เพื่อการกุศล นิ่มป่าแดง...ตามอ่านประสบการณ์จริง

ในห้อง 'ตลาด พระเครื่องเพื่อการกุศล' ตั้งกระทู้โดย numthip, 14 มิถุนายน 2011.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. ญานธรรม

    ญานธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2010
    โพสต์:
    2,936
    ค่าพลัง:
    +14,705
    งานงวดเข้ามาแล้ว ผมขอค่าหมูทองแดงกับเพื่อนสมาชิกให้รีบโอน หากปัจจัยพร้อมนะครับ จะเริ่มจัดส่งต้นเดือนธันวาคม ศก นี้ แต่หากประสงค์จะเสกเพิ่มเติมไปเรื่อยๆ ก็จะแล้วเสร็จพร้อมเหรียญกลางเดือน มีนาคม ศก หน้า

    อยากได้ของพิเศษด้วย ให้เฉพาะผู้จองและชำระเหรียญเท่านั้นใช่ไหมครับพี่หนุ่มทิพย์
     
  2. numthip

    numthip เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2008
    โพสต์:
    7,094
    ค่าพลัง:
    +65,143
    ของมีน้อยครับ ถ้าจะเอาไว้ใช้ ใช้แค่ที่มีก็พอแล้วครับ ปล่อยให้คนอื่นเค้าจับจองสิทธิ์ไปก่อน ถ้าจะเป็นของเราจริงๆ ประเดี๋ยวมันก็ได้เองแหละ...

    คุณลองดูของที่เช่ามาสิ เยอะพอหรือยัง ขายได้บ้างหรือเปล่า.....แล้วจริงๆเอาไปใช้กี่ชิ้น

    ผมมีตั้งเยอะ ยังใช้แค่ชิ้นเดียวเอง......
     
  3. R-LEK

    R-LEK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    437
    ค่าพลัง:
    +1,627
    จริงครับพี่ทิพย์ ของเริ่มเยอะขึ้นเรื่อยๆ พยายามหยุดอยู่ครับ
     
  4. มรรคเวทย์

    มรรคเวทย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    598
    ค่าพลัง:
    +1,357
    สวัสดี คุณทิพย์
    ลำดับที่ 26 ผมโอนให้ทั้งหมดที่ยังค้างอยู่ วันนี้ 9พย.55ตอน 22 .55น.ตู้ATMกรุงไทยสาขาพาต้าปิ่นเกล้า จำนวน 4,559บาท(เป็นค่าส่งEMS 100 บาท) ค้างในตาราง2,959+ตะกรุด1,500
    เป็นค่าเหรียญพ่อตากสินสัมฤทธิ์ 1+ชนวน 1
    เหรียญกรมหลวงชุมพรสัมฤทธิ์ 1+ชนวน 1
    ตะกรุด 4มหาอำนาจ 1ชุด
    และมีรายการที่ยังไม่ได้ส่งอีก 2 รายการ คือหมู2ตัวและกระดาน1แผ่น
    และขอให้ทวงของแถมคราวก่อนที่ลืมให้เมื่อตอนที่เช่าเพิ่มหนุมานกายทิพย์4ตนแต่หนุมานไม่ค่อยชัด(คุณทิพย์บอกให้อย่าลืมทวงคราวหน้า ผมเลยขอใช้สิทธิ) หรือจะให้ของ 1ใน50ก็แล้วแต่นะครับ ไม่ว่ากัน
    มรรคเวทย์
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 9 พฤศจิกายน 2012
  5. numthip

    numthip เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2008
    โพสต์:
    7,094
    ค่าพลัง:
    +65,143
    เผอิญว่าไปเห็นของพระอาจารย์พรสิทธิ์ วัดสว่างอารมณ์เข้า จำไม่ได้ว่าไม่ได้ไปกราบท่านฯมากี่ปีแล้ว (น่าจะครั้งสุดท้ายเมื่อปี 45-46) แต่จากภาพที่เห็น ท่านทำเมื่อปี 54
    [​IMG][​IMG]
    [​IMG][​IMG]
    ภาพจาก "เรื่องเล่าจากโกสินทร์ตอนที่ 51"
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 พฤศจิกายน 2012
  6. ญานธรรม

    ญานธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2010
    โพสต์:
    2,936
    ค่าพลัง:
    +14,705
    ฮ่า ฮ่า ฮ่า ..........ก็อยากได้นิ.........ในตารางมีคนจองเหรียญ 41 ท่านเหลือโค้วต้าอยู่ เห็นบอกว่า 50............. เอ่อจองเหรียญพระเจ้าตากและกรมหลวงชุมพรเนื้อชนวน อย่างละ 1 เหรียญ

    ปล.ของที่ร่วมบุญมา ก็เป็นเครื่องระลึกในบุญ ไม่ขายครับ จริงๆก็หมุนเวียนใช้ไม่ถึง 10 แต่ที่เหลือเอาออกมาดูก็ชื่นใจครับ นึกถึงบุญที่เราได้ร่วมมา

     
  7. numthip

    numthip เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2008
    โพสต์:
    7,094
    ค่าพลัง:
    +65,143
    ชื่นใจ นึกถึงบุญที่ทำนี่แหละครับ จุดประสงค์หลัก แต่ต้องจำให้ได้นะว่า ชิ้นนี้แทนอะไร ศาลาฯ พระอุโบสถ สะพาน ค่าน้ำค่าไฟ ฯลฯ

