นิทาน เรื่อง "พญานาค"

ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย คุรุวาโร, 31 ธันวาคม 2011.

  1. fahmui

    fahmui เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    1,933
    ค่าพลัง:
    +5,440
    งั้นขอเล่าเรื่อง พระนางสร้อยดอกหมาก ดีกว่า... เป็นชื่อที่คุ้นหูเรามานานแล้ว นานๆทีก็จะนึกถึง อาจเป็นเพราะชื่อของพระนางเพราะมั้งคะ เลยแบบว่า พอนึกถึงผู้หญิงคนหนึ่งในสมัยก่อน ก็ชอบนึกถึงชื่อนี้

    เรื่องเจ้าชายสายน้ำผึ้งกับพระนางสร้อยดอกหมากนี้เกี่ยวข้องกับตำนานการสร้างวัดพนัญเชิญ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพราะเจ้าชายสายน้ำผึ้ง สร้างวัดนี้ขึ้น เพื่อเป็นอนุสรณ์รักแด่พระนางสร้อยดอกหมากพระมเหสีที่ทิวงคตลงด้วยความเข้าใจผิดของพระนางเองยังความโศกเศ้ราเสียใจแก่ผู้ที่เกี่ยวข้องเป็นอย่างมาก ดังมีเรื่องเล่าต่อไปนี้

    สมัยก่อนที่พระเจ้าอู่ทองจะสร้างกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานีนั้นราชอาณาจักรไทยในเวลานั้น เกิดว่างกระษัตริย์ปกครองบ้านเมือง เพราะกษัตริย์องค์ก่อนสิ้นพระชนม์โดยไม่มีรัชทายาท เหล่าเสนาบดีและอำมาตย์ทั้งหลายจึงทำพิธีเสี่ยงทาย หาผู้มีบุญญาธิการมาเป็นกษัตริย์โดยการอัญ - เชิญเครื่องราชกกุธภัณฑ์ (เครื่องหมายแห่งความเป็นกษัตริย์) ลงเรือพระที่นั่งสุวรรณหงส์พายไปตามแม่น้ำ เมื่อเรือเดินทางไปถึงตำบลหนึ่งก็ ไม่ยอมไปต่อไม่ว่า ฝีพายจะออกแรงพายสักเท่าใดเรือก็ ไม่ขยับเขยื้อนเลยเหล่าเสนาบดีและอำมาตย์คิดว่าคงเป็นเพราะมีผู้มีบุญอยู่ที่ตำบลนี้ จึงพากันขึ้นบกเพื่อไปสืบหา ก็พบเด็กเลี้ยงควายกลุ่มหนึ่ง กำลังเล่นเป็นพระราชากันอยู่ เหล่าขุนนางเห็นเด็กคนหนึ่งนั่งอยู่บนจอมปลวกสมมุติว่าเป็นพระราชาและมีเด็กอื่นๆนั่งคุกเข่าที่พื้นดิน


    "อำมาตย์จุก ที่เราให้ท่านไปดูแลราษฎรทางเมืองเหนือเป็นอย่างไรบ้าง ราษฎรของเรามีเรื่องทุกร้อนประการใดบ้าง ข้าวปลาอาหารบริบูณ์ดีไหม โจรผู้ร้ายชุกชุมรึเปล่า รายงานให้เราฟังหน่อยสิ" เด็กที่เป็นพระราชากล่าว

    "ราษฎรอยู่ดีกินดี ข้าวปลาอาหารสมบูรณ์ดี โจรผู้ร้ายก็ไม่มีพระเจ้าข้า" เด็กจุกบอกพร้อมกับแสดงความเคารพ

    "แล้วท่านเสนาแกละล่ะ หัวเมืองทางใต้เป็นอย่างไร จงว่าไปซิ" เด็กชายผู้เป็นพระราชาหันไปถามเด็กชายแกละ

    "ก็เรียบร้อยดีเหมือนทางเหนือพระเจ้าข้า" แกละตอบ

    เหล่าเสนาบดีและอำมาตย์เห็นรูปร่างลักษณะและท่าทางของเด็กที่เล่นเป็พระราชาแล้วเห็นว่าเป็นผู้มีบุญญาธิการ นอกจากนี้ การพูดการจาก็แสดงว่าเป็นคนฉลาดมีไหวพริบ เหล่าเสนาบดีและอำมาตย์จึงแจ้งความประสงค์ แล้วเชิญเด็กคนนี้ลงเรือพระที่นั่งสุวรรณหงส์ ก็เกิดเหตุอัศจรรย์ขึ้น เพราะเรือพระที่นั่งเคลื่อนที่กลับเมืองไปอย่างง่ายดาย เสนาบดี อำมาตย์ และประชาชนทั้งปวงจึงพร้อมใจกันจัดพิธีราชาภิเษกให้เด็กคนนี้ขึ้นเป็นกษัตริย์ทรงพระนามว่า "เจ้าชายสายน้ำผึ้ง"




     
  2. ปลากะป๋อง

    ปลากะป๋อง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    100
    ค่าพลัง:
    +126
    เล่าบ้างค่ะ
    ตอนเด็ก ๆ เป็นคนกลัวผีมากแต่ไม่เคยเจอนะค่ะ

    พอตอนอายุประมาณ 15 ก็โดนผีอำแบบรู้สึกว่ามีคนมานอนข้าง ๆ บ้าง

    นั่งทับบ้าง บางครั้งเห็นเงาดำเป็นตัวคนยืนอยู่ปลายเท้าแต่เราขยับตัวไม่ได้

    ตอนแรกกลัวมากค่ะ แต่อำบ่อย ๆ มันก็น่ารำคาญ คนจะนอนอำอยู่ได้

    บ้างครั้งก็ฝันก่อนโดนอำค่ะ ฝันว่ากำลังทำงานอยู่หน้าบ้านแล้วเด็กผู้ชายก็เดิน

    มาบอกว่าให้หนูช่วยมั้ย แล้วเราก็ให้ช่วยแล้วก็โดนอำ

    บ้างครั้งก็ฝันว่ามีผู้หญิงแก่กับเด็กผู้ชายคนเดิมมายืนอยู่หน้าบ้านแล้ว

    แล้วผู้หญิงแก่คนนั้นก็บอกว่ารับไปซิขันธ์ 5 แล้วเราก็เตะซะขันธ์ของเค้าล่วง

    เลย แล้วก็โดนอำ (ที่บ้านสอนว่าห้ามรับของพวกนี้)

    มีอยู่ครั้งนึงคะไปนอนบ้านยาย ยายตื่นแต่เช้าไปหุงข้าว ทำกับข้าวแต่

    เรายังไม่ยอมตื่น เลยโดนแต่เช้าเลยค่ะ รู้สึกว่ามีผู้หญิงมานั่งทับ แล้วรู้สึกว่า

    แขนข้างซ้ายไปโดนชายผ้าถุงเค้า พอหลุดออกมาได้ลุกเลยค่ะ กระโดดบันได

    ลงมาเลยค่ะ (บ้านยายเป็นบ้านไม้)

