@สื่อกลางกระทู้ถาม-ตอบพระเครื่อง เหรียญ-ดิน-ชิน-ผง@

พระขุนแผนจะมีสองกรุใหญ่ที่ผู้คนนิยมกันมาก คือ
พระกรุวัดใหญ่ชัยมงคล จะมีการเคลือบน้ำยา อยุธยา
พระกรุบ้านกร่าง แบบพิมพ์เดียวกัน จ.สุพรรณบุรี
*****
มีการสร้างย้อนยุคที่ดังและได้รับความนิยม คือพระขุนแผนเคลือบหลวงพ่ออั้น
วัดพระญาติในปี 2495 และมีสร้างอีกหลายหลวงพ่อแต่ที่พอมีชื่อคือ
หลวงพ่อชื้น วัดญาณเสน มีทั้งเคลือบเหลือง และเคลือเขียว
******
สำหรับองค์ที่เห็นของคุณBeeRza เป็นเคลือบเขียวพิมพ์ใหญ่ดูเป็นเหมือนพระกรุ
ตั้งแต่เจอพระกรุวัดใหญ่ชัยมงคล ไม่มีเคลือบเขียวเลย ของจริงผมก็เคยเห็นนะครับ
และมีสร้างย้อนยุค ปี 2528 ด้านหลังจะออกสีขาวกว่าองค์นี้
ส่วนพระขุนแผนหลวงพ่ออั้น วัดระญาติปี 2495 มีพิมพ์ใหญ่ พิมพ์แขนอ่อน
มีเคลือบเหลืองอมแดงนิด ๆ เคลือบเขียว และไม่เคลือบ
ผมมีทั้งสามชนิด แต่เคลือบเขียวเพื่อนขอแบ่งไป และทราบว่าเขานำไปขายต่อ
ได้ราคาอีกเท่าตัวจากที่แบ่งไป สำหรับของปลอมมีระบาดน่าดูเช่นกัน
น้องชายเคยประมูลจากเว็บ พอให้ผมดู การเคลือบไม่ค่อยแตกต่าง
แต่เนื้อแตกต่างและองค์พระใหญ่กว่า
******
อีกองค์คงเป็นพระกรุวัดพลับ ปางเสมาวันทา มีสร้างที่ได้รับความนิยม
คือของหลวงปู่โต๊ะวัดประดู่ฉิมพลี

สำหรับองค์นี้ดูแล้วยังไม่ประทับใจครับ

 

ขอบพระคุณเป็นอย่างสูงครับอาจารย์ ข้อมูลแน่นและลึกมากๆครับ

 

เพิ่มเติมอีกองค์ครับ พระเนื้อชินสุโขทัยครับ

 

สำหรับองค์นี้ของคุณทิพย์มงคล ที่ตกหล่น
ผมก็งงมากเหมือนกันว่าที่ไหนสร้าง
เพราะพิมพ์ด้านหน้าเหมือนกรุวัดเฉลิมพระเกียรติ นนบุรี
ส่วนเนื้อสีดำออกผงใบลาน และกดยันต์เหมือนกรุวัดท้ายตลาด
แต่เนื้อของกรุวัดท้ายตลาดไม่ดำเท่านี้ครับ ผมต้องลองหาข้อมูลดูอาจารย์ท่านใดทราบขอเชิญด้วยครับ

 

ขอบคุณครับพี่

 

"พระเนื้อผงที่มียันต์ประทับด้านหลังแบบนี้บางคนเขาบอกว่าเป็นพระเครื่องหลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้วครับ"

 

พระพุทธชินราช กรุวัดเสาธงทอง เป็นพระสร้างในพิธีใหญ่ ปลุกเสกหมู่โดยเกจิชั้นนำของสุพรรณ ในยุคหลวงพ่อเนียม-หลวงพ่อโหน่ง ปัจจุบันมีอายุเกือบๆร้อยปีได้แล้ว
พระมีศิลป์สวย เนื้อจัด ขนาดประมาณ 1.8 X 2.7 c.m.
องค์นี้ถ่ายภาพไม่ชัด ดูยากครับ


