วิธีแก้ "วิชาและอาถรรพ์" โดย หลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง

เมื่อกี้ ท่านท้าวเวสสุวรรณ ให้มาบอกว่า
"ถ้าลูกหลานคนใดไปที่วัด ให้เอาขนมปังไปคนละปอนด์
แล้วไปวางไว้ที่หน้าโบสถ์ เป็นการแก้ "วิชาและอาถรรพ์"

ถามท่านว่า "ทำที่อื่นไม่ได้หรือ"

ท่านก็บอกว่า
"เขาทำที่วัด แก้ที่อื่นมันก็ไม่ได้ ไอ้วิชาและอาถรรพ์นี่เขาทำให้ซวย
ให้ทุกคนหากินยาก มีความเป็นอยู่ยาก มีการป่วยไข้ไม่สบาย"





ตัวต้นจริงๆ ก็คือฉัน เขาต้องการให้ตาย
นี่บังเอิญไม่ตาย ถ้าตายจะมีความสุขมาก

ก็รวมความว่า เขาทำมามาก เขาทำมาจริงๆ ตั้งแต่ปี ๑๗ แล้วก็ทำเพิ่มเติมทุกปี
ทุกครั้งที่มีงาน มีงานวัด พวกนักไสยศาสตร์เขาไปทุกเที่ยว
ฉันรู้หมด ทำที่ไหนก็ทราบ แต่ว่าที่ไม่พูดเพราะอะไร
เพราะเกรงว่าพวกเราบางคนจะเข้าตะรางไป
เอาแน่ เพียงได้ยินข่าวยังเอาเลย ไม่งั้นก็ขยี้ตายไปเลย
ก็เห็นว่าอันตรายมันมีไม่มาก

และต่อมาเมื่อวานซืนนี้ มีเทวดามาองค์หนึ่ง เป็นเทวดาของท้าวเวสสุวรรณ
ฉันก็นอนภาวนารอเวลารับแขก ก่อนจะรับแขกไม่รู้จะทำอะไรก็นอนภาวนาไปเรื่อยๆ

เสียงท่านพูดดังๆ ว่า
"นี่ เอาขนมปังไปวางหน้าโบสถ์สักปอนด์ไม่ได้รึ"

ก็นึกว่าเสียงใครวะ เราอยู่คนเดียวนี่ แล้วท่านก็พูดอีก
"นี่ เอาขนมปังไปวางหน้าโบสถ์ ๑ ปอนด์ไม่ได้รึ"

พอเหลียวไปดูก็เจอเทวดาลูกศิษย์ท้าวเวสสุวรรณ
"ผมอยู่ป้องกันอันตรายที่วัดนี้ประมาณ ๑๐๐๐ องค์เศษ"

ท่านก็บอกว่า
"วิชาก็ดี อาถรรพ์ก็ดี เขาทำมามากแล้ว เขาต้องการ
อย่างน้อยที่สุด ให้ท่านขยับตัวไม่ได้ คล้ายคนเป็นอัมพาต
แล้วประการที่ ๒ เขาต้องการให้ตาย"

แล้วท่านก็ให้ดูทุกจุดว่า วิชาก็ดี อาถรรพ์ก็ดี เขาทำอะไรบ้าง
ก็เลยบอกว่า
"ทั้งหมดนี้ ทราบทุกครั้งที่เขาทำ"

ท่านก็เลยบอกว่า
"ผมเองก็ทราบว่าท่านไม่เป็นไร มันเข้าไม่ได้
และลูกศิษย์ของท่าน คนที่เคารพยันต์เกราะเพชรจริงๆ มันเข้าไม่ได้เช่นกัน"

ท่านอธิบายต่อไปว่า
"สมมติเป็นกองไฟกองใหญ่ ถ้าเขาเอาท่านไปเผาได้ท่านก็ไหม้
แต่เผอิญพวกท่านไม่ได้เข้ากองไฟ พวกผมกันไว้
แล้วเปลวไฟที่แลบออกมาก็ไม่ถึงตัวท่าน

