ให้ดูที่ " จิต "

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย oatthidet, 3 เมษายน 2013.

  1. บุคคลทั่วไป 3 คน

    บุคคลทั่วไป 3 คน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,938
    ค่าพลัง:
    +1,253
    เอาข้อนี้ มา ซ้ำ ซักหน่อย

    เพื่อให้เห็นภาพ

    สมมติว่า ใครอ้างว่า พระพุทธรับอามิส ก็ แน่นอนหละ จะหลีกหนี การต่อ
    รองราคาไปไม่ได้ เช่น

    " มา มะ ขึ้นครู ใส่ พาน หนึ่งบาท ขึ้นไป หรือ แล้วแต่ ศรัทธา ....."

    " มา มะ จะถวายอะไร ไก่ย่าง หรือ ส้มตำ จะ เลือกแพคเกจ ไหน ว่าไป "

    " มา มะ ไม่เช่า ไม่บูชา ไม่ว่าอะไร หยิบไป หนะ หัดวาง อะไรไว้ด้วย มั่งนะ "

    ฯลฯ
     
  2. ฟางว่าน

    ฟางว่าน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    1,080
    ค่าพลัง:
    +968
    ความหมายของจิตหยุดนิ่งของคุณโอ๊ทเค้าคือจิตเป็นสมาธิครับ
     
  3. ฟางว่าน

    ฟางว่าน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    1,080
    ค่าพลัง:
    +968
    จิตมันดูตัวเองครับ ทำสมาธิอย่างน้อยที่อัปนาสมาธิจะรู้จิต
     
  4. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,478
    ค่าพลัง:
    +1,878
    ...............ไม่รู้คุณ มีน หรือ ผมเมา....มีใคร ตีความพระวจนะแบบคุณบ้าง.....มีคุณกล้าหาญมากที่กล้ากล่าวอย่างนี้....ขอเตือนอย่างนี้ละกัน เรื่องบรรลุธรรมนั้น เป็นเรื่องของ อินทรีย์ พละ-------------------การเข้าถึงวิชชา วิมุติ-----คบสัปบุรุษ ยังให้ฟังสัทธรรม ยังให้ ศรัทธา ยังให้ โยนิโสมนสิการ ยังให้ สติสัมปชัญญะ ยังให้ อินทรีย์สังวรณ์ ยังให้ สุจริตสาม ยังให้ สติปัฎฐานสี่ ยังให้ โพชฌงค์เจ็ด ยังให้ วิชชา และวิมุติ บริบูรณ์....:cool:
     
  5. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    หากดูสมอง ดูหัวใจ ดูปอด ตับ กระเพาะ เลือด น้ำเหลือง กระดูก
    ต้องดูตอนไหนครับ หรือ จิตนาการเอาเอง แล้วความใคร่มาจากไหนในเมื่อมองแต่สิ่งเหล่านี้ครับ
    ความโกรธมาจากไหนในเมื่อมองแต่สิ่งเหล่านี้ครับ มันเพราะอะไรจึงมีอารมณ์ในเมื่อมองแต่สิ่งเหล่านี้ครับ
    สิ่งทั้งหลายที่กล่าวมาข้างต้น รวมกันแล้ว คือ มนุษย์ แล้วอารมณ์อยู่ในส่วนไหนครับ

    ผู้ที่ยังไม่พบตัวตนที่แท้จริงของตนเอง ย่อมเผลอเลอไปกับอารมณ์ที่เข้ามากระทบได้เสมอ

    สาธุครับ
     
  6. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    หลวงปู่ ดูลย์ อตฺโล ท่านกล่าวได้ถูกต้องแล้วครับ
    นั่นใช่พฤติกรรมของจิตไหมครับ โดยมีจิตเป็นผู้รับรู้ และ จดจำ
    หากแต่ไม่เห็นตัวตนที่แท้จริง จะหยุดการรับรู้ได้อย่างไร

    ไม่ต้องมองไปที่อื่น ที่ใด มองที่ตนเองนั่นแหละ ทำได้อย่างหลวงปู่ไหม
    เพราะอะไรหลวงปู่จึงกล่าวเช่นนั้น ท่านปฎิบัติมานานเพียงใดแล้ว
    การปฎิบัตินี้ต้องดูที่จิตไหม พฤติกรรมนั้นใช่จิตเป็นผู้สร้างไหม
    อ่านดู ทบทวน หลายๆรอบก็ได้ครับ จะได้เข้าใจมากกว่าเดิม

