ปรอทสำเร็จ ของดีจากตำนาน

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย ทิพยจักร, 26 พฤศจิกายน 2012.

  1. torr200925

    torr200925 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    753
    ค่าพลัง:
    +2,680
    วิชาธาตุ 4 ของหลวงปู่สรวงก็ อยู่ได้หลายร้อยปี เช่นกันครับ ไม่รู้ตอนนี้ ใครสืบทอดอยู่ได้
     
  2. namitta

    namitta เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    1,061
    ค่าพลัง:
    +3,517
    อุ้ย. ขอบคุณครับ
    เรื่องดาวกับโลหะ เหมือนเขียนไปแล้วครับ
    พุธ ธาตุน้ำทะเล ปรวนแปรไม่แน่นอน เลยเอาเปรียบกับปรอท
    เสาร์ ไฟระอุ. โคจรช้า เลยใช้ ตะกั่วแทน
    พฤหัสบดี ดินแน่น โคจรค่อนข้างนิ่ง เลยใช้ ดีบุก เพราะมีสภาวะคล้ายดินมากกว่า และมักเจอแร่นี้ก่อนเจอทอง ถ้าขุดแร่เจอดีบุกเมื่อไหร่ ให้ขุดต่อไปจะเจอทอง
    ราหู ลมอ่อน เงา เลยใช้โลหะสัมฤทธิ์แทน. อันนี้ผมก็ไม่รู้
    ศุกร์ ธาตุน้ำ เป็นดาวประกายสุกใส ใช้ทองแดง เลยสีคล้ายกันดี
    อาทิตย์มีแสงสว่าง เป็นดาวที่แรงกล้า คือแร่ทอง
    จันทร์ ธาตุดินอ่อน ก็เงิน หรืออลูมิเนียมได้ สีคล้ายๆกัน
    อังคาร เหล็ก เพราะธาตุลมพายุ เป็นดาวทหาร ดาวสงคราม เลยเอาโลหะเหล็กใช้ทำอาวุธ

    โลหะแทนดาว เพื่อปรับธาตุดาวในร่างกายที่เสีย เสริมชะตา หรือปรับชัยภูมิ ฝังอาถรรพณ์ในพื้นที่ได้ด้วย.


    ความจริงสังเกตุจากทักษา โลหะทั้งหมดนี้ สีและคุณสมบัติบางอย่างตรงกันข้ามกัน แต่เนื้อแท้คือการใช้งานแบบเดียวกัน
    อาทิตย์ตรงข้ามกับเสาร์ ทองตรงข้ามกับตะกั่ว ต่างก็เนื้ออ่อนเหมือนกัน คือธาตุไฟ
    จันทร์ตรงข้ามพฤหัสบดี เงินตรงข้ามดีบุก. คือสภาวะทั้งสองคือขัดเงาแล้วมีแสงสะท้อนทั้งคู่ แต่ดีบุกถูกกว่าและหมองเร็ว คือธาตุดิน
    อังคารตรงข้ามราหู. เหล็กและสำริด คือโลหะที่เหนียว และคมทั้งคู่ ถูกนำมาใช้ทำอาวุธเครื่องใช้ทั้งคู่ คือธาตุลม.
    พุธตรงข้ามกับศุกร์. ทองแดงกับปรอท. ธาตุน้ำทั้งคู่ เป็นโลหะที่ใช้เข้ายาได้ทั้งคู่ ปรอทกันผีได้ ทองแดงกันปลิงกัดได้

    สมมตินะครับ สมมติ
    คนเกิดวันอาทิตย์ อย่างน้อยมีแร่ทองไว้บ้างเพื่อเสริมดวง หรือ คนเกิดวันพุธทั้งกลางวันกลางคืนควรมีเบร้ยแก้หรือปรอทไว้บ้างเสริมดวง
    คนเกิดวันอังคารก็น่าจะมีมีดหมอทำจากเหล็กหรือเหล็กต่างๆอาถรรพณ์ไว้เสริมดวงตัวเอง
    คนเกิดวันพฤหัสหาดีบุก ต่างๆไว้บ้าง เพื่อเสริมดวง
    .....
     
