{{หลวงพ่อคูณ257}}ศึกษาพระสมเด็จ/เบญจภาคีองค์ครู26ขุนแผนพรายกุมาร4ลพ.พรหม68พ่อท่านคลิ้ง105

ในห้อง 'วิธีดูพระเครื่อง-เครื่องรางของขลัง' ตั้งกระทู้โดย Amuletism, 2 มกราคม 2012.

  1. Amuletism

    Amuletism เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2009
    โพสต์:
    5,779
    ค่าพลัง:
    +18,370
    การตรวจสอบพระพุทธรูปบูชาเนื้อสัมฤทธิ์เก่าหรือใหม่ 2

    วัสดุที่โบราณาจารย์ นิยมเอามาสร้างเป็น พระพุทธรูปบูชาอย่างแพร่หลายได้แก่โลหะ ทองคำ นาค เงิน ทองเหลือง ทองแดง ตะกั่ว สังกะสี ลงหิน เมื่อผสมกัน แล้วเรียกว่าสัฤทธิ์นี้ เฉพาะแร่ทองคำ เงินและทองแดง เป็นธาตุแท้ นอกนั้นเป็นโลหะผสม เนื้อทองคำเหลืองอร่ามสวยงามมีราคาสูงไม่กลายสภาพเป็นอย่างอื่น เมื่อผสมกับแร่ธาตุอื่นจะทำให้แร่ธาตุอื่น จะทำให้ แร่ธาตุนั้นผิวกลับดำ ถ้าธาตุนั้นเก่าก็จะทำให้มองเห็นความเก่าได้ชัดเจนยิ่งขึ้น เนื้อทองแดงเมื่อผสมกับแร่ธาตุอื่น จะทำให้แร่ธาตุนั้นเปลี่ยนไป เช่นทองแดงผสมสังกะสีจะกลายเป็นทองเหลืองเนื้อสัมฤทธิ์ตามความหมายของนักเล่นพระ หมายถึงโลหะผสมผิวกลับดำหมองคล้ำย่อมมีผิวเนื้อแตกต่างกัน ทั้งนี้แล้วแต่ส่วนผสม เช่นถ้าส่วนผสมแก่เงินผิวโลหะนั้นจะกลับดำ ถ้าโลหะนั้นมีทองคำผสมด้วยแม้จะไม่มากนักก็ทำให้โลหะนั้น มีความมันในสวยงามขึ้น โลหะที่ผสมเป็นเนื้อสัมฤทธิ์สร้างพระบูชา นิยมเรียกชื่อต่างกันตามผสม เช่น ปัญจโลหะ, และนวโลหะ

    ปัญจโลหะ ได้แก่ส่วนผสมโหละ ๕ อย่างดังต่อไปนี้คือ
    ๑. ดีบุก หนัก ๑ บาท
    ๒. ปรอท หนัก ๒ บาท
    ๓. ทองแดง หนัก ๓ บาท
    ๔. เงินหนัก ๕ บาท
    ๕. ทองคำ หนัก ๕ บาท

    สัตตะโลหะได้แก่ส่วนผสมโลหะ ๗ อย่างดังต่อไปนี้
    ๑. ดีบุก หนัก ๑ บาท
    ๒. สังกะสี หนัก ๒ บาท
    ๓. เหล็กละลายตัว หนัก ๓ บาท
    ๔. ปรอท หนัก ๔ บาท
    ๕. ทองแดง หนัก ๕ บาท
    ๖. เงิน หนัก ๖ บาท
    ๗. ทองคำ หนัก ๗ บาท

    นวะโลหะได้แก่ผสมโลหะ ๙ อย่างดังต่อไปนี้
    ๑. ชิน หนัก ๑ บาท
    ๒. เจ้าน้ำเงิน หนัก ๒ บาท
    ๓. เหล็กละลายตัว หนัก ๓ บาท
    ๔. บริสุทธิ์ หนัก ๔ บาท
    ๕. ปรอท หนัก ๕ บาท
    ๖. สังกะสี หนัก ๖ บาท
    ๗. ทองแดง หนัก ๗ บาท
    ๘. เงิน หนัก ๘ บาท
    ๙. ทองคำ หนัก ๙ บาท

    พระพุทธรูปเนื้อสัมฤทธิ์ ที่เห็นปรากฏเป็นส่วนมาก็มี เนื้อสัมฤทธิ์ดำ เนื้อสัมฤทธิ์เขียว เนื้อสัมฤทธิ์แดง เนื้อสัมฤทธิ์ดังกล่าวนี้ ถ้ามีส่วนผสมของทองคำจะทำให้สัมฤทธิ์นั้นมันใสสวยงามยิ่งขึ้น
    สัมฤทธิ์ดำ มีส่วนผสมของแร่เงินมาก
    สัมฤทธิ์เขียว มีส่วนผสมของทองเหลืองมาก
    สัมฤทธิ์ แดงน้ำตาลไหม้ มีส่วนผสมของแร่ทองแดงมาก

