รวมสุดยอดสายวิชาแหวนนพสูรย์+ปรอทกินทอง

สาธุ ครับ สาธุ ผมคงมีบุญนะครับ ที่ได้ร่วมบุญกับคุณหมอนะครับ สาธุ

 

รูปนี้มีหลายคนเมล์มาถามว่าเหมือนอะไร ก็แล้วแต่จะมองและจินตนาการกันไป
บางคนก็เห็นเป็นตรีศูล บางคนก็เห็นเป็นพญาครุฑยุดนาค บางคนก็เห็นเป็นมือพระพุทธรูป
นานาจิตตัง

สำหรับผู้ที่ได้บูชาแหวนเงินรุ่นนี้เอาไว้ ไม่ว่าจะรุ่น 1 หรือรุ่น 2 ก็ดี
ถือว่าโชคดีมากๆ เพราะหลอมจากเนื้อชนวนแผ่นยันต์ล้วนๆ
ไม่ต่างอะไรจากการหลอมด้วยตะกรุด เพราะแผ่นยันต์แต่ะแผ่นสามารถม้วนเป็นตะกรุดคาดเดี่ยวได้เลย
ตามปกติถ้าไปเช่าเหรียญคณาจารย์ต่างๆที่หลอมด้วยชนวนล้วน
ไม่ต้องเนื้อเงินหรอก แค่เนื้อโลหะธรรมดาก็ราคาแพงมากแล้ว
นี่เป็นเนื้อเงิน 90% แถมหลอมจากแผ่นยันต์ล้วนๆ อีก
ค่าบูชาราคานี้ถือว่าถูกมาก แถมยังอุดมวลสารต่างๆอีก
โดยเฉพาะพลอยนพเก้าแท้ๆ เพื่อให้ส่งเสริมราศีโดยเฉพาะ
อีกทั้งมวลสารทั้งหลายแหล่ที่บรรจุก็ผ่านการเสกมาแล้วทั้งนั้น
เรียกได้ว่าไม่มีส่วนไหนของแหวนที่ไม่ได้เสกมาก่อนเลย

บางคนไปคิดตีค่าแค่ราคาโลหะ
ถ้าเป็นการทำแหวนทั่วไปที่ใช้โลหะธรรมดาๆ ก็ย่อมต้องถูกกว่าอยู่แล้ว
แต่จริงๆ คุณค่าที่แฝงอยู่ในโลหะที่นำมาหลอมนี้ต่างหากที่มันประเมินค่าไม่ได้
แหวนอื่นทั่วๆไปเขาก็ทำแบบสำเร็จรูปคือแหวนและหัวแหวนหลอมมาเป็นงานเดียวกันจบ
หรืออย่างมากก็หล่อแหวนกับหัวแหวนต่างหากแล้วเอามาประกอบกันเข้าก็จบ
จะหาแหวนที่บรรจุผงด้วยหาได้ยากเต็มที
จะมีก็แต่แหวนนารายณ์ทรงครุฑมหาปราบ ของ ลพ.สาลีโข ที่ท่านก็บรรจุผงในแหวน

ดังนั้นคนที่บูชาไว้ก็จงเก็บรักษาไว้ให้ดี ต่อไปจะหายาก
เชื่อแน่ว่าต่อไปถ้ามีคนได้รู้ข้อมูลการสร้างมากขึ้น
ก็จะยิ่งเป็นที่แสวงหาต่อไปในอนาคต

แหวนนี้ต้้งใจสร้างไว้ให้เป็นแหวนประจำกายทุกคน
ดังนั้นเคล็ดในการสร้างจึงต้องมีการปล่อยสัตว์
และผู้ที่ได้รับไป ในวันแรกที่สวมแหวนนี้ (หมายถึงสวมแบบจริงจัง ไม่ใช่แค่การลองใส่แล้วถอดออก)
จะต้องทำการปล่อยสัตว์ เพื่อเป็นการสะเดาะเคราะห์และเสริมบารมีให้กับตนเองเอาฤกษ์
และให้อุทิศบุญให้กับเจ้าของตำรา เทวดานพเคาระห์ และเทวดาที่รักษาแหวน
เพื่อจะได้คอยค้ำชู เกื้อหนุนตัวเราไม่ให้ตกต่ำ
แหวนนี้เป็นแหวนเสี่ยงทาย ถ้าหัวแหวนหม่นหมองเมื่อไรก็แสดงว่ามีเคราะห์
ให้เร่งภาวนา ถือศีล หัวแหวนก็จะกลับมาสุกปลั่งดังเดิม

