้กดตู้เอทีเอ็มแสดงข้อความภาษาอังกฤษ และให้ปฏิบัติตามขั้นตอนที่ผู้แอบอ้างกำหนด
    ซึ่งโดยความจริงแล้วขั้นตอนดังกล่าว คือการโอนเงินจากบัญชีของประชาชนผู้นั้นไปยังบัญชีที่ผู้แอบอ้างเตรียมขึ้น ทำให้ประชาชนถูกหลอกให้สูญเสียเงิน
    "ดังนั้น จึงอยากเตือนประชาชน อย่าหลงเชื่อการแอบอ้าง และยืนยันว่าธนาคารแห่งประเทศไทยไม่เคยให้บุคคลใดโทรศัพท์ไปสอบถามข้อมูลเกี่ยวข้องกับบัญชีเงินฝาก บัตรเครดิต หรือบัตรเอทีเอ็มเลยหากใครได้รับโทรศัพท์แอบอ้างลักษณะนี้ ขออย่าเพิ่งให้ข้อมูล แต่ควรขอชื่อและหน่วยงานของผู้ที่โทรศัพท์มาติดต่อ จากนั้นให้ตรวจสอบหมายเลขโทรศัพท์แท้จริงของหน่วยงาน ก่อนติดต่อกลับไปที่หน่วยงานนั้นเอง"
    นายชาญชัย กล่าวอีกว่า ธปท.อยู่ระหว่างหาทางป้องกันเรื่องนี้อยู่ และได้ร่วมมือกับทางตำรวจ และธนาคารพาณิชย์ รวบรวมข้อมูลการหลอกลวงดังกล่าว เพื่อดำเนินการตามกฎหมายกับผู้ที่แอบอ้าง หากผู้ใดมีเบาะแสเรื่องนี้ ให้แจ้งข้อมูลมายัง ฝ่ายกฎหมายและคดี ธปท. 273 ถนนสามเสน กรุงเทพฯ หมายเลขโทรศัพท์ 0-2283-5760
    อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นสามารถตรวจสอบได้แล้วว่า บัญชีที่ผู้เสียหายโอนเงินไปเป็นของผู้ใด แต่ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ ส่วนมูลค่าความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการแอบอ้างนี้ยังไม่มาก เพราะส่วนใหญ่ผู้ที่รับโทรศัพท์จะรู้ตัวก่อนถึงขั้นโอนเงิน มีเพียงไม่กี่รายเท่านั้นที่ปฏิบัติตาม ซึ่งหลังจากโอนเงินไปตามบัญชีที่ผู้แอบอ้างระบุ เงินจำนวนดังกล่าวก็จะถูกถอนออกจากบัญชีทันที "มั่นใจว่าการกระทำแอบอ้างดังกล่าว ไม่ได้เป็นฝีมือของเจ้าหน้าที่ธนาคารพาณิชย์ เพราะไม่เช่นนั้นผู้ที่แอบอ้างจะต้องมีข้อมูลของลูกค้ามากกว่านี้ ไม่จำเป็นต้องขอข้อมูลมาก" นายชาญชัย ระบุ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้ ธปท.ได้ออกประกาศเตือนเรื่องดังกล่าวทางเว็บไซต์ของ ธปท. www.bot.or.th โดยให้คำแนะนำกับประชาชนป้องกันตัวเกี่ยวกับกรณีนี้ไว้ด้วย
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  12. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ผู้หญิงไม่ใช่ของเล่น
    <HR style="COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- / icon and title --><!-- message -->ปัญหาการถูกคุกคามทางเพศคือแผลเรื้อรังที่กัดกร่อนจิตใจพวกเธอ ถึงวันนี้คงไม่ต้องถามแล้วว่าใครบ้างที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง
    <O:p</O:p
    <O:p[​IMG]
    </O:p
    ชั่วโมงการทำงานอันยาวนานและสภาพแวดล้อมไม่เหมาะสมอาจบั่นทอนสุขภาพของผู้หญิง แต่ปัญหาการถูกคุกคามทางเพศคือแผลเรื้อรังที่กัดกร่อนจิตใจพวกเธอ ถึงวันนี้คงไม่ต้องถามแล้วว่าใครบ้างที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง แม่บ้าน เลขาฯ แอร์โฮสเตส ข้าราชการ ทุกคนมีโอกาสตกเป็นเหยื่อ ข้อสำคัญคือจะออกจากสถานการณ์อันเลวร้ายได้อย่างไร ชุติมา ซุ้นเจริญ พาไปพูดคุยกับผู้สันทัดกรณี<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    ถ้าคำว่า 'Sexual Harrassment' หรือการคุกคามทางเพศ ทำให้คุณรู้สึกว่าเป็นเรื่องไกลตัว ลองพิจารณาพฤติกรรมเหล่านี้ดู "เฒ่าหัวงู เจ้าชู้ไก่แจ้ หมาหยอกไก่ สมภารกินไก่วัด ปากว่ามือถึง ฯลฯ" คราวนี้เริ่มรู้สึกหรือยังว่า เหตุการณ์อันเป็นที่มาของความรุนแรงทางเพศที่เป็นหัวข้อสนทนาในครั้งนี้ ...ไม่ใช่เรื่องไกลตัวคนไทยอีกต่อไป <O:p</O:p
    <O:p</O:p

    สถิติความรุนแรงต่อเด็กและสตรีทั่วโลกพบว่า 1 ใน 5 ของผู้หญิงทั่วโลกเคยถูกทำร้ายร่างกายและทำร้ายทางเพศ โดยทุก 15 นาทีจะมีผู้หญิงถูกข่มขืน 20 คน แต่รู้หรือไม่ว่าเบื้องหลังสถิติเหล่านี้หลายครั้งเริ่มต้นจากการคุกคามทางเพศ ซึ่งผู้หญิง หรือแม้แต่ผู้ชายจำนวนหนึ่ง เลือกที่จะเก็บไว้กับตัวเอง เพราะกลัวว่าจะถูกมองในแง่ลบ หรือมีผลกระทบในการทำงาน จนนำไปสู่การล่วงละเมิดทางเพศที่รุนแรงยิ่งขึ้น <O:p</O:p
    <O:p</O:p

