เมื่อนักปฏิบัติ มี โอปะปาติกะ มาสอนในสมาธิ

ผมเชื่อ คุณ ภานุเดช..มีเครดิตกว่า เพราะเขาเปิดฟังแล้ว จึงมาโต้.

 

แล้วพี่เกิดเปิดฟังหรือยัง ไปฟังหน่อยก็ดีนะ
เดี๋ยวผมไปถอดเทปก่อน อย่าลืมมาตรวจด้วยนะ

 

นิมิตรในสมาธิ หลับตาถึงจะเห็นหนะหรือที่หลวงพ่อพุธว่าของปลอม...
ของจริงต้องเห็นจะๆแบบนั่งๆอยู่ผีวิ่งผ่านไป...

ไม่รู้ว่าตอนหลวงปู่มั่นพบพระพุทธเจ้านั้นพบแบบไหนนะ หลับตาทำสมาธิ หรือลืมตาเห็นจะๆนะสิ

 

หลวงพ่อฤษี ขึ้นตั้งนะโม ก่อนสอนพระกรรมฐาน

พอหลวงพ่อท่าน ขึ้นคำว่านะโม พระพุทธเจ้าก็เสด็จ

ถึงในเสี้ยววินาที พระพุทธเจ้าบอกกับหลวงพ่อพระราชพรหมยานว่า

"จะมานะโมอะไรอีกล่ะ ตัวนะโมอยู่นี้แล้ว"

ถามว่า มีใครเคย อยู่ในลักษณะแบบหลวงพ่อฤษีไหม?


ตอบ ต้องพุทธภูมิ อย่างน้อย 16 อศงไขยเท่านั้น

ที่จะมีในลักษณะเช่นได้ ถ้านอกจากนี้อย่าไปหา ไม่เจอเหรอกนะครับ

ประหารกิเลสได้เหมือนกัน แต่คุณธรรมพิเศษ ความสามารถพิเศษไม่เสมอ

บำเพ็ญบารมีมาต่างกัน

ผม และอาจารย์ผม สัมผัสมาแล้วหลายครั้งด้วยตัวเอง

กับหลวงพ่อฤษี ของแท้ครับ

เสียดาย ที่พวกท่านหลายคนเกิดไม่ทันท่าน

ไม่งั้น เจอของแท้แน่ๆ

 

จำได้ว่าเคยฝันเห็นหลวงพ่อฤาษีอยู่ครั้งหนึ่ง เรานั่งอยู่ด้านหน้าในกลุ่ม

ท่านยืนถือไม้เท้า แล้วเรียกชื่อเรา..!

ลักษณะคล้ายว่าท่าน จะเตือนอะไรสักอย่าง

 

ปฏิบัติเองเห็นเองจะมีค่ามากกว่าอธิบายให้คนอื่นเข้าใจ

เหมือนชวนนักเลงสุรา พนัน นารี ไปวัดยังไงยังงั้น

 

มีหลวงพ่อองค์หนึ่งดังมาก รู้สึกกันทั้งประเทศก่อนท่านละสังขาร

ท่านบอกกับลูกศิษย์คนสนิท นั้นก็คือตาของเราและเพื่อนอีกสามคน มีรู้กันแค่นี้

ถึงเวลานี้ท่านปฏิบัติผิด และท่านก็อุปทานว่า เวรกรรมแล้วหนอ

 

ลูกแม่บัวพิมพ์ ก็ไม่ผิด

แต่ มีอย่างนึง

ธรรมที่ออกจากจากพระที่ท่านปฏิบัติ ดี ตรง ถูก ชอบ

เสียงของท่าน จะขัดเกลา เมื่อได้ฟังบ่อยๆ
เป็นเรื่องที่ ต้องลองและต้องฟังบ่อยๆ

อาจจะยังไม่เห็นผล ในทันตา แต่ความบ่อยๆ จะทำให้ลงไปได้ในจิต ในใจ
แม้จะไปสะกิดได้ ในอนาคต แต่ก็ถือ ว่า ยั่งมีแววได้เห็นแสงสว่าง
แม้จะเป็นแสงสว่างเล็กๆ ผมก็ถือว่า มีค่า

การตั้งอธิฐานในลำดับก่อนจากไป จะเป็นแรงให้ตั้งได้ใหม่
เพื่อเข้าสู่ทางตรงในชาติต่อไป

เหมือนคำนี้

" ถึงเวลานี้ท่านปฏิบัติผิด และท่านก็อุปทานว่า เวรกรรมแล้วหนอ "

