บันทึกของพระคุณลุงคนเชียงใหม่ถึงหลานๆ เรื่องภัยพิบัติ

ถ้าเป็นอย่างที่เล่ามาทั้งหมดเราก็คงจะตาย ปีใหม่นี้พร้อมหรือยังที่จะตาย

 

............................

 

ขอให้ทุกคนอย่ากลัวกลับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น หากเราได้ปฏิบัติกรรมฐาน ปล่อยใจให้วางเพื่อสมาธิ ผมคิดว่า ทุกคนต้องปลอดภัยนะครับ เพราะหลายอาจารย์ท่านก็บอกไว้ว่า คนที่มีศีลเท่านั้นที่จะรอด เมื่อถึงวันนั้น ทุกอย่างต้องมีทางออก ขอให้วันนี้เราหมั่นเร่งปฏิบัติกันนะครับ

 

แสงหายไปหมด แล้วแสงไฟจากกองไฟ

แสงไฟจากเทียนไข หายไปด้วยหรือไม่

 

ขออนุญาตนำข้อมูลไปเผยแพร่แก่คนในครอบครัวนะคะ.....อนุโมทนาสาธุ คะ

 

ทำงานอยู่กรุงเทพฯจะหนีไปทางใหนน้อ...มืดแปดด้าน:'( ไอ้หวังตายแน่งานนี้ คงไม่ใช่อีกสองเดือนที่จะถึงนี้นะท่าน

 

พอจะบอกที่ติดต่อได้ไหมครับ

 

ดูเหมือนกฏแห่งกรรมเริ่มทำหน้าที่แล้ว เริ่มแยกผู้คนให้มีที่ไปของตนเองแล้ว ได้คุยกับเพื่อนๆปรากฏว่าเพื่อนบางคนไปอยู่ในที่ๆตนไม่คิดว่าจะได้ไปอยู่แยกกับพ่อแม่ไปกันคนละทาง เพื่อนบางคนพ่อแม่ห่วงบ้านเป็นตายยังไงก็จะอยู่ที่บ้านให้ลูกไปอาศัยอยู่หอกับเพื่อน เช่นเดียวกับการเดินทางออกต่างจังหวัดบางเส้นทางไม่สามารถผ่านไปได้ บางพื้นที่ถูกน้ำโอบล้อมไว้ออกไปไหนไม่ได้ ทุกคนมีที่ตายของตนเองแล้วเพียงแต่ไม่รู้เท่านั้นว่าที่ไหน เมื่อไร

 

พระอาจารย์รัตน์ ท่านได้บอกกล่าวกับลูกศิษย์ท่านว่า ในวันที่ 21

ธันวาคม 2012(ตามปฏิทินมายา) ช่วงนั้นจะยังไม่มีอะไรหนักๆ ให้เห็น

แต่พระอาจารย์ให้ช่วงเวลานั้น ปลายปี 2012 ถึง กุมภาพันธ์ 2013

ซึ่งตอนนั้นจะมีทั้งแกนโลกพลิก ภัยธรรมชาติใหญ่ๆ มากมาย

และผู้คนจะล้มตายกันมาก ....(ข้อมูลคุณ falkman)

 

แล้วถ้ามันไม่มีอะไรเกิดขึ้น ในแบบที่ จขกท ว่า
จขกท รับผิดชอบ อะไรหรือไม่
ข้อมูลที่ทำให้ตื่นตระหนก ระวังโทษนะครับ


มาตรา ๑๔ ผู้ใดกระทำความผิดที่ระบุไว้ดังต่อไปนี้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
(๑) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน
(๒) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศหรือก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน
(๓) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใด ๆ อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรหรือความผิดเกี่ยวกับการก่อการร้ายตามประมวลกฎหมายอาญา
(๔) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใด ๆ ที่มีลักษณะอันลามกและข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้
(๕) เผยแพร่หรือส่งต่อซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นข้อมูลคอมพิวเตอร์ตาม (๑)(๒) (๓) หรือ (๔)



ประเภทที่นั่งหลับตา แล้วเห็นอะไรร้ายๆ แล้วเอามาประกาศต่อสาธารณะ เนี่ยพอเหอะครับ แน่ใจได้อย่างไรว่า ไม่ได้จิตฟุ่งซ่านไปเอง