    แต่สวดมนต์ก่อนนอนทุกคืนนะค่ะ

    แต่เดี๋ยวนี้ก็ไม่เคยโดนอำแล้ว อาจเพราะย้ายบ้านแล้วมั้ง
     
  3. fahmui

    fahmui เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    1,933
    ค่าพลัง:
    +5,440
    เหตุที่ได้ชื่อว่าเจ้าชายสายน้ำผึ้งนั้นเพราะวันหนึ่งขณะเสด็จประพาสทางชลมารคเมื่อ เดินทางไปถึงวัดปากครอง ทอดพระเนตรเห็นรังผึ้งจับอยู่ที่อกไก่ใต้ช่อฟ้า พระองค์จึงอธิษฐานว่า ถ้าพระองค์มีบุญญาธิการที่จะปกครองบ้านเมืองให้เจริญรุ่งเรืองต่อไปแล้ว ก็ขอให้น้ำผึ้งหยดลงมากลั้วเอาเรือขึ้นไปถึงกำแพงแก้วเถิด พอสิ้นคำอธิษฐาน ก็มีน้ำผึ้งไหลลงมากลั้วเอาเรือพระที่นั่งขึ้นไปประทับจนถึงกำแพงแก้วนั้น พระองค์จึงได้ชื่อว่าเจ้าชายสายน้ำผึ้งตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา


    ส่วนทางเมืองจีนก็ เกิดเหตุการณ์น่าอัศจรรย์คือ มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง เป็นผู้มีบุญญาธิการเกิดจากจั่นหมากพระเจ้ากรุงจีนจึงรับมาเป็นราชธิดาบุญธรรมแล้วตั้งชื่อว่า เจ้าหญิงสร้อยดอกหมาก เมื่อเจริญวัยขึ้น เจ้าหญิงมีสิริโฉมงดงามเป็นที่ประทับใจแก่ผู้พบเห็น พระเจ้ากรุงจีนต้องการให้นางมีคู่เป็นผู้มีบุญญาธิการเหมือนกัน จึงให้โหรทำนายดวงชะตาของเจ้าหญิง

    "ข้าพระพุทธเจ้าตรวจดูดวงชะตาของเจ้าหญิงดูแล้ว ตามตำราบ่งบอกว่า เนื้อคู่ของเจ้าหญิงเป็นกษัตริย์เมืองไทยพะย่ะค่ะ" โหรทำนาย

    "ถ้าเป็นเช่นนั้น เราก็จะได้ให้ราชทูตนำสารไปแจ้งแก่กษัตริย์เมืองไทย" พระเจ้ากรุงจีนตรัส

    เมื่อพระเจ้าสายน้ำผึ้งได้รับสาสน์จากพระเจ้ากรุงจีนก็ยินดียิ่งนักจึงตรัสตอบราชทูตไปว่า

    "ท่านจงไปกราบทูลพระเจ้ากรุงจีนว่าเรายินดีและขอบพระทัยมากที่ยกเจ้าหญิงสร้อยดอกหมากให้เป็นมเหสีของเรา แล้วเราจะเดินทางไปอภิเษกสมรสในเดือนสิบสองนี้"

    เจ้าชายสายน้ำผึ้งทรงเดินทางไปเมืองจีนโดยเรือพระที่นั่งเอกชัยเพียงลำเดียวเมื่อเดินทางไปถึงปากอ่าวไพ่ ประชาชนชาวจีนต่างพากันสรรเสริญเจ้าชาย ที่มีบุญญาธิการเดินทางมาถึงเมืองจีนด้วยเรือพายได้อย่างปลอดภัย


     
  4. fahmui

    fahmui เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    1,933
    ค่าพลัง:
    +5,440
    พระเจ้ากรุงจีนต้องการทดสอบความกล้าหาญของเจ้าชายสายน้ำผึ้งจึงให้อำมาตย์อัญเชิญเรือพระที่นั่งไปประทับที่ อ่าวเสือ และอ่าวนาค แห่งละหนึ่งคืนเสร็จแล้วให้อำ มาตย์มารายงาน ความเป็นไปให้ทรงทราบ

    "เจ้าชายสายน้ำผึ้งทรงมีความกล้าหาญและมีบุญญาธิการ เหมาะสมกับเจ้าหญิงสร้อยดอกหมากอย่างแท้จริงเพราะพระองค์สามารถประทับที่อ่าวเสือและอ่าวนาคแห่งละคืนได้อย่างปลอดภัย นอกจากนี้แล้ว ในเวลากลางคืนยังได้ยินเสียงดนตรีบรรเลงเพลงขับกล่อมทั้งคืน โดยที่ไม่เห็นตัวผู้บรรเลงด้วยพระเจ้าข้า" อำมาตย์กราบทูล

    "ดีจริง ถ้าเช่นนั้น ท่านอำมาตย์รีบไปจัดขบวนเกียรติยศ เชิญเสด็จเจ้าชายเข้ามา เราจะได้จัดการอภิเษกสมรสกับลูกหญิงของเราให้เรียบร้อย"เจ้ากรุงจีนตรัสด้วยความดีพระทัย

    หลังจากเสร็จพิธีอภิเษกสมรสแล้ว เจ้าชายสายน้ำผึ้งพร้อมด้วยพระมเหสีคือ พระนางสร้อยดอกหมากก็ทูลลาพระเจ้ากรุงจีนเสด็จกลับเมืองไทยเพราะว่าเจ้าชายเป็นห่วงราชกิจที่เมืองไทย พระเจ้ากรุงจีนจึงรับสั่งให้จัดเรือสำเภาห้าลำ พร้อมด้วยเครื่องอุปโภคบริโภคอีกมากตามมาส่งเสด็จถึงเมืองไทย

    ที่เมืองไทยเหล่าขุนนางผู้ใหญ่พร้อมด้วยพระราชาคณะ๑๕๐รูปได้ออกไปต้อน รับพระเจ้าสายน้ำผึ้งและพระมเหสีที่เกาะแห่งหนึ่ง ซึ่งต่อมาได้ชี่อว่า "เกาะพระ" เมื่อเจ้าชายสายน้ำผึ้งกับพระนางสร้อยดอกหมากเสด็จมาถึงปากน้ำแม่เบี้ยท้ายเมืองเจ้าชารับ สั่งกับพระนางว่า

    "น้องจ๋า เราเดินทางมาถึงบ้านเมืองของพี่แล้ว หากน้องจะเข้าวังในเวลานี้จะไม่สมเกียรติของราชธิดาของพระเจ้ากรุงจีน น้องจงคอยพี่อยู่ที่นี่ก่อน พี่จะเข้าไปในวังเพื่อจัดขบวนเกียรติยศมารับนะจ๊ะ"

    "เพคะ น้องจะคอยเสด็จพี่อยู่ที่นี่" พระนางสร้อยดอกหมากรับปาก

    เมื่อเจ้าชายสายน้ำผึ้งเสด็จกลับวังก็มีราชกิจมากมายเพราะจากบ้านเมืองไปนาน จึงไม่ได้ออกมา รับพระนางสร้อยดอกหมาก ด้วยพระองค์เอง มีแต่อำมาตย์และขบวนเกียรติยศมารับแทน พระนางจึงไม่ยอมเสด็จไปพร้อมกับขบวนและตรัสกับผู้มารับว่า