    เนื้อพระผิวสนิมสีของพระเก่ามีสีอ่อนแก่ แตกต่างกัน และสนิมของพระก็แตกต่างกัน ทั้งนี้ก็เพราะว่าพระเก่าบางองค์ฝังอยู่ในดินฝันอยู่ในถ้ำ บางองค์เก็บรักษาไว้ในถ้ำ ในปราสาท ในโบสถ์ วิหาร ศาลาเปรียญหรือเก็บไว้ในบ้าน พระเก่าที่ฝังอยู่ในดินในกรุผิวสนิมของพระจะหนา เหี่ยวย่นที่เก็บไว้ในบ้านเคหะสถาน โบสถ์วิหาร ผิวสนิมจะบางสวยงามเนียนสนิท

    พระสัมฤทธิ์ เนื้อมันวาว เรามองดูผิวพระจะมันวาว มันละเลื่อม ผิวเข้ม ความมันวาวจะฉาบอยู่บนพื้นผิวของพระ ความมันวาวนี้อาจจะเกิดขึ้นเอง ตามธรรมชาติถ้าเป็นพระเก่าสร้างมานานเกินกว่า ๖๐ ปี ถึง ๒๐๐,๓๐๐ ปี หรือเกิดจากการรมดำ ถ้าเป็นพระใหม่ฉะนั้นตามทัศนะของข้าพเจ้าผู้เขียนเห็นว่าพระเนื้อสัมฤทธิ์มันวาว มีทั้งที่เป็นพระเก่าที่สร้างเลียนแบบ และที่เป็นพระสร้างขึ้นใหม่โดยทาสีรมดำเอา ขอให้หัวข้อที่กล่าวมาแล้ว ๑๗ ข้อตรวจสอบพิจารณาก็จะทราบว่าเป็นพระใหม่หรือพระเก่า (พระที่เลียนแบบพระสมัยต่างๆเช่นสมัยเชียงแสน สุโขทัย อู่ทอง นั้นได้สร้างกันมานานแล้ว อย่างที่นักเลงพระบอกว่า พระองค์นี้เก่าอยู่แต่ไม่ถึงสมัย ความนิยมคุณค่าราคาก็จัดว่าเก่ามีราคาพอสมควร)

    พระสัมฤทธิ์เนื้อมันใส จัดเป็นเนื้อเก่าแท้ ความมันใสเกิดจากพระสร้างมานานเนื้อพระกินตัว กับอากาศถูกความร้อนเย็นนานเข้าเนื้อพระแห้งสนิท เกิดคราบสนิมมีความสึกร่อนตามธรรมชาติ ความแห้งไล่ความชื้นในเนื้อพระออกไปทำให้พระแห้ง เกิดความมันใส ความมันใสนี้ดูด้วยตาจะอยู่ในระหว่างความมันวาวและความกะด้าง

    ที่สุดนี้ขอให้ศึกษาได้โปรดพิจารณาด้วยดี ถ้าอ่านช้าๆ พินิจพิเคราะห์ตัวอักษรด้วยดี จะช่วยให้ท่านดูพระบูชาเป็น ป้องกันคนอื่นจะมาแหกตาได้ ที่กล่าวมานี้ก็ด้วยเจตนาบริสุทธิ์เจตนาดีแก่ทุกท่านที่เป็นนักนิยมพระ จะว่าเรื่องเชยสิ้นดีเอามะพร้าวมาขายสวนก็ยอม สะสมพระมานานมีความรู้ประสพการณ์ มาอย่างไรก็เอามาเล่าบอกกล่าวให้กันฟัง และโปรดอย่าได้ถือเอาความคิดเห็นนี้เป็นข้อยุติ ขอให้ถือว่าข้อเขียนนี้เป็นทัศนะของนักสะสมคนหนึ่งเท่านั้น ถ้าหากมีอะไรผิดพลาดหรือขาดตกบกพร่องขอได้โปรดอภัยด้วย ขอยุติเพียงเท่านี้ สวัสดี

    อ้างอิง soonphra.com
     
  2. Amuletism

    Amuletism เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2009
    โพสต์:
    5,779
    ค่าพลัง:
    +18,370
    การพิจารณาความเก่าของพระพุทธรูปเนื้อสัมฤทธิ์

    [​IMG]
     