  3. สิริมงคลชัย

    สิริมงคลชัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    660
    ค่าพลัง:
    +1,091

    555..ผมว่าอย่าเพิ่งพูดเรื่องขายเลยครับ...เอาแค่เรื่องปลูกว่าน...ก่อนดีกว่า...จนกว่าจะทำให้ว่านขลัง...จนกว่าจะทำให้ปรอทแข็ง...จนกว่าจะทดสอบว่าเป็นกายสิทธิ์จริงหรือปล่าว...(โดยการเหอะไปป่าหิมพาน)แล้วไม่รู้ว่าจะได้กลับมาหรือปล่าวเพราะอาจจะไปติดใจ...นารีผลเข้า...เลยไม่ได้กลับมาขาย....เรื่องมันยาว....เอาแค่เตรียมดินปลูกว่านก่อนดีกว่าครับ....หาปุ๋ยก่อนเรา...ดินยี่ฮ่ออะไรดีน้า...555...เมื่อไหร่ว่านมันจะขันน้า.....หลายเรื่องนะ...หลายเรื่อง...555
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 มีนาคม 2013
  4. พรหมณี

    พรหมณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    2,547
    ค่าพลัง:
    +12,863
    จริงๆแล้ววิชาเดินธาตุ4 สืบทอดมาในสายสมเด็จพระสังฆราชสุก ไก่เถื่อน ไม่ใช่แบบที่วัดพลับสอนนะคะ

    การเดินธาตุทั้ง 4 ในร่างกายเรามเรื่องมหัศจรรย์หลายเรื่อง(ต้องฝึกเองถึงจะรู้)

    ถ้าใครสนใจส่งmail มา จะส่งไปให้ลองฝึกดูค่ะ เป็นหนังสือชื่อมูลกรรมฐาน ตอนนี้ต้นฉบับกลายเป็นผงหมดแล้ว แต่สแกนเอาไว้ print เอามาอ่านลองฝึกดูค่ะ ถ้าระหว่างฝึกอารมณ์ของกรรมฐานไม่ตรงก็แสดงว่าผิดทาง

    ส่วนการหุงปรอทนั้นควรเริ่มฝึกจากสติปัฏฐาน 4 จนเต็มแล้วขึ้นสัมโพชฌงค์ 7 คิดว่าก็น่าจะพอกล้อมแกล้มหุงได้ค่ะ
     
