เมื่อนักปฏิบัติ มี โอปะปาติกะ มาสอนในสมาธิ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย วิษณุ12, 6 เมษายน 2012.

  1. รักษ์11

    รักษ์11 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2010
    โพสต์:
    248
    ค่าพลัง:
    +516

    ผมได้พิสูจน์ ได้บ้าง บางส่วน

    ก็มีความเห็นตามคุณ ภานุเดชครับ
     
  2. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    คุณนั่นแหละ อย่าแหกตาชาวบ้านชาวช่อง

    นี่คิดว่า คนอื่นฟังมาไม่ได้ ไม่เคยฟังมาก่อนสิท่า

    เนี่ยะ คุณไปฟังต่อได้เลย ตรงนาทีที่ 31.00 ประมาณนี้

    หลวงพ่อพุธเทศนาชัดเจนว่า เรื่องบ้านๆ สมาธิบ้านๆ ของธรรมดา
    แล้วถัดจากนั้นประมาณนาทีที่ 31.40 กว่าๆ ท่านก็พูดต่อว่า หาก
    ทำสมาธิคล่องตัว ชำนิชำนาญแล้ว นิมิต ไม่เกิดอีกเลย !!

    นี่ ฟังให้มันครบๆ แล้ว เข้าใจเจตนาของพระที่กล่าวคำว่า "มันเป็นไปได้"
    เสียใหม่ หากเทียบพุทธวัจนะก็คือ "สมาธิของชาวบ้าน" ใครก็ทำได้
    มันเป็นไปได้ เรื่องง่ายๆ แต่ถ้าจะให้ดีกว่านั้น ต้องทำสมาธิให้ชำนาญ
    กว่านั้น แล้ว นิมิต จะไม่ปรากฏอีกเลย ตรงนี้ถึงจะเริ่มเป็น สมาธิในพุทธศาสนา
     
  3. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,646
    นั่นหละคือสิ่งที่ต้องทำให้ได้นะ....พิสูจน์เองได้เป็นดี....

    วิธีการท่านมีอยู่....ทำก่อนนั่นหละ..จึงรู้.....คนอื่นเขาทำกันได้ เราทำไม่ได้นี่มันหมายความว่าไง.....ครูบาอาจารย์ท่านทำได้ ท่านสอนมาให้เรารู้ตาม เราก็ควรทำได้อย่างท่านบ้าง เพราะไม่ใช่ท่านไม่สอนมาถูกไม....

    แต่ไอ่พวกที่ยังไม่ทันทำ หรือทำยังไม่ทันได้นี่นะ...มันไม่เคยมาดูตัวเองเลยว่าบกพร่องตรงใหน....ยังไม่ทันทำ ทำเอาคนอื่นเสียกำลังใจในการปฏิบัติ ไอ่พวกนี้หนะ มันมีความดีพิเศษนะ....สมควร ....จริง....
     
  4. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,646
    อ่ะในเมื่อฟังแล้ว....ท่อนแรกคุณให้คำตอบว่าไงหละ....
     
  5. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    กาลเวลพิสูจน์คนได้แน่นอนครับ

    ของคุณบอกว่า นาทีที่ 27.00 กว่าๆ แต่ถ้าฟังอีก 5 นาที มันไม่ตายหรอก

    และ อีก 5 นาที นั้นก็พิสูจน์ได้แล้วว่า "มันเป็นไปได้" พระท่านหมายถึง สมาธิที่
    อ่อนหัด !!!

    สมาธิเห็นนิมิตเนี่ย สมาธิอ่อนหัด ของบ้านๆ
     
  6. หม้อหุงข้าว..!

    หม้อหุงข้าว..! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,103
    ค่าพลัง:
    +1,072
    [​IMG]

    นั่งบนภู รอดูต่อไป

    [​IMG]
     
  7. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,646
    เออ...ถ้าอย่างนั้นแสดงว่าฟังไม่ได้ศัพท์ กลับไปฟังอีกรอบ....

    นี่นะบอกทุกคนที่อ่านที่ผมพิมพ์ตอนนี้นะ....ผมก็อย่าเชื่อ ส่วนเอกวีร์ ในนามของ นิวรณ์ ในตอนนี้ ก็อย่าเชื่อ ใครอยากรู้ความจริง ฟังเองเลย.....ฟังแล้วก็ทำให้มันได้นั่นหละดีมาก...
     