    ไม่งั้นจะเป็นการทำบุญเอาของ... มันต่างกันครับ

    ผมไม่ง้อคนซื้อ เพราะไม่หวังยอดขาย
    แต่ผมง้อคนทำบุญ เพราะผมได้กุศลด้วย
     
  8. Kaan

    Kaan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มกราคม 2008
    โพสต์:
    68
    ค่าพลัง:
    +272
    ลำดับที่ 38 แจ้งโอนเงินค่าเหรียญสมเด็จพระเจ้าตากสินเนื้อสัมฤทธิ์ 2 เหรียญ จำนวนเงินรวม 2,000 บาทครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  9. วรัท

    วรัท เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    505
    ค่าพลัง:
    +2,387
    คุณหนุ่มทิพย์
    วันนี้หนูโอนเงินผ่านตู้ ATM จำนวน 3,500.99 บาท
    เป็นค่าเหรียญเนื้อชนวน 4 เหรียญ (ลำดับที่ 29)
    และตะกรุด 4 มหาอำนาจ 1ชุด (ลำดับที่ 4)
     
  10. ญานธรรม

    ญานธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2010
    โพสต์:
    2,936
    ค่าพลัง:
    +14,705
    ขอต่อรองเป็นนึกถึงบุญทุกบุญรวมๆที่ได้ร่วมบุญกับคุณหนุ่มทิพย์สุดหล่อได้ไหม เวลาเจอกันข้างบน จะได้มีเรื่องคุยกัน:cool:
     
  11. ศนิวาร

    ศนิวาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2008
    โพสต์:
    7,337
    ค่าพลัง:
    +17,635
    งัวตอกสาน สวย ๆ ทั้งนั้น
    แต่ถ้าให้เลี้ยง ไม่เอาครับ ขี้เกียจเสกหญ้า เสกน้ำให้กิน
    ขังนานลืมปล่อย ลืมเลี้ยงเดี๋ยวพ่อโมโหหิวอาละวาดคงยุ่งพิลึก


    เป็นกำลังใจให้คุณพ่อประดู่อีก ๑ เสียง
    ขอให้คุณพี่แม่บ้านหายป่วยโดยไวครับ
     
  12. numthip

    numthip เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2008
    โพสต์:
    7,094
    ค่าพลัง:
    +65,143
    ฝีมือพระอาจารย์พรสิทธิ์ครับ
    ถ้ารู้ว่าสานได้สวยแบบนี้ คงขอไว้เป็นที่ระฤกบ้างแล้ว เป็นวัวสายลานนาครับ ไม่รู้จะเหมือนสายภาคกลางหรือเปล่า

    แต่ถ้าเอามาเลี้ยงแล้วต้องป้อนข้าวป้อนน้ำก็คงไม่เอาเหมือนกัน
    ไปไหนที่น่ากลัวๆก็เอาเมียไปด้วย อุ่นใจดี

    ผีกลัวเสือ(หลวงพ่อปาน)
    เสือกลัวควาย(ธนู)
    ควายจะกลัวลิงหรือเปล่า เหมือนทรพีกับพาลี

    .
     
  13. crane

    crane เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2008
    โพสต์:
    235
    ค่าพลัง:
    +780
    สวัสดีครับพี่ทิพย์
    แจ้งโอนส่วนที่เหลือลำดับที่ 30
    10/11/2012 11.42 จำนวน 2700.00
    ขอบคุณครับ
     
  14. พ่อประดู่09

    พ่อประดู่09 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    283
    ค่าพลัง:
    +4,378
    เรื่อง : เรื่องเล่าเกี่ยวกับควายธนู...กับเสือสมิง

    ตอน : ตาคำ...เสือถก

    ควายธนู...ที่ลุงแก่ข้างวัดทำให้หลวงพ่อปั้นดู ก็คงจะเหมือนที่คุณหนุ่มทิพย์เอารูปมาลงให้ดู แต่คงไม่สวยขนาดนั้นเพราะทำด้วยขี้ตอกขี้หวาย และ

    แกไม่ได้คิดจะทำขาย แต่เป็นการทำแบบมีความรับผิดชอบสูง คือเลิกใช้แล้วถอนคาถารื้อทิ้ง ไม่ปล่อยไว้ให้เป็นอันตรายกับผู้คน ถ้าถามผมว่าไม่มี

    อย่างอื่นหรือแบบอื่นอีกหรือ ผมก็ได้ฟังมาว่ามีแบบอื่นหรืออย่างอื่นเหมือนกัน แต่เป็นไปในลักษณะที่ผมไม่ชอบ เพราะทำกันเป็นของถาวรและเป็น

    เดรัจฉานวิชาเสียแทบทั้งสิ้น เช่น มีส่วนผสมจากดินเจ็ดป่าช้า เหล็กที่ใช้เขี่ยศพเวลาเผาหรือตะปูโลงผีฯลฯ ผมมองไม่เห็นประโยชน์จากสิ่งเหล่านี้

    นอกจากจะมองว่าเป็นสิ่งอัปมงคล ผมจึงนำเสนอเฉพาะทีทำจากตอกหรือหวายจักสาน ส่วนที่ทำจากอย่างอื่นเปิดหาอ่านเอาได้ตามอัธยาศัยของแต่ละ