 

1.มโนมยิทธินี้พิสูจน์ สวรรค์ พระนิพพานเค้าไปได้ด้วยแรงครูอนุเคราะห์ครับ ใช้สำหรับพิสูจน์เพื่อให้เชื่อบุญ ละอายบาป เกรงกลัวผลกรรมที่ชั่ว เพื่อศรัทธาปิดอบายภูมิ หมดกำลังใจจะชั่ว

2.พระที่ท่านสอนอย่าให้ติดนิมิตก็พราะ ว่านิมิตอันเกิดเพราะความอยากปุถุชนเห็นนี้มันไม่จริงอยู่แล้วครับ ( คือ สมาธิที่ถูกคือสมาธิที่มีสติมารู้ที่ฐานทั้ง4นั้นเอง)
สมาธิมีไว้เจริญสติ ไม่ใช่เอาไว้ดูนิมิตแล้วยึดมั่นมาอวดกันนะครับ

3.ทีนี้ก็มีพระอีกท่าน หวังดีในเมื่อเป็นอจินไตย รู้เห็นไม่ได้ทุกคน ก็เลยบอกไปเลยว่านรกสวรรค์ไม่มีจริง(นี่ก็อีกสงคราม) ให้มุ่งตัดตัวตนเอาเลย(ตรงนี้เป็นเจตนาดี)

4.เรื่องสัมมาสมาธิ น้อยที่สุด ก็ต้องระงับอกุศลกรรมได้ ระงับพอใจไม่พอใจ คือ ตั้งมั่น เห็นอกุศลที่เกิดในฐานทั้ง4 คือต้องเห็นเดิมปกติอย่างไร เมื่ออกุศลจรมา ผิดจากปกติไปเป็นอย่างไร
มีสติดูความผิดปกติที่เกิดนั้นเที่ยงไหม

5.สมมติว่า ปฎิบัติเห็นไม่เที่ยงมาเรื่อยๆ ไม่มีฌานระดับสูง เข้าอัปปนาไม่เป็น เข้าไม่ได้ เข้าได้เพียงขณิกสมาธิ แต่ก็อบรมจิตมาเรื่อย มีศีล มีสติพอระงับอกุศลกรรมได้เรื่อยๆ กิเลสอ่อนแรงลงไปเรื่อยๆ กิเลสมันหมดไปเรื่อยๆ ตัวสมาธิเอง เมื่อนิวรณ์ กิเลสตายเบาไปเรื่อยๆ ถามว่าสมาธิจะดีขึ้นมาเป็นระดับได้ไหม ถ้านิวรณ์มีน้อยลง จะมีสมาธิเกิดได้เองตามธรรมชาติ อันมีศีลสมบูรณ์เป็นไปได้ไหม อันนี้ทิ้งเป็นปริศนาธรรมแล้วกันเนอะ

6.ถ้าตั้งใจจะชี้ว่า มโนมยิทธิ เป็นสมถะเฉยๆ ก็ถูกเมื่อใจจะชั่ว กิเลสจะกินแล้วจับภาพพระ กิเลสมันหลบ แต่มันยังไม่เกิดปัญญา

7.จับภาพพระเป็นเพชรจ้า(ฌาน4)อาศัยวาระจิตสุดท้ายเข้าพระนิพพาน นี่ถ้าเค้าฝึกจนทรงตัว ไม่ต้องรอวาระจิตสุดท้ายแล้ว เมื่อทรงฌาน4ชำนาญ ลดกำลังลงมา +
กอปรกับแนวทางปฎิบัติพิจารณาในกรอบไตรลักษณ์ ความแปรปรวนย่อมเห็นได้ทุกขณะจิต จิตย่อมเห็นเองตามธรรมชาติ

ลองพิจารณาดูก่อนเน้อท่านผู้เจริญ

 

ใครจะไปรู้...............

แม้ท่านจะอุทานว่า เวรกรรมแล้วหนอ นั่นอาจจะไม่ได้แปลว่า เวรกรรมของท่าน

พระท่านอาจจะเห็น จังหวะที่เกิดการผลิกกลับ การเห็นการเสื่อม และขณะเห็น
นั่นแหละ มันเป็นวินาทีทองขงคนๆนั้นที่จะ "แจ้งแทงตลอดในทุกขสัจจ"

