ปรอทสำเร็จ ของดีจากตำนาน

หนึ่งในความน่ามหัศจรรย์ของปรอทวิเศษ หรือปรอทหุงก็คือ การเสด็จไปไหนต่อไหนเองได้ เช่นกันกับอาจารย์โยธิน ได้เล่าเรื่องการเสด็จของปรอทวิเศษไว้ว่า ปรอทบางองค์ทำขึ้นมาแล้วก็ใส่ไว้ในผอบ ปิดฝาเกลียวอย่างดี แต่พอมาดูอีกทีกลับหายไปอย่างไร้ร่องรอย ที่น่าอัศจรรย์กว่านั้นคือปรอทที่เก็บไว้อย่างมิดชิดบางครั้งเสด็จมาอยู่ตามโคนต้นว่านที่ปลูกเอาไว้

ผมถามอาจารย์ว่าแล้วว่านอะไรครับที่ปรอทเสด็จมาอยู่ตามโคนต้น
อาจารย์ตอบว่า ว่านพะตะบะ เป็นว่านชนิดหน่งซึ่งมีถิ่นกำเนิดจากฝั่งลาวแต่สมัยนี้สามารถไปจตุจักรหาซื้อหัวมาเพาะปลูกเองได้ ว่านพะตะบะเป็นว่านที่มีลักษณะแปลกคือ หัวว่านพะตะบะจะมีพรายปรอท เราสามารถคาดคะเนได้ว่า หนึ่งว่านชนิดนี้มีปรอทอยู่ในตัวตามธรรมชาติ สองว่านชนิดนี้สามารถเรียกปรอทตามธรรมชาติเข้ามาในตัวเองได้ และสามตามธรรมชาติปรอทชอบมากินว่านชนิดนี้ ทางพระท่านเรียกว่ามีอาตยนะดึงดูดซึ่งกันและกัน ระหว่างปรอทและว่านพะตะบะ จึงมีความผูกพันธ์สัมพันธ์กันดึงดูดและเอ้ออาศัยซึ่งกันและกัน

และเนื่องจากว่านพะตะบะมีปรอทในตัว ครูบาอาจารย์ท่านจึงกล่าวว่าว่านชนิดนี้ใช้กันผีทั้งปวงได้ เด็กนอนร้องไห้เอาว่านพะจตะบะแขวนเปลผีไม่กล้ามารังแก เอาสำนักทรงเอาว่านพะตะบะพกไว้เจ้าไม่กล้าลงทรงประทับถ้าเป็นเทพมีศักดิ์จะทักขึ้นมาทันที คนผีเข้าเอาหัวว่านพะตะบะจี้ลงไปผีร้องโอดครวญรีบออกไปทันทีเช่นกัน

กลับมาที่เรื่องปรอทเสด็จไปมาได้ อาจารย์โยธินเล่าว่าครั้งหนึ่งเอาปรอทให้คุณยายเอาไว้กำชับว่าระวังหายนะ เพราะปรอทชอบไปไหนต่อไหนได้เสมอ คุณยายท่านก็เอาไว้ในกระเป๋ารูดซิบเป็นอย่างดี ผ่านไปเพียง ๓ วันลองมาคลำดูในกระเป๋าปรากฏว่าปรอทหนีหายไปซะแล้ว ทั้งๆที่รูดซิบไว้สนท ก็น่าแปลก โบราณท่านว่าปรอทที่มีฤทธิ์ดีแล้วไม่ต้องระดับสุดยอดก็ได้ พวกเพชรพญาธรชอบมาขโมยเอาไปเพิ่มฤทธิ์เพิ่มเดชให้ตัวเองนัก

เรื่องปรอทและตำนานแปลกมีอีกมากครับแล้วจะค่อยๆมาเล่าให้ทุกๆท่านฟัง คุณตาของอาจารย์โยธินท่านเป็นศิษย์ของหลวงปู่ทองวัดราชโยธาด้วย ท่านเล่าเรื่องหลวงปู่ทองไว้อย่างน่าฟังมากแล้วจะนำมาเล่าในคราวต่อๆไป ครับ

 

ขอบพระคุณมากนะครับที่ นำมาเผยแพร่ ผมก็เป็นอีกคนที่สนใจปรอทสำเร็จ

 