    ท่าน ถ้าใครมีอยู่แล้วก็ขอให้ช่วยกันดูแลรักษาหาหญ้าหาฟางให้กินด้วย ต้องเข้าใจนิสัยควายด้วยว่าไม่ถูกกับสีอะไรบ้าง อย่าพกไปในสถานที่มีสีที่

    ควายไม่ชอบ เดี๋ยวเกิดคุมไม่อยู่ไปขวิดใครเขาเข้าจะมีความผิด โดยเฉพาะงานกีฬาสีอย่าพกไปเด็ดขาด ก็พูดเล่นไปบ้างแต่ก็อยากให้เก็บเอาไป

    คิด อยากให้คิดว่าควายธนูคือหุ่นพยนต์สร้างมาเพื่อให้ทำร้ายฝ่ายตรงข้ามที่ไม่ใช่ฝ่ายเรา และถ้าเรามีหรือหามาครอบครองเคยไตร่ตรองกันไหมว่า

    ญาติพี่น้องเรามีอีกเท่าไหร่ที่ควายมันไม่รู้จักถ้าเกิดเราแนะนำไม่ทัน มันขวิดเอาใส้ไหลไปแล้วจะทำอย่างไร?!!! หาของที่มีไว้แล้วแคล้วคลาดหรือมี

    เมตตาน่าจะดีกว่า ที่เหลือคิดกันเองเถอะครับ....

    เอาเรื่องตาคำเสือถกกันดีกว่า เรื่องนี้สาระมีไม่มากแต่ก็แฝงไว้ด้วยคำพังเพยที่ชอบพูดกันที่ว่า"ไม่เชื่ออย่าลบหลู่" ปู่เล่าว่าตอนเป็นวัยรุ่นในช่วงที่อยู

    วัดมหาดไทย โดยฝากตัวเป็นลูกบุญธรรมของหลวงพ่อปาน เจ้าอาวาสวัดมหาดไทย ซึ่งเป็นพระพี่ชายของหลวงปู่ทิมหรือ"พระราชประสิทธิคุณ

    (ทิม ยสทินโน)"เนื่องจากเป็นคนพลัดถิ่นแต่อาศัยว่าเป็นคนเก่งเรื่องหนังสือตามที่เคยเล่าไปแล้ว ก็ทำให้เป็นที่รักใคร่ของคนทั่วไป มีอยู่ปีหนึ่งกำนัน

    มาขอหลวงพ่อปานเพื่อเอาไปช่วยงานฯ ก็เลยต้องสึกจากเณรไปช่วยเขาเลี้ยงควายในฤดูน้ำ ในยุคนั้นแถวไผ่ดำหรือแถววิเศษชัยชาญ เป็นที่ลุ่ม แต่

    ที่โพธิ์ทองจะเป็นที่ดอนกว่าโดยเฉพาะที่ป่า"ยางช้าย" ดังนั้นก่อนหน้าน้ำหลากบ้านที่มีวัวควายก็จะมารวมตัวกันหลายๆบ้าน แล้วต้อนเอาไปเลี้ยงที่

    ป่า"ยางช้าย" ซึ่งเป็นป่าสะแกเสียเป็นส่วนใหญ่และมีป่าไผ่กับต้นไม้ใหญ่อยู่บ้าง ในยุคนั้นปู่เล่าว่ายังมีการหักร้างถางพงเพื่อทำนากันอยู่บ้าง ใครถาง

    ได้ก็เอาไม้ทำถ่านและเอาที่โล่งเตียนทำนาฯ สถานที่นำควายไปทำคอกเลี้ยงกันนั้น จะมีศาลเจ้าพ่อที่คนเคารพนับถือ มีไก่ป่ามาไข่ไว้จำนวนมากแต่

    ไม่มีใครกล้าเอามากิน บางครั้งก็มีเสือมาคาบเอาลูกวัวลูกควายไปกินบ้าง...

    เรื่องมีอยู่ว่า หัวหน้าชุดที่ไปเฝ้าวัวควายที่เป็นชุดเดียวกับปู่ ชื่อ ตาคำ อายุประมาณ ๔๐ กว่าปี เป็นคนห่ามๆ โดยการจัดชุดดูแลเลี้ยงวัวควายจะ

    เปลียนนกันทุกวันพระใหญ่ พอใกล้จะเปลี่ยนชุด ทุกคนก็จะหาของใส่เรือกลับบ้าน เช่น ฟืน,ถ่านหุงข้าว,หรือเนื้อหมูป่า ซึ่งมีอยู่พอหาได้ ตาคำ ได้

    ชวนพวกหนุ่มวัยรุ่นนั่งห้างเพื่อยิงหมูป่า พวกเด็กๆ ก็ยินดีแต่ต้องนั่งห้างละ ๒ คน และอยู่ใกล้ๆ กัน ตาคำก็ว่าพวกเด็กๆ ตาขาว,กลัวผีสางนางไม้ไม่เข้า

    เรื่อง พวกเด็กๆ ก็ยอมรับว่ากลัว โดยเฉพาะเสือ ตาคำก็ว่าเสือก็เสือซิวะ ถ้าเข้ามาจะได้ยิงซะให้ดิ้น เด็กๆ ก็แย้งว่าระวังเดี๋ยวเกิดเป็น"ม้าเจ้าพ่อ" ก็