ดังนั้น เวรกรรมอาจจะเข้าไม่ถึงท่านอีกแล้ว

แต่ เวรกรรมมันเป็นเรื่องของ คนทั่วไป ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับท่าน พวกคนเหล่า
นั้นสะสมเวรกรรมของตนเอาไว้เอง การได้สดับธรรมถูกแล้วเห็นผิด หรือการ
ได้สดับธรรมผิด ก็ล้วนแต่เป็นเวรกรรมของคนๆนั้น ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับผู้แสดง

และ ธาตุธรรมย่อมเป็นธาตุเดียวกัน นั่นอาจจะหมายความว่า บางส่วนที่มีเวร
กรรมก็อาจจะเห็นการเสื่อม หรือ จังหวะนาทีทองในการ แจ้งทุกข์ ในลีลาแบบ
เดียวกันก็ เป็นไปได้

เช่นนั้นแล้ว เราไม่ควรประมาทแม้ในธรรมเล็กน้อย ให้ดี ก็ควรเก็บไว้ที่ 3 คน
ไปตามวาสนา นั้นต่อไป

 

แก๊งค์ ..ชงชา ครบทีมรึยัง ฮั่นแน่เปลี่ยนเป็น..เล่าปัง เล่าจัง ไวจังนะ นิวรณ์ เอกวีร์..! ตาที่สาม มันเป็นไงหือ.

 

แต่เห็นละทิฐิที่ตัวเองตั้งมาตั้งแรกยังไม่ได้เลยไม่ใช่เหรอ

หรือมองไม่เห็น

 

ลูกแม่บัว คุยกับใคร อ้างอิงด้วยดิ

 

อย่าใส่ใจเราเลย โดนใครก็รับไปง่ายดี

 

พระดัง ไม่สำคัญเท่าพระดี เดินตามพ่อแล้วไม่ผิดหวัง



หลวงพ่อฤษีกับพระเจ้าอยุ่หัวของเรา






พ่อหลวงของเรา เข้าวัดไหน วัดนั้น ไม่ธรรมดาแล้ว

กราบได้สุดตัวเลย


ทำไม พระเจ้าอยุ่หัวของเราเวลา

ไปกราบนมัสการ หลวงพ่อฤษีลิงดำ

ทำไมพระองค์ แต่ชุดทหารสีเขียวเข้ม

เต็มยศ ซึ่งในยุคนี้ จะมีองค์เดียวเท่านั้น

ที่เป็นแบบนี้ ที่พระเจ้าอยู่หัวไปกราบ

จะต้องแต่งชุดทหารเต็มพิกัด เพราะอะไร

ใครรู้คำตอบ มาโพสไว้ครับ?

({) ฟันธงคราบ

 

ตาที่สาม เหรอ ก็ การเพ่งจิตวางไว้แถวๆหน้าผากไง เอาจิตไปวางไว้
ที่จุดนั้น แล้ว รับปิติรสตรงนั้น รับสุขรสตรงนั้น แต่ถ้าไม่ละวิตก วิจาร
คือ ไม่เอาจิตที่กำหนดวางตรงหน้าผากออก แล้วให้เหลืแต่ปิติ กับสุข
ก็จะขึ้นสู่กำลังสมาธิที่สงบไม่ได้ พอขึ้นไม่ได้ นิวรณ์จะแทรกเกิดวิตก3

พอนิวรณ์แทรก ก็จะมี กามราคะ พวกนี้ จะเริ่มร่ายรำ เริ่มทำนายทายทัก
เริ่มเอานิ้วชี้ฟ้า เริ่มผิดมะนุดกลายเป็นพวกมะนาวต่างดุด เละเทะกันไป

ถ้ามี พยาปทะแทรก ก็จะตีโพยตีพาย หาว่า องค์เทพ องค์วิษณุโคตรฮา
มากลั่นแกล้ง ต่างๆนานา เรียกว่า เกิดมานะอัตตา จึงเห็นมีอะไรบาง
อย่างใหญ่กว่าและควบคุมตัวเองไว้ เพราะ ความกลัวนั่นแหละ ก็จะผลิก
ไปหลายแบบ ตั้งแต่ องค์ลง เลี้ยงผีเกาะที่ไหล ที่หัว ที่... เรื่อยไปจน
กระทั่งเป็นองค์เทพพลวิวัตร องค์สีอารีห้า วุ่นวายอยู่กับ การปกป้อง หาวัตถุ
กถามาปกป้อง เละเทะไปตามเรือง

ถ้าเป็น วิหิงสามาแทรก ก็นะ ....ขี้เกียจบรรยาย อันนี้หนัก จึงไม่มีประโยชน์
จะกล่าว เพราะกล่าวไปแล้วก็แก้ไม่ได้ ต้องปล่อยให้คลายตัวเอาเอง