                    ถ้าท่านเป็นนักสะสมวัตถุโบราณล้ำค่า ชื่นชอบพุทธศิลป์ มีรสนิยมสูง ท่านคงไม่พลาดที่จะเลือกเก็บสะสมพระพุทธรูปบูชา
                    การแสวงหาสะสมพระพุทธรูป ถือเป็นศาสตร์ชั้นสูงสุดของการสะสมพระ เนื่องจากพระพุทธรูปมีการสร้างหลายยุคสมัย แต่ละสมัยมีรายละเอียดเป็นเอกลักษณ์ในตัวเอง แต่ในที่นี้จะขอกล่าวเฉพาะการพิจารณาความเก่าของผิวพระบูชาประเภทเนื้อสัมฤทธิ์ ซึ่งเป็นเนื้อที่มีการหล่อสร้างพระพุทธรูปมากที่สุด
                    เนื้อโลหะ ที่เรียกว่า “เนื้อสัมฤทธิ์”  มีส่วนผสมของทองแดง ดีบุก เงิน และทองคำ เป็นธาตุหลักอยู่ในเนื้อ เนื้อในมีสีสันแตกต่างตามสัดส่วนของโลหะที่เป็นส่วนผสม แต่ส่วนใหญ่มีสีแดงอมน้ำตาล ถ้าแก่ทองแดงเนื้อเข้มข้นเป็นสีแดงอมน้ำตาล ถ้าแก่เงินและทองคำเนื้อจะอมเหลืองนวลสวยงาม ผิวนอกมีสีน้ำตาลเข้มอมดำ
                  
    [​IMG]   
                   
                    การพิจารณาความเก่าของผิวเนื้อพระพุทธรูปประเภทเนื้อสัมฤทธิ์ มีดังนี้
    1.ผิวเนียนเป็นมันใส
    พระเนื้อสัมฤทธิ์เก่าจะมีผิวพรรณวรรณะแบบที่เรียกว่า “เนียนเป็นมันใส” มีประกายน้ำนวล ลักษณะผิวมันใสจะเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ผ่านกาลเวลามานานหลายสิบหลายร้อยปี ผิวพระจะแห้งสนิทหมดวาว คือไม่ออกอาการแวววาว เพราะความร้อนชื้นและกาลเวลาได้ขับไล่เปลือกผิวมันวาวออกไปหมดสิ้น (ไม่ต่ำกว่า 70 – 80 ปี ขึ้นไป) ตามซอกองค์พระจะแห้งม่น มีคราบละอองไอฝุ่นติดผนึกแน่น แต่ตามผิวสัมผัสที่ถูกมือจับต้องจะเนียนเป็นมันตามธรรมชาติ

    2. ผิวไม่เรียบตึง
    พระบูชาเนื้อสัมฤทธิ์เก่า แม้ผิวจะเนียนมันใส แต่หากส่องดูด้วยแว่นขยายก็จะเห็นว่า “ผิวไม่เรียบตึง” แต่จะมีสนิมผุดขึ้นเป็นเม็ดผดเล็กๆ ทั่วองค์ และยังมีรูพรุนเล็กๆ แบบปลายเข็มในบางบริเวณ ทำให้ดูผิวพระมีความกร่อนเก่า เป็นขุมสนิมที่เกิดจากเนื้อในแล้วปะทุออกมาบนผิว
                   
    3. ขอบฐานด้านล่างมีสีผิวและคราบสนิมเหมือนกับผิวโดยรวมทั้งองค์
    สำหรับพระพุทธรูปบูชาที่ไม่เก่าจริง คือทำเทียมเลียนแบบศิลปะยุคเก่า แล้วแต่งรมผิวให้ดูเหมือนเก่าทั้งหน้าและหลังองค์พระ มักจะมีพิรุธให้เห็นที่ขอบฐานด้านล่าง เป็นผิวที่ลอกเปิดออกให้เห็นจุดที่สัมผัสกับพื้น เป็นเนื้อในสดใหม่แวววาว อย่างนี้คือ พระใหม่หรือพระทำเทียมเลียนแบบ สำหรับพระเก่าจริงจะมีสีผิวและคราบสนิมที่ขอบฐานด้านล่างเป็นวรรณะเนื้อสีเดียวกันทั้งองค์
    พระพุทธรูปบูชาที่ใช้เนื้อสัมฤทธิ์เก่าเทหล่อขึ้นมาใหม่ ขอให้พิจารณาที่ผิวพระ ผิวจะไม่เนียนละเอียด แต่จะเห็นรอยยับย่นในบางจุด เพราะการหลอมใหม่จะเกิดปฏิกิริยาที่เรียกว่า “หมดยาง” เมื่อนำมาเทหล่อใหม่แล้วเนื้อแห้งไม่ผสานกันนวลเนียน อีกทั้งผิวก็จะกระด้าง ไม่เนียนใส ไม่มีเม็ดสนิมผุดจากในเนื้ออย่างพระแท้