    ในเมืองไทยแม้การฟ้องร้องในคดีการคุกคามทางเพศจะมีน้อยกว่าเหตุการณ์จริงหลายสิบเท่า แต่ความตื่นตัวเรื่องนี้ในช่วงสองสามปีหลังก็ก้าวหน้าไปมาก โดยเฉพาะกฎหมายที่สามารถเอาผิดพวกปากว่ามือถึงได้อย่างครอบคลุม <O:p</O:p
    <O:p</O:p

    สุเพ็ญศรี พึ่งโคกสูง หัวหน้าศูนย์พิทักษ์สิทธิสตรี มูลนิธิเพื่อนหญิง พี่สาวผู้ยืนเคียงข้างผู้หญิงที่ถูกข่มเหงรังแกมานานนับสิบปี รวมถึงกรณีล่าสุดที่ผู้ถูกกล่าวหาเป็นถึงข้าราชการระดับสูงในกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ แนะนำให้ผู้หญิงที่กำลังเผชิญกับสถานการณ์ที่ไม่น่าไว้วางใจ ตั้งสติและต่อสู้ความรุนแรงที่เกิดขึ้น รวมทั้งฝากความปรารถนาดีถึงผู้ชายที่อาจกำลังแอบคิดมิดีมิร้าย <O:p</O:p
    <O:p</O:p

    การคุกคามทางเพศสามารถเอาผิดได้ตามกฎหมาย? <O:p</O:p
    <O:p</O:p

    เดิมคำว่า คุกคามทางเพศ มันไม่มีในกฎหมายไทย จนกระทั่งร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงานปี 2541 มีอยู่ในมาตราหนึ่งระบุว่า ห้ามมิให้นายจ้าง หรือหัวหน้างานคุกคามทางเพศต่อลูกจ้างที่เป็นหญิงและเด็ก เพราะในวงการแรงงานเราจะรู้ว่า ผู้หญิงที่หน้าตาดีหน่อย หัวหน้างานก็มักจะใช้อำนาจอิทธิพล คุกคามลวนลามทั้งทางวาจา สายตา แล้วก็เรื่องของการกอดจูบลูบคลำ แต่กฎหมายที่มีมันยังแยกส่วน คือ กฎหมายแรงงานจะมี ถ้าเป็นรัฐวิสาหกิจจะไม่มี ของข้าราชการก็ไม่มี แต่รูปแบบการคุกคามมีทุกวิชาชีพ แม้แต่ในวัด ทีนี้ขึ้นอยู่กับว่าสภาพที่เกิดเหตุมันเป็นอย่างไร แล้วผู้กระทำกับผู้ถูกกระทำเป็นใคร ก็เลือกใช้เฉพาะกฎหมายนั้นๆ <O:p</O:p
    <O:p</O:p

    ในส่วนของราชการ ทางสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ในช่วงคุณหญิง</O:p
    <O:p</O:p

    ทีนี้ในส่วนของการทำงาน แต่ละคนก็รับภาระหน้าที่ในการให้คำแนะนำที่อาจจะต่างกันบ้างหรือเหมือนกันบ้างก็แล้วแต่ ยกเว้นถ้าเป็นกรณีที่มาหาองค์กรผู้หญิง ถ้ามันเป็นประเด็นที่มีผลกระทบสูงต่อสังคม หรือว่าผู้กระทำเป็นผู้มีอิทธิพลต่อสังคม การทำงานเราก็ต้องผนึกกำลังในการให้การช่วยเหลือ <O:p></O:p
    <O:p</O:p

    เช่นกรณีบิ๊กพม.นี่ด้วยหรือเปล่า <O:p</O:p
    <O:p</O:p

    เรื่องนี้ถึงแม้มันเริ่มต้นจากเอกสารที่เหมือนกับใบปลิว แต่เราก็เชื่อว่ามันน่าที่จะมีมูลความจริง ประกอบกับคนที่เป็นผู้ถูกร้องเรียนเป็นถึงข้าราชการระดับสูงในกระทรวงที่มีหน้าที่ดูแลสังคม พวกเราองค์กรที่ทำงานกับผู้หญิงก็เลยคิดกันว่า เรื่องนี้มันมีผลกระทบต่อสังคม เราคงต้องเข้าไปเคลื่อนไหว ซึ่งในตอนแรกเราพบว่าคณะกรรมการที่ตั้งขึ้นมาเป็นผู้ชายทั้งหมด เราก็เลยเข้ายื่นหนังสือต่อ น.พ.พลเดช ปิ่นประทีป รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ ให้มีการพักงานผู้ถูกกล่าวหา แล้วก็ให้ตั้งผู้เชี่ยวชาญสตรีร่วมเป็นคณะกรรมการ รวมทั้งให้มีกลไกในการรับเรื่องร้องเรียนกรณีการคุกคามทางเพศในสถานที่ราชการ
    <O:p</O:p
    <O:p[​IMG]
    </O:p
    เพราะจากประสบการณ์ขององค์กรผู้หญิงที่ทำงานเรื่องนี้มา เราพบว่าข้ออ่อนในการร้องเรียน คือ หนึ่งผู้หญิงเข้าไม่ถึงตัวคนที่มีหน้าที่รับผิดชอบ สองกระบวนการที่ทำไว้ไม่เอื้อ อย่างเช่นว่าถ้าจะมีการร้องเรียน ร้องทุกข์ ต้องมีการเปิดเผยตัวตน ชื่อเสียงเรียงนาม ถ้าเป็นบัตรสนเท่ห์ เขาจะไม่ยอมรับ แล้วเวลาตั้งคณะกรรมการไปสอบ เราก็พบว่าผู้กระทำกับคณะกรรมการสอบสวนอาจจะเป็นเพื่อน อาจจะเป็นคนรู้จัก หรือเคยทำงานด้วยกันมาก่อน ซึ่งตรงนี้เราจะวางมาตรการหรือว่ากลไกอย่างไรให้มันเป็นธรรมกับผู้เสียหาย จึงเป็นที่มาว่าให้มีการปรับปรุงกลไก <O:p</O:p
    <O:p</O:p