  5. Thana 2

    Thana 2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    653
    ค่าพลัง:
    +2,878
    ปรอทหลวงปู่ลือนี้เป็นปรอทของพระอรหันต์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ปรอทของหลวงปู่นี้เป็นของแท้ได้มากจากวัด ปรอทของท่านจะกินน้ำผึ้งต้องแช่น้ำผึ้งตลอดเวลา เวลานี้ไม่มีไห้บูชากันแล้วเป็นของหายาก เป็นปรอทอีกสายหนึ่งของพระอริยะผู้มากบารมี
    พระสงฆ์ พระผู้มีบัญญาฤทธิ์และบุญญาธิการสูงองค์หนึ่งในดินแดนที่ราบสูง จังหวัดมุกดาหาร โดยอัตโนประวัติโดยสังเขปของพระอริยสงฆ์รูปหนึ่งที่มีความเพรียบพร้อมทุกอย่าง
    พระสุปฏิปันโนผู้มีศีลจารวัตร ยึดถือปฏิบัติเคร่งครัดมาเป็นเวลานานอย่างเสมอต้นเสมอปลาย ในขณะที่ครองเพศบรรพชิต ซึ่งในทุกวันนี้ยากนักที่จะหาพระผู้มีวัตรปฏิบัติเคร่งครัด
    "หลวงปู่ลือ ปุญโญ" เกิดที่บ้านไร่ ตำบลบ้านไร่ อำเภอดอนตาล จังหวัดมุกดาหาร เมื่อวันศุกร์ที่ 24 กันยายน 2542 ปีระกา ขึ้น 10 ค่ำ ในตระกูล "ใจทัศน์" โยมบิดาชื่อ จันทร์ โยมมารดาชื่อ พัน ท่านสละเพศฆราวาสเข้าสู่ร่มกาสาวพักตร์เมื่ออายุได้ 18 ปี ได้ร่ำเรียนวิชา สน-มูล-นาม ซึ่งเป็นพื้นฐานของวิชาบาลีไวยากรณ์ในเบื้องต้นจนแตกฉาน พออายุได้ 22 ปี จึงได้เปลี่ยนญัตติเป็นฝ่ายธรรมยุต โดยมีหลวงพ่อดี วัดศิลามงคล จังหวัดมุกดาหาร สอนกรรมฐานให้ท่านเป็นท่านแรก
    หลวงปู่ลือ ท่านมีจิตใจแน่วแน่ที่ไม่สามารถหลอมให้กลายเป็นอย่างอื่นได้ ด้วยความตั้งมั่นของท่านถึงขนาดนั่งภาวนาหันหน้าลงเหว เพื่อฝึกปฏิบัติขัดเกลาจิตใจให้เป็นสมาธิ เป้าหมายคือความหลุดพ้น เป็นที่ตั้งสถานที่วิเวกทุกแห่งที่อาจารย์สายกรรมฐาน ศิษย์หลวงปู่มั่นทุกท่านธุดงค์ไปปักกลดฝึกภาวนา ท่านก็ได้ธุดงค์ไปมาหมดแล้วทุกแห่ง
    ครั้งหนึ่งได้ทราบข่าวว่า หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต เดินธุดงค์มาจำพรรษาที่เกาะแก้ว ใกล้วัดพระธาตุพนม หลวงปู่ลือจึงได้เดินทางไปกราบนมัสการ และขอปวารณาตัวเป็นศิษย์ เพื่อศึกษาแนวธรรมะจากท่าน
    หลวงปู่ลือ ได้ธุดงค์ไปพร้อมกับ หลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่น และเพื่อสหธรรมิกจำนวนมากมาย เช่น หลวงปู่สิม หลวงปู่ชอบ หลวงปู่ขาว หลวงปู่จาม พระอาจารย์จวน พระอาจารย์ฝั้น อาจารย์ชา หลวงพ่อบุญมา วิเวกไปตามป่าเขาโปรดญาติโยมโดยทั่วแถบภาคอีสานและภาคเหนือ ขณะร่วมธุดงค์เมื่อถึงจุดหมายต่าง ๆ ก็แยกย้ายกันปักกลดฝึกกรรมฐาน พอถึงเวลา 4 โมงเย็นของทุกวันก็จะพร้อมเพรียงกันเพื่อรับฟังโอวาทธรรมจากหลวงปู่มั่น
    ในระหว่างที่ท่านอบรมกรรมฐานท่านมักจะกล่าวยกย่องหลวงปู่ลือเสมอว่าเป็น "พระใจเด็ดใจเพชร" สหธรรมมิกที่ร่วมคณะมาด้วยจึงสมญานามว่า "พระลือโลก…ผีย่าน(ผีกลัว)"
    หลังจากแยกย้ายคณะธุดงค์ หลวงปู่ลือได้ออกธุดงค์ไปตามลำพังเพื่อหาสถานที่วิเวกฝึกกรรมฐานไปจนถึงฝั่งประเทศลาว และแผ่เมตตาแก่ญาติโยมชาวลาว เป็นเวลานาน จึงข้ามมาฝั่งไทย ท่านไปพบทหารกลุ่มหนึ่งกำลังสู้รบกับ ผกค.(ผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์) ท่านจึงสละชายจีวรมอบแก่ทหารเหล่านั้น เพื่อปกป้องคุ้มครองผองภัยอันตรายทั้งปวง จนทหารกลุ่มนั้นแคล้วคลาดกลับที่ตั้งโดยปลอดภัยทุกคนชาวบ้านดอนตาลดง ผกค. ในยุคนั้นจึงขนานนามทหารกลุ่มนั้นว่า "ทหารผีสิง" เพราะโดยปกติจะไม่มีใครรอดพ้นดงกับระเบิดและฝ่าแนวกระสุนออกมาได้เลย ทำให้ผู้คนทุกสารทิศที่ได้ยินกิตติศัพท์ หลวงปู่ลือ จึงหลั่งไหลกันไปกราบไหว้นมัสการ
    ปัจจุบันหลวงปู่ลือ ได้ชราภาพมากแล้วจึงได้ปรารภกับลูกศิษย์ว่าต้องการสร้างวิหารเพื่อประดิษฐานพระพุทธรูปและมณฑป ครอบรอยเท้าของท่าน ซึ่งสมัยอดีตชาติของท่านเป็นฤาษีได้เหยียบเอาไว้ในบริเวณวัดป่านาทามวนาวาส เพื่อให้อนุชนได้สักการบูชา

