จิตพร้อม? รับภัยพิบัติ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย ภูภู, 6 เมษายน 2012.

  1. Plapersia

    Plapersia เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2012
    โพสต์:
    93
    ค่าพลัง:
    +775

    ตายแล้ววววววว ทิวแก้แล้วนะคะ ช่วงนี้ยกกันเยอะจำกันไม่หหวาดไม่ไหว
    จำสลับกับแล้วละค่ะ สองคนนี้ยกห่างกันไม่เท่าไหร่ จำผิดกันหมดแล้ว ฮ่าๆ
    ทิวเป็นอย่างนี้อยู่แล้วค่ะลุง/พ่อ/พี่ภู ขี้ลืมๆๆๆ ยิ่งกว่าปลาทองอีกค่ะ
    ต้องรื้อดีๆหน่อย จึงจะจำได้ ฮ่าๆ :'(
     
  2. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    เห็นมั๊ย! บอกแล้ว
    จิตใครอย่าหลงมาทางนี้ เพราะว่าครูที่นี่กำลังกระหายเหยื่อดวงจิตอันโอซะ
    ฮ่าๆ
    เห็นมั๊ย! ครูที่นี่ น่ารักทุกคนเลย
    อย่าแย่งกัน อย่าแย่งกัน ระวังหน่อย ระวังหน่อย
    (อย่าแย่งเลือดกันนะ...ฮ่าๆ อันนั้นปอบผีฟ้า)

    ทำให้ผมนึกขึ้นได้ว่า เหมือนเหยื่อกำลังตกในหนองน้ำสักแห่งนึง แล้วฝูงปลานั้นกำลังแย่งกินเหยื่อนั้นอยู่ ฮ่าๆ คิดเข้าไปได้
    พวกเราคิดเข้าเถอะ ถ้าคิดบวก หรือคิดแบบเชิงสร้างสรรค์ เชิงปัญญา
    หรือคิดแบบวิปัสสนา
    แต่คิดแบบเชิงวิปัสสนา อญุ่เราคิดไม่ได้กันนะ คือจะต้องทำให้จิตนิ่งเข้าสู่อุปจารสมาธิเป็นอย่างต่ำกันก่อน จิตถึงจะไปได้ พิจารณาสิ่งที่จิตไปรับรู้กันมา และพิจารณาได้ถูกต้อง และตามความเป็นจริงๆนั้นด้วย
    เพราะถ้าเราคิดนึก หรือวิปัสสนึกกันนั้น หรือคิดนึกกันระหว่างที่จิตไม่นิ่ง ไม่สงบกันนั้น จิตเต็มไปด้วยกิเลส ภาพหรือความจริงก็ไม่ปรากฎเป็นจริงดังนั้น

    เพราะฉะนั้น เราจำเป็นต้องนำจิตเข้าสู่สมาธิ สู่ฌานกันให้จงได้กันเสียก่อน
    เราจะได้ภาพ หรือความจริงกัน อันเป็นสิ่งเที่ยวแท้แน่นอนกันนะ
    พอจะเข้าใจกันไหม?

    คอยสังเกตให้ดีๆกันนะ เพราะที่นี่ จะเน้นการทำงานของจิต หรือการเดินของจิตเป็นหลัก
    เพราะกระทู้นี้ให้ความสำคัญกับจิตมนุษย์เป็นหลักใหญ่เลย
    เพราะนอกนั้นมันเปลือกนอก ทั้งนั้น เราจะไม่ให้ความสำคัญมากนัก

    คนส่วนใหญ่ที่เป็นทุกข์กันในเวลานี้กัน ก็เพราะว่า
    เหตุใหญ่ๆ เหตุหลักๆนั้น ก็มาจาก พวกเราไม่สนใจดูจิต ไม่ให้ความสนใจกับจิตตนเองกันสักเท่าไหร่
    ในเมื่อจิตมันอยู่ที่กายเรานั้น กลับไม่ดูแล ไม่ให้ความสำคัญกว่าจิตตนเอง
    แต่เราน่าจะสนใจยิ่งกว่า บริวารรอบตัวซะอีก เพราะว่า นอกนั้นที่ไม่ใช่เรื่องจิตของตนนั้น ถือว่าเป็นสมมุติทั้งหมด
    จิตเราไปหลงยึดติดกับสิ่งสมมุติที่ว่ามานี้กัน จิตก็เลยหลงกัน
    ในเมื่อจิตอยู่ที่เรา แต่พวกเรากลับไม่สนใจ หรือไม่ให้ความสำคัญจิตตนเอง

    นี่ไง พวกเราไม่เข้าใจ ไม่สนใจดูจิตตนเอง และไม่ให้ความสำคัญกับจิตของตนเอง เราก็หลงทาง จิตก้หลงทางไปกับกิเลสทั้งหลาย ทั้งปวงกัน
    และท้ายที่สุด ไม่ใช่ใครที่ไหนเป็นทุกข์ ก็ตัวของเราเองนี้กันแหล่ะที่จะต้องได้รับความทุกข์ ความทรมารใจกันทุกวันนี้ ก็เพราะว่าเราไม่เข้าใจชีวิตที่แท้จริงกัน และเราก็เลยหาทางออกจากทุกข์กันไม่ได้
    เพราะว่าเรามิได้ศึกษา เรียนรู้กับคำว่า ตัวทุกข์นั้นคืออะไร
    หรือเรียกรวมๆก็คือ เราไม่ได้เรียนรู้คำว่า อริยสัจจ์

    วันๆนึง มัวไปสนใจกับจิตใจคนอื่นๆ อันนั้นไม่ถูกหลักการ
    แต่จริงๆแล้วเราจะต้องเข้าใจตนเองก่อน
    โดยการเข้าไปดู ไปศึกษาเรื่องจิตของตน โดยการมีสติให้มาก และตามดู ตามรู้จิตของตนเอง
    หมายถึง เราจะต้องมีสติกันมากแล้ว ก็ตามดูอาการหรืออารมณ์ของจิตตนเอง เท่านี้เอง อย่างอื่นแทบไม่ต้องทำเลย
    สติเป็นเพื่อนที่ดีของจิต และสติเป็นยามที่ดีกับเราเองนี้กัน คือสติจะเป็นผู้ทำหน้าที่รายงานข่าว รายงานทุกอย่างที่เราอยากรู้เกี่ยวกับจิต เกี่ยวกับภายในกาย ภายในจิตของตนเอง แต่อย่าไปดูจิตผู้อื่นเขานะ
    เราจะต้องมีวินัยในการปฎิบัติธรรม หรือมีคุณธรรมในการดูจิตตนเองด้วย
    แต่ถ้าใครทำละเมิดกันแบบนั้น ก็ถือว่าผิดศีลขั้นละเอียด เพราะศีลละเอียดนั้น ว่าด้วยเรื่องมโนกรรมเพียงอย่างเดียว เท่านั้น
    เพราะฉะนั้นกาย วาจาเราแทบไม่ต้องไปรักษา หรือระวัง เพราะว่า ถ้าเราสำรวมใจเพียงอย่างเดียวแล้ว ทั้งการกระทำและคำพูดคำจานั้น ก็จะสงบและสำรวมไปเอง
    แต่ในทางกลับกัน ถ้าภายในหรือจิตไม่ดีกันแล้ว การกระทำหรือคำพูดนั้น
    จะหาดีกันไม่ได้เลย

    สรุปความว่า ใจของเรานั้น คือ/เป็นประธาน


    เจริญในธรรม มีพระพุทธเจ้าในจิตให้มาก ๆ
    (คิดถึงและให้เกียรติท่านอาจารย์ฮ.)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 8 กรกฎาคม 2012
  3. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    พวกเรา คือ สัตว์ประเสริฐกันจริงๆหรือ???​


    พวกเราเกิดมาเป็นมนุษย์กันแล้ว
    เราก็ถือได้ว่า เป็นสัตว์ประเสริฐกว่าสรรพสัตว์กันทั้งหลาย ทั้งปวงแล้ว
    แล้วใยมนุษยเราถึงได้หลงทางเดินกันนัก
    พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ก้ได้แต่เตือนว่า
    ให้พวกเราเดินสายกันนะลูก
    เดินทางให้ตรงๆกันนะลูก
    เพราะท่านก็ได้ลองผิด ลองถูก จนมาได้ตรัสรู้ให้ลูกๆได้เห็นกันในธรรมกันหมดแล้ว อันได้แก่ ธรรมอันประเสริฐทั้งสี่ข้อ หรือ อริยสัจจ์ก็ได้แสดงให้พวกเราดูกันหมดแล้ว และมานานมากแล้ว ตั้ง 2500กว่าปีมาแล้ว
    แต่ทำไม มนุษย์เราจึงต้องมาทนทุกข์กันอยู่อีกหรือ