    ถ้ามีผู้หญิงมาขอความช่วยเหลือ ขั้นตอนเป็นอย่างไร <O:p</O:p
    <O:p</O:p

    ถ้าเป็นคดีเกี่ยวกับเพศ เราก็จะมีการเตรียมความพร้อม ตั้งแต่เริ่มต้นของการบันทึกปากคำ หรือการเตรียมความพร้อมในทางคดีเมื่อจะต้องไปเป็นพยานในศาล แล้วนอกจากนักสังคมสงเคราะห์ ทนายความแล้ว เรายังมีอาสาสมัคร ซึ่งเป็นผู้หญิงที่เคยประสบความรุนแรง เคยถูกทำร้าย เราเรียกว่า Women CLub เป็นกลุ่มของผู้หญิงที่ผ่านพ้นความรุนแรงมาทำหน้าที่ช่วยเหลือให้คำปรึกษา นอกจากนั้นจะมีขบวนการที่ทำงานกับสหวิชาชีพ คือเรื่องราวที่เกิดขึ้น ผู้หญิงหนึ่งคนที่ประสบปัญหา อาจต้องติดต่อกับหลายหน่วยงาน ก็จะมีการเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องมานั่งคุยกัน นำเสนอสิ่งที่เป็นสถานการณ์ปัญหา เพื่อให้ผู้เชี่ยวชาญวิชาชีพต่างๆ ให้คำแนะนำ <O:p</O:p
    <O:p</O:p

    ความยากของการช่วยเหลือกรณีการคุกคามทางเพศคืออะไร <O:p</O:p
    <O:p</O:p

    มันขึ้นอยู่กับหลายอย่างนะ บางทีผู้หญิงมีความเข้มแข็งแต่กลไกในระบบมันอ่อนแอ เช่น หลังจากที่ พ.ร.บ.แรงงาน 2541 บังคับใช้ เคสแรกเลยเป็นลูกจ้างหญิงซึ่งไปทำงานได้เพียงสามสัปดาห์ก็ถูกหัวหน้างานลวนลาม เริ่มจากจับหน้าอก ลูบที่ขา เขาก็โทรศัพท์มาปรึกษา อันนี้หลังจากที่เขาแจ้งความแล้วนะ แต่เขารู้สึกว่าไม่ได้รับความสะดวกจากกลไกรัฐ เนื่องจากพยานไม่ยอมไปให้ปากคำ แล้วหัวหน้างานก็ได้รับการปกป้องจากหัวหน้างานระดับสูง มีทนายความ แต่น้องคนนี้ไม่มีอะไรเลย ตำรวจก็พูดในทำนองถ้าไม่มีพยานก็เสียเปรียบ ตอนนั้นน้องเขาอายุ 17 ได้มั้ง พอเขามาคุยกับเราก็เลยพาไปพบกับหัวหน้ากองแรงงานหญิงและเด็ก ก็มีการจัดนิติกรเพื่อที่จะอำนวยความสะดวก ประสานงานกับตำรวจ ให้คำแนะนำ ทีนี้ประเด็นก็คือการสอบสวนต้องใช้เวลา แล้วพยานส่วนใหญ่เป็นพยานฝ่ายบริษัท ท้ายที่สุดน้องเขาทนไม่ไหวก็เลยลาออก <O:p</O:p
    <O:p</O:p

    ส่วนใหญ่ผู้หญิงจะถอดใจก่อน <O:p</O:p
    <O:p</O:p

    มันจะมีสองลักษณะ คือ โดนกระทำหนักขึ้น หรือไม่ก็ถูกคุกคามจากทั้งระบบของหน่วยงาน อาจมีการย้ายงาน ไม่ให้ความร่วมมือ หรือไม่ก็เพื่อนๆ คนรอบข้างก็ทำให้เขารู้สึกกดดัน กรณีนี้เขาบอกเลยว่า เขาเหมือนแกะดำในแกะขาว หลังจากนั้นก็มีร้องเรียนมาเรื่อยๆ จนถึงกรณีที่เป็นข่าว คือ แม่บ้านคูเวต อันนี้ก็ถูกผู้ใหญ่ล็อบบี้ไปจนเขาต้องไม่ดำเนินคดีต่อ <O:p</O:p
    <O:p</O:p

    คือเรื่องแบบนี้มันค่อนข้างยาก แต่ถ้าผู้หญิงยืนยันที่จะสู้ ขอให้เชื่อมั่นว่าหลักฐานอยู่ที่ตัวเรา เวลาที่มีการโต้เถียงกันระหว่างผู้กล่าวหากับผู้ถูกกล่าวหา น้ำหนักในการรับฟังคดี ให้ดูที่คำยืนยันของผู้เสียหาย <O:p</O:p
    <O:p</O:p

    ผลของการสู้คดีส่วนใหญ่เป็นอย่างไร <O:p</O:p
    <O:p</O:p

    คดีมากกว่า 90% เราได้รับผลเป็นที่น่าพอใจ แต่ว่าขั้นตอนทางกฎหมายค่อนข้างล่าช้า สิ่งที่มูลนิธิพยายามทำมาตลอดก็คือ การดูแลฟื้นฟูจิตใจผู้หญิงให้พร้อม เพื่อที่จะไปสู่ศาล เพื่อเข้าไปหาตำรวจ เข้าไปหาอัยการ หรือเพื่อมีความเข้มแข็งที่จะอยู่ต่อไปได้ในสังคม ต้องบอกว่ามันอาจจะโหดร้ายสำหรับผู้หญิง แต่เขาต้องพยายามก้าวข้ามให้มันผ่าน และถ้าเขาผ่านไปได้ เข้าสู่กระบวนการทางศาลได้ หลายกรณีก็สามารถเอาคนผิดมาลงโทษได้ อย่างกรณีหนึ่งเป็นโรงแรมใหญ่นะ คดีอนาจารคุกคามทางเพศ ผู้ชายทำงานเป็นครูฝึกในฟิตเนส ก็ชวนผู้หญิงไปกินเหล้าหลังเลิกงาน มีการกอดปล้ำ ผู้หญิงก็ไปฟ้องหัวหน้างาน ฝ่ายบุคคลก็เรียกไปคุย ท้ายที่สุดเขาก็ยอมเขียนคำรับสารภาพ แล้วก็ยอมลาออก แล้วผู้หญิงเขาก็ไปแจ้งความ ศาลก็รับฟ้อง ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกผู้ชายที่กระทำผิด 1 ปี <O:p</O:p
    <O:p</O:p