    อ้างอิง thaipra
     
  3. กำแพงพระ

    กำแพงพระ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    1,025
    ค่าพลัง:
    +1,966
    ขอบคุณสำหรับความรู้ในการพิจารณาพระบูชาครับ
     
  4. Soul Power

    Soul Power เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    227
    ค่าพลัง:
    +452
    อรุณสวัสดิ์เช้าวันอาทิตย์ค่ะ
    คุณ Amuletism นี่ขยันจริงๆเลย
    เดินทางทำงานตลอดเวลาเลย
    ตอนนี้อากาศเชียงรายหนาวหรือยังค่ะ
    อ่านกระทู้แล้ว มีเรื่องพระบูชาแล้ว
    น่าจะมีเรื่องเครื่องรางด้วยไหมค่ะ
    ดูน่าสนใจดี แต่บางครั้งรู้สึกว่าหามาตรฐานยาก
     
  5. โอ๋สะพาน

    โอ๋สะพาน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    2,494
    ค่าพลัง:
    +3,973
    สวัสดีครับ คุณ Amuletism คุณ กรุพระ คุณ captainzire คุณ ryan boy คุณ ทิพย์มงคล คุณ โอกระบี่ คุณ 24hrsและทุกท่านครับ
     
  6. Amuletism

    Amuletism เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2009
    โพสต์:
    5,779
    ค่าพลัง:
    +18,370
    สวัสดีเช้าวันอาทิตย์ครับ พี่โอ๋สะพาน พี่โอกระบี่
    พี่กรุพระ พี่ชัย พี่ Captainzire พี่ 24 hrs
    พี่ทิพย์มงคล คุณ Soul power
    วันนี้มีงานทั้งวัน กลับไฟล์สุดท้าย
    กว่าจะถึงบ้านคงใกล้เที่ยงคืนครับ

    เชียงรายเช้าๆ ขนาดในเมืองก็หนาวหน่อยแล้ว
    อากาศดีมาก นักท่องเที่ยวเริ่มเยอะแล้วครับ
    สำหรับเครื่องรางนั้น ผมไม่ค่อยได้กล่่วถึงในกระทู้
    เพราะหามาตรฐานการพิจารณายากครับ
    เซียนก็เถียงกัน สมาคมจัดประกวด แต่ไม่รับออกใบเซอร์
    แปลกไหมครับ ถ้ารับรองว้าแท้ไม่ได้ แต่ตัดสินรางวัลได้
    จริงๆ เครื่องรางเป็นของดีนะครับ มีเสน่ห์มากด้วย
    แต่ที่ไม่อยากแนะนำให้สะสม เพราะระยะยาว
    อาจมีปัญหา มูลการสะสมอาจไม่เพิ่มขึ้นแบบพระเครื่อง
    แต่เดี๋ยวจะนำภาพแบบชัวส์ๆ หน่อยมาให้ชมครับ

     
  7. ทิพย์มงคล

    ทิพย์มงคล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2011
    โพสต์:
    3,892
    ค่าพลัง:
    +8,215
    ขอบคุณมากๆครับ พี่ Amuletism บทความนี้ดีมากๆ ครับ
     
  8. ryan boy

    ryan boy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    452
    ค่าพลัง:
    +22,020
    สวัสดีครับ พี่Amuletism พี่กรุพระ พี่captainzire พี่ทิพย์มงคล พี่โอกระบี่ พี่โอ๋สะพานและพี่ๆทุกท่านครับ สบายดีกันนะครับ ไม่ได้เข้าทักซะหลายวันเลยแต่ยังติดตามข้อมูลและความรู้ดีๆอยู่เสมอครับ วันนี้เลยนำเหรียญเจริญพรบนและล่าง หล่อโบราณ หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ มาให้ชมครับ ^__^

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]
     
  9. Amuletism

    Amuletism เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2009
    โพสต์:
    5,779
    ค่าพลัง:
    +18,370
    สวัสดีครับ พี่ ryan boy
    ขอบคุณที่นำเหรียญที่สร้างโดยกรรมวิธีที่มีเสน่ห์มาให้ชม
    เหรียญหล่อปัจจุบันไม่ค่อยสร้างกัน ส่วนใหญ่จะปั้มเสียมาก
     
  10. Amuletism

    Amuletism เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2009
    โพสต์:
    5,779
    ค่าพลัง:
    +18,370
    รักจะเล่นเครื่องราง...  พึงต้องศึกษาให้รู้จริง
     
    ปัญหาในการเล่นหาสะสมเครื่องรางของขลัง ก็คือ เครื่องรางของขลัง ส่วนใหญ่เป็นงานฝีมือที่ไม่มีบล็อกแม่พิมพ์แน่นอน การพิจารณาชี้ขาดจากพิมพ์หรือตำหนิในพิมพ์จึงแทบเป็นไปไม่ได้เลย
     