แต่อย่าลืมว่าสถานที่เดียวกัน ไอร้อนมันมี ละอองคือไอร้อนทีละน้อยๆ
มันก็สะสมในตัว อย่างนี้ก็ทำให้การคล่องตัวไม่มี
อาการที่ป่วยไข้ของท่าน ก็ด้วยเหตุนี้เช่นกัน นี่ละอองนะ ไม่ใช่เนื้อแท้
ทีนี้ลูกหลานทุกคน ที่มีความเป็นอยู่ไม่ปกติ ก็เป็นด้วยเหตุนี้เหมือนกัน เป็นละออง"

เมื่อกี้ท่านท้าวเวสสุวรรณ บอกตอนบวงสรวง บอกว่า
"ให้บอกลูกหลานทุกคน ถ้าไปวัด เอาขนมปัง ๑ ปอนด์วางที่หน้าโบสถ์"

ตอนที่เทวดามาบอกท่านย้ำว่า "หน้าโบสถ์นะ ไม่ใช่ข้างโบสถ์"
ก็เลยบอกว่า "ที่หน้าโบสถ์ วางบนพื้นสูงด้านหน้าได้ไหม"

ท่านบอกว่า "นั่นมันบนโบสถ์"
ดุด้วยนะ เขาว่าเทวดาไม่ดุ ไม่จริง
แต่เสียงเทวดาชั้นจาตุมหาราช เสียงท่านห้าวหาญ ไม่ใช่ดุนะ

เลยถามว่า "ตรงไหนล่ะ"
ท่านตอบว่า "ตรงไหนก็ได้ ที่ไม่ใช่ข้างโบสถ์"

ก็ถามว่า "เวลาวางต้องทำแท่นต้องทำที่ไหม"
ท่านบอกว่า "ผมไม่ได้บอกนี่"

ถามว่า "เวลาวางทำยังไง"

ท่านบอก
"เวลาวางทุกคนให้ว่าตามนี้นะ วิชาและอาถรรพ์จงพินาศไป" เท่านี้

ถ้าเราจะเคารพในท่าน ก็จุดธุปบอกหน่อยนะ ท่านบอกว่า
"หลังจากนั้นต่อไป เป็นหน้าที่ของผม"

ต่อมาเวลา ๖ โมงเย็น ก็นอนทำกรรมฐานอยู่ ฉันหากินนอนมากกว่านั่ง
ก็เห็นลูกศิษย์ท่านท้าวเวสสุวรรณท่านมา

ท่านบอกว่า
"เวลาที่เขาทำใช้เวลามานาน
ลูกน้องผมและลูกน้องท้าวมหาราชทั้งหมดพันคนเศษ คุมวัดอยู่
ท่านรอโอกาสนี้มานานแล้ว
รอโอกาสที่อกุศลกรรมเปิดทางให้ฝ่ายที่เขาทำนะ ที่เขากลั่นแกล้ง"

ถามท่านว่า
"การกลั่นแกล้งนี้มาจากไหน เรื่องส่วนตัวรึ เรื่องส่วนตัวนี่ ไม่มีกับใคร"

ท่านบอกว่า
"ไม่ใช่เรื่องส่วนตัว มันเรื่องส่วนรวมและความโลภ
เขาต้องการให้ท่านพับไป แม้ลูกหลานทั้งหมด แต่มันพับไม่ลง"

แล้วท่านก็บอกว่า
"ผมรอเวลานี้มานาน วันนี้เวลา ๑๔.๐๐ น. กรรมที่เป็นอกุศลกรรมเขาเปิด"

ท่านเลยมาบอกเวลา ๑๓.๑๒ น. ไม่ใช่ให้หวยนะ และตอนสัคเคฯ
พระพุทธเจ้าท่านเสด็จ บวงสรวงต้องนึกถึงพระพุทธเจ้าด้วยนะ
อันดับแรกก็แค่ท้าวมหาราชทั้ง ๔ ถ้าเขายืนกับที่
พระพุทธเจ้าท่านเสด็จด้วย พอมาถึงท่านก็บอกว่า
"บอกลูกหลานเขานะ ความเจริญรุ่งเรืองจะมีขึ้นตามลำดับ ถอยหลังไม่มี..."