แต่ถ้าข้ามได้ ละวิตก วิจารได้ ไม่ใช่ไปเพ่ง วางจิตเพ่งมันตรงหน้าผากตะพึด
ตะพือ มันจะละวิตก วิจาร แล้วเป็นกลางอยู่ ซึ่งจะมี ปิติ(สัดส่ายด้วย 5อาการ)
และ สุข(คือความสงบรำงับ) ไปเรื่อยๆ จนเห็นได้ว่า ปิติสัดส่ายนั้นคือสิ่ง
ขวางกั้น หากยึดปิติอีก ก็จะกลับไปสู่อาการนิวรณ์แทรก วิตก3 แทรกดังกล่าว
ข้างต้น ผลิกไปสู่ความชั่วหยาบ โง่บรมโง่ หนักกว่าขั้นที่แล้ว

แต่พอละปิติได้ จะเหลือแต่สุข ตรงนี้ กายเนื้อจะกลวงๆแล้ว พอระลึกมาที่
กายตนจะเห็นเป็น ท่อนเนื้อ ท่อนไม้ ก้อนน้ำ หรือ หลุมเพลิงของไฟ แล้ว ถ้า
ไม่ละสุขอีกละก้อ ก็ผลิกกลับไปโดนนิวรณ์แทรกอีก มีวิตก3แทรกอีก มาถึง
จุดนี้ก็เกินเยียวยา จะกลายเป็นพวกมีฤทิธิ์กินแบล็ค คือ เมา!! สถานเดียว เมา
แล้วรวยด้วยนะพวกนี้ จะ มุ่งเมาแล้วรวยกันไป

แต่ถ้าละสุขได้ ......ก็จะพบสิ่งแปลกๆแล้วหละ

คือ ไม่หลับตา ผีก็เดินมาตบหน้า อะไรปานนั้น !! มีท่านๆหนึ่งเล่าอย่างนั้น
ตาลืมอยู่นี่แหละ ไม่ได้เข้าสมาธิ เห็น จะ จะ ผีเดินมา ....ตบเข้าให้ฉาดหนึ่ง!!

นี่ดีนะ ไม่เห็นคนนุ่งโจงกระเเบนมา เอาหอกเสียบเข้าปากทะลุคอหอย ก็นะ

พี่เกิดสนใจหรือเปล่าหละ เห็นอะไรแปลกๆ แบบนี้ ถ้าสนใจก็ทำดู ไม่แน่นะ
อาจจะเห็น ผีเดินมาแหกปากจับน้ำร้อนลวกใส่ปากก็ได้

 

ทุกท่าน ที่เข้ามาอ่าน ดูไว้นะครับ นี่แหละพระแท้ๆ (ของเทียมเยอะแถวนี้)

เดินตามพ่อครับ (เดินตามพระเ้จ้าอยู่หันกันนะครับ)

ถ้าฉลาด อย่าเผลอ เดินตาคนแถวนี้นะครับ

ระวังจะหล่นไปข้างล่างเอานะ เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน

 

เจตนาครู ไม่ใช่เจตนาเรา
ท่านกล่าวถึงจุดไหน อย่างไร ต้องฟังให้เข้าใจ ตามท่าน..
อย่าเอาคำครูอีกเจตนา มาลบคำครูอีกเจตนา

คำครู ฟังไม่ได้ศัพท์ หากจับมากระเดียด มารับใช้กิเลสเรา
มันไม่ได้พังแค่เรา แต่ศาสนาจะเสื่อมมาจากปัจจัยภายในกันเอง

 

อนุโมทนาคุณปุณฑ์
คุณภานุเดช กับ คุณสับสน
ก็อธิบายชัดเจนแล้ว

แต่ปราบเทวดา เอกวีร์ และพรรรค
ยังจะมาตีรวนเพื่อเบี่ยงเบนประเด็น
แตกประเด็นไปเพื่ออะไรเหรอครับ

หรือเพื่อกลบเกลื่อนธรรมที่ผิดพลาดของตนครับ

 

อนุโมทนาคุณเตช คุณมีดี ที่เราไม่เคยมองข้าม
แต่คนอื่นๆ ก็เช่นกัน มีดี มีพลาด กันอยู่
เราเอง ก็อย่างนั้น..

เล่นกันที่ตัวพวกเราเอง ถูกแล้ว
อย่ายกคำครู มากลบกันเลย
มันอันตราย

กราบหลวงพ่อพุธ มา ณ ที่นี้...