    หลวงปู่ลือ ปุญโญ (ฉายา “ปุญโญ” เริ่มใช้ตั้งแต่ท่านได้ญัตติเป็นธรรมยุตนิกาย คือเป็นพระสายกัมมัฏฐาน ลูกศิษย์ของหลวงปู่เสาร์ กันตสีโล และหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต เป็นต้นมา)
    หลวงปู่ท่านเป็นพระอริยสงฆ์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ เป็นผู้ทรงอภิญญาสามารถหยั่งรู้ญาณชั้นสูง เช่น อตีตังสญาณ คือหยั่งรู้เรื่องราวในอดีตของตนเองว่า หลวงปู่เมื่อชาติก่อนท่านเป็นฤาษี บำเพ็ญเพียรอยู่ในถ้ำใต้ชะง่อนผา ซึ่งเป็นที่ตั้งวัดป่านาทามวนาวาสในปัจจุบัน ได้มรณภาพดับขันธ์ในถ้ำดังกล่าวปัจจุบันอัฐิธาตุ ของท่านยังอยู่ในถ้ำดังกล่าว และนอกจากนั้นท่านยังหยั่งรู้ อนาคตังสญาณ คือหยั่งรู้เรื่องราวในอนาคตได้ล่วงหน้า ดังเหตุการณ์เครื่องบินโดยสารตก ในเขต อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี เมื่อวันที่ 27 เม.ย.2523 ทำให้ผู้โดยสารตายเกือบหมดทั้งลำ (เหลือบาดเจ็บสาหัสและยังมีชีวิตอยู่ถึงปัจจุบัน 2 –3 คน ตามที่ปรากฏเป็นข่าว) ในเครื่องบินดังกล่าวพระกัมมัฏฐานสายหลวงปู่มั่น ได้ร่วมเดินทางไปด้วย 5 องค์ และได้มรณภาพทั้งหมด คือ พระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ, พระอาจารย์วัน อุตตโม, พระอาจารย์สิงห์ทอง ธัมมวโร, พระอาจารย์บุญมา ฐิตเปโม และพระอาจารย์สุพัฒน์ สุขกาโม พระอาจารย์ทั้ง 5 องค์ดังกล่าวได้รับนิมนต์ไปร่วมพิธีสำคัญที่วัดมหาธาตุ บางเขน กรุงเทพฯ และเจ้าภาพได้มีการนิมนต์หลวงปู่ลือ ไปร่วมพิธีดังกล่าวด้วย โดยนำตั๋วเครื่องบินไป-กลับ ในเที่ยวดังกล่าว มาถวายหลวงปู่ถึงวัดป่านาทามวนาวาส แต่หลวงปู่ลือไม่รับนิมนต์ เนื่องจากได้นิมิตเห็นไฟไหม้หางของเครื่องบินลำดังกล่าวขณะบินอยู่บนท้องฟ้าก่อนจะถึงวันเดินทาง 2-3 วัน หลวงปู่เล่าว่าพระอาจารย์ทั้ง 5 องค์ที่มรณภาพครั้งนี้ทุกท่านมีญาณหยั่งรู้ว่าเครื่องบินจะตกและจะดับขันธ์ในครั้งนี้แต่ทุกท่านได้ยินยอมให้เป็นไปตามวิบากกรรม ส่วนหลวงปู่ลือ ท่านยังมีภารกิจที่ต้องโปรดสัตว์ และสืบสานพระศาสนายังไม่สำเร็จตามที่ท่านได้ปวารณาเอาไว้
    นอกจากนี้ยังได้รับการเปิดเผยจากพระลูกศิษย์ที่เคยออกร่วมธุดงค์กับหลวงปู่ว่าในการออกธุดงค์จากที่หนึ่งไปยังที่หนึ่งซึ่งมีระยะทางไกล หลวงปู่สามารถย่นระยะทางได้ และไปถึงที่หมายก่อนคนอื่นหลายครั้ง
    หลวงปู่ลือเคยสร้างวัตถุมงคลของท่านจำนวนไม่มากนัก เพื่อแจกให้ลูกศิษย์นำไปสักการะบูชา เพื่อเป็นสิริมงคล ต่อมา ผู้ที่นำวัตถุมงคลของหลวงปู่ติดตัวไว้ ส่วนใหญ่ได้ประสบการณ์อภินิหารของวัตถุมงคลหลวงปู่หลายครั้ง โดยเฉพาะด้านแคล้วคลาด มหาอุด คงกระพัน และโชคลาภ จึงมีการกล่าวขานกันมาปากต่อปาก ทำให้วัตถุมงคลหลวงปู่เป็นที่ต้องการและเสาะหาของผู้ที่ได้ทราบข่าวตลอดมา แต่ก็หายาก เนื่องจากผู้ที่มีไว้ไม่ยอมปล่อยต้องการเก็บไว้เป็นมรดกให้ลูกหลานของตน วงการเซียนพระเครื่องจึงได้กล่าวขานกันว่า “มีหลวงปู่ลือ ไม่มีตายโหง และไม่มีจน” หนังสือพิมพ์ ข่าวสดรายวัน ฉบับวันที่ 5 มี.ค.2538 ได้รายงานข่าวว่า “รูปเหมือนลอยองค์ขนาดเล็กของหลวงปู่ลือ ยิงไม่ออก” ยิ่งทำให้วัตถุมงคลหลวงปู่เป็นที่เสาะหา และต้องการของบุคคลทั่วไปมากยิ่งขึ้น มีลูกศิษย์ของหลวงปู่ ซึ่งเป็นผู้ช่วยพยาบาลมุกดาหาร เล่าถวายหลวงปู่ต่อหน้าญาติโยมหลายท่าน ขณะหลวงปู่อาพาธที่โรงพยาบาลมุกดาหารว่าแต่ก่อนผู้เล่าแขวนพระเครื่องอื่นๆ มานอนรอเพื่อเข้าเวรดึกที่ห้องพักเจ้าหน้าที่เวร มักจะถูกผีอำบ่อยๆ แต่เมื่อได้แขวนเหรียญรุ่นสร้างโบส์ถของหลวงปู่ลือประจำ ไม่เคยถูกผีอำอีกเลย นอกจากนั้นยังมีประสบการณ์ปาฏิหาริย์จากวัตถุมงคลของหลวงปู่ลืออีกมากมาย...
    เมื่อหลวงปู่ลือฯ มรณภาพแล้ว อัฐิของท่านบางส่วนได้แปรเปลี่ยนเป็นพระธาตุสีแดงทับทิม สีขาวใส สีขาวขุ่น ก็มี สวยงามมาก..
     
