เปิดตำนานหลวงพ่อทิม วัดละหารไร่

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย แก้วสว่าง, 17 เมษายน 2011.

  1. rungaran

    rungaran เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    15,573
    ค่าพลัง:
    +57,321
    :cool:
    ขอบคุณครับ สำหรับ คำสอน ท่อนนี้เป็นพระคุณ อย่างสูงครับ
    "ขอเอามาใช้ครับ ไม่รู้ไม่ชี้ไม่มีปัญหา ไม่รู้แล้วดันไปชี้ ชีวีจะวางวาย"
    กระผมขอจำขึ้นใจเลยครับ :cool:
     
  2. แก้วสว่าง

    แก้วสว่าง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    3,232
    ค่าพลัง:
    +49,927
    สวัสดีครับคุณขมังเวทย์ จากความรู้เรื่องปรอทที่หลายคนยังไม่ค่อยเข้าใจโดยถ่องแท้ ซึ่งตอนนี้หลายคนก็ได้เข้าใจกันบ้าง แต่หลายคนก็อยากได้เห็นปรอทที่ได้นำมาอธิบายให้ฟังนะครับหรือเครื่องรางที่ทำมาจากปรอท คุณขมังเวทย์พอจะมีรูปมาให้ชมเพื่อเป็นวิทยาทานแก่ในกระทู้บ้างไหมครับ.....?
     
  3. แก้วสว่าง

    แก้วสว่าง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    3,232
    ค่าพลัง:
    +49,927
    ยินดีต้อนรับครับคุณpetchabon ยินดีครับที่ได้เข้าติดตามในกระทู้หลวงปู่ทิมครับ มีเรื่องราวหรือประสบการณ์ใดๆโพสมาเล่าให้ฟังกันได้นะครับ
     
  4. ขมังเวทย์

    ขมังเวทย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    645
    ค่าพลัง:
    +1,829
    ผมสร้างตอนดำรงค์อยู่เพศบรรพชิตครับ ที่ใหนสร้างพระสร้างเจดีย์ผมบรรจุใว้

    หมดแล้วครับ ตอนเป็นเณรน้อยก็เคยไปจำพรรษาแถวๆวังม่าน ติดตามวิธีสร้าง

    มีดหมอหลวงพ่อฉุย ที่ร่ำลือกันว่าท่านเสกก้านพลูเคาะหัวเด็กวัดแตกใด้ ยังว่า

    ครับวาสนาบ่ฮอดตามเคยครับ คนที่จะพาไปก็ไปหายครับ

    แต่ถ้าใครสนใจศึกษาการหุงปรอท ก็พอจะแนะนำให้ใด้ครับ เผื่อใครสำเร็จก็จะ

    ใด้ไปเด็ดมักลีผลมาเป็นของกำนลครูครับ
     
  5. น้าต๋อย เซมเบ้

    น้าต๋อย เซมเบ้ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2009
    โพสต์:
    7,815
    ค่าพลัง:
    +58,748
    รบกวนเฮียหนาน ให้ความรู้เรื่องการสูญปรอทด้วยครับ (ผมพิมพ์ถูกหรือเปล่า)
    ว่าเขาทำกันยังไงครับ เห็นคนทำมือออกดำๆ เขาว่าต้องใช้จิตในการทำ
     
  6. lynn@nice

    lynn@nice เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2009
    โพสต์:
    21,367
    ค่าพลัง:
    +19,459
    ขอบคุณนะคะ ที่นำเคล็ดวิชามาเผยแผ่ ให้เพื่อนๆสมาชิกได้ทราบกัน ถึงว่า...รวมพลท่านจอมยุทธทีไร นั่งกันยาวทุกที (ในเจเจ แอร์เย็นฉ่ำ) หุๆๆๆ
     
  7. ขมังเวทย์

    ขมังเวทย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    645
    ค่าพลัง:
    +1,829
    น้อย หนาน ตะหารเก่า ไม่บ้าก็เมา มีอยู่2อย่างครับ5555