    "เรากับเสด็จพี่เดินทางมากลางทะเลฝ่าคลื่นลมอันตรายมาด้วยกันเป็นเวลานานกว่าจะมาถึงที่นี่ แต่เมื่อมาถึงล้วเสด็จพี่กลับเข้าวังและไม่กลับออกมารับเราอีก เราเสียใจมาก พวกท่านไปทูลเสด็จพี่ด้วยว่าถ้าไม่ออกมารับเราด้วยตัวเองแล้วเราจะไม่ไป" พระนางตรัสด้วยความน้อยพระทัย

    เมื่อเจ้าชายสายน้ำผึ้งทรงทราบว่าพระนางสร้อยดอกหมากไม่ยอมเสด็จมาก็สัพยอกกลับไปว่า

    "เมื่อมาถึงแล้ว จะอยู่ที่นั่นก็ตามใจเถิด"


    *************************************************************************

    มีคนอ่านอยู่บ้างหรือเปล่าหนอ... ถ้าไม่มี หรือทุกท่าน ทุกนามทราบเรื่องกันดีแล้ว

    จะได้ไม่ต้องเอามาเล่าให้รกบ้านจ้ะ :cool:

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 มิถุนายน 2012
  5. ปลากะป๋อง

    ปลากะป๋อง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    100
    ค่าพลัง:
    +126
    เล่าต่อให้จบซิค่ะ:cool:
     
  6. fahmui

    fahmui เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    1,933
    ค่าพลัง:
    +5,440
    เมื่อมีผู้ขอ... เราก็พร้อมจัดให้ อิอิ

    *************************************************
    พระนางสร้อยดอกหมากทรงทราบว่าเจ้าชายตรัสเช่นนั้นทำให้เสียพระทัยมากขึ้น วันรุ่งขึ้นเจ้าชายเสด็จมารับด้วยพระองค์เอง พระนางสร้อยดอกหมากจึงตัดพ้อต่อว่าว่า

    "เมื่อเสด็จพี่ไม่ยอมมารับน้องไม่รักน้องแล้วใช่ไหม เมื่อไม่รักแล้ววันนี้จะเสด็จมารับทำไม น้องไม่ไปเพคะ"

    "พี่ขอโทษนะจ๊ะ เมื่อวานนี้มีราชกิจมากพี่จึงมารับน้องไม่ได้ วันนี้พี่ก็มารับน้องแล้ว เข้าไปในวังด้วยกันเถิดนะจ๊ะ" เจ้าชายพยายามง้องอน

    "ไม่ไปเพคะน้องไม่ไป" พระนางยืนยัน

    "เมื่อไม่ไปก็จงอยู่ที่นี่เถิด" เจ้าชายแกล้งหยอกเย้า

    พระนางสร้อยดอกหมากเสียพระทัยมาก คิดว่าพระสวามีไม่รักพระนางแล้วจริงๆทำให้ตรัสเช่นนั้น พระนางจึงกลั้นใจตาย เจ้าชายสายน้ำผึ้งแก้ไขเหตุการณ์ไม่ทัน เพราะไม่คิดว่าจะเกิดขึ้น ทรงโสกเศร้าเสียใจมาก โปรดให้อัญเชิญพระศพมาพระราชทานเพลิงที่แหลมบางกะจะแล้วทรงสร้างวัดเพื่อเป้นอนุสรณ์ว่า "วัดพระนางเชิญ" หรือ "วัดแพนงเชิง" หรือ "วัดพนัญเชิญ" ซึ่งปัจจุบันคือวัดพนัญเชิญวรวิหารตั้งอยู่ที่ตำบลคลองสวนพลูริมแม่น้ำป่าสัก อำเภอพระนครศรีอยุธยา มีพระพุทธรุปที่สำคัญคือ "พระพุทธไตรรัตนนายก" หรือชาวไทยเรียกว่า หลวงพ่อโต ชาวจีนเรียกว่า ซำปอกอ เป็นที่เคารพนับถืออย่างมากทั้งชาวไทยและชาวจีน

    วัดพนัญเชิงวรวิหารนี้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญแห่งหนึ่งของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา

    ********************************************************************************

    จบแล้วจ้า... ความน้อยอกน้อยใจ และความเข้าใจผิด เพราะความรักนี่รุนแรงจังเลยนะเนี่ย:cool:





     
  7. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    ไปท่องเที่ยวมาค่ะ เจอมา
    ที่มา : แสงแห่งธรรม: จิตนั้นมีมาก่อนโลก

    จิตนั้นมีมาก่อนโลก

    จิตนั้นมีมาก่อนโลก เป็นจิตเดิมแท้ไม่มีใครเป็นเจ้าของ ไม่มีรูปร่างและสีสรรค์โลกถูกสร้างขึ้น เพราะจิตถูกรบกวนให้มี ให้เป็น ให้ทำ ให้แสดง จึงแผลงฤทธิ์เกิดรูปธรรมและนามธรรม ทำให้เกิดสัญญา เกิดความจำได้ ปั่นเป็นวิญญานแฝงตัวอยู่ในจิต ทำให้จิตเกิดอาการตื่นรับรู้ เกิดเป็นตัวเป็นตน ยึดมั่นถือมั่น ว่านี่คือตัวตน โดยมีจิตเป็นที่พักอาศัยในเบื้องต้น

    จิตแต่ละดวงที่เคยสงบอยู่ไม่มีสีสรรค์ ไม่มีรูปร่าง ไม่มีที่อยู่ที่แน่ชัดนั้น ก็เริ่มถูกครอบครอง โดยวิญญานวิญญานก็คือ อาการรู้สึกรับรู้ปั่นป่วน เมื่อมากขึ้นมากขึ้น จิตวิญญานทั้งหลายก็รวมตัวกันสร้างโลก และจักรวาล ขึ้นมา ซึ่งมีการลองผิดลองถูกอยู่หลายครั้งเช่น ในบางมหากัป มนุษย์มีอายุยืนยาวเป็นหมื่นๆปี เป็นแสนปี แตกดับหลายครั้งเมื่อสร้างโลกได้แล้ว มีอาการรับรู้แล้ว แต่ก็มิอาจสัมผัสกันได้ จึงต้องมีเครื่องมือจิตวิญญานทั้งหลายทั้งหมดนั้นจึงกำหนดรูปร่าง สังขาร แล้วรวมธาตุให้ปรากฏเป็นรูปธรรมแล้วตั้งนามธรรมขึ้น แล้วสิงสถิตย์อยู่