 

ยิ่งอ่านยิ่ง สาธุ มากๆ ครับ ผมนำมาใส่ติดตัวตลอดแน่นอน คงไม่ปล่อยให้ใคแน่ครับเพราะมีเพียงไม่กี่วงในโลกนี้

 

แหวนสัตตโลหะ หัวเมฆสิทธิ์ ถ่ายรูปมาแต่สีเพี้ยนไปหน่อย ของจริงสีจะใกล้เคียงรูปล่าง





โค๊ตที่ตอกในแหวนที่หล่อในฤกษ์ชุดแรก แต่เนื่องจากเป็นมือสมัครเล่น โค๊ตที่ตอกเลยติดไม่ชัดนัก
แถมบางทีแฉลบบ้าง เลยดูไม่ออกว่าเป็นตัวอะไร ที่จริงเป็นโค๊ตตัว " ตะ "



เมื่อวันเสาร์ที่ 18 ที่ผ่านมา ได้นำแหวนชุด 2 ที่อุดผงเรียบร้อยแล้วกลับไปให้ทางโรงหล่อประกอบหัวกับตัวเรือนให้
แล้วก็เลยรับแหวนชุดแรกที่ประกอบเสร็จแล้วกลับมาตอกโค๊ต
แต่โค๊ตตอกไม่ชัดนักเพราะไม่ชำนาญ ส่วนใหญ่จะติดไม่เต็มเนื่องจากตอกด้านในวงแหวนซึ่งตอกยาก
แล้วก็นำแหวนชุด 2 ที่เหลือกลับมาอุดผงต่อ ชม.นึงอุดได้ประมาณ 10 วง
เพราะต้องตักมวลสารใส่ทีละอย่าง (ไม่ได้นำมวลสารทั้งหมดมาคลุกรวมกัน)
ซึ่งแหวนเงินชุด 2 นี้พิเศษตรงที่มีมวลสารเพิ่มจากเดิมถึงเท่าตัวเลยทีเดียว
พอดีกับมีปฐวีธาตุแบบเม็ดเล็กๆ ของลป.คำพันธ์เหลือก็เลยบรรจุให้ทุกวง
และยังมี ปฐวีธาตุ ลป.อ่อนสา สุขกาโร และ ขี้เหล็กไหล พระอาจารย์จวน ภูทอก บรรจุให้ด้วย
อีกทั้งได้ผงพระธาตุสิวลีและผงอิทธิเจของลพ.ทรง วัดศาลาดิน มา ก็เลยใส่ไปด้วย
นั่งบรรจุตั้งแต่ 1 ทุ่ม หลังสวดมนต์เสร็จ ยาวไปถึงตี 4 จึงแล้วเสร็จ
จิตสงบดี ไม่มีอาการง่วงเหงาหาวนอนอะไรเลย แต่พอเสร็จนี่แทบลุกไม่ได้เหน็บกินแทบเหยียดขาไม่ออกเลย
คืนวันศุกร์ก่อนวันเสาร์ก็นั่งบรรจุไปหลังสวดมนต์เสร็จ ตั้งแต่เที่ยงคืนยันตี 5 ครึ่ง
ก็ไม่ง่วงเหมือนกัน จิตทรงอารมณ์อยู่ในกุศลตลอด คิดเสียว่าเป็นการสร้างพระ
มันมีปิติก็เลยไม่ง่วง
ที่มันช้าก็เพราะบรรจุมวลสารเสร็จแล้วก็ต้องมาหยอดสีผึ้งที่หุงผสมกับเทียนชัยพุทธาภิเษก
เพื่อปิดผนึกไม่ให้ของที่บรรจุร่วงหล่นไปได้ แม้จะอาบน้ำก็ไม่หลุด (ยกเว้นโดนความร้อนจัดๆ)
ทำไปทีละวงๆ จนแล้วเสร็จ
วันเสาร์ที่ 25 นี้กจะเข้าไปรับแหวนชุด 2 ที่ส่งกลับไปประกอบตัวเรือนกลับมา
คาดว่าน่าจะเสร้จได้กลับคืนมาทั้งหมด
จะได้เริ่มต้นนำไปเสกจริงๆ จังสักที หลังจากเสกย่อยๆ มาก่อนหลายครั้งแล้ว
โดยเฉพาะในวันเสาร์ 5 ที่ 20 ตุลาคม ก็ได้รับอนุญาตจากทางวัดถ้ำตะโก ลพบุรี ให้นำเข้าร่วมพิธีพุทธาภิเษกพร้อมกับแหวนของทางวัดถ้ำตะโก
ที่ทำเป็นแหวนรูป ลพ.เภา วัดถ้ำตะโก (ถ้ำเขาวงกต)