    จะเป็นเรื่อง ตาคำก็ว่าถ้าเป็นม้าเจ้าพ่อมา "กูก็จะถกหนังเอามาตากแห้งกลับบ้านซะเลย" เมื่อตกลงกันแล้วก็ออกนั่งห้างในตอนกลางคืน โดยตาคำมี

    ห้างที่มาตรฐานกว่าเพื่อนคือเป็นกอไผ่ทั้งกอที่ตัดเอาลำไม้ไผ่ไปแล้ว โดยเหลือแต่ซอไผ่สูงกว่าหัวขึ้นไปขนาดว่าเสือไม่มีทางขึ้นถึง โดยแกขออยู่คน

    เดียว ปรากฎว่าพอตอนดึกเด็กหนุ่มๆที่ทำห้างอยู่ใกล้ๆกัน ได้ยินเสียงตาคำร้องขอความช่วยเหลือลั่นป่า จึงยิงปืนขึ้นฟ้าเป็นสัญาณแล้วลงจากห้างวิ่ง

    ไปที่ห้างของตาคำ พบตาคำนอนจมกองเลือดร้องโอดโอยอย่างตกใจอยู่บนห้าง เมื่อแก้ไขให้หายตกใจแล้วจึงพบว่ามีบาดแผลหนังเปิดที่หัวเหนือ

    ท้ายทอยขึ้นมา และมีรอยเล็บขูดที่บริเวณด้านหลังเสื้อผ้าขาดวิ่น ส่วนปืนตาคำหล่นลงไปอยู่ในกลางกอไผ่ จึงได้พาตาคำกลับมารักษาที่พักคอกวัว

    คอกควาย รุ่งเช้าจึงให้ตาคำเล่าเหตุการณ์ให้ฟัง ได้ความว่าตอนนั่งห้างอยู่คิดว่าตัวเองคงจะหลับใน มาตกใจตอนได้ยินเสียงคนร้องเรียกชื่อที่ด้าน

    หลังว่า"ไอ้ ขอำ...ไอ้ ขอำ..." จึงหันไปดู เห็นเสือมันทำท่าตะกายจะขึ้นมาหา เลยตกใจสุดขีด...หงายท้องปืนตกลงไปในกลางกอไผ่...จึงตะโกน

    เรียกเพื่อนให้มาช่วย...จังหวะเดียวกับที่เสือมันตะกายตะปบเอาที่ที่ท้ายทอยจนหนังเปิด... ตั้งแต่นั้นมาคนก็เรียกแกว่าตาคำเสือถก....

    หมายเหตุ...สัตว์พาหนะสำหรับเจ้าพ่อเจ้าแม่ ถ้าเป็นเสือเรียก ม้า ถ้าเป็นจรเข้เรียก เรือ ถ้าเป็นงูเรียก เถาวัลย์ และขอขอบคุณทุกแรงใจที่ส่งมาให้

    แม่บ้านผม เจ้าตัวปลื้มมากทำท่ายังกับว่าหายแล้ว....ขอบคุณมากครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 พฤศจิกายน 2012
  15. numthip

    numthip เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2008
    โพสต์:
    7,094
    ค่าพลัง:
    +65,143
    แหม... จริงๆผมก็ไม่ใช่คนดีนัก ฐานะก็ไม่ค่อยดี สมองความจำก็ไม่ค่อยดี....อาศัยปากดี กับหน้าตาดีนี่แหละ ถึงได้เมียสวย.... ไว้เจอกันข้างบนครับ กดลิฟท์ไปก่อนเลย ผมยังอยู่อีกนาน.....

    รักกันจริงก็ต้องทวงบ่อยๆครับ ไม่ต้องกลัวผมอาย เมียผมยังหาต่อมอายผมไม่เจอเลย....

    เมื่อแรก จะยกเหรียญเงินให้คุณบี เป็นที่ระฤก(เพราะใจดีทำบุญกับผมไม่เคยสะดุดจะคิดเลย ยังกะได้ของฟรี) แต่พี่นิ่มตอนนี้เหมือนนาเข้าหน้าฝน โดนไถไม่ไว้หน้าเลย...

    ขนาดขอเปลี่ยนเป็นยกเงินสดให้หมื่นนึง คนไถยังไม่สนใจ จะเอาเหรียญเงินให้ได้ มาเล่าให้ผมฟัง ผมก็เฉยๆ พระฯไม่ใช่ของผม และคนที่ไถก็ไม่ใช่คนที่ผมแนะนำ ถือเป็นวิบากกรรมของใครของมัน

    สำหรับคุณบี ผมเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นแทน รับรองว่าไม่ทิ้งกันเลย.....
     