  8. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    เห้ย จริงเหรอ ที่คุณสนับสนุนให้ทำได้อย่างที่ หลวงพ่อพุธเทศนา

    หลวงพ่อพูดชัดเจนนะ "หากทำสมาธิให้แนบบแน่นแล้ว นิมิตจะไม่เกิดอีก"

    เมื่อ นิมิตไม่เกิดอีก สมาธิดีแล้ว ต่อไปให้หันมาสอนจิตให้เจริญปัญญา
    ให้เอา สมาธิที่แนบแน่นมาเจริญปัญญา

    เจริญอย่างไร ก็ฝึกให้มันพิจารณากายภายใน จนเป็นนิมิต(กลับขึ้นมาอีก
    แต่คราวนี้ เป็นมิตเกี่ยวกับ อวัยวะภายในเท่านั้น )

    พูดง่ายๆ หลวงพ่อพุธกล่าวว่าเห็นนรก เห็นสวรรคิ์มันก็ดี แต่อย่าเอาแค่
    นั้นเพราะ มันสมาธิพื้นๆ ให้ฝึกให้แนบแน่นจนละการเห็น นรก สวรรคิ์ลง
    ไปได้ หลังจากนนั้น มาเจริญปัญญาของแท้ คือ ฝึกหันพิจารณากาย
    ให้จิต มันค่อยๆสะสมปัญญา เจริญปัญญา ต่อไป

    สรุปคือ เบื้องต้นทำสมาธิให้แนบแน่นจนละทิ้งนิมิตภพภูมิ กองขี้ควายลงไปเสีย

    หลังจากนั้น มาเริ่มนับหนึ่งกันใหม่หมด โดยการฝึกหัดพิจารณากาย เป็นเบื้องต้น

    ถ้าคุณภาณุเดช สนันสนุน การเริ่มต้นที่ถูกต้องตามนี้ ผมก็ขอแปลกใจหละ

    เพราะไอ้ที่ เถียงๆอยู่ ยกพระมาสนับสนุนตนอยู่นี่ มันตรงกันข้าม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 เมษายน 2012
  9. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,646
    เห็นพูดบ่อยนะคำนี้ สมาธิชาวบ้าน สมาธิอ่อนหัด คำพูดนี้คุณพูดเองทั้งนั้น....หลวงพ่อท่านไม่เคยพูดเลยคำนี้.....

    ถามคุณเถอะนะ...ไอ่ทุกวันนี้ที่พูดดีๆในเว็บนี้หนะ....ไอ่คำว่า " สมาธิชาวบ้าน" นี่คุณทำได้แล้วหรือ....
     
  10. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    เนี่ยะ ชัดเลยนะว่า ศึกษาไม่เป็น ปฏิบัติมาไม่จริง หรือ ไม่ก็ปฏิบัติจริงแต่ไม่เห็นจริง

    เห็นจริงคืออะไร คือ เห็นว่า มันเป็นของโลกียะ

    เห็นมันเป็นของโลกียะ มันเป็นยังไง ก็ เห็นว่ามันไม่เที่ยง ครับ

    เพราะเห็นชัด เห็นจริง ประจักษ์จริงว่า มันไม่เที่ยง จึง เรียกสิ่ง
    ที่เห็นใดๆนั้นได้เต็มปากเต็มคำว่า มันเป็นของโลกียะ เป็นของบ้านๆ

    แต่ถ้าปฏิบัติมาไม่เอาการเห็นจริง ไม่รู้เรื่องในความจริง มันก็ เรียก
    นู้นนั่นนี่ว่า โลกียะ โลกียะ แบบนกแก้วนกขุนทอง ต่อให้ ทำฌาณ8
    แล้วเห็นความไม่เที่ยง ไม่ได้ ก็ได้ชื่อว่า เป็นพวกนกแก้วนกขุนทอง
    อยู่อย่างนั้น อาศัยปรารภว่า ฌาณ8เป็นโลกียะแบบ ฟังตามๆเขาไป

    ดังนั้น

    เวลาเขาถามกันถึงสิ่งที่เป็น โลกียะ เขาไม่ถามว่า คุณได้หรือยังครับ
    คุณเคยอยู่ไหม คุณเคยเข้าไหม คุณเคยออกไหม เพราะอะไร

    เพราะ เขาเน้นการเห็นตามความเป็นจริงว่ามันไม่เที่ยง เพราะมันไม่
    เที่ยงจึงชื่อว่าเห็นโลกียะ

    คนที่ไม่มีศีลเท่านั้น ที่เขาจะเที่ยวถามเพื่อนๆนักปฏิบัติว่า คุณทำได้หรือยัง
    คุณเคยอยู่ เคยเข้า เคยออก ไหม

