ข้อความจาก กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา)(ปิดกระทู้)

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย สุดใจเขากะลา, 9 สิงหาคม 2007.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. p.apichart

    p.apichart เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    401
    ค่าพลัง:
    +4,041
    มาอ่านเรื่องการฝึกกันต่อนะครับ
    <O:p</O:p
    เรื่องวันเวลาก็คงจะไม่เอามาอ้างถึงละครับจำไม่ได้แล้ว แต่หลังจากที่เราไปฝึกที่ค่ายพระราม 6 มาแล้ว 2 ครั้ง ก็กลับมาตั้งต้นที่เขากะลาใหม่ ที่นี้มีการเตรียมการที่จะออกฝึกนอกสถานที่อีก แต่เป็นระยะเวลาอันยาวนาน ครูจึงสั่งให้เตรียมเรื่องปัจจัย 4 ได้แก่
    <O:p</O:p
    - อาหาร ฝ่ายแม่ครัวต้องทำอาหารที่ง่ายๆ ไม่ต้องปรุงแต่งมากเช่น ไข่ต้ม เป็นต้น
    <O:p</O:p
    - เครื่องนุ่งห่ม ให้มีเฉพาะชุดขาวไปคนละ 3 ชุด ผ้าห่ม 1 ผืน และมุ้ง ก็มุ้งไนล่อนที่ใช้นอนกันบนเขาก่อนหน้านี้แหละครับ แต่ตัดแจกกันคนละชิ้น พอแค่คลุมตัว และเครื่องในของแต่ละคน แปรงสีฟันขันน้ำ ทั้งหมดนี้ก็อยู่ในถุงดำใบเดียวสำหรับ 1 คน
    <O:p</O:p
    - ที่อยู่อาศัย ให้ใช้เก้าอี้ผ้าใบเป็นที่นั่งและที่นอนครับ ส่วนจะนอนที่ไหนอันนี้ตามธรรมชาติเลยครับ ถ้านอนไม่หลับลืมตามาก็จะเห็นแต่ยอดไม้ หรือดาวบนท้องฟ้าตลอด จะเห็นเพดานห้องนอนก็ต่อเมื่อหลับแล้ว คือต้องฝันเอา
    <O:p</O:p
    - ยารักษาโรค ก็จะเตรียมยาสามัญพื้นฐานพวกแก้ปวดหัว ปวดท้องติดไป แถมมีพยาบาลอยู่ด้วยตั้ง 2 คน
    <O:p</O:p
    จากนั้นเราก็เดินทางกันมาทางเดิมแต่พอผ่านค่ายพระราม 6 ครูก็ไม่สั่งเลี้ยว จึงคงขับกันต่อไปจนไปถึงแถวปราณบุรีก็สั่งให้เลี้ยวซ้าย ลัดเลาะไปยังไงไม่ทราบ ลึกทีเดียวก็ไปเจอกับวนอุทยานแห่งชาติปราณบุรี (ภายหลังเดินเล่นจึงทราบว่าใกล้กับตลาดปากน้ำปราณบุรีประมาณเหนื่อยนึงเหมือนกัน)คุณวาสนาก็เลยไปติดต่อขอใช้สถานที่ ซึ่งก็ได้รับอนุญาต

    วนอุทยานแห่งชาติปราณบุรี เป็นพื้นที่สวนสนติดกับชายหาดริมทะเลเป็นระยะทางที่ค่อนข้างยาวสุดลูกหูลูกตาเลยทีเดียว ตอนนั้นคนยังไปเที่ยวน้อยมาก บริเวณพื้นที่ทั่วไปใต้ต้นสนรวมถึงชายหาดจึงยังสะอาดอยู่มาก อีกด้านหนึ่งของแนวป่าสน คือแค่ข้ามถนนที่เรียบป่าสนไปนั่นเองเป็นป่าโกงกางที่ถือเป็นพื้นที่อนุรักษ์ของวนอุทยานฯ เช่นเดียวกันมีการทำทางเดินเป็นสะพานไม้ยกพื้นอย่างเป็นระเบียบสวยงามทอดลึกเข้าไปในตัวป่าโกงกางเพื่อไว้สำหรับเดินชมทัศนียภาพของป่า ตอนนั้นยังก่อสร้างไม่เสร็จดีคือตอนปลายสพานด้านในของป่ายังสร้างไม่เชื่อมถึงกัน

    <O:p</O:pวาระการฝึกตอนนี้จะเริ่มต้องอดทน และอดทานมากขึ้น ผมขอคุยเรื่องอาหารให้อ่านก่อนครับเพราะก็คือการฝึกอย่างนึง เพราะช่วงนี้กับข้าวของเราก็จะมีแต่ไข่ต้ม อยู่หลายมื้อ ไม่ใช่แม่ครัวไม่มีฝีมือทำนะครับ แม่ครัวเราก่อนมาฝึกนี่ขายอาหารอยู่ ตรงกับอาชีพเลย แต่เป็นเพราะครูสั่ง บางมื้อกรุณาหน่อยก็ให้ผัดผักบุ้งเพิ่มอีกอย่างนึง พวกเราดีใจเห็นเป็นของแปลกกว่าทุกวันเลยถ่ายรูปเอาไว้ดังภาพที่เห็น มีวันนึงครูบอกว่าจะกลับมากินด้วย บอกแต่เช้าแล้วขับรถออกไปข้างนอก แม่ครัวเราถึงเวลาก็หุงข้าว ต้มไข่แต่เช้าเหมือนกัน ก็ปฏิบัติกันตามวาระไปเรื่อย 9 โมงก็แล้ว เที่ยงก็แล้ว ครูก็ยังไม่มา (ยืนยันอีกครั้งว่าไม่ใช่โดยเจตนาของคุณวาสนานะครับ เป็นคำสั่งที่ครูที่ผ่านมาสั่งคุณวาสนาอีกทีว่าจะต้องทำสถานการณ์ยังไง) ปรากฎว่าวันนั้นมาประมาณบ่าย 3 4 โมงเย็น ผมจำไม่ได้ชัดเพราะตอนนั้นหูอื้อตาลายจะแย่แล้วเหมือนกัน จึงได้รับอนุญาตให้ทานข้าวกันได้ โดยให้ไข่ต้มคนละ 1 ลูก ข้าวไม่อั้น น้ำปลาฟรี แล้ววันนั้นก็ได้กินแค่มื้อเดียวครับอ้อพอดีดูรูปเลยนึกขึ้นได้ครับเรายังมีกาแฟ และพวกไมโลรับทานกันด้วย แต่มีหลายโปรโมชั่นนะครับ มีทั้งกินได้ทั้งวัน กินได้เฉพาะเช้าและเย็น และสุดท้ายคือ อดกินครับ

    <O:p</O:pเรื่องการนอนของเราก็สบายครับ แรกๆ เราก็นอนบนเก้าอี้พับนี่แหละ ตามใต้ต้นสนบ้าง ริมชายทะเลบ้าง โดยห่มผ้า แล้วก็คลุมโปงด้วยมุ้งอีกที ต้องมีเทคนิคอีกนะครับ ลองนึกดูถ้าเอามุ้งคลุมหน้าคลุมหัวเฉยๆ ยุงป่าที่ตัวใหญ่ก็ยังมากัดได้เพราะมุ้งมันแนบเนื้อ แถมยังมาตอมหูเสียงดังอีกต่างหาก ต้องหาหมวกหรือผ้ามาพันศรีษะก่อนให้เวลาคลุมแล้วมุ้งมันห่างตัว เป็นการนอนที่มีสติมากเลยเพราะถ้าหลับผิดท่า ก็ต้องตื่นมากางมุ้งใหม่ พวกยุงที่นี่กัดน่ากลัวครับ ภรรยาผมที่ร่วมฝึกอยู่ด้วยโดนกัดแล้วเป็นแผลใหญ่พุพอง มีหนองรอบคอเลยครับ เป็นเดือนๆ กว่าจะหายโดยเฉพาะในช่วงหลังครูสั่งให้ย้ายฝั่ง เดินเข้าไปปฏิบัติและนอนในป่าโกงกาง โห..เรื่องยุงไม่อยากจะพูดเลยครับพี่น้อง