 

สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ

อิมานิ ปัญจะสิกขาปะทานิ,
สีเลนะ สุคะติง ยันติ, สีเลนะ โภคะสัมปะทา,
สีเลนะ นิพพุติง ยันติ, ตัสฺมา สีลัง วิโสธะเย.​

​

กราบอนุโมทนากุศลส่งบุญ
๑) เสียงอาราธนาและสมาทานศีล ๕ จากเวบวัดคอนสวรรค์วนาราม
๒) ภาพเขียนไทย วัดเกาะวาลการาม ลำปาง​

เมื่อกล่าวถึง ศีล ... ศีล คือ ความเป็นปกติของความเป็นมนุษย์ ​

ศีล แปลว่า ปกติ ผู้ที่มีศีลจึงหมายถึงผู้ที่เป็นคนปกติ เป็นมนุษย์ที่ปกติ ความปกตินั้นเป็น พื้นฐานของความสงบเรียบร้อยของทุกสิ่งทุกอย่าง ทั้งสิ่งที่มีชีวิต และสิ่งไม่มีชีวิต แต่เมื่อใดเกิดความไม่ปกติขึ้น ความยุ่งยาก ความเดือดร้อนหรือเสียหายย่อมเกิดขึ้นตามมา ​

ในชีวิตประจำวันของคนเรานั้น ถ้ามีความเป็นปกติ การดำเนินชีวิตก็มีแต่ความสงบสุข สังคมก็อยู่อย่างปกติ เรียบร้อย แต่วันใดที่คนปกติกลายเป็นคนไม่ปกติไป เมื่อนั้นความทุกข์ ความเดือดร้อนย่อมเกิดขึ้น ทั้งต่อ ตนเองและบุคคลที่อยู่รอบข้างด้วย อะไรคือความเป็นปกติของมนุษย์ และอะไรคือความผิดปกติของมนุษย์ ศีล ๕ หรือเบญจศีล/เบญจธรรม คือหลักธรรม ซึ่งเป็นหลักการขั้นพื้นฐานที่พระพุทธองค์ทรงสั่งสอน มุ่งเน้นให้พุทธศาสนิกชนได้ประพฤติปฏิบัติตาม ว่าด้วยการ รักษากาย วาจา ใจ คือ ไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ลักทรัพย์ ไม่ล่วงกาม ไม่พูดปด ไม่เสพดื่มของมึนเมา ​

ศีล ๕ ประการนี้ ท่านเรียกว่า มนุษยธรรม แปลว่า ธรรมสำหรับมนุษย์ ธรรมทำให้คนเป็นมนุษย์อย่างสมบูรณ์,เป็นธรรมที่เป็นเหตุให้เกิดมาเป็นมนุษย์ เพราะ ผู้ที่จะมาเกิดเป็นมนุษย์ได้นั้น ต้องเป็นผู้ที่สมบูรณ์ด้วยมนุษยธรรมนี้มาก่อน การเกิดมาเป็นมนุษย์เป็นเรื่องที่ยากแท้ ดังพระพุทธดำรัสว่า "กิจฺโฉ มนุสฺสปฏิลาโภ การได้อัตภาพมาเป็นมนุษย์เป็นเรื่องยาก" เมื่อเราได้อัตภาพเกิดมาเป็นมนุษย์แล้วอย่างนี้ ไม่พยายามรักษาสภาพปกติไว้ ก็จะกลายเป็นผู้ทำลายปกติของตนเอง ผู้ที่ล่วงละเมิดศีล จึงชื่อว่าเป็นผู้ทำลายมนุษยธรรม ผู้ที่ทำลายมนุษย์ธรรมชื่อว่าเป็นผู้ทำลายปกติของตนเอง โดยสรุปแล้ว ศีล จึงเป็นคุณธรรมพื้นฐาน ที่เกิดขึ้นได้จากสามัญสำนึกของมนุษย์​

