พบปะ พูดคุย ประสาเพื่อนพ้องน้องพี่ แบบกันเอง

เซามีแฮงครับอ้ายปึ๊ด รอสะสมพลังงานอยู่ครับ

 

นั่นจิครับพี่พลศิริ (^____^)

 

rabbit_sleepyลับแลรอดูพักใหญ่ๆแล้วค่ะ
:z6ที่แผ่วๆไป ไม่ใช่หมดสต๊อคกันหรอกค่ะ คุณ puedpunon
(smile) แต่...ท่านไปพักเหนื่อย "จำวัด" กันบ้างซีคะ
("ท่าน" หมายถึง ท่าน"ผู้โพส"นะคะ)

 

มาออกกะลังกายก่อนกลับบ้านครับ









หรือบางท่านกะลัง

​

 

น้องพลศิริ...
น้องเป็นคนจะอี้..... เอ่อะ... น้องออกกำลังกายแบบนี้บ่อยๆ ก่ะเจ้า???
:z1

 

ชีวิตนี้เป็นอันหยังน้อ
ร่วมลงชื่อลุ้นรับพระนำเขากะบ่ทันจักกระทู้
เขาแจกกันโครมโครม
ม่องแหน่เขาแจกนำหลังเฮาออกมานิดเดียวเอง
เศร้าแท้เด้ชีวิต ไปทำมาหากินดีกว่าครับพี่น้อง






[ame=http://www.youtube.com/watch?v=_G7D_xSW_GM]ไปไล่แย้ - จ่าส่ง ร็อคออนซอน - YouTube[/ame]
​

 

ของผมวิ่งไล่ตามเจ้าตัวเล็กเพียงอย่างเดียวก็แทบแย่แล้วครับเอื้อยลับแล

​

 

แหะๆๆ ครับผมพี่ลับแล...สงสัยจะเพลียจากปีใหม่ครับ:VO

 

สวัสดียามเย็นค่ะ ...ทุกท่าน :d

​

 

วิธีแก้กรรมให้ตนเองได้ผลดีเร็วขึ้น

วิบากกรรมของแต่ละคนล้วนแตกต่างกันไป บางคนป่วยโดยไม่ทราบสาเหตุ บางคนตกงานบ่อยๆ บางคนลำบากมาก หากินไม่คล่อง บางคนลูกเกเร วิบากกรรมนี้ตามมาหลายภพหลายชาติ ซึ่งมีส่วนทำให้เราเกิดมาแตกต่างกัน แต่อย่าเพิ่งสิ้นหวัง หนทางในการบรรเทาวิบากกรรมนั้นมี ซึ่งอาจทำได้หลายวิธี ดังนี้

เวลาที่เราทำบุญหรือความดีทุกครั้ง นอกจากบุญที่เกี่ยวกับพระพุทธศาสนา เช่น การใส่บาตร การถือศีล ฯลฯ แล้ว การพูดคุยที่ช่วยให้ผู้อื่นสบายใจ การสนทนาธรรม การร่วมบริจาคหนังสือธรรมะ ชี้แนะแนวแก้ไขปัญหาชีวิตให้กับผู้สิ้นหวัง การทำความสะอาดห้องพระ การถวายน้ำเปล่าเพียง 1 แก้ว ให้กับหิ้งพระพุทธ ฯ การร่วมอนุโมทนาการทำความดีของผู้อื่นโดยการใช้จิตน้อมไปทางบุญกุศล การกวาดใบไม้ทำสวน ทำความสะอาดห้องน้ำ หรือของส่วนรวม การดูแลคนแก่ เด็ก การที่เรามีจิตใจดีหรือตั้งใจดี ฯลฯ ทั้งหมดทั้งมวลนี้ล้วนเป็นกุศลและเป็นบุญทั้งสิ้น ให้ ตั้ง นะโม 3 จบ

