ประสบการณ์ ธรรมะ พระเครื่อง หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ วัดสะแก จ.อยุธยา

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย Specialized, 14 ตุลาคม 2009.

  1. Aimee2500

    Aimee2500 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    1,703
    ค่าพลัง:
    +1,765
    ถอดเทป : หลวงปู่บุดดามาเยี่ยมหลวงปู่ช่วงที่อาพาธ

    [FONT=&quot]ถอดเทปการสนทนาธรรมบางช่วงที่สำคัญ เมื่อครั้งที่หลวงปู่บุดดา ถาวโร มาเยี่ยมอาการอาพาธของหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ ที่วัดสะแก[/FONT]
    [FONT=&quot]หลวงปู่บุดดา : เออ หายซะ หายใจไว้ ธรรมะไม่ป่วย ป่วยแต่ร่างกาย ธรรมะไม่ป่วยหร๊อก [/FONT]
    [FONT=&quot]พระที่ติดตาม : พอบ่ายหน่อย หลวงปู่ชวนมาเยี่ยมหลวงปู่ครับ [/FONT]
    [FONT=&quot]หลวงปู่ดู่ : ให้หายซะที [/FONT]
    [FONT=&quot]หลวงปู่บุดดา : หาย หายซะ [/FONT]
    [FONT=&quot]หลวงปู่ดู่ : อยากให้มามากๆมันจะได้ตายไวๆ[/FONT]
    [FONT=&quot]หลวงปู่บุดดา : พระรุ่นเก่าหายหมดแล้ว ไม่มีใครป่วยแล้ว หายป่วยแล้ว[/FONT]
    [FONT=&quot]หลวงปู่ดู่ : เมื่อวานนี้หลวงพ่อโง่นมา มาเยี่ยม[/FONT]
    [FONT=&quot]หลวงปู่บุดดา : หายป่วย หายไข้ซะ[/FONT]
    [FONT=&quot]หลวงปู่ดู่ : ให้สมองดีๆหน่อย จะได้ไปเกาะผ้าเหลืองพระพุทธเจ้า ไม่อยากอยู่แล้ว เต๊มที[/FONT]
    [FONT=&quot]หลวงปู่ดู่บอกกับญาติโยม : นั่นไง น้ำร้อน น้ำแร้นน่ะ เอ้า ใครยังไม่ได้ (แป้ง) เรียงเข้ามานะ[/FONT]
    [FONT=&quot]เอ้า ให้ท่านจับหัวเถอะ ไม่เป็นไรหรอก เหลือแต่แก่นแล้ว กระพี้หล่น[/FONT]
    [FONT=&quot]โยมท่านหนึ่งที่อยู่ใกล้วัด พูดขึ้นขณะทาแป้งเสกของหลวงปู่บุดดา : หมดโรคภัยไข้เจ็บ หมดทุกอย่างเลย[/FONT]
    [FONT=&quot]หลวงปู่ดู่ : ข้าไม่เอาให้หมดโรคภัย ไข้เจ็บ ข้าเอาให้หมดกิเลส โลกเอาไว้หน่อย เดี๋ยวบ้านเขาพัง เขาจะขับตีเอาเข้า[/FONT]
    [FONT=&quot]หลวง ปู่บุดดา : พระ พุทธ พระโสดา สกิทาคา อนาคา อรหันต์ น่ะพ้นได้ (ครับ ครับ ยัง ยังไปไม่ได้) มัจจุราชมันตามไม่ทัน (ครับ) ตามพระโสดาไม่ได้ ตามพระสกิทาคาไม่ได้ ตามพระอนาคาไม่ได้ ตามพระอรหันต์ก็ไม่ได้ มันหายตัวไปหมด ธรรมะก็พ้นได้[/FONT]
    [FONT=&quot]หลวงปู่ดู่ ถามพระที่ติดตามหลวงปู่บุดดา : นี่ไปไหนมาด้วยรึ รึมานี่ [/FONT]
    [FONT=&quot]หลวงปู่บุดดา : มาจากวัดนั่นล่ะ พระทำงานอยู่ เณรทำงานอยู่ รถมันว่างก็เลยมาได้ ….. งานประจำวันไม่ว่างหร๊อก[/FONT]
    [FONT=&quot]หลวงปู่ดู่กล่าวขึ้นขณะญาติโยมกำลังจะประเคนของถวายหลวงปู่บุดดา : ท่าน (หลวงปู่บุดดา) ทอดสะพานไปสวรรค์ให้[/FONT]
    [FONT=&quot]พระที่ติดตาม : วันนี้ว่าง ไม่ได้ไปไหน หลวงปู่ (บุดดา) ชวนมาวัดสะแกกัน มาเยี่ยมพระป่วยหน่อย (ท่านบอก)….หายๆ[/FONT]

    [FONT=&quot]หลวงปู่ดู่ : หลวงพ่อโง่นมาเมื่อวานนี้ บอกไม่มีอะไรแล้วล่ะ เอาไปทิ้งเขา [/FONT]
    [FONT=&quot]พระที่ติดตาม : หลวงปู่เอาไปทิ้งคลองซิครับ[/FONT]
    [FONT=&quot]หลวงปู่ดู่ : ไม่ไปคลองนี่ ผมก็อยู่แค่เนี้ย ไม่เดินไปโน่นหรอก …เหนื่อย[/FONT]
    [FONT=&quot]หลวง ปู่กล่าวกับหลวงปู่บุดดา : ที่ ถวายนี่ เขาเอามาทำบุญด้วย สังฆทานมั่งอะไรมั่ง รวมๆไว้ เอาไว้สร้างวัด ท่านมาโปรดผม ก็เลยจ่ายไปโน่นก่อน มันไกล ที่ใกล้ๆนี่เอาไว้ต่อไป[/FONT]
    [FONT=&quot]หลวงปู่ดู่ : เป็นบุญเหลือเกินล่ะ [/FONT]
    [FONT=&quot]หลวงปู่ดู่กล่าวกับโยมท่านหนึ่ง : ทาไป ทาให้ขาวจั๊ว ไปบ้าน เอ๊ ใครหว่า มา ฮ่าๆ[/FONT]
    [FONT=&quot]หลวงปู่ดู่สั่งให้ศิษย์ช่วยกันนำพระบูชาที่สร้างมาถวายพระที่ติดตาม …ประกอบด้วยพระปางประทานพร หลวงปู่ทวด และหลวงปู่เกษม เขมโก [/FONT]
    [FONT=&quot]พระที่ติดตาม : เอาตัวหลวงปู่ไปไม่ได้เหรอครับ [/FONT]
    [FONT=&quot]หลวงปู่ดู่ : ไม่ได้หรอก ต้องเลี้ยงแย่ซิ …. (ไม่เป็นไรครับ เลี้ยงได้) ไม่ ด๊ายยย เลี้ยงผมมันเลี้ยงยาก[/FONT]
    [FONT=&quot]หลวงปู่ดู่แนะนำศิษย์ท่านหนึ่ง : กินเลยซิ กินเลยน่ะ เอ้ากินเลย เออ เชื่อข้าเหอะ ข้ากินแล้ว กินเข้าไปสองแก้วแล้ว [/FONT]
    [FONT=&quot]พระที่ติดตาม : หลวงปู่กินข้าวได้แล้วนะครับ [/FONT]
    [FONT=&quot]หลวงปู่ดู่ : อ้าว…ได้สองชามแล้ววันนี้[/FONT]
    [FONT=&quot]หลวง ปู่บุดดา : หายโรค หายภัยซะ ธรรมะรักษาหาย … ทศบารมีก็สิบ ทศอุปบารมีก็สิบ ทศปรมัตถบารมีก็สิบ บารมีสามสิบยังอยู่ (หลวงปู่ดู่ว่า…สามสิบแล้ว)[/FONT]
    [FONT=&quot]หลวงปู่บุดดา : พระพุทธยังอยู่ พระธรรมยังอยู่ พระสงฆ์ยังอยู่ แต่อวิชชาไม่อยู่หร๊อก อวิชชามันหนีเราไปแล้ว [/FONT]
    [FONT=&quot]หลวงปู่ดู่ : ดีแล้วมงคลอย่างสูงสุด หลวงพ่อท่านหา ท่านมาเองนะ ไม่ได้บอกให้ท่านมาน่ะ ท่านมาเอง เห็นว่างงานก็เลยมาเยี่ยม[/FONT]
    [FONT=&quot]พระที่ติดตาม : หลวงปู่นึกถึงละมั๊ง[/FONT]
    [FONT=&quot]หลวงปู่ดู่ : นึกถึง แต่ไม่ได้บอกให้มา นึกให้มาฉันจังหันที่นี่ [/FONT]
    [FONT=&quot]พระที่ติดตาม…..นั่นไง พอดีมีโยมมาจากกรุงเทพฯครับ ก็เลยมาไม่ได้[/FONT]
    [FONT=&quot]หลวงปู่ดู่ : นึกเรื่อยเป็นที่พึ่งสรณะแล้ว ผมขอยึดถือ (หลวงปู่บุดดา) ตลอดชีวิตผม หลวงพ่อเกษมองค์นึง ตลอดชีวิต[/FONT]
    [FONT=&quot]
    [/FONT]*****************************************