    <O:p</O:pผมลืมไปสนิทเลยเรื่องการถือศีล ปกติเราถือศีล 5 เป็นอย่างน้อย หลายครั้งหรือหลายวันต่อเนื่องกันที่ต้องถือศีล 8 อันนี้ขึ้นอยู่กับครูที่จะสั่งตามที่เห็นสมควรว่าถ้าถือศีล 8 แล้วผู้รับวาระจะไม่ไหวเช่น คืนนั้นปฏิบัติถึงดึกหรือยันเช้า หรือการกลับเวลา เป็นต้น อันนี้มีการอธิบายจากครูมานานแล้ว

    <O:pทีนี้มาว่าเรื่องการรับวาระเพื่อการปฏิบัติกันบ้างครับ เรายังมีการปฏิบัติ ยืน เดิน นั่ง นอน กันอยู่ด้วย ที่ขาดไม่ได้คือประมวลพลัง ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญในการฝึกรับคลื่นจากต่างดาวนอกเหนือจากการปฏิบัติธรรมที่ได้พบเห็นในโลกนี้ ก็จะมีคลื่นมาลงในแต่ละคนที่เคยรับได้แรงขึ้นกว่าเดิมตามลำดับ มีการสั่งให้เดินกำหนดสติในป่าโกงกางตอนกลางคืน(ตามทางเดินที่ผมเกริ่นให้ฟังแล้ว) นั่งหลับที่พื้นทางเดินป่าโกงกาง คือนั่งพิงรั้วทางเดินแล้วก็หลับน่ะครับไม่ให้นอนเก้าอี้ ก็ไม่ง่ายนะครับสัปหงกทีมันก็ตื่นแล้ว ตัวผมขี้โกงรึเปล่าไม่รู้เอาผ้าขาวม้าผูกตัวไว้กับเสาเลยค่อยงีบได้นานหน่อย แหมจำได้ครูเดินเข้ามาตรวจแต่เช้ามืดเลยใครหลับเลื้อยผิดเงื่อนไขสงสัยจะโดนซ่อมแต่วันนั้นรอดกันมาได้
    <O:p
    <O:pและวาระที่เป็นที่จดจำของการฝึกอยู่ที่นี่คือ การนับถอยหลัง คือให้นับถอยหลังจาก 1,200 ลงมาจนกว่าจะถึง 0 โดยมีเงื่อนไขว่าหายใจเข้า-หายใจออกนับ 1,199 หายใจเข้า-หายใจออก นับ 1,198 อย่างนี้ไปเรื่อยๆ จนกว่าจะถึง 0 ถ้าใครยังนับไม่ถึง 0 คนอื่นจะกินข้าวไม่ได้ ต้องรอจนเสร็จพร้อมกัน แล้วที่ครูสั่งให้ปฏิบัติวาระเนี๊ย กว่าจะเริ่มก็ดึกมาก ถ้าจำไม่ผิดจะแยกกันระหว่างผู้หญิงให้ไปนั่งนับลมหายใจถอยหลังที่ชายหาด ผู้ชายให้เข้าไปนั่งนับในป่าโกงกาง ถ้าใครเผลอหลับไปตอนไหนให้เริ่มต้นนับในลำดับนั้นต่อได้ แต่ถ้าจำไม่ได้ให้เริ่มนับที่ตัวเลขถ้วนๆ เช่น นับถึง 460 แล้วเผลอสัปหงกไป แล้วจำไม่ได้ ก็ต้องเริ่มนับถอยหลังจาก 500 ถอยมาใหม่ เป็นต้น ไม่มีหมูเดินมาซักตัวจากวาระของครูเลยครับ เสร็จเช้าทุกคน วันนั้นมีพี่ที่เป็นครูผู้หญิงคงจะเผลอหลับไปรึไงนี่หละ นั่งนับตากแดดอยู่ร่วม 9 10 โมงเช้าเลย ส่วนผมเองเช้าวันนั้นครูถามว่ามีเผลอหลับมั๊ย ผมบอกมี แต่หลับไปตอนนับได้ที่เท่าไรตอบไม่ได้ เลยโดนใช้ให้กวาดทางเดินเข้าป่าโกงกางทั้งหมด ผมว่ามันครึ่งค่อนกิโลได้นะครับ ยังนึกในใจว่าเขาน่าจะสร้างสั้นๆ ก็พอ

    <O:p
    <O:pที่ผมเล่ามาในตอนนี้ จะเห็นว่าเป็นเรื่องที่ไม่มีใครมาตรวจสอบใครได้นอกจากตัวผู้ปฏิบัติเองต้องมีสัจจะ และความซื่อสัตย์กับตนเอง ซึ่งต่างคนต่างก็ได้รับการบ่มมาด้วยธรรมะตั้งแต่สมัยมีการเทศนาธรรมบนเขากะลา มาเป็นระยะเวลาอันยาวนาน ซึ่งถ้าใครคิดจะไม่ซื่อสัตย์กับตัวเองก็คงไม่คิดจะออกจากงานมาฝึกกันสินะครับ อยู่บ้านสบายกว่าเยอะ และการฝึกในช่วงที่กล่าวนี้ จะเน้นการฝึกด้านปัจจัย 4 คือให้กินง่าย เสื้อผ้าเพียง 3 ชุดก็ยังพอเพียง การอยู่อาศัยก็สามารถหลับนอนได้ทุกที่ แต่แปลกครับช่วงฝึกไม่ค่อยมีใครป่วย เลยไม่เปลืองยารักษาโรค

    <O:p
    <O:pต่อคราวหน้าครับผม<O:p

    </O:p
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 31 พฤษภาคม 2009
  2. โบ๊ต

    โบ๊ต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    388
    ค่าพลัง:
    +847
    ไม่ทราบว่าคุณ No9 จะไปร่วมงานพลังจิตครั้งที่สาม ในวันอาทิตย์ที่14
    นี้หรือเปล่าครับ
     
  3. p.apichart

    p.apichart เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    401
    ค่าพลัง:
    +4,041
    ผมไม่ได้ลงทะเบียนจองไว้ครับ แต่คงจะมีงานที่จำเป็นต้องไป คือเป็นงานสัมมนาเกี่ยวกับเรื่องมนุษย์ต่างดาวและUFO ซึ่งคุณนีโม่จะเป็นผู้ดำเนินการ เห็นว่าจะพยายามเชิญผู้ที่สื่อสารกับมนุษย์ต่างดาวได้ในประเทศไทย มารวมกันให้ได้มากที่สุด เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร และทำความรู้จักระหว่างกันไว้ครับ ตอนนี้พี่สุดใจไปแน่นอน และทราบมาว่าดร.เทพนม เมืองแมน ท่านพระอาจารย์ใหญ่ ตอบรับแล้ว ประมาณ 10 หรือ 11 พ.ย.2550 (จำไม่ได้อีกแล้ว)

    ลองติดตามข่าวนะครับ คุณนีโม่กำลังจัดทำผังรายละเอียดแล้วคงมาโพสต์ในไม่กี่วันนี้ เพื่อเรียนเชิญเพื่อนสมาชิกที่สนใจไปร่วมฟังกัน

    ถ้าสนใจไป ก็อาจจะได้เห็นหน้าเห็นตากันวันนั้นนะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 10 ตุลาคม 2007
  4. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,682
    ค่าพลัง:
    +51,931
    *** พาหนะอรหันต์ ****