    น้อย=ศึกมาจากสามเณร

    หนานหมายถึงคนที่ศึกมาจากพระ หนานหลวงคือเจ้าอาวาสศึกออกมา

    เทียบกับภาคกลางคือ ทิด นะหละครับ มาจากคำว่าบัณฑิต กล่อนคำน่าออก

    เหลือคำหลัง แล้วแปลงบาลีให้เข้ากับลิ้นคนไทย จึงเหลือคำว่าทิดนำน่าครับ

    ผมนี้เป็หนานหลวงครับเพราะ อยู่อาวาสคนเดียว จึงเป็นหนานหลวงโดยบังเอิญ

    เพราะโชคช่วยครับ สูญปรอท แล้วแต่ละถิ่นจะเรียกกันครับ จุดประสงค์คือตัวเอา

    ปรอทเข้าตัวเพื่อการรักษาโรค หรือใว้คุ้มตัวตามมติของแต่ละสำนักครับ

    บางที่ก็เป่าเข้า บางที่ต้องขยี้ช่วย บางที่เสกแล้วให้กลืนลงไปเลยก็มีครับ

    ข้อสังเกตุ ที่ว่ามีคราบดำๆนั้นเกิดจากการล้างปรอทยังไม่ใด้ที่ครับ มีคงกระพัน

    แถมมินามาตะให้ด้วยนะครับ

    การรักษาตัว ผู้ที่เล่นปรอทควรรู้ใว้นะครับ ที่ว่าปรอทกินตัวก็คือเป็นโรคโลหะ

    หนักครับ ต้องทำความเข้าใจกันนิดนะครับคือปรอทบริสุทธ์นี่กินเข้าไปจะไม่เป็น

    โทษใดๆกับร่างกายครับ ที่เป็นพิษก็คือขี้ปรอทที่เห็นดำๆนั้นหละครับ ร่างกายไม่

    สามารถขับออกใด้ มินามาตะก็คือโรงงานปล่อยสารตะกัวลงไปในน้ำปลาไปกิน

    คนไปจับปลามากินอีกทีครับ

    สิทธิการิยะ หากจักล้างพิษปรอทโบราณจารย์สั่งสอนใว้ว่า พึงแช่โคลน หรือเอา

    โคลนมาพอกตัวใว้ปล่อยให้แห้ง ปะจุบวกปะจุลบตามธรรมชาติจะรักษาใด้เอง

    ครับ เชื่อหนานขมังเวทย์เต๊อะ
     
  8. G.sis.t

    G.sis.t เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    2,321
    ค่าพลัง:
    +11,307
    มาแอบอ่าน ครับผม แหะๆ
     
  9. ขมังเวทย์

    ขมังเวทย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    645
    ค่าพลัง:
    +1,829
    ใครไปก็เตรียมถุงไปด้วยนะคัรบ ผมจะแจก แมงโม้ให้ครับ เหอๆบินว่อนครับ

    ไปหาทำเลเหมาะๆครับ ว่าจะเปิดร้านขายน้ำมนต์ปั่นครับ

    เอาสักแก้วมั๊ยครับ รสชาติดี กินแล้วเป็นศิริมงคลครับอิอิอิอิ
     
  10. แก้วสว่าง

    แก้วสว่าง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    3,232
    ค่าพลัง:
    +49,927
    หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่