สาธุเป็นกระทู้ที่ถูกใจมากๆๆเลยครับ ปรอทเป็นอะไรที่สุดๆๆครับ ผมเคยเห็นปรอทที่ออกหากินสายแร่ทอง หายวับเข้าไปในหินก้อนใหญ่เมื่อครั้งผมไปหามวลสารมาทำพระถวายหลวงปู่ทรง
และผมเคยชวนหลวงปู่ทรงดักปรอท แต่ท่านว่าสมัยนี้จะไปดักที่ไหน มันไม่ค่อยมีแล้ว ป่าหมดท่านว่านี้น่าจะยืนยันได้คล้ายอาจารย์ว่านะครับ
ปล.นอกจากปรอทจะหาว่านกินแล้ว สังกรณียักในป่าก็กินปรอทเช่นกันรากของสังกรณีจะชอนไชไปตามหน้าผาหินเพื่อดูดกินปรอทที่หากินทองในหินที่มีสายแร่ทอง

 

ปรอทที่เกลือกสีผิวเป็นสีเขียวอมทองเมื่อนำมาขัดถูกสัดพักก็จะกลับเป็นสีขาวดั่งเก่า ปรอทองค์นี้สามารถนำไปหุงต่อจนกลายเป็นปรอททนสิทธิ์ที่มีอานุภาพมากกว่าเดิม แต่ผมใจร้อนครับขอมาเลี้ยงเองเลย สังเกตุเห็นความน่าอัศจรรย์หลายๆอย่างเกี่ยวกับปรอท นับว่าเป็นธาตุที่มีความเร้นลับไม่แพ้เหล็กไหลเลย

 

อีกหนึ่งมุมของปรอททนสิทธิที่ขัดถูจนเงาวาวสีขาวเหมือนเก่า

ปรอทเป็นแร่กายสิทธิ์ที่ใกล้เคียงเหล็กไหล จริงๆแล้วปรอทก็เป็นไหลประเภทหนึ่งเหมือนกัน ผมเคยเห็นเหล็กไหลน้ำหนึ่งชั้นยอดมีสีเขียวปีกแมลงทับ และสีม่วงคราม เนื้อก็ใสเป็นแกว ไม่เหมือนหินหรือโลหะทั่วไป เทียบกับปรอทชั้นยอดก็เป็นแก้วเหมือนกัน ปรอทที่หุงชั้นสุดยอดตามตำนานมีลักษณะเป็นเพชรวาวใสประกายรุ้ง ทั้งปรอทและเหล็กไหลจัดเป็นกลุ่มดวงแก้วมณี อันเป็นบริวารของดวงแก้วจักรพรรดิ์ของพระมหาจักรพรรดิ์

นอกจากนี้เหล็กไหลหลายชนิดก็มีส่วนของปรอทเล่นไปในตัวเช่นเหล็กเปียก เหล็กชีปะขาว เหล็กไหลน้ำ เหล็กไหลเงินยวง แร่เขาอึมครึมบางชินก็มีสายแร่ปรอทวิ่งเข้าไปปน หรืออย่างแร่บางไผ่เองก็มีปรอทแทรกอยู่ในผิวตามธรรมชาติ ถ้าใครเคยเห็นก้อนแร่บางไผ่ที่ยังไม่ถลุงหรือยังไม่เผาเขาจะแช่เอาไว้ในน้ำคาวปลา และก้อนไหนที่แตก จะเห็นพรายปรอทเกาะอยู่ที่ก้อนแร่ ถ้าเอาขึ้นจากน้ำนานวันเข้าก็จะเกิดสนิมกินจนกลายเป็นขี้ดินขุยดินไปหมด แต่ถ้าแช่เอาไว้ในน้ำคาวปลา แร่จะโตขึ้นเองได้งอกไปมาได้และมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นสีก็เข้มขึ้มด้วย

ในธรรมชาติว่านยาและแร่ศักดิ์สิทธิ์หลายชนิดมักมีปรอทเข้าไปร่วมด้วยเสมอไม่มากก็น้อย ปรอทมันน่าอัศจรรย์จริงๆครับ

 

ปลอดชนิดนี้เวลาถูที่มือจะเกิดคราบดำหรือปล่าวครับ

 

ปรอทองค์ที่เกลือกสีผิวในตัวเองได้ชิ้นนี้ เมื่อถูกับมือก็ไม่ปรากฏขี้ดำให้เห็นครับ แต่ยังกินทองและเมื่อถูกับมือตัวปรอทจะขาววาววับขึ้นมา โดยที่มือไม่มีขี้ดำติดเลย มันน่าแปลกไหมล่ะ แต่นี่ยังไม่ใช้ชั้นเลิศนะครับ เพราะยังชำระโทษไม่หมดยังไม่บริสุทธิ์ถึงที่สุด ทุกเย็นผมจะเอาปรอทองค์นี้มากลึงในฝ่ามือ สีเขียวอมทองก็จะหายไป พอรุ่งเช้าวันใหม่สีเขียวอมทองก็จะปรากฏขึ้นมาให้เห็นอีกครั้ง นานๆทีก็จะให้เขากินทองคำเปลว โดยเอาทองคำเปลวปิดไปบนตัวปรอทจากนั้นเอามือกลึงสักพักเนื้อทองก็สมานเข้าเป็นเนื้อเดียวกับปรอท