  16. numthip

    numthip เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2008
    โพสต์:
    7,094
    ค่าพลัง:
    +65,143
    อ.ธรรมนูญ สำนักบัวแปดกลีบ : มาลองของหรือเปล่า? ของที่ยกมาก็ดีอยู่แล้ว
    21 ส.ค. 55 : หลวงพ่อลี วัดหัวตลุก : "ท่านท้าวสักกะเทวราชท่านมาเองเลยนะ...มาร่วมโมทนากับคุณด้วย"
    27 ส.ค. 55 : ครูบาสายทอง วัดท่าไม้แดง : "ของที่อยู่ในลังนี้ มีรูปพระเจ้าตากสองพิมพ์ใช่ไหม ท่านมาเองเลยนะ..."
    6 ก.ย. 55 : หลวงพ่อสมบุญ วัดปอแดง : "ของที่ยกมา ไม่ต้องเสกแล้วก็ได้นี่..."
    6 ก.ย. 55 : หลวงปู่ผ่าน วัดป่าโพธิ์แก้ว : "หมูเขี้ยวตันนะ มีชีวิตแล้วนะ คุ้มตัวคนใช้ได้แล้ว"
    21 ส.ค. 55 : พระอาจารย์สมคิด วัดเนินสาธารณ์ : "ผมมีเท่าไหร่ ผมทำให้คุณนิ่มหมดเลย..."
    12 ก.ย. 55 : พระปลัดนิวัติ วัดคมบาง : "เสียลั่นเปรี้ยะๆ รอบพระอุโบสถตลอด ข้างบนเค้าร่วมโมทนาด้วยนะ..."
    15 ก.ย. 55 : หลวงปู่สุภา กันตสีโล : "ทำไมจะสู้เหรียญปี 2466 ไม่ได้... ครูอาจารย์เรามาเสกเองหมด..."
    4-6 ก.ย. 55 : หลวงปู่สงัด วัดสันติคีรีเขต : "พรหมทั้ง 16 ชั้น มาร่วมโมทนากับเธอด้วยนะ...พระฯชุดนี้ หาเทียบได้ยาก..."
    : หลวงปู่บัว วัดเกาะตะเคียน : "ของที่หลวงปู่ฯเสกให้ ไม่ต้องไปเสกเพิ่มแล้วนะ มันเกินแล้ว.."
    [​IMG][​IMG] คลิกที่ภาพเพื่อขยาย

    งานงวดเข้ามาแล้ว ผมขอค่าหมูทองแดงกับเพื่อนสมาชิกให้รีบโอน หากปัจจัยพร้อมนะครับ จะเริ่มจัดส่งต้นเดือนธันวาคม ศก นี้ แต่หากประสงค์จะเสกเพิ่มเติมไปเรื่อยๆ ก็จะแล้วเสร็จพร้อมเหรียญกลางเดือน มีนาคม ศก หน้า

    ทุกอย่างเป็นไปตามประสงค์ของเพื่อนสมาชิกครับ แต่ผมขอพึ่งสตางค์เพื่อนสมาชิกด้วย (มีเหตุให้ต้องใช้สตางค์เพื่องานนี้แล้วครับ)



    ตะกรุด 4 มหาอำนาจ เริ่มโอนได้แล้วนะครับ[/COLOR] ....
    ปัจจัยค่าตะกรุดฯ เป็นไปเพื่อการก่อสร้างอาคารเรียนหลังใหม่ ของโรงเรียนวัดโพธิผักไห่

    แววๆ ว่าต้นทุนต่อห้องเรียน ตกอยู่ที่ 500,000 บาท ท่านใดใจบุญ พร้อมกับทุนทรัพย์ที่ไม่จำกัด จะรับเป็นเจ้าภาพ ก็ขอโมทนาด้วยครับ
    ทุกท่านจะได้รับใบอนุโมทนาจากทางโรงเรียนนะครับ จะลดภาษีได้มากกว่า<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->

    ....................................

    หนังสือ"ปฐมสมโพธิกถา" ที่จะแจกฟรีเล่มหนามาก.... จะจัดส่งพร้อมกระดานชนวนหนุนดวง วัดโพธิผักไห่ เพราะใช้กล่องใหญ่ แข็งแรงปลอดภัยกว่าครับ

    สโลแกนเดิม... โปรดรอ<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --> (ผมลืมแนบหนังสือให้คุณบี ไว้โอกาสหน้านะครับ ต้องขออภัย)<!-- google_ad_section_end -->
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 พฤศจิกายน 2012
  17. numthip

    numthip เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2008
    โพสต์:
    7,094
    ค่าพลัง:
    +65,143
    ถึงตอนนี้ ผมนับได้ 32 ท่านนะครับ.........(32 ท่านที่จองเหรียญฯและชำระก่อนวันที่ 5 ธ.ค. 55 จะรักษาสิทธิ์ใว้ให้ และโปรดอย่าถามมานะครับ สโลแกนเก่าๆ "ถ้าเชื่อใจกัน...")
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 พฤศจิกายน 2012
  18. numthip

    numthip เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2008
    โพสต์:
    7,094
    ค่าพลัง:
    +65,143
    เย็นวันนี้นายแกละ และคณะฯ แวะเข้ากราบนมัสการเจ้าอาวาสวัดป่าแดง
    ขอเช่าพระฯของพี่นิ่ม 60 องค์ (องค์ละ 700-1,000 บาท)

    เล่าให้เจ้าอาวาสฟังว่า
    ไอ้คนที่ยิง มันเป็นลูกเขย มันหาดีหมีหัวใจเสือกินไม่ได้ มันเลยกินยาบ้าแทน
    สรรพคุณยามันก็สมชื่อจริงๆ ยิงได้กระทั้งพ่อตา.....