    [FONT=&quot]จากตำนานชื่อเสียงอันโด่งดังของหลวงพ่อสังข์เฒ่าที่ท่านได้สร้างตำนานไว้ให้เป็นเกียรติประวัติของเมืองระยองนั้นนับจากลูกศิษย์ของท่านที่มีชื่อเสียงเลื่องลือดังกระฉ่อนไปไกล ทำให้เมืองระยองนั้นโดยเฉพาะในเขตอำเภอบ้านค่ายนั้นจะถือกำเนิดมีเกจิอาจารย์ชื่อดังต่างๆมากมายนับตั้งแต่ยุคหลวงพ่อสังข์เฒ่าลงมาก็จะมีหลวงพ่อทองวัดน้ำคอกเก่า หลวงพ่อกาจ วัดชากกอไผ่ หลวงพ่อวงศ์ วัดบ้านค่าย หลวงพ่ออ่ำวัดหนองกระบอก หลวงพ่อเอม วัดบ้านเก่า ซึ่งถือว่าเป็นเกจิอาจารย์ในยุคต้นๆซึ่งในยุคต่อมาถึงจะเป็นหลวงพ่อทาบ วัดกระบกขึ้นผึ้ง หลวงพ่อเพ่ง วัดละหารไหญ่ หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ หลวงพ่อทัต วัดห้วงหิน เป็นต้น ซึ่งเราจะเห็นว่าเกจิในยุคเก่าๆนั้นท่านจะมีชื่อเสียงในการสร้างเครื่องรางซึ่งในยุคสมัยก่อนนั้น เครื่องรางนั้นถือกำเนิดเกิดมาตั้งแต่ยุคสมัยกรุงศรีอยุธยา ซึ่งโดยส่วนใหญ่จะเป็นตะกรุดหรือผ้าประเจียดที่สร้างกันในยุคที่มีการต่อสู้กันหรือในยามที่มีศึกสงครามกัน เราจะเห็นว่า [/FONT]...
    [FONT=&quot]การสร้างเครื่องรางในสมัยนั้นถ้าเป็นในช่วงยุคของการศึกสงครามต่างๆเช่นในยุคของสมเด็จพระนเรศวรมหาราชหรือสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชจุดประสงค์เพื่อการกอบกู้เอกราชของบ้านเมืองซึ่งการสร้างเครื่องรางนั้นก็เพื่อเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจหรือเพื่อเป็นกำลังใจในการต่อสู้เพื่อให้กำชัยชนะกลับมาซึ่งเมื่อได้รับชัยชนะกลับมาโดยที่คู่ต่อสู้ไม่สามารถทำอันตรายได้หรือได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยก็อาจจะแสดงผลถึงความศักดิ์สิทธิ์ของเครื่องรางได้ที่สามารถคุ้มครองปกป้องให้รอดพ้นจากอันตรายของคมหอกคมดาบได้ และการสร้างเครื่องรางต่างๆนั้นก็ได้สืบทอดมาตราบเท่าทุกวันนี้ซึ่งเครื่องรางที่สร้างในยุคสมัยนั้นโดยส่วนใหญ่เท่าที่สืบทราบมาจะเป็นตะกรุดหรือผ้าประเจียดแต่โดยส่วนใหญ่ตะกรุดในสมัยนั้นวัสดุสำคัญในการสร้างจะใช้ตะกั่วเป็นตัวสำคัญในการทำและมาถึงยุคสมัยของหลวงพ่อสังข์เฒ่าท่านเคยสร้างตะกรุดที่ทำมาจากตะกั่วซึ่งตามประวัติท่านได้สร้างไว้เมื่อ ครั้งตอนที่ท่านอยู่ที่วัดละหารใหญ่ซึ่งตามคำบอกเล่าท่านได้ใช้ตะกั่วในการทำตะกรุดซึ่งในยุคสมัยนั้นน่าจะใช้ตะกั่วถ้ำชามาทุบทำตะกรุด ซึ่งน่าจะเหมือนกับพระยอดธงเนื้อตะกั่วที่สร้างกันมาในยุคสมัยเดียวกัน ซึ่งพระยอดธงนั้นจะหาดูกันได้ตามกรุเจดีย์วัดต่างๆที่บรรจุยอดธงไว้หรือพระที่สร้างบรรจุไว้ที่เจดีย์วัดเก๋งซึ่งน่าจะสร้างในยุคสมัยเดียวกัน แต่ตะกรุดในยุคนั้นเราจะหาดูกันได้ยากมาก ซึ่งด้วยตามกาลเวลาที่ยาวนานเกือบสองร้อยปีหลวงพ่อสังข์เฒ่าท่านได้สร้างตะกรุดไว้ท่านคงน่าจะแจกแก่ลูกศิษย์ที่ใกล้ชิดหรือชาวบ้านที่มาขอเครื่องรางสำหรับติดตัวไว้ซึ่งจุดประสงค์น่าที่จะป้องกันอันตรายจากภัยต่างๆเช่นป้องกันคุณไสยป้องกันผีป่าหรือป้องกันอันตรายจากสัตว์ร้ายต่างๆแต่โดยส่วนใหญ่มีพุทธคุณทางอำนาจคงกระพัน