นาซ่า...เตรียมอพยพชาวโลก ไป ดาวอังคาร

พวกฝ่ายมืดประเทศเรามีน้อยมากๆจนเกือบไม่มีเลยครับ ส่วนมากจะไปประเทศมหาอำนาจมากกว่าน่ะครับ และตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นพวกอิลลูมินาติ หรือ แอนอันนากิ ต่างก็โดนบรรพบุรุษและพี่น้องจักรวาลเรากำจัดไปเกือบหมดแล้ว..เพราะการเลื่อนระดับ/ก้าวกระโดดทางวิวัฒนาการครั้งนี้ ของมนุษย์ชาติ ยิ่งใหญ่มากครับ ด้วยการมาเยือนของหลายเผ่าพันธุ์ แต่ยังอยู่ในโหมดพรางตัวอยู่ เพราะทางสมาพันธ์กาแลคซี่รอให้ ปธน.โอบาม่า/ผู้นำโลก ออกมาเปิดเผยข้อมูลของการมาเยือนของพวกเขาอยู่น่ะครับ (deejai)

 

บอกตรงๆที่ท่านพร่ามมาส่วนใหญ่ ก็เคยได้รับข้อมูลแบบนี้จากแหล่งอื่นมาก่อนแล้วทั้งนั้นแหละ จริงๆแล้ว โอบาม่า อยากจะแฉข้อมูลมานานแล้วแต่ติดอยู่ตรงที่นาง มิเชล โอบามา เป็นห่วงความปลอดภัยของครอบครัวเลยทำให้นาย บารัค โอบามากลืนไม่เข้าคายไม่ออก

 

เราอยู่ด้วยคนนะ

 

บางกระทู้ต้องตามไปอ่านห้อง Black Hole นะครับ 5555+ เนื่องจากล้ำจัด (deejai)

 

ผมว่ามันเป็นตามธรรมดาของช่วงอายุมั้งครับ ถ้าให้ผมเดาเผลอๆ Light Worker น่าจะกำลังเรียนมหาลัยอยู่ สมัยก่อนผมก็เป็นงี้นะครับ อาศัยหาเรื่องนั้นเรื่องนี้อ่านไปวันๆ ให้ดูเหมือนว่าตัวเองรู้นั้นรู้นี้ แต่ก็เอาไปคุยกับคนรอบข้างไม่ได้หรอกครับเขาจะว่าบ้าเอา

ก็เลยเหมือนต้องหาที่ระบาย หรือประมาณว่า อยากแสดง ego ความคิดเห็น ความรู้ที่ตัวเองเคยๆอ่านมา อย่างบางทีอ่านเรื่องนั้น อ่านเรื่องนี้ หลายๆเรื่อง แล้วเหมือนมีอะไรคล้ายๆเป็นจุดเชื่อมต่อของเรื่องราว ก็เลยอยากจะแสดงเป็นความคิดเห็นออกมา โดยเอาเรื่องต่างๆที่เคยอ่านๆมารวมเข้าๆกัน

แล้วก็เป็นธรรมดาในเด็กเกือบๆทุกคนอยู่แล้วครับในการที่อยากจะเป็น Hero หรือ อยากเหนือคนอื่น อยากเป็น Light Worker อะไรแบบนี้

อย่างเมื่อก่อนผมก็เคยอ่านๆสนใจๆมาเยอะแยะนะครับ
ไม่ว่าจะ UFO แอตแลนติส ปิระมิด พลังจิต มนุษย์ต่างดาว คริสตัล ภัยพิบัติ แต่ก็ไม่ได้ว่าไม่มีจริงนะ ถึงรู้ว่ามีจริงแต่ก็ไม่ใช่สาระอะไรมากมาย เพราะรู้ไปแล้วก็รู้ๆไปยังงั้นแหละ จะรู้ไปเพื่อทำให้ประโยชน์อะไรขึ้นมาก็คงไม่ได้ซักเท่าไร

 

คุณลองเอาความรู้ที่คุณได้มาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันสิครับ มันจะเปลี่ยนไปมากเลย ^^

 

ถ้าเป็นเรื่องความรักความเมตตา อย่างเดียว สามารถนำไปใช้ได้นะครับผมว่า
ส่วนเรื่องอื่นๆคงจะไม่เห็นจำเป็นต้องเอาไปใช้อะไรอย่างไรเท่าไร