    [FONT=&quot]ขอบคุณคุณเด็กข้างวัดมากครับที่นำบทสนทนาของครูบาอาจารย์ผู้เป็นพระเถระทั้งสองมาเผยแพร่[/FONT]
    [FONT=&quot]ปัจจุบันพระที่ติดตามหลวงปู่บุดดาก็เป็นเจ้าอาวาสต่อจากหลวงปู่บุดดาไปแล้ว[/FONT]
    [FONT=&quot]เมื่อ หลายปีก่อน ผมเคยได้ไปกราบศพหลวงปูบุดดาที่วัดกลางชูศรีเจริญสุข จ.สิงห์บุรี (น่าสลดใจมากที่เห็นวัดท่านดูคล้ายจะเป็นวัดร้าง) ผมได้พบกับท่านเจ้าอาวาส จึงถือโอกาสเรียนถามว่า "จริง ไหมครับ เมื่อครั้งที่หลวงปู่บุดดาไปกราบเยี่ยมหลวงปู่ดู่ หลวงปู่บุดดาได้มีคำ พูดกล่าวรับรองหลวงปู่ดู่ว่าอีกหน่อยหลวงปู่ดู่จะได้ตรัสรู้เป็นพระ พุทธเจ้า"[/FONT]
    [FONT=&quot]ท่านเจ้าอาวาสตอบว่า "อาตมา ก็นั่งอยู่ด้วยตลอดนะ ก็ไม่ได้ยินข้อความที่ว่านั้น ก่อนหน้านี้ก็เคยมีคนมาถามอย่างโยม อาตมาก็ตอบไปอย่างเดียวกันนี้ ...ทุกครั้งที่หลวงปู่บุดดาไปเยี่ยมหลวงปู่ ดู่ อาตมาก็เป็นพระติดตามไปทุกครั้งและก็ได้นั่งอยู่ใกล้ ๆ ท่านตลอด แต่ก็ไม่เคยได้ยินข้อความพยากรณ์ที่ว่านั้นเลย"[/FONT]
    [FONT=&quot]คำ ยืนยันของท่านเจ้าอาวาส ทำให้ผมได้พิจารณาว่าความศรัทธาของศิษย์ที่มีต่ออาจารย์ ก็อาจป็นเหตุให้ปรุงแต่งเรื่องไปต่าง ๆ นานา ยิ่งพูดไปปากต่อปาก เรื่องก็ยิ่งพิสดารไปได้มาก จนคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง (ซึ่งเนื้อหาที่คุณเด็กข้างวัดนำมาเผยแพร่ก็เป็นเครื่องพิสูจน์ได้เป็นอย่าง ดีว่าไม่มีคำพูดพยากรณ์ดังที่เห็นมีการเผยแพร่ในหลายแห่ง) [/FONT]
    [FONT=&quot]โดยส่วนตัวแล้ว หลวงปู่ดู่ก็คือหลวงปู่ดู่ [/FONT]
    [FONT=&quot]หลวง ปู่ดู่จะเป็นหลวงปู่ทวดหรือไม่ หรือหลวงปู่จะมาตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าในอนาคตหรือไม่ เป็นเรื่องอจินไตย ถือเป็นศรัทธาเฉพาะส่วนบุคคล[/FONT]
    [FONT=&quot]สิ่งที่ควรนำมาเผยแพร่คือธรรมคำสอนของหลวงปู่มากกว่าศรัทธาส่วนตัวในเรื่องอจินไตยเหล่านั้น [/FONT]
    [FONT=&quot]เพราะ...เพียงธรรมคำสอนและคุณธรรมของหลวงปู่ดู่ก็มากพอแล้วที่จะทำให้พวกเรากราบท่านและศรัทธาท่านได้อย่างสนิทใจ[/FONT]


    [FONT=&quot]ที่มา: Luangpudu.com / Luangpordu.com[/FONT]
     
  2. Aimee2500

    Aimee2500 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    1,703
    ค่าพลัง:
    +1,765
    ปกิณกะพระเครื่องของหลวงปู่

    ปกิณกะพระเครื่องของหลวงปู่

    ๑. พระเครื่องของหลวงปู่ส่วนใหญ่เป็นพระผง ซึ่งโดยมากก็ไม่ได้ใช้มวลสารหรือว่าน ๑๐๘ อะไรเลย ส่วนใหญ่เป็นเพียงปูนขาวเท่านั้น เสน่ห์ขององค์พระจึงอยู่ที่ตัวผู้เสกโดยแท้
    ๒. พระหลวงปู่มีหลากหลายพิมพ์เหลือเกิน เพราะท่านมีวีธีที่แสนง่ายในการสร้างพระ เพียงใช้ดินน้ำมันกดทับลงบนพระเครื่องที่มีอยู่ พอแกะออกมาก็จะได้แม่พิมพ์พร้อมใช้งาน ดังนั้น พระผงบางองค์จึงมักมีเศษดินน้ำมันสีชมพูบ้าง สีฟ้าบ้าง ติดอยู่ ด้วยวิธีการนี้ แม้จะเก็บรายละเอียดได้ไม่ดี พระออกมาไม่สวยงามหรือเป็นมาตรฐานเดียวกัน แต่ก็มีเสน่ห์ไม่น้อยเลย
    ๓. แม้ว่าพระเครื่องแต่ละอย่าง ท่านจะอธิษฐานให้เด่นต่างกัน เช่น ตะกรุดจะเด่นในทางเมตตา แหวนจะเด่นในทางแคล้วคลาด ฯลฯ แต่ท่านก็รับรองว่าพระเครื่องทั้งหมดของท่าน ท่านอธิษฐานไว้ให้ครบทุกอย่าง สุดแท้แต่ผู้ใช้จะอธิษฐานเอาเอง
    ๔. หลวงปู่ไม่แนะนำให้เอาพระเครื่องไปหลอมละลาย หรือทำให้เสียรูป เช่น เอาไปทำเป็นเนื้อชนวนหล่อพระองค์ใหญ่ หรือตัดแหวนเพื่อยืด-หดตัวแหวน เพราะถือเป็นการทำลายรูป (พุทธนิมิต) ที่สร้างขึ้นสำเร็จแล้ว โดยเจตนา
    ๕. ในสมัยก่อน หลวงปู่เป็นที่รู้จักของชาวบ้านจากตะกรุด ก่อนที่ท่านจะมาสร้างพระเครื่องอย่างอื่น ๆ ในภายหลัง พระบูชาขนาดตั้งโต๊ะหมู่ โดยมากท่านสร้างด้วยปูน เพื่อสงเคราะห์ชาวบ้านให้สามารถมีพระไปบูชาโดยใช้ปัจจัยน้อยที่สุด
    ๖. พระผงนั้นดีเพราะมีเกศาท่านด้วย เวลาใครไปขอเกศาหลวงปู่ หลวงปู่ก็มักจะบอกว่าไม่ได้ เพราะต้องเก็บไว้ทำพระ
    ๗. ลูกแก้วของหลวงปู่ บางคนสงสัยว่าทำจากปูนแล้วทำไมจึงเรียกลูกแก้ว นั่นก็เพราะท่านเจตนาสร้างให้เป็นแก้วมณีโชติรสหรือแก้ววิเศษของพระเจ้า จักรพรรดิ นอกจากนี้ ท่านก็เน้นว่าต้องเจาะรู เพื่อให้ครบทั้งดิน น้ำ ไฟ ลม และอากาศธาตุ และยังอาจใช้เป็นช่องทางดำเนินของจิตในขณะปฏิบัติภาวนา
    ๘. พระที่สร้างให้มีความหมายทางธรรม ได้แก่ พระชุดพาหุงฯ แต่สร้างไว้ไม่ครบ มีเพียงปางชัยชนะต่อช้างนาฬาคีริง องคุลีมาร นันโทปนันทนาคราช และท้าวพกาพรหม แต่เท่านี้ก็เพียงพอจะใช้เป็นตัวอย่างของชัยชนะที่ไม่ก่อเวรอันเรียกว่าชัย มงคล
    ๙. สำหรับพิมพ์พระเหนือพรหมนั้น เดิมหลวงปู่สร้างพระผงรูปเศียรพรหมขนาดใหญ่ขึ้นก่อน แล้วจึงสร้างพระพรหมเต็มองค์ชนิดที่ไม่มีขอบ ต่อมาจึงขยายเป็นพระพรหมชนิดมีขอบสวยงาม สุดท้ายก็มาเป็นพรหมองค์เล็ก ติดเกศาบ้าง ไม่ได้ติดเกศาบ้าง แต่ไม่ว่าจะเป็นพระพรหมพิมพ์ใด หลวงปู่ก็เน้นที่พระพุทธที่อยู่เหนือพรหม เพราะเจตนาท่านต้องการบอกว่าพระพุทธเจ้าอยู่สูงสุดในไตรภพ
    ๑๐. พระชำรุดนั้นหลวงปู่ไม่ให้ทำลาย เช่นว่า เหรียญพรหมโลหะที่ชำรุด ท่านก็ให้ตัดส่วนที่เป็นพระพุทธไว้ เอามาเสกซ้ำให้คนศรัทธามั่นได้มั่นใจ ของชำรุดจึงพลันกลายเป็นของดีของหายากไปเสีย
    ๑๑. หลวงปู่บอกว่าพระของท่าน ท่านทำให้อย่างชนิดที่ยากจะหาใครทำให้อย่างท่าน ดังนั้น ผู้ที่มีแล้วก็ควรรักษาไว้ให้ดี แต่เมื่อมีแล้วก็อย่าขวนขวายเช่าหาจนเกินไปเพราะของปลอมมีมากหลาย เสียเงินเช่ามาแพง ๆ แล้วยังต้องอยู่กับความลังเลไปตลอดชีวิต ใครทักว่าแท้ก็ดีใจ ใครทักว่าปลอมก็ห่อเหี่ยวใจ นับถือท่านจริง คงมีเหตุ ให้ได้มาไว้บูชาสักวันเป็นแน่
    ๑๒. เวลาทำพระตกหล่นชำรุดหรือเสียรูปก็ไม่เป็นปัญหา เพราะหลวงปู่ยืนยันว่าพระที่ท่านสร้างนั้น ยังคงใช้ได้ตราบเท่าที่ยังมิได้สลายเป็นผงและละลายน้ำไปหมด
    ๑๓. โบราณบอกว่าห้อยพระอยู่กับตัว อย่าไปเดินลอดราวผ้า เพราะจะทำให้พระเสื่อม สำหรับพระของหลวงปู่แล้ว ท่านว่าไม่เกี่ยวกัน ทองอยู่ที่ไหนก็ยังคงเป็นทอง ที่เสื่อมนั้นหมายถึงใจเจ้าของต่างหากเพราะเมื่อลอดราวผ้าแล้วอาจคิดต่ำ ๆ
    ๑๔. พระดีไม่จำเป็นต้องมีราคาแพงเสมอไป และพระราคาแพงก็ไม่จำเป็นต้องเป็นพระดีเสมอไป ราคาพระอยู่ที่ตลาดนิยม คุณค่าพระอยู่ที่ผู้เสก รวมทั้งศรัทธาและคุณธรรมของผู้ครอบครอง หลวงปู่ไม่เคยนิยมส่งเสริมให้ลูกศิษย์เสียเงินเสียทองเช่าบูชาพระแพง ๆ ยิ่งตลาดไม่นิยมสิดี จะได้มีโอกาสมีพระดีไว้ครอบครอง
    ๑๕. พระหลวงปู่จะดีทางไหน ก็ไม่เท่าดีทางเป็นเครื่องมือปฏิบัติกรรมฐาน ไม่เหมือนสำนักไหน ๆ ดังที่เรียกพระของท่านว่า “พระกำนั่ง”
    ๑๖. สุดท้าย หลวงปู่บอกว่า “พระของข้า องค์เดียวก็พอ ...ปฏิบัติให้มันจริง”