    ยิ่งของบางชิ้นที่มีจำนวนการสร้างน้อย มีความเก่ามากๆ และมีราคาแพง ยิ่งเป็นอะไรที่พึงต้องระวัง ต้องเช็คต้องตรวจสอบหลายตาเพื่อหาข้อยุติให้สบายใจที่สุด

    ที่จริงการเล่นหาเครื่องรางของขลัง หากท่านมีการเตรียมตัวศึกษามาพอตัว ได้ผ่านตาผ่านมือกับของแท้ที่วงการยอมรับมาชนิดชั่วโมงบินมากพอแล้ว ก็พอจะยึดหลักเกณฑ์ในการพิจารณาได้ครับ เพราะการสร้างเครื่องรางแม้ไม่มีบล็อกแม่พิมพ์แน่นอนตายตัว แต่ฝีมือช่างที่ฝากสลักจิตวิญญาณงานช่างไว้กับของชิ้นนั้นๆ เราสามารถใช้แกะรอยศิลปะงานฝีมือเป็นแนวทางในการพิจารณาได้
     
    อีกทั้งวัสดุมวลสารที่ใช้สร้าง รวมถึงความคุ้นเคยในลายมืออักขระที่ลงจารของเกจิอาจารย์ และความเก่าจากผิววัสดุและคราบความเก่าต่างๆ ถือเป็นหลักในการตรวจสอบไปโดยทั่วไป     

    คนยุคสมัยก่อนนิยมใช้เครื่องรางของขลังมากกว่าพระเครื่อง เพราะสะดวกกับการพกพา อีกทั้งข้อห้ามต่างๆ ก็มีน้อยกว่าพระเครื่อง หรือสมัยนี้ก็เถอะ บางท่านนิยมห้อยเครื่องรางมากกว่าห้อยพระ พระเกจิอาจารย์ยุคเก่าหลายท่านทีเดียวที่ไม่เคยสร้างพระเครื่อง โดยเฉพาะบางท่านไม่ยอมสร้างรูปเหมือนของท่านออกมาเลย หากมีศิษย์ขอของดีไว้คุ้มครอง ก็จะสร้างเครื่องรางแจกจ่ายแทนพระเครื่อง
                   
    การสร้างเครื่องรางแต่ละครั้ง ไม่ได้ทำได้ง่ายๆ เป็นงานพิถีพิถันเพราะต้องทำด้วยมือทีละชิ้น ต้องสร้างให้ถูกต้องตามตำรับตำรา ใช้เวลานานกว่าจะปลุกเสกเสร็จได้
     
    ของแต่ละชิ้นจึงมีคุณค่าแทนความผูกพันระหว่างอาจารย์กับศิษย์ ถือว่าเป็นของที่มีเพียงชิ้นเดียวในโลก ยิ่งสร้างโดยพระอาจารย์ดัง มีประสบการณ์ความขลังมายาวนาน ความหวงแหนจึงยิ่งมากเป็นทวีคูณ เมื่อต้องตีเป็นมูลค่าราคาซื้อขาย จึงสูงถึงหลักแสนหลักล้านต่อชิ้นก็มี

    เครื่องรางของขลังยุคเก่า ที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากๆ ได้แก่ เสือ หลวงพ่อปาน วัดบางเหี้ย ตะกรุดหลวงปู่เอี่ยม วัดสะพานสูง หนุมานหลวงพ่อสุ่น วัดศาลากุน เบี้ยแก้หลวงปู่รอด วัดนายโรง มีดหมอและงาแกะหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ ปลัดขิกหลวงพ่อเหลือ วัดสาวชะโงก ลิงหลวงพ่อดิ่ง วัดบางวัว ตะกรุดหลวงพ่อเงิน บางคลาน ตะกรุดหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า ตะกรุดหลวงพ่อพิธ วัดฆะมัง กะลาแกะราหูอมจันทร์หลวงพ่อน้อย วัดศีรษะทอง เบี้ยแก้หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว ปลัดขิกหลวงพ่ออี๋ วัดสัตหีบ แหวนพิรอดหลวงพ่อม่วง วัดบ้านทวน ตะกรุดหลวงพ่อยิ้ม วัดหนองบัว หมากทุยหลวงปู่เอี่ยม วัดหนัง ฯลฯ

    นอกจากปัญหาเรื่องเก๊-แท้ แล้ว นักสะสมหน้าใหม่ยังต้องเจอกับการเล่นหาผิดสำนักปะปนอยู่ด้วย ตะกรุดเก่าๆ ก็มักจะตีเป็นหลวงพ่อเงินหรือหลวงปู่ศุข หรืองาแกะฟอร์มดีๆ ก็ขายเป็นงาแกะหลวงพ่อเดิม
     