    ใช้ 9 มม. ไปเป็นเพื่อน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 พฤศจิกายน 2012
  19. numthip

    numthip เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2008
    โพสต์:
    7,094
    ค่าพลัง:
    +65,143
    เดือนนี้พี่นิ่มพลาดโอกาส จะนำวัตถุมงคลเข้าพิธีฯที่วัดบวรฯ แต่ยังได้กราบหลวงปู่บัว วัดเกาะตะเคียน

    ผมก็อยากให้พี่นิ่มได้พักบ้าง เดินทางทุกวันเหนื่อย เป็นห่วง แต่ห่วงได้ไม่กี่วัน ก็เอาพระฯไปให้พราหมณ์หวัน เสกเดี่ยว 3 วัน (6-8 พ.ย.55)

    พราหมณ์หวัน เป็นฆราวาสถือศีลที่พระเกจิอาจารย์สายตะวันออกยอมรับ ยิ่งสมัยที่หลวงปู่เฮี้ยงยังอยู่ ก็จะเดินทางไปปลุกเสกด้วยกัน

    แต่เมื่อหลวงปู่เฮี้ยงละแล้ว พราหมณ์หวันก็เก็บตัวเงียบ ไม่เสกของให้ใครง่ายๆ

    พราหมณ์หวัน เรียกพี่นิ่มว่า "เจ้าสัว" และรักใคร่เป็นอันดี เมื่อเห็นพี่นิ่มยกของมาให้ ก็เต็มใจเสก แต่ก่อนเสกก็บอกว่า "ของมันดีอยู่แล้ว จะเสกอีกทำไม"

    ไม่เป็นไร เสกด้ายยยย.....

    พอขึ้น สักเค กาเม.....อัญเชิญเทวดา ก็เกิดลูกไฟขนาดล้อรถไถ วิ่งเข้าหากองวัตถุมงคล
    เฮียเพ้ง คนที่เคยขับรถประสานงากับรถบันทุกนั่งอยู่หน้าสุด คิดว่าพี่นิ่มยิงแฟลส เลยเฉยๆ แต่ไฟแฟลสมันแปลกๆ....

    ท่อนถัดมา..ก็ปรากฎลูกไฟขนาดเดียวกันขึ้นมาอีก ทีนี้ผู้ใหญ่ชัช(รองผู้ใหญ่บ้านป่าแดง) นั่งถัดมาก็เห็นเป็นครั้งที่สอง หันมาดูพี่นิ่มว่าใช้กล้องยี่ห้ออะไร ไฟแฟลสมันแปลกพิกล ...ก็เห็นพี่นิ่มเบิกตาโต ไม่ได้จับกล้อง

    ท่อนถัดมา...ก็ปรากฎอีก ทีนี้ทั้งเฮียเพ้ง และผญ.ชัช และพี่นิ่ม มองตากันอย่างเดียว...

    หลังเสกเสร็จในวันแรก พราหมณ์หวัน ก็เรียกลูกหลานเข้ามาฟังใกล้ๆ ว่าสมัยท่านยังปลุกเสกพระฯร่วมกับหลวงปู่เฮี้ยงนั้น เคยทดสอบดูทั้งพระเครื่องฯและพระผู้เสกแล้ว ดูเข้าไปถึงข้างในว่าเป็นอย่างไรบ้าง ของจริงหรือไม่ก็รู้ได้ในงานนั้น

    แต่ของเจ้าสัวนิ่มนี้ ลองดูแล้ว บอกได้เลยว่า ให้ลูกหลานตามเก็บไว้ให้ดี ว่าแล้ว ท่านฯก็ถามพี่นิ่มว่า จะเสกกี่วัน พี่นิ่มยิ้มหน้าบาน บอกขอฝากไว้ 3 วัน

    ท่านฯก็เมตตา บอกว่าจะเอาให้ยิงไม่ออกตามที่ขอ.......

    ภาพถ่ายพราหมณ์หวัน และประวัติของท่านฯ จะหาโอกาสลงให้เร็วที่สุด
     
  20. พ่อประดู่09

    พ่อประดู่09 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    283
    ค่าพลัง:
    +4,378
    เรื่อง : ความศรัทธา...ความเชื่อ...ของคนสมัยก่อนกับการไปไหว้พระพุทธบาทสระบุรี

    ตอน : การเดินทาง...การไปอยู่ที่พระพุทธบาท...และการเดินทางกลับฯ

    ตามที่ฟังเขาเล่ากันมาช่วงเวลาขณะนั้นของเรื่องนี้ เหมือนกับว่าออกจากบ้านไปไม่ไกลนักก็เป็นป่าแล้ว หรือก็เป็นไปในทำนองมีหมู่บ้านเป็นหย่อมๆ

    ห่างกันพอสมควร และระหว่างหมู่บ้านหนึ่งไปยังอีกหมู่บ้านหนึ่งก็คงจะเป็นป่าเพียงแต่ว่าเป็นป่าโปร่งคือไม่ใช่ป่าดิบหรือป่าดงดิบ(ผมเปรียบเทียบเอา

    จากเรื่องต่างๆที่ได้รับฟังมา)เมื่อเช้านี้ได้โทรฯไปหาเพื่อนที่ เรียนหนังสือมาด้วยกันตอนเป็นเด็ก ตอนนี้เขาอยู่ อ.โพธิ์ทอง เป็นนายพลอากาศตรีฯ