 

แหวนที่ทำถวายลป.ดี ตัวเรือนเป็นเนื้อฟิวเตอร์ (เป็นโลหะผสมดีบุก) หัวเป็นเมฆสิทธิ์
บรรจุของทุกอย่างเหมือนกัน
คาดว่าจะนำไปถวายท่านในวันเสาร์ที่ 1 กันยายนนี้
ผู้ที่สนใจสามารถไปทำบุญกับหลวงปู่ได้โดยตรง
ยังไม่ทราบว่าท่านจะกำหนดค่าบูชาเท่าไร

 

สาธุ อนุโมทนาบุญกับคุณหมออานุภาพครับ

ได้โทรคุยหลังไมค์กับคุณหมอ จริงๆแล้วใช้มวลสารแต่ละอย่าง ล้วนสุดยอดทั้งนั้น
และใช้ขันติ+ความเพียรในการบรรจุมวลสารคนเดียว ทีละวง

แต่ตัวหมอเอง ซึ่งคนทำคงไม่กล้าออกมาพูดเอง กลัวหาว่า ยกตนหรือโม้
ผมฟังแล้ว รู้สึกได้ว่า เจ้าของแหวนแต่ละวงล้วนโชคดีมาก ที่ได้ของดีไว้บูชา


สร้างแหวนเสร็จแล้ว เดือนก.ย.หน้า คงเป็นช่วงนำแหวนอธิษฐานจิตต่อไป
ขอเป็นแรงสนับสนุนคุณหมออานุภาพในการสร้างบุญกุศลนี้ครับ

...
​

 

ขออนุโมทนาบุญด้วยครับ

 

ปฐวีธาตุ ลป.อ่อนสา สุขกาโร วัดประชาชุมพล อุดรธานี


หลายคนอาจจะสงสัยว่านอกจากเจ้าคุณนรฯ และลป.คำพันธ์ วัดธาตุมหาชัยแล้ว
ปฐวีธาตุ ลป.อ่อนสา มีด้วยเหรอ
จริงๆ แล้ว ครูบาอาจารย์สายลป.มั่นที่สามารถอธิษฐานจิตปฐวีธาตุได้ก็มีอยู่
เพียงแต่ไม่เป็นที่รู้กันแพร่หลายนัก อย่างเช่น
ลป.ขาว อนาลโย ท่านก็เคยให้เก็บก้อนกรวดที่ใต้ถุนกุฏิท่านมาเสกเป็นปฐวีธาตุมาแล้ว
ของลป.ดูลย์ อตุโล ก็มี
พ่อท่านเมือง วัดป่ามัชฌิมาวาส ท่านก็มี แถมยังบอกว่า ลป.อ่อนสา ก็มี


ปฐวีธาตุไม่ใช่หินเสก
แต่หินเสกอาจจะเปลี่ยนเป็นปฐวีธาตุได้ถ้าผ่านการอธิษฐานจิตจากผู้เข้าถึง


เคยมีผู้กราบเรียนถามหลวงปู่คำพันธ์ วัดธาตุมหาชัย ว่า
หากไม่ถือเอามงคลนามเช่นท่านเจ้าคุณนรฯ ให้ไปเอาก้อนกรวดที่ " บางบ่อ "
เพราะเป็นมงคลนามเป็นบ่อเงิน บ่อทอง แล้ว
ปฐวีธาตุที่สมบูรณ์แบบโดยธรรมชาติจะหาได้ที่ไหน