    เมื่อเกิดร่างกายโดยอัศจรรย์แล้ว ก็บังเกิด ใจ ซึ่งก็คือ รูปธรรมนามธรรม คือความยึดมั่นเป็นตัวเป็นตนแล้วไอ้เจ้าวิญญานที่มันเคยอาศัยอยู่กับจิต ที่มันเคยแค่รับรู้สึกแค่นั้นมันไม่พอมันต้องการสัมผัส ให้ครบถ้วน มันก็กระโดดไปเกาะอยู่กับใจ ที่มีร่างกายเป็นที่อาศัย แต่มันก็ยังไม่ปล่อยจิตไปคงยังขังจิตอยู่อย่างนั้นเหมือนผู้คุมขังนักโทษคือวิญญานขังจิตคือนักโทษ แล้วออกไปเที่ยวข้างนอกซึ่งข้างนอกเปรียบได้กับใจ ยังไงอย่างงั้นเลยครั้นเมื่อเราตายใจนั้นมันก็ตายไปด้วยแต่วิญญานมันก็กลับมาอยู่ที่จิตเหมือนเดิมซึ่งจิตนั้นก็ออกมาประท้วงใจเป็น

    บางครั้งแล้วแต่กำลังของจิตว่ามีมากน้อยแค่ไหนซึ่งเปรียบได้กับสติปัญญานั่นเอง เมื่อรู้อย่างนี้แล้ว จะให้วิญญานนั้นมาขังเราแล้วออกไปเที่ยวเหรอ เราต้องประท้วง แล้วเปิดกรงขังที่แน่นหนานั้นออกมาให้ได้เมื่อออกมาแล้ว จงตามไปฆ่า ใจที่มีวิญญานนั้นเสียเมื่อวิญญานดับ จิตนั้นก็เป็นอิสระ ตราบใดที่มีวิญญานเกาะจิตอยู่ไม่มีทางที่จะหลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิดนี้ไปได้เลย

    เมื่อมีร่างกาย วิญญานก็ย้ายจากจิตไปเกาะใจแต่ก็ขังจิตไว้อยู่ เมื่อสิ้นร่างกายใจนั้นก็ไม่มี วิญญาน ก็เข้ามาเปิดกรงขังแล้วก็ไปสิงจิตเหมือนเดิม วนเวียนอยู่อย่างนี้ ช่วงที่วิญญานย้ายจากจิตไปที่ใจครั้งปฏิสนธินั้นความจำจึงเริ่มใหม่ช่วงนั้นทำให้เราจำความ ช่วงที่เกิดมาก่อนๆนั้นไม่ได้เลย
     
  8. ปลากะป๋อง

    ปลากะป๋อง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    100
    ค่าพลัง:
    +126
    เรื่องต่อจากคุณฟ้ามุ่ยค่ะ พอดีอ่านเจอ

    ในเรื่องเกี่ยวกับวิญญาน ที่ผมอ่านมา เกี่ยวกับ เจ้าแม่สร้อยดอกหมาก วันนี้ผมจะเขียน เพื่อให้ชาว
    กูรูได้อ่านกันบ้าง เป็นเรื่อง สนุก จะมีใครเชื่อหรือไม่เชื่อ ขึ้นอยู่แต่ละบุคคล ถ้าบทความนี้ทำให้คนเชื่อ
    เรื่องบุญ หรือบาป ขึ้นมาบ้าง เกิดความดีและบุญกุศลทั้งหมดขอยกให้อาจารย์ ฟื้น ดอกบัว และผู้อ่านบทความนี้ทุกท่าน ที่มีจิตในสัมมาทิฎฐิ ในทางธรรมเกิดขึ้น ขอเริ่มเรื่องเลยนะครับ
    หลวงปู่สีโห เหมโก พระวิปัสสนา ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ศิษย์องค์สำคัญของหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
    ปรมาจารย์แห่งสายกรรมฐานในประเทศไทย ท่านอยู่สายหนึ่งในบรรดาหลายสายของกองทัพธรรม
    ที่หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต สั่งให้จัดตั้งขึ้นเพื่อออกเผยแผ่ธรรมเมื่อราว พ.ศ. ๒๔๗๓ มีอยู่ครั้งหนึ่ง ที่
    หลวงปู่ สีโห เหมโก เดินธุดงค์ลงมาทางภาคกลางเพื่อกราบนมัสการพระพุทธบาทและพระพุทธฉาย
    ที่จังหวัดสระบุรี แล้วเลยลงมาไหว้พระที่กรุงเก่าพระนครศรีอยุธยา หลวงปู่มาถึงวัดพนัญเชิงในตอน
    เย็นใกล้ค่ำ จึงได้ปักกลดที่ท้ายวัดพนัญเชิง ซึ่งตั้งอยู่บนฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา และหลังจากสรงน้ำ
    ชำระร่างกายให้ชุ่มชื้นสบายแล้ว หลวงปู่ก็ได้ไปกราบนมัสการท่านเจ้าอาวาสวัดพนัญเชิง ผู้เป็นเจ้า
    ถิ่นตามธรรมเนียม เมื่อได้สนทนากันพอควรแล้ว หลวงปู่ก็ขออนุญาตเข้าไปในพระวิหารใหญ่ เพื่อ
    กราบนมัสการหลวงพ่อโต ท่านเจ้าอาวาสก็ได้ให้พระลูกวัดอำนวยความสะดวกเปิดประตู้พร้อมทั้งจัด
    หาดอกไม้ธูปเทียน เครื่องสักการะบูชาให้ด้วย หลวงปุ่สีโห เมื่อบูชาและกราบนมัสการแล้ว ก็นั่งสมาธิ เจริญพุทธานุสติ (พุทโธ) จนเปี่ยมใจแล้วก็ได้ถอนจิตออกาจากฌานเตรียมจะกราบลาหลวงพ่อโต
    กลับ ทันใดนั้นก็ปรากฎมีผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้าประตูวิหารมา ขณะที่หลวงปู่หันหลังให้ประตู แต่ก็
    สามารถมองเห็นได้อย่างประหลาด ทั้ง ๆ ที่ท่านก็ไม่ได้หันหน้าไปมองเลย หลวงปู่รู้ทันทีว่า ผู้หญิง
    คนนั้นไม่ใช่มนุษย์ แต่เป็นผีที่มีฤทธิ์มาก สาวสวยเหลือเกินเหมือนไม่ใช่มนุษย์นั่นแหละ ผิวขาวผ่อง
    ยองใยลักษณะคนจีน หน้าตาอิ่มเอิบมีบุญญาธิการ แต่งองค์ทรงเครื่องนางพญาพระเจ้ากรุงจีน อย่าง
    ที่พวกงิ้วแต่งนั่นแหละ ท่าทางเดินอ่อนช้อยงามสง่า เท้าไม่ติดพื้นคล้ายลอยมา นางเดินไปทางขวา
    มือของหลวงปู่ แล้วหยุดยืนอยู่ในระยะห่าง ทำกิริยา ยิ้มจ้องมองดูหลวงปู่สีโห หลวงปู่มองดูนาง
    เต็มตา เป็นการมองด้วยตาเนื้อตามปกติอย่างที่คนมองกัน ทั้งนี้ก็เพราะหลวงปู่เพิ่งออกจากสมาธิ
    นั่นเอง หลวงปู่ได้เอ่ยทักทายขึ้นว่า " เจริญพร โยม" นางยอบตัวลงนั่งพับเพียบเรียบร้อยบนเสื่อน้ำ
    มันที่ปูหน้าแท่นสักการบูชา ก้มกราบหลวงปู่ แล้วกล่าวปฏิสันถารด้วยเสียงไพเราะว่า
    "สาธุ พระผู้เป็นเจ้า ดิฉันขอนมัสการ" จาก นั้นหลวงปู่และเทพนารีได้สนทนากันดังนี้
     