    เกษียนแล้วหลายปี เขาเป็นคนเกิดที่ ต.ไผ่ดำ อ.วิเศษ แล้วไปอยู่ อ.โพธิ์ทอง ผมบอกเขาว่าผมอยากทราบข้อมูลที่เกี่ยวกับ ต.ยางช้าย เพราะผม

    เปิด google มีข้อมูลของจังหวัดอ่างทอง เรียกตำบลนี้ว่า ยางซ้าย และแถมยังมี ยางขวา ผมถามเขาว่ามันชื่ออะไรกันแน่ระหว่าง ยางช้าย ที่ผมฟัง

    มาจากปู่ย่าตายาย กับ ยางซ้าย เพื่อนยืนยันว่า ยางช้าย เขาถามผมว่าจะเอาไปทำอะไร ก็บอกว่าจะเอาไปเขียนเรื่องเล่าให้คนเขาอ่านกัน เพราะที่

    ปู่ย่าตายาย หรือพ่อแม่ เขาเล่ากันว่าสมัยก่อนเมื่อถึงฤดูจะเข้าพรรษาน้ำเหนือเริ่มมา ชาวบ้านแถววิเศษฯ จะรวบรวมวัวควายในหมู่บ้านของพวกตน

    แล้วต้อนเอาไปไว้ที่ป่า ยางช้าย คนแก่จะออกเสียง ยังใช้ เพราะเป็นที่ดอนและเป็นป่าแต่มีหญ้าอุดมสมบูรณ์ เอามาปูพื้นเพื่อให้ท่านผู้อ่านนึภาพออก

    ว่า สมัยนั้นป่ามันมีทั่วเมืองไทย เรียกว่าหันหน้าไปทางไหนก็มีป่า แต่ภาคกลางจะเป็นป่าโปร่ง ป่าสะแก ป่าแฝกป่าหญ้าคา และมีบึงมีหนองน้ำ

    มากฯ ป่ายางช้าย หรือป่ายังใช้นี้ ยังมีเรื่องเสือ,เรื่องเจ้า,เรื่องงู มาเล่าให้อ่านได้อีก เมื่อได้คุยกับเพื่อนที่เรียนมาด้วยกันรู้เรื่องแล้วจึงมาเขียนเรื่องนี้

    ต่อ ดีนะว่าผมเชื่อข้อมูลที่มันติดหูติดลิ้น ถ้าเชื่อจากที่เปิดดูมาคงขายหน้าคนโพธิ์ทองกันบ้าง

    หลังจากขว้างก้อนหินถามทางไปยัง"ป่ายางช้าย"เสร็จก็มาถึงการเดินทางของหมู่คณะที่เดินทางไปไหว้พระพุทธบาทสระบุรี คนที่เดินทางไปกับปู่ส่วน

    ใหญ่ก็เป็นผู้ใหญ่แล้ว จะเป็นการไปแบบสองคนผัวเมีย และคนสูงอายุที่เริ่มคิดจะทำบุญหรือแสวงบุญแล้ว จะไม่มีปัญหาอะไรในเรื่องการปกครอง

    ดูแลกัน จะมีพวกหนุ่มๆไปด้วยก็คอยช่วยผ่อนแรงเรื่อหาบเรื่องคอน ภัยที่กลัวกันมากก็คืองูเห่า,งูจงอาง ดังนั้นถ้ามีล้อหรือมีเกวียนไปด้วยก็เตรียมวัว

    สำรองเอาไปด้วย เพราะเคยมีวัวถูกงูกัดตาย บางครั้งก็มีเสือเข้ามาดูลาดเลาใกล้ๆ บางทีก็เห็นตัวไวๆ บางทีก็รู้ได้จากอาการของวัว หรือม้า ตอนขา

    ไปก็จะหมายตาเอาไว้ว่าขากลับจะแวะเก็บอะไรที่ตรงไหน เพราะเป็นของป่าไม่มีเจ้าของปู่เล่าว่ามีที่อยู่แห่งหนึ่งอยู่ใกล้มาทางอ่างทอง มีเนินดิน

    เหมือนเป็นหมู่บ้านเก่า มีกระเบื้องแตกหักจมดินอยู่เยอะมาก เป็นที่จะแวะขุดกระชาย หาผลไม้ป่าตอนขากลับ แต่ที่นี่จะต้องแนะนำกันตั้งแต่ขาไป

    ว่า เขตนี้ห้ามร้องลิเกเพราะเจ้าพ่อไม่ชอบ บอกเล่ากันมาว่าเคยมี สองคนผัวเมียบนบานว่าถ้าพ้นภัยจากเสือแล้วจะมาแก้บนด้วยลิเก แต่ไม่ยอมมาแก้

    บน เหตุที่ต้องบนบานเพราะสองคนผัวเมียซึ่งเป็นคนใกล้ๆแถวนั้นมาขุดกระชายพร้อมเพื่อนบ้าน แต่ไม่ยอมกลับพร้อมคนอื่น คือเดินล้าหลังคนอื่น มี

    เสือเข้าประกบสองข้างทางเกวียน พยายามร้องบอกให้พวกรอก็ไม่มีใครรอเนื่องจากเย็นมากแล้วทุกคนก็กลัว ก็ทั้งวิ่งทั้งตะโกนเรียกเพื่อนแล้วก็

