เมื่อนักปฏิบัติ มี โอปะปาติกะ มาสอนในสมาธิ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย วิษณุ12, 6 เมษายน 2012.

  1. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
    ฮึย ยังไม่ใช่เรื่องส่วนตัวเขาเสียหน่อย

    ถ้าเป็นเรื่องส่วนตัวเขานั่น มันจะเป็นเรื่อง PM หาม หมูฉึกฉึก

    <img src='http://www.mypicza.com/upload/6ff863114df97874698981a7e43cee4c.jpg' width=200>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 เมษายน 2012
  2. เตชพโล

    เตชพโล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    267
    ค่าพลัง:
    +1,431
    ถ้าภาวนาไม่ถึงอย่ามาโม้ครับ
    เอาคำพระคำเจ้าอ่านมาแล้วมาเดาอย่างนั้นอย่างนี้
    มันไม่ถูกหรอก

    ผมมีนิมิต ผมก็รู้นิมิตไปเฉย ๆ นี่ล่ะ
    นิมิตแสดงพอแล้วมันก็ดับไปเอง
    จะต้องไปมีอุบงอุบายอะไร

    ทำยังกับว่ามีนิมิตแล้วมันคิดตามได้อย่างนั้นแหละ
    อุคหนิมิตมันคิดปรุงตามไม่ได้หรอก
    ไม่ได้ชำนาญจนเป็นปฏิภาคนิมิต

    ไอ้จำคำพระคำเจ้ามาพูดถ้าไม่รู้จริงอย่าเอามาอวดครับ
     
  3. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    มันไม่ต่างกันหรอก

    แต่หากจะหาว่าผมกล่าวคัดค้านเรื่องนิมิต

    ตั้งแต่ต้นๆโพส ทำไมคุณไม่ยกโพสผมที่ตอบ คุณ tevada
    ยกมาให้หมดละครับ

    ยกมาแต่ ส่วนเดียว แล้วก็มาตัดสินกันดื้อๆ
    ทำไมคุณไม่ยกส่วนนี้มาด้วยล่ะที่ผมอธิบายไป

    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้าพเจ้าไม่ได้ขัดคอนะขอรับ ว่ากันตามความจริงแล้ว "สมถะ" ก็คือการ ฝึกทำสมาธิ
    แล้วฝึกทำสมาธิ ดันไปเห็นโน่นเห็นนี้ ได้ยินโน่นได้ยินนี่ สัมผัสนั่น สัมผัสนี่
    มันเป็นสมาธิที่ตรงไหนขอรับ </TD></TR></TBODY></TABLE>
    ข้าพเจ้าก็ไม่ค้านดอก เพียงแต่บอกว่า

    ท่านที่ฝึกแล้วไปสัมผัสนั่นนี่นู้น มันก็มี 2อย่าง

    ท่านที่มีสมาธิจิตตั่งมั่นก็จะเป็นเพียง
    รู้แล้วปล่อยวางไป จิตไม่หวั่นไหวเมื่อสัมผัส นั่นนี่นู้น
    อันนี้ก้เรียกว่า จิตมีสมาธิ

    ท่านที่จิตไม่ตั่งมั่น
    พอจิตเริ่มจะสงบก็ไปสัมผัสนั่นนี่นู้น
    ก็ไปยึดมั่นหมาย
    ว่าเป็นเจ้ากรรมนายเวรมั่ง
    เป็นผู้วิเศษต่างๆนานามั่ง ก็ไหลไปกับสิ่งนั้นๆมั่ง
    อย่างนี้จึงไม่เรียกว่ามีสมาธิดอกขอรับ


    ทีนี้ ในส่วนการฝึกสมถะ
    ที่ท่านว่าเป็นแต่เพียงความสงบ ข้าพเจ้าก็ไม่ค้านดอกขอรับ

    แต่ความสงบนี้มันเป็นฐานพลังในการพัฒนาในลำดับต่อไป

    ไม่ว่าจะเป็นไป

    ในการฝึกอิทธิฤทธิ์
    หรือ
    ในการฝึกปัญญาฤทธิ์ น่ะขอรับ

    ซึ่งมันก็จะต้องฝึกไปตามแขนงเฉพาะที่ท่านว่านะขอรับ


     
  4. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
    สรุปว่า หากสมาธิแนบแน่นดีแล้ว นิมิตก็ต้องดับไป เนาะ

    ไม่เอานิมิตเนาะ
     
  5. สับสน!