 

เรื่องปรอทสำเร็จเป็นเรื่องน่าศึกษามาก เพราะเท่าที่ผมมีอยู่ซึ่งได้มาจากอาจารย์โยธิน มันก็แปลกดีทีเดียว ปกติผมเห็นพระปรอทและลูกสะกดปรอทที่ขายกันทั่วไปหาได้แถวท่าพระจันทร์ ซึ่งเป็นปรอทผสมตะกั่ว นำมาถูมือก็ดำ แต่ปรอทอาจารย์โยธินที่หุงขั้นตามหลักวิชาจริงๆ ถูมือเท่าไหร่ก็ไม่ดำ อาจดำบ้างแต่น้อยมากครับเรียกว่าคงต้องถูกันนานหลายนาที ผิดกับปรอทตามตลาดถูไม่ถึงสี่ครั้งมือก็ดำแล้ว และถ้าปรอทหุงจนเป็นปรอทประกายเพชรแล้วทีนี้ถูมือทั้งวันยังไม่ดำเลย

อาจารย์โยธินกล่าวว่าวิชาปรอททนสิทธิ์ที่คัดมาจากสำนักหอสมุดแห่งชาติปรอทที่หุงขึ้นมาได้มีคุณลักษณะบางอย่างคล้ายกับพระเมฆสิทธิ์ของหลวงปู่ทับ วัดทอง คือการกลับสีผิวของแร่ที่แปรธาตุออกมาได้ จะเหมือนกันคือเขียวอมทอง ถ้าว่ากันตามรัศมีที่ทออกมาเป็นเขียวอมทองถือว่าสุดยอดมากนะครับแค่นี้ก็ไม่ธรรมดาแล้ว เพราะตั้งแต่ผมสะสมธาตุปรอทมาหลวงครูหลายอาจารย์ยังไม่มีที่ไหนทำได้แบบนี้เลย อาจารย์โยธินอนุญาติให้วิชาคาถากับผมด้วยครับหวังให้เอามาเผยแพร่และไปทดลองทำดู ผมบอกอาจารย์ว่าไม่มีเวลาหรอกและคงไม่สามารถทำได้ คนที่ทำได้ต้องทุ่มเทและมีใจรักทางนี้จริงๆ ก็คงต้องให้อาจารย์โยธินท่านทำต่อไปแหละครับผมก็รอของสำเร็จอย่างเดียวเท่านั้น แต่ใครที่จริงจังกับเรื่องนี้ก็ลองไปหาอาจารย์ได้นะครับ ท่านเปิดโอกาสให้ทุกท่านเสมอ

 

เคยถามอาจารยฺโยธิน ท่านว่าตั้งแต่หุงปรอทมามีประสบการณ์ความน่าอัศจรรย์เกี่ยวกับปรอทอย่างไรบ้าง ท่านว่าเคยเห็นปรอทกินทองกลางอากาศ เป็นปรอทที่ปั้นด้วยตะกั่วแล้วนำมาหุงที่หลัง ทีแรกค่อยๆให้ทองคำเปลวแก่ปรอทเสพเป็นอาหาร แรกๆก็ใช้ทองคำเปลวปิดไปที่ลูกปรอท นานวันเข้าปรอทมีฤทธิ์มากขึ้นกินทองกลางอากาศเลย คือเปิดทองคำเปลวเอาไว้ อยู่ให้ห่างจากปรอทประมาณศอกนึง ทองคำเปลวจะค่อยๆละลายหายไปที่ละส่วนอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ก็เรื่องปรอทที่หุงสำเร็จแล้วเสด็จไปไหต่อไหนเอง เช่นเสด็จมาข้างๆต้นว่านพะตะบะเป็นต้น และประสบการณ์เกี่ยวกับอำนาจกันเขี้ยวงา อาจารย์โยธินเล่าว่าตัวท่านเองพกปรอทที่ตนเองทำเพียงเม็ดเดียวเดินเข้าซอยโดนหมากัดแบบจมเขี้ยว คาดว่าได้เลือดแน่ แต่ที่ไหนได้มาถลกกางเกงดูมีรอยเขี้ยวจมลงไปเห็นเป็นแต่รอยแดงและฟกช้ำ แต่ไม่เข้าเนื้อ เลือดไม่ออกสักนิดประเภทแมลงวันยังไม่มีโอกาสตอม ดังนั้นเรื่องคงกระพันหนังเหนียวด้วยอำนาจปรอทจึงเป็นเรื่องที่ยืนยันได้ ประสบการณ์ส่วนหนึ่งของอาจารย์โยธินครับ