    ไหนบอกว่า การศึกษาทุกวันนี้ สูงขึ้นมากกว่าแต่ก่อนกันไง
    แต่ทำไมลูกหลานของพระพุทธเจ้า ถึงได้เป็นทุกข์กันมาก และก็โง่เขงายิ่งกว่าแต่ก่อนมากมายนัก

    สรุปความแล้ว พวกเรายิ่งเรียนรู้ทางวิทยาศาตร์ นวัตกรรมทางโลก ทางอวกาศก็นับยิ่งโง่เขลากันไปใหญ่
    คุณๆทุกท่านรู้กันบ้างไหม๊?
    ว่าสิ่งที่พวกที่เรียกตนเองว่า เป็นผู้เจริญนั้น จริงหรือ
    ที่พวกเรารู้เรียนรู้กันทางโลก อันได้แก่ ปริญญาเอก หรืออาชีพที่หัวมันสองดี อย่างเช่นแพทย์ วิศวะ นักกฎหมาย นักการเงิน การบัญชี นักวิจัย นักวิชา เป็นต้น
    คุณได้ยินข่าวแม้นกระทั่งผู้มีมันสมองเป็นเลิศก็ยังเอาตัวไม่รอด
    หรือเข้าขั้นเรียกว่า ความรู้ท่วมหัว เอาตัวไม่รอด นั่นก็จะเห็นเป็นจริงดังที่กล่าว

    ที่พวกเราหลงกันไปตามกระแสโลก หารู้เท่าทันกระแสโลกนั้นกันไม่ ล้วนกำลังจะนำพาให้ดวงจิตพบแต่ความทุกข์
    เพราะสิ่งที่มนุษย์ที่กำลังค้นหา ตามหาความสุขกันกับทางโลกนั้น พวกคุณกำลังหลงทาง พวกคุณกำลังหาความทุกข์ให้กับตนเองไม่พอ ยังหาความทุกข์ร้อนให้กับมนุษย์และสิ่งมีชีวิตอื่น แม้นกระทั่งโลกนี้ จักรวาลนี้

    แต่คำตอบก็มีอยู่ในพระธรรม หรือตัวแทนพระศาสดาของพวกพุทธบริษัททั้งหลาย
    กันทั้งหมดแล้ว แต่พวกเราไม่สนใจกันเอง
    เวลามีความทุกข์กันทีก็วิ่งไปหาอยู่สองทางก็คือ ทางมืดกับทางสว่าง
    ก็แล้วแต่กรรมจะนำพาให้ไปกัน เรียกได้ว่า สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรมนั้น
    ก็เห็นจะเป็นจริงอีก

    อันธรรมะสำคัญที่สุดของเราในเวลานี้ก็คือ อริยสัจจ์
    ตัวทุกข์ เหตุแห่งทุกข์ ทางดับทุกข์ และทางพ้นทุกข์
    ท่านอ่านตรงนี้กันให้ดีๆ อ่านสักสิบรอบนะ
    แต่ถ้าใครมีปัญญาน้อยมาก ถึงไม่มี ก็อยากให้ท่านนำไปกอดนอนแทนแฟน
    และก่อนนอนก็อ่าน ตื่นนอนก็อ่านกันนะ
    อ่านให้ตลอดชีวิตก็ยิ่งดี
    เรียนรู้กันซะ เข้าใจกันซะ แล้วท่านจะได้เลิกทุกข์ เลิกโง่กันเสียที
    ผมขอโทษนะ ผมมิได้มีความตั้งใจ หรือเจตนาไปปรามาส หรือล่วงเกินจิตผู้ใด ผู้หนึ่งเลย
    ผมยอมโดนด่านะ แต่ถ้าคนด่าผมเป็นสิบ เป็นร้อย แต่ผมสามารถทำให้คนหนึ่ง ดวงจิตท่านนึง สามารถทำให้จิต ดวงจิตของคนๆนั้น พ้นทุกข์ หรือ พลุดพ้นนะ
    ผมถือว่าคุ้มนะ ผมยอมตายเพื่อพระพุทธศาสนา ยอมเสียสละเพื่อพระพุทธเจ้า และก็เพื่อพวกเราทุกๆคน

    เข้ามาในกระทู้นี้เยอะกันนะ
    เพราะกระทู้นี้มีแต่ความจริงใจ มีเมตตาสูงนำหน้าความอาฆาต ความพยาบาท
    ที่นี่มีแต่ให้ มีแต่ให้อภัย แม้นกระทั่งผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับตนเอง
    เพราะเราเป็นผู้ให้จริง ให้ไม่มีประมาณ
    เพราะเราปาวรณาตนรับใช้ให้กับพระพุทธศาสนาของพวกเราุทุกคนไปแล้ว
    เพราะฉะนั้นเราจะทำหน้าที่ตรงนี้ด้วยชีวิต ไม่มีเหน็ดเหนื่อย หรือคำว่าท้อ
    พวกเราอาจจะท้อแท้บ้าง แต่กำลังใจไม่ได้ถดถอย
    พวกเราจะสู้ไปด้วยกัน ตามให้กำลังใจกันสำหรับผู้ที่มีจิตใจอ่อนแอกัน
    พวกเรายินยอมเอาบุญไปค้ำให้กับทุกคน ทุกดวงจิตที่เขากำลังล้ม กำลังได้รับความทุกข์กัน
    พวกเราน้อมรับใช้ทุกๆดวงจิตเสมอๆด้วยความจริงใจนี้
    ที่นี่มีให้กับทุกคน ทุกสี ทุกสำนัก ทุกภาวนา เรามาคอยเปิดใจกันนะ
    เราอย่าขัดแย้ง เรามาร่วมกันขัดสีฉวีวรรณผิว จิตกันนะ เราอย่ามาขัแย้ง หรือเสียดสี พูดทิ่มแทงใจดำกัน มาช่วยกันรักษาสุขภาพจิตกัน
    เรามาร่วมใจกัน ให้กำลังใจกัน พากันทำบุญภายใน พากันช่วยยกจิตกัน
    และที่สำคัญก็คือ น้พาดวงจิตกลับบ้านเก่ากัน
    เราเดินทางกลับบ้านเก่ากันนะลูกๆหลานของพระพุทธเจ้า
    พวกเราจะมาทะเราะกันทำไม ไม่เข้าใจกันทำไม
    เพราะต่างเราก็เป็นมนุษย์เหมือนๆกัน จะเข่นฆ่ากันไปใย
    ทำไมไม่รักกัน ทำไมไม่ยอมทำความเข้าใจกัน
    รู้จักรุกแล้วเราก็ต้องรู้จักคำว่า ถอย แพ้ ให้กันให้ได้สิ
    มาจ้องเอาชนะกันทำไม?
    มาจ้องล้างแค้นกันทำไม?
    มาจ้องเอาชีวิตกันทำไม?