เหรียญหลวงพ่อเต๋ คงทอง พิมพ์เล็กแท้
หลวงพ่อเต๋ คงทอง วัดสามง่าม จ.นครปฐม พระเกจิอาจารย์ที่มีพระเวทย์วิทยาคมสูงท่านหนึ่งแห่ง จ.นครปฐม หากจะพูดถึงผงพรายกุมาร ก็จะต้องเอ่ยถึงพระเกจิอาจารย์สองท่านที่ทำผงชนิดนี้ได้ประสิทธิเมและไม่เป็นอันตรายต่อผู้ใช้คือ หลวงพ่อเต๋ คงทอง และอีกท่านหนึ่งคือ หลวงปู่ทิม อิสริโก วัดละหารไร่ จ.ระยอง หลวงพ่อเต๋ท่านได้ทำผงพรายกุมารและได้นำดินเจ็ดป่าช้าปั้นกุมารทองรุ่นแรกของท่าน และเป็นที่กล่าวขานกันว่าเฮี้ยนสุด ๆ หากจะพูดถึงกุมารทองก็ต้องยกให้กุมารทองของหลวงพ่อเต๋นี่แหละครับที่ประสบการณ์สุด ๆ จริง ๆ ว่ากันว่าเวลาท่านเสกกุมารทองท่านจะนำหุ่นของกุมารนอนไว้ และท่านจะทำการปลุกเสกจนหุ่นลุกขึ้นตั้งได้เองถึงจะนำให้คนไปบูชา วัตถุมงคลที่หลวงพ่ออธิษฐานจิตปลุกเสกมีหลายประเภทไม่ว่าจะเป็นพระเครื่อง ตะกรุด ผ้ายันต์ ตลับยาหม่อง ฯลฯ แต่ละประเภทล้วนแล้วแต่มีพุทธคุณสูงโดดเด่นทุกทาง ไม่ว่าจะเป็นทางด้านคงกระพันชาตรี แคล้วคลาดป้องกันภัย โชคลาภค้าขาย เมตตามหานิยม มหาอำนาจ ในสมัยก่อนในงานพุทธาภิเศกวัตถุมงคล หลวงพ่อเต๋ท่านจะเป็นหนึ่งในพระเกจิอาจารย์ที่ได้รับนิมนต์ไปร่วมพิธีมหาพุทธาภิเศกเสมอ หลวงพ่อเต๋ท่านมีเมตตาและอภิญญาบารมีสูง เป็นที่เคารพศรัทธาต่อประชาชนในสมัยนั้นเป็นอย่างมาก

เหรียญเสมาเล็กหลังนางกวัก เป็นเหรียญขนาดเล็กเหมาะสำหรับสุภาพสตรีหรือผู้ที่ไม่ชอบพระองค์ใหญ่ พุทธคุณสูงทางด้าน พุทธคุณสูงทางด้านโชคลาภ ค้าขาย เรียกเงินทอง เมตตามหานิยม แคล้วคลาดกันภัย องค์นี้เก็บเก่าเดิมๆ พระดีพุทธคุณสูงมีคุณค่าน่าบูชาสะสมมากครับ
************
นางกวักเนื้อดินไม่ทราบที่มีสร้างเยอะ

 

"พระขุนแผนเคลือบนอกเหนือจากกรุวัดใหญ่ชัยมงคลยังมีการพบในกรุต่างๆอีกเช่นกรุวัดเชิงท่า จ.นนทบุรี,กรุทุ่งมะขามหย่อง จ.พระนครศรีอยุธยา,กรุบ้านกลิ้งครับ"

 

รูปนี้ถ่ายพร้อมกันครับ แต่เป็นหน้าตรง ภาพไม่ค่อยชัดลึกครับ
แต่สีค่อนข้างตรงกว่าภาพอื่น
ส่วนวัสดุที่สร้าง ผมส่องดูแล้วไม่น่าจะใช่เชือกเลยครับ
น่าจะเป็นกระดาษมากกว่าครับ หรือรบกวนพี่ P พิจารณาจากรูปให้หน่อยครับ

ขอบคุณแรงๆ ครับ

tchai72

 

มีมาถามอีก 2องค์ครับรบกวนด้วยนะครับ

 

ถ้าเป็นชินตะกั่วเก่า จะขึ้นสนิมแดง เรียกพระร่วงหลังรางปืน
สำหรับองค์นี้เป็นไปไม่ได้แน่
ถ้าเป็นชินเงิน ดูภาพรวมผิวจะเรียบมีปรอท
สำหรับองค์นี้ผมตีได้แค่เป็นะพระย้อนยุค สร้างใหม่ หรือไม่ก็...... ?