ศีล ๕ เป็นคุณธรรมพื้นฐาน หมายถึง เป็นเครื่องช่วยควบคุมกายวาจาของมนุษย์ให้เรียบร้อย เพื่อ ให้มนุษย์อยู่ร่วมกันในสังคมอย่างสงบสุขพอสมควร หากมีผู้ใดทำผิดศีลข้อใดข้อหนึ่ง หรือหลายข้อแล้ว ก็จะแสดงพฤติกรรม หรือการกระทำที่ผิดปกติของมนุษย์ออกมา ซึ่งจะก่อให้เกิดความสับสนวุ่นวาย เกิด ความเดือดร้อนทั้งต่อตนเอง หมู่คณะ และสังคมส่วนรวม ​

ศีล ๕ เกิดขึ้นจากสามัญสำนึกของมนุษย์ หมายถึง ที่ปรารถนาจะอยู่ในสังคมได้อย่างสงบสุข ปลอดภัย โดยไม่ต้องหวาดระแวงหรือกลัวอันตราย หรือกลัวว่าจะถูกเบียดเบียนทำร้าย ไม่ว่าจากใคร หรือด้วยวิธีใดก็ตาม บุคคลผู้ต้องการความสุขใน ปัจจุบัน พระพุทธองค์ทรงแสดงธรรมสำหรับบุคคลนั้นไว้ ทั้งทาน การประพฤติตนอยู่ในศีลในธรรม ในฐานะฆราวาส เราจึงควรถือศีลห้าเป็นนิจ ​

เมื่อสำนึกได้ว่า สิ่งที่ควรจะระลึกไว้เสมอคือความสุขความทุกข์ทั้งหลายที่เราประสพทั้งในอดีต, ปัจจุบันและอนาคต (ทั้งในโลกนี้และโลกหน้า) ไม่มีใครทำให้เรา, ช่วยเรา, ทำร้ายเรา ฯลฯ หากแต่เป็นผลของการกระทำที่เราทำไว้ทั้งสิ้น ใส่ใจสักนิดเพื่อตัวเราเอง ถึงเวลาแล้วที่จะตระหนักว่าเช่นไรถึงจะเป็น “การทำเพื่อตัวเอง” อย่างแท้จริง ดังคำที่ท่านว่า ​

คนเข้าถึงสุคติได้ก็เพราะศีล​

คนเข้าถึงโภคสมบัติได้ก็เพราะศีล​

คนเข้าถึงพระนิพพานได้ก็เพราะศีล​

​

...............................................................................................................​

ที่มาข้อมูลมาจาก : http://www.watthasai.net/sila5_normal.html​

[MUSIC]http://palungjit.org/attachments/a.1300653/[/MUSIC]​

เครดิตข้อมูล : โครงการเรารักศีลห้า เวบพลังจิต​

 

คนนั่งลืมตาที่ใช้วิจารณญาณที่เค้าไม่เชื่อไม่ตื่นตระหนกเหมือนคุณพี่ก็มีแยอะแยะ จขกท.ไม่ได้บังคับให้ใครมาเชื่อครับ ของแบบนี้ต้องพิจารณาอย่างแยบคาย ให้คนที่เชื่อเค้าอ่านเค้าคุยกันไปเถอะครับอย่าได้สนใจเอามาเป็นอารมณ์เลยนะครับ

 

ถ้าผิดมาตรา ๑๔ ผมคิดว่าเข้าข่ายหลายท่า่นเลยที่เดียว ที่มีข้อมูลลักษณะอย่างนี้ ทั้งบุคคลทั่วไป พระสงฆ์องคเจ้า ด๊อกเตอร์ อดีตข้าราชการ องค์การอวกาศของฝรั่งตาน้ำข้าว(ถ้ากฏหมายครอบคลุมไปถึง)

ข้อมูลทำให้ผม"ตื่นตระหนัก"มากกว่าตื่นตระหนก

(การกล่าวอ้างอิงบุคคลใดของกระผมที่ทำให้เกิดความขุ่นข้องหมองใจ ขออโหสิกรรมให้กระผมด้วยนะครับ)

 

ถูกต้อง ไม่เชื่อก็เฉยๆ อย่าเข้ามาอ่านกระทู้พวกนี้ให้เสียอารมณ์ อย่างอื่นในเว็บมีให้ดู สาระมีมากมาย แต่ดิฉัน เชื่อ ค่ะ

 