    [FONT=&quot]ที่มา: Luangpudu.com / Luangpordu.com[/FONT]
     
  3. Aimee2500

    Aimee2500 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    1,703
    ค่าพลัง:
    +1,765
    การถ่ายทอดวิชาของหลวงปู่

    <table id="post5016610" class="tborder" align="center" border="0" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr valign="top"><td class="alt1" id="td_post_5016610" style="border-right: 1px solid rgb(255, 255, 255);">การถ่ายทอดวิชาของหลวงปู่

    สิ่ง ที่พบเห็นในยุคหลัง ๆ และคิดว่าวันข้างหน้าด้วยก็คือการมีผู้แอบอ้างเป็นญาตหลวงปู่บ้าง เป็นทายาทเรียนวิชาอาคมขลัง ฯลฯ จากหลวงปู่บ้าง จึงขอบันทึกเรื่องราวไว้เป็นเกร็ดความรู้เสริมในเรื่องนี้ไว้สักหน่อย
    หลวง ปู่ดู่ท่านเล่าให้ฟังว่าวิชาอาคมต่าง ๆ เป็นการเรียนรู้ในช่วงที่ท่านยังมิได้ศึกษาและปฏิบัติธรรมตรงตามทางของพระ พุทธองค์ ดังนั้น ท่านจึงมิได้คิดจะถ่ายทอดให้ผู้ใดเพราะไม่เห็นประโยชน์ในทางการปฏิบัติเพื่อ ความพ้นทุกข์
    หลวง ปู่มุ่งถ่ายทอดแต่วิชาพ้น ทุกข์คือศีล สมาธิ และปัญญา ส่วนเรื่องการสร้างพระและการลงเหล็กจารนั้นท่านสอนให้แต่พระเท่านั้น (เพราะท่านไม่ต้องการให้ฆราวาสมาเสียเวลาในส่วนนี้ และไม่ใช่กิจของฆราวาสผู้ประพฤติธรรม) เท่าที่ได้ยินก็มีเพียง ๓ ท่าน คือ หลวงน้าลำใย หลวงน้าดำ และหลวงน้าสายหยุด ส่วนหนึ่งก็เป็นอุบายให้พระทั้ง ๓ ท่าน เร่งปฏิบัติสมาธิภาวนาเพื่อจะเป็นที่พึ่งแก่ญาติโยม รวมทั้งแบ่งเบาภาระของหลวงปู่ไปบ้างนั่นเอง พระที่ได้รับการตั้งองค์พระหรือจารจากพระอาจารย์ทั้ง ๓ ท่าน (เรื่องการตั้งองค์พระ ได้ยินว่าหลวงน้าเสริมก็ช่วยหลวงปู่ด้วย) จะถูกนำมาให้หลวงปู่อธิษฐานซ้ำ
    โดย เฉพาะอย่าง ยิ่งในช่วงท้าย ๆ ของหลวงปู่ หลวงปู่ท่านชราภาพและไม่ค่อยแข็งแรง หลวงน้าดำก็จะเป็นหลักในการลงเหล็กจารในวัตถุมงคลต่าง ๆ แทนหลวงปู่ ก่อนที่จะนำกลับไปให้หลวงปู่อธิษฐานจิตซ้ำอีกครั้ง
    ตลอด หลายปีก่อนหลวงปู่จะมรณภาพก็ไม่เห็นปรากฏว่าหลวงปู่มีญาติคนใด นอกจากลุงยวงที่มาอยู่คอยรับใช้และได้บวชอุทิศหลวงปู่ในช่วงท้ายของชีวิต เช่นกัน รวมทั้งก็ไม่เห็นหลวงปู่สอนวิชาอะไรให้ใครนอกจากสอนธรรมะแก่ทุกคน จะได้รับมากน้อยก็ขึ้นอยู่กับความขวนขวายของศิษย์นั้นเอง ส่วนวิชาแปลก ๆ หรือวิชาอาคมอะไรที่อ้าง ก็ไม่น่าจะเป็นได้ เพราะหลวงปู่เป็นบุคคลสาธารณะ ท่านแทบไม่มีเวลาส่วนตัว การรับแขกก็มีที่เดียวคือหน้ากุฏิท่าน ไม่มีการสอนเฉพาะบุคคลในที่ลับใดทั้งสิ้น หากจะมีการอบรมหรือสอนวิชา (พิเศษ) ย่อมต้องปรากฏแก่สาธารณชนอย่างหลีกเลี่ยงมิได้ แต่ก็ไม่พบว่ามีกรณีเช่นนั้น เพราะหลวงปู่ท่านเน้นการปฏิบัติสมาธิภาวนาเป็นหลักจริง ๆ
    ทั้ง ในปัจจุบันและอนาคต หากใครได้ยินได้ฟังการปรากฏตัวของผู้เป็นญาติก็ดี เป็นทายาทอาคมขลังก็ดี ฯลฯ ก็ขอให้พิจารณาตามข้อมูลข้างต้นให้ดีเพื่อจะได้ไม่หลุดไปจากหนทางที่หลวงปู่ ท่านตั้งใจพาดำเนินคือการปฏิบัติเพื่อให้ได้ตนเป็นที่พึ่งแห่งตนคือ ศีล สมาธิ และปัญญา เท่านั้น ไม่มีวิชาพิสดารอื่นใด หรือการต้องพึ่งกับอำนาจสิ่งศักดิ์สิทธิ์ลี้ลับใด ๆ จนเสียหลักการฝึกตนให้เป็นที่พึ่งแห่งตน


    ที่มา : Luangpudu.com / Luangpordu.com


    </td> </tr> <tr> <td class="alt2" style="border-width: 0px 1px 1px; border-style: none solid solid; border-color: -moz-use-text-color rgb(255, 255, 255) rgb(255, 255, 255);"> [​IMG] </td> <td class="alt1" style="border-width: 0px 1px 1px 0px; border-style: none solid solid none; border-color: -moz-use-text-color rgb(255, 255, 255) rgb(255, 255, 255) -moz-use-text-color;" align="right"> [​IMG]</td></tr></tbody></table>
     
  4. Aimee2500

    Aimee2500 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    1,703
    ค่าพลัง:
    +1,765
    รักษาคำสอนมิให้วิปริต