    สับสน! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2010
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +3,984
    เอ้ยยยส์..อย่าไปขุดหลุมพลางให้เขา มันคนละสภาวะ..!:mad:
     
  6. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
    เอ้า แล้วเอา สภาวะไหนหละ สภาวะเห็น ออกรู้ออกเห็นทะลุละลวง ตรงนั้น
    เหรอ หลวงตาเรียกอะไรนะ อ๋อ สภาวะ กองขี้ควาย


    พุทโธๆ แล้วเห็นทะลุทะลวงจักรวาล ทะลุโลก แล้ว หลวงตาท่านสอนยังไงอะ

    สอนให้ทำยังไงกับ กองขี้ควาย พี่เกิด รจนาในฐานศิษย์ผู้ยกย่องครูหน่อยจิ

    พี่เกิดย่อมจำได้ดีว่า พระท่านสอนอย่างไร ให้ถือนิมิต หรือ ให้ทำอย่างไร

    แถลงไขเลยครับ เจ้านาย!!
     
  7. เตชพโล

    เตชพโล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    267
    ค่าพลัง:
    +1,431
    ยกมาไม่ยกมามันเกี่ยวอะไร
    มันอยู่ที่เจตนานี่ล่ะครับ

    คุณแสดงอะไรกับผมทำไมผมจะไม่รู้
    คุณไม่ทำตรงไปตรงมาคนอื่นเค้าก็ไม่รู้
    แต่คนที่คุณแสดงออกด้วยตรง ๆ มันก็รู้สิครับ
     
  8. เตชพโล

    เตชพโล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    267
    ค่าพลัง:
    +1,431
    ถ้าภาวนาไม่ถึงอย่ามาอวดครับ
    การปฏิบัิตินี่รายละเอียดมันเยอะ
    มันไม่ได้ไปหน้าเดียวเป็นแบบเดียว
    จริตนักปฏิบัติก็มีหลายอย่าง
    ถ้าเราไม่รู้จริงมาเที่ยวสอนคนนั้นคนนี้
    เค้าหลงทางหมดครับ
     
  9. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
    ก็นั่นสิคร้าบ การภาวนานั้นหลากคนมันก็หลากแบบ

    เห็นแลกแยกกันไปใน สิ่งต่างๆ อันถือว่าเป็น นิมิต

    ก็ พระท่าน สอนให้หลักเกณฑ์ ไม่ให้หลงทางอย่างไรหละครับ

    ให้มีหลักมีเกณฑ์ กลับมาที่อะไร เอาอะไรเป็นหลัก หละท่าน

    เอา อุบายอะไรเป็นหลักหละท่าน แล้วมันจะเข้าข่ายอุบายโทรทัศน์ไหม!?
     
  10. เตชพโล

    เตชพโล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    267
    ค่าพลัง:
    +1,431
    เพ้อเจ้อครับ
    ภาวนาไม่ถึงอย่ามาพูดดีกว่า
    มันไม่ได้เรื่องได้ราวอะไร หาหลักหาเกณฑ์ไม่ได้
    มั่วไปหมด

    เพราะไปจำคำครูอาจารย์มาด้นมาเดา
    มันเลยมั่วไปหมด

    ถามมาก็ถามแบบมั่ว ๆ
    ผมไม่ใช่ประเภททำอะไรมั่ว ๆ
    ตอบให้ไม่ได้หรอกครับ ไอ้เรื่องมั่ว ๆ นี่
     