บางทีการที่เราเสพข้อมูลมากไปมันก็ไม่ดีต่อตัวเราซักเท่าไร อย่างสมมุติเรื่องภัยพิบัติ 2012 ไรแบบนี้ หรือเรื่องการเลื่อนระดับอะไรแบบนี้
ถ้าวันใดวันหนึ่งในชีวิตประจำวันของเราเกิดความผิดหวัง หรือไม่สมหวังอะไรขึ้นมา อย่างเช่นอาจจะติด F หรือไม่มีงานทำ มันก็ก็อาจจะทำให้เราคิดจินตนาการในเรื่องพวกนี้ จนลืมปัจจุบันที่เป็นอยู่ไป อาจจะคิดว่าเมื่อไร 2012 ไวๆเบื่อวิธีชีวิตที่เป็นอยู่ สภาพสังคมที่เป็นอยู่ อะไรประมาณนี้ เบื่อผู้คนรอบๆตัวเมื่อไรจะมีการเลื่อนระดับเกิดขึ้นซักที
สมมุติถ้าเราอ่านเรื่อง illuminati ไป วันใดวันหนึ่งสังคมที่เราอยู่มันไม่เป็นไปตามที่เราคิด เราก็อาจจะคิดว่า น่าจะจัดระเบียบโลกใหม่ซะเลยก็เป็นได้ สังคมมันเน่ามันฟอนแฟะไปหมดแล้ว ต้องรีเซต อะไรก็ว่าไป

หรือเรื่องพวกนี้ก็อาจจะเป็นการทำให้เราหวั่นวิตกมากไปจนเกินเหตุ ต้องย้ายบ้านหนี อย่างงั้นอย่างงี้ เตรียมเสบียง ท้ายที่สุดการที่เราเกิดความกลัวขึ้นมา มันก็จะเป็นการทำให้เราไม่เป็นอันที่จะทำอะไร ไม่ว่าจะทำอะไรก็คิดกลัวไปซะหมด

 

ื
ฟังดูน่าสนใจ ในประโยคนี้อ่านดูแล้วดูน่าจะมีประโยชน์ต่อส่วนรวมบ้าง ไหนๆท่าน Light worker ก็บอกเสมอว่ามีเจตนาดีต่อมนุษย์โลก อยากให้ท่านช่วยแชร์ประสบการณ์ส่วนตัว ยกตัวอย่าง ในการเอาความรู้ที่คุณได้มา ประยุกต์ในชีวิตประจำวัน แล้วเปลี่ยนไปมาซัก 2-3 ข้อ ให้เพือนสมาชิกรับทราบบ้างครับ

 

แล้วคุณจะสร้างความกลัวขึ้นมาทำไมหละครับ หากเตรียมสเบียงไว้แล้วมันไม่เสียหายอะไรมากนักก็ไม่น่าจะเป็นอะไรนี่ครับ และผมก็อยากจะบอกว่า 2012 มันไม่ใช่วันสิ้นโลกอะไรนั่นหรอกนะครับ เพราะมันจะไม่มีวันเกิดขึ้นอย่างแน่นอน แต่ภัยธรรมชาติมันอาจจะเกิดขึ้นได้ ณ วันใดวันนึง ในปีหน้า

ปล.หากจิตวิญญาณของคุณยังไม่ถูกขัดเกลาจนถึงเกณฑ์มาตรฐาน ก็อย่าหวังเลยครับ ว่าคุณจะเข้าถึงสิ่งมีชีวิตทรงภูมิปัญญาในมิติอื่นๆได้..

 

ชีวิตจะเป็นยังไงต่อไป

 

คุณจะต้องเชื่อมต่อกับต้นแบบจิตวิญญาณของคุณให้ได้ แล้วเข้าใจด้วยตัวเองครับ...ซึ่งช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่ดีมากๆ ที่จะทำเช่นนี้

 

ผมเพียงยกตัวอย่างครับ ผมก็พูดว่า ภัยพิบัติ 2012 ไม่ได้บอกว่าวันสิ้นโลกซะหน่อย ?
ถ้าผมพูดว่าเป็นวันสิ้นโลก ผมจะพูดทำไมว่าเป็นการกลัวเตรียมเสบียง ต้องบอกให้หนีออกนอกโลกไปซิ หัดใช้ปัญญาหน่อยๆๆๆ พ่อรูปธรรมทางพลังงานชั้นสูง

"อย่างสมมุติเรื่องภัยพิบัติ 2012" ส่วนข้อความอื่นผมก็เขียนให้สั้นลงว่า2012

แล้วมันเป็นธรรมดาของทุกสิ่งมีชีวิตอยู่แล้วครับ ดูอย่างมนุษย์เราก็จะสำคัญตัวเองว่าฉลาดสุด พวกสิ่งมีชีวิตในมิติอื่นก็คงไม่ต่างกันเท่าไรครับ คิดว่าตัวเองมีพลังมีถูมิปัญญาสูงกว่ามนุษย์โลก หารู้ไม่ว่าเป็นการสำคัญตนเองผิดไวคิดว่าตัวเองอยู่เหนือกว่าสิ่งมีชีวิตชนิดอื่น

 