    *** เชิญร่วมพิสูจน์ หลักสัจจะธรรม ****

    ท่านสามารถพิสูจน์ ..."หลักสัจจะธรรม" ได้
    ด้วยการกำหนด "สัจจะ" ในการทำความดีทุกวัน
    เช่น...ไม่โกรธ ไม่โมโห มีกำหนดวันละ ๑ ชั่วโมง ติดต่อกันไป ๑ เดือน

    ผลของการกระทำ...ไม่ตาย ไม่สูญสลาย จะติดตัวท่านไป
    และ จะส่งผลตอบแทนในเวลาที่...กรรมมาถึงตัว
    เกิดเป็น ...แคล้วคลาด ปลอดภัย ปฏิหาริย์ กับตัวของท่านเอง

    ผลของ "สัจจะ" ที่ท่านทำได้
    จะคอยเตือน จะคอยสอนท่านต่อไป

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  5. HS4OFL

    HS4OFL เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,112
    ค่าพลัง:
    +1,382
    ชอบจังอยากได้รู้ต่างดาวมาดู
     
  6. p.apichart

    p.apichart เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    401
    ค่าพลัง:
    +4,041
    รู้สึกว่าผมจะฝอยเยิ่นเย้อเกินไปหน่อยเดี๋ยวจะพลอยเบื่อกันซะก่อนนะครับ เพราะออกไปฝึกกันต่อเนื่องร่วม 1 ปีเต็ม ถ้าเล่าจริงๆ จะเสียเวลา
    <O:p
    จากที่อยู่ที่วนอุทยานแห่งชาติปราณบุรี เราก็ขยับย้ายที่ไปอีกเล็กน้อย ห่างกันสัก2-3 กิโล เป็นศาลเจ้าแม่ทับทิม ตั้งอยู่บนยอดเขาลูกเล็กนิดเดียว แต่มองจากข้างล่างดูเด่นแต่ไกล พอขึ้นไปข้างบนบรรยากาศก็ดีมาก ลมเย็น วิวสวย สูงพอสมควรมองเห็นเรือวิ่งเข้า-วิ่งออกจากปากน้ำปราณฯ และป่าโกงกางที่เคยเข้าไปฝึกกันได้ชัดเจน <O:p
    <O:p
    มาอยู่ที่นี่ครูก็ให้รับวาระสวดมนต์ โดยใช้บทสวดบูชาเจ้าแม่กวนอิม สวดอยู่นานเป็นเดือนๆ และแต่ละครั้งก็สวดหลายรอบมาก<O:p
    <O:p
    มีการให้นับลมหายใจภายในระยะเวลาที่กำหนด นับได้กี่ครั้งก็จดไว้ แล้วนั่งใหม่แต่มีกติกาว่าต้องหายใจให้ช้าที่สุดเท่าที่จะทำได้ แล้วก็มาจดเหมือนกัน<O:p
    <O:p
    วาระให้ดื่มน้ำชั่วโมงละ 1 แก้ว ตั้งแต่ 6 โมงเช้าถึง 6 โมงเย็น รวมเป็น 12 แก้ว อันนี้ต้องเป็นมุขของครูที่เพื่อนๆ ไม่เคยเห็นที่ไหนปฏิบัติธรรมแล้วมานั่งดื่มน้ำกันจนพุงกางอย่างนี้แน่ๆ อันนี้จะมีเหตุผลหลายประการครับ ได้แก่ ดื่มน้ำเยอะก็ดีต่อสุขภาพ จะต้องมีสติคอยเตือนตัวเองอยู่ตลอดว่าถึงเวลาดื่มน้ำรึยัง แต่ผมคิดว่าครูคงกลัวว่าพวกเราจะเบื่อ อยากออกไปเดินเล่นที่ไหนไกลๆ เหมือนตอนที่ให้พักเบรคที่วนอุทยานฯ ก็เลยให้เฝ้าห้องน้ำกันซะเลย<O:p
    พอดีที่นั่นน้ำดื่มอุดมสมบูรณ์ครับ เป็นน้ำฝนแท้ๆ เลย กักเก็บอยู่ใต้พื้นศาลเจ้า ผมก้มไปสำรวจแล้วเห็นเขาทำเป็นห้องใต้ถุนกว้างเต็มพื้นที่เลย น้ำก็เกือบเต็ม<O:p
    <O:p
    วาระให้เดินจงกรมหลับตาโดยให้ใช้ไม้เท้าคลำทางแล้วภาวนา นะ โม พุท ธา ยะ ไปด้วย ปฏิบัติตอนกลางคืน อันนี้สนุกอย่าบอกใครเลยครับ พื้นที่บนยอดเขาของศาลเจ้าก็กว้างพอสมควร รถจอดได้ซัก 10 คัน ส่วนขอบๆ ก็มีราวเหล็กกั้นไว้ เลยจากนั้นก็จะชันเหมือนเหวลึกลงไปทั้ง 2 ข้าง ทีแรกเดินกันไม่ได้เลยครับ ถ้าอยากสนุกก็ลองทำตามดูก็ได้ สติมันจะไปอยู่กับไม้เท้าด้วย คำภาวนาด้วยเลยเดินไม่ตรงทาง ครูเห็นจึงบอกงั้นไม่ต้องภาวนา ทีนี้ค่อยยังชั่วหน่อยพอไม้เท้าโดนเหล็กราวกั้นก็หมุนตัวกลับ<O:p
    พอดีตอนนั้นผมกับพี่ที่ร่วมฝึกด้วยอีก 2 คน ชอบหาไม้ตามป่าเอามาทำไม้เท้า โยนใส่รถไว้เยอะ เลยได้เอามาใช้ประโยชน์คราวนี้

    อาหารการกินตอนนี้แต่ละคนพอจะมีน้ำมีนวลขึ้นเล็กน้อยครับ เพราะได้อาหารเสริมจากผู้ที่มาไหว้เจ้าอยู่บ้าง แต่อยู่มาวันนึงก็เกิดปัญหาสำคัญขึ้น คือเงินกองกลางหมด ไม่มีจะซื้ออาหารมาทำกินกันละ เครียดกันมาก ครูรู้แต่ก็แกล้งไม่อยู่ปล่อยให้อยู่กันบนศาลเจ้าตามลำพัง จนช่วงบ่ายๆ ก็กลับเข้ามาแล้วก็เรียกประชุม แล้วครูก็บอกว่า ยอมเสียสละเงินเพื่อรักษาอวัยวะ ยอมเสียสละอวัยวะเพื่อรักษาชีวิต ยอมเสียสละชีวิตเพื่อรักษาพระธรรม นี่หรือผู้ที่บอกว่าจะยอมเสียสละชีวิตเพื่อรักษาพระธรรมแค่เงินยังไม่ยอมเสียสละกันเลย เท่านั้นแหละครับทุกคนก็ได้สติ ทั้งเงินกินขนมส่วนตัวที่ต่างก็มีพกกันไว้ ทั้งผู้ที่บอกว่าจะไปกดATM ได้มาเป็นกองกลางอีกหลายพันเลย