ลงท้ายท่านก็บอกว่า
"เธอยังตายไม่ได้ตามเดิม" ......











ด้วยมีหลายท่านได้สอบถามมาเรื่องการแก้อาถรรพ์ ว่าทำที่อื่นได้หรือไม่
ขอเรียนให้ทราบว่าต้องมาทำที่วัดท่าซุงครับ

ผมยกมาให้อ่านอีกครั้งเพื่อความชัดเจนครับ

เมื่อกี้ ท่านท้าวเวสสุวรรณ ให้มาบอกว่า
"ถ้าลูกหลานคนใดไปที่วัด ให้เอาขนมปังไปคนละปอนด์
แล้วไปวางไว้ที่หน้าโบสถ์ เป็นการแก้ "วิชาและอาถรรพ์"

ถามท่านว่า "ทำที่อื่นไม่ได้หรือ"

ท่านก็บอกว่า
"เขาทำที่วัด แก้ที่อื่นมันก็ไม่ได้ ไอ้วิชาและอาถรรพ์นี่เขาทำให้ซวย
ให้ทุกคนหากินยาก มีความเป็นอยู่ยาก มีการป่วยไข้ไม่สบาย"



พระเดชพระคุณหลวงพ่อก็ถามท่านท้าวเวสสุวรรณว่า ทำที่อื่นไม่ได้หรือ

ท่านก็บอกว่าเวลาเขาทำคุณไสย เขามาทำที่วัด
และหลวงพ่อก็กล่าวว่าเวลาวัดมีงานพวกนี้เขาก็มาที่วัด
และมาทำคุณไสยและอาถรรพ์ต่างๆ เป็นประจำ

ถ้าไม่ใช่ลูกหลานหลวงพ่อก็คงไม่เป็นไรครับไม่ต้องไปแก้อะไร
เพราะคนทำเขาเจาะจงที่หลวงพ่อและลูกหลาน

ถ้าใครมั่นใจว่าเป็นลูกหลานหลวงพ่อและกำลังแย่
หากินฝืดเคืองหรือเจ็บป่วย ก็ลองมาทำดู

ผมก็คงไม่รับประกันว่าเมื่อคุณมาทำแล้วอะไรจะดีขึ้น
เพราะแต่ละคนก็มีวิบากกรรมไม่เหมือนกัน

ถ้าเป็นช่วงอกุศลกรรมให้ผลก็แก้ยากครับ
เราต้องยอมรับในเรื่องกฏของกรรมก่อน

เหมือนคนป่วยมีคนเขาบอกว่ามียาดีเขากินกันหายหลายคนแล้ว
เป็นโรคเดียวกันและยาก็กินเหมือนกัน แต่บางคนก็หาย บางคนก็ไม่หาย
ที่โบราณท่านกล่าวว่า ลางเนื้อชอบลางยา
สรุปก็คือเป็นเรื่องของกรรม

ถ้าท่านช่วยได้ก็ดีไป ถ้าไม่ได้หรือไม่มีผลก็ต้องทำใจ
ไม่ใช่ไปทำแล้วไม่มีผลอาจจะไปคิดปรามาส
แบบนี้ไม่ต้องไปทำจะดีกว่าครับ เพราะคุณขาดทุนแน่นอน

และเวลาไปทำแล้วก็ทำให้ถูกต้อง ไม่ต้องพูดถึงวัดอื่นโบสถ์อื่นเลยครับ
แค่วางที่วัดท่าซุงก็ต้องให้ถูกที่ คือ หน้าโบสถ์ ไม่ใช่ข้างโบสถ์