  9. ปลากะป๋อง

    ปลากะป๋อง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    100
    ค่าพลัง:
    +126
    หลวงปู่ โยมมาจากไหน

    เทพนารี ดิฉันอยู่ที่นี่มานานแล้ว พระผู้เป็นเจ้า

    หลวงปู่ อยู่ที่วัดนี้หรือ

    เทพนารี ชาวบ้านเขาสร้างศาลให้อยู่ติดกับพระวิหารหลังนี้ ชื่อศาลเจ้าแม่สร้อยดอกหมาก

    หลวงปู่ อ้อ....งั้นโยมก็เห็นจะใช่เจ้าแม่ดอกหมาก พระราชธิดาพระเจ้ากรุงจีนนะซี

    เทพนารี ถูกแล้วพระผู้เป็นเจ้า

    หลวงปู่ อาตมา ขอถวายพระพร ทีแรกไม่รู้ว่าเป็นพระนาง เมื่อรู้เช่นนี้ ก็มีความยินดีที่ได้รู้จักพระ
    อัครมเหสีของพระเจ้าสายน้ำผึ้ง ผู้มีบุญญาธิการยิ่งใหญ่ในสมัยโบราณกาลโน้น

    เทพนารี สาธุ พระผู้เป็นเจ้า

    หลวงปู่ พระนางทรงอยู่ที่วัดนี้มานานแล้วประมาณสักกี่ปี

    เทพนารี ดิฉันอยู่ที่ศาลแห่งนี้มานานกว่า ๖๐๐ ปีมาแล้ว พระผู้เป็นเจ้า

    หลวงปู่ ก็นับว่าพระนางทรงอยู่ที่นี้นานโขอยู่ ก็ด้วยวิบากกรรมอันใดเล่า พระนางจึงไม่ได้ไปเกิดในสวรรค์ชั้นฟ้า เสวยทิพยสุข

    เทพนารี พระผู้เป็นเจ้า ย่อมทราบดีแล้วว่า วันหนึ่งในโลกวิญญาณ เท่ากับ ๑๐๐ ปีในโลกมนุษย์
    ดิฉันละร่างจากโลกมนุษย์มาอยู่โลกวิญญาณนี้ เพิ่งจะได้ ๖ วันเท่านั้นเอง ดิฉันยังจะต้อง อยู่ในโลกวิญญาณต่อไปอีกหลายร้อยปี จนกว่าจะสิ้นกรรม เนื่องด้วยในชาติปางก่อน ดิฉันบวชเป็นแม่ชีได้สำเร็จฌานสมาบัติ แล้วเกิดอุปทานหลงผิด เบื่อหน่ายในสังขารต้องการไปสู่สวรรค์ จึงได้กระทำอัตตวินิบาตกรรม ดัวยการผูกคอตาย ขณะที่ไม่ได้เข้าฌาน วิบากกรรมนั้นจะส่งผลอยู่ ๒ ประการ คือ ถ้าไม่ได้เกิดเป็นบริวารของท้าวเวสสุวรรณ ก็จะเกิดเป็นเทพารักษ์สถิตอยู่ตามศาลเจ้า แต่วิบากกรรมหนหลังอันซับซ้อนของดิฉันได้ไป เกิดเป็นพระราชธิดาของพระเจ้ากรุงจีน ต่อมาได้อภิเษกสมรสกับพระเจ้าสายน้ำผึ้ง ดังที่พระผู้เป็นเจ้าทราบ

    หลวงปู่ แล้วพระเจ้าสายน้ำผึ้งละ ท่านไปเกิดแล้วหรือว่ายังมีวิบากกรรมเกี่ยวพันกันอยู่กับพระนาง

    เทพนารี พระเจ้าสายน้ำผึ้งทรงไปเกิดอยู่สวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกาแล้ว ด้วยกุศลบารมีที่ได้บริจาค
    ทานมาก รักษาศีลมาก เวลานี้พระองค์ทรงแวะไปมาหาสู่เยี่ยมเยียนดิฉันอยู่เสมอด้วยความนับถือกัน มิได้มีอะไรผูกพัน กับดิฉันเยี่ยงสามีภรรยากันหรอก เจ้าคะ พระผู้เป็นเจ้า

    หลวงปู่ พระเจ้าสายน้ำผึ้ง ทรงมีรูปร่างหน้าตาอย่างไรนะ เหมือนคนไทยในทุกวันนี้ไหม หรือว่า
    ใหญ่โตกว่ากันมาก เขาว่าคนโบราณมักจะสูงใหญ่ ๖-๘ ศอก ใช่ไหมพระนาง

    เทพนารี พระผู้เป็นเจ้าจะได้เห็นเองวันนี้ เพราะพระเจ้าสายน้ำผึ้ง ก็ได้เสด็จมาด้วยกับดิฉัน

    หลวงปู่ เอ๊ะ ไม่เห็นนี้พระนาง

    เทพนารี ท่านรออยู่ข้างนอกคะ ยังไม่ได้เสด็จเข้ามาในที่นี้

    หลวงปู่ อ้าว....เชิญท่านเข้ามาซิพระนาง

    ทันใดนั้นร่งของพระเจ้าสายน้ำผึ้งก็ปรากฏตัว ทรงเดินเข้ามาในวิหาร แต่งพระองค์ทรงเครื่องอลังการ แพรวพราวไปด้วยแก้วรัตนชัชวาล ตามแบบเจ้าฟ้ามหากษัตริย์ ทรงอิสริยยศงดงามสง่า พระวรกายสูงใหญ่ ผิวขาว หน้าตาคมสัน นัยน์ตาโตดำคมกริบ เป็นประกายกล้าแข็ง มีอำนาจ แต่ทว่า
    แฝงไว้ด้วยความเมตตา พอเสด็จเข้ามาถึง ก็ทรงก้มกราบนมัสการหลวงปู่ด้วยเบญจางคประดิษฐ์ แล้วทั้ง ๓ ท่านก็ได้สนทนากัน ดังต่อไปนี้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 มิถุนายน 2012
  10. ปลากะป๋อง

    ปลากะป๋อง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    100
    ค่าพลัง:
    +126
    หลวงปู่ พระราชสมภารเจ้า ทรงอยู่สุขสบายดีหรือ

    พระเจ้าสายน้ำผึ้ง สุขและทุกข์มีคละกันไปเหมือนมนุษย์ในโลกนี้และ พระผู้เป็นเจ้า
    แต่ทุกข์ของเทวดานั้นเป็นทุกข์ทางใจไม่ใช่ทางกาย ทุกข์ทางใจได้แก่ กิเลส โมหะ
    เทวดาบางองค์ก็เพลิดเพลินหลงใหลงมงายอยู่กับกามสุขทั้งหลาย บางองค์ก็ติดอยู่
    ในกิเลสตัณหาอุปาทาน ก็มีอยู่เหมือนกันที่บางองค์เห็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
    พยายามบำเพ็ญจิตออกจากกิเลสเพื่อหวังเลื่อนภูมิชั้นตัวเองให้สูงขึ้นไป โยมเองก็รู้สึกเบื่อๆ
    อยู่เหมือนกันครับ