    หลังจากนั้นมีการแยกกลุ่มกันฝึกโดยส่วนหนึ่งอยู่ที่เขาเจ้าแม่ทับทิมอีกกลุ่มหนึ่งไปที่วัดเขาเต่า ทีนี้ห่างกันมากทีเดียว ผมมากลุ่มวัดเขาเต่าจำได้ว่า 8 คน ไม่อดตายแล้วครับ มีผู้ชายมารวมผมเป็น 3 คน ตื่นแต่เช้ามืดหิ้วปิ่นโตสะพายย่าม ขับรถไปกับพี่ที่ฝึกด้วยอีกคนนึง รับพระ 2 รูปไปส่งในค่ายธนรัตน์เพื่อบิณฑบาต ส่วนอีกคนทิ้งไว้เป็นเด็กวัดเดินตามพระบิณฑบาตแถววัดเขาเต่า(เด็กวัดคนที่ทิ้งไว้ตอนนั้นอายุ 65 ครับ) จากวัดไปค่ายระยะทางน่าจะ 15-20 กิโลเห็นจะได้ ไปเป็นเด็กวัดถือย่ามเดินตามพระเหมือนกัน ผมตอนนั้นแต่งชุดขาวเดินตามพระหน้าตาก็ไม่เด็ก แม่ค้าบางคนก็แซว เมียทิ้งจะมาบวชหรือไงคะ ผมก็ได้แต่ยิ้มๆ
    <O:p
    วาระตอนนี้ก็มีเพิ่มเติมจากเดิมครับ ประทับใจเหมือนกัน ก็คือซัก 3 หรือ 4 ทุ่มนี่แหละ ให้ทำวัตรสวดมนต์เย็น แต่ให้หายใจเข้า-หายใจออกสวด 1 คำ อย่างนี้ไปเรื่อยๆ กว่าจะเสร็จยันเช้าเลยครับ รับพระไปบิณฑบาตต่อ ดีที่ไม่ต้องทำวัตรเช้าอีก<O:p
    <O:p
    ประมวลพลัง ตอนนี้แต่ละคนแรงมาก ตอนอยู่ที่วัดเขาเต่านี่ท่านลุงผู้อาวุโสของกลุ่มเราส่งเสียงดังมากขนาดไปนั่งอยู่เชิงเขาท้ายวัดก็ยังเกรงว่าเจ้าอาวาสจะได้ยินเดี๋ยวจะไม่เข้าใจ พอดีสนิทกับหลวงพี่อยู่รูปนึงท่านจะคอยดูต้นทางให้ <O:p
    <O:p
    ส่วนกลุ่มที่เขาเจ้าแม่ทับทิมก็ไม่แพ้กัน ส่งเสียงดังจนต้องปิดประตูขังไว้ในศาลเจ้า
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • .jpg
      .jpg
      ขนาดไฟล์:
      66.7 KB
      เปิดดู:
      131
    • .jpg
      .jpg
      ขนาดไฟล์:
      50.7 KB
      เปิดดู:
      137
    • .jpg
      .jpg
      ขนาดไฟล์:
      40.7 KB
      เปิดดู:
      120
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 31 พฤษภาคม 2009
  7. p.apichart

    p.apichart เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    401
    ค่าพลัง:
    +4,041
    เอาเรื่องแปลกๆ มาเล่าให้อ่านกันมั่งดีกว่าครับ
    <O:p
    การฝึกที่ผมเล่ามายืดยาวเนี่ย ครูผู้ฝึกทุกครั้งที่ประชุมจะพูดตรงใจดำไม่ใครก็ใครคนนึงตลอดทุกครั้ง แล้วเหมือนกับรู้ว่าลับหลังครู เด็กนักเรียนคุยอะไรกันอย่างเช่น ท่านลุง ผู้อาวุโสของเรา สมัยฝึกบนเขากะลา แกคงขัดใจผู้ฝึกอีกคนหนึ่งซึ่งจะกล่าวนำทำวัตรสวดมนต์ทุกเช้า-เย็น แต่ไม่ยอมชุมนุมเทวดาก่อนสวดมนต์ทำวัตร คุณลุงแกก็มาคุยกับผมตอนกลางคืนดึกมากแล้วที่จุดชมวิวบนเขา พอตอนเช้าครูเรียกประชุมสั่งให้ท่านลุงเป็นคนนำสวดทำวัตรเช้า-เย็นแทนตั้งแต่ตอนนั้นเลย<O:p
    <O:p
    อีกครั้งนึงดึกมากอีกน่ะแหละ ผมกำลังจะเข้านอน ก็ยืนบิดขี้เกียจแล้วแหงนดูดาวอยู่คนเดียว ตามประสาคนที่ฝึกกับมนุษย์ต่างดาวนั่นแหละครับ มาเลย มีเสียงดังมากบินโฉบลงมาเหนือศรีษะผม บินสูงกว่าองค์พระไม่เท่าไร ก็เห็นเงาดำตัดกับท้องฟ้า เป็นรูปเครื่องบินรูปทรงแบบสมัยสงครามโลกอย่างนั้นแหละครับ ก็นึกในใจว่า ฮี่โธ่เครื่องบิน แต่ก็สงสัยว่าตีหนึ่งแล้วเครื่องบินอะไรมันบินจะมาเฉี่ยวหัวผม แถมบินเตี้ยขนาดนั้น พอรุ่งเช้าเข้าประชุมครูก็พูดขึ้นมาลอยๆ แล้วก็ไม่ได้มองหน้าใครว่า “ทำไมจะทำเป็นรูปเครื่องบิน มีปัญหาอะไรรึเปล่า”<O:p
    <O:p
    และอีกครั้งนึง ผมได้รับหน้าที่ให้ถ่ายวีดีโอ ตอนนั้นยืนถ่ายอยู่คนเดียว ก็ถ่ายรูปแสงไฟที่บริเวณไร่อ้อยด้านล่างของเขากะลา มีหลายดวงรอบคัน ลักษณะคล้ายรถตักดิน ตอนนั้นประมาณตี 5 กว่าแล้ว ผมถ่ายไปจนสว่างคาตาจากกล้อง แสงไฟจากรถก็ดับเหมือนกันแต่มันหายไปตรงนั้นเอง ผมก็ซูมหารถ หาร่องรอย แต่ก็ไม่เห็นตอนนั้นสว่างแล้วถ้าเป็นรถจริงขับไปไหนจากบริเวณทุ่งโล่งๆ ก็ต้องเห็นกันมั่ง ผมก็ไม่ได้คุยกับใครเพราะเห็นเป็นเรื่องปกติของที่เขากะลาอยู่แล้ว แต่พอเช้ามีการประชุม ครูก็พูดสไตร์เดิมว่า ซูมให้ตายก็ไม่เจอ เนี่ยตอนซูมหาไม่เจอผมว่าไม่แปลก แต่มาแปลกตรงที่ครูรู้ได้ไงว่าผมซูมหาไม่เจอ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 31 พฤษภาคม 2009
  8. p.apichart

    p.apichart เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    401
    ค่าพลัง:
    +4,041
    จากนั้นเราก็มีการย้ายสถานที่ปฏิบัติไปที่อื่นกันบ้าง เช่นวัดๆนึงแถวเขตจังหวัดเพชรบุรี เป็นวัดที่รับบุคคลภายนอกเข้าไปปฏิบัติในวัดได้ด้วย ตอนเราขอเข้าพักท่านเจ้าอาวาสให้การต้อนรับเป็นอย่างดี แต่พอตอนกลับท่านไม่รับไหว้เลย คงรับวิธีการปฏิบัติของเราไม่ได้ อยู่กันดึกๆ ดื่นๆ ท่านต้องคอยส่งคนมาสังเกตุการณ์อยู่ตลอด (สงสารคนสังเกตการณ์เหมือนกันครับ ไม่ใช่นักอดนอนมืออาชีพ ง่วงตายเลย) ก็ธรรมดาที่ท่านจะคิดอย่างนั้นครับ ตามเหตุตามปัจจัยที่เห็น อย่างที่ผมได้เคยเล่าให้ฟังแล้ว
    <O:p
    ขณะที่ยังอยู่ที่เขาเจ้าแม่ทับทิม เรามีการออกไปประสานงานกับกลุ่มอื่นที่ทำเกี่ยวกับเรื่องภัยพิบัติไปด้วยพร้อมกัน เช่น กลุ่มอุทยานศาสนาพระโพธิสัตว์กวนอิม ที่เพชรบุรี กลุ่มนี้เขาก็โดนสื่อมวลชลโจมตีอยู่พักใหญ่เหมือนกันเรื่องที่มีรูปเจ้าแม่กวนอิมยืนอยู่บนจานบินของมนุษย์ต่างดาวอะไรนี่แหละ แต่จริงๆ มันเป็นปริศนาธรรมซึ่งตีความได้ง่ายๆ เลยครับว่า องค์พระแม่กวนอิม กับมนุษย์ต่างดาว จะมาร่วมกันช่วยเหลือมนุษย์โลกในยามที่เกิดภัยพิบัตินั่นเอง ทีแรกพอเราแนะนำตัวอธิบายให้เขาฟัง ทีนี้ก็กลายเป็นพวกเดียวกันซิครับ เขาพาชมหมดเลย ทั้งการสร้างสถานที่ ยุ้งฉางสำหรับกักตุนข้าวในยามที่เกิดภัยพิบัติ ดูแล้วก็เอาจริงเหมือนกัน และยังกรุณาให้เราใช้สถานที่นั่งสมาธิอีกด้วย
    <O:p
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 10 ตุลาคม 2007
  9. p.apichart