"ข้าพเจ้า (บอกชื่อตัว)....นามสกุล เกิดวันที่ ....วันนี้ข้าพเจ้าขอตั้งจิตถึงบารมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั่วสากลโลก รวมถึง องค์เทพ องค์พรหมที่ปกปักรักษากายสังขารวิญญาณลูกอยู่ วันนี้ลูกตั้งจิตถวาย....(บุญที่ทำ เช่น ใส่บาตร ถือศีล สวดมนต์ให้ทาน ฯลฯ)
ลูกขอถวายบุญกุศลนี้แด่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทุกๆ พระองค์ รวมถึงองค์เทพ องค์พรหมทั้งหลาย ให้มีพระบารมีมากขึ้น ขอให้ทุกๆ พระองค์นำส่ง บุญให้ลูกเจริญขึ้น ทั้งการงาน การเงิน และความรัก ให้ลูกมีเดช ปัญญา โภคะ (ความสมบูรณ์) ทุกภพทุกชาติ และขออุทิศบุญกุศลนี้ให้กับเจ้ากรรมนายเวรทุกภพทุกชาติ รวมถึงวิญญาณที่ตามมาทุกผู้ทุกคน ศัตรู หมู่มาร หรือหมู่พาล คือ มนุษย์ เช่น บริวาร ญาติ มิตร คนรับใช้ สามี บุตร ธิดา ทุกภพทุกชาติ ขอให้ได้รับมหากุศลนี้ รับแล้วขอให้อโหสิกรรมซึ่งกันและกัน ให้ขาดจากกัน ณ เดี๋ยวนี้ บัดนี้ ขอให้ข้าพเจ้ามีบุญบารมีสูงๆขึ้น เต็มขึ้น เพื่อช่วยสังคมให้สูงขึ้น และสร้างคนให้เป็นพระให้เกิดปัญญาทางธรรมต่อไป และให้สมบูรณ์พูนผลทุกอย่างด้วยบุญที่ทำนี้ เทอญ สาธุ..."

เนื้อหาในหนังสือ แก้กรรมทำได้เอง บางส่วน
เรียบเรียง: จิตศรัทธา พุทธานุภาพ

น่าอ่านมากค่ะ....

 

หมายเหตุ:

1. การตั้งนะโม 3 จบ เพื่อขอให้พระพุทธเจ้าทรงเป็นพระประธาน เพราะพระบารมีของพระพุทธองค์สามารถเปิด 3 ภพ (โลก) สวรรค์ มนุษย์ และนรก ไม่ว่า เจ้ากรรมนายเวรจะอยู่ภพภูมิใด แม้แต่นรกขุมสุดท้าย (ขุมที่ 18) ก็จะสามารถเปิดทางไปถึงได้ เจ้ากรรมนายเวรจะได้รับอย่างรวดเร็วและอโหสิกรรมให้เราหมด และควรกรวดน้ำลงดินทุกครั้ง แม่พระธรณี แม่พระคงคา จะได้เป็นทิพย์พยาน เพราะท่านได้สำเร็จพระอรหันต์แล้ว

2. ปัญญาทางโลกทุกคนมีอยู่แล้ว ได้จากพันธุกรรมพ่อแม่ แต่อย่าให้ขาดปัญญาทางธรรม ซึ่งก็คือจิตสัมผัสรู้ดีชั่ว และการหยั่งรู้เหตุการณ์ล่วงหน้า ถ้าได้ปัญญาทางธรรม จะประสบแต่ความสำเร็จ ความสมบูรณ์พูนสุขทุกอย่าง เพราะบุญคือขุมทรัพย์ ลาภยศจะมาเอง และยังช่วยครอบครัวและผู้อื่นได้อีกด้วย

3. กรรมเวร แก้ไขได้โดยการขอขมากรรม และส่งวิญญาณด้วยพระสะดุ้งมาร ขนาด 3 นิ้ว 5 นิ้ว เป็นการต่อชะตาชีวิต ถ้ากรรมใดได้รับอโหสิกรรม กรรมนั้นจะเบาบางและชีวิตจะดีขึ้น โดยสังเกตจากตัวเราว่ามีสิ่งที่ดีเข้ามามากขึ้นหรือไม่ ที่ป่วยก็จะหายที่จนก็จะเริ่มมี แสดงว่าเราเริ่มจะมีบุญมาช่วยแล้ว หากกรรมยังมากก็จะยังลำบากอยู่



ทำงานเสร็จพอดีกลับก่อนนะคะ...แล้วจะแวะมาใหม่ค่ะ..

 

ยังไม่หมดครับ มีเป็นลัง กระสอบ เป็นคลังแสงเลยครับ เอ๋ะเป็นพระเครื่องหรือผลไม้กันแน่เนี่ยครับ

ไม่ได้เพลียครับ รอยิงกันต่อปีใหม่หน้าครับ (ถ้าตอนนั้นกระสุนยังไม่หมด)

ตอนนี้ค่อย ๆ ยิงเป็นนัดครับ

 

กลับมาแล้วตะกี้ มารายงานตัว เดี๋ยวพรุ่งนี้มาคุยครับ

 

มาต่อค่ะ....

การสร้างบุญกุศลนั้น เป็นเรื่องที่ทำได้ง่าย ไม่ยุ่งยาก ด้วยการยึดหลักการทำบุญแห่งกริยาวัตถุ 10 ประการที่ถูกต้องตามที่พระพุทธองค์ประทานสั่งสอนไว้ ได้แก่

1. การบริจาคทาน (ทานมัย)
คือการเสียสละทรัพย์ เงินทอง ตลอดจนกำลังกาย สติปัญญา ความรู้ความสามารถ เพื่อให้เกิดประโยชน์แก่ผู้อื่นโดยส่วนรวม ผู้ทำงานใดๆ รู้จักเสียสละกำลังกายหรือกำลังทรัพย์ ก็ถือว่าเป็นการสร้างบุญที่ดีทางหนึ่ง

2. รักษาศีล (ศีลมัย)
คือ การตั้งใจรักษาศีลและการปฏิบัติคนไม่ได้ละเมิดศีล เมื่อรักษากาย วาจาและใจให้บริสุทธิ์สะอาด เพื่อให้พ้นจากการทำไม่ดีทางร่างกาย 4 ประการ คือ ละเว้นจากการฆ่าสัตว์ ละเว้นจาการลักทรัพย์ ละเว้นจากการประพฤติผิดในกาม และเสพสิ่งเสพติดมึนเมา อันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาทและไม่ก่อโทษให้กับคนอื่น

วจึทุจริต 4 ประการ คือ ไม่พูดส่อเสียด ไม่พูดปด ไม่พูดเพ้อเจ้อ และไม่พูดคำหยาบ เพื่อให้เกิดความน่าเชื่อถือ และสร้างสัมพันธ์ภาพที่ดีในการทำงาน และสุดท้ายคือ
มโนทุจริต 3 ประการ คือ ไม่หลงงมงาย ไม่พยาบาทกับใคร และไม่หลงผิดจากทำนองคลองธรรม ทำให้เราดำเนินชีวิตด้วยการมีทัศนคติที่ดีทั้งต่อตนเองและคนอื่น เป็นการสร้างบุญและพื้นฐานแห่งความสำเร็จมากมาย

3. การภาวนา (ภาวนามัย)
คือ การอบรมจิตใจ เป็นการยกระดับจิตใจให้สูงขึ้นโดยใช้ "สมาธิปัญญา" โดยเริ่มฝึกจากการทำใจให้สงบนิ่งก่อน แล้วหัดสวดมนต์เพื่อให้จิตใจตั้งมั่นอยู่กับสิ่งที่ดี แล้วจึงฝึกด้วยการเจริญภาวนาเพื่อจุดมุ่งหมายให้เข้าใจถึงทางเจริญและทางเสื่อม หมายความว่า เมื่อรู้จักเจริญปัญญาแล้ว เราก็จะกลายเป็นคนที่แยกแยะได้ว่า อะไรเป็นสิ่งที่ดี ควรทำและไม่ควรทำ