    สำหรับผู้ที่กำลังคิด หรือทำแบบนั้น เลิกเสียเถิดครับ
    ทางสายนั้น เขามิได้เรียกว่า สายบุญเลย
    สายบาป สายอกุศลจิตเขาคิด แล้วเขาก็ทำร้ายกันเอง
    คุณนึกว่าสิ่งที่คุณกำลังทำร้ายผู้อื่นอยู่นั้น คุณก็กำลังทำร้ายคนรอบข้างมาจนถึงท้ายที่สุดก็คือ จิตใจของตนเอง
    (ใครมีบุญก็จะเห็นธรรมตัวนี้กันได้ชัดเจน)

    จบบรรยายธรรมคืนวันหยุดเพียงแต่เท่านี้
    สาธุๆขอให้ทุกๆดวงจิตหลุดพ้นแห่งกองทุกข์ทั้งหลาย ทั้งปวงกันนี้
    และหลุดพ้นจากผู้ที่เบื่อทุกข์ เบื่อร่างกาย เบื่อการเกิดนี้กัน
    ให้ทุกท่านจงเจริญทางแห่งอริยมรรค กันนี้ด้วยเทอญ

    ***เพราะทางนี้ สำหรับผู้ที่มีความประสงค์จะไปนิพพาน

    พี่/พ่อ/ลุงภู

    ก็แล้วแต่จะเรียกกันไป เพราะรู้สึกตนเองว่า ตายไปตั้งนานแล้ว
    คือ ตั้งแต่ทำจิตเกาะพระสำเร็จแล้ว เหมือนตนเองกลายเป็น อนัตตา

    แต่ถ้าใครอยากรู้ ก็มาทำเองสิฟ๊ะ! ถามอยู่ได้ สงสัยอยู่ได้
    (ขอตอบแนวครูเพ็ญ) ฮ่าๆ ขำๆ
    ไม่มีไรในก่อไผ่
    (ธรรมะนั้นอย่าสอนแต่คนอื่น แต่เราต้องทำให้ได้ยิ่งกว่าที่ปากของเราพูด
    นี่ผมมิได้พูดกับใครนะ ผมกำลังจะด่าตนเอง...ฮ่าๆ)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 8 กรกฎาคม 2012
  4. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    เธอลืมอะไรก็ลืมได้นะ
    แต่อย่าลืมไปขอขมากับคุณแม่

    เพราะคุณพ่อ คุณแม่ของเธอก็คือ พระอรหันต์ของเธอ
    เพราะฉะนั้นเธอไม่เคารพ เทอดทูนพระอรหันต์ในบ้านเธอแล้ว
    เธอก็อย่าไปเราเคารพ กราบไหว้พระอรหันต์นอกบ้านนเลย
    เพราะไม่มีประโยชน์ อันใด
    เพราะพระอรหันต์ของเธอนั้น ก็คือ ผู้ให้ชีวิตกับเธอนะ
    อย่าลืมนะลูกทิว...

    แต่เธอกล้าขอ-ขมาคุณแม่เธอเมื่อไหร่ จิตเธอ ข้างในเธอนั้นดีมาก
    แต่เมื่อไหร่ เธอมีความกล้า ความอดทน ความตั้งใจจริงๆ
    คนดีอย่างเธอต้องกล้าทำในสิ่งที่ดีมิใช่หรือ?
    ทุกๆคนในนี้ก็พร้อมให้กำลังใจเธอ

    เธอกล้ากระทำอันประเสริฐนี้ได้
    จิตเธอก็พร้อมที่จะยกตามเพื่อนๆไป
    ได้แก่ ลูกหว้า ลูกฟ้า ลูกนัท ลูกนอร์ท ลูกพลังจิต ลูกวิทย์

    เอ๊ะ! ลูกสองคนหลังนี้ คงไม่ใช่แร๊ะ จำผิด ฮ่าๆๆๆ


    ปล.ขอให้เธอเช็คกำลังใจเธอเป็นหลักก่อนนะ แต่เมื่อไหร่เธอพร้อมทำ
    เธอค่อยทำ
    แต่ถ้าอยากยกจิตเหมือนเพื่อนๆ เธอค่อยไปทำนะ...ลูกทิว
    มิใช่พี่/พ่อ/ลุงภูบังคับเธอนะ เดี๋ยวเครียดอีก
    เดี๋ยวจะเหมือนลูกหว้า
    คนนั้น ใครอย่าไปจี้จุดอ่อนเธอนะ เธอจะงอแงทันที...อิอิ
    (หนูอยากกลับบ้าน อย่าไปพูดเรื่องนี้กับเธอบ่อยๆนะ เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน)
    โดนถูกพาดพิงจนได้ นี่ขนาดเขียนใบลาแล้วนะ....
    พี่ภูรู้และเข้าใจเธอดีมากนะ
    อย่านอนดึกหล่ะ ขันธ์นี้ต้องการพักผ่อน แต่จิตก็ต้องการพักผ่อนเหมือนกัน
    ทุกๆคนรู้ไหมว่า จิตพักผ่อนได้อย่างไร
    (ตอบ) ทำสมาธิ หรือจิตทรงฌาน คร๊าบบบผ๊ม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 8 กรกฎาคม 2012
  5. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    ขออนุญาตนำเมล์คนที่จิตยกแล้วมาฝากกัน
    เธอคนดี คนใฝ่ดี คนจิตบุญ ที่หนึ่งเล๊ยย


    PM to PeePhu: 11-04-2012, 09:41 AM
    สวัสดีค่ะ ^^
    สวัสดีค่ะ พี่ภู ชื่อฟ้านะคะ อยากได้คำแนะนำเรื่อง การทำให้จิตเกาะพระน่ะค่ะ ตัวฟ้าเองก้อจะระลึกถึงสมเด็จองค์ปฐมอยู่ตลอด คิดถึงบ้าง มองภาพท่านบ้าง กำพระบ้าง ฟ้าว่าจิตฟ้านี่ค่อนข้างจะหยาบมากๆเลยนะคะ ขอคำแนะนำที่ทำให้จิตละเอียดขึ้นได้มั้ยคะ

    Date: Sun, 8 Jul 2012 02:07:44 +0700
    โห พี่ๆ ฟ้ายังไม่แรงพอจะไปเตะประตูเปนดาวซัลโวหรอกนะคะ
    ขอช่วยเก็บลูกบอลต่อได้ป่าว
    PM เหมือนจะนานมาแล้ว แต่ก็ผ่านมาแปปเดียวเอง
    กิเลสมันวนเวียนติดกับเรามากี่ร้อยกี่ล้านชาติ
    แต่พอรู้ทาง มันก็ตัดได้อะ แบบว่า อ้าว มันหายไปไหนแล้ว
    บทจะไปก้อไปเลยเนอะ แปลกดี 555
    ฟ้าเรียกพ่อภูนะคะ จะได้แอ๊บเด็กลงมาอีกนิสนึง
    (นี่แหละน้า ผญ เรื่องนน.กับอายุ นี่ยอมกันไม่ได้จิงๆ)

    พออ่านเมล์ของครูเพ็ญแล้วกำลังจะบอกว่าทำไม่ได้แล้วเชี๊ยว
    พี่วิทย์ตอบดักไว้ก่อน
    คนดีจำต้องฝึก
    เราต้องการของดี คนดี
    ก็จำต้องฝึก ฝึกจนดี จะพ้นการฝึกไปไม่ได้
    งานอะไรก็ต้องฝึกทั้งนั้น
    โดนใจเด็กดื้อเงียบเลยค่า
    ขอบคุณกำลังใจจากพี่ๆทุกคนมากเลยนะคะ
    ใช้ชีวิตโลก วุ่นวาย แต่พอมาอ่านเมล์แล้วก็นิ่ง
    นี่แหละ อารมณ์กายตัวดี จะวิ่งไปตามกระแสภายนอกตล๊อดๆ
    ต้องดูให้มั่น คั้นแต่ไม่ตาย ขันธ์ 5 นี่หนออ ชอบทำให้เหนื่อยอยู่เรื่อย

    วันนี้ไปช่วยพี่ๆติดอาสนะและแต้มเก็บรายละเอียดพระบูชา ๕ นิ้ว ๕๕๐ กว่าองค์
    ที่จะถวายแด่พระภิกษุกรรมฐาน ที่อธิษฐานพรรษา ณ วัดป่ามัชฌิมาวาส กาฬสินธุ์ ในวันเข้าพรรษาค่ะ
    พรุ่งนี้ก็จะนำเอาไปไว้ที่วัดเลย
    ขอบุญกุศล อานิสงค์ในครั้งนี้ และบุญกุศลที่ข้าพเจ้ากระทำไว้ดีแล้วในอดีตจนถึงปัจจุบัน
    ขอมอบให้สมเด็จพ่อ พระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ พระธรรม พระสงฆ์ และพี่ๆจิตบุญทุกท่าน
    ขอให้ช่วยเร่งงานของพี่ๆให้สำเร็จรวดเร็วดังใจปรารถนาด้วยเถอะนะคะ น้องเป็นกำลังใจให้อีกแรง
    สัมปจิตฉามิ

    ฟ้า
     
  6. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    "สัมปะจิตฉามิ" แปลว่าอะไร ?


