Convoluted Universe ป้าโดแห่งหุบเขาโอแซก

นี่ยังคงเป็นข้อมูลที่สอดคล้องกับที่เคยรับมา ว่ายุคแห่งความรุ่งโรจน์หลายๆแห่งบนโลกได้ถูกทำลายลงด้วยภัยพิบัติต่างๆ แต่ถึงตอนนี้ ป้าก็ชักจะไม่แน่ใจว่า ที่แกพูดถึงนั่นหมายรวมถึงที่อื่นๆด้วย หรือเฉพาะแอดแลนติสเพียงแห่งเดียว

มะนาว ใช่ หมายความตามนั้นละ แอดแลนติสถูกทำลายลงไปจากที่นี่ แต่ยังคงสถานะ อยู่ในพื้นที่และเวลาอื่น ในมุมมองนี้อาจกล่าวได้ว่า ณ เวลาปัจจุบัน แอดแลนติส ยังคงมีอยู่แต่....ในมิติที่ต่างออกไป ผู้คนเหล่ายังคงใช้ชีวิตเป็นปกติอยู่ที่นั่น เพียงเพราะยอมตกอยู่ในความกลัวว่า ตัวเองจะต้องตายเพราะการทำลายล้างของหายนะที่กำลังจะมาถึง พวกเค้าจึงยังคงอยู่ที่นั่น ในเวลาปัจจุบัน ชาวแอดแลนติสเข้าใจว่า พวกเค้ารอดตาย แต่พื้นที่อื่นๆบนโลกต่างหากที่โดนถล่ม เราคือผู้รอดตาย ในทางกลับกันมนุษย์ก็จะคิดว่า พวกนั้นตายกันหมดแล้ว ในความเป็นจริง ณ ห้วงเวลานี้ โลกทั้งสอง..ยังคงอยู่ แต่ในประสบการณ์ที่ต่างกัน เรื่องทำนองนี้มันยังยากเกินกว่าความรับรู้ของมนุษย์จะเข้าใจได้ มันเป็นเรื่องการสอดประสาน โยงใยกันไปมา ไม่สิ้นสุด ไม่ได้เป็นเรื่องของโลกแต่ถ่ายเดียว แต่เชื่อมต่อไปทั่วทั้งจักรวาล มีรูปธรรมมากมายที่เกี่ยวข้อง คอยช่วยกันประคับประคอง มากมายจริงๆ มันไม่เคยเกิดขึ้นบนดาวเคราะห์ดวงใดในจักรวาล

ป้าโด อิชั้นเคยได้ข้อมูลมาว่า เรากำลังถูกจับตาจากทั้วทั้งจักรวาล

มะนาว น้อยไปนะสิ ไม่ใช่แค่จักรวาลนี้ เหล่ารูปธรรมจากจักรวาลอื่นก็กำลังเฝ้าดูอยู่ด้วย

ป้าโด จิตรวิญญาณตนอื่น เคยบอกว่า การที่จะมีดาวเคราะห์ทั้งดวงเคลื่อนตัวข้ามมิติแบบนี้ ไม่เคยเกิดเกิดขึ้นที่ใดมาก่อนในจักรวาลนะค่ะท่าน

มะนาว ไม่เคยเลยจริงๆ

ป้าโด เคยแต่มีเป็นกลุ่มย่อย เช่น ชาวมายัน (ก็ใช่) แต่นั่นเป็นเพียงกลุ่มเล็กๆ แต่คราวนี้คือโลกทั้งใบ นั่นคือเหตุผลว่าทำไมที่ยวนี้ มันถึงสำคัญมากๆ

มะนาว เธอพูดได้ถูกต้อง ลองมองดูตัวเองสิ ความจริงที่ว่า จิตรวิญญาณบนโลกใบนี้ถูกสร้างออกมาให้คิดว่าตัวเองนั้นแยกออกมาต่างหากจากสรรพสิ่ง โลกใบนี้สร้างขึ้นมาด้วยวิถีทางเฉพาะตน เพื่อให้รู้สึกถึงการแบ่งแยก เผ่าพันธุ์อื่นในจักรวาลไม่ได้ถูกสร้างมาอย่างที่เป็นอยู่กันบนโลก เพราะไม่ว่าพวกเค้าไปอยู่ีที่ใด ก็จะรู้สึกถึงความเป็นหนึ่งเดียวกับผู้สร้างสรร แต่ที่นี่ไม่ใช่

 

ป้าโด มีรูปธรรมหนึ่งในคณะผู้เฒ่าที่อยู่บนยานอวกาศนอกโลกบอกว่า ในความป็นตัวตน สามารถรับรู้ได้ถึงผู้สร้างสรร และรู้ว่าตัวเองเป็นใคร อยู่ตลอดเวลา

มะนาว มันก็เป็นเช่นนั้น และกลุ่มผู้ดูแลต่างก็มีความกรุณาต่อชาวโลกมากเชียวละ พวกเธอไม่รู้หรอกว่า ว่าได้ทำอะไรลงไปบ้าง แต่ผู้เฒ่าเหล่านั้นทราบดี บนโลกที่เต็มไปด้วยความป่าเถื่อน โบร่ำโบราณแห่งนี้ กว่าที่พวกเธอ จะฟันฝ่าอุปสรรคมายังที่ๆเธอยืนอยู่นี้ได้ มันเจ๋งมากขอบอก พวกเธอตกหลุมรักได้อย่างดี่มด่ำ และสามารถกลัวได้อย่างสุดใจ และจงจำเอาไว้ว่ามันเป็นอำนาจเดียวที่ทำให้พวกเธอทุกคนตกระกำลำบาก การถูกผลักดันด้วยความกลัว


ป้าโด อิชั้นรู้มาว่า โลกถูกสร้างขึ้นมาเพื่อให้มีเจตจำนงเสรี แต่ก็ไม่ให้รู้อะไรเลย นี่เป็นหนึ่งในแผนการณ์ของการสร้างสรรด้วยหรือเปล่าค่ะ

มะนาว ถูกต้อง มันเป็นหนึ่งในเรื่องที่น่าสนใจ ในการที่จะสร้างสรรจิตรวิญญาณให้ได้รับประสบการณ์ของความรู้สึกที่ว่า มีตัวตนแยกต่างหากออกมา หรือเธอว่ามีที่ไหนในจักรวาล ที่ทำให้เติบโตได้รวดเร็วยิ่งกว่าการอยู่ในสถานะการณ์แบบนี้ ว่ามั้ย

ป้าโด แต่ท่านเคยบอกว่า เผ่าพันธุ์อื่นๆรู้สึกถึงการเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างสรรนี่ค่ะ