    หลวงปู่ พระราชสมภารเจ้า เสด็จไปมาหาสู่พระนางสร้อยดอกหมากอยู่เสมอ คงจะยังมีความ
    อาลัยชาติภูมิมนุษย์อยู่กระมัง

    พระเจ้าสายน้ำผึ้ง ก็มีอยู่บ้าง แต่เป็นเรื่องถาวรวัตถุในพระศาสนา คือ ว่า โยมต้องมาคอยดูและพระพุทธปฏิมากรที่ได้สร้างไว้อยู่เสมอ เพราะเป็นพระที่สร้างขึ้นด้วยศิลปะและแรงศรัทธาอย่างสูงในสมัยนั้น โดยร่วมแรงกายแรงในกับไพร่ผ้าประชาราษฎร์ เมื่อสร้างแล้วก็กลายเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ คู่บ้านคู่เมือง มีเทวฤทธิ์คุ้มครองรักษา

    หลวงปู่ พระพุทธรูปที่ว่านี้ เห็นจะใช่หลวงพ่อโตองค์นี้ละกระมัง

    พระเจ้าสายน้ำผึ้ง ใช่แล้ว พระผู้เป็นเจ้า หลวงพ่อโตวัดพนัญเชิงนี้องค์หนึ่งกับอีกองค์หนึ่งคือพระมงคลบพิตรสถิตอยู่ในวิหารวังโบราณโน่น เป็นพระโตใหญ่หรือหลวงพ่อโตด้วยกันทั้งคู่

    หลวงปู่ พระราชสมภารเจ้า ทรงสร้างพระพุทธรูป ๒ องค์นี้พร้อมกันหรือ

    พระเจ้าสายน้ำผึ้ง สร้างปีเดียวกัน เมื่อคราวโภชกรุงศรีอโยธยา ซึ่งเป็นยุคสมัย ก่อนพระเจ้าอู่ทอง มา
    สร้างในสมัยกรุงศรีอยุธยา เป็นเวลากว่า ๓๐๐ ปี

    เทพนารี มีคนไม่น้อยเข้าใจกันว่า หลวงพ่อวัดพนัญเชิงและหลวงพ่อโต พระมหามงคลบพิตร
    สร้างขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี บางคนก็ว่าสร้างราวแผ่นดินสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ เรื่องนี้ไม่เป็นความจริงเลย หลวงพ่อโตทั้งสององค์นี้ เสด็จพีสายน้ำผึ้งเป็นผู้สร้งเอง พระผู้เป็นเจ้า

    พระเจ้าสายน้ำผึ้ง โยมสร้างหลวงพ่อโตทั้ง ๒ องค์นี้ เจตนาให้พระใหญ่สถิตอยู่กลางแจ้ง เช่นเดียวกับพระสถูปเจดีย์ แต่เจ้าฟ้ามหากษัตริย์ในแผ่นดินกรุงศรีอยุธยา ต่อมาได้พากันสร้างวิหารครอบไว้เสียหมด เพราะไม่อยากให้ตากแดดตากฝน จึงทำให้ลดความงามสง่าลงเรื่องนี้โยมรู้สึกผิดหวังมาก แต่ก็ไม่ได้ถือสาอะไร เพราะเจตนาปสาทะของเขาท ก็เป็นกุศลเหมือนกัน หากแต่รู้เท่าไม่ถึงการณ์เท่านั้น

    หลวงปู่ พระราชสมภารเจ้าและพระนาง เสด็จมาหาอาตมาในคืนนี้จะให้อาตมาร่วมบุญกุศลอะไร
    ด้วยหรือ

    พระเจ้าสายน้ำผึ้ง หามิได้ โยมทั้งสองมากราบนมัสการพระผู้เป็นเจ้าก็ด้วยจิตเลื่อมใสศรัทธา
    ในพระผู้เป็นเจ้าที่รอนแรมมาจากแดนไกล เพื่อที่จะมาหานมัสการ หลวงพ่อโตทั้ง ๒ องค์
    และสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ในกรุงเก่านี้ พระผู้เป็นเจ้า เป็นผู้ทรงศีลสะอาด บริสุทธิ์ เป็นพระ
    อริยเจ้า ควรแก่เทวดาจะกราบไหว้ โยมทั้งสองถือว่าเป็นบุญได้อานิสงส์แรงที่ได้มา
    กราบไหว้คืนนี้

    เทพนารี ดิฉัน รักษาอุโบสถศีลสม่ำเสมอ วันนี้ใคร่ขอรับศีลจากพระผู้เป็นเจ้าด้วย เพื่อเพิ่มพูน
    อานิสงส์

    หลวงปู่ การรักษาอุโบสถศีล มาอานิสงส์กว่าการให้ทาน พระนางทรงประพฤติถูกต้องแล้ว
    อาตมาขออนุโมทนา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 มิถุนายน 2012
  11. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    555 ดีใจจังเลย มีคนมาเล่านิทานกันแระ
    จะได้ทิ้งกระทู้หนีเที่ยวได้อย่างสบายใจ อิอิ:cool:
     
  12. fahmui

    fahmui เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    1,933
    ค่าพลัง:
    +5,440

    ขอบคุณที่เอามาต่อยอดค่ะ :cool: ..... อ่านเพลินเลย
     
  13. fahmui

    fahmui เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    1,933
    ค่าพลัง:
    +5,440

    อย่าน๊าาาาาาาาาาาาา .....pig_cryy

    น้องหานิทานมาเล่า แถวกระดานเรียงหนึ่งแล้วนี่นา .... อิอิ
     
  14. ปลากะป๋อง

    ปลากะป๋อง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    100
    ค่าพลัง:
    +126
    ไม่ได้ค่ะ พี่นุ๊กห้ามหนีนะ
     
  15. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    กลับมาแล้วจ้า เอาธรรมะดีๆ มาฝาก

    เมื่อไม่เห็นธรรม ก็ไม่เห็นเราตถาคต [อรรถกถาสังฆาฏิสูตร]

    พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อิติวุตตก เล่ม ๑ ภาค ๔-หน้า 583
    ฯลฯ


    เมื่อไม่บำเพ็ญปฏิปทาที่เราตถาคตกล่าวแล้วให้บริบูรณ์ ก็ชื่อว่า เป็นผู้อยู่ไกลเราตถาคตทีเดียว เราตถาคต ก็ชื่อว่า อยู่ไกลเธอเหมือนกัน.

    ด้วยคำนี้พระองค์ทรงแสดงว่า การเห็นพระตถาคตเจ้าด้วยมังสจักษุก็ดี การอยู่รวมกัน ทางรูปกายก็ดี ไม่ใช่เหตุ (ของการอยู่ใกล้) แต่การเห็นด้วยญาณจักษุเท่านั้น และการรวมกันด้วยธรรมกายต่างหาก เป็นประมาณ (ในเรื่องนี้).

