ปราโมทย์ ไม้กลัด : แก้วิกฤตน้ำท่วมไม่น่าวิตกเลย จะสู้ไม่ได้เพราะปอดแหกกัน

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 18 ตุลาคม 2011.

  1. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ปราโมทย์ ไม้กลัด : แก้วิกฤตน้ำท่วมไม่น่าวิตกเลย จะสู้ไม่ได้เพราะปอดแหกกัน <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#CCCCCC" height="1">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"><tbody><tr><td class="body" align="left" valign="middle">โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</td> <td class="date" align="left" valign="middle">18 ตุลาคม 2554 16:47 น.</td></tr></tbody></table>
    [​IMG]


    "พระเจ้าอยู่หัวท่านสร้างหลักว่าจะทำอะไรต้องเข้าใจและเข้า ถึง ปัญหาคือตอนนี้ทุกคนไม่รู้ว่าปัญหามันมาจากอะไร เพราะอะไร ธรรมชาติในแต่ละพื้นที่ไม่เหมือนกัน สภาพภูมิประเทศ ภูมิศาสตร์ แต่ละพื้นที่แต่ละลุ่มน้ำแตกต่างกัน และพฤติกรรมของน้ำในแต่ละพื้นที่ก็แตกต่างกัน งานนี้ยังไงก็ต้องมีแม่ทัพ หากไม่มีผู้บัญชาการอย่างคนที่รู้จริงๆ แล้วจะแก้ปัญหาได้อย่างไร เวลานี้แก้ปัญหาเลอะเทอะสะเปะสะปะกันไปหมด"

    หมายเหตุ - ศูนย์ข้อมูลและข่าวสืบสวนเพื่อสิทธิพลเมือง (TCIJ) สัมภาษณ์ “ปราโมทย์ ไม้กลัด” อดีตอธิบดีกรมชลประทาน บุคคลอีกผู้หนึ่งที่เฝ้าติดตามวิกฤตปัญหาน้ำท่วมมาอย่างต่อเนื่อง แม้ปัจจุบันจะเกษียณอายุมาเป็นเวลานานถึง 12 ปีแล้ว แต่ด้วยประสบการณ์ที่ทำงานเกี่ยวกับเรื่องน้ำมาตลอดชีวิต จนถึงทุกวันนี้ หากไม่ติดตามปริมาณน้ำในเขื่อนอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ที่บ้าน ก็มักจะเดินทางเข้ามาสำรวจปริมาณน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาหน้าเขื่อนกรมชลประทาน แทบทุกวัน ก่อนให้ข้อมูลด้วยความมั่นใจว่า ประชาชนในกทม.ไม่ควรตื่นตระหนกกับสถานการณ์ในขณะนี้เกินเหตุ

    00 อยากให้อาจารย์ประเมินสถานการณ์น้ำในกทม.จะรุนแรงอย่างที่หลายฝ่ายวิตกหรือไม่

    ปริมาณน้ำที่ไหลผ่านแม่น้ำเจ้าพระยาผ่านกรมชลประทาน ผ่านสะพานพระพุทธยอดฟ้าขณะนี้เป็นกรณีเหมือนที่เคยเกิดในอดีต เป็นปกติไม่ได้มากมายชนิดที่จะต้องหวาดวิตก หากดูปริมาณน้ำที่ไหลผ่านเขื่อนบางไทรซึ่งเป็นต้นทางที่จะเข้า จ.ปทุมธานี นนทบุรีและกรุงเทพก็ไม่ได้มีแนวโน้มที่จะแปรผันอย่างวิปริต แล้วน้ำที่ไหลจากเจ้าพระยาที่จะเข้ากรุงเทพฯ ก็ไม่ได้ไหลพรวดพราด เหมือนน้ำที่ นครสวรรค์ และอยุธยา ระดับจะค่อยๆ เปลี่ยนไป ปริมาณจะค่อยๆ เปลี่ยนไป