4. การประพฤติยอ่อนน้อมถ่อมตนต่อผู้ใหญ่ (อปจายนมัย)
เป็นการให้ความเคารพผู้ใหญ่และผู้มีพระคุณ 3 ประเภท คือ
1.ผู้ที่มีวัยวุฒิกว่า ได้แก่ พ่อแม่ ญาติพี่น้อง และผู้สูงอายุ
2.ผู้มีคุณวุฒิหรือคุณสมบัติ ได้แก่ ครูบาอาจารย์ พระภิกษุสงฆ์
3.ผู้ที่มีชาติวุฒิ ได้แก่ พระมหากษัตริย์และเชื้อพระวงค์ทั้งหลาย

การให้ความเคารพแก่บุคคลที่ควรเคารพย่อมส่งผลให้ผู้กระทำเป็นคนที่น่ารักใคร่

5. การทำงานในกิจการที่ชอบ (เวยยาวัจจมัย)
คือ การกระทำสิ่งที่เป็นคุณงามความดี ที่เกิดประโยชน์ต่อคนส่วนรวม หากได้เป็นการทำงานประกอบอาชีพใดๆ ก็คือตนเองได้ทำงานที่ชอบแล้วยังส่งผลดีต่อตนเอง คือ
เลี้ยวดูครอบครัวได้ดีและช่วยเหลือคนอื่นให้มีความสุขอีก จึงเป็นพลังบุญที่ยิ่งใหญ่

 

6.การให้ส่วนบุญแก่ผู้อื่น (ปัตติทานมัย)
คือ การอุทิศส่วนบุญกุศล หรือการแบ่งบุญที่ได้กระทำไว้ให้แก่สรรพสัตว์ทั้งปวง การบอกให้ผู้อื่นได้ร่วมอนุโมทนาด้วย "ทั้งมนุษย์และอมนุษย์ หรือแม้แต่องค์เทพทั้งปวง" ได้ทราบข่าวการบุญการกุศลที่เราได้กระทำไป

7. การอนุโมทนาบุญ (ปัตตานุโมทนามัย)
คือ การได้ร่วมอนุโมทนาบุญ เช่น กล่าวว่า "สาธุ" เป็นการยินดียอมรับความดีและขอมีส่วนร่วมในความดีของบุคคลอื่น ถึงแม้ว่าเราไม่มีโอกาสได้กระทำ ก็ขอให้ได้มีโอกาสได้แสดงการรับรู้ด้วยใจปิติยินดีในบุญกุศลนั้น ผลบุญก็จะเกิดแก่บุคคลที่ได้อนุโมทนาบุญนั้นเองคือ เป็นการสร้างบุญที่ง่ายมากทางหนึ่ง

8. การฟังธรรม (ธัมมัสสสวนมัย)
คือ การตั้งใจฟังธรรม รวมไปถึงเรือ่งราวดีๆ ที่ไม่จำกัดแต่ในพระธรรม ที่ไม่เคยได้ฟังมาก่อน หรือที่เคยฟังแล้วก็รับฟังเพื่อได้รับความกระจ่างมากขึ้น ให้คลายความสงสัยและความเห็นให้ถูกต้องยิ่งขึ้น จนเกิดปัญญาหรือความรู้ก็พยายามนำเอาความรู้ที่ดี นั้นนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ สู่หนทางเจริญต่อไป

9. การแสดงธรรม (ธมมเทศนามัย)
คือ การแสดงธรรมไม่ว่าจะเป็นรูปของการกระทำ หรือการประพฤติบัติด้วย กาย วาจา ใจ ในทางที่ดี หากเป็นพระภิกษุย่อมเป็นการง่าย เพราะเป็นกิจของพระท่าน ที่ทำได้บ่อยๆ แต่สำหรับคนทั่วไปก็คือ การให้ความรู้ให้คำสอนในด้านคุณธรรม หรือแม้กระทั่งเป็นตัวอย่างในการประพฤติตนที่ดี ประพฤติตนเป็นตัวอย่างให้กับบุคคลอื่นๆ ก็ถือเป็นการสร้างบุญในข้อนี้เช่นเดียวกัน