 

หมู่ฤๅษีบรมครูทั้ง ๖ องค์ ซึ่งปั้นจากดินจอมปลวกเชิญญาณพระฤๅษีผู้เป็นเจ้าของตำราวิชาปรอทลงสถิตย์ ทั้ง ๖ องค์นี้อาจารย์โยธินปั้นเองทั้งหมด และทุกองค์อาจารย์โยธินท่านจะถวายปรอทที่หุงสำเร็จต่อหน้ารูปปั้นหลวงปู่ฤๅษีบรมครูเป็นสิริมงคลแก่ตัวท่านเองและเพื่อให้การหุงปรอทของท่านมีความศักดิ์สิทธิ์และประสบความสำเร็จยิ่งๆขึ้นไป

 

องค์นี้คือพระฤๅษีตาไฟ บรมครูผู้สำเร็จวิชาปรอทธาตุ

 

ลูกกลมๆสีทองในมือฤๅษีนั่น ปรอท ของ อ. หรือเปล่านะครับ

 

ที่เห็นลูกกลมๆในมือปู่ฤๅษีคือองค์ปรอทของอาจารย์โยธิน ถูกต้องแล้วครับ แต่ปรอทที่ถวายครูจะไม่มีการขายครับ ท่านว่าถวายครูท่านไปแล้วเพื่อเป็นสิริมงคลแก่ตัวอาจารย์เอง เพื่อให้สามารถทำปรอทได้อย่างเป็นมงคลปราศจากอาถรรพณ์ และเป็นเครื่องหมายความกตัญญูที่อุตส่าห์ทำมาแล้วด้วยความเพียร ผลที่ได้ออกมาในเบื้องต้นย่อมสมควรถวายครูเป็นปฐมเริ่มแรก นอกจากนี้ท่านก็จะให้ผู้มีพระคุณบุพพการีของท่าน แต่ส่วนมากปรอทจะไม่อยู่เสด็จหนีหมด ขนาดไว้หน้าหิ้งพระใส่ในผอบก็ยังหายวับไป แต่ที่อยู่หน้าครูฤๅษีทุกองค์อยู่ครบถ้วน อาจารย์เล่าว่าในตำราการหุงปรอทนั้นต้องมียันต์กันเพชรพญาธรด้วย ปรอทจึงไม่หาย สมัยก่อนมีแม่ชีที่วัดปากน้ำพยายามหุงปรอท พอใกล้ๆจะสำเร็จจะเห็นนกตัวใหญ่ๆหน้าตาแปลกๆมาเกาะมามองเสมอ วันที่ปรอทหุงสำเร็จปรากฏมีมือขนาดใหญ่ยื่นลงมากลางอากาศคว้าปรอทเม็ดนั้นไปเลย อย่างถ้าเห็นนกหน้าตาแปลกๆขนาดใหญ่กว่าปกติแบบนี้ก็พวกเพชรพญาธรแปลงมาดูลาดเลา พอถึงวันก็มาคว้าไปเสีย เทพพญาธรและเจ้าที่เจ้าทางเจ้าป่าเจ้าเขาพญาครุฑนาคพวกนี้เขาชอบทางปรอทมักแสวงหาปรอทหุงไปเพิ่มฤทธิ์ทั้งนั้น ก็ไม่แปลกที่เคนเรายังอยากได้ปรอทแม้ว่าจะยากนักหนา แต่ดีที่ว่ามนุษย์มีธาตุขันธ์ครบสามารถหุงปรอทได้ดีที่สุด แต่ยิ่งไปกว่านั้นคือมนุษย์สามารถปฏิบัติธรรม ฟังธรรมและเข้าถึงธรรมได้ อันนี้เป็นที่สุดแห่งชีวิตที่ดีกว่าธาตุขันธ์อื่นๆ ดังนั้นคนเราจึงควรรีบขวนขวายปฏิบัติธรรมให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

 