    p.apichart เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    401
    ค่าพลัง:
    +4,041
    วันนี้ Server ขยันจัง จะเข้าทีไร เห็นบอกว่ากำลังทำงานหนักอยู่ทั้งวันเลย!
    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 10 ตุลาคม 2007
  10. p.apichart

    p.apichart เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    401
    ค่าพลัง:
    +4,041
    เรื่องฝึกต่อครับ (ไม่น่าเกินอีก 2 ตอนก็จะเล่าจบแล้วครับ)
    <O:p
    จากเขาเจ้าแม่ทับทิมกลับมาฝึกกันอยู่ที่บ้านพี่สุดใจ ที่ ต.สันคู จ.นครสวรรค์ ตอนนั้นมีการปฏิบัติอีกหลายรูปแบบ รวมทั้งการกลับเวลา 12ชั่งโมง คือ 6 โมงเย็นให้เป็น 6 โมงเช้า สลับกันเหมือนตอนที่เคยฝึกบนเขากะลา แต่ทีนี้ ที่นี่มันเป็นแหล่งชุมชนนี่ครับชาวบ้านแถวนี้ก็คงจะลงความเห็นว่าไอ้พวกนี้บ้าอีกเหมือนกัน ยิ่งถ้าเป็นคนแปลกหน้าผ่านมาแถวนั้นกลางคืนนี่ เขาก็กลัวกันครับ แต่งชุดขาวเดินจงกลมกันรอบบ้านทั้งคืนเลย แต่พอสายหน่อยก็ปิดบ้านกันเงียบ ก็คงนึกว่าเป็นปอบกันอีกซะละมั้งครับ<O:p
    <O:p
    ถึงแม้ในช่วงที่ไม่กลับเวลาก็มีการเรียกประชุมเพื่อเรียนทฤษฎีกันต่อ ตี 2 บ้าง ตี 3 บ้าง ไม่เป็นเวลาที่แน่นอน เพื่อให้ต้องพร้อมอยู่ตลอดเวลามีการเน้นย้ำว่าในช่วงที่เกิดภัยพิบัติมันไม่ใช่จะมีได้แต่เฉพาะเวลากลางวัน และครูยังพูดให้คิดกันว่า แค่การไม่มีไฟฟ้าใช้ก็จะต้องเดือดร้อนกันขนาดไหนแล้ว มีการหยิบยกตัวอย่างสิ่งของรอบตัวที่อยู่ในบ้าน รวมถึงน้ำกินน้ำใช้ก็เกี่ยวข้องด้วย<O:p
    <O:p
    รูปแบบการฝึกที่เพิ่มขึ้นมาอีกได้แก่ การให้คิดในใจนึกภาพให้เป็นรูป วงกลม สามเหลี่ยม และสี่เหลี่ยม โดยวาดรูปไว้ที่กระดาษแข็งแผ่นใหญ่ๆ แล้วติดไว้ที่ฝาผนังให้ดูกรณีที่นึกเป็นรูปไม่ออก(เป็นวงกลมธรรมดา สามเหลี่ยมด้านเท่า และสี่เหลี่ยมจตุรัส) คือพอนึกเป็นรูปวงกลมได้ชัดแล้ว ก็ให้นึกรูปสามเหลี่ยมต่อ เรียงกันไป ให้ทำต่อเนื่องเป็นหลายๆ ชั่วโมงต่อวัน ตอนนี้ฝึกสติกับสมาธิครับ ไม่ได้ฝึกกสิน<O:p
    <O:p
    ปฏิบัติโดยกำหนดรู้ก่อนที่จะเปลี่ยนอริยบทใดๆ เช่น อยากลุกไปเข้าห้องน้ำ ก็จะลุกไปเลยไม่ได้ ต้องกำหนดสติแล้วบอกกับตัวเองก่อนว่าจะทำอะไรแล้วค่อยไป <O:p
    ตรงนี้มีคำอธิบายที่ผมยังจำได้ คือนักปฏิบัติส่วนใหญ่ปฏิบัติสติได้ดี และต่อเนื่อง แต่มักจะหลุดตรงที่พอคิดจะเปลี่ยนอริยบทไปทำอะไร ก็ลืมตัวเดินไปเลย หรือเดินจงกรมอยู่รู้สึกเมื่อยนั่งสมาธิดีกว่า พอนึกปุ๊บก็นั่งปั๊บเลยอย่างนี้ เป็นต้น<O:p
    <O:p
    เดินจงกรม อันนี้ไม่แปลกเท่าไร แต่ให้เดินอยู่เฉพาะในช่องกระเบื้องปูพื้นห้องเท่านั้น ช่องใครช่องมัน<O:p
    <O:p
    ฝึกถ่ายทอดข้อมูล อันนี้การฝึกจะให้ผู้รับการฝึกใส่หูฟัง ฟังเทปธรรมะ(เรื่องอะไรก็ได้ แต่วันนั้นจำได้ว่าเป็นเรื่องพระอานนท์พุทธอนุชา) พอฟังปุ๊บก็พูดออกมาเลยตามที่ตัวเองได้ยิน ต้องให้เสียงดังฟังชัด แถมยืนขาเดียวทั้งผู้พูดและผู้ฟัง ถ้าเมื่อยก็สลับขาได้ ห้ามพิงเสา จากในรูปคุณวาสนา ก็ต้องยืนขาเดียวฟังผู้รับการฝึกถ่ายทอดข้อความในเทปให้ฟังด้วยเหมือนกัน ซึ่งการฝึกอันนี้ผู้ที่พูดตามเทปจะต้องใช้สติและสมาธิอย่างมากเลยทีเดียว<O:p
    <O:p
    ฝึกไม่ฟังเสียงเทป คือจะเปิดเทปให้เสียงดังๆ แล้วนั่งหันหลังให้เทป แล้วต้องทำสติและมีสมาธิอยู่กับอย่างอื่นจะต้องฟังเทปไม่ให้รู้เรื่อง อ่านแล้วไม่งงนะครับ คือไม่สนใจฟังนั่นเอง อันนี้นำไปใช้เป็นพื้นฐานในชั่วโมงประมวลพลังซึ่งเป็นไม้เด็ดที่มนุษย์ต่างดาวใช้ในการฝึกที่เข้มข้นที่สุด โดยผมจะขอเล่าในคราวต่อไป<O:p
    <O:p
    เอาเรื่องธรรมะที่ครูสอนมาสอดแทรกบ้างดีกว่า เดี๋ยวผู้ที่ติดตามอ่านจะเซ็งซะก่อนนะครับ ตอนนั้นครูสอนเรื่องอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา (คงไม่ต้องแปลละครับ) ได้มีการหยิบยกเก้าอี้โซฟาของที่นั่นมาเป็นตัวอย่าง โดยบอกว่าการที่จะเห็นเก้าอี้ตัวนี้มันเป็นอนิจจัง คือมันไม่เที่ยงเนี่ยมันดูยาก มันต้องมีการผุพังไปในวันข้างหน้าอย่างแน่นอน แต่เราก็จะคอยมองเห็นมันคงสภาพอยู่อย่างนี้ทุกวันๆ ให้เราคิดซะใหม่ว่าเก้าอี้ตัวนี้ไม่ใช่ของเราสิ เป็นของคนอื่นที่เขาเอามาให้ใช้ชั่วคราว ถ้าเข้าใจอย่างนี้เราก็จะไม่ยึดมั่นถือมั่นในเก้าอี้ตัวนี้ เพราะมันไม่ใช่ของเรา พอถึงเวลาเจ้าของเขาก็มาเอาคืนไป เหมือนขันธ์ 5 ร่างกายเรานี่ธาตุทั้ง 4 มันเป็นของธรรมชาติ ถึงเวลามันก็กลับคืนไปเหมือนกัน (ครูสอนแต่ละครั้งนานหลายชั่วโมง แต่ผมขอสรุปสั้นๆ มาเล่าสู่กันฟังครับ) ครูจะพูดบ่อยๆ ว่า “ตัวเราไม่ใช่ของเรา”<O:p
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • .jpg
      .jpg
      ขนาดไฟล์:
      40.6 KB
      เปิดดู:
      111
    • ซ้ำ.JPG
      ซ้ำ.JPG
      ขนาดไฟล์:
      42.3 KB
      เปิดดู:
      122
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 31 พฤษภาคม 2009
  11. โบ๊ต