10. การทำความเห็นให้ตรง (ทิฏฐชุกัมม์)
คือ ความเข้าใจในเรื่อง บาป บุญ คุณ โทษ เข้าใจในสิ่งที่เป็นแก่นสารสาระหรือที่ไม่ใช่แก่นสารก็ตาม ทั้งทางเจริญและทางเสื่อมเพื่อให้ชีวิตแยกแยะได้วา ควรจะทำอะไร ไม่ควรทำอะไร ตลอดจนการกระทำความคิดความเห็นให้เป็นทัศนคติที่ดีอยู่เสมอ

เครื่องมือในการสร้างบุญ ทั้ง 10 ประการนี้ หากได้ปฏิบัติอย่างใดอย่างหนึ่งหรือยิ่งมากจนครบทั้ง 10 ประการแล้ว ผลบุญย่อมเกิดแก่ผู้ได้กระทำมาตามบุญที่ได้กระทำ ยิ่งได้มีการเตรียม กาย วาจา ใจ ให้สะอาดบริสุทธิ์ หยุดในสิ่งที่ควรหยุด ก็ยิ่งได้รับบุญมหาศาล และสามารถส่งบุญให้เหล่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายได้ร่วมปกป้องและอวยพรให้ปลอดภัย

 

5. หมั่นสวดมนต์ทุกวัน
การสวดมนต์ในแบบพุทธที่แท้จริงนั้น มีจุดประสงค์เพื่อบูชา คุณของพระรัตนตรัย คือ
พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ อันถือเป็นสิ่งสูงสุดในพระพุทธศาสนา และเป็นการอบรมจิตใจพื้นฐานมากกว่าจะเป็นการหวังขอพรจากองค์เทพใดๆ การสวดมนต์แบบพุทธนี้ ถือเป็นการปฏิบัติบูชา แบบหนึ่งตามหลักการสร้างบุญของบุญกิริยาวัตถุ 10 ประการ
การสวดมนต์นั้น เริ่มจากการชำระร่างกายให้สะอาด ทำจิตใจให้สงบ เริ่มสวดตั้งแต่การถวายคำนมัสการ สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า บทไตรสรณคมน์ และตามด้วยบทบูชาพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ

ขั้นตอนในการสวดมนต์ ที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าดีกับทุกคน
โดยเฉพาะคนที่สงสัยว่าตนเองมีองค์

*บูชาพระ
*คำนมัสการพระรัตนตรัย
*คำนมัสการพระพุทธเจ้า
*คำสวดไตรสรณคมน์
*คำอาราธนาศีล 5
*ศีล 5

หลังจากนี้ให้สวดบทสวดมนต์อื่นๆ ตามที่ต้องการปราถนาขอแนะนำว่าให้ท่านได้สวดเพื่อเพิ่มพลังบารมีให้กับตนเองก่อนที่จะไปถึงเรื่องต่างๆ ที่ต้องการ เช่น พระคาถายอดพระกัณฑ์ไตรปิฏก คาถาพระชินบัญชร ของสมเด็จโต วัดระฆัง คาถาพาหุงหรือคาถาชัยมงคล คาถามงกุฏพระพุทธเจ้า คาถาอิติปิโส 8 ทิศ ฯลฯ การสวดมนต์นั้นเป็นการการดีทุกประการและทุกครั้งในการสวดมนต์ องค์เทพที่อยู่ในตัวจะร่วมสวดและอนุโมทนาด้วย และเหล่าเทพเทวดา ทั้งหลายจะมาร่วมอนุโมทนาด้วยเช่นกัน