  6. พรหมณี

    พรหมณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    2,547
    ค่าพลัง:
    +12,863
  7. พรหมณี

    พรหมณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    2,547
    ค่าพลัง:
    +12,863
  8. Maestro

    Maestro เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    676
    ค่าพลัง:
    +2,411
  9. namitta

    namitta เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    1,061
    ค่าพลัง:
    +3,517
    ขอบคุณมากครับ ต้องแกะอักษรขอมล่ะทีนี้ แหงะ
     
  10. pana_mool

    pana_mool เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    1,696
    ค่าพลัง:
    +7,048
    ผมอยู่ในทั้ง 2 ข้อครับ
    ตอนนี้ก็ยังอยู่ใน 2 ข้อนี้ ทั้งๆ ที่รู้แต่ใจก็ยังอยาก

    เข้ากับประโยคที่ว่า "ดีชั่ว รู้หมด แต่อดใจไม่ได้"
    :':)':)':)':)'(
     
  11. pana_mool

    pana_mool เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    1,696
    ค่าพลัง:
    +7,048
    ความรู้ที่่่านนำมาเขียนให้อ่านนี้สุดยอดครับ เปิดมุมมองของผม ให้เห็นอีกมุม
    ขอพระคุณครับ


    แต่สำหรับความเชื่อของผม ผมว่านอกจากกรรมวิธีที่จะทำให้ปรอทแข็งตัวแล้ว
    พลังจิตของผู้ที่ทำน่าจะเป็นส่วนสำคัญในการทำให้ปรอทมีฤทธิ์หรือไม่
     
  12. พรหมณี

    พรหมณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    2,547
    ค่าพลัง:
    +12,863
    ตำรามูลกัมมัฏฐานนี้ ต้นฉบับเป็นหนังสือใบลานตัวขอมเก่าแก่ สร้างเมื่อจุลศักราช ๑๐๒๓ ตรงกับ พศ.๒๒๐๔ ซึ่งเป็นรัชสมัยของสมเด็จพระนารายณ์มหาราชทรงเป็นพระมหากษัตริย์ ช่วงนั้นเป็นช่วงศาสนาพุทธรุ่งเรืองมาก โดยเฉพาะสายพระพนรัตน์วัดป่าแก้ว ลองอ่านใน link มาให้ค่ะ

    พุทธศาสนาสมัยอยุธยา : การเดินทางของพุทธศาสนาสู่ประเทศไทย : ศาสนา-อารยธรรม-ลัทธิ-ความเชื่อ : ห้องสมุดบ้านจอมยุทธ
     
