คำกล่าวลา ของพระคุณลุง

โมทนา พระภิกษุคุณลุง คนเชียงใหม่ และ หลานลุง คุณวิกรม ค่ะ

ขอท่านจงประสบแต่ความดีที่ตั้งจิตปรารถนาทุกๆประการเทอญ สาธุ

 

อย่าไปแก้ที่วัตถุ
อย่าไปแก้ที่สิ่งของ
อย่าไปแก้ที่คนอื่น
ให้แก้ที่ใจเราเอง

เมื่อเราแก้ไขที่จิตใจ
ให้ปลด ปล่อย ละวางสิ่งสมมุติ
ที่เป็นกิเลส สิ่งร้อยรัดทั้งปวงออกลงได้
ก็จะได้ลิ้มรสแห่งพระธรรม
เป็นอมตะรส
สู่วิมุตติ หลุดพ้น


ก็โลกนี้เป็นของสมมุติ
ไม่มีอยู่จริง
ทำไมเราถึงคิดกันว่า
สิ่งที่ไม่มีอยู่จริง นั้นมีอยู่
ขอให้โชคดีทุกๆ คน
​

 

อนาคต ไม่เที่ยง เปลี่ยนแปลงได้
อดีตขัย เที่ยงแท้ ไม่แปรผัน
ที่ก้ำกึ่ง ถึงผลัด ปัจจุบัน
จะเปลี่ยนทัน กันหรือไม่ ถามใจดู

มองเห็นใน อนาคต ยังคดได้
มองเห็นใจ ในดวงจิต นิมิตรู้
จะเที่ยงตรง ได้อย่างไร ลองคิดดู
สุดท้ายอยู่ คู่หมัด ปัจจุบัน

จงวางจิต ที่คิดไว้ ทิ้งให้หมด
แล้วค่อยหยด จิตกลางๆ ระหว่างฝัน
ทั้งชีวี นี้จะอยู่ คู่ปัจจุบัน
หากจะตาย ก็ช่างมัน ฉันไม่กลัว

 

ขอขอบพระคุณพระคุณลุงคนเชียงใหม่และคุณวิกรม หลานพระคุณลุง ด้วยค่ะที่มีความเมตตาและความปราถนาดีต่อพวกเราทุกคน ขออนุโมทนาบุญด้วยค่ะขอให้ได้ดวงเห็นธรรมค่ะ

 

ขออนุโมทนาบุญ พระคุณลุง และน้าวิกรม ครับ ขอให้บรรลุในหลักธรรมของพระพุทธเจ้าสมความปรารถนาครับ รู้สึกใจหายเหมือนญาติผู้ใหญ่ที่เคารพรักลาจากไป

 

ผมคิดอยู่นานครับว่าจะเ่อ่ยอย่างไรกับการลา
ตรงใจผมครับ
ที่ผ่านมาท่านคือแรงบรรดาลใจให้ผมจากคน
ทำงานสำมะเรเทเมาไปทั่วจนวันหนึ่งเพื่อน
F/w mail เรื่องราวมาให้อ่านเล่นๆ
ใหม่ๆก็สนใจเล็กๆในต่อมาก็อยากหาคำตอบจนสุดท้าย
นายต้นคนนี้กลายเป็นคนที่ มุ่งมันที่จะศึกษาโลกแห่งจิต และ
ธรรมในที่สุด อาจจะเป็นเพียงก้าวต้นๆ
แต่นำไปสู่การเตรียมการชีวิตจนถึงวันนี้
ขอขอบคุณครับ
แต่ทางเดินของผม
ผมตัดสินใจกับตัวเองว่า
คงเดินทางต่อครับ
เพราะวันนี้นายต้นคนนี้ยังไม่สามารถเข้าถึงโลกแห่งจิตได้
รอให้ผ่านจุดนั้นผมจะกลับมาศึกษาคำสอนที่พระคุณลุงฝากไว้ครับ
เหมือนนั่งรถ ยังถึงแถวรังสิตครับ แต่คนที่นั่งรถไปแถวลำพูน
บอกว่าเหนื่อยเปล่า แฮะๆๆ
มันอยากรู้ครับว่า กำแพงเพชร ตาก ลำปางเป็นยังไงครับ

แต่ขอขอบคุณ และใจหายเหมือนพี่ๆที่เ่อยคำลามาครับ

 

อนุโมทนาด้วย
อย่าลังเลครับแม้เส้นทางเดินไปนั้นจะมีหลายสาย
แต่เกิดขึ้นเพื่อให้คนที่มีหลายจริตเป็นฐาน
ปลายทางนั้น ก็คือมุ่งหวังพ้นขอบเหวนรก
ไปสู่ เส้นทางนิพพาน แม้ยังไม่ถึงก็ขออยู่บ้านเส้นทาง
การไปถึงยังอนัตตา การไปถึงัยงสุญญตานั้น
ถ้าสามารถผ่านเข้าไปในโลกแห่งจิตได้แล้วนั้น
กำลังใจในการก้าวเดินก็จะยิ่งกล้าแข็งยิ่งขึ้น
แต่เมื่อถึงปลายทางแล้ว
ก็คงต้องทิ้งทั้งรถโดยสาร ตััััััััั๋วโดยสาร
และเพื่อร่วมทางที่บังเอิญนั่งมาด้วยกัน
ถ้ายังยึดติด กับแอร์เย็นๆของรถที่นั่งมา
ไม่ยอมลงรถ ก็ไม่ถึงปลายทางจุดสุดท้ายที่สำคัญครับ