ขอนำประวัติเล็กน้อยมาลง....
พระร่วงยืน หลังรางปืน สวรรคโลก 1 ใน 200 องค์ อลังการ ในพุทธศิลป์ ครับ
•••••••••••••••••••••••••
สถานที่พบ กรุวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ ศรีสัชนาลัย ชาวบ้านเรียกว่า "วัดพระปรางค์"
พุทธลักษณะ เป็นปางประทานพร ทรงเครื่องแบบกษัตริย์โบราณ พระเศียรทรงเทริด แบบชีโบ พระหัตถ์ขวาแบหงายทาบอยู่ระหว่างกลางพระอุระ พระหัตถ์ซ้ายทิ้งห้อยลงมาข้างพระวรกาย ประทับยืนอยู่ภายในซุ้มเรือนแก้ว ด้านหลังเป็นร่องลึกตามยาวมีลายคล้ายกาบหมาก บางองค์เป็นลายผ้ามุ้งไม่มีร่องลึก ความยาวขององค์พระประมาณ 3 นิ้วครึ่ง
ลักษณะเนื้อ เป็นชินตะกั่ว มีสองแบบคือเนื้อตะกั่วล้วนๆ สนิมออกแดงแบบลูกหว้าหรือแกมเขียวหรือแกมเหลือง และตะกั่วผสมสนิมจะเป็นไขขาวๆ บางองค์ เป็นสนิมตีนกาหรือสนิมขุม ก็มีการขึ้นหรือคราบรา เป็นสิ่งที่บ่งบอกอายุของพระเครื่องได้ดี ความแห้งของผิวจะสังเกตได้จากรอยแตกแยกหรือแตกปริ ที่เป็นไป ตามธรรมชาติ
**เมืองสุโขทัย เป็นเมืองหลวงเก่าแก่ของไทย ซึ่งมีศิลปะที่ช่างศิลป์ในสมัยนั้นได้รังสรรค์ไว้อย่างงดงาม ทั้งงานแกะสลัก งานปูนปั้น ฯลฯ จนถึงงานศิลปะทางพุทธศาสนา พระบูชา ศิลปะสุโขทัย ถูกยอมรับว่าเป็นพระบูชาที่มีความงดงามอ่อนช้อยมากที่สุดกว่าสมัยใดๆ โบราณสถานของสุโขทัยที่มีความงดงามดังปรากฏในปัจจุบันนี้มีมากมาย เช่น วัดมหาธาตุ ซึ่งเป็นวัดที่พบพระเครื่องมากมาย วัดสระศรี วัดพระเชตุพน ที่เป็นต้นกำเนิด พระร่วงนั่งหน้าโหนก วัดตะพังทอง วัดมุมลังกา วัดถ้ำหีบ ที่ปรากฏพระพิมพ์ลีลาวัดถ้ำหีบ ที่สวยงามมาก เป็นศิลปะสุโขทัยบริสุทธิ์ เป็นที่นิยมในวงการพระอย่างมาก
**นอกจากเมืองสุโขทัยในสมัยนั้นแล้ว ยังมี เมืองศรีสัชนาลัย ที่มีความสำคัญควบคู่กันไปด้วย (ชาวบ้านเรียกเมืองเชลียง) ดังปรากฏหลักฐานในศิลาจารึกของสุโขทัยที่กล่าวถึงชื่อเมืองทั้งสองควบคู่กันไปว่า "ศรีสัชนาลัย สุโขทัย" เมื่อครั้งในสมัยของพระมหาธรรมราชาลิไทย ถือได้ว่าเป็นยุครุ่งเรืองที่สุดของพระพุทธศาสนาในสมัยนั้น โบราณสถานที่ตกทอดมาถึงปัจจุบันที่งดงาม และปรากฏกรุพระเครื่องเด่นดัง เช่น
วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ (วัดพระปรางค์) หรือ ตามโบราณเรียกว่า วัดพระบรมธาตุ เมืองเชลียง ต้นกำเนิดของพระร่วงประทานพร หลังรางปืน และพระร่วงทรงเกาะ วัดเขาพนมเพลิง วัดนี้มีพระเครื่องเนื้อชินเงินบรรจุอยู่มากมาย หลายร้อยพิมพ์ วัดช้างล้อม เป็นที่พบ พระร่วงนั่งหลังลิ่ม เตาทุเรียง เป็นแหล่งผลิตเครื่องปั้นดินเผาที่ใหญ่ที่สุดของสุโขทัย มีการขุดพระเครื่องที่เรียกกันว่า "พระร่วง กรุเตาทุเรียง" และพิมพ์อื่นๆ อีกมาก เมืองสุโขทัยและเมืองศรีสัชนาลัยนั้น ปรากฏพระเครื่องมากมายนับพันแบบ จึงเป็นที่น่าศึกษาเป็นอย่างมาก ในที่นี้ จะขอเสนอพระที่น่าสนใจให้ได้ทราบกัน ดังนี้ พระร่วงหลังรางปืน เป็นพระเนื้อชินตะกั่วสนิมแดง แตกกรุมาประมาณ ๕๐ ปีแล้ว จากกรุวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ บริเวณหน้าพระปรางค์ใหญ่ คาดว่าน่าจะมีจำนวนพระไม่เกิน ๒๐๐ องค์ และชำรุดไปกว่าครึ่ง มีพุทธลักษณะเป็นพระยืนอยู่ซุ้มเรือนแก้ว ด้านหลังองค์พระเป็นลักษณะเด่น คือ มีร่องกดลึกลงไปตามแนวยาวขององค์พระ