    ลองไปดูเถิดครับตามแผงจรที่มีเครื่องรางห้อยระโยงระยาง หยิบชิ้นไหนก็จะบอกเป็นของอาจารย์ดังทั้งสิ้น ถ้าไม่มีอาจารย์ก็จะเล่นไม่ได้ ขายไม่ออก
     
    ถ้าท่านสนใจเครื่องรางของขลัง ก็ควรจะมีผู้รู้ชำนาญการด้านนี้เป็นที่ปรึกษา ของแต่ละชิ้นแต่ละสำนักมีเอกลักษณ์ในงานฝีมือที่แตกต่างกันไป ควรค่อยๆ ศึกษาด้วยใจรัก
     
    แต่หากยังหาของดีราคาแพงไม่ได้ แต่พบเจอบางชิ้นที่ดูเก่าไม่รู้สำนัก ราคาไม่แพงก็อาจซื้อหาเก็บไว้ศึกษาความเก่า ถือเป็นการเล่นด้วยใจรักเป็นสำคัญ

    อ้างอิง thaipra

    ปล เห็นชื่อบทความก็น่าจะรู้แล้วครับ ว่าการศึกษาเครื่องรางนั้นยาก
    ส่วนตัวผมว่ายากกว่าการศึกษาพระเครื่องมากครับ
     
  11. Amuletism

    Amuletism เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2009
    โพสต์:
    5,779
    ค่าพลัง:
    +18,370
    เสือ หลวงพ่อปาน วัดบางเหี้ย

    [​IMG]
     
  12. Amuletism

    Amuletism เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2009
    โพสต์:
    5,779
    ค่าพลัง:
    +18,370
    [​IMG]
     
  13. Amuletism

    Amuletism เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2009
    โพสต์:
    5,779
    ค่าพลัง:
    +18,370
    ดูให้รู้-เขี้ยวเสือหลวงพ่อปาน

    [​IMG]

    วัดมงคลโคธาวาส เป็นชื่ออย่างเป็นทางการของ 'วัดบางเหี้ย' หรือ 'วัดคลองด่าน'ตั้งอยู่ที่ ต.คลองด่าน จ.สมุทรปราการ

    ที่เรียกกันมาแต่โบราณว่าวัดบางเหี้ยนั้น เนื่องจากเดิมมีตัวเงินตัวทองอยู่มาก เพราะเป็นเขตน้ำกร่อย

    หลวงพ่อปาน เป็นชาวคลองด่านโดยกำเนิด เกิดในปีพ.ศ.2370 บรรพชาเมื่ออายุ 15 ปี ที่สำนักวัดอรุณราชวราราม และอุปสมบท มีพระศรีศากยมุนี เป็นอุปัชฌาย์ แล้วไปฝากตัวเป็นศิษย์ หลวงปู่แตง เจ้าอาวาสวัดอ่างศิลา ชลบุรี ก่อนกลับมาวัดบางเหี้ยใน และขึ้นเป็นเจ้าอาวาสในเวลาต่อมา

    สำหรับนักนิยมสะสมและผู้คลั่งไคล้ในเครื่องรางของขลังคงไม่มีใครที่ไม่รู้จัก เขี้ยวเสือหลวงพ่อปาน วัดบางเหี้ย ด้วยกิตติศัพท์เรื่อง 'เขี้ยวเสือ' ของท่าน โด่งดังไปทั่ว

    เมื่อมีการสร้างเขื่อนพระยาไชยานุชิตที่คลองด่านเพื่อกั้นกระแสน้ำทะเลไม่ให้ท่วมเรือกสวนไร่นาชาวบ้าน แต่กรมชลประทานสร้างไม่ได้ เพราะกระแสน้ำแรงมากตีขึ้นมาตลอด หลวงปู่เห็นแก่การขจัดความเดือดร้อนของผู้คน ทำการเสกเขี้ยวเสือขว้างลงไป ปรากฏว่ากระแสน้ำลดกำลังลงอย่างน่าอัศจรรย์ สามารถกั้นสร้างเขื่อนได้สำเร็จ

    เมื่อคราวล้นเกล้าฯ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จฯทรงวางศิลาฤกษ์เขื่อน คนเก่าๆ เล่ากันว่า หลวงปู่นำเขี้ยวเสือใส่พานถวาย 5 ตัว แต่เณรที่ถือพานเกิดตกประหม่าทำตกน้ำไปหนึ่งตัว ท่านเลยให้เอาเนื้อหมูผูกเชือกหย่อนลงน้ำ บริกรรมพระคาถาจนเขี้ยวเสือติดชิ้นหมูขึ้นมาต่อหน้าพระพักตร์ ล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ 5 ทรงศรัทธาหลวงพ่อปานมากทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เป็นที่ พระครูนิโรธสมาจาร และทรงเรียกเป็นส่วนพระองค์ว่า "พระครูปาน" มีปรากฏในพระราชหัตถเลขาว่า ...