และควรทำด้วยความศรัทธาและตั้งใจจริง ให้จิตนึกถึง
ท่านท้าวเวสสุวรรณและเทวดาทุกองค์ที่ปกปักษ์รักษาที่วัดท่าซุง

ถ้าทำแบบลองๆ ผลก็คงออกมาแบบลองๆ
ถ้าสงสัยอย่างไรลองอ่านบทความในกระทู้ทบทวนให้ละเอียดอีกครั้งครับ

ขอบารมีพ่อคุ้มครองเจ้าคะ

 

เอ่อ สงสัยนิดนึงครับ ทำไมต้องเป็นขนมปัง

 

ทำไมต้องเป็นขนมปัง ขนมอื่นใช้แทนกันได้ไหมคะ

 

เคยได้ยินมาก่อน ทำได้ไม่เสียหายอะไร ศร้ทธาเเรงกล้า ครูบาอาจารย์ของเรา
สาธุ สาธุ สาธุ

 

ใช่ สงสัยอยู่เหมือนกัน ว่าทำไมต้องเป็นขนมปัง
แล้วขนมปัง มีตั้งหลายอย่าง หลายแบบ

อีกอย่าง คื่อ ถ้าที่วัดไม่มีโบสถ์หล่ะ จะทำอย่างไร ? อันนี้ป่าวกวนนะ
เพราะวัดที่ต่างแดน ไม่มีโบสถ์ จริงๆๆค่ะ...........

 

เค้าให้ทำแค่ที่วัดท่าซุงนะ ลองอ่านใหม่ดูซิ

 

อ้าว....! เหรอ....? ขอบคุณนะ เดี๋ยวจะกลับไปอ่านใหม่ค่ะ

 

เคยเห็นกระทู้ของใครไม่รู้นะจำไม่ได้ บอกว่าถ้าโดนคุณไสย(แล้วเรารู้)
ให้ไปแก้ที่ เสมาโบสถ์ อธิฐาน แล้วเอาน้ำรดเสมา แล้วเอามือรอง เอามาปะพรม

 

อ่านไม่เจอที่บอกว่าให้ทำเฉพาะวัดท่าซุง ท่านบอกแค่ว่าหน้าโบสถ์ของวัด++

ผมว่าวัดได้ก็น่าจะได้ ที่มีโบสถ์มีเขตพัธสีมา...แต่ควรบอกกล่าวขอบารมีหลวงพ่อ...และบารมีท่านท้าวเวสสุวรรณ..

ผมตีความตามตัวอักษรนะ..ในเมื่อไม่ได้บอก...คือไม่ห้าม++!! ที่บอกว่าทำที่วัด คือไม่ได้ให้ทำที่บ้านหรือที่ทำงานหรือส่วนอื่นๆของวัดนอกจากหน้าโบสถ์ (ดังที่เทวดาบอกหลวงพ่อว่า..ก็ผมไม่ได้บอกนี่^^..ตรงนี้หลวงพ่อท่านเมตตาถามเผื่อพวกเรา เพราะต้องมีคนสงสัยแน่ อีกอย่างถ้าทำเฉพาะวัดท่าซูงหลวงพ่อท่านทราบดีเป้นเรื่องสำคัญ ท่านก็ต้องถามเทวดาเผื่อพวกเราอยุ่แล้ว)

 

ตามที่บอกมา ตรงส่วนไหนเหรอคะ? ที่เรียกว่า เสมาโบสถ์

มีภาพให้ดูรึเปล่าคะ?

รู้สึกอายจัง ไม่ทราบจริงๆๆ ว่าตรงส่วนไหนที่เขาเรียกว่า เสมาโบสถ์....

ขอบคุณนะคะสำหรับความรู้ใหม่ๆๆๆ

 

ขอบคุณค่ะ....

 

ภาพขนมปังหน้าโบสถ์ครับ