    สาธุครับ
     
  7. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    กิริยาของ จิต มักเกิดขึ้นอยู่เป็นประจำ นั่นคือการดูจิตเบื้องต้น
    เมื่อดูจนจิตนิ่งสงบแล้ว กิริยาของจิตจะปรากฎให้เห็นน้อยครั้งมาก การรับรู้จะเกิดยากมาก
    นี่คือ จิตในท่ามกลาง เมื่อจิตนิ่งสงบจนเต็มที่ การดิ้นรนของจิตที่จะรับรู้จะเกิดขึ้น
    เป็นการรับรู้ที่เด่นชัดอย่างมากมาย กว่าก่อนที่เคยพบเห็น เด่นชัดจนเข้าใจในสรรพสิ่ง
    นี่คือ จิต ที่มีอำนาจ เพราะจิตจะเคลื่อนที่ด้วยความเด่นชัด รับรู้ชัดเจน เข้าใจถ่องแท้

    นี่คืออาการของการดูจิต หากแต่จะกล่าวให้ชัดเจนลงไปอีก

    การรับรู้ที่มีนั่นเอง คือ สภาวะของจิต เช่น การนึกย้อนไปถึงเรื่องราวในวันวาน
    จะเห็นเรื่องราวเหล่านี้ในจิตนาการ โดยมีทั้งภาพ และ ความรู้สึก ปะปนเข้ามาด้วย

    หากแต่หยุดเฝ้าดูจิต โดยที่จิตนิ่งสงบ จะเห็นความแตกต่างมากขึ้นไปอีก เฝ้าดูการดิ้นรนของจิต
    ที่ต้องการรับรู้เรื่องราว จนเกิดความกระวนกระวาย อย่างที่อดทนอยู่ไม่ได้ ผมคงอธิบายได้เท่านี้
    ในการพิมพ์เพื่อแสดงให้รับรู้ หากพบกันนั่งคุย บอกเล่าคงได้มากกว่านี้

    สาธุครับ
     
  8. สับสน!

    สับสน! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2010
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +3,984
    ..จิตเมื่อเป็นสมาธิ..การดูจิต.. จิตเขารวมเป็นหนึ่งแล้วเขาจะอยู่กับปัจจุบันอยู่กับตัวรู้..ไม่มีวอกแวกจิตตั้งมั่น อยู่ที่ฐานกาย..หรือฐานใดฐานหนึ่ง..รู้จักไหม ฟางว่าน:cool:

    ..อย่างไรก็ตาม คุณอธิเดช อธิบายมาไม่ชัดเจนในเนื้อหาเรื่อง จิต สติ สัมปชัญญะ จึงเกิดข้อถกเถียงแต่เป็นไปเพื่อปัญญา คิดค้น สาธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 เมษายน 2013
  9. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    ผู้คนมากมายศึกษามาพอสมควร ย่อมรู้อยู่แล้วว่าเป็นความคิดส่วนตัวของผม
    คุณยังรู้เลยนี่ครับ อย่าได้ดูถูกผู้อื่นว่าไม่มีความรู้สึกนึกคิดครับ คุณตรองดูนะครับ
    เมื่อคุณยังไม่เคยเห็นจิตเลย ก็อย่าได้นำความรู้ส่วนตนเปรียบเทียบผู้อื่นสิครับ
    ส่วนเรื่องกรรมนั้นเป็นของผม คุณก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไร จะแสดงออกเช่นนี้เพื่ออะไรครับ
    บอกว่าเสนอแนะ แต่ทิ้งท้ายด้วยการดูถูก มันถูกต้องแล้วหรือครับ เริ่มรวมตัวกันรุมอีกแล้วใช่ไหมครับ

    สาธุครับ
     
  10. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    จิตหยุดนิ่งที่แท้จริง คือ จิตที่มีความเป็นเอกภาพจากการกระทบโดยสิ้นเชิง
    ไม่ดิ้นรน กระวนกระวาย ที่ต้องการเข้าไปรับรู้อารมณ์นั้นๆ มีความเป็นเอกภาพ
    ไม่ใช่นิ่งเพราะจิตหลับ หรือ กายหลับ อย่างที่คุณกล่าวมาทั้งหมดนั้นไม่ใช่
    พอเข้าใจไหมครับ จิตนิ่งตลอดเวลาที่ไม่ต้องดิ้นรน หากรับรู้จะเข้าใจอย่างชัดเจน
    โดยไม่นึกคิดปรุงแต่งเอาเอง

    สาธุครับ
     
  11. สับสน!