พระคุณลุงคนเชียงใหม่ ท่านเป็นหมออยู่ที่เชียงใหม่ ท่านได้ให้ข้อมูลเตือนไว้นานแล้ว เพื่อเตือนลูกเตือนหลานและผู้มีจิตใจที่สามารถรับได้ ประมาณปี 2550(ถ้าจำไม่ผิด) ท่านได้รู้เห็นและเข้าใจถึงสัจจะธรรมของชีวิต ท่านได้ออกบวชตลอดชีวิต โดยติดตามครูบาอาจารย์ที่ท่านนับถือ ไปธุดงค์ยังประเทศต่าง ลาว ธิเบต พม่า ฯลฯ

ก่อนจะออกไปบวชท่านเขียนบันทึกเตือนหลานชายของท่าน(คุณวิกรม) ผู้ซึ่งปฏิบัติภาวนาจนสามารถติดต่อทางจิตกับท่านได้ คุณวิกรมเองก็มีความลำบากใจ เพราะคำเตือนของพระคุณลุงฯ เหมือนดาบสองคม ผู้ที่รู้ที่เข้าใจได้ก็จะได้มีเวลาเตรียมตัว เตรียมใจ ผู้ไม่รู้ไม่เข้าใจอาจจะวิพากษ์วิจารณ์ในทางที่ไม่ดีได้ ...

ผมเชื่อว่าคุณวิกรมคงใช้เวลาคิดในเรื่องนี้นานพอสมควร ประกอบกับมีภัยพิบัติน้ำท่วมใหญ่ในไทย ผู้ที่รู้ที่เข้าใจย่อมทราบได้ว่าไม่ใช่เรื่องปกติธรรมดา คุณวิกรมจึงได้นำมาโพสต์ในกระทู้(โดยใช้ชื่อ User name ของพระคุณลุงฯ ตามที่ท่านได้มอบไว้) เพราะคิดว่าถ้าเกิดเหตุภัยพิบัติใหญ่ โดยที่คุณวิกรมไม่ได้บอกได้กล่าวกัน อาจจะเป็นการขาดความเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์ แม้จะมีข้อเสียจากการเตือนก็ต้องยอม...

ท่านทั้งหลายลองมองด้วยใจเป็นกลางดูเถิด คำเตือนคำบอกกล่าว ไม่ได้มุ่งหวังผลในอามิส ทรัพย์สินเงินทองใดๆเลยไม่ได้เรียกร้องให้บริจาค หรือเพื่อก่อสร้างสิ่งใดๆเลย เพียงแต่บอกกล่าวกันให้ทราบ เพื่อให้ท่านที่พอจะรู้และเข้าใจ ได้เตรียมตัวเตรียมใจ ทั้งทางโลกและทางธรรม ทางโลกก็ตระเตรียมความพร้อมเรื่องปัจจัยสี่ ทางธรรมก็ทำบุญให้ทานถือศีล ปฏิบัติภาวนา เพื่อพัฒนาและยกระดับจิตใจให้สูงขึ้น...

ผมได้พูดคุยกับคุณวิกรมเมื่อวานนี้(ทางอินเตอร์เนต) ทราบว่า ภายในสองอาทิตย์นี้ไม่อยู่ เพราะต้องไปช่วยพี่น้องที่ประสบภัยพิบัติน้ำท่วมที่จังหวัดอยุธยา...ผมติดตามข้อมูลของพระคุณลุงคนเชียงใหม่ และผู้รู้อื่นๆอีกหลายท่าน จึงเขียนมาเล่าสู่กันฟัง........

อนุโมทนากับชาวพุทธผู้มีศีลธรรมทุกๆท่าน ..

 