  11. เตชพโล

    เตชพโล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    267
    ค่าพลัง:
    +1,431
    เอานะครับ ถ้าไม่มีใครว่าอะไรอีก
    เดี๋ยวค่ำผมมาตอบให้อีกที
     
  12. boatsa2538

    boatsa2538 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    55
    ค่าพลัง:
    +90
    เตชพโล ตั้งสำนักแล้ว ไชโย :z5:z6:z5:z6:z5:z6
     
  13. kengkenny2

    kengkenny2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    592
    ค่าพลัง:
    +289
    เห็นไหมละแค่ความหลงของคนๆเดียวก็เที่ยวพาให้คนอื่นต้องวุ่นวายมัวหมองไป แสดงว่าความหลงมีอิทธิพลมากจริงๆ มีกำลังมากจริงๆ แม้จะดูเหมือนไม่มีอะไร เป็นโมหะธรรมดาแต่มันก็พาให้สงสัยในตนได้สงสัยในผู้อื่นได้สงสัยในธรรมได้ สงสัยๆๆๆๆ ไปจนถึงสงขัยเลยทีเดียว เอาเป็นว่ากลับมาเริ่มต้นใหม่ก็ยังไม่สาย ผิดแล้วรู้นิมิตเกิดแล้วรู้ดีกว่านึกว่ามันเป็นจริง ไม่ว่าจะด้วยตาเนื้อหรือตาใน มันก็มีค่าเท่าๆกัน มันมีจุดเริ่มต้นจากจิตที่กวัดแกว่งไปหาสิ่งเหล่านั้น แต่จริงๆแล้วมันก็เป็นจริงเพราะเมื่ออยู่ที่ช่วงหรือจุดเดียวกันมันก็จะเห็นเหมือนกันแต่เขาจะไม่เอามาพูดเพื่อแสดงว่าตนดีกว่าใครๆ เขาจะพูดกับเฉพาะคนที่รู้และเห็นเหมือนกับเขาเท่านั้น เพราะมันไม่ใช่เรื่องน่าพูดอาจพูดเพราะเพื่อพิสูจน์ว่ามันมีจริงนิมิต มีหลากหลายแบบ มีทั้งมาภพเจอกันจริงๆ มีทั้งนัดแนะว่าจะมาเจอกัน มีทั้งเพียงส่งจิตไปบอกว่าจะไปหา ท่านก็รับทราบเป็นต้นล้วนแล้วแต่เป็นนิมิต แต่ต้องมีเพียงผู้ที่อยู่ในระดับที่เรียกว่าคล้ายกันหรือเหมือนกันจึงจะเข้าใจและมองเห็นเพราะไม่เป็นโทษแก่ใครๆ ไม่เกิดข้อคิดข้อสงสัยเพราะมันเป็นกับเฉพาะบุคคลที่เห็นแล้วไม่สงสัยจริงๆ เช่น หลวงปู่ฤาษี กับ หลวงปู่ปาน และพระเจ้าอยู่หัวของเรา ท่านทั้งสามเป็นสุดยอดของความดีเป็นสุดยอดของบุคคลถ้าเขาจะเห็นกันทางนิมิตก็ไม่เห็นแปลกเลย ยังมีอีกหลายๆท่าน แต่ไม่ค่อยปรากฏว่าท่านจะเอามากล่าวกับใครๆ ยังมีหลวงปู่จรัญอีกก็ไม่ค่อยเห็นท่านเอามากล่าวกับใครๆ เพราะว่ามันก็เป็นดาบสองคมสำหรับผู้ปฏิบัติ ท่านจึงสอนว่าอย่ายึดติดกับมัน มันจะพาหลงได้หากสติไม่ได้อยู่ที่จิต เพราะมันจะพาไปเรื่อยๆ ตามแต่ความปรุงแต่งจะเกิดขึ้น มีทั้งละเอียดและหยาบๆ
     