*คำแผ่เมตตาให้ตัวเอง
*คำแผ่เมตตาให้แก่ผู้อื่น

 

6. แผ่เมตตาอุทิศบุญปรับภพภูมิเทวดารักษาตัวและดวงจิตวิญญาณอยู่เสมอ
ในการทำบุญทุกครั้ง หลังจากที่ได้สร้างบุญเสร็จแล้ว ควรจะอุทิศบุญให้กับเทวดาที่รักษาตัว เพื่อแสดงถึงความเคารพและเชื่อมบุญกับท่านและในการปรับภพภูมินี้ใช้ได้กับการแก้และป้องกันเรื่องดวงจิตวิญญาณเร่รอน ที่ตกทุกข์ได้ยาก พวกผีที่พยายามมาแฝงในตัวเราด้วย เพื่อให้เขาไปสู่ภพที่ดีไม่มารบกวนเรา เพราะเราได้ส่งเขาไปอยู่ในภพภูมิที่ดีขึ้น

หลังจากสร้างบุญไม่ว่าเป็นทาน ศีล ภาวนา ทุกครั้ง ควรแผ่เมตตาจิตอุทิศบุญไปให้พวกเขาทั้งหลาย ให้ได้รับผลบุญและไปเกิดยังภพภูมิที่เป็นสุขคติภูมิ มีสวรรค์ พรหมและมีพระนิพพานเป็นที่สุด โดยมีลำดับ โดยวิธีการดังนี้

- การแผ่เมตตาจิตของผู้ที่ไม่ได้ทิพยจักษุญาณ
พึงตั้งจิตอธิษฐานระลึกถึงบุญกุศลของตัวเราเอง ตั้งเจตนาอุทิศบุญกุศลความดีทั้งหลายให้กับทุกดวงจิต ที่ประสบทุกข์กรรมเวียนว่าย ตกค้างอยู่ผิดภพ ผิดภูมิ ให้ได้มารับส่วนบุญส่วนกุศลและเราปราถนาให้เขาทั้งหลายได้เกิดในภพภูมิที่ดีกว่า แบบนี้ได้ผลบ้างตามกำลังบุญกำลังสมาธิของผู้อุทิศ หากร่วมใจอุทิศมากๆ หลายๆ คนร่วมใตก็เกิดผลที่ดีไม่น้อย

-การอุทิศบุญของผู้ที่ได้ทิพย์จักษุญาณและมโนมยิทธิ
ก็คือ การอธิษฐานนำกายทิพย์ไปยังสถานที่แห่งนั้นที่เราอยากจะแผ่ส่วนบุญ เช่นสถานที่เกิดเหตุเคยมีคนตายจำนวนมาก ศาลรกร้าง เป็นต้น จากนั้นก็ตั้งจิตแผ่บุญกุศลเป็นรัศมีจากกายทิพย์ของตนเองไปยังดวงจิตแลสัมภเวสีทั้งหลายที่ปรากฎให้เห็นในจิตของเรา

เมื่อเราแผ่เมตตาไปแล้วจะปรากฎเห็นกายของสัมภเวสี ที่มาขอส่วนบุญ จะเปล่ยนเป็นกลายที่สว่างและเปลี่ยนสภาวะกลาย อาจเป็นกายทิพย์ของภพภูมิ ของเทวดาบ้าง พรหมบ้าง

 

-การตั้งจิตอธิฐานรวมบุญบารมีของเราเอง
ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน และที่ทำต่อไปในอนาคตให้มารวมตัวกันแล้ว จึงแผ่อุทิศ ส่วนกุศลออกไปยังดวงจิตทั้งหลาย

อุปมาที่เรากำลังจะยกของหนักต้องมีการรวบรวมแรงก่อน การเมตตาจิตแบบนี้ เราจะเห็นในจิตได้ว่า มีผลสูงกว่าขึ้นไปอีก ช่วยให้ดวงจิตดวงวิญญาณปรับภพภูมิที่สูง ขึ้นไปได้เป็นจำนวนมากขึ้น