มะนาว ใช่ พวกนั้นรู้ดี ถ้าเธอกำลังจะถามว่า มีใครเติบโตออกไปจากสถานที่สุดจะท้าทายแห่งนี้หรือเปล่า คำตอบคือ มี

ป้าโด คำว่าเติบโตของท่านหมายถึงว่า เมื่อใครก็ตามรู้สึกว่าตนเองโดดเดี่ยว แล้วสามารถค้นพบความจริงที่ซ่อนอยู่นั้น ด้วยตนเอง ใช่มั้ยค่ะ

มะนาว ถูกต้อง พวกเธอแต่ละคน จะต้องค้นหาความจริงด้วยตัวเองให้ได้ว่า ตนเองเป็นใคร

ป้าโด ฟังดูเหมือนเป็นการปล่อยให้พวกเราตะลุยถั่วไปมั่วๆ โดยไม่มีใครช่วยเหลือเลยนะค่ะ

มะนาว นั่นคือลิขีตของพวกเธอบนโลก จริงๆแล้ว พวกเธอสวยงาม พวกเธอมีเซนส์ในเรื่องนี้อยู่แล้วละ ลงมาเกิดก็ตั้งหลายครั้ง ทำไมถึงยังไม่ยอมเข้าใจอะไรเลย ลองมองดูให้ดีๆว่าพวกเธอกำลังอยู่ที่ไหน

ป้าโด มีผู้เข้าร่วมการบำบัดหลายคน ได้รับประสบการณ์ที่ดีมากๆ พวกเค้าได้กลับไปรวมยังต้นกำเนิด และไม่อยากกลับมาอีก

มะนาว เมื่อเธอได้เชื่อมต่อกับต้นกำเนิด มันเป็นประสบการณ์ที่สวยงามมาก คำถามของเธอคืออะไรนะ หมายถึง เรื่องพวกนี้ทำได้จริงๆหรือเปล่า ใช่มั้ย

 

ป้าโด ใช่ค่ะ ทำไมมันถึงเกิดขึ้นได้ หรือแค่ต้องการให้ผู้คนเหล่านั้นได้จดจำ ถึงความรู้สึกของการรวมเป็นหนึ่งเดียว อะไรทำนองนี้หรือเหล่าค่ะ


มะนาว ใช่ แต่มีไม่กี่คนหรอกนะ ที่ต้องการมีประสบการณ์แห่งต้นกำเนิด บางคนไม่จำเป็นขนาดนั้นเพราะที่นั่นเต็มไปด้วยความรู้สึก มากมาย ท่วมท้น จนใครบางคนอาจจะตายได้หากอยู่นานเกินไป หรือ อาจไม่ยอมกลับออกมาอีกเลย บางคนเข้าไปได้ บางคนแค่เฉียดเข้าไปก็แย่แล้ว พวกเธอแต่ละคนต้องการประสบการณ์ไม่เหมือนกัน เราแต่ละคนมีสิ่งที่จะสามารถเข้ามากระตุ้น จิตรใต้สำนึกแตกต่างกันไป เพราะเหตุว่า เธอแต่ละคนมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและมีได้แค่คนเดียวเท่านั้น ไม่มีคนที่สองที่เหมือนเธอทุกกระเบียดนิ้ว ลองคิดดูว่าจะมีอัฉริยะที่ไหนเชี่ยวชาญได้ขนาดนี้ แล้วเธอก็ยังมีตัวตนอื่นๆ ในมิติอื่นๆอีก ณ ห้วงเวลาแห่งปัจจุบันขณะเดียวกันนี้แหละ ที่กำลังสร้างสรรออกมาจากด้านของตนเอง พวกเค้าเหล่านั้นทั้งหมดรวมกันเข้ามา เพื่อการนี้ เธอไม่เคยถูกทอดทิ้งให้อยู่อย่างโดดเดี่ยวเลยจริงๆ ไม่เคยมีแม้ซักคนเดียวบนโลกใบนี้ ลองมองดูความงดงามและความอัศจรรย์ของเรื่องราวที่เธอสัมผัสได้นี้ดูสิ


ป้าโด แสดงว่า เราจะต้องค้นหาให้เจอว่าเรามาจากไหนและทำไมถึงได้มาอยู่กันแถวนี้
แต่ยังมีคำถามที่ใครต่อใครชอบมาถามอีชั้นนะคะ ซึ่งท่านได้เคยอธิบายให้ทราบเป็นบางส่วนแล้ว เกี่ยวกับเรื่องที่ว่า เมื่อเหตุการณ์นั้นมาถึง บางคนจะถูกนำทางออกไป แต่บางคนจะถูกปล่อยเอาไว้ที่เดิม ใครที่ถูกนำทางไปยังโลกใหม่ จะรู้ตัวมั้ยคะว่ามีสมาชิกบางคนในครอบครัวได้หายตัวไป อิชั้นพยายามทำความเข้าใจในเรื่องนี้อย่างมาก ด้วยวิธีคิดแบบมนุษย์ธรรมดาๆ เพื่อที่เราจะสามารถนำไปอธิบายให้คนอื่นเข้าใจได้ง่ายๆ


มะนาว อืมมม เราเข้าใจ เราเข้าใจ และเราเข้าใจจริงๆ เราจะอธิบายเรื่องนี้แก่เธอ หวังว่ามันจะช่วยอะไรได้บ้าง มันเหมือนกับว่า ใครก็ตามที่เริ่มมีแนวโน้มที่อยากจะใช้ชีวิตออกมาจากสังคม ทันใดนั้น พวกเค้าจะเริ่มรู้สึกขึ้นมาทันทีว่า ตัวเองนั้นตกขบวนหรือรู้สึกว่าตัวเองแปลกแยกขึ้นมาทันที เดี๋ยวนั้นเลย หรืออีกนัยหนึ่ง แล้วพวกเค้าก็แค่...เดินออกมาจากการใช้ชีวิตในสังคม จากการเป็นสมาชิกในครอบครัว หรือจากใครก็ตามที่พวกเค้าใกล้ชิด แล้วก็หายตัวไปเฉยๆ มันจะเกิดขึ้นแค่ชั่วข้ามคืน เมื่อเวลาแห่งการเคลื่อนย้ายมาถึง จะมีใครบางคนในสังคมนั้นๆ ที่พร้อมแล้วสำหรับการที่จะเดินออกมาจากชีวิตแบบเดิมๆ จะแยกตัวออกไป จะเป็นแค่การหายตัวไปเฉยๆ ไม่ได้เต็ดเตร่อยู่แถวๆนั้น ออกไปจากที่นี่ ออกไปจากเมืองนี้ อะไรทำนองนี้นะ เธอพอจะเข้าใจได้มั้ย

 

ป้าโด ค่ะ แต่เราก็สามารถไปสถานีตำรวจ พยายามที่จะออกตามหาพวกเขาได้นี่นา หรือพยายาม...