  13. namitta

    namitta เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    1,061
    ค่าพลัง:
    +3,517
    คารวะ 1 ไห เอิ้กกก
     
  14. namitta

    namitta เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    1,061
    ค่าพลัง:
    +3,517
    นั่นหละครับที่ผมว่ามา การทำให้ปรอทหรือวัตถุใดๆมีฤทธิ์ ต้องอาศัยอำนาจจิต คือ เคสที่หนึ่ง

    แต่ทนสิทธิ์ทั่วไปที่มีฤทธิ์ทางธรรมชาติ เช่นพวกคดต่างๆพวกนี้ไม่มีจิตอธิษฐานหรือ ใครมาเสกให้ มักบอกกันว่า มันเกิดของมันเอง หรือบอกว่าพรายปรอทเข้าจับ แต่เราจะแยกคำว่าพรายปรอทออกไปเพราะใช้คำซ๊ำกัน คำอธิบายอีกด้านคือ กายสิทธิ์ลงจับ

    สาเหตุที่ใช้คำนี้เพราะกรณีของกะลำพัก

    "กะลำพักนั้น คือส่วนของลำต้นที่แก่จัดมีอายุ 10 ปีขึ้นไปแล้วยืนต้นตาย แต่แก่นแข็งๆ ยังอยู่ มีลักษณะเหมือนไม้แห้งๆ สีน้ำตาล มีกลิ่นหอม เชื่อว่าเกิดจากเชื้อราที่เติบโตอยู่ในเนื้อไม้จนกลายเป็นแก่นไม้แข็ง แต่โบราณกล่าวกันว่าแก่นกะลำพัก นี้เกิดจากธาตุหอมอันเป็นกายสิทธิ์อยู่ในอากาศ เมื่อความกายสิทธิ์นี้ได้ลงมาจับกับต้นไม้อะไรแล้วต้นไม้นั้นก็กลายเป็นกะลำพัก ต้นไม้ที่ให้แก่กะลำพักมีสลัดไดและตาตุ่มทะเล
    กะลำพัก มีรสขม แก้ลม แก้พิษเสมหะ บำรุงตับและปอด เป็นตัวยาที่สำคัญยิ่งสำหรับเข้ายาแก้ไข้ และยาบำรุงหัวใจ
    รากและต้นมีสรรพคุณแก้ไอ แก้หอบหืด
    พอถึงตรงนี้คงพอเข้าใจกันแล้วว่าทำไมถึงกล่าวว่าสลัดได ขึ้นต้นเป็นพืชร้าย ตอนตายเป็นพืชดี เพราะอันตรายของสลัดไดและประโยชน์ของกะลำพักนั่นเอง."

    แล้ว
    เราจะสร้างเจ้าทนสิทธิ์พวกนี้นี่ได้ยังไงให้เกิดฤทธิ์ตามธรรมชาติ ถึงจะสร้างได้ฤทธิ์ไม่มาก แต่เอาไว้ที่ต่ำ ไม่เสื่อมถอย เช่นทนสิทธิ์ทั่วไป จะเสกเพิ่มหรือเพิ่มอำนาจจิตก็ยิ่งทวีมากขึ้น แต่พื้นฐานจะทำอย่างไรให้ เกิดเป็นกายสิทธิ์มีฤทธิ์ในระดับหนึ่งครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 มีนาคม 2013
  15. คริต++

    คริต++ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กุมภาพันธ์ 2013
    โพสต์:
    52
    ค่าพลัง:
    +32
    ขอรบกวนสอบถามหน่อยครับ พอดีได้มาจากหลวงปู่ที่จังหวัดบึงกาฬ ท่านเป็นพระสายหลวงปู่มั่น แต่ไม่ทราบว่าที่ได้มาคืออะไร รบกวนท่านผู้รู้ช่วยชี้แนะทีครับว่าเป็น ปรอท หรือเปล่า ถ้าเป็นต้องบูชายังไงครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  16. pana_mool

    pana_mool เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    1,696
    ค่าพลัง:
    +7,048
    ผมยังมีข้อสงสัย อีกข้อครับ
    สมมุติ นะครับสมมุติ
    ถ้าใครสักคน ได้ครอบครอง ทนสิทธิ์ มีฤทธิ์ในตัว
    เขาต้องมีความรู้ในการใช้ทนสิทธ นั้นๆ ไหมครับ
    เขาต้องมีความสามารถให้การใช้ทนสิทธิ์ นั้นๆ ไหมครับ

    หรือแค่มีไว้ในครอบครองก็พอ ก็ทำให้สมปราถนาดังใจต้องการ......
     