**นักนิยมพระเครื่อง เรียกกันว่า "หลังรางปืน" ลักษณะคล้ายรอยกาบหมากเป็นเส้นทิวๆ จัดได้ว่าเป็นพระที่อยู่อันดับหนึ่งในชุดพระยอดขุนพล มีราคาเช่าหาสูงมากๆ เทียบได้กับรถยุโรปดีๆ สักหนึ่งคัน (ราคาเช่าหาแลกเปลี่ยน) ส่วนทางด้านพุทธคุณนั้น ถือว่าครบเครื่อง คือ ทางมหาอำนาจ แคล้วคลาด โภคทรัพย์ และคงกระพันชาตรี พระร่วงทรงเกราะ เป็นพระที่พบจากวัดเดียวกับพระร่วงหลังรางปืน แต่พบจากทางด้านทิศใต้ขององค์พระปรางค์ สำหรับเรื่องราวของ “พระร่วงยืน” ทั้งพิมพ์ “หลังรางปืน, หลังลายผ้า, หลังกาบหมาก” ก็เป็นการตั้งชื่อไปตามสภาพที่เห็นทางด้านหลังขององค์พระที่ล้วนแต่เป็น “ปางประทานพร” ซึ่งหมายถึง “พระราชอำนาจอันยิ่งใหญ่” ของ “พระมหากษัตริย์” แห่งราชอาณาจักรขอมและบางท่านอาจจะสงสัยว่าอะไรคือ “กาบหมาก” อะไรคือ “รางปืน” และอะไรคือ “หลังลายผ้า” ก็เนื่องจากเป็นการตั้งชื่อไปตามลักษณะของ “ด้านหลังองค์พระ” เพื่อป้องกันการสับสนเพราะที่ด้านหลังของพระร่วงยืนปางประทานพรจากกรุต่าง ๆ ก็คือกระบวนการสร้าง “พระพิมพ์” ไปตามจินตนาการของผู้ออกแบบหรือปั้นแบบ ซึ่งส่วนใหญ่จะคล้ายกันดังนั้นเซียนพระจึงต้องกำหนดชื่อเพื่อให้ทราบว่า แต่ละกรุที่พบพระร่วงยืนปางประทานพรนั้นโดยปกติแล้ว “ด้านหน้า” จะคล้ายกันส่วน “ด้านหลัง” จะมีข้อแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงจึงอาศัย “ความแตกต่าง” ตรงนี้มาเป็นตัวกำหนดชื่อของพระร่วงยืนที่พบในแต่ละกรุเพื่อป้องกันการสับสนดังกล่าวเช่น “พระร่วงหลังกาบหมาก” ก็เรียกไปตามด้านหลังของพระกรุนี้ที่มีลักษณะคล้าย “กาบหมาก” ซึ่งก็คือ “แผ่นไม้” ที่ใช้กดเนื้อตะกั่วที่หลอมเหลวแล้วให้กระจายไปตามแม่พิมพ์พระ “ให้ทั่วถึง” เพื่อให้การสร้างพระมีความสวยงามคมชัดลึกทั้งนี้ก็เพราะการสร้างพระพิมพ์ด้วยเนื้อตะกั่วจะต้องใช้ความร้อนเพื่อให้ตะกั่วหลอมเหลวได้ และการที่จะทำให้เนื้อตะกั่วที่หลอมเหลวแล้ว กระจายไปทุกซอกทุกมุมของแม่พิมพ์พระได้อย่างทั่วถึง ก็ต้องอาศัยแรงกดจากด้านหลังดั่งเช่นกระบวนการสร้าง พระพิมพ์ด้วย “เนื้อดิน” ก็จะใช้ “นิ้วมือ” กดลงไปที่ด้านหลังเพื่อให้เนื้อดินกระจายไปทั่วถึงทุกซอกทุกมุมของแม่พิมพ์ แต่ในกรณีของเนื้อตะกั่วที่ต้องใช้ความร้อนสุมจึงจะหลอมเหลวได้ ดังนั้นเนื้อตะกั่วที่อยู่ระหว่างการหลอมเหลวจึงมี “ความร้อน” ผู้สร้างในสมัยนั้นจึงใช้ “แผ่นไม้” ที่ผิวแผ่นค่อนข้าง “หยาบกดแทน” จึงทำให้ด้านหลังกลายเป็นลายไม้ที่คล้ายกับ “กาบหมาก” เพราะในกรณีนี้หากใช้แผ่นไม้ที่ “เรียบ” แล้วเนื้อตะกั่วจะกระจายไปตามแม่พิมพ์ได้ไม่ดีเท่ากับแผ่น “หยาบ” นั่นเอง