มะนาว ในกรณีนี้ มันจะไม่เป็นแบบนั้นหรอก มันจะเหมือนกับว่าพวกเค้าย้ายออกไป ห่างออกไป
ห่างออกไป ไกลขึ้นเรื่อยๆ สิ่งที่เกิดขึ้นจริงๆก็คือ ในแต่ละวันทีผ่านไปความห่างไกลก็มากขึ้นเรื่อยๆ นี่ในชีวิตของเธอไม่เคยมีใครที่เธอรู้จัก หายไปจากชืวิตบ้างเลยหรือไง

ป้าโด แน่นอนว่ามีค่ะ แต่เรายังสามารถติดต่อพวกเค้าได้ตลอดเวลาที่เราต้องการนี่ค๊ะ

มะนาว ในกรณีนี้ เกรงว่าจะทำอย่างนั้นไม่ได้นะสิ ประเด็นของเราคือ เธอจะไม่สามารถติดต่อพวกเค้าได้ มันจะเป็นเหมือนกับการจากไปอย่างเป็นธรรมชาติมากๆ การกระเพื่อมและความสั่นสะเทือนของพวกเธอจะเข้ากันไม่ได้อีกต่อไป ด้วยเหตุนี้ พวกเค้าจะค่อยๆหายไปจากใจเธอ ความต้องการที่จะติดต่อบุคคลเหล่านั้นก็จะไม่เกิดขึ้น

ป้าโด และนี่หมายถึงว่า คนเหล่านั้นจะยังคงใช้ชีวิตอยู่ในโลกใบเก่า หรือจะต้องย้ายไปที่อื่นค่ะท่าน

มะนาว ในบางกรณี บางคนได้จากไปก่อนหน้านี้แล้ว และกำลังทำงานอยู่ในอีกด้านที่มองไม่เห็น เธอรู้อยู่แล้วนี่ แต่สำหรับบางคนที่หายไปเฉยๆ หลังจากเวลาผ่านไปซักระยะ เธออาจคิดในใจว่า 'พวกเค้าเป็นยังไงกันบ้างนะ?' แต่ขอบอกว่า จะไม่มีอะไรมาทำให้เธอคิดอย่างนั้น หรือคิดอยากจะติดต่อพวกเค้า อย่างที่เคยเป็นมา จะไม่มีอะไร แม้แต่จะมาสะกิดให้คิดว่า 'โอว ชั้นเป็นห่วงจังเลย ชั้นจะต้องโทรหา จะต้องหาเค้าให้เจอ ' มันไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว ถึงตอนนั้นเธอจะพบว่า เธอไม่ได้ต้องการตามหาใคร มันก็แค่หายไปเฉยๆ หรืออีกนัยหนึ่ง เธอลืมพวกเค้าไปแล้ว

 

ป้าโด อิชั้นได้รับการบอกเล่าในครั้งแรกๆ ถึงใครก็ตามที่ผ่านเข้าไปยังโลกใหม่ จะยังคงมีร่างกายที่จับต้องได้ แต่เราก็ไม่รู้ว่ามันจะเกิดการเคลื่อนย้ายหรือการแยกโลกออกเป็นสองขึ้นจริงๆ และไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่กันแน่ นี่เป็นข้อมูลที่ถูกต้องหรือเปล่าค่ะท่าน

มะนาว ข้อมูลนี้อาจจะสรุปง่ายเกินไป ถ้าจะให้ดี ควรจะอธิบายให้แก่ผู้ที่มาเป็นสะพานเชื่อมอย่างเธอ แบบนี้ดีกว่า ตราบที่เธอได้ทำหน้าที่ช่วยเหลือเกื้อกูล เธอจะช่วยทำให้ผู้คนได้ตระหนัก และเปิดใจค้นหากันมากขึ้น ว่าตัวเองเป็นใคร เธอได้ช่วยยกการกระเพื่อมและแรงสั่นสะเทือนของผู้คนให้สูงขึ้น เพื่อที่จะสามารถสอดประสานไปกับการหมุนวนต่อวินาทีที่สูงกว่า แล้วคนเหล่านั้นจะทำให้เกิดการยกตัวผ่านออกไปได้ อธิบายแบบนี้พอรับได้มั้ย

ป้าโด ค่ะท่าน นั่นคือสิ่งที่อิชั้นพยายามช่วยให้คนอื่นๆได้เข้าใจ

มะนาว สิ่งที่เธอกำลังทำอยู่ นั่นละใช่เลย และแล้วมันจะเกิดขึ้น แต่ไม่ได้เป็นแบบที่ใครๆคาดหวังหรอกนะ จะบอกให้ ที่ไปคิดกันว่าจะมีการล่มสลายของ โน่น นี่ นั่น อะไรก็ตาม มันไม่ใช่เลย จริงๆมันก็แค่ เธอตื่นขึ้นมาในเช้าวันหนึ่ง มองไปมองมา ทุกอย่างดูปกติดี เธอก็ใช้ชีวิตต่อไป แต่..เธอไปอยู่ที่นั่นแล้ว ง่ายปานนั้นเชียวละ ตอนนี้เธออาจจะเริ่มรู้สึกถึงการสอดประสานที่แตกต่างไปจากเดิม วงรอบจะสอดรับกันมากขึ้นๆในทุกๆวันที่ผ่านไป เมื่อถึงวันที่วงรอบแห่งการกระเพื่อมของจิตรวิญญาณเธอเพิ่มมากขึ้นเพียงพอและสอดรับกันพอดีกับระนาบที่จะไป เพียงพอต่อการพาเธอออกจากที่นี่ไปที่นั่น ทันใดนั้น เธอก็ไปอยู่ตรงนั้นเรียบร้อยแล้ว อย่างที่มันควรจะเป็น จงอธิบายออกไปทำนองนี้ และถ้าหากจะมีใครเมื่อซักพันแปดร้อยปีที่แล้วกลับมาจากอดีต มาเจอเธอในตอนนี้ละก็ เธอจะเปล่งแสงทิ่มตาคนๆนั้นแน่ๆ เพราะในระดับที่เธอไปถึง ร่างกายจะเกิดฉัพพรรรณรังสี หรือโดยแก่นแท้แล้ว ความถี่ของวัฎจักรในตัวเธอได้ถูกยกให้เร็วขึ้นนั่นเอง