  14. เตชพโล

    เตชพโล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    267
    ค่าพลัง:
    +1,431
    งั้นก็ดูโพสต์ในกรทู้ฤทธิ์เกิด-จากการฝึกสมถะอีกทีครับ ว่าผมเคยว่าไว้ยังไง
    แ้ล้วที่ว่าใครหลง ก็พิจารณาไม่ยาก

    ผมพิจารณาดีแล้วครับถึงได้นำมาเล่า
    แต่ในกระทู้นี้เกิดเรื่องวุ่นวาย
    เพราะการพยายามนำเอาเทศน์ครูบาอาจารย์มาทำลายความน่าเชื่อถือ

    แล้วที่ผมว่าในประวัติหลวงปู่มั่นที่หลวงตามหาบัวเขียนนั้น
    เล่าว่าพระอรหันต์มาแสดงธรรมสอนหลวงปู่มั่นในสมาธินิมิตนี่
    ทำไมไม่ตอบล่ะครับ
    ทำไมเบี่ยงไปประเด็นอื่น

    ไม่เชื่อผมไม่เป็นไร
    แต่นำเอาธรรมะครูบาอาจารย์มาสนองกิเลสตนนี่มันเิกินไปครับ

    ผมนำเรื่องนิมิตมาเล่า
    แล้วผมหลงนิมิตตรงไหนครับ

    ผมหลงจนไม่ปฏิบัติสมาธิ ไม่เจริญปัญญา เหรอครับ
     
  15. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
    กั๊กๆ หลงหรือไม่หลง ก็พิจารณาเอาเอง สิคร้าบ

    หลังจากเล่าไปแล้ว เกิดอะไรขึ้น กับ หลักเกณฑ์ของครูบาอาจารย์ที่ตนสมาทาน

    เนี่ยะ หากเป็นคนอื่น ที่เขายังไม่ได่เล่าเรื่องนิมิต ให้กลายเป็น คำพูดย้อนกลับ
    มาเป็นนายตนเนี่ยะ เวลาผมถามคนเหล่านั้นว่า หลักเกณฑของการภาวนา
    พุทโธคืออะไร ผมว่า เขาเหล่านั้นตอบได้ทันควันทันทีเลยว่า ก็บริกรรมพุทโธ
    อย่างเดียว จิตไหลไปในอะไรให้กลับมาภาวนาพุทโธอย่างเดียว เอาให้แนบ
    แน่น ไม่ต้องไปสนใจอย่างอื่น

    แต่ พอคุณเล่าเรื่องต่างๆออกมา พอถาม หลักการณ์ง่ายๆว่า ท่านสอนภาวนา
    พุทโธอย่างไร

    โอยย ตอบไม่ได้ ง้างไม่ขึ้น หนักไปหมด ไม่รู้อะไรกลายเป็น เจ้านาย

    ทั้งๆที่ ศรัทธาลงไปที่ครูบาอาจรย์แค่นิดเดียว ก็โพล่งได้ทันทีว่า ก็ภาวนาพุทโธ
    อย่างเดียว นั่นคือหลักเกณฑ์

    ก็เนาะ ไป พิจารณาเอาเองว่า หลงหรือไม่หลง ถ้าไม่หลง แล้วคำครูบาอาจรย์
    ง่ายๆทำไมจะกล่าวไม่ได้ เอาอะไรไว้เหนือครูบาอาจารย์รึ !?
     