    ด้วยเหตุนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงได้ตรัสไว้ว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เพราะว่าภิกษุนั้นไม่เห็นธรรม เมื่อไม่เห็นธรรม ก็ไม่เห็นเราตถาคต.

    ในคำว่า นั้นไม่เห็นธรรม เมื่อไม่เห็นธรรม ก็ไม่เห็นเราตถาคต. ในคำว่า ธมฺมํ น ปสฺสติ นั้น มีอธิบายว่า โลกุตรธรรม ๙ อย่าง ชื่อว่า ธรรม ก็เธอไม่อาจจะเห็นโลกุตรธรรมนั้นได้

    ด้วยจิตที่ถูกอภิชฌาเป็นต้นประทุษร้าย เพราะไม่เห็นธรรมนั้น เธอจึงชื่อว่า ไม่เห็นธรรมกาย ฯลฯ และว่า เราตถาคตเป็นพระธรรม เราตถาคตเป็นพระพรหมดังนี้ และว่า เป็นธรรมกายบ้าง เป็นพรหมกายบ้าง ดังนี้ เป็นต้น.

    โลกุตรธรรม ๙
    ธรรมอันมิใช่วิสัยของโลก, สภาวะพ้นโลก

    โลกุตตรธรรม ๙ = มรรค ๔ นับแต่โสดาปัตติมรรค ผล ๔ นับแต่โสดาบัน
    ปิดท้ายที่ วิมุตติธรรม(นิพพาน) อีก ๑
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 มิถุนายน 2012
  16. fahmui

    fahmui เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    1,933
    ค่าพลัง:
    +5,440
    รูปภาพนี้ ดูน่าเกรงขามมากค่ะ เลยนำมาให้ชมกัน
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  17. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    วันนี้เจ้าของบ้านไม่อยู่ นู๋ๆ พากันร่าเริง อิอิ
    อันนี้ก็ลอกเค้ามาให้อ่านค่ะ (ชอบ) :cool:

    "เห็นธรรม" คำนี้ ลึกซึ้งมาก จริง ๆ .. ท่านหมายว่า เห็นความจริง ที่มีอยู่ ที่เป็นไป ตามสภาวะธรรมชาติ.. ครูอาจารย์บางท่าน ถึงกับเปรียบว่า เห็นตัวหนังสือธรรม เป็นการเห็นอย่างหนึ่ง..

    เห็นลึกเข้าไปในความเป็นจริง เป็นการเห็นอีกอย่างหนึ่ง.. คำว่า "ดวงตาเห็นธรรม หรือ ธรรมจักขุ" อย่างมาก.. คำนี้ มีปรากฎหลายแห่ง เช่นกรณี ท่านสารีบุตร พบพระอัสสชิ..
    เลื่อมใส ไต่ถาม ท่านพระอัสสชิตอบ หลายประการ จึงถึงบางอ้อ ว่า ดวงตาเห็นธรรม หมายถึง...??

    แต่ก็แค่ ถึงบางอ้อ คือเข้าใจแบบคณิตศาสตร์ 1+1 เป็น 2 ไม่เข้าใจ ทำไมต้อง 1+1 ล่ะ ..ต่อมา ก็เข้าใจ..

    ความจริงที่คนสมมติขึ้นมาสนทนากัน สื่อสารกัน ก็อย่างหนึ่ง.... ความจริงที่เป็นอยู่จริงๆ แม้คนใบ้หูหนวก ก็เชื่อโดยไม่อาจฟังไม่อาจคุยกัน ก็อย่างหนึ่ง.. เช่น ความรู้สึกร้อน ความสว่าง ความมืดยามค่ำคืน

    - ภายหลังพระศาสดาตรัสรู้ไม่นาน ไปพบเบญจวัคคีย์ แสดงความจริง ในบทที่ว่า "สิ่งใดก็ตามมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้นทั้งปวง ล้วนมีความดับไปเป็นธรรมดา" ท่านโกณฑัญญะ สดับ(ฟัง+ใคร่ครวญ) โสดาปัตติมรรค หรือโสดาปัตติมัคคญาณ คือ ญาณ(ปัญญารู้ยิ่ง)ที่ทำให้เป็นโสดาบัน บังเกิดแก่ท่านโกณฑัญญะ.....

    - คัมภีร์พุทธ แสดงยืนยัน ผู้ลุถึงโสดาปัตตมรรค จักลุถึงโสดาบัน ในกาลหนึ่งข้างหน้า ไม่ว่าจะนานสักเท่าใดก็ตามแต่ปัญญาบารมี ปิดอบาย ไม่ไปเกิดในแดนนรก เป็นเปรต ได้อัตภาพอสุรกาย หรือกำเนิดเกิดในสภาพของสัตว์เดรัจฉานต่าง ๆ อีกต่อไป... ดิ่งไป ตรงไป ที่จะตรัสรู้ รู้แจ้งแทงตลอดอริยสัจจ์ ในเบื้องหน้า ถูกนับเป็น อีกหนึ่งอรหันตสาวก..

    - ดูก่อนอานนท์ ฯลฯ พึงพยากรณ์ตนด้วยตนเองได้ว่า เรามีนรก กำเนิดสัตว์ดิรัจฉาน ปิตติวิสัย อบาย ทุคติ วินิบาต สิ้นแล้ว เราเป็นพระโสดาบัน มีความไม่ตกต่ำเป็นธรรมดา เป็นผู้เที่ยงที่จะตรัสรู้ในเบื้องหน้า เป็นไฉน??

    - ท่านใด สามารถเห็นธรรม เกิดศรัทธา(เลื่อมใส)ไม่หวั่นไหวคลอนแคลน ในรัตนะสาม รักษาศีลที่ตนรับอาราธนามา สะอาด บริสุทธิ์ ผ่องแผ้ว เช่น ศีล5 ไม่ทะลุ ขาด ด่างพร้อย แหว่งวิ่น... พึงพยากรณ์ตนได้ว่า โสดาบัน..แล้ว.... ปิดนรก เป็นต้นแล้ว..สิ้นชีพชีิวิตนี้ มีแต่ สุคติ มนุษย์ เทวโลก เป็นที่ไป..

    หากยังไม่ถึงดังที่กล่าว แต่ยังพยามอยู่ พึงพยากรณ์ตนว่า โสดาปัตติมรรค การดำเนินอยู่ในหนทางเพื่อลุ โสดาบัน.. ยังมีอยู่ ไม่สิ้นสูญจางไป..

    - ท่านสารีบุตร พบพระอาจารย์ ไต่ถามบางสิ่ง.. .."ท่านบวชเฉพาะใคร ใครเป็นศาสดาของท่านหรือ ท่านชอบใจธรรมของใคร ขอรับ????

    - ท่านพระอัสสชิ ตอบ.. .."เราเป็นคนใหม่ บวชยังไม่นาน เพิ่งมาสู่พระธรรมวินัย(พระพุทธศาสนา)นี้ ไม่อาจแสดงธรรมแก่ท่านได้กว้างขวาง แต่จักกล่าวใจความแก่ท่านโดยย่อ.