    โบ๊ต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    388
    ค่าพลัง:
    +847
    มาเล่าต่อนะครับน่าสนใจมากเลยทีเดียว

    ดูจาการฝึกนี่ยิ่งฝึกยิ่งได้รับพลังแรงขึ้นๆ

    สงสัยเวลาปฎิบัติงานจริงๆคงได้ทำหน้าที่เป็นร่างทรงของ
    คุณครูมนุษย์ต่างดาวแน่ๆเลย อิอิอิ
     
  12. p.apichart

    p.apichart เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    401
    ค่าพลัง:
    +4,041
    (b-hmm)
    ไม่ใช่ร่างทรงองค์เจ้าอะไรหรอกครับ ก็ฝึกธรรมะเพื่อปล่อยวางนี่แหละ แล้วก็มีสติเป็นตัวของตัวเราเอง แต่อย่างที่พี่สุดใจพยายามบอกเรื่องเครื่องมือมนุษย์ต่างดาวไงครับ เป็นวิทยาศาสตร์ล้วนๆ เลย แต่ถ้าผู้ถูกติดตั้งไม่มีธรรมะ ไม่มีการปล่อยวางพอสมควรแล้ว เขาก็จะอ้างตัวเป็นผู้วิเศษ มีทิฐิมานะ ฯลฯ แล้วก็ไม่นำไปใช้เพื่อประโยชน์ส่วนรวมอย่างแท้จริงในช่วงที่เกิดภัยพิบัติตามวัตถุประสงค์ของท่านที่เขามีใจประเสริฐเอาเครื่องมือมาให้เรา หุหุ(หัวเราะมั่ง)
     
  13. ZZ

    ZZ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2005
    โพสต์:
    5,374
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +34,649
    งานสัมมนา
     
  14. ZZ

    ZZ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2005
    โพสต์:
    5,374
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +34,649
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 ตุลาคม 2007
  15. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ขอจองที่นั่ง 3 ที่ครับ
    เดี๋ยวเต็มก่อน

    ......
     
  16. p.apichart

    p.apichart เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    401
    ค่าพลัง:
    +4,041
    การสำรองที่นั่ง

    "รวมพลคนพลังจิตติดต่อ UFO"

    เรียนเพื่อนๆ สมาชิกครับ

    วันนี้ผมได้โทรถามคุณNeemo เกี่ยวกับเรื่องการสำรองที่นั่ง

    สามารถสำรองที่นั่งได้ช่องทางเดียวครับที่เบอร์ 02-399-3059-62 กด 0

    ในระหว่างเวลา 08.00 - 17.00 น. จันทร์ - เสาร์


    ตัวผมโทรจองเรียบร้อยแล้วครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 11 ตุลาคม 2007
  17. ๋Zeus@

    ๋Zeus@ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    200
    ค่าพลัง:
    +1,960
    แล้วพบกันครับ...
     