    [FONT=&quot]รักษาคำสอนมิให้วิปริต[/FONT]
    [FONT=&quot]ความผิดต่อคำสอนนั้นมีได้[FONT=&quot]๒[/FONT][FONT=&quot]แบบ[/FONT][FONT=&quot]คือ[/FONT][FONT=&quot]๑[/FONT][FONT=&quot]. [/FONT][FONT=&quot]การประพฤติที่วิปริตไปจากคำสอน[/FONT][FONT=&quot]และ[/FONT][FONT=&quot]๒[/FONT][FONT=&quot]. [/FONT][FONT=&quot]การทำคำสอนให้วิปริต[/FONT][/FONT]
    [FONT=&quot]การ[FONT=&quot]ประพฤติที่วิปริตจากคำสอน[/FONT][FONT=&quot]ถือเป็นความผิดที่รุนแรงน้อยกว่าประการหลัง[/FONT][FONT=&quot]เพราะถือเป็นความผิดเฉพาะที่ตัวเรา[/FONT][FONT=&quot]ส่วนคำสอนต่าง[/FONT][FONT=&quot]ๆ[/FONT][FONT=&quot]ไม่ถูกกระทบหรือทำให้มัวหมอง[/FONT][/FONT]
    [FONT=&quot]ส่วน[FONT=&quot]การทำคำสอนให้วิปริตไปนี้[/FONT][FONT=&quot]จัดเป็นความผิดที่รุนแรงกว่าข้อแรกอย่างมาก[/FONT][FONT=&quot]เพราะทำให้เนื้อตัวของคำสอนผิดเพี้ยนไป[/FONT][FONT=&quot]ส่งผลกระทบกับคนจำนวนมาก[/FONT][FONT=&quot]เพราะทำให้หลงทางหรือเสียโอกาสในสิ่งที่ควรได้ควรถึง[/FONT][FONT=&quot]เพราะไปหลงยึดเอาคำสอนที่ผิดมาปฏิบัติ[/FONT][/FONT]
    [FONT=&quot]บุคคล[FONT=&quot]หรือคณะบุคคลที่ยุ่งเกี่ยวกับการเผยแพร่ธรรมะคำสอน[/FONT][FONT=&quot]ต้องตระหนักในเรื่องความผิดพลาดทั้งสองประการข้างต้นให้มาก[/FONT][FONT=&quot]โดยเฉพาะอย่างยิ่งประการหลัง[/FONT][FONT=&quot]ไม่อย่างนั้นบุญจะไม่คุ้มบาป[/FONT][FONT=&quot]และถือว่าขาดความเคารพครูบาอาจารย์[/FONT][FONT=&quot]เพราะบางครั้งเอาคำพูดของเราไปอ้างว่าเป็นคำพูดของครูบาอาจารย์[/FONT][FONT=&quot]ชนิดที่ว่า[/FONT][FONT=&quot]“[/FONT][FONT=&quot]เอาคำของเราไปใส่ปากครูอาจารย์[/FONT][FONT=&quot]” [/FONT][FONT=&quot]ทำ[/FONT][FONT=&quot]ให้คนฟังเข้าใจผิดคิดว่าเป็นคำพูดออกจากองค์ท่านจริง[/FONT][FONT=&quot]ๆ[/FONT][FONT=&quot]ซึ่งถึงแม้จะมีเนื้อหาเป็นธรรม[/FONT][FONT=&quot] ([/FONT][FONT=&quot]ตามทัศนะของเรา[/FONT][FONT=&quot]ณ[/FONT][FONT=&quot]วันนี้[/FONT][FONT=&quot]) [/FONT][FONT=&quot]แต่ก็จัดว่าเป็นการกระทำที่ขาดความเคารพและไม่ซื่อสัตย์ต่อครูอาจารย์[/FONT][/FONT]
    [FONT=&quot]โดยสรุป[FONT=&quot]ในการเผยแพร่คำสอนของหลวงปู่หรือครูอาจารย์ท่านใดก็ตาม[/FONT][FONT=&quot]เราควรต้องรักษาความบริสุทธิ์ในคำพูดคำสอนของท่าน[/FONT][FONT=&quot]โดย[/FONT][FONT=&quot]จะไม่คิดเอาเอง[/FONT][FONT=&quot]หรือเอาความรู้ในทางนิมิตมาเผยแพร่[/FONT][FONT=&quot]เพราะมันสุ่มเสี่ยงว่าจะมีอุปาทานแทรกซ้อนได้[/FONT][FONT=&quot]แม้จะมีเจตนาที่บริสุทธิ์[/FONT][FONT=&quot]หรือข้อความดังกล่าวแลดูเป็นอรรถเป็นธรรมก็ตาม[/FONT][FONT=&quot] ([/FONT][FONT=&quot]ถ้าแลดูเป็นอรรถเป็นธรรม[/FONT][FONT=&quot]ก็เผยแพร่ได้แต่ควรเผยแพร่กับบุคคลใกล้ตัวเท่านั้น[/FONT][FONT=&quot]มิใช่เผยแพร่กับสาธารณะ[/FONT][FONT=&quot]รวมทั้งต้องบอกที่มาที่ไปที่ชัดเจน[/FONT][FONT=&quot]ว่าไม่ได้มาจากปากท่านในสมัยที่ท่านยังมีชีวิตอยู่[/FONT][FONT=&quot]หากแต่เป็นความรู้ที่เกิดขึ้นที่จิตเรา[/FONT][FONT=&quot]) [/FONT][/FONT]
    [FONT=&quot]นอก[FONT=&quot]จากนี้[/FONT][FONT=&quot]หากเป็นคำสอนที่จำสืบ[/FONT][FONT=&quot]ๆ[/FONT][FONT=&quot]กันมา[/FONT][FONT=&quot]แต่เข้ากันไม่ได้กับคำสอนโดยรวมของท่าน[/FONT][FONT=&quot]เราก็ต้องละไว้[/FONT][FONT=&quot]ไม่นำมาเผยแพร่[/FONT][FONT=&quot]โดยให้สันนิษฐานว่ามีการจดจำและเล่าสืบ[/FONT][FONT=&quot]ๆ[/FONT][FONT=&quot]กันมาจนเกิดความคลาดเคลื่อน[/FONT][FONT=&quot]หรืออาจเป็นคำสอนเฉพาะบุคคลจริง[/FONT][FONT=&quot]ๆ[/FONT][FONT=&quot]ซึ่งไม่เหมาะจะเผยแพร่เป็นสาธารณะ[/FONT][FONT=&quot]เพราะอาจทำให้คนหมู่ใหญ่สับสน[/FONT][/FONT]
    [FONT=&quot]บ่อย[FONT=&quot]ครั้งที่ข้าพเจ้าเห็นคำสอนของหลวงปู่ทวด[/FONT][FONT=&quot]หรือสมเด็จโตฯ[/FONT][FONT=&quot]เผยแพร่ออกมาเป็นล่ำเป็นสัน[/FONT][FONT=&quot]พอสืบค้นไปแล้วพบว่ามีที่มาจากสำนักทรงบ้าง[/FONT][FONT=&quot]จากการนั่งสมาธิของใครบางคนบ้าง[/FONT][FONT=&quot]การเผยแพร่อย่างนี้หากเป็นไปอย่างกว้างขวางมากขึ้นก็จะทำให้คำพูดแท้[/FONT][FONT=&quot]ๆ[/FONT][FONT=&quot]ของหลวงปู่กับคำพูดผ่านนิมิตของใคร[/FONT][FONT=&quot]ๆ[/FONT][FONT=&quot]มาปะปนกันจนแยกไม่ออก[/FONT][FONT=&quot]ไม่รู้อันไหนเป็นคำสอนจริง[/FONT][FONT=&quot]ๆ[/FONT][FONT=&quot]ของท่าน[/FONT][FONT=&quot]ซึ่งจริง[/FONT][FONT=&quot]ๆ[/FONT][FONT=&quot]แล้ว[/FONT][FONT=&quot]โอวาทของหลวงปู่ทวดนั้นจะมีมาเผยแพร่ได้อย่างไร[/FONT][FONT=&quot]ในเมื่อท่านละสังขารไปตั้งกว่า[/FONT][FONT=&quot]๔๐๐[/FONT][FONT=&quot]ปีมาแล้ว[/FONT][FONT=&quot]ขนาดว่าพระดำรัสของพระมหากษัตริย์ไทยในยุคนั้นก็ยังไม่มีเหลือถึงปัจจุบัน[/FONT][FONT=&quot]เลย[/FONT][/FONT]
    [FONT=&quot]ดัง[FONT=&quot]นั้น[/FONT][FONT=&quot]หากเราคิดว่าหลวงปู่เป็นครูบาอาจารย์เรา[/FONT][FONT=&quot]และเป็นดั่งพ่อแม่ของเรา[/FONT][FONT=&quot]ก็โปรดช่วยกันรักษาความบริสุทธิ์ในคำสอนของท่าน[/FONT][FONT=&quot]และพิจารณากลั่นกรองให้ดีก่อนเผยแพร่ออกไป[/FONT][FONT=&quot]หากเป็นคำสอนที่ผุดรู้ขึ้นในจิตของผู้ปฏิบัติกรรมฐาน[/FONT][FONT=&quot]และอยากที่จะเล่าเพราะเห็นว่ามีเนื้อหาที่เป็นประโญชน์[/FONT][FONT=&quot]ก็ให้เล่าเฉพาะหมู่เพื่อนใกล้ตัว[/FONT][FONT=&quot]รวมทั้งควรบอกที่มาที่ไปให้ชัดเจน[/FONT][FONT=&quot]ไม่ควรให้คนอื่นเขาเข้าใจผิด[/FONT][/FONT]
    [FONT=&quot]ใน[FONT=&quot]สมัยหลวงปู่มีชีวิต[/FONT][FONT=&quot]เวลานักปฏิบัติได้นิมิตหลวงปู่มาสอนธรรมะ[/FONT][FONT=&quot]และเขานึกอยากจะเล่าให้หมู่เพื่อนใกล้ตัวฟังเพื่อเจริญศรัทธา[/FONT][FONT=&quot]เขาก็มักจะเริ่มต้นคำพูดว่า[/FONT][FONT=&quot] “[/FONT][FONT=&quot]ถ้าผมไม่เพี้ยนไป[/FONT][FONT=&quot]หรือไม่เป็นเพราะปรุงแต่งจิตไปเอง[/FONT][FONT=&quot]เมื่อคืนในขณะที่ผมปฏิบัติกรรมฐาน[/FONT][FONT=&quot]ผมได้ยินหลวงปู่มาสอนว่า[/FONT][FONT=&quot]....................................” [/FONT][FONT=&quot]เป็นต้น[/FONT][/FONT]
    [FONT=&quot]หาก[FONT=&quot]ลูกศิษย์ไม่ว่าทันหรือไม่ทันท่าน[/FONT][FONT=&quot]ละเลยต่อการรักษาความบริสุทธิ์ในคำสอนของหลวงปู่[/FONT][FONT=&quot]พากันเอาความรู้ภายในหรือทางนิมิตมาถ่ายทอดปะปนให้คนเข้าใจว่าเป็นคำสอนของ[/FONT][FONT=&quot]หลวงปู่จริง[/FONT][FONT=&quot]ๆ[/FONT][FONT=&quot]อีกหน่อยสำนักทรงต่าง[/FONT][FONT=&quot]ๆ[/FONT][FONT=&quot]ก็คงถ่ายทอดว่าหลวงปู่ดู่สอนว่าอย่างนั้น[/FONT][FONT=&quot]สอนว่าอย่างนี้[/FONT][FONT=&quot]เหมือนกับที่ทำกับหลวงปู่ทวด[/FONT][FONT=&quot]หรือสมเด็จโตฯ[/FONT][/FONT]
    [FONT=&quot]จากปฏิปทาหลวงปู่ซึ่งเป็นผู้มักน้อยสันโดษ[FONT=&quot]รวมทั้งเป็นผู้อ่อนน้อมถ่อมตน[/FONT][FONT=&quot]วางตัวเป็นพระบ้านนอก[/FONT][FONT=&quot]เทศน์ไม่เป็น[/FONT][FONT=&quot]เป็นแต่ให้คติแง่คิดสั้น[/FONT][FONT=&quot]ๆ[/FONT][FONT=&quot]ภาพ[/FONT][FONT=&quot]ของหลวงปู่ที่เกิดจากโอวาทแปลกปลอมก็อาจจะกลายเป็นพระเถระผู้ใหญ่ที่หลงตัว[/FONT][FONT=&quot]อวดตัว[/FONT][FONT=&quot]พูดจาทำนองได้วางหลักธรรมและวิชชาพิสดารต่าง[/FONT][FONT=&quot]ๆ[/FONT][FONT=&quot]ขึ้นมากมาย[/FONT][FONT=&quot]สุดท้ายคนที่เสียประโยชน์ก็คือคนยุคหน้าที่ไม่ทันทั้งสังขารของหลวงปู่[/FONT][FONT=&quot]และไม่ทันทั้งคำสอนที่บริสุทธิ์ของหลวงปู่[/FONT][/FONT]