    แต่ถ้า เขาคุยกันเพื่อความร่างเริง เพื่อความบันเทิง เพื่อให้เกิดการอยากทำ

    อยากทำแล้ว ก็เพื่อให้มาเห็นความจริง คือ มันไม่เที่ยง อะไรแบบนี้เขาก็จะ
    พูดกัน เสวนากันมันส์หยด เพราะเขาแสดงโดยประกอบการเห็นความไม่เที่ยง

    แสดงกันเพื่อประกอบการชี้ทุกข์ ถ้าอย่างนี้พูดกันได้

    แต่ผมดูจาก เนื้อผ้า ดูจากวลีแวดล้อม ผมว่า คุณภาณุเดช ไม่ได้ถามอย่าง
    คนที่จะเพื่อให้แจ้งความไม่เที่ยงของสิ่งนั้นๆ

    อาศัย การถามที่ขาดเหตขาดผล ขาดศีล ขาดวินัย ไม่มีอาจารย์สั่งสอนศีล

    ปรักปรำคุณว่า ไม่ได้เรื่อง!!
     
  11. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    คุณถามผมใหม่สิ

    คุณเอกวีร์ครับ คุณเห็นความไม่เที่ยงในสิ่งโลกียะเหล่านั้นแล้วหรือยังครับ

    เนี่ยะ ถามอย่างนี้นะ ตอบง่าย คือ ไม่ต้องตอบก็ได้ ไม่รู้จะตอบทำไม

    แต่ถ้า คุณจะปรารภว่า ผมเห็นความไม่เที่ยงในสิ่งที่เป็นโลกียะเหล่านี้แล้ว

    เอ่อ แบบนี้ ผมก็อาจจะหลงร้องนะ หลงร้องว่ ฮานาก้า !!!
     
  12. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,646
    นี่ไม เห็นชัด ศึกษามามาก แต่ถามง่ายๆนี่พาร่ายซะยาว....

    เริ่มพูดภาษาคนเข้าใจยาก หรือว่ามันไม่เข้าใจ หรือพยายามไม่เข้าใจ....ไม่เข้าใจเหมือนกัน....

    ตกลงว่าทุกวันนี้ที่เห็นพวกคุณถกธรรมกันน้ำลายแตกฟอง อันนั้นปฏิบัติแบบโลกุตรว่างั้น....โอโห อัศจรรย์ใจ....เดี๋ยวเป็นพระโสดาบันกันง่ายๆ เป็นพระอรหันต์กันง่ายๆ....หรือบรรลุแล้วล่ะ หืม....

    ทำไม่ได้สิไม่ว่า พาร่ายยาว...มุกเดิมๆ....เบื่อ.....
     
  13. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    ฮึย เขาให้ตามเห็นความไม่เที่ยง

    และ ไม่ใช่เห็นแค่ครั้งสองครั้ง เขาให้ตามเห็นความไม่เที่ยงอยู่เป็นประจำ

    ดังนั้น การตามเห็นความไม่เที่ยง ในสิ่งที่รู้ เข้าไปรู้ ไปเห็น ได้เห็น มัน
    คือการฝึกฝนขั้นเริ่มต้น

    แต่นี่ พอคุณได้ยินคนเขาบอกว่า ให้ตามเห็นความไม่เที่ยง โอยยย

    ลากไป จบกิจการศึกษา บรรลุอริยะ โน้นเลย มันคนละเรื่องหนะครับ

    พูดให้ตามเห็นความไม่เที่ยงเนี่ยะ มันเป็นการสอนการหัดเดิน เริ่มต้น
    เท่านั้น

    คุณอย่าไปเอาความเคยชิน จากการไม่รู้จัก มายกราคาให้ถึงขั้น บรรลุ

    มันไม่ขนาดนั้นหรอก
     
  14. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    เอาอย่างนี้สิ

    เอาแบบที่คุณเห็น คุณไปเห็น ไปเสวนากับ สมเด็จองค์ประฐม องค์ปัจจุบัน
    องค์อะไรต่อมิอะไรมาแล้ว

    ผมถามสั้นๆเลยว่า

    คุณ เห็นความเที่ยง หรือ ความไม่เที่ยง ปรากฏอยู่ !?