    ถาม: มีปัญหาในด้านการภาวนา โดยเฉพาะคำว่า "สัมปะจิตฉามิ" แปลว่าอะไร ?
    ตอบ: การภาวนานั้นคือการหายใจตามปกตินั่นเอง เพียงแต่กำหนดความรู้สึกให้รู้อยู่ตลอดเวลาว่าเรากำลังหายใจอยู่ ลมหายใจจะแรงจะเบา จะยาวจะสั้น ให้รู้อยู่ตลอดเวลา ใช้คำภาวนาอย่างไรก็ให้รู้อยู่ กำหนดเพียงง่าย ๆ แค่นี้ โดยไม่ไปบังคับลมหายใจเข้าออก ก็นับว่าเป็นการภาวนาแล้ว

    ถ้าต้องการความก้าวหน้ามากกว่านี้ ให้ศึกษาว่าสมาธิแต่ละระดับ แต่ละขั้นเป็นอย่างไร เมื่อปฏิบัติถึงก็จะทราบได้ด้วยตัวเอง

    ส่วนคำภาวนาที่เป็นคาถาต่าง ๆ นั้น ครูบาอาจารย์ท่านต้องการทดสอบว่าลูกศิษย์มีวิจิกิจฉา (ความลังเลสงสัย) ในตัวท่านหรือในพระรัตนตรัยเท่าไร ดังนั้นท่านจะให้เป็นคาถาหรือคำภาวนาที่แปลไม่ออก บางครั้งก็เป็นคำด่าหยาบคายไปเลยก็มี

    ถ้าลูกศิษย์เชื่อมั่นและปฏิบัติตามโดยไม่สงสัย ก็จะประสบความสำเร็จโดยง่าย

    สรุปว่า "คาถาทุกอย่างห้ามแปล" แปลเมื่อไร ก็ไม่ศักดิ์สิทธิ์เมื่อนั้น

    เมื่อถูกกลั่นแกล้งให้ภาวนา "สัมปจิตฉามิ"
    ถาม : (คุยเรื่องความไม่พยาบาท)
    ตอบ : มีคาถาอยู่บทหนึ่ง มีผลรุนแรงมาก คือ "สัมปจิตฉามิง"

    เมื่อมีคนมากลั่นแกล้งเรา เราไม่ต้องไปตอบโต้ ไม่ต้องไปทำอะไรเขา ให้เราจุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย ขอบารมีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ พรหม เทวดา ครูบาอาจารย์ โดยมีพระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า "เรวัตตะ" เป็นที่สุด ขอให้ท่านช่วยสงเคราะห์ให้เราพ้นจากเรื่องเดือดร้อนนี้ด้วย

    แบบนี้คนทำจะซวยเอง ถ้าเขาทำดีกับเรา เขาก็รับดีไปหลายเท่า ถ้าเขาทำไม่ดีกับเราก็เละไปเอง เราไม่ได้ทำอะไรเขาหรอก กฎแห่งกรรมสนองเขาเอง

    ถาม : ................................
    ตอบ : เป็นงานของ สมเด็จพระพุทธเรวัตตะท่านโดยตรง สมัยของท่านเขาแกล้งกันซึ่ง ๆ หน้า ท่านเทศน์อยู่ก็แกล้งให้คนฟังดิ้นพราด ๆ อยู่กลางศาลา ต้องการจะให้คนเสื่อมศรัทธาท่านให้ได้ เพราะว่าเมื่อท่านตั้งศาสนาพุทธขึ้นมาศาสนาอื่น ๆ เขาเสียลาภผลไปเยอะ ก็พยายามจะแกล้งท่านทุกวิถีทาง

    เพราะฉะนั้น พระพุทธเจ้าพระองค์นี้ถนัดที่สุดกับการรับมือพวกช่างแกล้ง ท่านเคยให้พรไว้เลยว่า ถึงเวลาถ้าเดือดร้อนขึ้นมาแล้วให้บอกท่าน จุดธูป แล้วภาวนาคาถาบทนี้เดี๋ยวคนแกล้งก็เจ๊งไปเอง

    สนทนากับพระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ เดือนพฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๔๕

    __________________
    [​IMG]
     
  7. ธรรมมณี

    ธรรมมณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,044
    ค่าพลัง:
    +14,027
    จิตคุณเกษเริ่มนิ่งแล้วค่ะ ทำต่อไปค่ะ และขอให้ส่งการบ้านบ่อย ๆ นะคะ
    ภาพพระเห็นไม่ชัดไม่เป็นไร แต่ขอให้นึกได้บ่อย ๆ

    และทรงอารมณ์ใจสบายไว้ค่ะ รักษากำลังใจอย่าให้ตก
    ถ้าใจไปเจอกระทบสิ่งที่เป็นอกุศลขอให้ตัดลงที่กฎไตรลักษณ์
    มองให้เห็นตามความเป็นจริงว่ามันเที่ยงไหม? เป็นทุกข์ไหม? สุดท้ายมีตัวตนไหม?
    วางใจให้เป็นกลาง ทำจิตเกาะพระไปสบาย ๆ ค่ะ
    พี่เพ็ญขอส่งกำลังใจไปช่วยเต็มที่ค่ะ
    จำเอาไว้นะ "เราจะเดินกลับบ้านไปด้วยกัน"

    สาธุ ขอบพระคุณค่ะพี่เพ็ญ

    ขอส่งการบ้านค่ะ เมื่วานช่วงบ่ายเริ่มว่างก็เลยว่าจะมานั่งดูภาพพระ ที่ได้ก๊อปมารวมไว้หลายสิบรูป พอดูไปสัก 2-3 ภาพ ก็เลย เอ๊ะ..ฟังเพลงสมาธิไปด้วยดีกว่า ก็เลยเปิดสไลด์ดูภาพพระไป พร้อมฟังเพลงสมาธิ พอดูไปได้ 6-7 ภาพเท่านั้นแหล่ะค่ะ น้ำตาไหลร้องไห้หื้อๆ ออกมาอีกแล้ว แต่ในใจนั้นไม่ได้คิดอะไรนะค่ะ ว่างๆค่ะ (จิตเกษคงเรียนรู้มาแล้วเรื่องความรักเทิดทูนในพระพุทธเจ้าตอนถือศีล8ค่ะ ตอนนั้นได้รับและเรียนรู้ทุกขเวทนาอย่างหนัก จนร้องไห้ และยิ่งร้องไห้หนักเข้าไปอีก เมื่อนึกถึงว่าพระพุทธเจ้าจะทุกข์กว่าเราขนาดไหนกว่าที่ท่านจะค้นพบพระธรรมอันวิเศษมาไว้ให้เราได้เรียนรู้เพื่อพ้นทุกข์ตามท่าน ยิ่งรู้สึกซาบซึ้งรักกกเทิดทูนท่านมีความรู้สึกอยากจะกอดท่านอะไรประมาณนี้ค่ะ) เมื่อวานภาพพระผุดขึ้นมาเอง สองครั้งในขณะที่เกษคุยโทรศัพท์อยู่ โดยที่เกษไม่ได้นึกถึงเลยค่ะ ถึงจะรู้สึกตื้นเต้นระคนแปลกใจบ้างแต่ก็ตามรู้ รู้แล้ววางค่ะ

    ตอนเช้าก็ปกติค่ะ พอรู้สึกตัวตื่นแต่ยังไม่ลืมตา ก็นึกถึงพระได้ในทันที สักพักก็เลยลุกขึ้นนั่งทำสมาธิมองภาพพระ แต่ไม่ชักเหมือนวันนั้นแหะ.. พอตกมาช่วงบ่าย ก่อนที่จะมานั่งส่งการบ้านครูเพ็ญ เกษก็ได้สวดพระคาถาเงินล้าน 9-10 จบ (พอดีจะนำเงินออกมาไว้ในกระเป๋าไว้ใช้จ่าย อิๆ มันคือเทคนิคเล็กๆน้อยๆ) จบสุดเกือบไม่จบ มันดิ่งเข้าสมาธิเลยค่ะ ก็เห็นใจเบาๆ สบายๆ ก็เลยปล่อยเลยค่ ปล่อยไปตามจิตเลยเห็นเค้านิ่งๆ สบายๆ เย็นๆ แล้วก็เลยปล่อยไป ตัวเองก็นั่งสมาธิไป ในใจไม่มีคำภาวนาใดๆ ทั้งสิ้นค่ะ ภาพพระก็ไม่มี ความคิดปรุงแต่งใดๆ ก็ไม่มี มันว่างมากเลยค่ะ ไม่มีอดีต ไม่มีอนาคต ตอนนี้แหล่ะค่ะ ที่สติ (ตัวรู้) นี้ตามดูตลอดรู้ว่า เบาๆ สบายๆ นิ่ง และว่าง และจะทรงอยู่ได้นานเท่าไร ก็ตามดูไป จนรู้สึกได้ว่าเค้าอยากออกมาเอง ก็ได้ประมาณ 30-40 นาทีเห็นจะได้ (ยังไม่ถึงขั้นว่าสุขค่ะ) ตอนนี้เริ่มจะเข้าใจแล้วค่ะว่า อ้อ..ไอ้ตัวรู้มันเป็นอย่างนี้นี้เอง เมื่อก่อนมีแต่นั่งสมาธิเพื่อบังคับจิดให้สงบ แต่เราไม่เคยสร้างสติหรือมีสติเลย (คิดว่าหลายๆ คนคงจะเป็นแบบนี้อยู่เหมือนกันน่ะ)