    [FONT=&quot]ดังนั้น[FONT=&quot]หากเคารพรักหลวงปู่ด้วยความบริสุทธิ์ใจ[/FONT][FONT=&quot]ก็[/FONT][FONT=&quot]ควรช่วยกันรักษาความบริสุทธิ์ในโอวาทของท่าน[/FONT][FONT=&quot]และในกรณีที่ไม่แน่ใจเพราะไม่เคยได้ยินได้ฟังคำสอนหลวงปู่ด้วยตนเอง[/FONT][FONT=&quot]ก็อาจอาศัยความเข้าใจจากการศึกษาปฏิปทาและคำสอนของหลวงปู่จาก[/FONT][FONT=&quot]”[/FONT][FONT=&quot]หนังสือตามรอยธรรม[/FONT][FONT=&quot]ย้ำรอยครู[/FONT][FONT=&quot]หลวงปู่ดู่[/FONT][FONT=&quot]พรหมปัญโญ[/FONT][FONT=&quot]”[/FONT][FONT=&quot]ที่จะช่วยให้เราพอเห็นภาพรวมปฏิปทาและบุคลิกภาพของท่านตามสมควรในระดับที่พอจะวินิจฉัยได้ว่าคำสอนใดน่าจะใช่[/FONT][FONT=&quot]คำสอนน่าจะไม่ใช่[/FONT][FONT=&quot]เช่น[/FONT][/FONT]
    [FONT=&quot]· [FONT=&quot]คำสอนที่ขัดกับหลักการพึ่งตนเอง[/FONT][FONT=&quot]
    [/FONT]
    [FONT=&quot]กล่าว[/FONT][FONT=&quot]คือมัวแต่พึ่งอำนาจสิ่งศักดิ์สิทธิ์หรือมนต์วิเศษ[/FONT][FONT=&quot]เพราะตลอดชีวิตของท่าน[/FONT][FONT=&quot]ท่านมีแต่จะกระตุ้นให้ลูกศิษย์ไปทำงาน[/FONT][FONT=&quot] ([/FONT][FONT=&quot]ทำกรรมฐาน[/FONT][FONT=&quot]) [/FONT][FONT=&quot]ด้วยความวิริยะอุตสาหะ[/FONT][FONT=&quot]ท่านพูดเสมอว่าท่านเป็นเพียงผู้ชี้ทาง[/FONT][FONT=&quot]พวกเราต้องขวนขวายทำเอาเองจึงจะได้[/FONT][FONT=&quot]) [/FONT][FONT=&quot]จะโมทนาอย่างเดียว[/FONT][FONT=&quot]หรือเอาแต่สวดมนต์อ้อนวอนขอร้องไม่ได้[/FONT]
    [/FONT]
    [FONT=&quot]· [FONT=&quot]คำสอนที่ไม่เป็นไปเพื่อความสันโดษ[/FONT][FONT=&quot]
    [/FONT]
    [FONT=&quot]กล่าวคือ[/FONT][FONT=&quot]ทำให้อยู่ยาก[/FONT][FONT=&quot]กินยาก[/FONT][FONT=&quot]ชิวิตที่เรียบง่ายหายไป[/FONT][FONT=&quot]กลายเป็นชีวิตที่ติดสุขหรือติดสิ่งอำนวยความสะดวก[/FONT]
    [/FONT]
    [FONT=&quot]· [FONT=&quot]คำสอนที่พาให้หลงวนเวียนในเรื่องบุญหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์หรือพลังงานลึกลับ[/FONT][FONT=&quot]
    [/FONT]
    [FONT=&quot]กล่าว[/FONT][FONT=&quot]คือสอนให้หมกมุ่นอยู่แต่ในเรื่องทาน[/FONT][FONT=&quot]เรื่องศรัทธา[/FONT][FONT=&quot]หรือเรื่องปาฏิหาริย์จนไม่มีเวลาให้กับสิ่งที่เป็นคุณค่าสูงสุดนั่นคือการ[/FONT][FONT=&quot]ปฏิบัติในหลักแห่งศีล[/FONT][FONT=&quot]สมาธิ[/FONT][FONT=&quot]และปัญญา[/FONT][FONT=&quot]เพื่อจะให้มีตนเป็นที่พึ่งแห่งตน[/FONT]
    [/FONT]
    [FONT=&quot]· [FONT=&quot]คำสอนที่เน้นให้ยึดมั่นถือมั่นในตัวอาจารย์[/FONT][FONT=&quot]
    [/FONT]
    [FONT=&quot]กล่าว[/FONT][FONT=&quot]คือ[/FONT][FONT=&quot]ท่านจะไม่สอนให้เรายึดตัวบุคคลหรือยึดตัวครูอาจารย์[/FONT][FONT=&quot]หากแต่ให้ยึดที่ธรรมะ[/FONT][FONT=&quot]ดังที่ท่านกล่าวว่า[/FONT][FONT=&quot]ธรรมที่ท่านให้ไว้น่ะ[/FONT][FONT=&quot]จงรักษาเท่าชีวิต[/FONT][FONT=&quot]เพราะจะเป็นที่พึ่งได้ในภายหน้า[/FONT][FONT=&quot]และท่านยังสอนว่าการจะไปสวรรค์นิพพาน[/FONT][FONT=&quot]เราต้องทำเอาเอง[/FONT][FONT=&quot]ท่านส่งใครไปไม่ได้[/FONT][FONT=&quot]ท่านเป็นเพียงผู้ชี้ทางเท่านั้น[/FONT]
    [/FONT]
    [FONT=&quot]· [FONT=&quot]คำสอนที่มุ่งหาทางลัดตรง[/FONT][FONT=&quot]
    [/FONT]
    [FONT=&quot]กล่าวคือ[/FONT][FONT=&quot]มุ่งจะเอาธรรมะชั้นสูง[/FONT][FONT=&quot]โดยมองข้ามธรรมะพื้นฐาน[/FONT][FONT=&quot]คล้ายจะสร้างยอดเจดีย์โดยไม่สร้างฐานเจดีย์ให้แข็งแรงเสียก่อน[/FONT][FONT=&quot]หลวงปู่ทั้งสอนทั้งให้กำลังใจว่า[/FONT][FONT=&quot] “[/FONT][FONT=&quot]เบื้องต้นก็จะขึ้นยอดตาล[/FONT][FONT=&quot]มีหวังตกลงมาตาย[/FONT][FONT=&quot]หรือแข้งขาหักเท่านั้น[/FONT][FONT=&quot]” [/FONT][FONT=&quot]และ[/FONT][FONT=&quot] “[/FONT][FONT=&quot]หมั่นทำเข้าไว้[/FONT][FONT=&quot]ๆ[/FONT][FONT=&quot]” [/FONT][FONT=&quot]เราจะมัวพูดถึงหรือจินตนาการในสมบัติหรือผลการปฏิบัติของครูอาจารย์[/FONT][FONT=&quot]โดยที่เมื่อล้วงเข้าไปในกระเป๋าเราแล้ว[/FONT][FONT=&quot]กลับพบว่าแทบไม่มีเงิน[/FONT][FONT=&quot] ([/FONT][FONT=&quot]ศีล[/FONT][FONT=&quot]สมาธิ[/FONT][FONT=&quot]และปัญญา[/FONT][FONT=&quot]) [/FONT][FONT=&quot]ติดกระเป๋าเลยนั้น[/FONT][FONT=&quot]ถือว่าตั้งอยู่ในความประมาทมาก[/FONT]
    [/FONT]
    [FONT=&quot]· [FONT=&quot]คำสอนที่ทำให้ตั้งอยู่ในความประมาทและเพื่อความเนิ่นช้า[/FONT][FONT=&quot]
    [/FONT]
    [FONT=&quot]เช่น[/FONT][FONT=&quot]พาให้หลงหมกมุ่นอยู่กับเครื่องเล่นต่าง[/FONT][FONT=&quot]ๆ[/FONT][FONT=&quot]โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลพลอยได้ทางสมาธิหรือแม้กระทั่งวัตถุมงคลต่าง[/FONT][FONT=&quot]ๆ[/FONT][FONT=&quot]จน[/FONT][FONT=&quot]แทบไม่เหลือเวลาให้กับการภาวนาละกิเลส[/FONT][FONT=&quot]รวมไปถึงคำสอนที่ทำให้หลงสำคัญตนว่าเป็นผู้สั่งสมบุญบารมีมาแต่เก่าก่อน[/FONT][FONT=&quot]ชาตินี้ทำพอเป็นนิสัยปัจจัยเพื่อรอจะไปบรรลุธรรมในยุคพระศรีอาริย์ทีเดียว[/FONT][FONT=&quot]ซึ่งเป็นทัศนะที่น่ากลัวที่สุด[/FONT][FONT=&quot]ซึ่งผู้ที่ทันหลวงปู่จะรู้ดีว่า[/FONT][FONT=&quot]หลวงปู่ห่วงลูกศิษย์ของท่านขนาดไหน[/FONT][FONT=&quot]แม้ขยันภาวนาอยู่กับท่านทุกวัน[/FONT][FONT=&quot]ท่านก็ยังไม่รับรองว่าจะพ้นนรกหรืออบายภูมิเลย[/FONT][FONT=&quot]คำสอนของท่านมีจุดหมายปลายทางที่การเตรียมตัวตายเพื่อให้สามารถตายอย่างผู้[/FONT][FONT=&quot]มีชัย[/FONT][FONT=&quot]ด้วยการขวนขวายสร้างภูมิสมาธิและปัญญาให้พอตัว[/FONT][FONT=&quot]หรือปฏิบัติให้ถึงหนึ่งในสี่[/FONT][FONT=&quot] ([/FONT][FONT=&quot]อริยบุคคลเบื้องต้น[/FONT][FONT=&quot]) [/FONT][FONT=&quot]อันเป็นเป้าหมายที่ท่านให้ลูกศิษย์ทุกคนยึดหลักนี้ไว้ให้ชัดเจน[/FONT][FONT=&quot]เพื่อความเที่ยงแท้แน่นอนว่าจะไม่ลงอบาย[/FONT][FONT=&quot]โดยท่านไม่เคยสอนใครเลยว่า[/FONT][FONT=&quot]ปฏิบัติพอเป็นนิสัยปัจจัย[/FONT][FONT=&quot]เพื่อจะไปบรรลุธรรมในยุคพระศรีอาริย์[/FONT][FONT=&quot]มีแต่สอนให้ปฏิบัติให้เต็มที่[/FONT][FONT=&quot]หากไม่ได้ไม่ถึง[/FONT][FONT=&quot]อย่างน้อยสิ่งที่สั่งสมไว้ดีแล้วนี้จะช่วยให้เราได้ไปเกิดในยุคพระศรีอาริย์[/FONT][FONT=&quot]มิใช่มัวประมาทกินบุญเก่าอยู่[/FONT]
    [/FONT]
    [FONT=&quot]หมายเหตุ[FONT=&quot]โดยปรกติ[/FONT][FONT=&quot]หลวงปู่จะเรียกตัวเองว่า[/FONT][FONT=&quot] “[/FONT][FONT=&quot]ข้า[/FONT][FONT=&quot]” [/FONT][FONT=&quot]และเรียกคู่สนทนาว่า[/FONT][FONT=&quot] “[/FONT][FONT=&quot]แก[/FONT][FONT=&quot]” [/FONT][FONT=&quot]ไม่ใช่[/FONT][FONT=&quot] “[/FONT][FONT=&quot]มึง[/FONT][FONT=&quot]หรือ[/FONT][FONT=&quot]เอ็ง[/FONT][FONT=&quot]” [/FONT][FONT=&quot]อย่างที่ปรากฏเผยแพร่ในบางแห่ง[/FONT][/FONT]