    เวลานี้เราต้องดูระดับน้ำที่ผ่านสะพานพระพุทธยอดฟ้า ต้องตรวจวัดกันทุกวัน ในช่วงที่จะขึ้นสูงสุดทุกวัน ซึ่งระดับน้ำตรงนี้จะเปลี่ยนแปลงทุกวัน หากมีน้ำทะเลหนุนสูงก็จะมีช่วง 14-15 ต.ค. ซึ่งน้ำทะเล จะหนุนสูงที่ป้อมพระจุลจอมเกล้าที่สันดอน ที่ช่วงนี้จะหนุนสูงกว่าปกติประมาณ 20 เซนติเมตร ระดับความสูงจะค่อยๆ เรียงลงมา ระดับอาจจะขึ้นสูงสุดในวันที่ 15 ต.ค. (ณ วันที่ 18 ต.ค. 2554 กทม.ระบุว่าน้ำทะเลจะหนุนสูงอีกครั้งช่วง 28-30 ต.ค. 2554)

    00 แสดงว่าปริมาณน้ำในขณะนี้ไม่น่าวิตกและไม่จำเป็นต้องประกาศแผนฉุกเฉิน

    วิเคราะห์ตัวเลขแล้วไม่เห็นจะน่าวิตกเลย และตัวเลขแบบนี้ก็ไม่จำเป็นต้องประกาศภาวะฉุกเฉิน เพราะเมื่อก่อนยิ่งกว่านี้อีก การ ประกาศภาวะฉุกเฉินต้องหมายความว่ากทม.ล้มระเนระนาด เอาไม่อยู่ ผมก็สงสัยว่าเอาไม่อยู่คืออะไร ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯกทม.และผู้อำนวยการสำนักการระบายน้ำกทม.ก็ยืนยันมาโดยตลอดว่า คันกั้นน้ำของเขาระดับที่กทม.ที่สะพานพระพุทธยอดฟ้าสูง 2.50 เมตร เหนือระดับน้ำทะเลปานกลาง แล้วขึ้นเรื่อยไปที่ปทุมธานีและนนทบุรี แล้วยังไงต่อ จะบอกไม่แน่ใจไม่ได้ เพราะการจัดการน้ำไม่ใช่เรื่องของปีนี้ปีเดียว

    00 พายุบันยังที่กำลังจะมาทำให้คาดเดาปริมาณฝนเพิ่มขึ้นหรือไม่

    ยังไม่มาหรอก พายุจะเข้าหรือไม่ยังไม่ทราบ มันอยู่ไกลตะวันออกเฉียงใต้ของเกาะมินดาเนา และเวียดนามอาจต้องรับเคราะห์ก่อนเรา ทิศทางของพายุเราจะโดนแค่หางๆ อาจจะผ่านภาคกลางหรือกทม.ฝนตกตรงๆ คงจะไม่เข้าไปที่ภาคเหนือแน่นอน เพราะร่องความกดอากาศมันเปลี่ยน ทิศทางเกิดในละติจูด 5 องศา ใกล้กับแนวศูนย์สูตรแล้ว แต่ตรงนี้จะทำให้เกิดฝนตก น้ำขัง ล้อมรอบสนามบินหนองงูเห่า ซึ่งขังก็ต้องสูบออกในพื้นที่ภาคตะวันออกนอกคันกั้นน้ำจะเกิดน้ำขัง ตั้งแต่เขต มีนบุรี หนองจอก ลาดกระบัง บึงกุ่ม พื้นที่พวกนี้จะเกิดน้ำขัง

    ซึ่งต้องเข้าใจว่า น้ำฝนขังมันคนละน้ำกับแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งอาจจะทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาเปลี่ยนแปลงนิดหน่อย เพราะฝนตกแผ่กระจายลงไปในทุ่ง ตกในกทม.ก็จะไม่ออกแม่น้ำ เพราะน้ำเยอะ ก็ต้องเกิดน้ำท่วมขัง กทม.ก็ต้องสูบออก มันแยกน้ำกันอยู่ในตัวแล้ว