    สับสน! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2010
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +3,984
    ถ้าจิตดูตัวเอง..ก็คือ สติอยู่กับตัวรู้..จิตจะอยู่กับปัจจุบันทันที ไม่ต้องย้อนไปเข้าอัปนาอีกหรอก จิตที่ทรงสมาธิหากใช้..ดูจิต..จริง ๆ..

    :cool:..จิต..เขาดูที่จิต เมื่อมี กิเลส หรือ เจตสิก..ใดจรมายังจิต..จิตเขาเฉย "รู้" แต่ไม่กระโดดเข้าไปปรุงแต่งกับ.. เจตสิกหรือกิเลสนั้น..และไม่ตามดูด้วยอยู่กับที่
    ..โยมผู้หญิงที่เคยสนทนาธรรมกับหลวงตาที่สวนแสงธรรม..ตามคำเทศหลวงตา เทศว่า.." หนูหยุดไม่ถูกต้มอีกต่อไป..เพราะหนูเฝ้าดูอยู่ที่จิต ไม่ตามความคิดไป.."
    ไปเปิดหยดน้ำบนใบบัว ตอนที่ประมาณ 14-20 ฟังเอาเองนะ ฟางว่าน:'(

    ..แต่การที่คุณ จะทำได้ตามที่หญิง คนนี้กล่าว คุณต้องมีกำลังจิต..กำลังสมาธิจิต ที่สามารถหยุดหรือห้ามจิต..ในการตามดูเจตสิกหรือกิเลส ที่โคจรมายังจิตได้ทัน ไม่โดดเข้าปรุงแต่งร่วมไปด้วย..
    นั่นคือ ไม่ตามความคิด..ไม่ตามความคิด..หรือเจตสิก ลากเราติดกับคิดแล้วเสพอารมณ์ตามที่คิดนั้นๆ..จิตจึงต้องมีสมาธิจิตแรง ชนิดสู้กับสังขารได้ด้วยครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 เมษายน 2013
  12. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    จิตหยุดนิ่ง สติ และ สัมปะชัญญะ ยิ่งชัดเจน
    เพราะไม่มีสิ่งที่เกิดจากการปรุงแต่งเข้ามาผสม
    เพราะคุณไม่เคยเห็นจิตหยุดนิ่ง จึงไม่รู้ว่าสติสัมปะชัญญะทำงานอย่างไร
    ผมเคยบอกกล่าวแก่คุณ เอกวีร์ ไปแล้วเรื่อง จิตเห็นจิต

    ผมไม่สนใจว่าใครจะเข้ามาอ่านที่ผมโพสไว้หรือไม่ เรทติ้งที่คุณกล่าว คุณเก็บไว้ใช้เองเถอะครับ
    ผมมองไม่เห็นประโยชน์ ไม่เห็นว่าจะมีประยชน์อะไรในการพ้นทุกข์เลย

    สาธุครับ
     
  13. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    เมื่อจิตหยุดนิ่ง ย่อมเห็นเหตุแห่งการเกิดอย่างชัดเจน

    สาธุครับ
     
  14. สับสน!

    สับสน! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2010
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +3,984

    ..ผมอ่านแล้ว..ตัวผมเข้าใจนะครับ..สาธุ:cool:
     