    ที่มูลนิธิมีคนเข้ามาขอความช่วยเหลือมากน้อยแค่ไหน <O:p</O:p
    <O:p</O:p

    จริงๆ การคุกคามอนาจาร ตัวเลขอาจเป็นแค่สิบ แต่มันกระจายไปตามหน่วยงาน เข้าใจว่าน่าจะเป็นเรื่องของการที่ไม่อยากบอกให้ใครรับรู้ ก็มีอยู่รายหนึ่ง ผู้หญิงมีตำแหน่งหน้าที่การงานระดับสูง ผู้กระทำก็เป็นคนระดับสูงที่น่าเชื่อถือ มีตำแหน่งทางวิชาการด้วย เป็นคนที่ผู้หญิงนับถือ เขามาที่มูลนิธิปลายปี 2549 บอกว่าทุกวันนี้ยังนอนไม่หลับ เขารู้สึกสูญเสียความมั่นใจ เขาต้องออกจากงานเพราะผู้กระทำไปกล่าวหาให้ข้อมูลอันเป็นเท็จกับนายจ้างว่าเขาทุจริต ทำให้เขาต้องถูกเลิกจ้าง แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็คือ ตอนที่ไปต่างประเทศกัน ผู้ชายเหมือนไปเป็นไกด์กิตติมศักดิ์อะไรทำนองนี้ ขอยืมกระเป๋าเขา ระหว่างที่อยู่ในห้องช่วยกันเก็บของ ซึ่งจริงๆ อยู่กัน 3 คน ตอนหลังอีกคนหนึ่งออกไปข้างนอก คนที่เป็นผู้กระทำเขาถอดกางเกงออก แล้วบอก เอ้า...เอากลับกรุงเทพฯ ด้วย <O:p</O:p
    <O:p</O:p

    ถ้าในคนทั่วไปก็จะมองว่า... คือคนส่วนใหญ่จะวัดจากความรู้สึกของตัวเอง ถ้าเราเป็นคนที่เข้มแข็ง เห็นผู้ชายถอดกางเกงอยู่เรื่อย เราก็จะไม่รู้สึกอะไร แต่ว่าผู้หญิงบางคนถูกเลี้ยงดูมาต่างกัน เพราะฉะนั้นสำหรับเขามันเป็นเรื่องที่เสียความรู้สึกมากๆ <O:p</O:p
    <O:p</O:p

    ถึงตอนนี้สถานการณ์การคุกคามทางเพศเป็นอย่างไร <O:p</O:p
    <O:p</O:p

    ในช่วงที่หนังสือพิมพ์พูดเรื่องการคุกคามทางเพศ ก็จะได้รับการติดต่อจากผู้หญิง หรือผู้ชายที่เป็นญาติพี่น้องของผู้ถูกคุกคาม ก็พบว่าส่วนหนึ่งที่ทำให้ถูกคุกคามก็คือความไว้เนื้อเชื่อใจ ความศรัทธา อาชีพนักข่าวนี่ก็เจอกันเยอะ มีรายหนึ่ง ผู้ชายเป็นข้าราชการระดับสูงบอกว่าจะให้ข่าวเอ็กซ์คลูซีฟ ปรากฏว่ามันกลายเป็น เอ็กซ์ แบบเรทเอ็กซ์ คือพอไปนั่ง ผู้ชายก็รูดซิปกางเกง เอาอวัยวะเพศออกมา แล้วผู้หญิงทุกคนน่ะ ไม่เคยได้เห็นอวัยวะเพศเป็นการประจำ ไม่เหมือนผู้ชายซึ่งเขาดูประจำทั้งของเพศหญิงเพศชาย ผู้หญิงคนนี้ แต่งงานแล้วนะ พอเห็นอย่างนั้นก็ช็อกเลย <O:p</O:p
    <O:p</O:p

    ผู้หญิงหลายคนเวลาที่เห็นผู้ชายชักว่าว เขาก็รู้สึกตกใจ แล้วช่วงที่ช็อกนี่แหละมันทำให้เราไม่มีสติ แล้วผู้ชายสามารถเข้าถึงตัวเราง่าย มันทำให้เราอ่อนในการต่อสู้ เพราะฉะนั้นเราต้องฝึกทั้งสติและศิลปะป้องกันตัว อยากจะแนะนำผู้หญิงทั้งหลาย อย่าไปดูแต่การทำอาหาร เดินแบบ หนังรักโรแมนติก เพราะว่ามันจะเคลิบเคลิ้ม แล้วคนมักจะมีภาพจากสื่อว่า ถ้าเป็นไอ้หื่นต้องผมเผ้ารุงรัง หน้าตาดูไม่ได้ จริงๆ แล้วคนที่กระทำทางเพศต่อผู้หญิงส่วนมากเป็นคนใกล้ชิด มีตั้งแต่ คนในครอบครัว เพื่อนร่วมงาน หัวหน้างาน ผู้บังคับบัญชา เมื่อมันมีความสัมพันธ์เชิงอำนาจที่เหนือกว่า ประกอบกับผู้หญิงทุกคน ไม่ได้ถูกสั่งสอนเรื่องเพศมาตั้งแต่ต้น ผู้หญิงสื่อสารเรื่องเพศได้เฉพาะในบ้านกับคนคุ้นเคยเท่านั้น ทำให้ถูกกระทำได้ง่าย
    <O:p</O:p
    <O:p[​IMG]
    </O:p
    คำแนะนำสำหรับผู้หญิงที่กำลังเผชิญปัญหาอยู่ในขณะนี้ <O:p</O:p
    <O:p</O:p

    จริงๆ แล้วสัญชาตญาณของมนุษย์ก็คือสัญชาตญาณของการต่อสู้ ทั้งเรื่องของชีวิต ร่างกาย แต่ว่าในเรื่องของการต่อสู้เพื่อให้ได้รับสิทธิ ในเรื่องการคุ้มครองในเรื่องเพศเป็นเรื่องที่ยากมากๆ แต่ว่าทุกคนต้องมีกำลังใจ ทุกคนสามารถสร้างกำลังใจให้ตัวเองได้ คือความจริงผู้หญิงมีความเข้มแข็ง จากที่ได้ทำงานอยู่กับกลุ่มผู้ประสบปัญหา เขาต้องเผชิญอยู่กับความหมิ่นเหม่ของสังคม หลายคนที่ได้คุยด้วย เคยมีความพยายามที่จะฆ่าตัวตาย โดยเฉพาะผู้ที่ถูกข่มขืน หรือแม้แต่อนาจาร แต่ต้องคิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับเรา เราไม่ได้ต้องการให้มันเกิด แต่เมื่อมันเกิดขึ้น ขณะนี้กฎหมายบ้านเมือง โดยเฉพาะเรื่องข่มขืน นิยามมันก็กว้างมากขึ้น ครอบคลุมถึงการอนาจาร คุกคามทางเพศ มีกลไกทั้งหน่วยงานรัฐ หน่วยงานภาคเอกชน ซึ่งอยู่ในระหว่างปรับตัวในการที่จะทำให้ผู้หญิงเข้าถึงบริการได้ง่ายขึ้น <O:p</O:p
    <O:p</O:p