  18. p.apichart

    p.apichart เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    401
    ค่าพลัง:
    +4,041
    การประมวลพลัง ขณะที่ฝึกอยู่ที่บ้านพี่สุดใจ ตอนนั้นค่อยๆ เพิ่มความเข้มข้นของการรับคลื่น(WAVE) ขึ้นตามลำดับ แต่ผมจะขอเรียกว่า เวฟ ซึ่งเป็นคำติดปากที่เราใช้พูดกัน ขณะนั้นเหลือผู้ฝึกอยู่ทั้งหมดเพียง 12 คน(รวมทั้งคุณวาสนาด้วยแล้ว) และต้องสมาทานศีล 5 เป็นส่วนใหญ่เท่านั้น เมื่อถึงชั่งโมงประมวลพลังปุ๊บ การนั่งสมาธิของผู้ที่เคยรับเวฟได้ก็จะไม่นิ่งสงบเหมือนอย่างการนั่งในเวลาอื่นๆ จะมีเวฟเข้ามาและออกอาการ หรือส่งเสียงต่างกันไปในแต่ละคนที่รับเวฟได้ ในตอนนั้นผู้ที่เข้าฝึก 6 คนรับเวฟได้
    <O:p
    เวฟนี้จะควบคุมขันธ์ 5 ของผู้รับการฝึกได้ครบทั้งหมด เช่นการพูดการเดินหรือทำอะไรได้หมด ซึ่งครูจะย้ำแล้วย้ำอีกว่าไม่น่าเชื่อถือ อย่าไปฟัง อย่าไปสนใจ และไม่ต้องให้ความสำคัญทั้งสิ้น ให้เหมือนกับตอนที่ฝึกฟังเทปไม่ให้รู้เรื่องนั่นเอง เวฟพวกนี้จะมาคอยล่อหลอกอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นเมื่อครูย้ำแล้วพวกเราก็จะตั้งหลักกัน จะไม่สนใจใครที่มีเวฟทั้งสิ้น แล้วก็ให้อยู่ในลู่ใครลู่มัน(หมายถึงลู่วิ่งที่ต่างคนต้องวิ่งไปตามลู่ของตัวเอง) และอย่ายื่นห่วง(หมายถึงคอยเป็นห่วงคนอื่น)ซึ่งผมขอเล่าให้ฟังเฉพาะบางฉากบางตอนเท่านั้นนะครับ แต่ว่าเรื่องจริงจะยิ่งกว่านิยายซะอีก<O:p
    <O:p
    เริ่มจากภรรยาผมที่ไปฝึกด้วยก่อน แรกๆ เขาจะมีเวฟตลกขี้เล่นเข้ามาครับ ในชั่วโมงประมวลพลังก็จะไปแซวคนโน้นแหย่คนนี้ แต่พอหมดเวลาแล้วเวฟไม่ออก ถ้าเห็นโทรทัศน์โดยเฉพาะยิ่งถ้าเป็นโฆษณาหรือการ์ตูนแล้ว จะวิ่งไปนั่งหน้าจอเอามือชี้ไป แล้วก็ทั้งขำทั้งหัวเราะเสียงดังชอบใจไป ตกกลางคืนได้ยินเสียงใครกรนก็จะคอยแซว คอยหัวเราะอยู่ตลอดเวลา เป็นอยู่วันสองวัน หลังจากนั้นจะเปลี่ยนเป็นเวฟที่จะมาพูดมาสอนธรรมะในระหว่างชั่วโมงประมวลพลังอีก แล้วเสียงจะดังมาก (ตั้งแต่วันนั้นมา ผมก็ไม่เคยเถียงอะไรเขาอีกเลย)กติกาตอนฝึกคือไม่ต้องสนใจเวฟนะครับแต่แรกๆ ก็อดขำกันไม่ได้<O:p
    <O:p
    พอถึงชั่งโมงประมวลพลังนี่ครูมักจะไม่อยู่ด้วย โดยจะหลบไปข้างนอก ทีนี้รายต่อมาคือพี่สมจิตร มาฟอร์มดีกว่าเพื่อน พอเริ่มนั่งประมวลพลังได้ซักนิดเดียวก็เริ่มก้มหน้าส่ายหน้าส่ายศรีษะไม่หยุด(ทำเหมือนเข้าทรง) แล้วบอกว่าครูพวกมึงน่ะหนีไปแล้วไม่สอนแล้ว ให้กูนี่แหละมาสอนพวกมึงแทน กูคือแม่ทัพของมนุษย์ต่างดาว ฯลฯ แล้วก็ด่าว่ามาปฏิบัติธรรมกันแต่ผมเผ้าทั้งผู้หญิงผู้ชายไว้กันยาวเชียว (แล้วก็ด่าๆๆๆๆ) ทีนี้พอหมดชั่วโมงประมวลพลัง พวกเรารวมถึงตัวพี่สมจิตรเองก็พากันไปตัดผมน่ะสิครับ ทั้งผู้หญิงผู้ชายสั้นกันหมด พอตกเย็นครูกลับมาก็ขำกลิ้งอีก แล้วก็เรียกประชุม บอกว่า ก็บอกแล้วไงว่าไม่ให้สนใจเวฟ ในขณะเดียวกันตอนนั้นพี่สมจิตรก็มีเวฟเข้ามาอีก แล้วก็หัวเราะพูดเยาะเย้ยทำนองว่าหลอกสำเร็จ จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นพูดภาษาอังกฤษ พูดแบบไม่หยุดเลยเป็นวันๆ และหลายวันด้วย (ปกติพี่สมจิตรพูดภาษาอังกฤษไม่เป็นนะครับ) ครูได้อธิบายเพิ่มเติมว่า คนเรามักจะมีอุปาทานไปยึดกับเสียงที่ได้ยินแล้วมันแปลความหมายออกมารู้เรื่อง เช่นคนไทยสื่อสารกันเป็นภาษาไทย ถ้ามีใครมาชมหรือมาด่าว่าเป็นภาษาไทย เราก็จะปรุงสุข-ปรุงทุกข์ไปตามความหมายนั้น แต่ถ้าพูดเป็นภาษาอังกฤษซะ คนที่ฟังแล้วแปลไม่ออก ก็จะเป็นการสักแต่ว่าได้ยินเฉยๆ”<O:p
    <O:p
    วันต่อมาพอถึงชั่วโมงประมวลพลังอีก ทีนี้ก็ไม่มีใครสนใจใครแล้วครับ นั่งกำหนดสติ หาที่ให้สติไปเกาะด้วยการนั่งนึกภาพ วงกลม สามเหลี่ยม สี่เหลี่ยม บ้าง อาณาปาณสติบ้างอยู่ตลอด ส่วนพี่สมจิตรก็ยังพูดเป็นภาษาอังกฤษไม่หยุดอยู่ต่อไป<O:p
    <O:p
    ตอนนั้นมีการออกไปฝึกกันตามสวนสาธารณะที่นครสวรรค์บ้าง ไปตลาดบ้าง ครูก็เลยให้แจกเงินให้แต่ละคนไว้ซื้ออาหารรับประทานเองได้เฉพาะบางมื้อตอนที่ออกไปตลาดกันเท่านั้น แต่ให้ไปแลกเป็นเหรียญบาทมา แล้วแจกแต่ละคนไว้พกกัน 40 50 หรือเท่าไรผมจำไม่ได้แล้ว พอทานก๋วยเตี๋ยวเสร็จจะจ่ายเงินน่ะสิครับ แม่ค้าเขาก็คิดรวมทั้งโต๊ะ ไอ้เราก็ควักของใครของมันรวมเป็นเหรียญกองเบ้อเร่อเลย อายเค้าจัง ไม่รู้ครูคิดได้ไง
     
  19. p.apichart

    p.apichart เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    401
    ค่าพลัง:
    +4,041
    ฝึก ตอนจบ

    หลังจากนั้นช่วงเวลาประมาณปลายปี 2542 เราได้ย้ายไปฝึกปฏิบัติกันต่อ ที่อำเภอบางกะเจ็ด จังหวัดสิงห์บุรี เป็นบ้านชั้นเดียวที่สร้างขึ้นมาเพื่อจะขายหรือให้เช่าก็ไม่ทราบครับ ปลูกอยู่ 2 หลัง ห่างกันมากพอสมควร ตั้งอยู่กลางทุ่งนา หลังนึงมีคนซื้อไปแล้วแต่ไม่ค่อยอยู่ แต่อีกหลังนึงว่างเราเลยเช่าอยู่เพื่อฝึกกัน สถานที่แห่งนี้เป็นที่สุดท้ายสำหรับการฝึกครับ เราฝึกต่อเนื่องกันมาแล้วค่อนปีจากกำหนดฝึกทั้งหมดประมาณ 1 ปีเต็มนับแต่ที่ครูมาเริ่มสอนแต่ตอนนั้นครูไม่เคยบอกเลยว่าจะต้องฝึกกันไปอีกถึงเมื่อไร ตอนเริ่มย้ายเข้ามา เราเหลือกันอยู่ 11 คนครับและหลังจากนั้นเพียง 2 - 3 สัปดาห์ เราก็เหลือ 9 คน<O:p
    <O:p
    การฝึกในสภาวะที่ถูกกดจิต<O:p
    <O:p
    การฝึกเมื่อมาถึง ณ ช่วงเวลานี้ เป็นการฝึกที่เข้มข้นด้วยความทุกข์เป็นอย่างยิ่ง ครูจะมีการบอกก่อนว่า เมื่อไม่มีทุกข์ครูก็จะหาทุกข์มาให้ เพราะอริยสัจ 4 พูดแต่เรื่องทุกข์ทั้งนั้น(ทุกข์, เหตุแห่งทุกข์, ความดับทุกข์, หนทางสู่ความดับทุกข์) พวกเราต้องข้ามไปให้ได้ ซึ่งในตอนนี้ผมจะขอเล่าให้ฟังเพียงบางส่วนเท่านั้น<O:p
    <O:p
    วาระที่ปฏิบัติกันตอนนี้ส่วนใหญ่จะประมวลพลัง ที่รองลงมาและถือเป็นการฆ่าเวลาก็คือเดินฟังเทป ซึ่งก็เป็นเทปม้วนเดิมที่ฟังกันมาจนเป็นร้อยรอบนั่นแหละครับ ช่วงเวลาที่เหลือนอกจากนั้นจะแยกย้ายกันไปตามสุมทุมพุ่มไม้ที่พอจะให้ร่มเงาได้อยู่บ้างนั่งสมาธิซึ่งจะไม่สงบหรอกนะครับ เพราะตลอดเวลา(หมายถึงทั้งกลางวันและกลางคืน) จะมีคลื่นความคิดเข้ามาให้ต้องวิตกกังวล เหมือนคนฟุ้งซ่าน และเครียดอยู่ตลอดเวลา มีธรรมารมณ์ในข่ายทุกข์ส่งเข้ามาอย่างรุนแรงในทุกๆคนเช่น ถ้ากลัวจะกลัวจนตัวสั่นใจเต้นแรง เป็นต้น ทุกคนที่อยู่ฝึกถึงตอนนี้ต้องอดทนต่อสภาวะกดจิตเป็นอย่างยิ่ง ครูให้เขียน "ยาระงับสรรพทุกข์" ของท่านพุทธทาส (หมายถึงวิธีปล่อยวาง) ใส่กระดาษติดไว้ที่ฝาผนัง เพื่อใช้เยียวยาในเวลาที่เกิดทุกข์ในขณะนั้น ได้แก่คำว่า ไม่รู้ไม่ชี้, ช่างหัวมัน, อย่างนั้นเอง,ไม่มีตัวกูของกู, ไม่น่าเอาไม่น่าเป็น, ตายก่อนตาย และเมื่อปฏิบัติไป สุดท้ายก็จะ "ดับไม่เหลือ" นั่นเอง<O:p
    <O:p
    วาระที่เติมทุกข์เพิ่มขึ้นให้อีกก็ได้แก่ 7 วัน ให้อาบน้ำได้ 3 ครั้ง (เอาไปบริหารจัดการกับตนเองว่าจะอาบในวันไหนบ้าง)<O:p
    <O:p