    บนบานว่า ถ้าเจ้าพ่อช่วยให้รอดกลับไปจะมีลิเกถวาย แต่แล้วก็ไม่มาแก้บน จึงทำให้เจ้าพ่อประกาศผ่านร่างทรงว่าถ้าใครมาร้องลิเกจะให้ม้ากินเสีย

    (เสือเจ้าเรียกว่าม้า)เรื่องเกี่ยวกับเจ้าที่เจ้าทางต่างๆ ก็จะบอกกันไป สรุปก็คือทำเฉพาะที่ดูแล้วไม่ประมาทและไม่เป็นการลบหลู่ฯ

    พอถึงพระพุทธบาทสระบุรี แน่นอนสิ่งแรกที่จะทำก็คือไหว้พระพุทธบาทก่อน แล้วหาที่พักผ่อน จัดหาที่ขายของ งานไหว้จะมีอยู่ประมาณ ๑ เดือน

    ตั้งแต่ต้นเดือน ๓ ถึงต้นเดือน ๔ ช่วงนี้จะมีพระปลอมมากันมาก อย่าคิดว่าเพิ่งจะมีสมัยนี้มีมานานแล้ว ปู่บอกว่าคนมาไหว้กันมาก เรียกว่าคนมากแบบ

    หาที่พักยาก ต้องถ้อยทีถ้อยอาศัยกันฯ

    ผมข้ามมาเรื่องหนึ่งคือตั้งแต่รู้ว่าเข้าเขตป่าก็จะให้ระมัดระวังจะถ่ายหนักถ่ายเบาให้ดูสถานที่ให้ดี รู้จักขอสมาลาโทษเจ้าป่าเจ้าเขาเจ้าที่เจ้าทางอะไร

    เหล่านี้เป็นต้น ช่วงที่อยู่กันที่พระพุทธบาทสระบุรีเล่ากันว่าถ้าคืนไหน? ได้ยินเสียงนกแสกผี หรือ เสียงบ่าง ตอนเช้าจะถามกันว่า"คนที่ไหนตาย"ปู่

    บอกว่าจะมีคนตายอยู่แทบทุกวัน โดยเฉพาะถ้าคืนไหนเป็นเสียงของบ่างร้องโหยหวน และตามด้วยเสียงนกแสก มันมีความรู้สึกเหมือนเสียงกระชาก

    วิญญาณ เพราะช่วงเวลานั้นอากาศยังหนาวเหน็บในตอนกลางคืน ต้องมีคนตายแน่นอนอาจจะมากกว่า ๑ คนด้วย อย่าถามผมมานะว่าบ่างร้องดังยังไง

    ผมก็แค่เคยเห็นในโทรทัศน์เท่านั้นแหละ และผมก็ไม่กล้าถามปู่ตอนที่กำลังเล่าเพราะคนฟังเยอะ บรรดาลูกหลานของปู่ที่อายุมากกว่าผมจะพูดเป็น

    เสียงเดียวกันว่า "ดุและถีบหนัก"เคยถามแม่เหมือนกัน แม่ว่าเสียงมันโหยหวนเหมือนคนร้องไห้ ถ้าคิดว่าจะเขียนเรื่องบ่างผมคงต้องไปหาแผ่นDVD

    สารคดีเรื่องนี้มาดูก่อน หลายคนจะถามปู่ว่าจริงหรือเพราะอะไร ปู่ก็จะตอบว่า คนมันถึงคราวตาย และน่าจะเป็นเพราะเป็นไข้ป่ามากกว่า เพราะเดิน

    ทางผ่านป่ากันมาคงจะเป็นมาลาเรียหรือไข้จับสั่น แล้วก็ไม่มีทั้งหมอไม่มีทั้งยา แต่ในยุคนั้นไปบอกใครแบบนี้คนจะไม่ค่อยเชื่อ ขนาดยุคนี้ยังมีอะไรที่

    ไม่น่าไหว้ก็ยังไหว้กันได้ทุกวัน รู้ว่ามีอันตรายหรือมีการตายเกิดขึ้นอยู่เสมอๆ แล้วไปกันทำไม เรื่องไปค้าขายก็ดูแล้วไม่น่าจะเกี่ยวด้วยมากนัก อย่างที่

    บอกไปแล้วว่าใช้หาบกันเป็นส่วนใหญ่ คงจะขนหรือหาบไปไม่ได้เท่าไหร่นัก น่าจะมาจากความศรัทธาและความเชื่อเรื่องบุญที่ได้ไปไหว้เสียมากกว่า

    มีเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยคือ ในงานไหว้จะพบคนลมเพลมพัด คือพวกนี้นึกจะร้องไห้ก็ร้อง หรือเวลาไหว้พระก็จะร้องว่าพระจะล้มลงมาทับตัวเองบ้าง ปู่

    บอกว่าก็ไม่รู้เหมือนว่าเป็นเพราะอะไร น่าจะเป็นเรื่องของเวรกรรมของแต่ละคน ส่วนขากลับก็แวะหาของป่ากันตามที่เล่าไปแล้วแต่ต้น ขอจบแค่นี้แล้ว

    กันนะครับ ขอขอบคุณมากครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 พฤศจิกายน 2012
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...