    ที่สำคัญเราต้องสร้างความมั่นใจ สร้างความเข้มแข็งด้วยตัวเรา เหตุการณ์ที่ผ่านมาแล้ว ต้องคิดใหม่ คิดแบบบวกว่ายังโชคดีนะที่ยังมีโอกาสมีชีวิตอยู่รอด ชีวิตที่เหลือเราฟื้นความเข้มแข็งใหม่ได้ แต่ว่าบางทีเราอาจต้องไปเรียนรู้กับผู้หญิงที่เขาเคยเจอเหตุการณ์แบบเรา ต้องบอกว่าถ้าเราต่อสู้ โอกาสที่จะนำไปสู่ความสำเร็จ มี แล้วเราไม่ได้ต่อสู้อย่างโดดเดี่ยว มีหน่วยงาน มีผู้หญิง มีผู้ชายที่ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่เคยเจอมา จงมั่นใจว่าเราสามารถต่อสู้ได้ อย่าทิ้งโอกาส พยานสำคัญอยู่ที่ตัวเรา มันอยู่ที่ความมั่นใจ การยืนยันของเรา แล้วถ้ายังไม่สามารถพูดได้ ทางมูลนิธิเพื่อนหญิงเรามีโรงเรียนทำใจ จากเดิมที่ใจมันเคยอ่อนแอ ถ้ามาอยู่ในกลุ่มมันจะเกิดพลัง แล้วพลังตรงนี้มันจะนำไปสู่ความเข้มแข็ง <O:p</O:p
    <O:p</O:p

    สุดท้ายอยากจะฝากอะไรถึงผู้ชาย <O:p</O:p
    <O:p</O:p

    คือไม่ว่าจะเป็นกฎหมายฉบับไหน ได้รับรองศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ระหว่างหญิงกับชายเท่ากัน ใครทำร้ายใคร หรือว่าใครกระทำผิดกฎหมายต่ออีกเพศหนึ่ง หรือแม้แต่เพศเดียวกันก็เป็นความผิด เพราะฉะนั้นคนที่คิดจะกระทำทั้งหลายจงเปลี่ยนวิธีคิด ถ้าอยากจะรู้ว่าทำผิดแล้วจะได้รับโทษทัณฑ์อะไรบ้าง ลองนั่งเก้าอี้แล้วขีดวงสัก <?xml:namespace prefix = st1 ns = "urn:schemas-microsoft-com[​IMG]ทิพาวดี เมฆสวรรค์</st1:personName> เป็นเลขาธิการฯ ก็ออกมารณรงค์เรื่องการลวนลามคุกคามทางเพศ มีการทำคู่มือ ที่จะนำไปสู่การฝึกอบรมให้ข้าราชการได้รู้ว่าวิธีการแบบนี้เรียกว่าการคุกคามทางเพศ และเมื่อมันเกิดขึ้นจะมีศูนย์ หรือมีคนช่วยเหลือดูแลจริง ก.พ.ก็เปิดเป็นศูนย์รับเรื่องร้องเรียน <O[​IMG]1 ตารางเมตร</st1:metricconverter> อยู่อย่างนั้นเป็นวันๆ ไม่ไปไหน รถไอติมวิ่งผ่าน ขนมที่เราอยากจะกินผ่านมา มีเงินก็ซื้อไม่ได้ เพราะว่าออกจากบริเวณที่ควบคุมไม่ได้ ถ้าเราเรียนรู้เรื่องของการขาดเสรีภาพ ต้องฝึกไว้ว่าทำผิดแล้วต้องได้รับการลงโทษ ทุกคนรักชีวิตทั้งนั้น เพราะฉะนั้นเราไม่อยากให้ใครทำร้ายชีวิตเรา หรือทารุณจิตใจเรา ก็อย่าไปทำร้ายจิตใจคนอื่น ใช้หลักเมตตา
    <O:p</O:p

    <O:p</O:p

    ที่สำคัญผู้ชายขณะนี้เนื่องจากการสื่อสารเรื่องเพศ สื่อลามกต่างๆ ทำให้ผู้ชายรู้สึกถูกกระตุ้น เกิดความรู้สึกทางเพศ ตรงนี้สามารถไปปรึกษาหมอ ปรึกษาจิตแพทย์ตรงไหนก็ได้ วิธีบำบัดตัวเองทำอย่างไร อย่าไปฉุดกระชากเด็กหรือผู้หญิงไปข่มขืน โทษถึงจำคุก แล้วเดี๋ยวนี้หน่วยงานราชการ หน่วยงานชุมชน หลายหน่วยงานเขาเข้ามาร่วมมือในการแก้ไขปัญหา ก็คือการควบคุมทางกฎหมายก็จะต้องเข้มงวด อยากให้ผู้ชายคิดและนึกว่า เราก็มีแม่เป็นผู้หญิง มีญาติพี่น้องเป็นผู้หญิง เราไม่ต้องการให้ใครมาข่มขืนแม่เรา พี่เรา น้องเรา เช่นกัน <O:p</O:p
    <O:p</O:p

    เคยไปถามผู้ต้องขังในเรือนจำว่า ถ้ามีคนมาข่มขืนลูกสาว น้องสาวเราจะทำอย่างไร ทุกคนตอบเป็นเสียงเดียวกันเลย อยากจะฆ่ามัน เพราะฉะนั้นความผิดพลาดเมื่อมันเกิดขึ้นแก้ไขซะ แล้วถ้าคิดจะกระทำความผิด ก็เลิกซะ หรือขณะปัจจุบันหลบหนีคดีอยู่ หรือไปทำให้ผู้หญิงต้องเจ็บช้ำน้ำใจเลิกพฤติกรรมซะ หรือถ้ายังเป็นผู้ต้องหา จำเลย ศาลยังไม่ได้พิพากษา ก็รับสารภาพซะ โทษจะได้ลดลง จะได้กลับไปทำดี ถือเป็นการทำดีเพื่อตอบแทนเพศแม่ที่ให้เราเกิดมา <O:p</O:p
    <O:p</O:p