เช่นดังตำนานคำบอกเล่าว่ามีชาวบ้านที่เป็นลูกศิษย์เคยมาขอตะกรุดจากหลวงพ่อสังข์เฒ่าไปซึ่งหลวงพ่อท่านก็คงทำให้เป็นรายๆไป ในสมัยก่อนในหมู่บ้านละหารใหญ่และละหารไร่จะยึดอาชีพทำนาทำไร่ซึ่งต้องแบกจอบแบกเสียมกันไปทำงานกันตามท้องทุ่งท้องนา และมีอยู่วันหนึ่งขณะที่ชาวบ้านกำลังขุดดินตามท้องนาอยู่นั้นก็ได้เกิดลมฝนมาอย่างรวดเร็วท้องฟ้ามืดดำตามด้วยเสียงฟ้าร้องฟ้าลั่นเป็น ที่น่ากลัวมาก จากนั้นชาวบ้านที่ไปทำนาทำไร่กันต่างคนต่างก็รีบวิ่งไปยังที่พักพิงกัน คงเหลือเพียงคนๆหนึ่งที่เดินแบกจอบโดยที่ไม่เกรงกลัวสิ่งใด ซึ่งจากนั้นก็เกิดเหตุการณ์ที่ไม่ได้คาดคิดก็ได้เกิดฟ้าผ่ามาที่ชายคนนั้นและได้หมดสติล้มลงไปในทันที ซึ่งทุกคนที่เห็นเหตุการณ์ต่างก็ได้ตกตะลึงแต่ก็ไม่มีใครกล้าเข้าไปช่วยเหลือในขณะที่กำลังมีเหตุฟ้าร้องและฟ้าผ่าอยู่ พอเหตุการณ์ผ่านไปสักชั่วครู่หนึ่งทุกคนก็ได้ตกตะลึงกันอีกเมื่อชายคนนั้นได้ลุกขึ้นมายืนโดยไม่มีอาการสะทกสะท้านใดๆและจากนั้นก็ได้เดินมาถึงยังที่พักพิง ทุกคนที่ได้ตกตะลึงต่างก็ดูที่ตัวซึ่งก็ไม่มีอาการใดๆมีแค่รอยไหม้แบบถากๆเท่านั้น ซึ่งทุกคนก็สงสัยว่าทำไมไม่เป็นอะไรเลยจากนั้นชายคนนั้นก็ได้ถลกเสื้อขึ้นมาผลปรากฏว่าในเอวของตนนั้นได้คาดตะกรุดที่ได้ไปขอมาจากหลวงพ่อสังข์เฒ่าไว้ ซึ่งเป็นประสบการณ์ที่น่าอัศจรรย์มากและเป็นเหตุการณ์ในอดีตที่เล่าลือสืบต่อกันมา เราจะเห็นว่าตะกรุดที่ได้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อให้คุ้มครองจากอันตรายต่างๆนาๆได้ แต่อาจารย์ในยุคเก่าที่ท่านได้สร้างเครื่องรางต่างๆนั้นยังมีอีกมากมายที่มีอานุภาพดุจเช่นเดียวกับตะกรุดซึ่งผมจะยกตัวอย่างเช่นแหวนคาดแขนที่ใช้สำหรับคาดแขนหรือแหวนแขนตามแต่จะเรียกกัน ซึ่งกำเนิดการสร้างกันมาตั้งแต่ครั้งใดก็ไม่สามารถสืบทราบได้ ซึ่งตามตำนานเก่าของเมืองระยองนั้นหลวงพ่อกาจเกจิเก่าในเขตบ้านค่ายในยุคสมัยที่ท่านดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาสแห่งวัดชากกอไผ่ (อาจารย์ของหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่) ซึ่งท่านถือว่าเป็นเกจิชื่อดังซึ่งท่านน่าจะยุคเดียวกันกับหลวงปู่ศุข แห่งวัดปากคลองมะขามเฒ่า ซึ่งนอกจากท่านจะเป็นอาจารย์ที่มีชื่อเสียงในการทำผ้ายันต์พัดโบกอันลือลั่นแล้ว ท่านยังมีวิชาการทำแหวนแขนสามารถทำได้อย่างศักดิ์สิทธิ์มาก ซึ่งการทำแหวนแขนของหลวงพ่อกาจนั้นลูกศิษย์ในยุคเก่าๆเล่าว่าแหวนแขนของหลวงพ่อกาจนั้นท่านจะใช้ผ้าห่อศพหรือบางทีท่านก็ใช้เชือกที่มัดตราสังข์นำมาเป็นวัสดุที่ใช้ในการทำหลังจากที่บังสุกุลเสร็จแล้วท่านจะเอามาทำตามวิธีการของท่านซึ่งการสร้างในสมัยก่อนจะสร้างกันตามพิธีการมาก ในช่วงยุคแรกๆหลวงพ่อกาจท่านจะทำของท่านเองและถักผ้าหรือถักเชือกเองโดยเวลาถักให้เข้ารูปให้เป็นรูปแหวนจะต้องมีการภาวนาคาถาทุกครั้งที่ทำ หลังจากถักเสร็จเรียบร้อยแล้วท่านก็จะนำไปปลุกเสกในห้องของท่าน หลังจากที่ปลุกเสกเรียบร้อยแล้วหลวงพ่อกาจท่านก็ได้นำแหวนแขนทั้งหมดนั้นโยนเข้าไปในกองไฟ ซึ่งอันไหนไม่ไหม้ไฟถือว่าใช้ได้แต่ถ้าอันไหนไหม้ไฟถือว่าใช้ไม่ได้ซึ่งเป็นการสร้างให้ถูกต้องตามตำราในการสร้างแหวนแขนซึ่งก็หาเกจิอาจารย์ที่น้อยมากที่จะสร้างให้ถูกตามตำราได้ ซึ่งพอมาในยุคหลังๆหลวงพ่อกาจท่านจะมั่นใจในวิชาที่ท่านทำแล้ว ท่านจะทำเองบ้างหรือไม่ก็ลูกศิษย์มาทำกันบ้างหลังจากที่หลวงพ่อท่านปลุกเสกเสร็จแล้วท่านจะแจกให้แก่ลูกศิษย์ลูกหาหรือผู้ที่มาขอของดีจากท่านไป ในยุคสมัยนั้นเวลาวัดมีงานต่างๆจะมีงานรำวงหรืองานมหรสพต่างๆในยุคนั้นจะมีการนิยมมาเที่ยวกันมากโดยตามหลายถิ่นหลายหมู่บ้านจะมากันมากมายแต่ก็ไม่พ้นเรื่องการเขม่นหาเรื่องกันเพราะต่างถิ่นกัน ปลัดเจริญ เพชรนคร (หลานของหลวงพ่อทาบ วัดกระบกขึ้นผึ้ง)ซึ่งท่านมีถิ่นฐานอยู่ที่บ้านชากกอไผ่สมัยที่ท่านยังเป็นเด็กหนุ่มรุ่นๆเล่าว่า มีงานรำวงมหรสพที่วัดชากกอไผ่หลังจากนั้นในงานก็ได้เกิดมีการแย่งจีบสาวกันก็เลยมีเรื่องชกต่อยกันในหมู่บ้านฝ่ายคนที่สู้ไม่ได้ซึ่งเป็นคนนอกพื้นที่ก็ได้ไปเอามีดดาบมาฟันไปยังฝ่ายตรงข้ามซึ่งเป็นคนในพื้นที่โดยฟันไปอย่างแรงหลายครั้งจนล้มลงจากนั้นคนที่ฟันก็ได้หนีไปเพราะคิดว่าตายจากนั้นชาวบ้านก็ได้มาดูและช่วยกันหาม ซึ่งผลปรากฏว่าคนที่โดนฟันนั้นกลับไม่มีรอยเลือดหรือรอยแผลใดๆกลับมีแต่รอยช้ำเท่านั้น ซึ่งในตัวคนที่โดนฟันนั้นไม่ได้แขวนพระใดๆเลยแต่ในตัวนั้นได้คาดแหวนแขนของหลวงพ่อกาจไว้อย่างเดียวซึ่งมันเป็นเหตุการณ์ที่เล่าลือกันมาในอดีต ซึ่งแสดงได้ถึงความศักดิ์สิทธิ์ของแหวนแขนหลวงพ่อกาจที่มีอานุภาพสามารถคุ้มครองได้อย่างน่าอัศจรรย์มาก ในสมัยนั้นจะกล่าวขานกันมากซึ่งในปัจจุบันนี้แหวนแขนของหลวงพ่อกาจนั้นยอมรับกันว่าของๆท่านได้ยากมากถ้าอายุการสร้างมาถึงปัจจุบันนี้ก็กว่าร้อยปีแล้ว ซึ่งจะหาอาจารย์ที่สร้างแหวนแขนให้มีอานุภาพที่ศักดิ์สิทธิ์นั้นจะหายากมากทำให้ชื่อเสียงของหลวงพ่อกาจนั้นเป็นที่รู้จักและเป็นที่เลื่องลือกันมากในสมัยนั้น แต่แหวนแขนนั้นในยุคที่ไล่เลี่ยกันมาที่สามารถสร้างได้มีประสบการณ์อย่างน่าอัศจรรย์มากเหมือนกันคือหลวงพ่อวงศ์แห่งวัดบ้านค่ายซึ่งตามประวัติท่านเรียนมาจากใครก็ไม่ได้กล่าวถึง ซึ่งแหวนคาดแขนของหลวงพ่อวงศ์นั้นส่วนใหญ่ที่พบเห็นท่านจะใช้ผ้าแล้วถักเป็นแหวนคาดแขนส่วนมากจะทาด้วยยางรักเพื่อความคงทน ซึ่งจะหาได้ยากมากเหมือนกันซึ่งส่วนใหญ่หลวงพ่อวงศ์ท่านจะแจกให้กับลูกศิษย์ลูกหาซึ่งส่วนใหญ่จะมีทั้งทหารและตำรวจ มีนายทหารเรือท่านหนึ่งซึ่งท่านเป็นลูกศิษย์ลูกหาของหลวงพ่อวงศ์และไปมาหาสู่กับหลวงพ่อวงศ์เป็นประจำทุกครั้งที่ว่างเว้นจากราชการ ซึ่งนายทหารเรือท่านนั้นก็ได้ของดีจากหลวงพ่อวงศ์หลายอย่างและหนึ่งในจำนวนนั้นก็มีแหวนคาดแขนของท่านด้วย