ขอเป็นกำลังใจให้ก้าวเดินต่อไป

 

โมทนาทั้งคุณลุงเชียงใหม่และคุณวิกรม และขอบพระคุณสำหรับข้อมูลและองค์ความรู้ที่ท่านได้ทิ้งไว้ โชคดีขอให้สมความปราถนาครับ

 

รบกวนขอถอดรหัส
คำลาที่ทิ้งไว้ด้วยครับ
สำหรับคนที่ด้อยปัญญาอย่างผมด้วยครับ
เพราะทุกวันนี้เพ่งเพียรจิตตนเอง
ในสายหลวงพ่อฤษี แต่ถ้าปลดจิตทิ้ง
นั้นใครมีข้อมูลหรือที่สำหรับศึกษาในสายนี้
ขอคำแนะนำด้วยนะครับ เพราะยังไม่เคยศึกษา
เพราะสายอื่นๆนั้นไปถึงจุดหนึ่งจะไปต่อไม่ได้
อาจเป็นสายที่ ตรงกับตนเองก็ได้ครับ
ขอเมตตาท่านที่ มีภูมิจิตภูมธรรมขั้นสูงด้วยครับ

 

กราบลาพระลุงคนเชียงใหม่ และคุณวิกรมด้วยนะครับ เชื่อว่าสิ่งที่พระคุณลุงและคุณวิกรมทิ้งไว้ให้จะเป็นประโยชน์กับการเตรียมตัวเตรียมใจของอีกหลายๆคนครับ

โดยเฉพาะเหตุการณ์ที่หลายๆคนคาดการณ์ไม่ถึงเช่น อันตรายจากลูกเห็บบนท้องฟ้า แสง เสียง โดยส่วนตัวแล้วคิดป้องกันตัวได้แต่น้ำท่วมกับแผ่นดินไหว ยังมองภาพรวมไม่ออก กระทู้ของพระคุณลุง และคุณวิกรมจึงเป็นประโยชน์อย่างมาก กับอีกหลายๆคน

สุดท้ายนี้ขอให้พระคุณลุงและหลานวิกรม เจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไปนะครับ

 

ก่อนอื่นผมต้องออกตัวก่อนว่าผมไม่ใช่ผู้รู้ธรรมขั้นสูงอะไรอย่างที่คุณกล่าวถึงหรอกครับผมก็แค่ปุถุชนคนธรรมดามีกิเลสตัณหาราคะเพียบเพราะผมยังมีครอบครัวมีภรรยามีลูกที่ต้องดูแลอยู่ ผมตัดเรื่องทางโลกไม่ได้หรอกครับแต่จะลองอธิบายตามความเข้าใจนิดๆของผมดูผิดถูกประการใด ไม่ว่ากันนะครับ

ผมขออธิบายเพิ่มเติมในส่วนคำว่า "วางจิตที่คิดไว้" จิตที่คิดไว้ก็คือจิตที่เราปรุงแต่งขึ้นไม่ว่าจิตชอบ จิตเกลียด จิตโกรธ จิตอยาก จิตมัวเมาลุ่มหลง มันรวมเรียกว่ากิเลสตัณหาราคะ ส่วนคำว่า"จิตกลางๆ" เป็นการเปรียบอุปมาว่าอย่าไปปรุงแต่งมัน ปล่อยให้จิตมันรับข้อมูลอย่างเดียวโดยไม่ต่อความยาวสาวความยืดไปอีก คล้ายๆจิตดูจิต แล้วตัวปัญญาก็จะเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติแห่งจิต ถ้าอยากรู้เรื่องราวเกี่ยวกับจิตอย่างละเอียดให้ไปศึกษาหาอ่านได้ในหนังสือพระอภิธัมมัตสังคหะ จะมีบอกเรื่อง จิต เจตสิก รุปัง นิพพานัง (จิ เจ รุ นิ) ครับ

 

พระคุณลุงเชียงใหม่เป็นผู้มีบุญวาสนายิ่งนัก ขอให้ความตั้งใจที่จะบำเพ็ญเพียรภาวนาของพระคุณลุงประสบความสำเร็จ หลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด บรรลุุมรรคผลนิพพานได้สำเร็จ รวมทั้งน้องตุ้ย อริยะบุญ และคุณพ่อน้องตุ้ย อริยะบุญด้วย และขอให้คุณวิกรมปฎิบัติได้ตามที่พระคุณลุงบอกเพื่ออนาคตที่ดีในภายภาคหน้า สาธุ

 

ขอให้ท่านวิกรม โชคดีครับ และเจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไป

กรรมใดที่อาจจะเคยล่วงเกิน ก็ขออโหสิกรรมด้วยครับ...