    ข้อสำคัญ...อย่าเห็นผู้หญิงเป็นของเล่น <O:p</O:p
    <O:p</O:p

    ILO นิยามการคุกคามทางเพศว่าเป็นพฤติกรรมทางเพศอย่างหนึ่งซึ่งน่ารังเกียจและเป็นการละเมิดต่อผู้ถูกกระทำ การคุกคามทางเพศต้องมีลักษณะสองประการนี้ <O:p</O:p
    <O:p</O:p

    1) การแลกประโยชน์กัน กล่าวคือมีการให้ผลประโยชน์เรื่องงาน เช่น การขึ้นค่าตอบแทน การเลื่อนตำแหน่งขึ้น หรือแม้แต่การจ้างงานต่อไป ถ้าเหยื่อยอมมีพฤติกรรมทางเพศบางอย่างตามที่ต้องการ หรือ <O:p</O:p
    <O:p</O:p

    2) การสร้างสภาพการทำงานที่ไม่เป็นมิตร ซึ่งทำให้เกิดเหตุที่คุกคามเหยื่อหรือทำให้เหยื่ออับอาย พฤติกรรมที่ถือเป็นการคุกคามทางเพศคือ ทางกาย ใช้ความรุนแรงทางกาย สัมผัส เข้าใกล้ชิดโดยไม่จำเป็น ทางวาจา ออกความเห็นหรือถามคำถามเกี่ยวกับรูปโฉม วิถีชีวิต รสนิยมทางเพศ การละเมิด ด้วยการติดต่อทางโทรศัพท์ การไม่ใช้วาจา ผิวปาก แสดงท่าทางที่สื่อความหมายทางเพศ แสดงวัตถุทางเพศ<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    <O:p
    </O:p
    ที่มา<O:p</O:p
    ข้อมูลจาก : ศูนย์พิทักษ์สิทธิสตรี มูลนิธิเพื่อนหญิง<O:p</O:p
    ภาพประกอบ : www.thaihealth.or.th



    <O:phttp://www.thaihealth.or.th/cms/detail.php?key=todayupdate&id=8673</O:p
    <!-- / message --><!-- sig -->
     
  13. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ :::เพชร::: [​IMG]
    นี่คือ"ความพิเศษ"ที่สามารถทำได้ และ"มั่นใจ"ใช้กันเฉพาะใน"กลุ่มพระวังหน้า"นี้เท่านั้นนะครับ

    ต้องออกเดินทางแล้วครับ ขอให้สนุกกับการอ่านกระทู้นี้นะครับ...
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    แต่พวกเซียนพระ ความสามารถพิเศษในลักษณะนี้ ต่อให้อีก1,000,000,000,000,000 ชาติก็ไม่มีวันรู้จักหรือรู้เรื่องได้ (เอาแค่รู้จักหรือรู้เรื่องก็พอ)

    .
     
  14. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>"ปีแสง" แท้จริงบอกระยะทางหรือเวลา
    http://www.manager.co.th/Science/ViewNews.aspx?NewsID=9500000117019
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>29 ตุลาคม 2550 08:39 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=left height=12>[​IMG]</TD></TR><TR><TD bgColor=#cccccc><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=160><TABLE cellSpacing=4 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=middle>คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle>กาแลกซีแอนโดรมีดาหรือ M31 ซึ่งเป็นกาแลกซีเพื่อนบ้านที่อยู่ไกลออกไป 2.5 ล้านปีแสง นับเป็นวัตถุบนท้องที่อยู่ไกลสุดซึ่งมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า (Credit: Space.com)</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle>อ.นิพนธ์ ทรายเพชร ราชบัณฑิตดาราศาสตร์</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle width=165 height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=4 background=/images/linedot_vert3.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=7 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>เถียงกันบ่อยจนเราเองก็สับสนว่าแท้จริงแล้วภาพของดาวที่อยู่ไกลไปสัก 2 ล้านปีแสงนั้นคือภาพในอดีตของดาวดวงนั้นเมื่อ 2 ล้านปีที่แล้วหรือไม่ "ผู้จัดการวิทยาศาสตร์" จึงต้องรบกวนให้ "อ.นิพนธ์ ทรายเพชร" ราชบัณฑิตสาขาดาราศาสตร์ช่วยชี้แจงแถลงไขถึงความหมายของ "ปีแสง"

    "จริงๆ ก็ไม่มีอะไรมาก ปีแสงก็คือคำซึ่งหมายถึงระยะทางยาวที่แสงเดินทางใน 1 ปีเท่านั้นเอง ส่วนจะยาวเป็นกี่กิโลเมตรก็สามารถคำนวณได้ ใน 1 วินาทีแสงเดินทางได้ 3 แสนกว่ากิโลเมตร ใน 1 ปีก็เดินทางได้ประมาณ 9.46 ล้านล้านกิโลเมตร" ราชบัณฑิตดาราศาสตร์ซึ่งเป็นวิทยากรให้ความรู้ประจำท้องฟ้าจำลอง กรุงเทพฯ ด้วยอธิบายความหมายของหน่วยวัดทางดาราศาสตร์

    ส่วนกรณีที่มีนักดาราศาสตร์ออกมาระบุว่าพบดาวดวงใหม่ที่ห่างจากโลกออกไป 2 แสนปีแสงหรือเผยภาพถ่ายเนบิวลาที่อยู่ไกล 8 ล้านปีแสง อ.นิพนธ์ระบุว่าภาพที่สังเกตเห็นก็คือภาพในอดีตของดาวหรือเนบิวลานั้นเมื่อ 2 แสนปีหรือ 8 ล้านปีตามลำดับนั่นเอง

    ทั้งนี้เพราะแสงสว่างที่เราใช้สังเกตอวกาศนั้นต้องอาศัยเวลาในการเดินทาง พร้อมย้ำอีกทีว่า "ปีแสง" (Light Year) คือหน่วยวัดความยาวโดยอาศัยเวลา

    "ที่เห็นคือภาพอดีตแต่ตอนนี้ดาวดวงนั้นจะเป็นอย่างไรแล้วก็ไม่ทราบ เหมือนอย่างดวงอาทิตย์ที่เห็น ก็เป็นดวงอาทิตย์เมื่อ 8 นาทีที่แล้ว ถ้าเกิดอะไรขึ้นทันทีทันใดกับดวงอาทิตย์ เราไม่รู้หรอกต้องรออีก 8 นาที ซึ่งบางทีเราก็เรียก 8 นาทีแสง" อ.นิพนธ์กล่าว