    น้ำแม่น้ำเจ้าพระยาจะมาจากอยุธยา สิงห์บุรี อ่างทอง ฝนตกในภาคกลางจะตกอยู่ในพื้นที่รวมกอง ทำให้มีน้ำขัง ออกเจ้าพระยาไม่ได้ เพราะเจ้าพระยาสูง และเหตุการณ์ที่จะเกิดไม่ใช่ 2-3 วันนี้ แต่อีก 7 วันข้างแน่นอน แต่ถ้าพายุมาเวียดนามจะต้องรับเคราะห์ก่อนไทย ดังนั้นการแก้ปัญหาต้องมีสติแยกน้ำให้ออก ผมไม่กลัวหรอกหากฝนตกตรงๆ ในพื้นที่ขัง มันสูบออกได้ น้ำที่ผ่านกทม.เป็นน้ำข้างบนจากแม่น้ำปิง วัง ยม น่าน อย่างเดียว ซึ่งยังไม่เคลื่อนลงมาเต็มๆ มันยังไม่รวมตัวเป็นจุดใหญ่ทีเดียวที่นครสวรรค์ ที่ต้องจับตาคือ แม่น้ำปิง ซึ่งเป็นสายน้ำที่แปรผัน เนื่องจากฝนตกที่ จ.กำแพงเพชร จ.ตาก

    เวลานี้มวลน้ำแม่น้ำปิงกำลังเคลื่อนย้ายมานครสวรรค์ ผมก็ตรวจสอบปริมาณน้ำที่นครสวรรค์ทุกชั่วโมง มันไม่มีขยับยังคงที่ 4,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที แม่น้ำปิงมวลใหญ่มาก็ต้องขยับ แต่ตรงนี้อย่างนำไปโยงกับเขื่อนคันกั้นน้ำที่นครสวรรค์แตก เราต้องดูตัวมวลน้ำว่ามันขยับขึ้นหรือไม่ เป็น 4,600 -4,700 ลูกบาศก์เมตร ต่อวินาที ก็ลงมาที่เขื่อนชัยนาท ซึ่งคงที่มาหลายวันที่ระดับ 3,640 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที นี่คือมวลน้ำที่จะเข้ามาต่อเนื่องที่กทม.และมวลนี้จะมาสมทบกับแม่น้ำป่าสัก ตอนล่าง แม่น้ำป่าสักถ้าพายุไม่เข้าปริมาณน้ำก็ลงลงทุกวัน น้ำมวลนี้ไปไหนไม่ได้ ก่อนที่มากรุงเทพ ถึงเขื่อนเจ้าพระยา เขาก็แจกมาข้างๆ ลง ท่าจีน บางปะกง ก็เหลือผ่านแม่น้ำเจ้าพระยาในระดับคงที่

    00 ถ้าระดับน้ำไม่น่าวิตกเหตุใดประชาชนจึงแตกตื่นมาก

    ปัญหาหลักเกิดจากพื้นที่ 3 จุดใหญ่ๆ นครสวรรค์ ลพบุรี อยุธยา ระเบิดเอาไม่อยู่ คันกั้นน้ำพัง ก็เลยมาวาดภาพว่ากทม.คงจะเหมือนกัน ผมก็บอกหลายครั้งแล้วว่าไม่เหมือนมันคนละพฤติกรรมน้ำและคนละพฤติกรรมพื้นที่ บ้านหมี่ ท่าวุ้ง ลพบุรี พื้นที่เป็นท้องกะทะใหญ่ มีคันกั้นน้ำสู้ แต่ประตูระบายน้ำคันมันขาด ทำมาเป็น 10 ปีแล้ว

    00 ทำไมรัฐบาลจึงไม่อธิบายให้ประชาชนเข้าใจเหมือนอย่างที่อาจารย์กำลังอธิบาย

    ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่ากรมชลประทานไปไหนหมด ทำไมไม่พูด ธรรมดาเวลาเกิดเหตุการณ์วิกฤติอย่างนี้ต้องมีแม่ทัพน้ำ คอยบัญชาเหตุการณ์วิกฤติทั้งเรื่องน้ำและที่กั้นน้ำ จะมาบอกที่โน่นที่นี่พังของประชาชนพังก็ต้องบอกว่าที่พังของประชาชน กทม.ต้องตรวจสอบระบบคันกั้นน้ำของตัวเองว่าอยู่ดีหรือไม่ ก็ไม่พูด ผู้ว่าฯกทม.บอกว่า แข็งแรงๆ ก็ต้องกล้าฟันธง และต้องเชื่อมโยงไปที่นนทบุรี ปทุมธานีด้วยว่าสภาพคันน้ำน้ำยังดีอยู่หรือไม่ แข็งแรงหรือไม่ ตอนนี้ใครเป็นแม่ทัพน้ำ