    ถ้าคุณเห็นว่า เที่ยงแท้แล้ว ชาติหน้าไม่มีอีก จะปรารภได้ไหม

    ถ้าคุณเห็นอยู่ว่า ไม่เที่ยง ก็นี่ไง ก็เห็นไปสิ ปรารภไปสิว่า ไม่เที่ยง

    ของยังไม่เที่ยง หรือ เห็นอยู่ว่าไม่เที่ยง คุณจะไปบอกใครเขาไหมว่า ได้แล้ว อยู่แล้ว

    ถ้าตัวคุณเอง บอกตัวเองไม่ได้ว่า ได้แล้ว อยู่แล้ว แล้วคุณจะไปถามหาเอาจากคนอื่น
    ไหมว่า คุณได้หรือยัง คุณอยู่หรือยัง
     
  15. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,646
    อ่าวก็เห็นพูดไปหยกๆ ว่าการปฏิบัติแบบข้างบนคุณ ว่าเป็นแบบชาวบ้าน แบบง่ายๆ คุณไปกล่าวว่าครูบาอาจารย์ท่านบอกว่าอย่างงั้น ผมก็บอกว่าครูบาอาจารย์ท่านไม่ได้พูด...ผมก็ถามคุณว่าในเมื่อคุณเห็นว่าง่าย เป็นของชาวบ้าน คุณก็น่าจะทำได้สิถูกไม....อันนี้ร่ายมาซะ ไปโลกียะ ...โลกียะมันต้องตรงข้ามกับโลกุตรสินะ...จะให้คิดอย่างไรหละ....

    ตกลงนี่ทำได้หรือยัง....ที่ว่าแบบชาวบ้านนั้นหนะ....
     
  16. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    ก็เนาะ คุณภาณุเดช ก็ เล่นจับ บัญญัติ ศัพท์มันตรงๆ เลย ไม่สนใจที่มาที่ไป
    เล่นเอากันที่ ตัวศัพท์ เขียนต่าง ก็เป็นอันว่า ไม่ได้กล่าว คนละคำ

    แต่ ผมก็จะลองยกดูอีกที ในสำนวนที่ว่า

    "ของเหล่านี้เป็นของชาวบ้าน เป็นโลกียะ ไม่ใช่ของ อริยะ ไม่ใช่โลกุตตระ"

    สำนวนแบบนี้เคยได้ยินที่ไหนหรือเปล่าหระ ถ้าไม่เคย ลองไปหาอ่านดูเอาเอง
     
  17. patchara2

    patchara2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    244
    ค่าพลัง:
    +258
    สุดยอดครับ แต่พวกเค้าไม่ยอมรับหรอกคุณภานุเดช

    ผมเห็นด้วยกับท่านภานุเดชครับ
     
  18. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,646
    ผมได้ยินที่คุณนี่หละ....ก็อ่านเอาจากที่คุณเขียน....ผมจึงกล่าวไปไงว่า คุณพูดไปเองทั้งนั้น....ไม่เกี่ยวกับหลวงพ่อพุธท่าน....
     
  19. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,646
    ตัวอย่างในเรื่องของทิพย์จักษุญาณ หลวงพ่อท่านกล่าวไปแล้วในไฟล์เสียง....

    มาเรื่องของสมาธิ เดี๋ยวผมยกมาข้างล่าง....
     
  20. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,646
    [​IMG]