อ่อ งั้นผมขอโทษด้วยครับ สงสัยชักเริ่มมึนแระ อิอิ :boo:

 

ไหลอีกตามเคย ผมไม่ได้อยากจะทำเอง แต่ที่คุณพูดมาก็เหมือนว่าคุณได้พบประสบมาด้วยตัวเองแล้ว ถึงมาบอกให้เื่พือนสมาชิกลองทำตาม

ก็เลยอยากให้ท่าน ยกตัวอย่างจากประสบการณ์ตรงส่วนตัวว่าที่ได้ลอง เอาความรู้ที่คุณได้มา ประยุกต์ในชีวิตประจำวันมาแชร์ หรือมาแสดงตัวอย่างสนับสนุนคำพูดว่าไม่ได้พูดลอยๆ แต่ถ้าไม่มีก็บอกไม่มี จบ

 

ดราม่ากำลังเมามัน

 

เอาไปแต่งนิยายดีกว่ามั้ง กลุ่มพวกนี้ใช้เวิบทูเดากันเก่ง

 

อยากรู้อย่างเป็นรูปธรรมอย่างที่โปรเซดอนว่ามาเหมือนกัน

 

แต่ละท่านแจ่ม ๆ ทั้งนั้น ผมก็คาดไว้ว่า พวกเราชาวโลกนะตายกันในโลกใบนี้อยู่แล้วละครับ ไม่ได้อพยพไปไหนได้หรอกครับ โครงการอวกาศนะผมก็รู้ว่ามี แต่ก็บอกไปแล้วว่ายังไม่สามารถดำเนินการไปอาศัยได้หรอกครับ ต่อให้นาซ่าหมกเม็ดอะไรไว้ก็ตาม ก็ไม่มีทางจะดำเนินการได้อย่างรวดเร็วได้ทันการหรอกครับ ผมว่ามาคอยดูความจริงที่จะปรากฏในไม่ช้านี้ดีกว่า มีอย่างหนึ่งที่เรามักถูกสื่อกล่อมประจำก็คือ ให้คิดแต่เรื่องบวก ความจริงแล้วการคิดแต่เรื่องบวกอย่างเดียวนะไม่สามารถรับสถานการณ์เลวร้ายได้หรอกครับ เช่น พอรู้ว่าภัยธรรมชาติจะทำลายโลก ก็คิดไปว่าเราจะมียานอวกาศเดินทางไปนอกโลกเพื่อหาที่อยู่ใหม่บ้าง เสมือนเป็นการปลอบใจตัวเอง แต่ถ้าเกิดไม่มีอะไรในกอไผ่ละครับ คือ ไม่มีโครงการอพยพ ไม่มีเทคโนโลยีในการเดินทางไปอาศัยได้จริงละครับ จะทำอย่างไรมิทราบทุกท่าน

 

การโ์ตูน คอบบร้า เลยนะนั่น

 

การคิดบวกคือการส่งพลังให้กับไกอา (จิตวิญญาณของดาวเคราะห์โลกน่ะครับ) หากพลังงานบวก/ความรักของชาวโลกมากพอ มนุษย์จะสามารถห้ามได้แม้กระทั่งแผ่นดินไหว !!


*ผมเอาข้อความต่างมิติจากท่านครายออนแห่งหน่วยพลังงานแม่เหล็กมาให้อ่านนะครับ สื่อสารผ่านทางโทรจิต
เรื่อง "การออกแบบมนุษย์โดยผู้สร้าง"
(จิตจักรวาลครายออนเป็นกลุ่มความคิดที่เกิดจากการระเบิดของดวงอาทิตย์เก่า กลุ่มความคิดนี้จะล้อมรอบด้วยแสง เป็นผลึกที่มี 11 หน้าไม่เหมือนกัน และมีเปลือกหุ้มที่หมุนรอบอย่างรวดเร็ว เรียกว่า "เมอร์กาบ้า" และเทอเป็นผู้ที่ทำลายดาวหางที่จะชนโลก โดยให้ไปชนดาวพฤหัสแทน)

ท่านครายออน : มีผู้คนมากมายที่บอกกับพวกคุณว่า พระเจ้าเป็นผู้สร้างมนุษย์ขึ้น และพระเจ้าก็พูดแบบนี้

"ข้าจะนำมนุษย์ไปไว้ในโลกและทำให้พวกมันเจ็บปวดและทุกข์ทน ข้าจะทำให้พวกมันพบกับความลำบาก เพื่อให้พวกมันรู้สึกว่าพวกมันเกิดมาพร้อมกับความสกปรก จากนั้นข้าก็จะใส่ความรู้สึกผิดบาปให้กับพวกมันในทันที เพื่อให้พวกมันทุกข์ทน
และรับเคราะห์จากอะไรบางอย่าง ที่ได้เกิดขึ้นเมื่อมานานแสนนานแล้ว ไปจนตราบชั่วชีวิตของพวกมัน ข้าจะทำให้พวกมันหมอบและคลานเข้ามาหาข้า ข้าจะทำให้พวกมันรู้สึกต่ำต้อยจนถึงที่สุด"

พวกคุณคิดว่าความคิดแบบนี้ จะออกมาจากจิตของผู้สร้างที่แท้จริงหรือ? และในโลกที่แสนสวยงามใบนี้หรือ? พวกคุณมีใครคิดว่ามันสมเหตุสมผลบ้างไหม !!