ปล หรือนี่จะเป็นเหตุผลที่ก่อนหน้านี้ จอห์นและคนอื่นๆที่ได้ไปเจอนอสตราดามุส มองเห็นเค้าเป็นจิตรวิญญาณเรืองแสงแห่งอนาคต อาจเป็นเพราะว่าการสั่นสะเทิอนของจิตรวิญญาณกระเพื่อมเร็วขึ้นเลยทำให้่ร่างกายดูเรืองแสง น่าคิดอยู่เหมือนกัน

 

มะนาว เหตุผลที่เธอมาเป็นสะพานเชื่อม ก็เพื่อช่วยเหลือให้ผู้คนสามารถยกความถี่ของตนเองให้สูงขึ้น จนสามารถพาตัวเองออกไปได้ ยิ่งเธอช่วยให้พวกเค้าได้รับรู้ข้อมูลมากเท่าไร มันก็จะไปช่วยกระตุ้นคนอื่นๆ รอบข้างพวกเค้ามากขึ้นและมากขึ้น ขยายออกไปไปเรื่อยๆ จนสามารถคลอบคลุมไปทั่วทั้งดาวเคราะห์ เธอเข้าใจมั๊ยว่า ทั้งหมดนี้เป็นวัฎจักร คนหนึ่งจะไปกระตุ้นความถี่ของอีกคนหนึ่งไปเรื่อยๆ ตอนนี้ในชุมชนของเธอ มีจิตรวิญญาณที่มาจากนอกโลก ปะปนอยู่ด้วย คนพวกนี้ไม่มีหน้าที่ต้องทำอะไร ไม่ต้องเป็นฮีโร่ บินไปบินมา พวกเค้าทำหน้าที่แค่เดินไปเดินมาบนโลก เพื่อกระตุ้นความสั่นสะเทือน สนามพลังในตัวจะคอยไปกระตุ้นคนอื่นๆรอบๆตัวเอง พวกเธอมีจิตรวิญญาณจากนอกโลกคอยช่วยเหลือ พวกเค้าขมักขเม้นและทำงานหนักตลอดเวลา เป็นเสมือนเสาอากาศเดินได้ ไม่รู้แม้กระทั่งตัวเองเป็นใคร แต่จะคอยถ่ายทอดความถี่ กระจายมันออกไปเหมือนคลื่นไมโครเวฟ อย่างนั้นเลยละ

ป้าโด ท่านอธิบายแบบนี้อิชั้นเข้าใจได้ค่ะ นั่นคือเหตุผลที่เคยได้รับข้อมูลมาว่า อายุของคนกลุ่มนี้ ไม่สำคัญ ไม่มีผลต่อหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย

มะนาว ถูกต้องแล้วละ

ป้าโด เรามีหน้าที่แตกต่างกันไป ในระดับที่แตกต่าง ความสั่นสะเทือนที่แตกต่าง

มะนาว ความสันสะเทือนที่แตกต่าง หรือก็คือ วัฎจักรความถี่ที่แตกต่าง

ป้าโด นี่คือหนึ่งในวิธีการของเผ่าพันธุ์ต่างดาวทั้งหลายที่ได้เข้ามาช่วยเหลือ ใช่มั้ยค่ะ

มะนาว ใช่ แต่ละคนดูแลในอัตราเร่งที่แตกต่างกันไป สิ่งที่คาดหวังได้สำหรับมนุษย์ก็คือ การมีอายุยืนยาวมากขึ้น กว่าเดิมมากๆ ไม่เจ็บป่วย ไม่ต้องรักษา

ป้าโด เคยได้ข้อมูลมาว่า บนโลกใบใหม่ อายุจะไม่สำคัญอีกต่อไป ถ้าอย่างนั้นในท้ายที่สุด ร่างกายที่เราอาศัยอยู่ในปัจจุบัน จะค่อยๆตายลงไปด้วยหรือเปล่าค๊ะ ถ้าหากมองในแง่มุมของมนุษย์ด้วยกัน

มะนาว จะมีบางคนเท่านั้นที่ได้รับความยินยอมให้เป็นอมตะ ไม่ทุกคนหรอกที่ทำเช่นนั้นได้

ป้าโด อิชั้นเคยคิดว่า มันจะเป็นเหมือนว่า ร่างกายจะไม่เสื่อมสภาพลงไป จนถึงวันสุดท้ายของชีวิต วันที่จิตรวิญญาณพร้อมที่จะออกจากร่างนะค่ะ

มะนาว เธอพูดถูก แต่เรื่องนี้จะไม่เกิดกับทุกคน ในการวิวัฒนาการมีหลายปัจจัยเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่ละคนแตกต่างกันไป บางคนนำหน้าคนอื่น บางคนยังอยู่ข้างหลัง บางคนกำลังจะก้าวเข้ามา บางคนยังอยู่ที่เดิมอยู่เลย มันเป็นเช่นนั้นเอง

ป้าโด เพราะฉะนั้นอิชั้นก็ไม่จำเป็นต้องไปกังวลเรื่องข้อจำกัดทางร่างกายของตัวเองมากนัก ในการจะทำเรื่องเหล่านี้เพื่อช่วยเหลือคนอื่นๆ

มะนาว โอ ข้อจำกัดเรื่องพวกนี้หรือ ไม่หรอก ลองมองดูตัวเองสิ ทั้งหมดนั่นนะ เธอไม่รู้สึกว่าตัวเองเปลี่ยนไปหรอกหรือ เธอกำลังถูกเปลี่ยนลงไปถึงในระดับเซลล์เลยทีเดียว พวกเค้ากำลังปรับแต่งร่างกายเธออยู่นะ

ป้าโด เคยได้ยินมาเหมือนกันว่า มีใครกำลังเข้ามาทำอะไรบางอย่างกับร่างกายอิชั้น

มะนาว ใช่แล้วละ พวกเค้ากำลังทำอยู่จริงๆด้วย ฮ่าๆ ก็เพราะเธอเป็นวิทยากร หรืออีกนัย เธอเป็นสะพานเชื่อม แล้วจะมีใคร ที่ควรจะต้องดูดี มากไปกว่าเธออีกละ

ป้าโด เอ่อ คิดว่านะ ถ้ามีจิตรวิญญาณอื่นมาพูดเรื่องนี้บ่อยๆ อิชั้นอาจจะลองเชื่อดูสักที

มะนาว เธอต้องเชื่อเช่นนั้น



เฮ้อ...กว่าจะจบ ไปแระ ไว้เจอกันใหม่ครับ

 