 

พี่stoesขอบคุณมากเลยครับกระจางเลยทีนี้...เดี๊ยวผมจะถ่ายรูปพระพุทธชินราชมาลงใหม่น่ะครับ^^

 

สมเด็จหลังตราโล่ห์พระองค์นี้เป็นพระของพ่อครับได้มาจากปู่ผมพ่อผมเลี่ยมทองห้อยเดี่ยวเลยพี่ ผมบอกว่าไม่ดียังไงก็ไม่เชื่อเพราะว่าพ่อผมมีประสบการณ์กับพระองค์นี้มากมาย ตอนนี้ท่านก็ยังห้อยอยู่ครับ ผมเลยขอถ่ายรูปมาให้พี่ๆดูกัน

 

ขอบพระคุณมากครับพี่ stoes

<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-RIGHT: 1px inset" class=alt2>

</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

ขอบพระคุณมากครับอาจารย์ ต่อเนื่องเลยครับ ลีลาเนื้อชินสกุลสุโขทัยครับ

 

ขอบพระคุณมากครับพี่ ธรรมพล ผมเองก็ขอให้เป็นหลวงปู่บุญเหมือนกันครับ

 

สวัสดีครับพี่stoesและพี่ๆทุกท่านครับ
ตอนนี้กำลังหัดถ่ายภาพอยู่ครับ
ถ่ายภาพหลวงพ่อแดงมาใหม่แล้วครับ(ไม่น่าจะชัดเท่าไรครับ)
ส่วนหลวงพ่อแช่มอยู่อีกบ้านครับ
วันนี้มีพระมาขอสอบถามอีกครับ
ขอบคุณครับ

 

ตอบคุณครูแบบรวดเร็วเลย พระหลังโล่ห์ไม่เป็นข้อยุตติครับ
เล่นเป็นเพียงบางกลุ่มเท่านั้น ตามประวัติเดิม พลตำรวจเอกเผ่า ศรียานนท์สร้าง
แต่ผมด็เนื้อแล้วส่วนใหญ่เป็นปูนปาสเตอร์ เพราะรอยแตก แตกแบบไม่มีเยื่อใย
ศัพท์เฉพาะของผม

สำหรับองค์นี้ไม่ใช่ปูนปาสเตอร์ ดูมีผงเก่าผสมด้วย ถ้านับถือก็ห้อยได้ครับ
ผมแนะนำเวลามีงานก็นำไปพุทธาภิเศกหลาย ๆ ครั้งก็ศักดิ์สิทธิ์เอง

 

มาอีกแล้วครับทุกท่าน เนื้อผงไม่ทราบที่ครับ
ไม่แน่ใจว่าเป็นพระปิดตาหรือเปล่าครับ เพราะองค์พระ
ไม่ค่อยชัดเจนครับ อยากรบกวนอาจารย์ทุกท่านช่วยพิจารณาให้นิดหนึ่งครับ
ว่าเป็นพระที่ไหนครับ

ขอบคุณคร้าบบบ

tchai72

 

รบกวนดูพระสมเด็จให้หน่อยครับ

พอจะทราบไหมครับว่าของหลวงพ่ออะไร