    มีวาระไม่ให้ใส่เสื้อกันหนาวตอนที่อากาศหนาวจัด อันนี้เป็นบางวันนะครับฝึกในช่วงเช้า เวลาเช้าๆ อากาศที่นั่นยังเย็นจัดอยู่มากเพราะเป็นทุ่งนาโล่ง ช่วงมกราคม กุมภาพันธ์ นั่งประมวลพลังกันสั่นจนปากเขียวเลย<O:p
    <O:p
    วาระให้อาบน้ำทุกวันเช้า-เย็น แต่เป็นช่วงที่อากาศหนาวจัด คือมกราคม กุมภาพันธ์ (ทีตอนอากาศร้อนเหงื่อออกทั้งวันกลับไม่ได้อาบซะงั้น)<O:p
    <O:p
    มีการหมุนเวียนกันเป็นแม่ครัว ซึ่งผมก็ได้รับตำแหน่งนี้คนเดียวอยู่พักใหญ่ด้วยเหมือนกัน มีข้อแม้ว่าห้ามปรุงแต่งมาก มีหลายครั้งที่ถูกสั่งให้เททิ้งเพราะอาหารที่ทำปรุงแต่งมากไป เช่น มีผู้ที่รับตำแหน่งแม่ครัวตอนนั้นกำลังทำก๋วยเตี๋ยว ครูเลยสั่งให้ผมเป็นผู้เอาไปเททิ้ง แล้วให้ต้มไข่กินแทน(อยู่ในช่วงที่ครูสร้างสถานะการณ์ที่ต้องกดจิต ครูจะดุมากๆ)<O:p
    <O:p
    การฝึกในช่วงนี้ ได้มีUFOมาร่วมเป็นเครื่องมือฝึกของครูด้วย โดยที่ครูได้สั่งไว้ว่าจะเล่นทีเผลอให้มีสติอยู่ตลอดเวลา พอช่วงกลางคืนก็มีUFOบินโฉบลงมาที่ทุ่งนาทำท่าว่ากำลังจะลงจอด ก็ด้วยความเคยชิน สติแตกวิ่งกรูกันไปดูแต่UFOก็ไม่จอดจริงลอยหนีขึ้นไป ครูเรียกประชุมทันทีเลย โดนกันซะทั่วหน้า<O:p
    <O:p
    ตอนนั้นช่วงกลางคืนได้มีวาระให้ผมถ่ายวีดีโอที่เป็นวัตถุบินโดยเฉพาะเลยครับ ซึ่งช่วงนั้นมาปรากฎเพื่อเป็นกำลังใจในการต่อสู้กับความทุกข์ของตัวเองให้เห็นกันเยอะมาก การถ่ายผมก็กลัวภาพมันจะสั่นเวลาซูม ก็เลยแก้ไขโดยใส่ขาตั้งกล้องติดไว้กับตัวกล้องแล้วแบกถ่ายครับ ซูมได้นิ่งดีทีเดียว(ไม่สงวนลิขสิทธิ์นะครับ) มีหลายครั้งที่ถ่ายได้ภาพสวยๆ เช่น ถ่ายกลางคืนขณะที่เดือนหงายแล้วกำลังจะบินผ่านหลังคาบ้าน แต่พอดีคุยเรื่องจะได้ภาพสวยกับพี่สุดใจดังไปหน่อย เขาถอยหลังกลับไปลอยอยู่ที่เดิมเฉยเลย แต่เสียดายว่าครูสั่งให้ลบทิ้ง<O:p
    <O:p
    การประมวลพลัง หรือการฝึกเพื่อรับเวฟไม่ได้เป็นการฝึกเพื่อที่จะติดต่อไปยังมนุษย์ต่างดาวอย่างที่หลายท่านเข้าใจกันเลยนะครับ มนุษย์ต่างดาวเขาส่งเวฟเข้ามาในตัวผู้รับการฝึกเองซึ่งได้พิจารณาแล้วว่าเหมาะสมเพื่อเอาไว้ไปกระทบผู้ร่วมฝึกคนอื่นให้ปล่อยวางเท่านั้น แล้วครูก็ย้ำแล้วย้ำอีกว่าอย่าไปเชื่อเวฟ แล้วเวฟที่ส่งมาตอนนั้นก็เป็นเวฟเพื่อการฝึกเท่านั้น เอามาทำงานจริงตอนภัยพิบัติไม่ได้ การฝึกด้วยเวฟที่บางกะเจ็ดนี้ผมจะเล่าให้ฟังบางส่วนเพื่อเป็นตัวอย่างนะครับ คือครั้งนึงครูให้เปิดฟังเทป(ก็ม้วนเดิมน่ะแหละครับ)ในชั่วโมงประมวลพลังโดยมีกติกาว่า ไม่ว่ายังไงก็แล้วแต่ อย่าปิดเทป ถ้าเวฟมาปิดเทปเดี๋ยวครูจะมาเปิดเอง พอเริ่มปุ๊บพี่สมจิตรก็มีเวฟลง(ตอนนี้พูดไทยปกติแล้วครับ) แล้วก็คอยข่มขู่เคี่ยวเข็ญล่อหลอกต่างๆนานา ให้ผู้ฝึกคนอื่นไปปิดเทปให้ได้บางคนก็ยอมปิด บางคนก็ไม่ยอมไปปิด เวฟคุณสมจิตรก็จะปิดเสียเอง และเมื่อปิดทุกครั้งครูก็จะออกมาเปิดทุกครั้งเรื่อยไป พอหมดชั่วโมงฝึกครูก็เรียกประชุมแล้วถามทีละคนว่าใครปิดใครไม่ปิดและถามเหตุผลประกอบด้วย สุดท้ายครูก็เฉลยว่า กติกาที่บอกว่าไม่ให้ปิดเทป ก็เหมือนกับพระธรรมวินัย บัณฑิตต่อให้ทุกข์เจียนตายก็ไม่ทิ้งพระธรรมวินัย ดังนั้นผู้ที่ทนได้ไม่ยอมลุกไปปิดเทปจึงได้รับการอนุโมทนา<O:p
    <O:p
    ผมและภรรยาอยู่ไม่ถึงตอนที่ฝึกจบหรอกนะครับ ภรรยาผมกลับไปก่อน อีก 1 เดือนต่อมาผมถึงกลับตามไปด้วยเหตุผลทางครอบครัว และที่ผมได้เล่ามาทั้งหมดนี้ไม่ได้หวังยกตน หรือหมู่กลุ่มแต่ประการใดเลยนะครับ เพียงแต่ อยากคุยให้ฟังครับ<O:p<!-- / message --><!-- attachments -->
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 31 พฤษภาคม 2009
  20. โบ๊ต

    โบ๊ต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    388
    ค่าพลัง:
    +847
    เปิดระบบนี่เหมือนกับเปิดจักกระหรือเปล่าวครับ
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...