ซึ่งนายทหารเรือท่านนี้ท่านนับถือหลวงพ่อวงศ์มากและเวลาออกศึกสงครามครั้งใดท่านจะคาดแหวนแขนของหลวงพ่อวงศ์ไปด้วยทุกครั้งและรอดพ้นจากอันตรายในทุกๆครั้งและมีอยู่คราวหนี่งท่านได้เล่าว่าท่านก็ได้ถูกทางราชการส่งตัวออกไปรบที่สงคราบเวียดนามและก็ได้เอาวัตถุมงคลของหลวงพ่อวงศ์ไปด้วยโดยเฉพาะแหวนคาดแขนจะคาดติดตัวไปด้วยทุกครั้งโดยมีเหตุการณ์อยู่ครั้งหนึ่งขณะที่กำลังมีการลาดตระเวนและมีอยู่ช่วงหนึ่งขณะที่กำลังลาดตระเวนอยู่นั้นก็ได้ไปเจอกับข้าศึกฝ่ายตรงข้ามซึ่งทีจำนวนมากกว่าจากนั้นฝ่ายข้าศึกก็ได้ยิงปืนจรวดอาพีจีมายังที่กลุ่มของตนซึ่งผลปรากฏว่าทหารที่มากับตนนั้นโดนอานุภาพของจรวจอาพีจีตายกันหมดศพนั้นเกลื่อนตายกันเป็นกองส่วนตนนั้นกลับรอดมาได้โดยไม่เป็นอะไรมาก แต่ในขณะนั้นตนก็ยังไม่สามารถหลบหนีไปได้ต้องทำเป็นแกล้งตาย ซึ่งฝ่ายข้าศึกหลังจากยิงเสร็จแล้วสักพักหนึ่งก็ได้เดินกันมาที่ศพจากนั้นฝ่ายข้าศึกก็ได้ใช้หอกใบพายทิ่มไปที่ศพเพื่อให้แน่ใจว่าตายจริง ส่วนตนก็ต้องแข็งใจสู้เพื่อให้รอดตายก็ได้นึกถึงหลวงพ่อวงศ์ขอให้รอดพ้นจากอันตราย พอฝ่ายข้าศึกเดินมาถึงระยะที่ใกล้เข้ามาถึงตนจากนั้นตนก็ได้นอนตะแครงข้างแล้วใช้ศพนั้นทับปิดบังตัวเองไว้จากนั้นฝ่ายตรงข้ามก็ได้ใช้หอกใบพายทิ่มไปที่ศพที่ตนนั้นได้ปิดบังไว้โดยได้ทิ่มลึกทะลุไปถึงตนซึ่งโดยเผอิญหอกใบพายได้ทิ่มไปโดนตรงแหวนแขนที่ตนได้คาดไว้พอดี ซึ่งจังหวะนั้นตนก็ได้แต่นอนนิ่งซึ่งทางฝ่ายตรงข้ามคิดว่าตายสนิทแล้วจากนั้นก็ได้เดินผ่านไปจนเสร็จสิ้น จากนั้นฝ่ายข้าศึกก็ได้ล่าถอยกลับออกไปกัน จากนั้นตนก็ได้หลีกหนีออกมาได้ มันเป็นเหตุการณ์ที่น่าทึ่งและอัศจรรย์มากซึ่งปัจจุบันท่านก็เกษียณอายุราชการไปหลายปีแล้ว ซึ่งเราจะเห็นว่าเครื่องรางต่างๆที่แสดงถึงความศักดิ์สิทธิ์ที่มีอานุภาพจากการที่ได้นำไปใช้อยู่ที่การได้ยึดมั่นและศรัทธาครูบาอาจารย์ที่เรานับถือซึ่งทำให้สามารถรอดพ้นจากอันตรายต่างๆนั้นได้ ซึ่งการสร้างเครื่องรางในยุคสมัยก่อนนั้นส่วนใหญ่จะสร้างกันให้ถูกต้องตามตำราที่สร้างเพื่อให้สิ่งที่ครูบาอาจารย์ท่านได้กำหนดไว้เพื่อให้เกิดแรงอานุภาพความศักดิ์สิทธิ์ที่เกิดจากอำนาจจากของอาถรรพ์ที่ได้ถูกกำหนดสร้างขึ้นมาเพื่อให้มีอานุภาพสามารถคุ้มครองปกป้องภยันตรายต่างๆหรือให้มีอิทธิฤทธิ์หรือพุทธคุณให้ไปในทางหนึ่งทางใดได้ ซึ่งในเกจิอาจารย์ที่สร้างได้นั้นจะต้องสามารถใช้อาคมควบคุมของอาถรรพ์ที่ถูกกำหนดสร้างขึ้นมาได้ ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ไม่ง่ายที่จะสามารถทำกันได้ถ้าสมาธิจิตหรืออาคมไม่ถึงขั้น แต่เครื่องรางของขลังที่สร้างกันมาในสมัยนั้นถ้าได้ตกทอดมาถึงยุคปัจจุบันนี้ ซึ่งยังคงความขลังหรือความศักดิ์สิทธิ์ได้เสมอเมื่อได้นำไปใช้อย่างถูกต้องถูกวิธีโดยมีจิตที่ยึดมั่นและนับถือซึ่งด้วยอำนาจของแรงแห่งศรัทธาต่อวัตถุมงคลนั้นสามารถมีอานุภาพคุ้มครองปกป้องกันได้อย่างดีจริงๆ..................<o></o>[/FONT]
     