  16. เตชพโล

    เตชพโล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    267
    ค่าพลัง:
    +1,431
    นี่สะืท้อนให้เห็นว่าภาวนายังไม่ถึงครับ

    นิมิตนี้จะมีก็มีเองครับ บังคับให้มีก็ไม่ได้
    ยกเว้นแต่นิมิตกายในกายที่ใช้กำลังของสมาธิครับ

    เพราะฉะนั้นถึงจะทำจิตให้แนบกับคำบริกรรมมากเท่าไหร่
    ในรายที่เกิดนิมิตเค้าก็เกิดของเค้าเองครับ
    บังคับไม่ให้เกิดก็ไม่ได้ บังคับให้เกิดก็ไม่ได้ครับ

    ผมถึงบอกไงคุณภาวนาไม่ถึง
    ถามมาสะเปะสะปะ
    ถามมาแบบมั่ว ๆ ผมไม่ตอบหรอกครับแบบมั่ว ๆ น่ะ
     
  17. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
    เห้ย ก็ของ ที่บังคับไม่ได้เนี่ยะ มันสมควรเอามาอ้างหรือเปล่าหละว่า
    นี่นิมิตอันยอดเยี่ยมของตน

    นิมิตมันจะเกิด บังคับไม่ได้เนี่ยะ บริหารไม่ได้เนี่ยะ เขาจะพึงวางใจกัน
    อย่างไร

    ถือว่า เห้ยนี่แหละคือ ความสามารถของตน คือ สิ่งที่เป็นจริงสำหรับตน

    หรือว่า

    เขาจะถือว่า มันแสดงความไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ไม่ใช่ของๆตน

    คนที่เห็นและแจ้งว่า นี่ไม่ใช่ตน ไม่ใช่ของตน เขาจะพึง วางมันลง หรือ ถือมันไว้กันหละ
     
  18. เตชพโล

    เตชพโล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    267
    ค่าพลัง:
    +1,431
    ถ้าภาวนาไม่ถึงอย่ามาเดาว่าเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ครับ
    เอาล่ะผมเสียเวลาให้กับความเพ้อเจ้อของคุณมากแล้วครับ
     
  19. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
    ที่นี้ บังเอิญว่า พ่อพะโล้ของผมนี่ มีคนยกย่องและสำแดงแล้วว่า คุณได้ตั้งสำนักแล้ว

    ได้เป็นใหญ่กว่า เหนือกว่า คำสอนของครูบาอาจารย์ที่สมาทานอยู่ได้แล้ว ไม่จำเป็นต้อง
    บอกเล่าเก้าสิบในคำสอนของครูบาอาจารย์ตนแล้ว เวลาเพื่อนสาธุชนถามไถ่ว่า ครูท่าน
    สอนอย่างไร ครูท่านสอนอย่างไร ตอบไม่ได้ เมื่อตอบไม่ได้ ก็แปลว่า เป็นเจ้าสำนัก

    และอาศัย

    <TABLE id=post5971000 class=tborder border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid" class=thead>วันนี้, 03:55 PM </TD><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=thead align=right>#193 </TD></TR><TR vAlign=top><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=alt2 width=175><!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->khamma<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_5971000", true); </SCRIPT>
    สมาชิก

    [​IMG]

    วันที่สมัคร: Oct 2011
    ข้อความ: 161
    พลังการให้คะแนน: 23 [​IMG]




    </TD><TD style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" id=td_post_5971000 class=alt1><!-- google_ad_section_start -->เตชพโล ตั้งสำนักแล้ว ไชโย :z5:z6:z5:z6:z5:z6
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    การมีคนแต่งตั้ง และ ยอมรับคุณเป็นเจ้าสำนัก

    พระพุทธองค์ท่านสอนไว้ ต่อให้เป็น เจ้าสำนักนอกศาสนาก็ล่วงละเมิดไม่ได้ ดังนั้น

    ก็เป็นอันจบเนาะ ประเด็นของพ่อพะโล้ ผมขอผ่าน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 เมษายน 2012
  20. เตชพโล

    เตชพโล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    267
    ค่าพลัง:
    +1,431
    เค้าอยากตั้งสำนักมันก็ตั้งได้ครับ
    แต่ผมไม่ไปเป็นเจ้าสำนักให้ก็ได้เหมือนกันครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...