    [FONT=&quot]ที่มา: Luangpudu.com / Luangpordu.com[/FONT]
     
  5. tanatsan

    tanatsan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    447
    ค่าพลัง:
    +1,082
    ขอบคุณมากครับสำหรับคำสอนของหลวงปู่เพื่อเตือนสติ:cool:
     
  6. Specialized

    Specialized ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    22,155
    กระทู้เรื่องเด่น:
    23
    ค่าพลัง:
    +83,358
    อนุโมทนากับลูกศิษย์หลวงปู่ทุกท่านครับ หนักเบาเราก็ให้อภัยกันนะครับ
     
  7. Aimee2500

    Aimee2500 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    1,703
    ค่าพลัง:
    +1,765
    จากหลวงพี่ ...สู่หลวงปู่ดู่

    จากหลวงพี่ ...สู่หลวงปู่ดู่


    เมื่อมาลำดับเรื่องราวของหลวงปู่ดู่ตั้งแต่เมื่อแรกเข้าวัด ผมจะได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับหลวงปู่ผ่านศิษย์หลวงปู่หลากหลายวัย

    ลูก ศิษย์สูงวัย (โบราณ) ก็จะเรียกหรืออ้างถึงหลวงปู่ว่า "หลวงพี่" เช่นเรื่องราวของศิษย์สมัยเมื่อราว พ.ศ. ๒๕๐๐ เศษ ๆ (ยุคที่ผู้คนมาวัดสะแกทางเรือ) ที่ภายหลังจากรับแผ่นโลหะที่หลวงปู่จารให้ไปเป็นเนื้อชนวนสร้างพระ ก็ปรากฏว่าแผ่นโลหะบาง ๆ นั้นกลับไม่ยอมหลอมละลาย จนเขาต้องพายเรือกลับมาวัดสะแกอีกครั้งเพื่อแจ้งปัญหากับว่า "หลวง พี่ดู่ครับ แผ่นเนื้อชนวนของหลวงพี่มันไม่ยอมละลายครับ กวนเท่าไร ๆ มันก็ไม่ยอมละลาย" หลวงปู่ท่านรับทราบแล้วก็ให้เขากลับไปใหม่อีกครั้ง ก็ปรากฏว่าแผ่นโลหะนั้นก็หลอมละลายโดยง่ายดาย

    บาง คนก็ได้รับการอบรมจากท่านอย่างค่อยเป็นค่อยไป เช่น คนที่จะไปหาปลาหากุ้ง หลวงปู่ท่านก็ให้เขาสมาทานศีลก่อน แต่เขาแย้งว่ามันเป็นอาชีพของเขา เดี๋ยวเขาก็ต้องไปหาปลาหากุ้งตามประสาของเขาแล้ว รับศีลไปจะมีประโยชน์อะไร หลวงปู่ท่านก็ให้เหตุผลว่ายังไงตอนนี้ (ซึ่งยังไม่ได้ทำบาป) ก็ให้มีศีลไว้ก่อน เผื่อเกิดไปตายเสียระหว่างทาง เช่น ไปโดนอสรพิษกัดตาย ก็จะได้ตายขณะมีศีล ชาวบ้านคนนั้นฟังคำหลวงปู่แล้วก็อึ้งและเห็นดีเห็นงามทำตามหลวงปู่ (หลวงพี่) สอน

    (ซึ่งเรื่องนี้ผมก็ได้เอาไปแทรกเป็นเกร็ดประวัติหลวงปู่ตั้งแต่เมื่อคราวทำหนังสือพระผู้จุดประทีปในดวงใจ)

    ต่อจากยุคหลวงพี่ก็มาถึงยุคหลวงพ่อ คือในราวปี ๒๕๒๕ ที่เริ่มมีคนกรุงเทพฯ เดินทางมาทางถนน (แทนทางเรือ) แม้หลวงปู่จะมีอายุใกล้ ๘๐ แต่ด้วย ความผ่องใสของท่าน ทุกคนจึงพอใจนิยมเรียกท่านว่า "หลวงพ่อ" สัดส่วนการสอนธรรมะก็เริ่มมากขึ้น แต่ปาฏิหาริย์ต่าง ๆ ก็ยังปรากฏเป็นปรกติ ไม่เฉพาะภายในประเทศไทยนี้ หากแต่ไปไกลถึงสิงคโปร์ ดังตัวอย่างลูกศิษย์คนหนึ่งของหลวงปู่ที่ไปธุระที่นั่น ด้วยความที่อยู่ในย่านที่ห่างจากตัวเมืองออกไปมาก ดังนั้น เมื่อเสร็จธุระจะหารถ Taxi เพื่อไปส่งสนามบิน ปรากฏหาไม่ได้เลย เขายืนข้างถนนมองหารถ Taxi อยู่ เป็นเวลาราวชั่วโมงครึ่งก็ยังไม่เห็นรถผ่านมาสักคัน จนจวนเจียนจะตกเครื่องบิน หมดหนทางแล้วจึงเอาพระหลวงปู่ที่ห้อยคอมาอธิษฐานขอให้มี Taxi ผ่านมาโดยเร็วด้วยเถิด ปรากฏไม่ถึง ๕ นาที ก็มี Taxi มา ที่แปลกกว่านั้นก็คือเป็น Taxi ที่วิ่งอยู่คนละฟากถนน ก็ยังอุตส่าห์ u-turn กลับมารับ
    ย้อนกลับมาเรื่องหลวงพี่และหลวงพ่อต่อ (ก่อนจะเลิยเถิดไปไกล) ในยุคที่หลวงปู่เป็นหลวงพ่อ พระวัดสะแกรูปอื่น ๆ ที่เป็นศิษย์และมีอายุน้อยกว่าท่าน ก็มักถูกเรียกว่า "หลวงน้า" เช่น หลวง น้าสายหยุด หลวงน้าลำไย และหลวงน้าดำ เป็นต้น ซึ่งก็ฟังน่ารัก เป็นไทย ๆ และดูใกล้ชิดดี ซึ่งหลวงน้าหนึ่งในนั้นก็มีประสบการณ์การดั้นด้นไปกราบพระมหาวีระ (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) แล้วถูกอบรมกลับมาว่า อย่าข้ามครูบาอาจารย์ที่อยู่ใกล้ตัว คือหลวงพ่อดู่ เพราะท่านเป็นพระที่มีคุณธรรมสูง ให้กลับไปขอขมาท่านเสีย หลวงน้าท่านนั้นจึงกลับมา พร้อมกับยกหลวงพ่อไว้ในฐานะเสมือนเป็นพ่อ แล้วให้พระมหาวีระเป็นเหมือนแม่
    ก๊อก ๆ กลับมาเรื่อง "หลวงพ่อ" ต่อ ในขณะที่คนส่วนใหญ่ในยุคก่อน ๒๕๓๐ นิยมเรียก หลวงปู่ว่าหลวงพ่อ แต่สำหรับลุงยวงซึ่งเป็นหลานหลวงปู่ ก็จะเรียกตามความสัมพันธ์กับท่านว่า "หลวงลุง" ทำให้คนใกล้ชิดลุงยวง พากันเรียกท่านว่าหลวงลุงตามไปด้วย

    เมื่อถึงปี ๒๕๓๒ ด้วยวัย ๘๕ ปี สังขารขันธ์ของหลวงปู่เริ่มล่วงโรย ลูกศิษย์หลายคนก็เริ่มจูงลูกจูงหลานมากราบท่านมากขึ้น ในช่วงท้ายนี้ผู้คนจึงเริ่มเรียกท่านว่า "หลวงปู่" มากขึ้น
    สังขารขันธ์ของหลวงปู่ที่แปรปรวนเปลี่ยนแปลงไปนั้น เป็นดังที่หลวงปู่เคยกล่าวให้แง่คิดกับศิษย์ว่า "แกวันนี้ กับแกเมื่อวานก็ไม่เหมือนเก่า ...แกวันก่อนมันตายไปแล้ว" หลวงปู่ท่านเมตตาต่อทุก คนที่จะมาเอาธรรม หรืออย่างน้อยมีแววที่ท่านอาจให้ยึดโยงจากวัตถุมงคลหรือเรื่องปาฏิหาริย์มา สู่ธรรมในภายหน้าได้ แต่อย่างที่ว่า ปาฏิหาริย์ของหลวงปู่นั้นชัดเจน มาก ๆ ว่า มิได้เป็นไปเพื่อความหลง คือ มิได้เป็นไปเพื่อให้หลงเสียทรัพย์ไปกับพิธีกรรมต่าง ๆ หรือลุ่มหลงจมปรักหรือจิตฟูฟุ้งไปกับปาฏิหาริย์ หากแต่เป็นปาฏิหาริย์ชนิด "พระท่านทำให้เชื่อ" ทั้งสิ้น เมื่อเชื่อคุณพระพุทธฯ ก็เท่ากับว่าลดความลังเลสงสัยในการที่จะน้อมนำธรรมะมาปฏิบัติขัดเกลาตัวเอง ว่าจะเกิดผลดีแก่ตัวเองจริง ๆ