  15. newamazing

    newamazing เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,704
    ค่าพลัง:
    +1,381
    การปฎิบัตินักปฎิบัติหลายท่านพอได้ยินหลวงปู่หลวงตาพูดเรื่องการดูจิต ก็จะเข้าใจว่าไปดูที่จิตรู้ที่จิตได้เลย ที่จริงแล้วหลวงปู่หลวงตาผ่านการปฎิบัติมามากจนแทงตลอบรมสัจที่กายจนเกิดแก่จิต จริงอยู่วิญญาณเป็นผู้เข้าไปรู้ทุกสิ่งแต่นั้นเป็นผลมาจากการพิจารณากายก่อนทั้งสิ้น ถ้าใครเริ่มดูจิตโดยไม่พิจารณากายแทงตลอดกายนี้จนประจักษ์ไตรลักษณทางมโนทวารหรือทางจิต ก็จะเป็นเพียงผู้หลงระเริงเชาว์ปัญญาเท่านั้น เป็นผู้ที่มีความรู้เหมือนกัน เข้าใจอะไรได้เหมือนกัน อาจจะพูดภาษาธรรมได้เก่งกว่าคนที่แทงตลอดที่แท้จริงได้ แต่พอเจอภัยมาเอาตัวไม่รอด ห้ามโกรธไม่ได้เลย ห้ามอิจฉาไม่ได้เลย ห้ามความตระหนี่ไม่ได้เลย ฯ ถึงเรียกปัญญานั้นว่าจินตมยปัญญา

    ปัญญาที่เกิดจากความคิด และการพิจารณาอาหาร4ทังหลาย นั้นจะต้องใช้อุเบกขาที่เกิดจากความรู้สึกทางกาย เพราะองค์ตรัสรูนั้น มี7ต้องกลับไปดูที่องค์ตรัสรู้ครับ จะมาเฝ้าดูจิตอย่างเดียวไม่ได้ และวงจรปฎิจสมุปบาทด้วย การแยกรูปนามออกจากกันจริงนั้น เมื่อแยกจากกันแล้วสฬายตนะทังภายนอกภาในจะดับ จึงไม่เกิดผัสสะ ไม่มีเวทนา ไม่มีตัณหา ไม่มีอุปปาทาน ไม่มีภพ จะมีภพได้อย่างไร เพราะการประจักษ์สภาวะนิพพานย่อมไม่มีการเกิดการดับ ทั้งหมดอยู่ตรงนี้ครับ ทำที่สุดของอานาปนสติ ลมอัสสาสะ ปัสสาสะดับไปนันแหล่ะครับท่าน ผู้ใดไม่บริโภคกายคตาสติ ผู้นั้นไม่บริโภคนิพพาน นี่คือคำกล่าวของตถาคต
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 เมษายน 2013
  16. newamazing

    newamazing เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,704
    ค่าพลัง:
    +1,381
    อย่าหลอกตัวเองด้วยเชาว์ปัญญาเลย ท่าน สับสน มันก็มีดีอยู่บ้างเอาไว้คุยโม้เท่านั้นแหล่ะ พอเจอซองกฐิน ผ้าป่า แล้วใจมันสั่น อิอิ ของปลอม
     
  17. สับสน!

    สับสน! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2010
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +3,984
    ..ท่าน new..เอาไว้ จิตท่าน ทรงสมาธิหรือเคยเกิดสมาธิบ้าง จะเข้าใจเองในสภาวะนี้..
    :cool:..คุณอธิเดช เขาบรรยายตามความเข้าใจของเขา ใช้ภาษาของเขาไม่่เหมือนที่ตำราสอนกัน อาจจะผิดตาม สมมุติ อักษรแต่ สภาวะและเนื้อเรื่องอาการ ที่เกิดนั้นผมเข้าใจ..เขาไม่ผิดแต่อธิบาย คนอื่นไม่เข้าใจในการสื่อ สมมุติอักษรของเขาไม่ถูก ในบางความเห็น เพราะเราเรียนภาษาในตำราเรียกคนละอย่างที่เขาสือ่ครับ
    ...เขาบรรยายได้ถุก ตามสภาวะที่ผมเคยสัมผัสจึงเทียบเคียงเอา เราปฏิบัติจนอายุใกล้เข้าถึงโรงศพแล้ว ใครมาโกหกเพือ่ให้เสียศิล ล่ะครับ..
    ..อีกอย่าง ขนาดผมไม่ได้อะไรสักขั้น แบบท่านnew..อริยะ และผมไม่ใช่คนดี ผมยังพอเข้าใจเลย..
    ..ระวังศิลหน่อย และต้องซื่อตรงกับใจตนเองว่า ปฏิบัติได้ถึงไหน อย่างไร จึงนำออกมาสื่อ ได้ตรงกับที่คุยครับ:cool:
     