ทุกท่านครับ นั่นคือวิธีที่พวกคุณ (สมมุติว่าเป็นผู้สร้าง) พวกคุณจะทำกับมนุษย์ใช่หรือไม่?

พวกคุณก็คงอาจจะตอบว่า ไม่แน่นอน และจะไม่ทำอย่างนั้นแน่นอน ถ้าเช่นนั้นแล้ว พวกคุณจะทำยังไงหละ? ด้วยจิตใจที่เปี่ยมไปด้วยความเมตตาธรรมอันสูงส่ง พวกคุณจะสร้างมนุษย์ขึ้นมาอย่างไร?

เราอยากจะเสนอมุมมองอีกมุมมองหนึ่ง ที่พวกคุณอาจจะคิด ถ้าหากว่าพวกคุณเป็นพระเจ้าจริงๆ ว่า

"ข้าจะสร้างสวนสวยให้มนุษย์ สร้าง DNA ที่ศักดิ์สิทธิ์ให้แก่มนุษย์ ซึ่งมันจะกลายไปเป็นแบบแผนของระบบความทรงจำข้ามภพชาติอันสวยงามของมนุษย์ และกลายไปเป็นแบบแผนทางด้านสุขภาพของมนุษย์ จากนั้นข้าก็จะนำมนุษย์ไปไว้ในโลก ให้อยู่ในฐานะผู้ที่มีความสำคัญมากที่สุด ซึ่งแต่ละคนก็จะมีชิ้นส่วนหนึ่งของข้าอยู่ในตัวพวกเขาเหมือนๆกันหมดทุกคน ข้าจะนำภาพลักษณ์อันศักดิ์สิทธิ์ของข้าใส่เข้าไปใน DNA ของพวกเขา ดังนั้นข้าอาจจะพูดได้ว่า ข้าสร้างพวกเขาขึ้นมาด้วยภาพลักษณ์ของข้าเอง

จากนั้นข้าก็จะส่งบรรดาคุรุผู้ที่มี DNA อันศักดิ์สิทธิ์และถูกกระตุ้นแล้วทั้งหลาย ลงไปแสดงให้พวกเขาเห็นว่า พวกเขาสามารถทำอะไรได้บ้าง เพื่อไม่ให้พวกเขาลืม เหล่าคุรุและผู้บุกเบิกทางผู้ยิ่งใหญ่ทั้งหลาย จะทยอยลงมากันเป็นระยะๆ ตามแต่ละยุคสมัย เพื่อให้พวกเขามีแบบอย่างอยู่เสมอๆ"

"ข้าจะมอบพลังอำนาจที่เหนือกว่าพลังของธรรมชาติให้แก่พวกเขา ถ้าหากว่าพวกเขาสามารถใช้ทางเลือกอิสระของตนเองค้นพบความสูงส่งของตัวเองได้ พวกเขาก็จะสามารถเปลี่ยนแปลงร่างกายของพวกเขาเองได้ พวกเขาสามารถที่จะเปลี่ยนแปลงอารยธรรม และเปลี่ยนแปลงโลกใบนี้ได้ ข้าจะทำให้พวกเขามีพลังอำนาจมากมาย ถ้าหากว่าพวกเขามารวมตัวกันจำนวนมากพอ พวกเขาก็จะสามารถทำได้แม้กระทั่งห้ามไม่ให้เกิดภัยพิบัติได้ พวกเขาจะเชื่อมโยงอยู่กับไกอา"

ฟังดูแล้วรู้สึกเป็นยังไงบ้าง แต่สิ่งที่พวกคุณเพิ่งอ่านจบไปแล้ว นั่นแหละคือความจริง แล้วพวกคุณรู้ไหมว่า ใครที่รู้ความจริงนี้ก่อนใครเพื่อน?...ซึ่งก้อคือบรรพบุรุษของพวกคุณที่เคยอยู่ในยุคนั้นแหละ

ปล.ไม่ว่าจะเป็นในอดีตหรือในปัจจุบันก็ตาม ทุกสรรพชีวิตบนโลก ล้วนมีความเชื่อมโยงอยู่กับไกอาเหมือนๆกันหมด !!