    ค่ะ เกษจำได้เสมอว่า "เราจะกลับบ้านไปด้วยกัน" (เจอคำนี้ทีไร น้ำตาซึมอีกแล้วเรา ขี้แหยจังเลย วุ้ย..เรานี้) :D
    <!-- google_ad_section_end -->
     
  8. ่jarunee

    ่jarunee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2012
    โพสต์:
    118
    ค่าพลัง:
    +1,917


    คำสอนของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ


    อริยสัจ

    1) สำหรับการที่เราเจริญพระกรรมฐานก็ต้องใคร่ครวญอยู่เสมอว่า เราเจริญพระกรรมฐานเพื่อต้องการความรู้เป็นเครื่องพ้นจากความเกิด ความแก่ ความเจ็บ ความตาย เพราะความเกิดเป็นทุกข์ ความแก่เป็นทุกข์ ความเจ็บ ความตายเป็นทุกข์ ถ้าเรายังต้องเกิดแก่เจ็บตายอยู่อย่างนี้ เราก็มีแต่ความทุกข์ เวียนว่ายตายเกิดอยู่ในวัฏฏะ การเจริญสมถกรรมฐาน วิปัสสนากรรมฐาน เราทำเพื่อสิ้นความเกิด เพราะเราไม่ต้องการความทุกข์ต่อไป จงพิจารณาหาทุกข์ให้พบในอริยสัจ

    2) ให้พิจารณาเห็นว่า ทุกข์ทั้งหมดที่ได้รับเป็นประจำไม่ว่างเว้นนี้ เกิดมีขึ้นได้เพราะอาศัย ตัณหา ความทะยานอยาก 3 ประการ คือ อยากมีในสิ่งที่ไม่เคยมี อยากเป็นในสิ่งที่ไม่เคยเป็น อยากปฏิเสธในเมื่อความสลายตัวเกิดขึ้น ไม่อยากให้สลายตัว เจ้าความอยากทั้ง 3 นี้แหละ เป็นผู้สร้างความทุกข์ขึ้นมา ทุกข์นี้จะสิ้นไปได้ก็เพราะเข้าถึงจุดความดับ คือ นิโรธ เสียได้
    จุด ดับนั้นท่านวางมาตราฐานไว้ 3 ประการ คือ ศีล สมาธิ ปัญญา ที่ท่านเรียกว่า มรรค 8 ย่อมรรค 8ลงเหลือ 3 คือ ศีล สมาธิ ปัญญา นี้ เพราะ อาศัยศีลบริบูรณ์ สมาธิเป็นฌาน ปัญญารู้เท่าทันสภาวะความเป็นจริง หมดความเมาในรูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส และดับอารมณ์พอใจ ไม่พอใจเสียได้ ตัดอารมณ์พอใจในโลกีย์วิสัยได้ ตัดความกำหนัดยินดีเสียได้ ด้วยปัญญาวิปัสสนาญาณ ชื่อว่าเห็นในอริยสัจ 4 ทำอย่างนี้ คิดอย่างนี้ให้คล่อง จนจิตครอบงำ ความรัก ความโลภ ความโกรธ ความหลง ความเมาในชีวิต เสียได้ ชื่อว่าท่านได้ วิปัสสนาญาณ 9 และอริยสัจ 4 แต่อย่าเพิ่งพอ หรือคิดว่าดีแล้ว ต้องฝึกฝนพิจารณาเรื่อยไป จนตัดสังโยชน์ ทั้ง 10 ประการได้แล้ว นั่นแหละ ชื่อว่าเอาตัวรอดได้แล้ว

    3) เราเกิดมาเพื่อประสบกับความทุกข์ คนที่เกิดมาแล้วทุกคนจะไม่มีทุกข์เป็นไม่มี ถ้าหากว่าเรายังยึดถือว่า ร่างกายเป็นของเรา ทรัพย์สินเป็นของเรา ญาติพี่น้องเพื่อนฝูงเป็นของเรา อารมณ์ทุกข์มันก็เกิด เกิดเพราะว่าเราเกาะ ที่เรียกว่า อุปาทาน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โลกธรรม 8 ประการ คือ มีลาภ ดีใจ ลาภสลายตัวไป เสียใจ มียศดีใจ ยศสลายตัวไป เสียใจ มีความสุขในกาม ดีใจ ความสุขหมดไป ร้อนใจ ได้รับคำนินทา เดือดร้อน ได้รับคำสรรเสริญ มีสุข องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแนะนำให้พวกเราใช้อารมณ์คิดอยู่เสมอว่า ทุกข์นี้เป็นกฎธรรมดาของโลก ทุกอย่างเราทำงานตามหน้าที่

    4) แล้วตัวสำคัญที่ร้ายที่สุดที่สร้างความทุกข์ ก็คือ อารมณ์ความรักในกามารมณ์
    นี่ ตัวสำคัญ เป็นตัวสร้างเหตุร้ายให้เกิดขึ้นกับจิต หรือเป็นเหตุให้เกิดขึ้นกับจิต หรือเป็นเหตุให้เกิดขึ้นกับกาย อาศัยความรักเป็นสำคัญ ที่เราจะต้องเศร้าโศกเสียใจ เพราะอาศัยของรักพลัดพรากไป ภัยอันตรายจะเกิดขึ้นกับเรา โทสะ ความพยาบาทมันจะเกิดขึ้น จะต้องประทุษร้ายซึ่งกันและกัน ก็เพราะว่าสิ่งที่เรารัก ความรักที่เนื่องด้วยกามารมณ์ไม่มีสำหรับเราแล้ว มันจะเป็นภัยอันตรายมาจากไหน จะมีความเศร้าโศกเสียใจมาจากไหน ตอนนี้เป็นอันว่า กิเลสหยาบหมดไป ที่องค์สมเด็จพระจอมไตรว่า อันนี้เป็น อธิจิตสิกขา ก็หมายความว่า ต้องทรงอารมณ์ในด้านความรู้สึกอย่างนี้เป็นปกติ มีความเข้มแข็งพอที่จะไม่ทำลายความดีส่วนนี้ไปจากจิต มันจะทรงอยู่ได้ทุกขณะจิต ที่ชีวิตเราทรงอยู่ตลอดไป

    5) เหตุของความทุกข์จริง ๆ คือ ตัณหา ได้แก่ ความทะยานอยาก เมื่อเรามีตัณหาขึ้นมาแล้วร่างกายมันจึงมี อารมณ์จิตเรามีตัณหา มันจึงมีร่างกาย ร่างกายเป็นจุดรับภาระของความทุกข์ทั้งหมด ขึ้นชื่อว่าทุกข์ทุกอย่างที่เราจะมีขึ้นมาได้ ก็อาศัยร่างกายเป็นสำคัญ ถ้าเราไม่มีร่างกายเราก็ หมดตัณหา ถ้าหมดทั้ง 2 อย่าง คือ หมดตัณหาก็ชื่อว่าหมดร่างกาย ถ้าเราไม่ติดอยู่ในร่างกายก็ชื่อว่าหมดตัณหา คำว่าไม่ติดในร่างกายก็หมายถึงว่า ไม่ติดอยู่ในร่างกายของเราด้วย และก็ไม่ติดอยู่ในร่างกายของบุคคลอื่นด้วย อารมณ์ไม่ติดอยู่ในวัตถุธาตุใด ๆ ด้วยโดยยอมรับนับถือกฎของธรรมดา ที่เราเรียกกันว่า วิปัสสนาญาณ ตัวสุดท้าย การยอมรับนับถือนี้ก็หมายถึง ว่าอารมณ์มัน เฉย คำว่าอารมณ์เฉย ไม่ได้หมายความว่า อารมณ์ไม่คิดตามที่เขาบอกว่าอารมณ์ว่าง ว่างโดยไม่คิดอะไรเลยนั้น ไม่มีในชีวิตของคน