    ในยุคก่อน ผู้หลักผู้ใหญ่ของกรมชลประทานจะมาบัญชาการเอง เพราะรู้เรื่องน้ำดีที่สุด แต่เวลานี้ไม่รู้อะไร และทำอะไรไม่ได้ นอกจากสู้ ก็ต้องถามว่าจะสู้หรือไม่ สู้ก็ต้องถามว่าสู้อย่างไร ทำไมไม่เอาเจ้าหน้าที่ที่มีความรู้ มาวางแนวทางกั้นน้ำฝนกทม.ที่เชื่อมกับปริมณฑล ต้องรู้ว่า น้ำท้ายคลองรังสิต เป็นอย่างไร ระบบวางไว้ให้แล้ว การป้องกันอยู่ที่ไหน ตรงไหนจำเป็นต้องเสริม ต้องซ่อมแซม ขณะนี้ไม่มีใครตอบได้

    00 ขณะนี้ดูเหมือนว่าระบบการบริหารจัดการและการป้องกันน้ำของแต่ละจังหวัดล้มเป็นโดมิโน

    มันต้องล้มครับ เพราะทุกแห่งสู้น้ำหมด ผมก็บอกว่าสู้ไม่ได้ทั้งหมด เพราะน้ำไม่สามารถไปอยู่ที่ที่เคยอยู่หรือที่ที่เคยรวมกองได้ มันก็สร้างตัวเองขึ้นมาเป็นระดับน้ำสูงพลังมันก็เยอะ คันทำไว้ไม่ดีก็ล้มระเนระนาดจนดูเหมือนน้ำเยอะ ทั้งๆ ที่มวลน้ำมันก็เท่าเดิม แต่ความสูงมันเยอะ แต่ทีนี้พอมาถึงกทม.มวลน้ำก็มวลเดิม แต่ความสูงไม่ได้เป็นอย่างนั้น มันแผ่กระจายลงมา สถานการณ์น้ำเป็นเรื่องที่ต้องเกาะติดเพื่อจะบอกเหตุการณ์ ว่าอะไรสำคัญที่สุด แต่ละจังหวัดที่เหตุการณ์เกิดขึ้น 10 กว่าปีไม่ใครสนใจจะแก้ปัญหาเลย ไม่มีจริง เมื่อปีกลายก็มีปัญหา ให้รวมตัวสร้างหลักคิด หลักทำ

    พระเจ้าอยู่หัวท่านก็สร้าง หลักว่า จะทำอะไรต้องเข้าใจและเข้าถึงนะ ปัญหาคือ ตอนนี้ทุกคนไม่รู้ว่าปัญหามันมาจากอะไร เพราะอะไร ธรรมชาติในแต่ละพื้นที่ไม่เหมือนกัน สภาพภูมิประเทศ ภูมิศาสตร์ แต่ละพื้นที่แต่ละลุ่มน้ำแตกต่างกัน และพฤติกรรมของน้ำในแต่ละพื้นที่ก็แตกต่างกัน งานนี้ยังไงก็ต้องมีแม่ทัพ หากไม่มีผู้บัญชาการอย่างคนที่รู้จริงๆแล้วจะแก้ปัญหาได้อย่างไร เวลานี้แก้ปัญหาเลอะเทอะสะเปะสะปะกันไปหมด

    00 รัฐบาลยังพอมีเวลาที่จะแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าหรือไม่

    ตอนนี้ทำอย่างนี้ถูกแล้ว คือ เผชิญภัย ด้วยการช่วยเหลือผู้ประชาชนไปก่อน โดยให้มหาดไทยเป็นแกน เมื่อเหตุการณ์คลี่คลายรัฐบาลต้องตั้งสติว่า ในอนาคตข้างหน้าจะทำอย่างไร ไม่ใช่คิดแบบเดิม อยากจะทำอะไรต้องตั้งงบประมาณ เสนอครม.มาทำยังนี้ไม่สำเร็จ เพราะถ้าคิดโดยไม่รู้ ก็ทำอะไรไม่สำเร็จ ผมบอกได้เลยว่า สตางค์ แก้ปัญหาไม่ได้หรอก ตอนนี้หากเขื่อนหยุดพร่องน้ำลงมาก็อาจจะทำให้สถานการณ์ดีขึ้น

    00 การตั้งศูนย์ปฎิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย จะช่วยแก้ปัญหาได้หรือไม่