    <O:p</O:p

    <!-- google_ad_section_end -->
    สมาธิขั้นอุปจาระก็ดี ขั้นสมถะก็ดี เป็นสิ่งจำเป็นที่นักภาวนาจะต้องรีบเร่งเอาให้ได้ เมื่อเรามีสมาธิขั้นอุปจาระ หรือขั้นอัปปนา ได้ขื่อว่าเรามีสมาธิที่ดำเนินเข้าไปสู่ การทำจิตของตนเองให้เป็นพุทธะ ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน ในตอนนี้จิตเป็นตัวของตัวเองโดยเด็ดขาดอัตตา ทีปะ มีตนเป็นเกราะคือเป็นที่ยึด อัตตะ สะระณา มีตนเป็นที่พึ่ง อัตตาหิ อัตตะโน นาโถ มีตนเป็นที่พึ่งของตนนี่ถึงแล้ว อัตตาหิ อัตตะโน นาโถ ตนเป็นที่พึ่งของตนมันอยู่ที่ตรงนี้ ในตอนแรก เราพยายามทำจิตของเราให้เป็นที่พึ่งของตนให้ได้เสียก่อน ในเมื่อจิตมีสมาธิ จิตมีความเป็นที่พึ่งของตนได้โดยเด็ดขาด แม้ว่าจิตนั้นจะมีแต่ความสงบ นิ่ง อยู่เรื่อย ๆ ก็ไม่เป็นไร ไม่ต้องไปเดือดเนื้อร้อนใจ ไม่ต้องไปนึกว่า เมื่อไรจิตมันจะเกิดวิปัสสนา เมื่อไรจะเกิดภูมิความรู้ เมื่อไรจะได้ฌาน เมื่อมีสมาธิมันก็มีฌานจิตสงบลงเป็นอุปจารสมาธิ มีภาวนาอยู่ก็มีวิตก วิจาร ปีติ สุข เอกัคคตา ก็ได้ฌานที่ ๑ แล้ว เมื่อจิตหยุดภาวนา จิตนิ่ง สว่างไสว มีปีติ มีสุข มีความเป็นหนึ่ง ก็ได้ขื่อว่าฌานที่ ๒ เมื่อปีติหายไปมีแต่สุขกับเอกัคคตา ก็ได้ฌานที่ ๓ เมื่อสุขหายไปเพราะกายหายไปหมดแล้วมีแต่เอกัคคตากับอุเบกขาจิตก็ได้ฌานที่ ๔ นี่ภาวนาได้ฌานแล้วจะไปเดือดเนื้อร้อนใจอะไรกันในเมื่อเรามีสมาธิก็มีฌาน ในเมื่อมีฌาน ญาณมันก็มีขึ้นมาเอง เมื่อมีญาณมันก็มีปัญญา เมื่อญาณแก่กล้าก็บันดาลให้จิตเกิดภูมิความรู้ขึ้นมา ภูมิความรู้ที่เกิดกับจิตก็คือความคิดนั่นเอง ความคิดที่มันผุดขึ้นมา ๆ ผุดขึ้นมาเป็นเรื่องของธรรม บางทีมันก็ผุดขึ้นมาว่า อ้อ! กายของเรามันก็เป็นอย่างนี้หนอ มันมีแต่ของปฏิกูลน่าเกลียด โสโครกสกปรก มีแต่ความไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา อันนี้ปัญญามันบังเกิดขึ้นมาเพราะมีญาณ<O:p</O:p



    ในเมื่อปัญญามันบังเกิดขึ้นมาอย่างนี้ เรามีสติสัมปชัญญะตามรู้ปัญญาที่มันเกิดขึ้น ไอ้เจ้าปัญญานี่ มันก็ไปของมันเรื่อยไป ไอ้ตัวสติก็ตามรู้ของมันเรื่อยไป ควบคุมกำกับกันไปอยู่ จิต อารมณ์ สติ ไม่พรากจากกัน นั่นคือจิตได้ภูมิวิปัสสนาขึ้นมาแล้ว เมื่อเป็นเช่นนั้นเรื่องอะไรที่เราจะไปกลัวว่าจิตมันจะติดสมถะ ไม่มีทางถ้าหากว่าจิตมันจะไปติดสมถะกันจริง ๆ ครูบาอาจารย์ท่านก็ไม่สอน แต่ถ้าจิตจะติดสมถะ ติดสมาธิในขั้นฌานก็ดีนี่ ดีกว่ามันไม่ได้อะไรเลย! ถ้ามันได้แต่ความคิดโดยความตั้งใจภูมิปัญญาความรู้ไม่เกิดขึ้นมาเองโดยอัตโนมัติ ถ้าไม่คิดก็ไม่มีความรู้เมื่อตั้งใจคิดจึงเกิดความรู้อันนี้มันเป็นสติปัญญาธรรมดา แต่ถ้าอยู่ ๆ มันคิดของมันขึ้นมาเอง ปรุงขึ้นมาเอง เป็นเรื่องของธรรม ปรุงขึ้นมาแล้วก็มีปีติ มีความสุขควบคู่กันไป มีความสงบควบคู่กันไป<O:p</O:p



    จิตมีความคิดอยู่สงบได้อย่างไร มันสงบอยู่กับหน้าที่ที่มันพิจารณาอารมณ์อยู่ในปัจจุบันนั้น มันไม่เอาเรื่องอื่นเข้ามาแทรกมาแซง ธรรมะที่เกิดขึ้นมา ผุด ๆ ขึ้นมา สติก็รู้ รู้อยู่ที่จุดที่มันผุดขึ้นมานั่น แล้วมันไม่ได้แส่ไปทางอื่น กำหนดรู้อารมณ์จิตตลอดเวลา นี่คือความสงบจิตในขั้นวิปัสสนา


    ที่มา..เข้าถึงพระไตรลักษณ์ โดย พระราชสังวรญาณ (หลวงพ่อพุธ ฐานิโย)<O:p</O:p
    <!-- google_ad_section_end -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 เมษายน 2012

แชร์หน้านี้

Loading...