    .."ธรรมเหล่าใดเกิดแต่เหตุ พระตถาคต(พระพุทธเจ้า) ทรงแสดงเหตุแห่งธรรมเหล่านั้น และความดับแห่งธรรมเหล่านั้น พระมหาสมณะ(พระพุทธเจ้า)มีปกติทรงสั่งสอนอย่างนี้".........

    สารีบุตรปริพาชก(ปริพาชก คือนักบวชนอกพุทธที่ค้นหาสัจธรรม) ได้ "ดวงตาเห็นธรรม" ปราศจากธุลี ปราศจากมลทินว่า .."สิ่งใดสิ่งหนึ่งมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้นทั้งมวลมีความดับไป เป็นธรรมดา"...

    .."ท่านทั้งหลายจงแทงตลอดบทอันหาความโศกมิได้ บทอันหาความโศกมิได้นี้ พวกเรายังไม่เห็น ล่วงเลยมาแล้วหลายหมื่นกัลป์"..
     
  18. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    - อนิจจัง ความไม่เที่ยง ไม่ยั่งยืน ไม่คงที่ ..
    - ทุกขัง ต้องแปรปรวนเปลี่ยนแปลง เก่าคร่ำคร่า ชำรุด เสื่อมไป สิ้นไป .. ศาสนิก ในทุกๆ ศาสนา ต่างเห็นด้วยตาเนื้อ เชื่อเหมือนกันว่า จริง ไม่แย้ง... เช่น วันนี้ป้ายแดง นานไป กลายเป็นอุปกรณ์ปลูกสะระแหน่... เลิืศหน่อย ที่ยังจอดรอขาย รอแลก ในเต้นท์รถมือสอง.. เป็นต้น

    - อนัตตา เท่านั้น ที่มีแสดง มีสอน เฉพาะแต่พระพุทธศาสนา.. ลักษณาการของอนัตตา เป็นธรรมชาติที่แสดงสภาวะอยู่ และเฉพาะเพียง ผู้ที่จะมาตรัสรู้เป็นพระอรหันตสัมมา เท่านั้น ที่จะค้นพบ บัญญัติขึ้น แล้วนำมาแจกแจงแสดงสอน..

    - สภาวะครอบยอดตลอดสาย อนิจจัง >ทุกขัง >อนัตตา นี่เอง.... เป็นสิ่ง นำพา ตาเนื้อ ข้ามสู่ ตาปัญญา/ธรรมจักขุ/ดวงตาเห็นธรรม ... เป็นสิ่ง ใช้พิจารณารูปธรรม นามธรรม ทุกชนิด ทุกระดับชั้นของพระอริยะ ไม่ว่า โสดาปัตติมรรค สกิทาคามิมรรค อนาคามิมรรค อรหัตตมรรค...... เพื่อบรรลุเจริญ พัฒนาขึ้นไปในแต่ละขีดขั้น.. และสิ่งนี้ ชินตาชินหู เราท่าน ฉันเธอ ในบทชื่อ "สามัญลักษณะ/ไตรลักษณ์"

    สิ่งนี้ ชินตาชินหู ตามสำนักต่าง ๆ ที่พูดกันว่า.. เราท่านทั้งหลาย มาฝึกวิปัสนา(รู้แจ้ง รูปธรรม นามธรรม ตามไตรลักษณ์)กัน

    เมื่อใด ที่เพียรฝึกรู้แจ้งเห็นจริงรูปนาม ตามแนวไตรลักษณ์ สิ่งที่ตามมาคือ ความเบื่อหน่าย คือหน่ายในความไม่จีรังยั่งยืน ในความที่ไม่อาจบังคับแข็งขืนให้ได้ ให้เป็น ให้คงที่ ตามปรารถนาต้องการสักเรื่อง สักคน สักตน สักสัตว์....ทุกเหตุการณ์ และเรื่องราว ไม่ขึ้นกับการอ้อนวอนร้องขอ แต่เป็นไปตามองค์ประกอบ (ท่านใช้คำว่า "ตามเหตุปัจจัย")

    หน่ายบ่อย ๆ กิริยาอาการทางใจคือความคลายออก ไม่ติดไม่ยึด ก็ผุดขึ้น ทยอยเกิดขึ้น เติบโตขึ้น....(ท่านใช้คำว่า สภาวะรู้ ความหยั่งรู้) ที่ชินหูกันในสังคมที่ว่า "ปล่อยวางเสียบ้าง ปลงซะบ้าง".... ซึ่งที่จริง ปล่อยบ้าง ปลงบ้าง วางได้ ปลงตก เป็นทฤษฏี กิริยา และผลลัพธ์... แต่ พูดง่าย ทำยาก.. เพราะขาดเทคนิค วิธีการเพื่อใช้ปฏิบัติ...

    พูดให้ชัด คือ เมื่อใดที่เรียนรู้ เข้าใจไตรลักษณ์ แจ่มแจ้ง.. แล้วนำหลักไตรลักษณ์ ไปพิจารณาใส่ใจ ในทุกสรรพสิ่ง ไม่ว่าสิ่งมีชีวิต/ไร้ชีวิต เช่น คนสัตว์ สิ่งของบ้านช่อง ฯลฯ.. ไม่นาน การปล่อยวาง ความปลงได้ ก็เกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ...

    ตราบที่คน ยังเชื่อมั่นว่า ลาภ ยศตำแหน่งฐานะ สุข สรรเสริญ.. เป็นของจริงที่ดำรงอยู่ชั่วฟ้าดินสลาย ไม่เสื่อมสูญ...พยามวิ่งไล่ไขว่คว้า ไม่ยอมหยุดยั้ง ตราบนั้น ความตายไม่หยุด ตายทั้งที่ยังหายใจอยู่ (ศพเดินได้) .. ตาเนื้อ จะเป็น ตาเนื้อ ตลอดกาล ตลอดไป..... เสพติด เสพระมัดระวังไม่ติด.. ให้ผลแสดงอาการ ต่างกัน........ ไขว่คว้า ไม่ได้ ..แต่ไม่ทุกข์เพราะรู้แจ้ง.. ก็อย่างหนึ่ง... ไล่ล่า ไม่ได้ ..แต่ปางตายเพราะไม่เท่าทัน.. ก็อีกอย่างหนึ่ง... คำพูดคำจา กิริยาทางร่างกาย เป็นกระจกส่องให้คนเห็นภายใน ที่ซุกซ่อนอยู่


    เอาแระ...อ่านจบบทนี้ ทะลุกันถ้วนหน้าแน่ๆ เลย อิอิ:cool:
     
  19. ปลากะป๋อง

    ปลากะป๋อง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    100
    ค่าพลัง:
    +126
    ชอบเรื่องนี้เหมือนคุณฟ้ามุ่ยเลยค่ะ
    แต่คิดว่าเรื่องไม่น่าจะใช่แค่นิทาน
    ก็เลยลองหาในอินเตอร์เน็ตดูค่ะ
     
  20. i3lack

    i3lack เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    288
    ค่าพลัง:
    +102
    เผลอแพลบเดียวปาไป 667 หน้า :cool:
     

แชร์หน้านี้

Loading...