    ดูองค์ประกอบแล้วไปไม่ได้หรอก แต่ถ้าแก้ปัญหาเฉพาะหน้าด้วยการช่วยเหลือประชาชนก็พอไปได้ แต่ควรให้มหาดไทยเป็นผู้ดูแล เพราะตอนนี้งานหลัก คือ การให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยส่วนกรมชลฯควรจะถอยออกมาก่อน ส่วนกรมชลจะต้องให้ข้อมูลที่ถูกต้องว่า สถานการณ์เป็นอย่างไร ประเมินให้เขาให้ถูก และต้องมีกระบวนการตั้งรับที่ชัดเจน คันกั้นน้ำ ที่ไหนมีจุดอ่อน ต้องสำรวจ เฝ้าระวัง วิธีการที่ดีที่สุดในเวลานี้ คือ ปกป้องไม่ให้น้ำแม่น้ำเจ้าพระยาเข้าไปในเขตเศรษฐกิจ

    00 การพบปะระหว่างอดีตนายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์กับยิ่งลักษณ์จะทำให้เหมือนมีการร่วมมือแก้ปัญหาหรือไม่

    แก้ปัญหาต้องดูว่าแก้ปัญหา อะไร แก้ปัญหาแบบนักการเมือง มันต้องมาแก้ปัญหาด้านเทคนิคการสู้น้ำกันก่อน ต้องเข้าใจระบบการแก้ไขปัญหาและการป้องกันของกทม. สมัยก่อนอุปกรณ์ไม่พร้อม เราก็สู้ได้ แต่ทีนี้จะสู้ไม่ได้ก็เพราะปอดแหกกัน ออกข่าวมา ระดับน้ำทะเลหนุนสูง มวลน้ำป่าสักมามากจะเกิดปัญหา พายุลูกใหม่กำลังจะเข้ามา พูดทิ้งไว้อย่างนี้ประชาชนก็กังวล

    00 แสดงว่าการแก้ไขปัญหาในอนาคตเราก็ต้องมาบริหารจัดการใหม่ โดยเฉพาะเรื่องชุมชน สังคม สิ่งแวดล้อม

    เราต้องเอาของจริงมาคิด ว่าตัวน้ำแต่ละปีเป็นยังไง ต้องเข้าภูมิประเทศแห่งนั้น ๆ เข้าภูมิประเทศของกทม. ทั้งฝั่งตะวันออก และตะวันตก กทม.เชื่อมกับสมุทรปราการ ออกปากอ่าว จะปกป้องกทม.ยังไงไม่ให้กระทบกับที่อื่น จะทำคันกั้นน้ำอย่างไรให้ไม่ให้กระทบถ้า อ่างทองทำคันกั้นน้ำ สิงห์บุรีทำคันกั้นน้ำ มันก็จะกระทบตลอดมาด้านล่าง กทม.เป็นพื้นที่แบนราบ ก็ต้องแยกเป็น 2 ส่วนว่า ด้านตะวันออกเป็นเขตเศรษฐกิจหรือเปล่า

    00 นักการเมืองไม่ควรเข้ามายุ่งเรื่องการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมหรือไม่

    ถ้าเป็นเรื่องเทคนิคคงต้องปล่อยให้ผู้มีความรู้เรื่องน้ำเป็นผู้ ตัดสินใจ แต่นักการเมืองต้องมาเป็นตัวช่วยในการช่วยเหลือประชาชน อนุมัติงบประมาณ พิจารณาหลักการในการแก้ไขปัญหาในครม. โดยต้องรับฟังความคิดเห็นจากนักเทคนิค แต่ขณะนี้ปัญหากลายเป็นว่าแม่ทัพน้ำในระบบราชการถูกนักการเมืองครอบงำหมด แล้ว จึงทำให้ไม่กล้าตัดสินใจทั้งที่การแก้ปัญหาอุทกภัยหรือภัยธรรมชาติ นักน้ำ ผู้เชี่ยวชาญน้ำ จะต้องเป็นผู้ควบคุมสถานการณ์หลัก