ขอบคุณค่ะที่อุตสาห์แปลมาให้อ่าน
บางทีอ่านไม่ทันก็เซฟลง note pad ไว้ก่อน
แล้วค่อยเปิดอ่านต่อตอนว่างๆ
เพราะกลัวตามหากระทู้ไม่เจอ

 

คนที่ถูกนำทางไปยังโลกใหม่ จะเพลิดเพลินกับโลกใหม่จนลืมผู้่ที่อยู่โลกใบเก่า แล้วป้าโดถามให้ด้วยหรือเปล่าค่ะว่าู่ผู้ที่ยังอยู่ในโลกใบเดิมตื่นขึ้นมาจะรับรู้ว่าสมาชิกบางคนในครอบครัวได้ตายจากไป หรือว่าหายตัวไป ไปไหนจะรู้หรือไม่

 

เอาตามที่ป้าอธิบาย ต่างฝ่ายต่างลืมกันไปเองครับ

 

ขอแก้ไขในส่วนที่ไฮไลท์นะครับ พอดีวันนั้นรีบทำเวลาไปหน่อย วันก่อนไปอ่านเจอ คำอธิบายของผู้เฒ่าอีกคน ก็เลยนึกขึ้นได้ว่าเราเข้าใจผิด

ในความหมายที่พวกเค้าพยายามจะสื่อสารเรื่องระนาบจักวาลก็คือ โลกที่ควบแน่น แข็งข้นเหมือนโลกมนุษย์ เป็นเพียงเศษเสี้ยวเล็กๆกระจ้อยร่อย ของที่ว่างอันไม่สิ้นสุดข้างนอกนั่น ผู้เฒ่าอีกคน อธิบายว่า ถ้าสมมุติให้ โลกหรือจักรวาลนี้เป็นลูกปิงปอง ก็จะมีจักรวาลที่ใหญ่กว่าขนาดผลส้มครอบซ้อนกันอยู่ ถัดออกไปก็จะมีจักรวาลขนาดลูกบาสซ้อนครอบอยู่อีก และใหญ่ขึ้นๆ ไปเรื่อยๆ ไม่สิ้นสุด จนเกินความรับรู้ของมนุษย์ในปัจจุบันจะเข้าใจได้ (ในอนาคต ไม่แน่) ซึ่งจะสอดคล้องกับที่ได้แก้ไขด้านบนนะครับ

บ่อยครั้งที่เวลาป้าแกให้อธิบายอะไรทำนองนี้ ฝั่งโน้นจะหาคำมาอธิบายไม่ค่อยได้ นอกจากการอุปมาอุปมัยให้เห็น เรียบเรียง คำแต่ละคำประกอบมาเป็นประโยคเพื่อให้เห็นภาพเท่านั้น แต่ความจริงที่มีอยู่ อาจจะคนละเรื่องไปเลย

 

มีเรื่องนึงที่ติดใจพอสมควรเกี่ยวกับเรื่องโลกใหม่ โลกเก่า ว่าทำไมต้องมีการคัดแยกผู้คน ในเมื่อถ้าเอาตามหลักการที่พวกเค้ากล่าวถึงว่า พวกเราเป็น ALL THAT IS หมายถึง เราเป็นองคาพยพของกันและกัน เป็นส่วนหนึ่งของผู้สร้างสรร ในทุกๆคนทุกสรพสิ่ง มีเหตุผลอะไรถึงต้องคัดแยกกลุ่มคนบางกลุ่มออกไปจากความช่วยเหลือ คิดได้แค่ว่า อาจเป็นเพราะมนุษย์จะคิดอะไรต่างจากความเชื่อ หรือความเคยชินเดิมๆได้นั้น จะต้องเจอบทเรียนยากๆ โหดๆ ที่สามารถเข้าไปกระทบถึงในจิตรใจได้เท่านั้น ถึงคิดที่จะเปลี่ยนแปลงทิศทางของตนเอง ถ้าเป็นความเคยชินที่ดี ก็ดีไป แต่ถ้าไม่ใช่ก็แย่หน่อย


พยายามหาคำตอบนี้ แต่ก็ยังไม่เจออย่างที่ต้องการ แต่ที่แน่ๆ มีคำอธิบายเกี่ยวกับ โลกใบเก่าซึ่ง โหด มัน และรันทด อย่างแน่นอน เพราะหลังจากโลกพยายามปลดปล่อยตัวเองจากการคุกคามแล้ว บรรยากาศ สิ่งแวดล้อม อารยธรรม ในปัจจุบัน จะถูกลบออกไปทั้งหมด โลกจะกลับเข้าสู่ยุคเริ่มต้น เถื่อนๆ แบบมนุษย์ถ้ำเหมือนเดิม ใครก็ตามไม่สามารถเข้าใจได้ และหากตัวเองไม่รอดจากภัยพิบัติ คนกลุ่มนี้จะต้องกลับมาเกิดโลกใบเก่าเพื่อเรียนรู้กันใหม่ อย่างเลี่ยงไม่ได้



ในภาพเหล่านั้นผู้เข้าไปรับรู้ยังพบว่า มีคนกลุ่มที่ต้องติดกับโลกใบเก่ามากมายเหลือเกิน เพราะไม่รู้ว่า ตัวเองกำลังจะเจออะไร ส่วนผู้ที่สามารถสร้างความสั่นสะเทือนของตัวองให้สูงขึ้นไปได้ ดูเหมือนจะมีชาวต่างดาว เข้ามาช่วยเหลือ ด้วยยานขนาดค่อนโลก พาไปยังสถานที่ชั่วคราว เพื่อปรับร่างกายให้เข้ากันได้กับระนาบใหม่ บางคนเลือกที่จะกลับมายังโลกเก่าเพื่อช่วยเหลือและนำทาง บางคนเลือกที่จะใช้วิธีการกลับเข้ามาเกิดอีก บางคนคอยช่วยเหลืออยู่ในระนาบที่ตนเองพึ่งไปถึง บางคนก็วิวัฒนาการต่อไป ด้วยความรู้จากชาวดวงดาวต่างๆที่มอบให้