    มาบัดนี้ ยังมีคนบางกลุ่มเอาแต่เรื่องพิธีกรรม แล้วอ้างว่าหลวงปู่พาทำ แถมยังบอกว่าเป็นเรื่องทางปัญญา ก็ไม่รู้ว่าเป็นปัญญาพาตัว เองให้ได้ตนเป็นที่พึ่งแก่ตัวอย่างไร นอกจากพาตัวเองให้ต้องขึ้นกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ลี้ลับ หรือขึ้นกับความวาดฝันในอานิสงส์สุดคณนาจากพิธีกรรมเหล่านั้น ซึ่งล้วนแต่เป็นช่องทางหาทรัพย์ทั้งเงินทองและอสังหาริมทรัพย์บนศรัทธาของผู้ไม่รู้ทันเท่านั้น

    จากหลวงพี่สู่หลวงพ่อ กระทั่ง มาเป็นหลวงปู่ คุณความดีที่ท่านสร้างไว้นั้นมากมาย แค่ทำให้คนหยาบคนพาลคนหนึ่งมาเป็นกัลยาณชนก็มีอานิสงส์มากมายเหลือประมาณ เพราะเท่ากับทำภพชาติของคนหลงให้สั้นเข้า ทุกข์และน้ำตาที่ต้องทิ้งไว้กับโลกก็น้อยลง ทำอย่างไรหนอ ปฏิปทาและคำสอนอันบริสุทธิ์ของหลวงปู่จะถูกเล่าขานออกไปอย่างไม่รู้จบ เพื่อประโยชน์แก่ชนหมู่มาก


    [FONT=&quot]ที่มา: Luangpudu.com / Luangpordu.com[/FONT]
    [FONT=&quot]
    [/FONT]
     
  8. supatach

    supatach เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    1,638
    ค่าพลัง:
    +6,666
    เรียนท่านเจ้าของกระทู้ และ เพื่อนสมาชิกจำประจำกระทู้นี้
    วันนี้ วันดี ผมขออนุุญาติประชาสัมพันธ์ ครับผม
    เนื่องจากผมและเพื่อนๆพี่ๆน้อง ได้ก่อตั้งกองทุนรัศมีบุญ ขึ้น
    วัตถุประสงค์ เพื่อรวบรวม ระดมเงินบริจาค เพื่อจัดซื้อเครื่องล้างไตฟอกเลือด เพื่อบริจาคให้แก่โรงพยาบาลต่างจังหวัด
    ปัจจุบัน มีผู้ป่วยโรคไต ที่ต้องทนทุกข์ทรมาน และ เสียชีวิต ก่อนจะได้รับคิวล้างไตฟอกเลือดมากมาย ผมขอเชิญทุกๆท่านมาร่วมบุญช่วยเหลือเพื่ีอนมนุษย์ด้วยกันนะครับ
    http://palungjit.org/threads/%E0%...8D.302325/

    อีกลิ้งค์หนึ่งเป็นเวปไซค์หลักของกองทุนรัศมีบุญ ครับผม

    https://sites.google.com/site/rusmeeboon/
    ขอบพระคุณครับ
     
  9. Aimee2500

    Aimee2500 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    1,703
    ค่าพลัง:
    +1,765
    จันทร์:
    ขออนุโมทนากับบทความดีดีครับ เป็นไงไม่รู้ชอบทางด้านอิทธิปาฎิหาริย์เมื่อก่อนก็อยากจะเป็น X-men(ปรับภพ-ปรับภูมิ),มาตอนนี้ยืมหนังสือน้องมาอ่าน น้องพึ่งทำบุญซื้อมาเป็นรูปหลวงปู่ยืนอยู่บนท้องฟ้า(ขออนุญาติไม่เอ่ยชื่อ หนังสือ)อ่านแล้วชวนให้ติดตามในหลายฯเรื่องของหลวงปู่ที่เกียวกับปาฏิหาริย์ ตั้งใจว่าจะอ่านจบเล่ม อดหลับอดนอนอ่านไปหลายคืน ตรัสสินใจเอาไปคืนเจ้าของไม่อ่านแล้ว อ่าน ตามรอยธรรมย้ำรอยครู เล่มเดิมดีกว่า ความอยากได้ในวัตถุมงคลของหลวงปู่จะได้ลด ลง เฮ้อเหนื่อยจังกับใจดวงนี้ อยากนู้นอยากนี่ตลอด
    กราบขอบพระคุณในบทความดีฯครับ


    สิทธิ์:
    คุณจันทร์ครับ สมัยก่อนผมก็อยากได้พระหลวงปู่มาก ขนาดว่ายอมไปตลาดพระและหาเช่าพระครั้งแรกในชีวิต
    ได้ เป็นพิมพ์ยมกปาฏิหาริย์ มีพระธรรมธาตุขึ้น (สมัยนั้นตลาดพระยังไม่รู้จัก เขาคิดว่ามีส่วนผสมของเขี้ยวหนุมาน) เช่ามาด้วยราคา ๗๐๐ บาท ซึ่งก็ถือว่าไม่น้อยในยุคนั้น ซึ่งหลวงปู่ก็ยังมีชีวิต
    พอ เอามาให้ลูกศิษย์หลวงปู่พิจารณา เขาสันนิษฐานให้ฟังว่าน่าจะเป็นวัตถุมงคลที่มีคนมาขโมยไปจากกุฏิหลวงปู่ (เพราะยังไม่เคยมีการออกให้บูชาเลย)
    ฟังแล้วก็ให้รู้สึกห่อเหี่ยว จึงได้เข็ดขยาด
    แล้ว ก็มาวัตุมงคลที่สร้างจากปูนขาวพิมพ์ต่าง ๆ ด้านหลังฝังเศษทับทิม/พลอย ผมรู้แน่ว่าสร้างภายหลัง (เพราะผมและเพื่อน ๆ ได้ร่วมเทพระพิมพ์นี้ไปเป็นจำนวนนับหมื่นองค์) แต่ต้องรู้สึกผิดหลังที่เห็น ลูกศิษย์สมัยหลวงปู่ไปยืนโฆษณาในตลาดพระแห่งหนึ่งว่าเป็นรุ่นที่ทันหลวงปู่ ผมจึงเป็นโรคขยาดกลัวตลาดพระเป็นอย่างยิ่ง
    แล้ว ก็ยังเรื่องลูกแก้วรุ่นเปิดโลกที่ผมและเพื่อนไปซื้อลูกแก้วประดับตู้ปลา มาจำนวนหลายพันลูกให้หลวงปู่เสก พวกเราก็ทราบกันอยู่ว่าหลวงปู่เสกโดยนั่งหลับตาอธิษฐานจิต ท่านไม่ได้ใช้เทียนน้ำมนต์แต่อย่างใด แต่กลับเห็นลูกศิษย์หลวงปู่ (ที่ชอบเที่ยวแวะเวียนตามแผงพระ) ไปเที่ยวยืนยันใคร ๆ ว่าลูกแก้วที่ในตู้จำหน่ายซึ่งมีน้ำตาเทียนหยดอยู่ทุกลูก เป็นของแท้แน่นอน (ซึ่งเป็นไปไม่ได้ เพราะลูกแก้วทั้งหมดอยู่ในกล่องที่ปิดฝา)
    เรื่อง ที่จะแนะนำใครไปหาวัตถุมงคลหลวงปู่จากตลาดพระจึงเป็นอันเลิกพูด เพราะขนาดลูกศิษย์หลวงปู่ที่ทันหลวงปู่ก็ยังกล้าพูดไม่จริง การพูดคลาดเคลื่อนเพราะความไม่รู้ยังไม่ร้ายแรงเท่ากับความจงใจพูดเท็จเพียง เพื่อผลประโยชน์
    สุดท้ายถ้ามีบุญ และรักเคารพหลวงปู่จริง ๆ คงต้องรอให้มีเหตุให้ได้พระหลวงปู่ฟรี ๆ จะปลอดภัย แต่ห้ามกะเกณฑ์ว่าจะเป็นเมื่อไหร่ ระหว่างนั้น ก็ให้พยายามสร้างพระภายในด้วยการปฏิบัติไปเรื่อย ๆ และเชื่อเหลือเกินว่าเมื่อปฏิบัติมากเข้า ๆ เจ้าตัวความอยากก็จะลดลง ๆ ไปด้วย ทุกข์เพราะความอยากก็จะลดลงไปเองครับ[FONT=&quot]
    [/FONT][FONT=&quot]ที่มา: Luangpudu.com / Luangpordu.com[/FONT]



     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 สิงหาคม 2011
  10. Specialized

    Specialized ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    22,155
    กระทู้เรื่องเด่น:
    23
    ค่าพลัง:
    +83,358
    สวัสดีทุกท่านที่ศรัทธาหลวงปู่ดู่ครับ

    [​IMG]

    ช่วงนี้กระทู้ออกแนวเงียบๆหน่อยไม่ค่อยมีใครมาเล่าอะไรกัน เอาเป็นว่าผมขอเล่าเรื่องอะไรสักเรื่องหนึ่ง ไม่แน่ใจว่าจะเกี่ยวกับองค์หลวงปู่หรือเปล่าหรือผมคิดไปเองนะ เล่าให้ฟังแบบขำๆ (ปนเศร้านิดๆ)

    ก็คือผมกับแฟนเมื่อเดือนก่อนเราได้ไปเที่ยวอยุธยากัน และผมได้พาแฟนคนนี้ไปวัดสะแกครั้งแรก (พึ่งคบกัน 4 เดือน) พอไปถึงผมก็ชวนเขานั่งสมาธิ ปรากฎว่าเขาก็ไม่ยอมนั่งเพราะเขาไม่ค่อยคุ้นเคย ผมก็ไม่ว่าอะไรก็นั่งไปจนเกือบครึ่งชั่วโมงถึงออกสมาธิ และด้วยความที่เราก็อยากให้แฟนเราสนใจการปฎิบัติธรรมบ้าง ผมก็เลยเดินไปซื้อหนังสือ "ไตรรัตน์" ที่หอสวดมนต์มีทั้งหมด 3 เล่ม เอามาอธิษฐานต่อหน้าหลวงปู่ว่า