    "พระครูปานมาหาด้วย พระครูปานรูปนี้เป็นที่นิยมกันในทางวิปัสสนาและธุดงควัตร คุณวิเศษที่คนเลื่อมใสคือให้ลงตะกรุด ด้ายผูกข้อมือ รดน้ำมนต์ ที่นิยมกันมากนั้นคือรูปเสือแกะด้วยเขี้ยวเสือ เล็กบ้างใหญ่บ้าง ฝีมือหยาบๆ ข่าวที่ร่ำลือกันว่า เสือนั้นเวลาจะปลุกเสกต้องใช้เนื้อหมู เสกเป่าไปยังไรเสือนั้นกระโดดลงไปยังเนื้อหมูได้ ตัวพระครูเองเห็นจะได้รับความลำบากเหน็ดเหนื่อย ในการที่ใครๆ กวนให้ลงโน่นลงนี่ เขาว่าบางทีหนีไปอยู่ป่าช้า ที่พระบาทก็หนีขึ้นไปอยู่เสียที่บนเขาโพธิ์ลังกา คนก็ยังตามขึ้นไปกวนไม่เป็นอันหลับอันนอน แต่บริวารเห็นจะได้ผลประโยชน์ในการทำอะไรๆ ขาย มีแกะรูปเสือเป็นต้น ถ้าปกติราคาตัวละบาท เวลาแย่งชิงกันก็ขึ้นไปตัวละ 3 บาท ว่า 6 บาทก็มี ได้รูปเสือนั้นแล้วจึงไปให้พระครูปลุกเสก สังเกตดูอัชฌาสัยก็เป็นอย่างคนแก่ใจดี กิริยาเรียบร้อย อายุ 70 ปีแล้ว ยังไม่แก่มาก รูปร่างล่ำสันใหญ่โต เป็นคนพูดน้อย"

    อันว่า 'เขี้ยวเสือของหลวงพ่อปาน' นั้น ท่านแกะจากเขี้ยวเสือโคร่ง ลงเหล็กจารด้วยตัวเองปลุกเสกโดยใส่ 'พระคาถาหัวใจเสือโคร่ง' ลูกศิษย์ลูกหาได้ยินท่านว่า "พยัคโฆ พยัคฆา สุญญา สัพพติ อิติ ฮัมฮิมฮึม" (ตรงฮัมฮิมฮึมนี้ผู้เขียนเข้าใจเอาเองว่าน่าจะเป็นเสียงเสือคำรามหรือลูกศิษย์ฟังไม่ออก) มีช่างที่แกะเสือแล้วเป็นศิษย์ท่านด้วยกัน 5 คน แกะไม่เหมือนกันซะทีเดียว ขนาดจะไม่ใหญ่มากนัก นั่งปากเม้มหุบสนิท ตากลม ขาหน้าทั้งสองใหญ่ เล็บจิกลงบนพื้น แถบต่างจังหวัดจะมีช่างแกะคอย เวลาท่านไปธุดงค์ก็จะให้ปลุกเสก ที่สำคัญให้ดูรอยจารใต้ฐาน ท่านมักจะจารเองเป็น "นะขมวด" ที่เรียกกันว่า 'ยันต์กอหญ้า' และตัว 'ฤ ฤา'

    [​IMG]

    ลักษณะที่บอกเอกลักษณ์ในปัจจุบันคือ เสือหน้าแมว หูหนู ตาลูกเต๋า ยันต์กอหญ้า ซึ่งมีทั้งเสือหุบปาก และเสืออ้าปาก เขี้ยวต้องกลวง มีทั้งแบบซีก และเต็มเขี้ยว เขี้ยวหนึ่งอาจแบ่งทำได้ถึง 5 ตัว ตัวเล็กๆ เรียก "เสือสาลิกา" เป็นปลายเขี้ยว ส่วนใหญ่พบว่าเป็นซีก คนโบราณนิยมเลี้ยงไว้ในตลับสีผึ้งทาปาก

    วิธีจาร ท่านจะจารตัวอุมีทั้งหางตั้งขึ้นและลง ที่ขาหน้าค่อนไปทางด้านบน และลงอักขระคล้ายเลข 3 หรือเลข 7 ไทยขยักๆ หางลากยาวหน่อย ตรงสีข้างส่วนใต้ฐาน ท่านจะจารยันต์กอหญ้า ถ้าเสือตัวใหญ่หน่อยท่านจะลงยันต์กอหญ้า 2 ตัว ตรงข้ามกัน และลงตัว ฤ ฤา พร้อมตัวอุณาโลม บางตัวมีรอยขีด 2 เส้นขนานกันดูให้ดีจะเห็นเป็นเส้นลึกและคมชัด