ป้าแกพยายามหาคำตอบเหล่านี้เหมือนกัน (อาจอยู่ที่ไหนซักแห่ง ในหนังสือนับสิบเล่มที่แกเขียน) แกเชื่อว่าหากรู้วิธีการ จะมีคนที่สามารถฝ่าออกไปได้มากขึ้น และคงเหลืออยู่ในโลกเก่าน้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพราะเท่าที่ดู จากข้อมูลที่ได้มา แกเชื่ออย่างป็นมั่นเป็นเหมาะว่ามันจะเกิดขึ้นแน่ๆ เนื่องจากอนาคตสองเส้นทางนี้ ได้ปรากฎออกมาให้ผู้เข้าร่วมที่ไม่รู้จักกัน มาจากต่างสถานที่ หลายๆคน ตลอดระยะเวลาสามสี่สิบปี ได้เห็นในภาพเดียวกัน ซ้ำแล้วซ้ำอีก



ในบางเคส แปลกประหลาดเข้าไปอีก ปรากฎว่า มีกลุ่มจิตรวิญญาณที่เคยบัญชาการ การถล่มแอดแลนติสในครั้งนั้นได้กลับมายังโลกปัจจุบัน ด้วยการแฝงตัวอยู่ในจิตรวิญญาณมนุษย์บางคน พวกเค้าผิดหวังกับประวัติศาสตร์ที่กำลังจะซ้ำรอยเดิมของมนุษยชาติ จนพวกเค้าต้องกลับมาสะสางกันอีกครั้ง เพื่อเตรียมความพร้อมที่จะถล่มอีกรอบอะไรทำนองนั้น หากผู้นำของมนุษย์ยังคงเลือกแบบเดิมๆ ผู้นำกลุ่มนักรบคนนี้ ผลักดันให้คนที่ตนเองแฝงตัวอยู่ มาหาป้าโด ต้องการสื่อสารกับคนอื่นๆ ให้ได้รับรู้ถึงสิ่งที่กำลังถูกตระเตรียม รองรับกรณีที่เลวร้ายที่สุด โดยไม่เกรงกลัวว่ารัฐบาลจะจับตัวไปหรือไม่ กลับยังอารมณ์ดีบอกว่า มันเป็นหนึ่งในกลยุทธิ์การทำสงคราม หากว่าต้องการเช่นนั้น จิตรวิญญาณกลุ่มนี้เชื่อว่า แนวโน้มที่มันจะซ้ำรอยเดิมมีสูงมาก ถ้าดูจากพฤติกรรมมนุษย์ในปัจจุบัน และพวกเค้าเชื่อว่าตนเองจะต้องทำอย่างเดียวกันกับที่เคยทำมาแล้ว อย่างไม่ต้องสงสัย


สิ่งหนึ่งที่อยากจะฝากเราๆท่านๆ รวมทั้งตัวเองด้วย ถึงวิธีการช่วยเพิ่มความสั่นสะเทือนของตัวเองให้สูงขึ้น และยังให้ผลกระทบโดยตรงกับโลกใบนี้ ถึงในท้ายที่สุด อาจจะไม่เพียงพอต่อการเปลี่ยนเส้นทางอนาคตของโลกใบนี้ แต่เชื่อว่า น่าจะสามารถเปลี่ยนเส้นทางของตัวเองได้ ไม่มากก็น้อย


ป้าโดพยายามสอบถามถึงวิธีการป้องกันไม่ให้ผู้คนติดอยู่ในโลกใบเก่า ในทุกๆเคสที่ผู้เฒ่าฝั่งโน้นเข้ามาเชื่อมต่อระหว่างการพูดคุย ผู้เฒ่าจะถูกป้าแกถามเสมอๆ ว่าจะต้องทำอย่างไร ทุกจิตวิญญาณบอกในความหมายเดียวกัน แต่สื่อออกมาในหลายรูปแบบ สรุปความได้ว่า จงพยายามสร้างความเมตตา กรุณา ให้เกิดขึ้นในใจตนให้ได้ ไม่ว่าจะใช้วิธีไหนก็ตาม ความกรุณาที่ไม่ได้หมายถึงแต่เพียงรูปแบบ เช่นการทำบุญเพื่อหนีนรก การทำบุญเพื่อซื้อที่นั่งบนสวรรค์ หรือเพื่อแลกเปลี่ยนอะไรบางอย่างที่ตนเองต้องการ อย่างที่หลายๆคนชอบทำและคิดว่าจะช่วยได้ (ใครจะรู้ดี นอกจากตัวเอง) แต่ควรเป็นบุญที่ออกมาจากใจและรู้สึกสัมผัสได้ในใจตน ถึงแม้จะเป็นความกรุณาต่อ หมา แมวที่ไหนก็คงจะได้ผลเหมือนกันนะเราว่า หากว่ามันบริสุทธิ์ ออกมาจากใจ



ผู้เฒ่ายังให้ข้อสังเกตุว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ทุกจิตรวิญญาณพยายามส่งผ่านมายังมนุษย์ ทุกยุคสมัย ไม่เคยขาดช่วงเลย แต่เราไม่เคยรับฟังอย่างจริงๆจังๆ ลองสังเกตุดูว่า แก่นของทุกศาสนา และสิ่งที่ศาสดาเหล่านั้นพยายามสื่อสารคือ ความเมตตากรุณา เรื่องเดียวเท่านั้น เพราะมันสามารถที่จะไปเปลี่ยนโครงสร้างและความสั่นสะเทือนในจิตรวิญญาณของผู้ศรัทธาได้เท่าเทียมกัน เป็นการแสดงออกถึงความเป็นหนึ่งเดียว ถึงความเป็นเพื่อนร่วมทุกข์ เกิด แก่เจ็บ ตาย ด้วยกัน และเป็นการแสดงออกถึงการวิวัฒนาการของคนๆนั้น ว่ามีมากน้อยเพียงไร ไม่ใช่การบอกรับสมาชิกมากๆอย่างที่เป็นอยู่ แต่อาจเป็นจริตใครจริตมันเสียมากกว่า ชอบแบบไหนก็ไปทางนั้น ไม่เกี่ยงว่าจะเป็นศาสนาอะไรเลย แน่นอนว่า หากหลายๆคนสามารถทำได้และมีจำนวนมากพอ มันยังจะสามารถเชื่อมโยง เปลี่ยนเส้นทางอนาคตของโลกใบนี้ได้ด้วย แต่ถ้าไม่ นอกจากจะทำให้ใจมีความสุขมากขึ้นแล้ว ยังทำให้มั่นใจได้ว่า มีสิ่งดีๆรออยู่ข้างหน้า ตามข้อมูลที่ป้าและเหล่าผู้เฒ่าพยายามสื่อสารออกมาให้ได้รับรู้ อย่างแน่นอน


จบแระ

 