    "หลวงปู่ครับ หากแฟนผมคนนี้เป็นคนที่เกี่ยวพันเกี่ยวข้องกับหลวงปู่ หรือว่าเป็นคู่บารมีของข้าพเจ้าก็ขอให้คบกันยาวๆ และขอให้เขาเปิดอ่านหนังสือเล่มนี้แล้วเปิดเจอธรรมะข้อใดข้อหนึ่งของหลวงปู่ ขอให้เขาศรัทธาในองค์หลวงปู่และการปฎิบัติด้วยเทอญ"

    หลังจากนั้นผมก็มอบหนังสือทั้งสามเล่มให้เขาไป ... เวลาผ่านไปอีกประมาณ 2 สัปดาห์ ผมกลับมาค่ายทหาร ก็เริ่มมีอะไรแปลกๆ โทรไปก็ไม่รับ ไม่โทรกลับบ้าง, ส่งเมสเสจไปทุกทีตอบตลอดเดี๋ยวนี้ไม่ยอมตอบ ผมก็ว่า เอ... นี่ชักจะแปลกๆแล้วนี่ จนแล้วจนรอดเขาก็โทรมาบอกเลิกผมด้วยเหตุผลต่างๆนานาๆ ก่อนจากกัน ผมถามเขาว่า

    'แล้วหนังสือ 3 เล่มที่ให้ไปน่ะได้อ่านหรือยัง เป็นยังไงบ้าง'

    เขาตอบผมกลับมาว่า 'ไม่เคยเปิดอ่านเลย...'

    เรื่องก็ลงเอยประการฉะนี้ ผมก็อกหักไป แต่ก็คิดในใจว่าสงสัยคำอธิษฐานของผมต่อองค์หลวงปู่จะเป็นจริง ท่านอาจจะไม่อยากให้คบกันต่อเพราะเขายังเป็นมิจฉาทิฎฐิหรืออะไรก็ตามแต่ ที่คบกันไปอาจจะไม่มีอะไรดีขึ้น ท่านก็เลยตัดฉับเลย จะได้ไม่เป็นปัญหาหรือเหนี่ยวรั้งในการปฎิบัติธรรม (เรื่องอธิษฐานถึงเนื้อคู่นี้ เคยได้ยินผู้ที่เคารพในองค์หลวงปู่หลายท่านทำกัน) สรุปเอวังก็คือผมอกหัก เล่าให้ใครฟังเขาก็บอกว่า ...

    "สมน้ำหน้า ไปไหนไม่ไป ไปวัดสะแก"
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  11. Jopaa

    Jopaa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    1,720
    ค่าพลัง:
    +4,867
    ฮะ..ฮ่า...น้องบอยอกหัก..ดีน่ะยังคบกันแค่ 4 เดือน..บายๆ..ชิวๆ..ครับ..เริ่มใหม่ เริ่มใหม่ อยากได้ คู่บุญ คู่ธรรม หลวงปู่ท่านก็พิจารณาคัดออกให้แล้ว คราวนี้ก็ขอให้หลวงปู่ท่านคัดเข้าบ้างดิ..5555
     
  12. tanatsan

    tanatsan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    447
    ค่าพลัง:
    +1,082
    สงสัยต้องมุ่งทางธรรมซะละมั๊ง:d
     
  13. SPHINX45

    SPHINX45 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 เมษายน 2011
    โพสต์:
    63
    ค่าพลัง:
    +18
    ขออนุญาติสอบถามพี่ๆศิษย์หลวงปู่ดู่ทุกท่านครับ

    พอดีอยากได้แหวนและพระของหลวงปู่ท่านมานานแล้ว(หลังจากได้ศึกษา อ่านหลักธรรมและการปฎิบัติของท่าน) วันนี้พี่ที่รู้จักท่านหนึ่งได้เอาแหวนหลวงปู่ดู่มาให้ชมลูกน้องให้มา บอกดูก่อน ชอบก็แบ่งไป ไม่ชอบจะเก็บไว้เอง

    รบกวนพี่ๆช่วยแนะนำด้วยครับ ว่าทันท่านหรือไม่ครับ หรือเป็นของเสริมทำใหม่ครับ

    อยากได้พระของหลวงปู่ดู่ไว้บูชา ไว้ใช้ร่วมการสวดมนต์และนั่งสมาธิครับ


    ขอบคุณครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 53.jpg
      53.jpg
      ขนาดไฟล์:
      105.7 KB
      เปิดดู:
      98
    • 56.jpg
      56.jpg
      ขนาดไฟล์:
      121.7 KB
      เปิดดู:
      84
    • 58.jpg
      58.jpg
      ขนาดไฟล์:
      71.8 KB
      เปิดดู:
      90
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 กันยายน 2011
  14. pkchalerm

    pkchalerm เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,029
    ค่าพลัง:
    +3,171
    ขอทราบรายละเอียดของรุ่นนี้หน่อยครับ ประมาณปีใหนครับสายตรงทุกท่าน
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • CL_12555.jpg
      CL_12555.jpg
      ขนาดไฟล์:
      58.5 KB
      เปิดดู:
      116
    • CR_12555.jpg
      CR_12555.jpg
      ขนาดไฟล์:
      55.5 KB
      เปิดดู:
      112
  15. moo noi

    moo noi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    6,328
    ค่าพลัง:
    +23,902
    ขออนุโมทนาด้วยค่ะ...................
     
  16. jsp

    jsp เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    445
    ค่าพลัง:
    +936
    หลวงปู่ท่านเมตตาคุณบอยแล้วครับ :cool:
     
  17. koro

    koro เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    35
    ค่าพลัง:
    +181
    รบกวนพี่ๆ ช่วยดูแหวนหลวงปู่ให้หน่อยครับ เป็นแหวนเงิน ปี 25ครับ ได้มาจากเพื่อนที่อยู่อยุธยาครับ ขอบคุณครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 2614978.jpg
      2614978.jpg
      ขนาดไฟล์:
      43.6 KB
      เปิดดู:
      126
    • 2614986.jpg
      2614986.jpg
      ขนาดไฟล์:
      43 KB
      เปิดดู:
      118
    • 2614989.jpg
      2614989.jpg
      ขนาดไฟล์:
      43.9 KB
      เปิดดู:
      116
    • 2614995.jpg
      2614995.jpg
      ขนาดไฟล์:
      47.9 KB
      เปิดดู:
      98
    • 00333414.jpg
      00333414.jpg
      ขนาดไฟล์:
      52.2 KB
      เปิดดู:
      104
  18. Specialized

    Specialized ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    22,155
    กระทู้เรื่องเด่น:
    23
    ค่าพลัง:
    +83,358
    เงียบเหงาจริงๆ ผมก็ไม่มีโอกาสได้เล่นคอมด้วยสิ

    แต่ยังไงก็นับถือและระลึกถึงองค์หลวงปู่ดู่ทุกวันครับ
     
  19. ราตรีมณี

    ราตรีมณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2011
    โพสต์:
    44
    ค่าพลัง:
    +108
    เรียนคุณ Specialized ครับ

    ขออนุญาตแสดงความเห็นครับ หากว่าคุณได้ไปอธิษฐานต่อหน้าหลวงปู่เช่นนั้นเป็นการสุ่มเสี่ยงมากนะครับ เพราะอะไรหรือครับ

    เพราะว่า การที่คุณอธิษฐานว่า "...หากแฟนผมคนนี้เป็นคนที่เกี่ยวพันเกี่ยวข้องกับหลวงปู่ หรือว่าเป็นคู่บารมีของข้าพเจ้าก็ขอให้คบกันยาวๆ..."

    ถ้าหากว่า แฟนคุณเปิดหนังสืออ่าน คุณจะคิดว่า หลวงปู่ดู่ดลบันดาลใจให้เธอเปิดอ่าน ด้วยเหตุเพราะว่าคุณและแฟนคุณเป็นเนื้อคู่กันใช่ไหมครับ

    ถ้าคุณคิดเช่นนั้น คุณกำลังหยิบยื่น อาบัติสังฆาทิเสสข้อที่ว่า ห้ามภิกษุชักสื่อให้ชายหญิงรักกัน ให้หลวงปู่เชียวนะครับ

    เพราะอะไรครับ เพราะว่าถ้าแฟนคุณเปิดอ่านขึ้นมา คุณจะเข้าใจว่า ใช่แล้ว เธอต้องเป็นเนื้อคู่ของฉันแน่ๆ เพราะสิ่งที่ฉันอธิษฐานต่อหลวงปู่สำเร็จแล้ว และคุณก็จะปักใจเชื่อมั่นเอาจริงๆจังๆว่า คุณทั้งสองเป็นเนื้อคู่กัน เพราะหลวงปู่ดู่ดลบันดาลให้เกิดเหตุตามที่อธิษฐาน

    ถ้าเป็นอย่างนี้ ก็เรียกได้เลยครับว่า ชักสื่อชายหญิง

    แต่เดชะบุญ ที่แฟนคุณไม่เปิดอ่าน

    คราวหน้าควรจะต้องระมัดระวังในการอธิษฐานด้วยนะครับ

    ด้วยความเคารพครับ

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 กันยายน 2011
  20. Specialized

    Specialized ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    22,155
    กระทู้เรื่องเด่น:
    23
    ค่าพลัง:
    +83,358
    เป็นเรื่องธรรมดาของผมที่ยังมีกิเลศอยู่ (มากเสียด้วยครับ) เลยอธิษฐานแบบนั้น

    ถ้าเขียนเล่าอะไรไปไม่ถูกใจก็ขออภัยท่านผู้อ่านด้วยครับ เจตนาที่เล่าไปก็ไม่ได้คิดอะไรมากอยากพิมพ์ก็พิมพ์ ผมไม่ใช่คนละเอียดนัก จะผิดจะถูกอยู่ที่ผมอยู่แล้วครับ ขอบคุณสำหรับข้อท้วงติงครับ
    :cool:
     

แชร์หน้านี้

Loading...