    6) อริยสัจ เขาสอนสองอย่างเท่านั้น สำหรับอีกสองอย่าง ไม่มีใครเขาสอนหรอก อย่าง นิโรธะ แปลว่า ดับ อันนี้มันตัวผล ไม่ต้องสอน มันถึงเอง มรรค คือ ปฏิปทาเข้าถึงความดับทุกข์ มันก็ทรงอยู่แล้ว คือ ศีล สมาธิ ปัญญา นี่ อริยสัจ เขาตัดสองตัว คือ ทุกข์ กับ สมุทัยเท่านั้น
     
  9. ่jarunee

    ่jarunee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2012
    โพสต์:
    118
    ค่าพลัง:
    +1,917
    สำหรับผู้ปฎิบัติที่ยังลังเลสงสัยเกี่ยวกับ ความอยากไปพระนิพพาน ว่าเป็น ตัณหา หรือเปล่า
    ขอนำคำสอนของหลวงพ่อฤาษีลิงดำมาให้ท่านพิจารณา เพื่อให้วางความลังเลสงสัย


    คำว่า ตัณหา นี่แปลว่า ใฝ่ต่ำ นะ อยากจะไปสวรรค์ ไปพรหม ไปนิพพาน อันนี้ท่านไม่เรียกว่า ตัณหานะ มันตัวอยากเหมือนกัน ท่านเรียกว่า ธรรมฉันทะ มีความพอใจในธรรม

    พวก คุณต้องรู้ไว้ด้วยนะ เดี๋ยวพวกคุณจะไม่เข้าใจถามว่าไอ้คำว่าอยากนี่มันเป็นตัณหา ทีนี้อยากไปสวรรค์ อยากไปพรหม อยากไปนิพพาน เป็นตัณหารึเปล่า ถ้าย่องไปตอบว่าเป็นตัณหาเข้านี่มันผิดจังหวะ ต้องระวังด้วยนะ ต้องว่าอยากดีไม่ใช่อยากเลว เราอยากไปสวรรค์นี่ คนที่อยากไปสวรรค์เป็นเทวดาได้ ต้องอย่าลืมคุณ… ต้องมีหิริและโอตตัปปะ อายความชั่ว เกรงกลัวผลของความชั่ว นี่มันดีหรือมันเลว อายความชั่วเราก็ไม่ทำชั่ว เกรงกลัวผลของความชั่วเราก็ไม่ทำชั่ว

    ที นี้จะถือว่าตัณหาเป็นกิเลสเลวไม่ได้ นี่เป็นตัวดี แต่เป็นตัวดีก้าวที่ 1 อย่าไปนึกว่าแค่สรรค์นี่เป็นกามาวจร ยังมีผัวมีเมีย มีผู้หญิงมีผู้ชาย อย่าลืมว่าสวรรค์เป็นก้าว ก้าวหนึ่งที่จะเข้าถึงพระนิพพาน ดีกว่าเราก้าวลงนรก

    ก้าว ที่สอง อยากไปพรหม ถามว่าเป็นตัณหาไหม ก็จะตอบว่าเป็นตัณหามันไม่ถูก พรหมน่ะเขาเป็นคนอยู่คนเดียวนะ เอกายโน อยัง ภิกขเว จริง ๆ คือ มีตัวผู้เดียว พรหมไม่มีคู่ แล้วพรหมก็ไม่มีเพศ นี่เรียกว่า มีสภาพใกล้พระนิพพานเข้าไป อย่างนี้ต้องเรียกว่า ธรรมฉันทะ ถ้าอยากไปนิพพานนี่เราไม่ต้องพูดกันเป็นธรรมดาจริงๆ ธรรมบริสุทธิ์ถึงแม้ว่าเป็นเทวดาก็ต้องบริสุทธิ์เบื้องต้น บริสุทธิ์คือเราไม่ทำความชั่ว คืออยากไปเป็นพรหม จิตเราระงับนิวรณ์ 5 ประการ จัดเป็น เนกขัมมบารมี นี่มันเลวที่ไหน ดีมาก


    กราบนอบน้อมบูชาธรรม หลวงพ่อฤาษีลิงดำ
     
  10. lobsterkiss

    lobsterkiss เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    23
    ค่าพลัง:
    +325
    ตายแล้ววววววว ทิวแก้แล้วนะคะ ช่วงนี้ยกกันเยอะจำกันไม่หหวาดไม่ไหว
    จำสลับกับแล้วละค่ะ สองคนนี้ยกห่างกันไม่เท่าไหร่ จำผิดกันหมดแล้ว ฮ่าๆ
    ทิวเป็นอย่างนี้อยู่แล้วค่ะลุง/พ่อ/พี่ภู ขี้ลืมๆๆๆ ยิ่งกว่าปลาทองอีกค่ะ
    ต้องรื้อดีๆหน่อย จึงจะจำได้ ฮ่าๆ :'(

    ไม่เป็นไรน้อออ ชื่อนั้นหาสำคัญไม่ เราก็เปลี่ยนชื่อเล่นมาหลายชื่อแล้วเหมือนกัน เรียกๆไปเถอะ 5555

    จริงๆเรื่องผมขอยืนยันว่าเป็นจริงตามที่พี่ภูบอกครับ บางคนอาจไม่เชื่อว่าเป็นจริง เพราะยังไม่เห็นมีใครมายืนยัน ขอยืนยันคนแรกก็แล้วกันว่าเป็นเรื่องจริง ไหนๆก็ไหนๆแล้วขอเล่าเรื่องให้ฟังจากประสบการณ์ตนเองนะครับ
    ตอนก่อนวันที่จะยก 2 วัน วันนั้นรู้สึกว่าจิตเศร้าหมง เพราะอยู่ๆมีความคิดเรื่องคุณพ่อคุณแม่แทรกเข้ามา มีครั้งนึงนิดเดียวเท่านั้น ที่งอนคุณพ่อคุณแม่ ตอนนั้นขาดสติไปหน่อย แหะๆๆ
    เลยนึกขึ้นได้พรุ่งนี้เลยไปขอขมาคุณพ่อ คุณแม่ ตั้งใจว่าจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้วในชีวิตนี้ คุณพ่อกับคุณแม่ก็บอกว่าให้อภัยลูกทุกอย่าง ขอให้ลูกประสบความสำเร็จในสิ่งที่ลูกต้องการทุกๆอย่างนะลูก
    ตอนนั้นจิตปีติมากกถึงมากที่สุด พอตกกลางคืนนั่งสมาธิ ก็ยกเลยแหละครับ

    ไม่เชื่อไม่ว่านะครับ แต่นี่เรื่องจริง ไม่โกหกไม่ได้โฆษณาให้พี่ภู
    เพราะโกหกก็ผิดศีล ผมไม่ทำร้ายตัวเองหรอก
    แค่กล้าทำแล้วท่านจะรู้เองครับ :z10
     
  11. dutchanee

    dutchanee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    1,127
    ค่าพลัง:
    +12,745
    โมทนาสาธุกับน้องหนูทิวนะจ๊ะ
    ถือเป็นธรรมทานกับหลายๆท่านที่เข้ามาอ่าน
    เป็นกำลังใจให้จ๊ะ
    ว่างๆขอน้ำมะพร้าวซักแก้วก็ดี พี่ดัชอ่านตามไม่ทัน แฮ๊กๆๆๆๆ
     
  12. dutchanee

    dutchanee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    1,127
    ค่าพลัง:
    +12,745
    55555 มีเรื่องมานินทาให้ฟัง 55555555 ขอขำและฮากลิ้งก่อน
    ครูเพ็ญ ตอบจดหมายลูกศิษย์ ขึ้นต้นเป็นคนหนึ่ง ลงท้ายเป็นชื่ออีกคนหนึ่ง อันนี้เขาเรียกว่า สัญญาอยู่ก้นกระป๋องมั้ยอ่ะ 5555555
     