    ในหลวงเคยตรัส เมื่อปี 2533 ว่า ไม่มีใครต้องการให้เกิดภัยธรรมชาติ แต่เมื่อเกิดแล้วเราต้องเข้าใจภัยธรรมชาติ และให้ภัยธรรมชาติเป็นครูที่จะสอนเรา ซึ่งผู้ปฏิบัติหรือผู้มีหน้าที่โดยตรงต้องนำไปแปลว่าจะทำอย่างไรการแก้ไข เรื่องน้ำ จะเดาส่งแบบหมอดูไม่ได้ กรมชลประทานในฐานะนักเทคนิค จะต้องมีบทบาทในการให้ความรู้ความเข้าใจกับนักการเมืองไม่ให้ถูกครอบงำได้ โดยนักการเมืองที่เป็นรัฐบาลจะต้องเป็นฝ่ายอำนวยการมีบทบาทในการประสานเพื่อ ให้อำนวยความสะดวกให้คล่องตัว

    (ที่มา : ศูนย์ข้อมูลและข่าวสืบสวนเพื่อสิทธิพลเมือง (TCIJ) เผยแพร่เมื่อวันที่ 13 ต.ค. 2554)


    -http://www.manager.co.th/Home/ViewNews.aspx?NewsID=9540000132873-

    .
     
  2. เวียงละกอน

    เวียงละกอน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    285
    ค่าพลัง:
    +391
    นี่สิครับของจริงท่วมไม่ท่วมอยู่ที่ตัวเลขไม่ใช่มั่วว่าติดต่อเทพโน้นเทพนี้มีองค์มาฝากเตือนโอ้ยยยสารพัดเทพจะสถิตย์ดูไว้นี่ของจริงไม่มั่วนิ่ม
     
  3. ภูติอาคเนย์

    ภูติอาคเนย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    723
    ค่าพลัง:
    +1,326
    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=hXJnBMAvSkI"]อาจารย์ปราโมทย์_สัมภาษณ์ไทยพีบีเอส - YouTube[/ame]
    มีบางส่วนที่ไม่เห็นด้วยกับ อ.ปราโมทย์ครับ จริงอยู่ท่านชำนาญเรื่องน้ำมาก แต่สถานการณ์ตอนนี้มันต่างจากที่ผ่านมาแล้วเพราะเราไปกั้นน้ำและกักไว้ในเขื่อนมากไปทำให้มีมวลน้ำก้อนใหญ่กระจุกอยู่ตอนบนไม่เหมือนเมื่อก่อนที่ปล่อยท่วมบางพื้นที่เป็นทุ่งน้ำเพื่อเร่งระบายน้ำ ออกก่อนกระทบ กทมโดยตรง ถึงตอนนี้จะใช้แผนดังกล่าวก็ยังกระทบครับเพราะการขยายตัวของเมืองออกไปในทุ่งรับน้ำในอดีตจำนวนมาก บริเวณเขตกทม รอบนอกเป็นหมู้บ้านและชุมชนอาศัยหนาแน่นพอประมาณนะครับ เหตุก็จากการจัดผังเมืองที่ผ่านมาทำให้เป็นแบบนี้
     
  4. คิดดีจัง

    คิดดีจัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2010
    โพสต์:
    1,626
    ค่าพลัง:
    +5,353
    คนเก่ง คนรู้จริง คนแก้ปัญหาได้

    รัฐบาลไม่เอาเข้ามาร่วมทีม ก็ไม่รู้จะว่างัยเนอะ

    เห็นใจผู้เดือดร้อนจริงๆ นี่หนาวมาแล้ว น้ำยังท่วมอยู่เลย

    แล้วจะทุกข์กันอีกขนาดไหน

    นำภาพน่ารักๆมาฝากครับ เพื่อจะมีลอยยิ้มขึ้นมาบ้างครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  5. deelek

    deelek เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    6,696
    ค่าพลัง:
    +16,254
    ตอนนี้ต้องระดมมันสมองช่วยกันครับ
    ใครมีความรู้ความคิดอะไรดี ๆ
    ก็ระบายออกมากเลยครับ
    พี่น้องลำบากกันมาก ๆ
    หลายครอบครัว ถึงกับเสียชีวิด
    200 กว่าคน เหมือนสภาพเกิดสงครามกลางเมือง
    กลางประเทศเราเลย ช่วย ๆ กันนะครับ
    พลังความรัก ความสามัคคี จึงจะช่วยให้ประเทศเรารอดได้ดีครับ
     