ท่านเมตตาบอกว่า
ปฐวีธาตุที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุด อยู่ที่ถ้ำภูควายเงิน จังหวัดเลย
ปฐวีธาตุที่ผ่านการเมตตาจากพระเกจิอาจารย์ผู้วิมุตติหลุดพ้นแล้ว
มีคุณสมบัติเสมือนแก้วสารพัดนึก เป็นโภคทรัพย์ และป้องกันได้แม้ระเบิดนิวเคลียร์


ปฐวีธาตุที่ภูควายเงินนี้ จะเป็นเม็ดหินเล็กๆ สุกใส และคล้ายๆ พระอรหันตธาตุ
ปฐวีธาตุนี้ได้นำมาบรรจุในพระปิดตาสมจินตนาของ ลป.อ่อนสาส่วนหนึ่ง
และบรรจุในพระปิดตาของพระอาจารย์เจริญ วัดโนนสว่างด้วย

 

สอบถามคุณหมอหน่อยครับ ปกติ แหวนนพสิทธิ์ฤทธิชัยมงคล จะใส่นิ้วไหนหรือครับ จึงให้ถูกเคล็ดการใช้

เห็น แหวนนพสูรย์ ต้องเป็นนิ้วนาง หรือเปล่าครับ หรือผมเข้าใจผิด

เพิ่งเข้ามาศึกษาครับ เลยอาจถามมากหน่อย รบกวนด้วยนะครับ

 

ในตำราบอกนิ้วนางครับ แต่ของผมทำใส่นิ้วกลางเพราะหัวแหวนใหญ่
พอใส่นิ้วนางแล้วดูเทอะทะน่าดู

 

เรียนคุณหมออานุภาพที่เคารพ

ถ้ามีเวลาว่างช่วยลงประวัติหลวงปู่ดี วัดสุทธาราม และ หลวงพ่อวิชัย

ให้สมาชิกได้ศึกษา จะได้รู้จักท่านและช่วยกันทำบญกับท่านครับ

ขอบคุณครับ

 

สวัสดีครับ ผมพึ่งเข้ามาติดตามครับ ไม่ทราบว่าต้องจองอย่างไร ครับ

 

ไปทำบุญบูชากับหลวงปู่ดีโดยตรง ที่วัดสุทธาราม ซ.ตากสิน 19 เลยครับ
แหวนสัตตโลหะ หัวเมฆสิทธิ์ ทำบุญ 1000-
แหวนเนื้อโลหะผสมดีบุก หัวเมฆสิทธิ์ ทำบุญ 600-
และก็มีเหรียญหล่อพระศรีอาริย์หลังหลวงปู่ทวด ทำบุญ 300-

 

​

ประวัติละเอียดของท่านมีคนเคยเขียนไว้แล้ว ลองหาดูตามเว็บต่างๆ ได้
ก็เลยขอสรุปเอาอย่างย่อพอเป็นสังเขป


หลวงปู่ดี ธัมมธีโร แห่งวัดสุทธาราม ซอยตากสิน ๑๙ กรุงเทพฯ
ท่านเป็นพระเถระที่ผ่านแผ่นดินมาถึง ๔ รัชกาลแล้ว
ปัจจุบันหลวงปู่อายุ ๙๗ ปี (ปี ๒๕๕๕)
หลวงปู่เล่าให้ฟังว่า ต้นตระกูลของท่านเป็นคนจีนแซ่ลี้ อพยพมาขายใบยาสูบในสยามประเทศ

นามเดิมของหลวงปู่ชื่อ ทองดี มณีเนียม เกิดเมื่อวันที่ ๗ กรกฏาคม ๒๔๖๔ ในรัชการที่ ๖
โยมพ่อชื่อ “ เป้า ” โยมแม่ชื่อ “ ไทย ” นามสกุล “ มณีเนียม ” เป็นคนจังหวัดอ่างทอง
หลวงปู่เป็นลูกชายคนที่ ๒ ของพี่น้องทั้งหมด ๓ คน
พอท่านเริ่มโตโยมพ่อโยมแม่ของท่านได้เอาท่านไปฝากไว้กับพระที่วัดเพื่อให้ได้เล่าเรียนหนังสือ แต่เรียนไม่ทันจบพระที่สอนก็สึกเสียก่อน
ทำให้ท่านต้องกลับมาอยู่บ้านช่วยพ่อแม่ทำนาและไม่ได้เรียนหนังสืออีกเลย