การหุงปรอทของอาจารย์โยธินเบื้องต้นต้องเคี่ยวปรอทกับน้ำยาว่านภายในกระทะเหล็กก่อน จากนั้นเมื่อปรอทแข็งตัวเป็นลูกกลมๆแล้ว ท่านจะมาหุงปรอทต่อด้วยหม้อดินแบบนี้ ปรอทจะใส่ไว้ในโถแก้ว ถามว่าทำไมต้องทำแบบนี้ครับอาจารย์ท่านบอกว่าเป็นการควบคุมอุณหภูมิไม่ให้สูงจนเกินไป ทำให้ปรอทระเหิดหายไปในอากาศได้ ถ้าสมัยก่อนต้องใช้ไฟจากแกลบ แต่เดี๋ยวนี้หาซื้อแกลบไม่ได้ เลยใช้ไฟจากแก๊ซแทน และต้องรู้วิธีควบคุมอุณหภูมิให้ดีด้วย เมื่อทำมามากเข้าจึงค้นพบวิธีนี้ทำได้ดีเช่นกัน นี่แหละครับสุดยอดแห่งการทุ่งเทด้านวิชาปรอท ต้องยกให้อาจารย์โยธิน ท่านจริงๆ กว่าจะคิดวิธีนี้ได้ต้องอาศัยระยะเวลาเรียนรู้นานพอตัวเลยทีเดียว

 

ภาพอาจารย์โยธิน คล้ายดี ขณะสาธิตการกวนปรอทในกระทะเหล็ก ท่านบอกว่าใช้ตามตำราระบุว่าต้องใช้กระทะเหล็ก ตัวท่านเคยใช้กระทะชนิดอื่นๆปรากฏว่าทะลุหมด ขณะกวนจะใช้ผงเหล็กเป็นเชื้อให้ปรอทกิน แแปลกที่ว่าปรอทสำเร็จที่ได้ออกมาจะไม่ติดแม่เหล็กเลย คุณสมบัติพิเศษนอกจากนี้ก็คือกลับสีผิวตัวเองได้ คุณวิเศาจะเด่นเรื่องคงกระพันกันเขี้ยวงา การเคี่ยวปรอททุกครั้งอาจารย์ต้องหาฤกษ์และต้องตั้งหัวหมูบายศีเคารพครูอาจารย์จึงสามารถทำให้ปรอทแข็งตัวได้ ทดลองมาแล้วเคี่ยวปรอทแบบกันเองไม่ต้องตั้งพิธีปรากฏว่าเคี่ยวไปเถอะปรอทก็ยังเป็นปรอทเหมือนเดิมไม่อาจแข็งตัวขึ้นมาได้เลย

 

อาจารย์โยธิน คล้ายดีขณะกำลังปั้นเทวรูปพระศิวะ ทุกวันนี้รายได้หลักของท่านมาจากการรับจ้างปั้นเทวรูปและปู่ฤๅษี ไม่ได้มาจากการทำปรอทให้บูชาแต่อย่างใด เทวรูปและปู่ฤๅษีทุกองค์ท่านจะใช้ดินจอมปลวก ว่านยา และดินแร่วิเศษที่เก็บรวบรวมมา ทำการปั้นเพื่อให้เจ้าของที่ได้ไปเกิดความแน่ใจว่าได้ของดีกลับไปแน่นอน

 

ปรอทที่ถวายครู เป็นสีทอง สวยดีนะครับ

 

ปรอท ทุกชิ้นหลังจากหุงขึ้นมาแล้วเริ่มต้นจะชาวสุกใสแล้วค่อยกลายสีภายหลัง บางองค์กลายเป็นสีอมเขียว บางองค์เป็นสีอมทอง น่าแปลกมากและสวยงามอย่างน่าอัศจรรย์ครับ

 

ไหลเพชรดำ ธาตุกายสิทธิ์อีกชนิดหนึ่งที่เกิดจากการหุงว่านยา บางชิ้นแม่เหล็กดูดติดทั้งๆที่ไม่มีเชื้อเหล็กในการหุงเลย จากการหุงว่านย่ ปรอทตามตำราโบราณทำให้อาจารย์โยธินรู้ความเร้นลับของธรรมชาติอย่างมากมาย การเข้าธาตุ ประกอบธาตุตามตำราโบราณมหัศจรรย์มาก ปรอทวิเศษ เหล็กไหลกายสิทธิ์ แก้วจักรพรรดิ์ มีทั้งที่เกิดขึ้นเองด้วยอำนาจฟ้าดินพลังจักรวาลและอีกส่วนเกิดจากฤทธิ์วิทยา เกิดจากผู้มีวิชาเล่นแร่แปรธาตุนี่เอง

 

ปรอทและไหลเพชรดำถ่ายคู่กัน ปัจจุบันไหลเพชรดำของอาจารย์หมดไปแล้วครับ ผมขอเอาไว้ทั้งหมดเอง ไม่มีขายครับ