การเสพข่าวสารก็ต้องพิจารณาครับส่วนจะเข้าข่ายผิดกฏหมายหรือไม่อย่างไร..ก็ต้องพิจารณาก่อนว่าจุดประสงค์เจตนานั้นมีอะไรแอบแฝงหรือเปล่า...ส่วนเรื่องความตื่นตระหนกเกินไปก็ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล...อีกอย่างนี้ก็เป็นแค่ข่าวสาร..ไม่ใช่ให้ปฏิบัติตามอย่างเดียวไม่ใช่คำสั่ง..ทำตามก็ไม่ผิด..ไม่ทำก็ไม่เป็นไร...เพราะข่าวสารในแนวนี้ออกกันมาทั่วโลก..ผ่านสื่อทั้งข่าวและอินเตอร์เน็ต...อันที่เกิดประโยชน์ก็รับไว้อันไหนที่ไม่เกิดประโยชน์ก็ทิ่งไป...เพราะสุดท้ายการตัดสินใจของเราจะกำหนดชะตากรรมเราชั่วชีวิต...พระท่านจึงบอกว่าให้พิจารณาก่อนเชื่อ...ให้ลองใช้ขอมูลทางสถิติดูสำหรับคนที่ไม่มีญาณวิเศษ..ส่วนคนที่มีญาณก็ใช่ตาในได้เลย...สุดท้าย...ตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตน

 

คุณลุงไชย กล่าวชอบ ถูกต้องแล้วค่ะ
ดิฉันติดตามอ่านข้อความ คำเตือนของ หลวงลุง คนเชียงใหม่มาตั้งแต่ท่านยังไม่ได้ออกบวช
ในตอนนั้นใช้ยูสเซอร์ของสามี
ตอนนี้เลยต้องสมัครของตัวเอง
ท่านออกมาเขียนเพื่อเป็นการบอกกล่าว เป็นการเล่าสู่กันฟังถึงประสบการณ์ของท่าน
ซึ่งท่านไม่ได้เรียกร้องอะไรเลย
คุณลองเข้าไปอ่านดูจากกระทู้เก่าๆของท่านดูก่อน นะคะ

 

*******************************************
ผมอ่านเนื้อหาของพระคุณลุงแล้วไม่แปลกใจเลยที่
ได้เตือนหลานว่าอย่าไปเล่าเรื่องกับคนที่ไม่เคยมี
การฝึกฝนทางจิต
คงเหมือนวันหนึ่งผมไปคุยกับชาวเขาที่อมก๋อยเรื่องที่เมืองนอกเขามีการเอา
รถไฟไปวิ่งใต้ดิน ป้าที่เป็นชาวเขาหัวเราะเยี่ยวเร็ด ว่าผมท่าจะบ้า
อย่ามาโกหกเลย ป้าเคยเห็นรถไปหรอกน่า จะเอาไปฝังนะพอเชื่อแต่จะเอาวิ่งใต้ดิน นะเหอะๆๆๆ แกไม่พูดต่อแล้วก็ บอกว่าในดินหนะ จิ้งหรีด ตัวตุ่นใส้เดือนเขาอยู่กัน ไม่มีคนไปอยู่ได้หรอก

จากนั้นคุณป้าก็ส่งเสียงเล่าเป็นภาษากะเหรี่ยง ทั้งกลุ่มพากันหัวเราะครืนใหญ่
(ตอนนั้นไฟฟ้ายังไม่ถึงบ้านเขา)
ดีเขาไม่เอากฏหมู่บ้านมาไล่ผมออกจากหมู่บ้าน

ท่านอย่าเที่ยวอวดภูมิรู้ในเรื่องที่ท่านไม่รู้เลยครับ
พระพุทธเจ้าตรัสสอนกาลามสูตร คืออย่าเชื่อ
10 อย่าง แต่พระองค์เชิญชวนมาศึกษาในเรื่องที่พระพุทธองค์ได้สั่งสอน
เป็นศาสตร์ที่เหนือกว่าวิทยาศาสตร์ ครับ

 

อนุโมทนาสาธุ ขอบคุณมากครับคนเปิดรับข้อมูลแล้วคิดตาม ปฎิบัติตามคือผู้ไม่ประมาทในชีวิต

 

เห็นด้วยครับเนื้อหาของพระคุณลุง ผมได้อ่านแล้ว อาจจะพอจับใจความได้ว่าเหตุจะเกิดน่าจะเป็นช่วงปีเก่าต่อปีใหม่ แต่ ไม่ได้กำหนดตายตัวเลยว่าเป็นปี 2554 - 2555 ท่านบอกว่ากาลเวลาอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ตามเหตุปัจจัย ส่วนจะเชื่อหรือไม่นั้น ก็น่าจะหาข้อมูลจากหลายๆด้านมาเทียบเคียงกันเอาเองครับ:'(