  17. สิริมงคลชัย

    สิริมงคลชัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    660
    ค่าพลัง:
    +1,091
    โดยปกติว่านยาถ้าทำการปลูกอย่างถูกต้องแล้วก็จะมีอำนาจหรือฤทธิ์ระดับหนึ่งอยู่แล้วเป็นทนสิทธิ์ถ้านำมาเข้าหรือซัดปรอท...ด้วยคุณสมบัติของปรอทและว่านยาที่มีฤทธิ์รวมตัวกันและมีคาถากำกับก็น่าจะทำให้มีฤทธิ์ระดับหนึ่ง....
     
  18. สิริมงคลชัย

    สิริมงคลชัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    660
    ค่าพลัง:
    +1,091
    พวกทนสิทธิ์น่าจะเป็นพวกที่เกิดขึ้นเอง1.ตามธรรมชาติ 2.เกิดจากมนุษย์สร้างขึ้น
    พวกที่เกิดขึ้นเองก็ยกตัวอย่างพวก คตต่างๆจะเป็นพวก ขนุน ไข่นกกระเต็นทองแดง คตสั่ตว์ต่างๆ เขี้ยวหมูตัน ฟันเสือโปร่ง งาช้างกระเด็น งาช้างกระดอน คตปลวก เหล็กไหลบางชนิด ของทนสิทธิ์ที่พวกมีฤทธิ์ทำขึ้นไว้เพื่อรองวิชาตน....ฯลฯ

    คุณตู่มีอะไรเป็นทนสิทธิ์น้า...ไม่เห็นเอามาโชว์กันบ้างเลย......
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 มีนาคม 2013
  19. namitta

    namitta เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    1,061
    ค่าพลัง:
    +3,517
    ส่วนตัวของผมเองยังเชื่อว่า วิชาเล่นแร่แปรธาตุ หรือวิชาปรอท ใดๆ มีหลักการแนวคิดเดียวกัน คือ

    "ทำยังไงให้เกิดธาตุกายสิทธิ์มีฤทธิ์ใช้งานทางโลกๆได้เช่นเดียวกับตำนานของแก้วมณีโชติที่บันดาลทุกสรรพสิ่งให้เพียงแค่คิดหรือเหาะได้ หรือไม่แก่ไม่ตาย "

    เลยค้นคว้ากันต่อๆมาทางด้านความเชื่อ พบเจอว่าน ยา เภสัช หรือ โลหะ สูตรเคมีัแปลกๆ แต่มีเพียงตำนานที่เล่าลือกันมาว่ามีคนไม่กี่คนที่สำเร็จจริงๆจัง บ้างก็จะอ้างเรื่องอำนาจจิตที่เป็นอภิญญาไปสร้างไว้ ..... แต่เกินจุดประสงค์เพราะจุดประสงค์วิชาพวกนี้ต้องการแค่กายสิทธิ์ที่มีฤทธิ์อำนาจที่เกิดตามธรรมชาติ โดยการจำลองธรรมชาติหรืออำนาจลี้ลับที่เขาเชื่อถือลงมา วิชาเหล่านี้จะไม่ใช้อำนาจจิตที่เป็นอภิญญาเลย เพราะ อำนาจของอภิญญานั้น หินก้อนเดียวทำให้กลายเป็นอะไรก็ได้ ตั้งแต่ทองยันแก้วมณีโชติ จากการอธิษฐานไว้ ....แต่วิชาพวกนี้เอาไว้สำหรับพวกที่ไม่ได้อภิญญา เปรียบว่า สมัยก่อน ผู้มีจิตอภิญญา สามารถเหาะได้เอง แต่ พวกที่ไม่ได้อภิญญาเลยคิดค้นเครื่องบิน หรือ เครื่องร่อน บอลลูนเอาไว้ให้ตนเองเหาะ
    แกนหลักของวิชาเหล่านี้ คือสร้างกายสิทธิ์ให้เรียกกายสิทธิ์มา ปรอทไม่ใช่แกนหลักของวิชาเหล่านี้เลย
    เพียงแต่ปรอทมีความเชื่อว่าน่าจะเป็นโลหะธาตุพื้นฐานที่ีเชื่อว่ามีสภาวะ"ธาตุรู้"หรือ"วิญญานธาตุสูง" เพราะมันมีสภาวะเหมือน"เป็น"เท่านั้นเอง เช่นเดียวกับความเชื่อเรื่อง"ใบไม้รู้นอน"เช่นมะขาม ชะอม ช้อยนางรำที่ เมื่อเริ่มกลางคืนจะหุบใบ เชื่อว่าเป็นต้นไม้ที่มีพลังวิญญานธาตุสูง จึงเอามาประกอบในของอาถรรพณ์ต่างๆเช่นหุ่นพยนต์