<O</O
หลวงปู่บรรพชาเป็นสามเณรเมื่ออายุ ๑๙ ปี ณ วัดศรีกุญชร อำเภอโพธิ์ทอง อ่างทอง
และได้อยู่ปรนนิบัติรับใช้และศึกษาวิชาอาคมจาก หลวงตาพริ้ง
ซึ่งถือว่าเป็นพระเกจิอาจารย์ที่เรืองเวทย์ในด้านเมตตามหานิยม
หลวงปู่จึงมีวิชาพอตัวตั้งแต่เป็นเณร

<O</O
เมื่ออายุครบ ๒๐ ปีบริบูรณ์ท่านจึงได้อุปสมบท ณ วัดโพธิ์เกรียบ อำเภอโพธิ์ทอง จังหวัดอ่างทอง
เมื่อวันที่ ๑๕ มีนาคม ๒๔๘๔ โดยมี
พระครูโพธิสารสุนทร (รอด) วัดโพธิ์เกรียบ เป็นพระอุปัชฌาย์
พระครูจันทรโพธิคุณ (หยวก) วัดโพธิ์เกรียบ เป็นพระกรรมวาจาจารย์
พระปลัดชิต วัดโพธิ์เกรียบ เป็นพระอนุสาวนาจารย์
หลวงปู่ได้รับฉายาว่า “ ธมมธีโร ”ซึ่งแปลว่า “ ผู้เป็นปราชญ์ในทางธรรม ”

<O</O
เมื่อบวชแล้วท่านก็ได้เริ่มศึกษาวิชาวิทยาคมอย่างจริงจังกับครูบาอาจารย์หลายท่าน ทั้งในอ่างทองและจังหวัดใกล้เคียง
เช่น หลวงพ่อโปร่ง วัดท่าช้าง ซึ่งเป็นคุณอาแท้ๆ ของท่าน
ได้รับถ่ายทอดการสร้างเบี้ยแก้สาย ลพ.คำ วัดโพธิ์ปล้ำ
เรียนวิชาตะโพน ของ ลพ.ภักตร์ วัดโบสถ์
เรียนวิชาหมอดู การเขียนลบผงวิเศษ การตะกรุดไม้รวกมหาอุด จาก ลป.จัน วัดนางหนู อยู่ถึง ๔ ปี


หลังจากนั้นท่านเห็นว่าวิชาอาคมต่างๆ ที่ร่ำเรียนมายังไม่ใช่ทางพ้นทุกข์
ท่านจึงได้ออกธุดงค์ต่อไปยังภาคเหนือ และได้ไปศึกษาวิปัสสนากรรมฐานกับ
ครูบาพรหมจักร พรหมจักโก วัดพระพุทธบาทตากผ้า รุ่นเดียวกับ ครูบาผัด วัดหัวฝาย
อีกทั้งยังได้ช่วย ครูบาชัยวงศาพัฒนา สร้างวัดพระพุทธบาทห้วยต้ม เป็นต้น


หลวงปู่เป็นพระที่เพียบพร้อมด้วยวิชาและจรณะ
อีกทั้งสรรพวิชาที่หลวงปู่ได้ร่ำเรียนมามีมากมายยิ่ง
แต่ท่านเห็นว่าไม่ใช่ทางพ้นทุกข์อย่างแท้จริง ท่านจึงได้ละเสียไม่ค่อยกล่าวถึง
นอกจากจำเป็นท่านถึงจะทำวัตถุมงคลตามวิชาที่ได้ร่ำเรียนมาให้ศิษย์ได้ใช้กันสักที
ไปหาท่านทีไรท่านชอบเทศน์ธรรมะให้ฟัง เพราะจริตท่านปรารถนาพุทธภูมิมาก่อน
สมัยก่อนช่วงธาตุขันธ์ท่านยังแข็งแรงดี ท่านเทศน์ได้เป็นชม.
แม้ทุกวันนี้ธาตุขันธ์จะไม่ค่อยอำนวย แต่ท่านก็ยังเทศน์สอนทุกครั้งที่ไปกราบท่าน
โดยเฉพาะเรื่องมงคล 38 ประการ ที่ท่านมักจะหยิบยกมาเทศน์หัวข้อใดหัวข้อหนึ่งเสมอ
หากท่านใดมีโอกาส ก็ขอเชิญไปร่วมทำบุญฟังเทศน์กับท่าน แล้วท่านจะสัมผัสได้ถึงความเมตตาอันไม่มีประมาณของท่าน