  18. newamazing

    newamazing เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,704
    ค่าพลัง:
    +1,381
    ท่านมากล่าวหาอะไรผม ธรรมะตองตรงนะครับ ว่าจินตมยปัญ กับภาวนามยปัญญา มันต่างกันตรงที่เมื่อมีเหตุการณจริง มันทิ้งอะไรไม่ได้เลยอย่างเช่นหัวข้อ( ถึงคุณ อินทรบุตร จะไม่เกิดขึ้นแน่นอนถ้าถีงสภาวะจริง) จินตมยปัญญานั้นอะไรก็พูดได้จะเอาสวยขนาดไหน นิวก้พูดได้นะแบบนั้นเก่งมาสะด้วยแต่นิวไม่เอาหรอกแบบนั้นนะมันเป็นนวนิยายไป เอากันแบบเห็นกิเลสนี่แหล่ะดูเหมือนจะอวดตนอยู่บางนะ แต่ขอบอกว่ามาเพื่อสอนไม่ได้มาเพื่ออวด ถ้าจะอวดเอาปรโยชน์เหรอ ผมนะมีทางมากมายยังไม่สนเลย จะมาสนอะไรในที่เว็บที่มีแต่ลมๆครับ ฟังกลอนสักหน่อย

    โดดเดียวเดียวดายในทองเล.... ชีวิตหันเหล่องลอยไป.... เปลี่ยบดั่งขอนไม้ไม่มีทิศทาง... ประคองตัวเองยังเขลา ๆ เจ็บปวดรวดร้าวเหมือนใจจะพัง... ไม่มีความหวังอะไรเลย.... รักโลภโกรธหลงในตวงตา ต่างคนไคว่คว้าถือมันเอาไว้ แก่งแย่งกันไปสติเลื่อนลอย ความสุขไม่ได้เป็นแค่ฝัน นิพพานแห่งนั้นยังรอคอย... ธรรมะมีน้อยจะไปอย่างไร.... หากมีธรรมจะช่วยนำพา... ให้ผ่านทะเลตัณหาอบายนั้นไป... เปรียบชีวิตเป็นแค่ขอนไม้.. ต่อให้รวยเงินมากแค่ไหน... เมื่อตายไปพึ่งพาไม่ได้สักแดง... เปรียบชีวิตเป็นแค่ขอนไม้....จะลอยเลอีกเพียงข้ามวัน... ต่อจากนั้นชั่วดีจะพาเจ้าไป.... โดดเดียวเดียวดายในทองเล.. กิเลสพัดเพไปตามกระแส... ขอนไม้อ่อนแอต้องจมน้ำไป.... ไม่อยากให้จมต้องรู้ทัน..ไตรลักษณ์เหล่านั้น เกิด แก่ เจ็บตาย ชีวิตสลายร่างกายก็พุพัง.. หากมีธรรมจะช่วยนำพา... ให้ผ่านทะเลตัณหาอบายนั้นไป เปรียบชีวิตเป็นแค่ขอนไม้... ต่อให้รวยเงินมากแค่ไหน... เมื่อตายไป.. พึ่งพาไม่ได้สักแดง.. เปรียบชีวิตเป็นแค่ขอนไม้... จะลอยเลอีกเพียงข้ามวัน... ต่อจากนั้นชั่วดีก็จะพาเจ้าไป ...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 เมษายน 2013
  19. สับสน!

    สับสน! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2010
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +3,984
    ..ท่านnew..เชิดหน้าไว้ เดินตัวตรง มองไปข้างหน้า อย่าวอกแวกในใจ ไม่อย่างนั้นการเดินจะไม่สง่างาม..เสียบุคคลิกภาพ หมด อิอิ:cool:

    :'(..ความหล่อบังตา น้องเลยศึกษาประวัติไม่จบ..
    คิดว่าใช่ เปิดใจคบ จึงได้ค้นพบ ด้านลบซ่อนไว้..
    ประวัติพี่บ่าว..มีเรื่องราวของความหลายใจ..อิอิ(k)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 เมษายน 2013
  20. สับสน!

    สับสน! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2010
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +3,984
    ..ไอ้จิต ไอ้แพท..มาเร็ว..มาเข้าเรียลลิตี้เว้ยยยส์ อิอิ
    เช้านี้ มาต่อเพลงเว้ยยส์ กด..111..หากเชียร์ข้า..อย่าลืมให้คะแนนข้านะเว้ยยยส์ อิอิ
    ..เรียลริตี้..โชว์ อิอิ
     

แชร์หน้านี้

Loading...