  6. goldtop

    goldtop เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 เมษายน 2011
    โพสต์:
    701
    ค่าพลัง:
    +113
    ต้องยอมรับว่าปีนี้การจัดการเรื่องน้ำ ไม่เป็นที่ประทับใจ มัวแต่ห่วงกั้นตรงโน้นปิดตรงนี้ ต่างคนต่างก้นต่างปิดจำนวนน้ำก็เอ่อ ท่วมเป็นระยะเวลานาน ทำไม่ไม่ปล่อยให้ไหลไปตามธรรมชาติกลัวตรงโน้นตรงนี้ท่วม แล้วเอาอยู่ไหม ก็เอาไม่อยู่ในที่สุดก็ท่วมในเมื่อบางคนอย่างเห็นแก่ตัวกันแบบนี้ก็ต้องทนแช่น้ำไปนานๆแล้วกัน ยิ่งนานวันผลกระทบผลเสียยิ่งตามมา ก่อนที่เราจะโทษใครเราลองมองตัวเองกันก่อนว่าเราเป็นอย่างไร
     
  7. นายสาธิต

    นายสาธิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2008
    โพสต์:
    409
    ค่าพลัง:
    +1,066
    อืมบ้านเมืองเราถูกปล่อยเละเทะมาตั้งแต่เปิดประเทศปี30 นักการเมืองเข้ามามีบทบาทมากโกงทุกอย่างทำชั่วทุกอย่างปกปิดทุกอย่างเรื่องเลวร้ายจึงมาปะเดปะดังมาวันนี้ เช่น การจัดผังเมือง การวางตำแหน่งนิคมไม่ถูกต้อง(ขอให้ได้วางให้ได้ลงทุน) เขื่อนการดำเนินของน้ำ
     
  8. anisong

    anisong Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    54
    ค่าพลัง:
    +36
    น้อยใจนะสิที่ไม่มีบทบาทน้ำท่วม
     
  9. PranLarkratai

    PranLarkratai สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    188
    ค่าพลัง:
    +21

    งานนี้ว่ากันตามจริงๆ ท่านปราโมทย์ก็พลาดอ่ะ ที่มองน้ำมีแค่ผ่านประตูน้ำ ไม่รู้เคยเป็นอธิบดีกรมชลได้ไงนะ ก็เห็นอยู่ว่าน้ำที่มาจากนครสวรรค์ตั้ง 4600-5000 แต่ผ่านบางไทร 3600-3700 แล้ว อีก 1000กว่าๆ มันหายไปไหน น้ำถูกตีแตกออกตั้งแต่ ใต้นครสวรรค์แล้ว แล้วสะสมเป็นมวลก้อนใหญ่ๆ ถ้าวันนี้มีแต่น้ำที่ไหลอยู่ในระบบตามที่ท่านว่า กทม.ไม่แตกหรอก แต่ มวลน้ำที่ โจมตี อยุธยา และนิคมต่างๆ ต่างหากล่ะ ที่เข้าโจมตี กทม. ลองคิดดูเล่นๆนะ ใน1วินาที มีน้ำออกจากระบบส่งน้ำปกติที่ชัยนาท 1000 ลบม. 1วัน ก็ประมาณ 84 ล้าน ลบม. ตอนนี้ผ่านมาจะเป็นเดือนแล้ว น้ำที่อยู่นอกระบบ ก็ประมาณ3000 ล้าน ลบม. อีกทั้งยังไม่รวมน้ำที่มาจากแม่น้ำป่าสักอีก... ทุกอย่างนี้กพลังโจมตี ปทุมธานี และ นนทบุรีอยู่ เอาเป็นว่า งวดนี้ผมมองว่า ท่านปราโมทย์ก็มองผิดอ่ะ แต่ผมก็ยังเอาใจช่วย..คน กทม.อยู่นะ สู้ๆๆ แต่เตรียมเก็บของไว้ซักเมตรก็จะดี อีกอย่าง เตรียมข้าวปลาอาหารไว้ซัก 5-7 วัน ก็จะดีมาก เพราะเชื่อว่าคุณ กทม.ช่วยเหลือตัวเองได้แน่นอน :cool::cool:
     
  10. hellotawan

    hellotawan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,156
    ค่าพลัง:
    +5,233
  11. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,493
    นายปราโมทย์เอ้ย เขารู้กันหมดแล้ว
     
  12. palati

    palati เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    71
    ค่าพลัง:
    +432