  13. dutchanee

    dutchanee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    1,127
    ค่าพลัง:
    +12,745
    กิ๊ว กิ๊ว ไปไหนไม่รอดหรอก ต้องกลับมาหาชาวจิตบุญอยู่ดี
    55555 พี่ภูที่เคารพรัก ดชน ยังไม่ทิ้งหน้าที่นะเจ้าคะ
    55555 ตามเก็บการบ้าน หอบขึ้นคอเหมียนกัลลลล หุหุ
     
  14. ลูกพลัง

    ลูกพลัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    413
    ค่าพลัง:
    +8,932
    สมาธิต่อเนื่องวิปัสสนา ทำอย่างไร

    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=o_U4hOaDDeE&feature=youtube_gdata_player]สมาธิต่อเนื่องวิปัสสนา ทำอย่างไร.wmv - YouTube[/ame]
     
  15. ลูกพลัง

    ลูกพลัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    413
    ค่าพลัง:
    +8,932
    จิตตอนที่จะทิ้งสมมุติบัญญัติเข้าสู่ปรมัตน์นั้นมีสภาพอย่างไร

    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=dW3f2XR9jsg&feature=youtube_gdata_player]126 จิตตอนที่จะทิ้งสมมุติบัญญัติเข้าสู่ปรมัตน์นั้นมีสภาพอย่างไร หลวงพ่อพุธ ฐานิโย - YouTube[/ame]
     
  16. dutchanee

    dutchanee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    1,127
    ค่าพลัง:
    +12,745
    โมทนาสาธุกับพี่ภู มากมากมากมาก
     
  17. ลูกพลัง

    ลูกพลัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    413
    ค่าพลัง:
    +8,932
    ก็ต้องขออภัยท่านผู้อ่านด้วยที่สองวันนี้ "จัดหนัก" ไปหน่อยนึง..
    ความจริงแล้วเราตั้งใจจะจัดให้กับ"ท่านจิตบุญทุกๆท่าน" เป็นการเฉพาะเลยครับ..
    (ท่านเหล่านั้นทุกท่าน เขาเข้าใจว่าพวกเราสื่อสารอะไรกัน..)

    ส่วนท่านที่กำลังฝึกอยู่ก็ให้อ่าน/ฟังไป รู้แล้วก็วาง ไม่ต้องปรุงแต่งต่อยอด เข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง ก็ไม่เป็นไร.. รู้-วาง เกิด-ดับ ลูกเดียว.. (ไม่ต้องมีคำถามเกิดขึ้น..เอาไว้คอยให้จิตยกให้ได้ก่อนแล้วค่อยกลับมาอ่าน/ฟังใหม่ ท่านก็จะเข้าใจเองนะครับ..)

    ส่วนท่านผู้อ่านท่านอื่นๆก็อ่านเพลินๆไปฟังเพลินๆไป ประดับความรู้ในสัญญาของตนเองไป..

    ขอให้ทุกๆท่านเจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไปด้วยเทอญ..สาธุสวัสดี
     
  18. NOKMAM

    NOKMAM เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    300
    ค่าพลัง:
    +6,157
    อันไหนจิต อันไหนใจ : พระนิโรธรังสี คัมภีรปัญญาจารย์ (หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี)

    สติ คอยควบคุมจิตตัวนั้น ให้อยู่ในอำนาจของเรา ให้คิดก็ได้ ไม่ให้คิดอยู่เฉยๆ ก็ได้
    จะปรุงจะแต่งก็ได้ ไม่ปรุงไม่แต่งอยู่ฉยๆ ก็ได้ เรียกว่าเราคุมตัวจิตได้แล้ว เราคุมจิตอยู่ในอำนาจของเรา
    คนเราเวลาตาย ถ้าเราคุมจิตได้แล้วมันก็ไม่ไปทุคติ ถ้าคุมจิตไว้ไม่อยู่ ก็ไม่ทราบจะไปเกิดในคติไหน

    ถ้าควบคุมจิตอยู่ มันจะรวมเข้ามาเป็นใจ
    ใจนี้มันไม่คิด ไม่นึก ไม่ปรุง ไม่แต่ง เฉยรู้ตัวอยู่


    จิตรวมลงเป็นใจ ผู้รู้สึกเฉยๆ ไม่คิดไม่นึกแล้วจะมีประโยชน์อะไร ?


    ถูกแล้วใจของคนเรามันไม่เคยเข้าถึงที่เดิม คือใจเลยสักที มันชอบวิ่งว่อนปรุงแต่งอยู่อย่างนั้นไปตามเรื่องตามราว
    เมื่อจิตรวมเข้าถึงใจ ไม่คิด ไม่นึก จึงเห็นว่าไม่เป็นประโยชน์อะไร คือ ที่มันไม่คิดไม่นึกไม่ปรุงไม่แต่ง
    มีแต่ความรู้สึกเป็นกลาง วางเฉย ที่เรียกว่า ใจ อันนี้เป็นของทำได้ยาก


    เมื่อเข้าถึงที่เดิมของใจมันจะพักอยู่ชั่วระยะเวลาหนึ่ง

    แล้วถอนออกมาปรุงแต่งไปตามเรื่อง ก็เรียกว่าเป็นจิต

    คราวนี้ก็รู้ชัดทั้งสองอย่างว่า อันนี้เป็นจิต อันนี้เป็นใจ
    จะให้อยู่ในจิตก็ได้ หรือจะให้อยู่ในใจก็ได้
    อันไหนสบายก็ให้เลือกเอาสบายแฮ


    [​IMG]
     
  19. ธรรมมณี

    ธรรมมณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,044
    ค่าพลัง:
    +14,027
    สวัสดีค่ะ คุณครูทุกๆ ท่าน
    ขอส่งการบ้านอีกรอบค่ะ (ขอส่งในกระทู้นี้แหล่ะค่ะ อยากให้คนอื่นได้อ่านด้วย) เมื่อคืนไม่ได้สวดมนต์ เพียงแต่ระลึกถึงพระแล้วก็หลับไป ตื่นเช้ามาก็ระลึกถึงพระได้ทันทีที่ตื่นนอนทั้งๆ ที่ยังไม่ลืมตา แต่แปลกวันนี้รีบลุกไปล้างหน้าแปรงฟัน(ก็ระลึกนึกถึงพระตลอดค่ะ) ปกติจะงัวเงียลุกมานั่งมองภาพพระทำสมาธิสักพักก่อน พอเสร็จก็กลับมานั่งสวดมนต์และทำสมาธิระลึกถึงท่านพ่อ ทำสมาธิได้พอประมาณค่ะ ก็ตามในเค้า(จิต) ไม่บังคับกัน เสร็จก็ลงไปทานข้าว ทุกอิริยาบทพยายามระลึกนึกถึงภาพพระ คือมีสติมากขึ้นนั่นเอง ทานข้าวเสร็จก็ขึ้นมาทำความสะอาดห้องก็นึกถึงท่าน เห็นบ้างไม่เห็นบ้าง ก็นึกถึงท่านตลอด คือพยายามมีสตินั่นเอง เสร็จแล้วก็มานั่งหน้าคอม เช็คเมล์ นั่งดื่มกาแฟไป ฟังเพลงสมาธิไป ผ่านไปได้น่าจะประมาณสัก 10 นาที เฮ้ย..เอาแล้วละเว้ย..นั่งอ่านเมล์เพื่อนยังไม่ทันจะจบดี เฮ้ย..ทำไมมันเริ่มนิ่งอย่างนี้ฟ่ะ เริ่มนิ่ง แล้วก็รู้สึกเบาๆ สบายๆ อีกแหล่ะ (สงสัยเรากำลังเข้าฌาณอีกแล้วแหง๊ๆ..เนี่ย) ก็ปล่อยไปค่ะ ตามใจเค้า (ในใจเสียดายกาแฟกลัวมันจะเย็น ก็น่ะ ค่อยๆเอื้อมมือยกขึ้นมาจิบก่อนที่จะปล่อยให้เค้าเข้าฌาณลึกขึ้นกว่านี้ 555) ก็รู้ลมหายใจเข้าออกเข้าออกเบาๆ ไปเรื่อยๆ นานๆ ก็สูดหายใจเข้าออกลึกๆ ที่หนึ่ง ก็ระลึกถึงถาพพระไปด้วยค่ะ รู้สึกว่าภาพพระชัดขึ้นค่ะ แต่ชัดตรงส่วนกลางๆ นะค่ะ รอบๆก็ยังคงเบลอๆ อยู่ก็ตามดูว่าจะทรงตัวอย่างนี้ไปได้นานเท่าไร อาการตอนนี้ ไม่ถึงขั้น ว่าง ค่ะ คราวนี้น่าจะทรงตัวอยู่ได้ประมาณ 20-30 นาทีค่ะ วันนี้วันหยุดค่ะ สงสัยเข้าฌาณทั้งวันแน่เรา เอิ๊กๆ :D
     