    เราหวังว่าคำอธิบายของ อ.นิพนธ์คงทำให้หลายคนหายข้องใจกับความหมายของหน่วยวัดระยะทางในอวกาศนี้มากขึ้น

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=1 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR vAlign=baseline><TD vAlign=top width=21 height=19></TD><TD class=hit align=left height=19>ข่าวล่าสุด ในหมวด</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR vAlign=baseline><TD align=middle width=21 height=19>[​IMG]</TD><TD align=left height=19>10 ศัพท์อวกาศหลุดโลก</TD></TR><TR vAlign=baseline><TD align=middle width=21 height=19>[​IMG]</TD><TD align=left height=19>"เอเลี่ยน" มีกี่ชนิด

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR vAlign=baseline><TD align=middle width=21 height=19>[​IMG]</TD><TD align=left height=19>“เทกออฟ-แลนดิ้ง” ขั้นไหนเสี่ยงภัยมากที่สุด</TD></TR><TR vAlign=baseline><TD align=middle width=21 height=19>[​IMG]</TD><TD align=left height=19>“เครื่องบิน” นั่งตรงไหนปลอดภัยที่สุด</TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR vAlign=baseline><TD align=middle width=21 height=19></TD><TD align=left height=19></TD></TR><TR vAlign=baseline><TD align=middle width=21 height=19>[​IMG]</TD><TD align=left height=19></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  15. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    http://campus.sanook.com/u_life/knowledge_02962.php

    ไขความลับ"โมนาลิซ่า"

    <SCRIPT language=JavaScript src="/global_js/global_function.js"></SCRIPT><!--START-->[​IMG]งานแสดง "Mona Lisa Secrets Revealed" ซึ่งเป็นงานแสดงย่อยของนิทรรศการ "Da Vinci: An Exhibition of Genius" จัดขึ้นที่นครซานฟรานซิสโก สหรัฐอเมริกา ได้เปิดเผยความลับ 25 สิ่งของรูปภาพโมนาลิซ่าที่วาดโดยจิตรกรเอกของโลก "ลีโอนาร์โด ดาวินชี่"

    ผู้ที่ไขความลับคือ นายปาสกัล คอต อายุ 49 ปี วิศวกรชาวฝรั่งเศส ผู้ก่อตั้ง "ลูเมียร์เทคโนโลยี" เป็นผู้ประดิษฐ์กล้องมัลไทสเปกตรัล 240 เมกะพิกเซล โดยใช้แสงอัลตราไวโอเลต ความ ยาวคลื่น 13 ตรวจสอบภาพ เพื่อหาว่าภายใต้สีน้ำมันนั้นมีอะไรซุกซ่อนอยู่



    <CENTER>[​IMG]</CENTER>
    จากการซูมไปที่ตาข้างซ้ายของโมนาลิซ่าพบว่า ดาวินชี่ใช้เพียงฝีแปรงเดียวปัดที่บริเวณคิ้ว

    คอต กล่าวว่า "ผมเป็นทั้งวิศวกรและนักวิทยาศาสตร์ ผมเห็นว่าทุกอย่างนั้นมีเหตุผลตามหลักตรรกวิทยา แต่โมนาลิซ่าไม่มีตรรกวิทยา เพราะไม่มีคิ้ว ไม่มีขนตา แต่เมื่อใช้กล้องส่องดูจึงพบว่าโมนาลิซ่ามีขนคิ้ว 1 เส้น จึงเป็นการคลายปริศนาไปเปลาะหนึ่ง ส่วนใบหน้าของโมนาลิซ่าจริงๆ แล้วค่อนข้างจะกว้างกว่านี้เล็กน้อย มีรอยยิ้มที่กว้างกว่าแสดงอารมณ์มากกว่า เธอมีรอยยิ้มและดวงตาที่แปลก รอยยิ้มเหมือนเป็นยิ้มที่เน้นหนัก"

    คอตยังกล่าวต่อไปอีกว่า รูปโมนาลิซ่าเป็นรูปแรกที่ศิลปินวาดภาพแขนและข้อมือขวาพาดมายังที่หน้าท้อง ซึ่งศิลปินต่างๆ ไม่ทราบว่าทำไมดาวินชี่ถึงวาดการวางแขนในลักษณะเช่นนี้ แต่เมื่อใช้กล้องตรวจสอบจึงพบว่า สีที่ดาวินชี่ใช้ที่หลังข้อมือด้านขวาตรงกันกับสีของผ้าบริเวณตัก จึงเป็นไปได้ว่า แขนข้างขวาและข้อมือช่วยถือผ้าขึ้นมา

    นอกจากนี้ ดาวินชี่ยอดอัจฉริยะยังเป็นมนุษย์ปุถุชนคนหนึ่งที่ยังมีความลังเลใจ เพราะเมื่อส่องกล้องไปที่นิ้วของมือซ้ายพบว่า แต่แรกดาวินชี่วางตำแหน่งไว้อีกที่หนึ่ง แต่ภายหลังเปลี่ยนใจ

    สำหรับความลับต่างๆ ที่เพิ่งค้นพบยังมีการเปลี่ยนตำแหน่งนิ้วชี้ที่มือซ้ายและนิ้วกลาง มีการซ่อมความเสียหายที่บริเวณข้อศอกซึ่งได้รับความเสียหายจากที่มีผู้ปาก้อนหินเข้าใส่เมื่อ ค.ศ.1956 นิ้วมือด้านซ้ายยังวาดไม่เสร็จ รูปโมนาลิซ่าวาดลงบนไม้ป๊อปลาร์ที่ยังไม่ได้ตัดออกเป็นชิ้น แผลบริเวณตัวมุมของตาและคางนั้นเกิดจากอุบัติเหตุของน้ำมันชักเงา ไม่ใช่เพราะโมนาลิซ่าป่วย สีผิวของโมนาลิซ่ามีสีชมพูอุ่นๆ สีท้องฟ้าออกสีน้ำเงิน ซึ่งแตกต่างจากสีท้องฟ้าในบรรดารูปต่างๆ ที่ศิลปินสมัยนี้วาดที่มีสีเทาปนเขียว เนื่องจากสีของรูปเปลี่ยนแปลงเพราะมีความเก่าแก่ถึง 500 ปี