    นอกจากนี้ ต้องดูความเก่าของเขี้ยวเสือให้เป็น คือ ต้องแห้งเป็นธรรมชาติ วรรณะเหลืองใส มีรอยหดเหี่ยวโบราณเรียก "เสือขึ้นขน" เห็นเป็นเสี้ยนเล็กๆ อาจมีรอยแตกอ้า หากผ่านการใช้สียิ่งเข้ม ส่วนของปลอมจะเอาเขี้ยวหมี เขี้ยวหมูป่ามาเคี่ยวด้วยน้ำมันงา แต่ถ้าดูเป็นจะเห็นว่าอมน้ำมัน ของจริงจะแห้ง ใส เหลือง ไม่อมน้ำมัน ผิวเป็นมันวาวไม่ด้าน บางพวกคั่วน้ำมันงาเสร็จจะมาต้มในน้ำร้อนไล่น้ำมันแต่ผิวจะด้าน ถ้าเจอมีสีเขียวใสๆ จับ นั่นนะเป็นรอยไหม้ตอนคั่ว

    ตอนหลังหาเขี้ยวสัตว์ยากเลยเอากระดูกสัตว์มาทำ บางอันเป็นเรซินไปแช่ด่างทับทิม หรือทิงเจอร์ฯ แช่แป๊บเดียวรอยคราบเหลืองเก่าจะจับตามซอกและผิว จากนั้นจะนำมาขัด ถ้ารู้วิธีก็จะดูได้ง่ายขึ้น และสีของเขี้ยวจะไม่เป็นสีเดียวกัน จะมีอ่อนแก่ ยิ่งใกล้รูกลวงสีจะอ่อน และรูเขี้ยวเสือจะเป็นวงรีหรือกลมค่อนไปทางรี ถ้าเห็นรูแสดงว่าเป็นเต็มเขี้ยว ของปลอมจะใช้สว่านเจาะให้เป็นรู ถ้ารูค่อนไปทางเหลี่ยมสามเหลี่ยมจะเป็นเขี้ยวหมี

    พันธุ์แท้พระเครื่อง
    ราม วัชรประดิษฐ์
     
  14. โอ๋สะพาน

    โอ๋สะพาน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    2,494
    ค่าพลัง:
    +3,973
    อ่านมันจริงๆครับห้องนี้
    สวัสดีครับ คุณ Amuletism คุณ กรุพระ คุณ captainzire คุณ ryan boy คุณ ทิพย์มงคล คุณ โอกระบี่ คุณ 24hrsและทุกท่านครับ
     
  15. กำแพงพระ

    กำแพงพระ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    1,025
    ค่าพลัง:
    +1,966
    สวัสดีครับ พี่โอ๋สะพาน พี่ Amuletism
    และเพื่อนๆ ทุกท่าน เช้าวันจันทร์อีกแล้วครับ
     
  16. กำแพงพระ

    กำแพงพระ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    1,025
    ค่าพลัง:
    +1,966
    หลวงพ่อปาน ทรงครุฑกลาง
    (ครุฑปีกแข็ง)


    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  17. โอ๋สะพาน

    โอ๋สะพาน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    2,494
    ค่าพลัง:
    +3,973
    หลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม พิมพ์พระสิวลี นำมาฝากให้ชมกันครับ

    <a href="http://img42.imageshack.us/i/9999r.jpg/" target="_blank"><img src="http://img42.imageshack.us/img42/510/9999r.jpg" alt="Free Image Hosting at www.ImageShack.us" border="0"/></a>
     
  18. โอ๋สะพาน

    โอ๋สะพาน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    2,494
    ค่าพลัง:
    +3,973
    ขอบคุณครับที่ให้ชมของดี พระในฝันเลยครับ
     
  19. Amuletism

    Amuletism เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2009
    โพสต์:
    5,779
    ค่าพลัง:
    +18,370
    ขอบคุณครับ พี่โอ๋สะพาน ที่นำของดีมาให้ชม
    ยังไม่มีหลวงพ่อกวยสักองค์เลย
    เคยอยากได้เหรียญหลังหนุมานก็แพงแล้ว
    พระสีวลีต้องดีด้านโชคลาภแน่นอนเลย
    ผมมีพระสีวลีอยู่องค์เดียวเป็นของหลวงพ่อแฉ่ง วัดบางพัง
     
  20. ทิพย์มงคล

    ทิพย์มงคล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2011
    โพสต์:
    3,892
    ค่าพลัง:
    +8,215
    งามมากครับ พี่กรุพระ เยี่ยมมากครับ:cool:
     

แชร์หน้านี้

Loading...