    ถูกต้องอย่างยิ่งครับผม
     
  13. palati

    palati เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    71
    ค่าพลัง:
    +432
    ผมก็เอาใจช่วยทุกคนเช่นกันครับ
     
  14. palati

    palati เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    71
    ค่าพลัง:
    +432

    ใช่ครับ ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา เราจึงไม่สามารถนำวิธีเดิมมาแก้ได้ แต่ก็ไม่ควรละเลยประสบการณ์ที่ผ่านมาครับ เอาใจช่วยทุกท่านครับ
     
  15. palati

    palati เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    71
    ค่าพลัง:
    +432
    ผมว่าตอนนี้รัฐบาลเริ่มจะรู้แล้วครับ ว่าต้องระดมสมองและความรู้จากหลายๆฝ่ายมาช่วยกันแก้ปัญหา ไม่ใช่คนรู้เรื่องน้ำอย่างเดียวจะสามารถแก้ปัญหาได้ ตอนนี้ก็ต้องวิศวะกรที่มีความรู้ในการสร้างคันกั้นน้ำอย่างแข็งแรง ซึ่งที่เห็นอยู่คันดินไม่สามารถจะกั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพนานไปก็พัง ตอนนี้ก็ต้องหลายๆฝ่ายแหละครับมาช่วยกัน ปัญหาต้องแก้ด้วยปัญญาที่เฉียบแหลมมากกว่าที่เป็นอยู่ ถ้ายังคิดตื้นๆอยู่ก็จะสู้ปัญหาที่หนักหนาอย่างนี้ได้ยากนัก ผมว่าตอนนี้นี่แหละที่คนมีความรู้ความสามารถจะออกมากอบกู้สถานการณ์ที่เป็นอยู่ตอนนี้ หลายมุมมองหลายความคิดกลั่นกรองออกมาเป็นปัญญาที่เฉียบแหลมก็จะผ่านพ้นมันไปได้ครับ เป็นกำลังใจให้ชาวไทยทุกท่าน
     
  16. palati

    palati เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    71
    ค่าพลัง:
    +432

    ใช่ครับ ต้องปรับปรุงกันใหม่หมด เพราะถ้าปีหน้าหนักอย่างนี้อีกก็จะลำบาก ถึงเวลาที่ต้องปรับปรุงกันซะที รวมถึงความคิดของคนในชาติเราด้วยว่าไม่ควรทะเลากันอีกต่อไป เพราะแค่นี้ก็อ่วมแล้ว โชคดีทุกท่านครับ
     
  17. toyhonda

    toyhonda เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    542
    ค่าพลัง:
    +1,782
    น้ำท่วมคราวนี้ขอให้เป็นกรณีศึกษาในอนาคตดีกว่าที่จะมาโทษกันไปมา ทุกฝ่ายก็คิดว่าตัวเองทำดีที่สุดแล้ว ก็เลยเกิดการแย่งซีนขโมยซีนกัน เพื่อให้ได้ออกทีวี คิดดูแล้วกันว่าน้ำที่มันเกิดคราวนี้ไม่ว่ายากดีมีจน คนรวยก็โดนกันอ่วม "หาทางแก้ไข"ดีกว่าโทษกันไปมา
     
  18. 59/94

    59/94 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    14
    ค่าพลัง:
    +25
    คุณปราโมทย์เก่งไม่จริงสิ เค้าถึงไม่เอาเข้าร่วมคิดแผนแก้ไข
     
  19. Humra

    Humra สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กันยายน 2011
    โพสต์:
    149
    ค่าพลัง:
    +5
    คนเราถ้าไม่อยู่ในสภาวะที่รับผิดชอบจริงๆแล้ว จะพูดอะไรก็ดูจะเข้าท่าดูดีมีหลักการไปหมดเพราะไม่มีอะไรกดดันแต่ถ้าต้องอยู่ในเหตุการณ์ที่ต้องรับผิดชอบแล้ว มันจะมีภาวะกดดันหลายอย่าง ครับท่าน:mad:
     
  20. chura

    chura เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    688
    ค่าพลัง:
    +1,971
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=4qIyloeshus]วิเคราะห์สถานการณ์น้ำท่วม 17 ต.ค. - YouTube[/ame]
     

แชร์หน้านี้

Loading...