    [​IMG]
    สนับสนุนข้อมูล ข่าวสด​
    <!--END-->
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 02962_003.jpg
      02962_003.jpg
      ขนาดไฟล์:
      88.7 KB
      เปิดดู:
      355
  16. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    เค้าว่าเป็นหน้าม้าก็ ทำงานหน่อยรึกันครับ ต้องขอกราบขอบพระคุณหลวงปู่อิเกสาโร ท่านมากๆครับที่ท่านมาเมตตา มาอธิษฐานจิตให้ครับ องค์ที่เคยรับรู้ได้ไม่ชัด ตอนนี้ แรงสุดๆเลยครับ [b-wai] [b-wai] [b-wai]
     
  17. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    เรื่องพระพิมพ์ที่เข้าประกวด

    ผมขอเตือนไว้นะครับ ห้ามนำพระพิมพ์ที่เข้าประกวดทุกประเภท ทุกๆองค์ที่นำเข้าประกวด ห้ามนำมาห้อยคอโดยเด็ดขาด เพราะว่าท่านจะได้พระแท้นอก-เก๊ใน (เนื้อหาทรงพิมพ์แท้ แต่พลังอิทธิคุณ(พลังพุทธคุณ ที่วงการพระเครื่องเรียก) ไม่มีแล้ว)




    </TD></TR></TBODY></TABLE>


    นำไปบ้านปู่(ถ้าได้ไปเมื่อไร ก็นำไปด้วย) ขอบารมีหลวงปู่อธิษฐานจิตให้ซิครับ หลวงปู่ท่านเมตตาลูกหลานมากๆครับ

    .
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    ยินดีด้วยครับ
    หลวงปู่ท่านเมตตาครับ
    โมทนาสาธุครับ

    (verygood)
    .
     
  18. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    มาแจ้งยอดเงินกฐินที่ สนส.บ่อเงินบ่อทอง ผมเองติดธุระก็เลยไม่ได้ไปงาน แต่ส่งกำลังใจไปร่วมงานด้วย

    โมทนาบุญกับทุกๆท่านครับ

    เจ้าภาพ"มหากฐิน"ร่วมสร้างอาคารเรียน...เพื่อรองรับสามเณรบวชเรียน 100 กว่ารูปในปี2551
    http://palungjit.org/showthread.php?t=91098&page=4

    <TABLE class=tborder id=post793224 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">4/11/2550, 06:16 PM <!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right>#77 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>พสภัธ<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_793224", true); </SCRIPT>
    สมาชิก ยอดนิยม
    สมาชิกยอดฮิต

    [​IMG]

    เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: วันนี้ 09:09 PM
    วันที่สมัคร: Nov 2005
    สถานที่: //////////////
    ข้อความ: 3,048 <!-- Start Post Thank You Hack -->
    ได้ให้อนุโมทนา 4,237 ครั้ง
    ได้รับอนุโมทนา 25,330 ครั้ง ใน 2,887 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
    พลังการให้คะแนน: 2956 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]



    </TD><TD class=alt1 id=td_post_793224 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- message -->ยอดกฐินปีนี้ 1052112บาท ไม่รวมที่โอนมาในธนาคารอีก ถ้ารวมก็หน้าจะอีกหลายตังเดียวจะดูอีกที และใช้หนี้ร้านค้าค้าของก่อสร้างอีก230000บาท กราบโมทนาเป็นอย่างยิ่งๆ สาธุๆๆ
    <!-- / message --><!-- sig -->
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  19. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE class=tborder id=post792104 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">3/11/2550, 10:32 PM <!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right> #986 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>nongnooo<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_792104", true); </SCRIPT>
    สมาชิก

    เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: วันนี้ 08:51 PM
    วันที่สมัคร: Nov 2006
    ข้อความ: 525 <!-- Start Post Thank You Hack -->
    ได้ให้อนุโมทนา 8,843 ครั้ง
    ได้รับอนุโมทนา 4,116 ครั้ง ใน 532 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
    พลังการให้คะแนน: 475 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]


    </TD><TD class=alt1 id=td_post_792104 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- message -->เรียนคุณ sithiphong
    วันนี้เวลา 14.09น. ผมได้ฝากเงินผ่าน adm ktb central bangna เข้าบัญชี 1890131288 จำนวนเงิน 1000บาท เพื่อทำบุญสร้างเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ตามที่ได้บูชาพระพิมพ์ไว้ และยังคงมียอดคงค้างจำนวน 3933 บาท ครับ
    ขอบคุณและโมทนาสาธุครับ
    nongnooo...
    <!-- / message --></TD></TR></TBODY></TABLE>

    โมทนาบุญด้วยครับ

    .
     
  20. drmetta

    drmetta เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    131
    ค่าพลัง:
    +752
    ผมต้องขอขอบคุณ คุณสิทธิพงศ์ เป็นอย่างยิ่งที่ได้ให้โอกาสผมที่ได้พบกับปรมาอาจารย์ ท่านอาจารย์ประถม อาจสาคร ซึ่งท่านเป็นบรมครู, ปรมาอาจารย์อย่างแท้จริง ในวันเกิดครบ ๘๖ ปีของท่าน ผมได้มีโอกาสสนทนากับท่านเพียงเล็กน้อย แต่ก็ได้สัมผัสกับความที่เปรี่ยมไปด้วย ความเมตตา, ทั้งนำเสียง รวมทั้งอาการกริยาต่างๆ, คำพูดของท่านแต่ละเพียบพร้อมไปด้วยเหตุและผล ไม่ได้สอนให้งมงายเลยแม้แต่น้อย คงจะหาเปรียบท่านไม่ได้อีกแล้ว เราพี่น้องทั้งหลายมีบุญมากที่ได้เป็นลูกศิษย์ของท่าน และผมก็ได้กราบท่าน พร้อมกับได้ขอฝากตัวเป็นศิษย์ของท่าน และจะขอทำการประชาสัมพันธ์ผลงานของท่าน ณที่ต่างๆ ที่ผมจะเดินทางไป ทั่งใน และนอกประเทศ คุณสิทธิพงศ์ครับ ขอบคุณมากอีกครั้งนะครับ และจะต้องขอบคุณอีกในอากาสต่างๆต่อไป ที่ได้ผมมี่โอกาสคารวะท่านผู้พี่ๆทุกท่านที่เคารพ, เพื่อนๆใหม่ท่านน่าคบ และน้องๆทุกคนน่ารักทั้งนั้น ขอให้โชคที่ทุกท่านนะครับ ยินดีมากที่ได้รู้จัก
     

แชร์หน้านี้

Loading...