การที่ดวงจิตต่างๆ ปรับภพภูมิไปเกิดยังที่ที่ดีกว่าได้นั้นเป็นผลจากโมทนามัยบุญ
คือ การเสวยผลจาการยินดีในบุญที่เราตั้งจิตอุทิศให้ ดังนั้นจะมีดวงจิตที่โมทนาแลไม่โมทนา ท่านที่โมทนาก็ไปได้ ที่ไม่โมทนาก็ไปไม่ได้เป็นธรรมดา

- การแผ่เมตตาจิตโดยอาศัยการขออารธานาบารมีแห่งพระพุทธเจ้า
แห่งคุณพระรันตรัย พระปัจเจกพุทธเจ้า พระอรหันต์ พระโพธิสัตว์ ครูบาอาจารย์
สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ให้โปรดเมตตามาสงเคราะห์ วิธีการก็คือ
การตั้งจิตถึงขออาราธนาบารมีพระพุทธเจ้า พระปัจเจกจากพุทธเจ้า พระอรหันต์ พระโพธสัตว์ ครูบาอาจารย์ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกๆ ท่าน ทุกๆพระองค์ ทุกองค์ ให้ท่านเมตตาแผ่ฉัพพรรณรังสีไปยังทุกดวงจิต ให้เขารับบุญกุศลและโมทนาบุญ

สำหรับวิธีนี้ เป็นวิธีที่ปลอดภัยที่สุดและเกิดอนิสงส์สูงมากๆ หากเราสัมผัสในจิตจะพบว่ามีดวงจิต ที่ปรับภพภูมิขึ้นสู่สุขคติภูมิแบบนี้เป็นจำนวนมากมาย รวมทั้งกายที่เปลี่ยนไปนั้นมีแสงสว่างมากกว่า วิธีต้นๆ มากมายนัก

*ที่แนะนำให้ช็ก็คือ วิธีการที่ 4 นี้ ขอให้จำกันเอาไว้ จงอย่าได้ใช้กำลังของตนเองอย่างเดียว

การอาราธนาบารมีพระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า พระอรหันต์ พระโพธิสัตว์ ครูบาอาจารย์ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ขอให้ท่านช่วยในการทำการทุกอย่างก่อนแผ่เมตตา ปรับภพภูมิ แล้วจงตั้งกำลังใจให้ถูกก่อนว่า เราทำไปก็เพื่อปรถนาให้ดวงจิตแห่งสรรพสัตว์ทั้งหลายไปเกิด ยังภพภูมิอันสุขคติ

*บทสวด ที่ใช้ บทสวดพระมหาจักรพรรดิ์หลวงปู่ดู่ วัดสะแก จ. พระนครศรีอยุธยา ที่เป็นบทสวดที่ศักดิ์สิทธิ์และถือว่ามีพลังครอบจักรวาล ทั้งการทำให้ชะตาดีขึ้น ปฏิบัติธรรมได้เร็วขึ้นได้ทั้งทางโลกและทางธรรม และใช้ปรับภพภูมิได้ทุกดวงจิตวิญญาณเพื่อให้ท่านไปสู่ภพภูมิที่สูงขึ้น และเป็นคุณกับผู้สวดเป็นอย่างยิ่ง สำหรับท่านที่มีองค์เทพหรือเทวดารักษาตัว ยิ่งสวดคาถานี้ท่านจะเห็นผลด้วยตัวของท่านเอง ดังที่พระท่านเรียกว่า
เป็น "ปัจจัตตัง" นั่นแล

 

สวัสดีค่ะ ทุกๆท่าน วันนี้ไปพักผ่อนกันหมดเลยนะคะ งั้นลินจัดชุดเล็กๆคอยไปก่อนค่ะ หลวงปู่หงษ์ สุรินทร์ ค่ะ

 

แวะมาแอบดูคุณลินจัดหนักครับ อิอิ ^_^