ผู้คนในเมืองลับแลเป็นตัวอย่างหนึ่งของกลุ่มคนที่มีระดับความถี่สูงกว่ามนุษย์ทำให้ต้องอาศัยอยู่ในมิติที่ต่างออกไป โดยจะอยู่ซ้อนกับพื้นที่ส่วนหนึ่งของโลกมนุษย์และการเปลี่ยนแปลงของพื้นที่นั้นบนโลกมนุษย์ก็จะมีผลกระทบต่อพื้นที่ในมิติของชาวลับแลเช่นกัน แต่นั่นเป็นเพียงพื้นที่บางแห่ง ดังเช่นที่ชาวแอตแลนติสย้ายไปอยู่อีกมิติที่ซ้อนกับโลกเราเช่นกัน และเหตุการณ์ที่จะเกิตขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้คือการเกิดขึ้นของมิติใหม่ที่ไม่ใช่เป็นเพียงพื้นที่ส่วนใดส่วนหนึ่ง แต่จะเป็นมิติของพื้นที่ทั้งหมดของโลกซึ่งจะซ้อนอยู่กับโลกเดิมหรือเรียกอีกอย่างว่าโลกในมิติเดิมก็ว่าได้

 

ประมาณนั้นนะครับ

โลกกำลังเข้าสู่ยุคเปลี่ยนผ่าน
ชาวต่างดาวกำลังเข้ามาปรับเปลี่ยนในทุกทิศทาง
ภาวนาอย่าให้มันไปในทางที่รุนแรงมากนัก
เท่าทีดู มีอยู่สองแนวทาง
ค่อยๆเป็นค่อยๆไป กับ การผลักให้เปลี่ยนโดยทันที
อย่างไรก็ตาม แผนการที่กำลังเตรียมกันอยู่
สามารถรองรับได้ทั้งสองแบบ
ขึ้นอยู่กับว่า อะไรจะมาเป็นตัวกระตุ้น ให้ไปทางไหน

ข้อมูลเพิ่มเติม
ตอนนี้ร่างกายของมนุษย์บางคนกำลังถูกเปลี่ยน ดีเอ็นเอ
จากหนึ่งคู่กลับไปเป็นหกหรือสิบสอง ว่ากันไป
สมองถูกปลดล๊อคข้อจำกัด
อย่างที่เคยเป็นเมื่อครั้งอดีต
เพื่อทดสอบความเข้ากันได้ของร่างกายในอนาคต


บางคนถูกนำตัวไป
แต่บางคนถูกเปลี่ยนตอนหลับ
ด้วยการเปลี่ยนทางจิตรวิญญาณ
แล้วค่อยกลับมากระตุ้นร่างกายในภายหลัง
พวกเค้าตั้งเป็าไว้ประมาณหมื่นคนทั่วโลก
เมื่อรวมกับพวก จิตอาสาที่แฝงตัวอยู่
จะเพียงพอต่อการเป็น grid/เสาอากาศ
ที่กระจายอยู่อย่างครอบคลุม
เพื่อการปรับเปลี่ยนความสั่นสะเทือนบนโลก

เหมือนทฤษฎีเรื่องลิงร้อยตัว หากมีลิงจำนวนหนึ่ง
สามารถหาปลามาทำอาหารได้เอง
หากลิงหลายตัวทำแบบเดียวกัน ด้วยจำนวนที่มากพอ
จะมีผลทำให้ลิงทั่วโลก เกิดมีทักษะด้านนี้
โดยอัตโนมัติ อะไรทำนองนั้น

จะมีกลุ่มคนที่ดูหนังไซไฟและอินมากเกินไป
ที่โดนชี้นำไปว่า การมาของพวกเค้า เพื่อทำลายล้างโลก
คนกลุ่มนี้เลือกที่จะอยู่กับโลกใบเก่าในแบบเดิมๆ
ด้วยกลัวว่าจะถูกฆ่าตาย เหมือนในหนัง
และจะไม่มีใครมาบังคับให้เปลี่ยนความคิด
เป็นทางเลือกอิสระของแต่ละคน ที่ได้รับการยอมรับ
จากเหล่ามะนาวทั่วจักรวาล
(สังเกตุว่า มีนัยยะที่น่าสนใจ
พักหลังเนื้อเรื่องทำนองนี้ออกมาถี่เหลือเกิน
กลับกัน ปรากฎการณ์การพบเห็นยูเอฟโอ
ลอยไปก็ลอยมา เล่นๆ แล้วก็จากไปเฉยๆ
ปล่อยให้คนดูอารมณ์ค้าง
ก็มีให้เห็นถี่มากขึ้นๆ เป็นเงาตามตัว )
ต่อให้คนคนนั้นเป็นพวกที่คิดว่า
ตัวเองมีข้อมูลมาก ฉลาดหลักแหลม
รู้มากกว่าคนอื่น อยู่เนืองๆ
ก็ไม่ช่วยอะไรเลย
อยู่ที่ว่า ท่านมีใจเปิดรับ เป็นกลาง
และมีความกรุณาต่อความเห็นของคนอื่น
ในเวบบอร์ดนี้ มากน้อยเพียงใด

ภัยพิบัตืที่จะเกิดขึ้นมากมายในอนาคตอันใกล้
เป็นความร่วมมือของ
ผู้ทรงภูมิของคนที่เข้าไปในพื้นที่นั้นๆ ณ เวลานั้นๆ
รวมถึงโลกและจิตรวิญญาณฝั่งกะโน้น
เป็นแผนการที่ถูกเตรียมเอาไว้ล่วงหน้า
ไมใช่อุบัติเหตุอย่างที่เข้าใจ
(ไม่มีคำว่าอุบัติเหตุ หรือความบังเอิญ
หรือ โชคไม่ดี ในความเข้าใจนี้ )
มันมีจุดมุ่งหมายบางอย่าง ที่เราไม่อาจรู้ได้
แต่ที่แน่ๆ ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ
ในมุมมองของพวกเค้า ใครจะรอดหรือไม่
ไม่สำคัญเท่าแผนการที่จะทำให้
แต่ละจิตรวิญญาณสามารถเติบโตขึ้นไปได้หรือไม่ต่างหาก
เหมือนอย่างซึนามิครั้งที่แล้ว พวกเค้าบอกว่า
เป็นข้อตกลงของกลุ่มจิตรวิญญาณที่ต้องตาย
-เพื่อที่จะได้เจอประสบการณ์ร่วมกัน
-เพื่อใ้ห้มนุษย์ที่ยังอยู่ ได้ตระหนักถึงสิ่งที่ทำกับโลก
และอีกในวัตถุประสงค์
-เพื่อให้มีโควต้าสำหรับมะนาวรุ่นใหม่
ได้เข้ามาแฝงตัวบนโลกนั่นเอง