 

ผมไปพบกับพระที่พม่าทำให้คิดถึงการละวางจิต
เพราะท่านธรรมดาเหลือเกินและไม่มีพิธีรีตรองอะไร
ดูสงบและไม่มีอะไรเลย และยังบอกว่าที่ค้นหาอย่างยากยิ่งนั้น
บางทีก็อยู่ปลายเส้นผมหรือปลายขนตาเรานี่เอง แต่เราไม่มีโอกาสได้เห็น
จนกว่าจะหากระจกมามองจึงเห็น เป็นปริศนาธรรมอะไรหรือเปล่า
ใครช่วยให้คำตอบด้วยครับ

และที่ทำให้ผมย้อนกลับมาคิดถึงตัวเองว่าอะไรน้าที่เราค้นหา
เพราะสุดท้ายแล้ว ผู้ที่มีภูมิธรรมสูงๆกลับให้เราทิ้งทุกอย่าง
แม้แต่จิต ที่เคยได้รับการสั่งสอนว่าถ้าจิตมีความละเอียดขึ้นเรื่อยๆไป
ภูมิจิตก็จะสูงขึ้น เป็นสับสนครับตอนนี้

 

คุณต้นที่สามคะ หากมีเวลากรุณาแวะป้าย จิตพร้อมรับภัยพิบัติสักนิดค่ะ ความง่ายรอคุณอยู่ที่นั่น อย่าเดินอ้อมอีกเลย เวลาไม่คอยท่า โชคดีค่ะ

http://palungjit.org/threads/จิตพร้อม-รับภัยพิบัติ.334019/page-262#post6712372

 

ขออนุโมทนาและขอบพระคุณพระคุณลุงฯและคุณวิกรมมากค่ะ ยังไม่อยากให้ห่างหายไปเลยนะคะ หากมีข้อมูลข่าวสารต่างๆไม่ว่าจะเป็นภัยพิบัติหรือการปฏิบัติธรรมก็อยากให้นำมาบอกกล่าวสื่อสารให้ทราบกันอีก เป็นครั้งคราวก็ยังดีค่ะ นะคะๆ please !!!!

 

กราบอนุโมทนากับพระคุณลุงเชียงใหม่ และคุณวิกรม ครับ การจากที่ต้นทางของมนุษย์ แต่ไปบรรจบที่ปลายทางแห่งธรรม ผมว่าการลาของท่านทั้งสอง เป็นพลังและกำลังใจให้พวกเราที่ยังอยู่ ได้นำความรู้และความปรารถนาดีของท่านทั้งสอง ไปขัดเกลาตัวเองต่อ. สาธุ ด้วยครับ

 

ขอขอบคุณท่านทั้งสองด้วยที่จุดประกายความคิดให้กับทุกคน การจากกันเป็นเรื่องธรรมดา

 

มันอยู่ปลายตามากค่ะ คนเรามักจะคิดว่าของดีต้องอยู่ที่สูง ที่ไกล แท้จริงแล้ว มันอยู่ที่กายเรานี่แหลค่ะ ขันธ์ 5 เรานี่แหละค่ะ ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง อาการ 32 เรานี่แหละค่ะ ทุกคนคิดว่ามันแค่กรรมฐานธรรมดา แต่มันคือกรรมฐานของพระอริยะเจ้าทุกคนจะต้องทำ ลองข้ามดูสิ พระอริยะขั้นแรกก็ไม่ได้

เราสามารถเห็นทุกคนได้ในโลก (ตาใน) แต่เราไม่สามารถเห็นตัวเราได้ นี่คือธรรมที่ถูกมารปิดกั้นเอาไว้ กายคตาสติค่ะ ไปศึกษาดูนะคะ ขอให้เจริญในธรรมค่ะ

 

ผมต้องขอขอบคุณมาก ที่ช่วยเป็นเสียงหนึ่งที่ช่วยยืนยัน ว่า สิ่งที่ผมกำลังจะดำเนินการต่อไปในอนาคตต่อไป ว่ามันจะเกิดขึันจริง ๆ ขอบคุณครับ ส่วนเรื่องของความเชื่อนั้นไม่มีการบังคับให้เชื่อแต่อย่างใด ผมปรารถนาดีครับ เหตุการณ์ของวันฟ้าดับ ที่พระคุณลุง เชียงใหม่ที่เห็นในนิมิตนั้นจะเกิดนับจากปี 2560 ไปอีก 14 ปีครับ หรือตรงกับ คศ 2030 ครับ และที่อยู่ที่จะไม่โดนอภิมหาคลื่นยักษ์ ท่านจะต้องอยู่เหนือจังหวัดนครสวรรค์ขึ้นไปในแถบภาคกลาง และเขตภาคอีสาน อภิมหาคลื่นยักษ์จะไปถึงจังหวัดขอนแก่น ขอให้ท่านทั้งหลายผู้ปรารถนามีชีวิตอยู่ให้เตรียมตัว จะเกิดในท้ายปี น่าจะช่วงระหว่างรอยต่อที่กำลังจะเข้าปี คศ 2031 ขอบคุณครับ