 

หลายคนสงสัยว่าแหวนแค่นี้อุดมวลสารได้มากขนาดนั้นเลยหรือไง
พอดีเมื่อวานเข้าไปรับแหวนที่โรงงาน
พอดียังเหลือแหวนที่ไม่ได้บรรจุมวลสารเหลืออยู่ 7 วง
ก็เลยให้เพื่อนที่ไปด้วยช่วยถ่ายรูปให้ เพราะปกติอุดมวลสารเองคนเดียวเลยไม่มีคนถ่ายให้


หัวแหวนอุดด้วยผงมวลสารหัวเชื้อแบบไม่ได้ผสมอะไรเลย ก่อนหยอดสึผึ้งผนึกไว้ไม่ให้ผงร่วงและกันน้ำเข้าด้วย


หัวแหวนบรรจุด้วยพลอยนพเก้าแท้ๆ ผง 5 อังคาร ผงพระธาตุสิวลี ผงหยก ฯลฯ
ใส่ได้เยอะค่ไหนก็ลองพิจารณาจากรูปดู


สีผึ้งพรายกุมาร (เป็นส่วนผสมหลักถึง90%)ผสมเทียนชัยพิธีพุทธาภิเษกและน้ำมันหอมต่างๆ ที่หลอมแล้ว
หยอดปิดผนึกทั้งที่ตัวเรือนและหัวแหวน ก่อนให้ส่งให้ทางโรงงานประกอบตัวเรือนกับหัวแหวนเข้าด้วยกัน

แค่ 7 วง แต่ต้องนั่งรอทางโรงงานประกอบให้ 3 ชม.ถึงเสร็จ
ในที่สุดก็เสร็จครบถ้วนเสียที

 

สรุปจำนวนแหวนที่จัดสร้างทั้งหมด

1. ตัวเรือนเงิน (ชนวนล้วน) หัวปรอทกินทอง ของ ลพ.ศรีอ่อง <O</O
- ชุดแรก (ในราชาฤกษ์) 5 วง<O</O
- ชุดที่สอง (ในเพชฌฆาตฤกษ์) 13 วง<O
2. ตัวเรือนเงิน (ชนวนล้วน) หัวเมฆสิทธิ์ ยันต์นะหน้าทอง
<O- ชุดแรก (ในราชาฤกษ์) 21 วง<O
- ชุดที่สอง (ในเพชฌฆาตฤกษ์) 23 วง <O
3. ตัวเรือนสัตตโลหะ หัวเมฆสิทธิ์ ยันต์นะหน้าทอง
- ชุดแรก (ในราชาฤกษ์) 174 วง<O
- ชุดที่สอง (ในเพชฌฆาตฤกษ์) 50 วง<O
4. ตัวเรือนนวโลหะ (ในราชาฤกษ์) 8 วง
<O- ตัวเรือนนวโลหะ หัวเมฆสิทธิ์ ยันต์นะหน้าทอง 3 วง <O
- ตัวเรือนนวโลหะ หัวเมฆสิทธิ์แบบไม่มียันต์ (หัวเกลี้ยง) 3 วง<O
- ตัวเรือนนวโลหะ หัวนวโลหะ ยันต์นะหน้าทอง 1 วง<O
- ตัวเรือนนวโลหะ แบบไม่ประกอบหัวแหวน 1 วง
<O5. ตัวเรือนฟิวเตอร์ (โลหะผสมดีบุก) หัวเมฆสิทธิ์ 120 วง
6. หัวแหวนเนื้อเมฆสิทธิ์ แบบไม่มียันต์ 106 หัว