แต่จะว่าไป ก็อย่าให้ได้เจออะไรโหดๆเลย
หลายคนรู้อย่างนี้แล้ว คงไม่กลัวตายเท่าไรหรอก
แต่คงกลัวเจ็บจี๊ดก่อนจะได้ตาย เสียมากว่า 555

มะนาวพลาดมาแล้วสองครั้ง ในการทำให้มนุษย์เกิดการวิวัฒนาการ
ครั้งนี้เป็นครั้งที่สาม แต่เที่ยวนี้อลังการงานสร้างกว่า
ด้วยความร่วมมือของทุกๆเผ่าพันธุ์
ที่เคยเกี่ยวข้องกับโลกใบนี้

ตำนานพรหมลงมากินง้วนดิน
แล้วตืดใจไม่ยอมไปไหน
ท่าจะเป็นเรื่องจริง
ง้วนดินในที่นี้คงหมายถึง รสชาด ของผัสสะบนโลกนี่เอง
เพราะหนึ่งในจิตรวิญญาณเหล่านั้นบอกว่า
มีเผ่าพันธุ์เดียวกับตัวเองมากมายในยุคดึกดำบรรพ์
ไม่ระวังในการเข้ามาในโลก ลงมาเที่ยวเล่นเหมือนเด็กได้ของเล่นใหม่
หารู้ไม่ว่า ยิ่งเล่นนานเข้า ยิ่งหลงลืมตัวเอง หาทางกลับไม่เจอ
เพราะจะเกิดตัวตนใหม่ของโลก หุ้มห่อจิตรวิญญาณเดิมเอาไว้
พุทธิปัญญาที่มีอยู่ ก็จะไม่สามารถช่วยอะไรได้
สรุปว่า อับจนเพราะเล่นมากไปนั่นเอง

เผ่าพันธุ์ของจิตรวิญญาณแสงกลุ่มนี้ เป็นหนึ่งในผู้เข้าร่วม
เพื่อช่วยเหลือพวกพ้องให้ได้กลับไปยังบ้านเกิด
ที่จากมานานแสนนาน เราถึงได้ยินคำแนะนำบ่อยๆว่า
"หาทางจำให้ได้ว่าตัวเองเป็นใคร"

ไม่ใช่แต่จิตรวิญญาณที่ดี ที่ลงมาติดหนึบ
แต่ยังมี จิตรวิญญาณของเผ่าพันธุ์นักล่า
ฉลาดหลักแหลมกว่ามนุษย์ แอบเข้ามาหาทรัพยากรกลับไป แต่ก็ไม่รอด
(ที่ใช้คำว่าแอบ เพราะโลกมีพวกผู้เฒ่าคอยดูแล)
กลับติดอกติดใจรสชาด กิเลสอันหอมหวาน ของโลกใบนี้
หลงลืมตัวตน ลงมาติดกับเค้าด้วย
พวกนี้ยังคงกลับชาติมาเกิดปะปนอยู่กับมนุษย์
และยังคงมีนิสัยเดิมๆ เอาแต่ประโยชน์ตน
และใฝ่หาอำนาจอยู่ในทุกๆชาติ
เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้แผนการสองครั้งที่ผ่านมา
ล้มเหลวไม่เป็นท่า
ทำให้ตัวแปรของความเป็นไปได้ ผิดเพี้ยนไป
แต่เที่ยวนี้ เค้าบอกว่า ไม่น่าจะพลาด นะนาย

สุดท้าย ใครจะรู้อนาคตตัวเอง ได้ดีไปกว่า...ตัวเรา

จบแระ

 

ขออนุญาติดันกระทู้นี้ขึ้นอีกเพราะมีสิ่งที่มีประโยนช์ในการศึกษาพิจารณาให้หายสงสัยในใจหวังว่าจะเป็นประโยนช์ไม่มากก็นอ้ยลีลาของท่านผู้แปลเยี่ยมยอด....

 

ขอบคุณมากคะ สำหรับเรื่องราวทั้งหมดนี้
คนรู้ไม่ถาม คนถามไม่รู้
หากเรามีจิตอันเป็นอนันต์จะเข้าใจทั้งหมดที่ป้าแกเล่า หลายสิ่งที่ป้าแกเองก็ยังไม่เข้าใจ
ส่วนตัวเองแล้วพอจะเข้าใจถึงขั้นตอนการขับเคลื่อนสู่จักรวาลหน้า ตื่นมาแล้วไม่ถามถึงกัน
เรามีพลังงานด้านการมองเห็นภาพผ่านมิติ เห็นการสนทนาของป้ากับผู้คุมกฏ บางคำถามและคำตอบไม่สามารถนำมาเผยแพร่ได้ เพราะไม่ใช่ขั้นตอนหรือวิธีการ แต่เกี่ยวกับผลอันมหาศาลและความสำคัญเกี่ยวกับอดีตแห่งห้วงอนาคต ซึ่งทุกฝ่ายกำลังรอลุ้นอยู่ (ไม่มีใครตอบได้เพราะรอดูผลพร้อมๆกัน) เราเองเคยพูดกับน้องคนนึงเมื่อสองปีที่แล้วว่า ถ้าโลกคือชะตาของจักรวาล การพลิกโลกคือการพลิกชะตาจักรวาลคะ
ไม่ทราบมีใครรู้จักป้าแกหรือเปล่า ลองถามแกหน่อยว่า มีคำถามต้องห้ามอันใดที่ไม่สามารถนำมาเปิดเผยได้ อย่างที่เราเห็นภาพไหม?

 

อยากให้แปลเรื่องที่เกี่ยวกับโลกแตกหรือการติดต่อได้สื่อสารมนุษย์ต่างดาว เพราะผมชอบเรื่องแบบนี้มากถ้าหนังสือของป้าโด้แกมีแปลไทยละก็จะไปชื่อมาอ่านสักเล่ม

 

ขอบคุณมากที่ช่วยดันกระทู้นี้มาให้อ่าน อ่านแล้วซาบซึ้งจนน้ำตาไหลเลย กำลังคิดจะสร้าง
กรรมใหม่อยู่พอดี พอได้อ่านแล้วก็ต้องหยุดแล้วครับ

ตอนนี้ก็มีความรู้สึกว่าถ้าเราหายไปไหน ผู้คนที่เกี่ยวข้องกับเราก็คงจะรู้สึกเฉย ๆ แล้วก็ลืม
กันไปเอง แต่ยังไงก็จะพยายามสร้างความถี่สูงเพื่อช่วยเหลือคนรอบข้างให้ได้มากที่สุด