  11. ก้องครับ

    ก้องครับ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    2,447
    ค่าพลัง:
    +10,647
    เข้ามาติดตามบทความของ อ.แก้วสว่างครับ
     
  12. naygood

    naygood เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    1,082
    ค่าพลัง:
    +7,245
    อ่านกำลังเพลินเลยครับ ท่าน อ.แก้วสว่าง
     
  13. buakaew2007

    buakaew2007 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    1,410
    ค่าพลัง:
    +6,221
    แต่ใจร้อนรุ่มเพราะมีคนในเครื่องแบบเดินผ่าน
    เครื่องแบบนักฉึกฉา
    อิอิ............
    ยุบหนอ พองหนอ
    ใหญ่หนอ อวบหนอ ขาวหนอ
    สูงยาว เข่าดีหนอ
     
  14. oyo-oho

    oyo-oho เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    131
    ค่าพลัง:
    +400
    สอบถามเรื่องผงพรายกุมารได้มั้ยครับ ตกลงว่าสร้างจากอะไรกันครับ
    ลพ.สาครก็บอกว่าสร้างจากลิ้นกับผม ลูกศิษย์ใกล้ชิดก็ว่ากระโหลกเด็ก
    จากข้อมูลไม่ตรงกันก็คงมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งบิดเบือนข้อมูล อาจจะเพื่อผลประโยชน์จากจุดนี้ ไม่ได้ลบหลู่หรือหวังดิสเครดิตใครนะครับ แค่คนๆนึงเกิดไม่ทันลป.ทิมและพึ่งมาติดตามได้ไม่นานแต่อยากรู้ความจริงจะได้ไม่โดนใครหลอก แล้วผมก็คิดว่าคงมีหลายๆคนที่อ่านในนี้อยากทราบความจริงไม่ต่างจากผม
    ถ้าคุณแก้วสว่างทราบความจริงผมหวังว่าจะเปิดเผยความจริงโดยไม่กลัวฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเสียผลประโยชน์หรือเสียหน้า เป็นการเชิดชูลป.ทิมด้วย ตัดข้อสงสัยหลายคนที่อยากรู้ให้เข้าใจตรงกัน เพราะที่สงสัยคือ ลพ.สาครว่าเป็นลิ้นกับผมแต่ทำไมหลายๆคนบอกส่องพระที่ผสมผงพรายกุมารลป.ทิมให้ดูกระดูกเล็กๆที่ขึ้นตามองค์พระ
    ขอบคุณคุณแก้วสว่างและผู้ที่จะเปิดเผยความจริงมากๆครับ
     
  15. rungaran

    rungaran เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    15,573
    ค่าพลัง:
    +57,321
    :cool:
    มาปูเสื่อนอนรอตอนต่อไปครับ แหม๋ กำลังมันส์เลย จบตอนซะแล้ว อิอิ
     
  16. lynn@nice

    lynn@nice เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2009
    โพสต์:
    21,367
    ค่าพลัง:
    +19,459
    หุๆๆๆ แห๊ม.... เข้าทางท่านเจ้าสำนักพอดี น้ำมนต์ปั่นเย็นๆดับร้อนใน(อก) ได้เป็นอย่างดีนะคะ....:cool::cool::cool:

    ปล. ขอบคุณบทความดีๆ ค่ะ ท่านอาจารย์แก้วสว่าง
     
  17. แก้วสว่าง

    แก้วสว่าง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    3,232
    ค่าพลัง:
    +49,927
    จริงๆแล้วเรื่องผงพรายกุมารนั้นมันเป็นเรื่องราวที่ถกเถียงกันมานานแล้วซึ่งมันก็ไม่แตกต่างจากอะไรกับพระขุนแผนพรายกุมารที่สร้างกันมาจนพาให้ปวดหัวกันทุกวันนี้ทั้งๆที่พระสร้างกันมาแค่37-38ปี ซึ่งถ้าเปิดเผยความจริงหรือเปิดเผยเรื่องราวไปมากก็จะทำให้สูญเสียหรือขัดผลประโยชน์กัน พระของหลวงปู่ทิมท่านได้สร้างกันมานานแล้วตั้งแต่ยุคก่อนๆโดยเฉพาะพระที่ทำจากเนื้อดินและเนื้อที่ทำมาจากกระเบื้องดินเผาที่สร้างกันมาในยุคแรกๆซึ่งปัจจุบันจะหาดูได้ยากมากซึ่งพิมพ์จะเป็นแบบคล้ายกับขุนแผนบ้านกร่าง มีคนทางไผ่ล้อมเคยได้ไปหาหลวงปู่ทิมเมื่อประมาณปี2512และได้รับพระจากหลวงปู่ทิมซึ่งก็เป็นพิมพ์คล้ายแบบขุนแผนบ้านกร่างซึ่งท่านก็หวงมากเพราะได้รับกับมือ และก็มีหมออนามัยท่านหนึ่งซึ่งปัจจุบันท่านก็เกษียนอายุราชการไปแล้ว ท่านเล่าว่าในสมัยนั้นเมื่อประมาณต้นปี2514อนามัยที่หมู่บ้านละหารไร่นั้นยังไม่มีลูกศิษย์หลวงปู่ก็ได้ไปตามท่านซึ่งท่านอยู่ที่อนามัยหนองพะวาซึ่งท่านก็ได้ไปให้น้ำเกลือหลวงปู่ซึ่งหลังจากเสร็จหลวงปู่ท่านก็ได้มอบพระเครื่องให้ซึ่งหลวงปู่ท่านเล่าว่าเป็นพระเครื่องที่ทำจากมือกดกันในวัดซึ่งหลวงปู่ท่านให้มาเป็นกำๆซึ่งเป็นพิมพ์ที่ยังไม่เคยเห็นกัน ซึ่งปัจจุบันท่านก็ยังเก็บรักษาไว้อย่างหวงแหนมาก เอาไว้ถ้ามีโอกาสผมจะขอนำรูปถ่ายมาให้ชมเป็นวิทยาทานกัน สำหรับเรื่องราวผงพรายกุมารซึ่งก็ไม่มีใครกล้ายืนยันได้แน่ชัดว่ามีจริงแม้กระทั่งลูกศิษย์ที่อยู่กับหลวงปู่มานาน เรื่องราวของหลวงปู่ทิมนั้นยังมีอีกมากมายจากประสบการณ์ต่างๆหรือเรื่องราวที่เด่นชัด อันเรื่องราวของผงพรายนั้นถ้าคิดว่ามีก็มีถ้าคิดว่าไม่มีก็ได้ อยู่ที่เราจะมีจิตที่ยึดมั่นและศรัทธากันมากแค่ไหนเอาไว้ค่อยๆติดตามกันไป.............
     
  18. kengnaja

    kengnaja เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    6,961
    ค่าพลัง:
    +16,850
    อยากให้อาจารย์ช่วยแนะนำวิธีการบูชาพระเครื่องหลวงปู่ด้วยครับ
    ส่วนตัวเชื่อในพุทธคุณพระเครื่องของหลวงปู่หมดใจครับ
    จากประสบการณ์ของตัวเองจริงๆ:cool:
     
  19. ขมังเวทย์

    ขมังเวทย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    645
    ค่าพลัง:
    +1,829
    จากตำนานเล่ากันว่า ลูกศิษย์ไปทำพิธี พลีมาจากศพตายทั้งกลม ประเด็นจึงอยู

    ที่ ทรากเด็กในท้อง ถ้านำมาทำพิธีกรรมแล้วบดเป็นผงจะใด้ไม่มากครับ

    และเด็กจะยังไม่มีกระโหลกเต็มและบางเอามากๆ ว่ากันตามจริงนะครับ ถ้าส่อง

    เห็นชิ้นอาถรรพ์ มีความเป็นไปใด้น้อยมากครับ

    อีกอย่างหนึ่ง พระเวทย์วิทยาคุณของหลวงปู่ ไม่จำเป็นต้องอิงอาศัยพลังภูต

    พรายใดๆก็ใด้ครับ แต่บางอย่างตำราบังคับใว้ก็ต้องทำให้สมบูรณ์ครับ

    ถ้าศึกษาวิธีทำผงบางประการจะมีการเข้าผงกระโหลกหัวผี หรือเถ้ากระดูก ใน

    ตำราจะไม่ใช้วิธีผูกสะกดครับ แต่ใช้เซ่นพลีเจรจา ให้มาร่วมสร้างบุญบารมี

    เป็นความเห็นส่วนตัวนะครับ ผิดถูกประการใดขอน้อมรับครับ
     
  20. naygood

    naygood เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    1,082
    ค่าพลัง:
    +7,245
    วันหยุดหลายวันเลย จะรอลุ้นน้ำท่วมที่บ้านดีหรือจะแอบไปพักต่างจังหวัดดีหว่า
     

แชร์หน้านี้

Loading...