    "เพราะต้องการกายสิทธิ์ เชื่อว่ากายสิทธิ์มีวิญญานธาตุหรือธาตุรู้ เลยพยายามหาวิญญานธาตุหรือสิ่งที่น่าจะมีวิญญานธาตุมาประกอบการสร้างกายสิทธิ์นั้นๆ"

    เรื่องวิญญานธาตุนั้นยังเป็นปริศนาอยู่ แต่ความคิดเห็นส่วนตัวของผมการที่ฟ้าผ่า ฟ้าแลบ ฟ้าร้องนั่นคือการแลกเปลี่ยนประจุ เชื่อว่านั่นน่าจะเป็นจุดกำเนิดวิญญานธาตุอีกแบบหนนึ่ง อย่างการทดลองทางวิทย์ที่นำเอาคาร์บอนไดออกไซด์ ไนโตรเจน ออกซิเจน ใส่เข้าไปในระบบปิดแล้วเอากระแสไฟฟ้าจำลองว่าฟ้าผ่า เหมือนครั้งตอนเริ่มเกิดโลก ปรากฏสารเคมีอินทรีย์ชนิดหนึ่ง จำไม่ได้ว่าอะไร รู้สึกว่าจะกรดอะซีติก มั้งครับ เชื่อว่ากรดนี้จะเปลี่ยนแปลงโมเลกุลของตัวเองเป็นกรดนิวคลิอิกได้ และจะฟอร์มตัวจับกันเกิดเป็นสิ่งมีชีวิตชั่นต่ำๆเช่นแบคทีเรียได้

    ถ้าเชื่อว่าการสร้างกายสิทธิ์มีจริง ทุกอย่างยังคงเป็นปริศนา เพราะธาตุกายสิทธิ์เนื้อแท้จริงๆ ยังไม่มีคนค้นคว้าว่ามาจากไหน เกิดมาอย่างไร หรือเรียกเอามาได้อย่างไร
    แม้แต่ของง่ายๆเช่นกายสิทธิ์ที่จับต้นขนุน กลายเป็นคดขนุนเรายังไม่รู้ว่าเหตุใดมาจับ จับตอนไหน จับเพื่ออะไร เกิดได้อย่างไร และเราสามารถจำลองหรือเรียกมาจับได้อีกไหม ใช้งานอย่างไรได้อีก ............

    อ้ะ เพ้อเจ้ออีกแล้ว ขอโทษทุกท่านด้วยนะครับ
     
  20. namitta

    namitta เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    1,061
    ค่าพลัง:
    +3,517
    ....ทนสิทธิ์บางพวกตั้งขึ้นมาเองครับ เช่น อินออน จริงๆคือฝาปิดของหอยชนิดหนึ่งที่เลี้ยงน้ำส้มแล้วเดินได้ คือ อินออนเป็นแคลเซียมเวลาเจอกรดจะทำปฏิกิริยากันเกิดเป็นแก๊สออกมา เป็นปกติครับ พี่เอาเปลือกหอยอะไรก็ได้ฝนเท่าๆอินออนเล็กๆ หยดน้ำส้มแบบเดียวกับให้อินออน มันก็เคลื่อนที่ได้เหมือนกันครับ ส่วนพวกงาช้างกระเด็น หรืองาช้างกำจัดกำจายถือเป็นเคล็ดทางไสยศาสตร์มากกว่าครับ เพราแค่หักคา หรือหักหล่นร่วงไว้เฉยๆ แต่พวกที่เชื่อว่าเป็นเคล็ดทางไสยศาสตร์แต่ผมคิดว่าน่าจะเป็นทนสิทธิ์คือ สิ่งที่โดนฟ้าผ่าครับ เพราะเล่นสัมผัสกับพลังงานธรรมชาติเต็มๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 มีนาคม 2013

แชร์หน้านี้

Loading...