หมายเหตุ แหวนเงินหัวปรอทกินทอง จริงๆ แล้วชุดแรกหล่อทั้งหมด 9 วง
แต่มีเจ้าของบางคนขอให้ยุบมาทำใหม่เป็นแหวนรุ่นสองแทน <O

 

หลังจากนั่งรออยู่ 3 ชม.กว่าทางโรงหล่อจะประกอบแหวนที่อุดมวลสารทั้ง 7 วงเสร็จ
ก็รีบนำแหวนทั้งหมดไปให้หลวงปู่ดี วัดสุทธาราม ตากสินซ. 19 อธิษฐานจิตเป็นปฐมฤกษ์
ซึ่งก็ตรงกับวันที่ 1 กันยายน ซึ่งเป็นวันพระใหญ่พอดี



ไปถึงหลวงปู่ก็แจกแหวนที่มีคนมาทำถวายท่านก่อนหน้าก่อนเลย
หลวงปู่ดูแข็งแรงและสดชื่นมากในวันนี้ พูดชัดขึ้นมาก นั่งตัวตรงได้
ท่านบอกว่าท่านยืนได้แล้วด้วย กำลังหัดเดิน และตอนนี้ทุกเช้าท่านจะนั่งรถเข็นออกบิณฑบาตทุกวัน
พอเอาแหวนถวายท่าน ท่านก็หยิบมาดูด้วยความพอใจและบอกว่าแหวนสวยมาก
พออธิบายว่าด้านข้างแหวนเป็นอะไร ท่านก็ท่องพระคาถาเทพอาวุธทั้ง 5 ออกมาเลย



สำหรับแหวนที่ถวายท่านไปนั้นท่านก็ได้ถามถึงราคาต้นทุน
ก็กราบเรียนท่านไปว่าต้นทุนค่อนเข้างแพง เพราะเป็นงานกึ่งจิวเวลลี่
ถ้าหลวงปู่จะแจกฟรีหลวงปู่ก็มีแหวนที่แจกฟรีอยู่แล้ว
(มีคนทำมาถวายก่อนหน้า ก็ขออนโมทนาบุญกับคนสร้างด้วยครับ)
ท่านก็เลยให้ช่วยท่านกำหนดราคาบูชาให้



อีกทั้งก่อนกลับท่านก็เมตตาเสกแหวนทั้งหมดให้เป็นพิเศษ
ที่ต้องบอกว่าเป็นพิเศษก็เพราะตั้งแต่เอาวัตถุุมงคลให้ท่านเสก
ยังไม่เคยเห็นท่านตั้งใจเสกให้นานเท่าครั้งนี้มาก่อน
โดยท่านเริ่มเสกด้วยการ อาราธนาพระปริตร ตามด้วยบทพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ
มงคล 38 มงคลจักรวาฬ ถวายพรพระ และ อาฏานาฏิยปริตร
ซึ่งก็แปลกใจว่าทำไมท่านใช้บทนี้ คงมีนัยยะอะไรสักอย่าง



สำหรับผู้ที่อยากจะร่วมบุญบูชาแหวนกับหลวงปู่ก็สามารถไปบูชาที่กุฏิหลวงปู่ได้เลย โดยมี

1.เหรียญพระศรีอาริย์หลังหลวงปู่ทวด ที่คุณหนูนอร์เวย์กับคณะร่วมสร้างได้ถวายหลวงปู่ไว้ 100 เหรียญ
ทำบุญบูชาเหรียญละ 300-
(เหรียญนี้พอหลวงปู่จับปุ๊บ ท่านบอกว่าดีมากๆ เลย)
2. แหวนนพสิทธิ์ฤทธิชัยมงคล เนื้อสัตตโลหะหัวเมฆสิทธิ์ จำนวน 30 วง
มีเบอร์ 57และ 60
บูชาวงละ 1000-
3. แหวนนพสิทธิ์ฤทธิชัยมงคล เนื้อฟิวเตอร์หัวเมฆสิทธิ์ จำนวน 120 วง
มี 6 ขนาด เบอร์ 54/57/60/63/66/69
บูชาวงละ 600-