  20. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    เวลาทำจิตเกาะพระ
    เราอย่าไปสนใจว่าภาพพระจะชัดหรือไม่ หรือเมื่อไหร่จะชัด
    ขอให้ทำใจเป็นกลาว อย่าได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับภาพจะชัดหรือไม่ชัด
    ขอใหเราพยายามทรงสติต่อไปเรื่อย โดยการกำหนดระลึกถึงพระเนื่องๆ บางครั้งหลุดไปบ้างก้ไม่เป็นไร
    สติก็ไม่เที่ยง จิตเองก็ยังไม่เที่ยง
    แต่ขอให้เราสนใจทำสติ มีสติ สร้างสติกันให้พยายามต่อเนื่องมากที่สุด เท่าที่จะทำได้

    แต่เมื่อไหร่ สติคุณมากและเนื่อง หรือสติเกิดบ่อยแล้ว
    ต่อไปจิตจะเริ่มสตาร์ทติดขึ้นเรื่อยๆ นั่นหมายถึงภาพจะนิ่ง ภาพพระจะชัดเจน แจ่มใสมากขึ้นเรื่อยๆไปตามลำดับจิตของตนเอง
    จิตยิ่งนิ่ง จิตยิ่งละเอียดมากยิ่งขึ้นไป ภาพก็จะชัดไปเอง
    ตอนแรกๆเราอย่าเอาสติไปจับตรงภาพพระแทนจิต
    ขอให้เราเข้าใจว่า ขอเรามีสติมากๆ หรือทำความรู้สึกตัวให้มากๆ มากเท่าไหร่ก็ยิ่งดี คือมีผลโดยตรงที่จะทำให้จิตของตนเองนิ่งมาก สงบมากเท่านั้น

    เวลาทำจิตเกาะพระกัน พวกเราพยายามจดจ่ออยู่กับภาพพระที่เรากำลังนึกถึงพระอยู่นั้น พวกเราพยายามจ้องภาพพระว่า เมื่อไหร่ภาพจะชัดเจน เมื่อไหร่ภาพจะนิ่ง เมื่อไหร่ภาพจะใสเหมือนกแก้ว เหมือนคนอื่นที่จิตนิ่งๆกันบ้างนะ
    ขอให้เราทำไปๆ และก็ทำไปๆ อยู่อย่างนี้
    ทำบ่อยๆ เหมือยเราฝึกขับรถใหม่ เราก็ต้องขับบ่อยๆจึงจะชิน จึงจะขับรถเก่งกันใช่ไหม๊?
    ฝึกกายยังยากกันขนาดนั้นเลย
    นี่พวกเรากำลังฝึกจิตกันนะ ยากขึ้นอีกเป็นเท่าตัว
    เพราะจิตเป็นนามนั่นเอง เราจึงควบคุมยากกันสักนิดนึง

    ฝึกจิตจะให้จิตนิ่งได้นั้น เห็นมีแต่ตัวสติเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ที่สามารถจะเอาจิตของพวกเราอยู่กัน
    แม้นพระอรหันต์ท่านก็ยังต้องใึกสติภาวนาให้ตลอดแนว ตลอดสายกันเลย
    เพราะตราบใดที่พวกเรายังมี/ครองขันธ์5 กันอยู่
    กายนี้มันแกว่งทำให้จิตเราไม่นิ่ง แต่เราก็ต้องหมั่น ต้องพยายามทำจิตใจให้นิ่งโดยการฝึกสติของตนเองอย่างสม่ำเสมอ นั่นเอง

    อย่าไปท้อแท้กันนะ บุญใหญ่ย่อมปฎิบัติกันยากกว่า การทำบุญภายนอก

    แค่เราพูดแค่เรื่องสติ หรือจิตกันนะ ก็จะพูดได้ทั้งวัน ทั้งคืน

    ขอให้เธอปฎิบัติได้โดยไววัน และเธอเท่านั้นที่จะต้องมีความขยันหมั่นเพียร อย่าทำแบบหยุดๆ กันนะ การตามดูจิตนี่ เราจำเป็นจะต้องทำให้ต่อเนื่อง แต่ถ้าใครทำไม่ต่อเนื่อง ก็เหมือนเราผ่อนชำระหนีสินกันหลายปี เผื่อจะหมดกันได้
    ขอให้พวกเราพยายามหมั่นกระทำให้ต่อเนื่องโดยไว อย่าให้ขาดตอนไปนานนัก เดี๋ยวเราจะเกิดท้อแท้ และก็จะปิดโอกาสตนเองไปในตัว
    เพราะจิตจำเป็นต้องฝึก แต่ถ้าไม่ก้ไม่ว่ากัน แต่เมื่อไหร่ ยามใดเราไม่ฝึก
    แต่เมื่อไหร่ถ้ามีทุกข์มาเยือนกัน พวกเราจะเอาไม่อยู่ เพราะเราไม่ได้เตรียมพร้อมจิตของตนเอง
    ทุกข์มันมาเยี่ยมทุกๆคน ไม่เว้นแต่พระอรหันต์
    ดั่งหลวงพ่อคูณที่ท่านกำลังเจ็บป่วยในขณะนี้
    ท่านมิได้เป็นห่วงร่างกายสังขารของท่านหรอก แต่จิตท่านแข็งแรงมาก

    พวกเราก็อย่ามัวหลงระเริงนึกว่ายังหนุ่ม ยังสาวกัน
    อย่าไปคิดว่ายังแข็งแรง ยังมีเวลาหายใจอีกนาน
    บุญค่อยๆสร้างไปทีละนิด รอให้เรียนจบก่อน รอให้ลูกโตก่อน หรือรอให้แก่ หรือรอให้เกษียณอายุราชการก่อน
    เราจึงไปปฎิบัติธรรม หรือฝึกจิตกันทีหลัง

    ขอตอบว่าคนที่กำลังคิดแบบนั้นกัน
    ท่านกำลังคิดผิดอย่างมหัน เพราะถ้าท่านตาย โดยบังเอิญ
    โลกหลังความตายนั้น ไม่มีใครช่วยกันได้เลยนะ
    อย่าไปอาศัยน้ำบ่อหน้า คือรอญาติทำบุญให้
    เพราะถ้าจิตคุณหยาบเกินไป บุญที่เขาทำไปให้นั้น คุณก็รับไม่ได้อีก
    อย่าลืมนะ ชีวิตโลกหลังความตายนั้น มันยาวนานกว่าที่คุณกำลังมีลมหายใจกันอยู่

    ขอให้เจริญในธรรม ขอให้มีพระพุทธเจ้าในจิตมากๆ

    ปล. ขอให้พวกเราพยายามสนใจแต่แก่น
    แก่นในที่นี้หมายถึง จิตตนเอง มิใช่ร่างกาย หรือนามสมมุติ


    ***น้องgibbgubb
    จิตเป็นอย่างไรบ้าง ดีขึ้นรึยัง? ตามทันจิตตนเองบ้างรึยัง?
    เธอต้องเกาะเพื่อนเยอะๆนะ โดยเฉพาะจิตบุญ เกาะขอบกระทู้ไปก่อน
    วาระกรรมไม่ดีของเธอนั้น เริ่มดีแล้วนะ
    นำจิตตนเองอยู่แต่ฝ่ายบุญไปเรื่อยๆนะ
    เดี๋ยวกำลังใจมีมากแล้ว เธอก็จะเริ่มมั่นใจ การทำจิตเกาะพระมากขึ้น

    ว่างๆไปขอขมาคุณพ่อ คุณแม่บ้างนะ
    จิตเธอก็จะนิ่งกว่านี้อีก แต่จิตเธอนิ่งมากกว่านี้ ชีวิตเธอก็จะเริ่มเปลี่ยนไปในทางที่ดีเอง
    เขาเรียกว่า บุญเปลี่ยนทิศไปในทางที่ดี ที่ๆสำเร็จดั่งใจปรารถนาทุกประการ
    โชคดีนะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 9 กรกฎาคม 2012

แชร์หน้านี้

Loading...