คลิปหลวงปู่ดีเสกแหวน

http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=3knPkZhhHqo


และในการนี้หลวงปู่ได้มอบแหวนเงินหัวเมฆสิทธิ์เบอร์ 62 ที่ทำถวายหลวงปู่คืนมา เพื่อให้นำมาประมูลด้วย
ใครที่พลาดการจองแหวนเงิน และอยากจะได้แหวนเงินไม่ควรพลาด
ซึ่งรายละเอียดคอยติดตามกันต่อไป

 

และในวันนี้ (2 กันยายน) ได้มีพิธีหล่อรูปเหมือนหลวงปู่ดู่ โดย หลวงตาม้า ถ้ำเมืองนะ ณ โรงหล่อแถวลาดหลุมแก้ว
ก็ได้นำแหวนทั้งหมดไปเข้าร่วมในพิธีครั้งนี้ด้วย
เป็นพิธีที่ยิ่งใหญ่อลังการมาก คนไปร่วมงานเยอะมากจริงๆ




แหวนเงินได้นำมาใส่พาน ส่วนแหวนสัตตะอยู่ในกล่อง

พิธีนี้เข้มขลังมากจริงๆ ขนาดแค่เห็นรูปก็ยังขนลุกเลย
แล้วพรุ่งนี้ก็จะนำไปให้ลพ.สิริ วัดตาล ท่านอธิษฐานประจุฤทธิ์ให้
ทั้งนี้ต้องขอขอบคุณคุณคันธ์ชิตด้วยที่เป็นธุระจัดการให้ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว

หลังจากนี้ไปก็จะนำไปตระเวณเสกเรื่อยๆ ทุกเสาร์ไปจนกว่าจะออกพรรษา
ท่านที่จองไว้ก็อดทนรอกันหน่อย

อ้อ...มีเรื่องที่จะต้องแจ้งให้ทราบไว้เกี่ยวกับแหวนหัวปรอทกินทอง
ตอนนี้หัวปรอทกินทองทุกหัวหม่นหมองไร้ประกายไปหมด
แต่ผู้ที่สั่งจองไว้ไม่ต้องตกใจ เพราะถ้าเอามาสวมเมื่อไร แค่วันเดียวหัวแหวนปรอทจะกลับมาสีทองสุกปลั่งดังเดิม
ซึ่งอันนี้เป็นแรื่องแปลกจริงๆ เพราะตอนแรกที่รับแหวนหัวปรอทกินทองคืนมาจากโรงหล่อ
โห...ดูไม่ได้ ยังกะหัวทองเหลืองธรรมดาเลย
เลยเอาวงของตัวเองมาลองล้างน้ำสบู่ดู ก็ยังหม่นหมองเหมือนเดิม
เลยเอาน้ำยาล้างทองล้างดู ก็ไม่ดีขึ้น
แต่พอเอามาใส่ติดนิ้วแค่ไม่กี่ชม. เขาก็ค่อยๆ สุกใสขึ้นเรื่อยๆ จนเป็นประกายแวววาวแบบเดิม
เป็นเรื่องแปลกแต่จริงเพราะทดลองมา 3 วงแล้ว
และวันแรกที่ใส่มีความรู้สึกเย็นซ่าๆที่ฝ่ามือข้างที่ใส่ เหมือนกับใครเอาเมนทอลเย็นๆมาป้ายไว้ที่ฝ่ามือ
ความรู้สึกที่เกิดขึ้นต่างจากมืออีกข้างอย่างชัดเจน
สงสัยว่าคงกำลังปรับธาตุในร่างกาย

 

หนูขออนุโมทนาบุญกับความมุ่งมั่นตั้งใจอย่างยิ่งของพี่หมอในครั้งนี้ด้วยค่ะ... สาธุ...

แหวนรุ่นนี้ต่อไปคงเป็นตำนานแน่เลย... ท่านใดได้เป็นเจ้าของถือว่าวาสนาดีแท้...

เห็นรูปหลวงปู่ดีแล้วดูท่านสดชื่นแข็งแรงกว่าเดิมมากเลยทีเดียว... เห็นแล้วก็ดีใจค่ะ...

 

ในรูปพิธีหล่อรูปเหมือน หลวงปู่ดู่ พิมพ์วันที่ 2 ตค.55