สักกายทิฏฐิ ๒๐

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย jinny95, 22 สิงหาคม 2011.

  1. ชินนา

    ชินนา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    192
    ค่าพลัง:
    +248
    ผมแนะนำว่าถ้าจะเรียนพระอภิธรรมก็ควรจะเรียนให้ละเอียดๆ กว้างๆ รอบด้าน ไม่ใช่เรียนแต่บางส่วนแล้วเอาธรรมสองสามอย่างมาโยงเข้าด้วยกันด้วยสัญญาความจำ ด้วยการนึกเอา ถ้าจะให้ดีควรทำความเข้าใจคำว่า "ปัญญาและสัญญา" ต่างกันอย่างไร แล้วควรทำปัญญาให้เกิดที่ใจของตัวเองด้วย เพื่อจะได้เป็นตัวยืนยันและแยกแยะออก ว่าเอออันไหนมาจากปัญญา อันไหนมาจากสัญญา

    ผมว่านะ เราควรวางปัญหาเรื่องจิตเป็นอย่างไรไว้สักพัก แล้วหันมาดูร่างกายที่เป็นกายเนื้อนี่แหละ ค้นหาความจริงของร่างกายนี้ ว่ามันจะต้องตายไหม? มันสะอาดหรือสกปรก? มันสลายไปไหม? ค้นหาความจริงที่ว่านี้ด้วยอุบายให้ตรงกับจริตของแต่ละคน ให้ใจยอมรับความจริงให้ได้

    ก่อนคิดพิจารณาควรกำหนดทำสมาธิให้จิตสงบเสียก่อน หรือถ้าใครจะพิจารณาไปเลยก็ไม่ว่ากันตามใจชอบ ค่อยๆ คิดพิจารณาไปเรื่อยๆ สติก็จะดีีขึ้นเรื่อยๆ แล้วปัญญามันจะเกิดมาเรื่อยๆ ให้เราละกิเลสได้เรื่อยๆ เหมือนกัน สุดท้ายกิเลสก็ต้องหมดถ้าเราละวางกายได้

    ใครอ่านแล้วชอบใจก็มุ่งมั่นปฏิบัิติ ใครไม่ชอบใจก็ให้วางใจ "อุเบกขา" เข้าไว้นะครับ
     
  2. เช ลี ยง

    เช ลี ยง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    46
    ค่าพลัง:
    +8
    เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งครับ บางท่านแสดงธรรมอย่างกับเล่นหมากรุก หมากล้อม มุ่งแต่จะพิชิตฝั่งตรงข้ามให้ล้มพังพาบไป ทั้งๆที่ตนเองก็ไม่ได้รู้ ไม่ได้เข้าใจในธรรมนั้นสักเท่าไหร่เลย บางท่านยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าธรรมแปลว่าอะไร ต่างกับพระธรรมตรงไหน
     
  3. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,478
    ค่าพลัง:
    +1,878
    อย่ามุ่งตัวบุคคลมากเกินไปเลยครับ.............................................
     
  4. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,478
    ค่าพลัง:
    +1,878
    ลองใคร่ครวญตรวจสอบที่เพื่อนสมาชิกนำมาแสดงด้วยตัวเองดีกว่าว่าตรงกับพระสูตรตรงกับ อรรถกถา หรือเปล่า ถ้าไม่ตรง ก็รู้ว่าเพราะอะไร ถ้า ตรงก็รู้ว่าเพราะอะไร น่าจะเป็นประโยชน์ตนมากกว่านะครับ ด้วยความปรารถนาดีครับ......................({)
     
  5. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,197
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    ยินดียินร้าย เป็นอกุศล โลภะมูลจิต โทสะมูลจิต สังเกตุ รู้ที่ลักษณะติดข้องในอารมณ์
    ติดในอารมณ์ เพลิดเพลินในอารมณ์ ความขุ่นในอารมณ์ ซึึ่งเป็นเจตสิกธรรมเข้าสัมปยุท

    ทำความรู้จักทุกข์ มุ่งที่ลักษณะรูป นาม ที่ปัญญาแยกได้แล้ว
    ด้วยพิจารณาชัดๆที่ลักษณะทุกข์เฉพาะตัวในขณะนั้น ของจิต เจตสิก รูป

    ให้ปัญญาอิ่มในทุกขลักษณะ เห็นให้ชัด รู้ให้ชัด ประจักษ์ชัด
    จะเข้าใจลักษณะความเป็นไตรลักษณ์ในทุกขสภาวะ

    ขันธ์ ธาตุ อายตนะ อริยสัจ ปฏิจสมุปบาท
    ที่จริงอยู่ในขณะนั้นที่สติระลึกสภาวะธรรมที่ปรากฏ
    อยู่ที่ปัญญาพิจารณาได้ลึกขนาดไหน

    ถ้าไม่เข้าใจ ให้พิจารณารู้รูป รู้นาม แยกรูป แยกนามใหม่
    พิจารณากรรม กรรมชรูป จุติ ปฏิสนธิ
    ในส่วนอดีต ปัจจุบัน อนาคต
    สังเกตุ ผู้รู้หงอยรึเปล่า ยังติดว่าจิตกูรู้อยู่ไหม
     
  6. ปุณฑ์

    ปุณฑ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2008
    โพสต์:
    2,760
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,692


    จ๊ะ พ่อคนเก่ง..

    ก็ถือว่าเรามาให้แนวทางให้คนเขาเลือกพิจารณาก็แล้วกัน

    อันนี้มันเป็นจะประโยชน์หรือจะเป็นโทษ ก็เป็นหน้าที่นึงของคนเลือกเอง

    ที่ถามมาก็เรื่องเดิมๆ
    ส่วนใครให้ธรรมถูก ใครให้ธรรมผิด เจ้าตัวก็รับกันเต็มๆ
    มันเป็นหน้าที่ของเจ้าตัวอยู่แล้ว
    กรรมทุกเม็ดทุกหน่วย ไม่มีตกหาย ใครมั่นใจตัวเอง ไม่ต้องกังวล
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 สิงหาคม 2011
  7. กาน้ำ

    กาน้ำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    89
    ค่าพลัง:
    +153
    ไม่ว่าผลของการกระทำที่เป็นกุศล หรืออกุศล
    ทุกการกระทำกรรมได้สำเร็จลงไปแล้วทั้งสิ้น
     
  8. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    ใครจะกำหนดได้ทุกอย่าง หากกำหนดได้ทุกอย่างคงแจ้งแล้วซึ่งพระธรรม ต่างคนต่างเห็นมาคนล่ะแบบ

    เดินมาก็คนล่ะทาง แต่ที่สุดหนทางก็บรรจบที่เดียวกัน หากไม่เห็นก็เดากันไปก่อน นั้นไม่ผิด

    หากจะผิดก็ผิดที่ใจตน ความครุ่นคิดชักนำให้เป็นทุกข์ หากหยุดจักพ้นวัฎสงสาร

    ครั้นจะบอกว่าใครผิดคงไม่ได้ เพราะว่าใครที่หลุดพ้นมีบ้างไหม จึงจะกล่าวว่าผู้นั้นเดินทางผิดไป

    มีใครไหมกล้าแนะนำบอกว่าตน ต่างไม่รู้ถึงหนทางที่ถูกต้อง ยังติดข้องด้วยกันทุกคนหนา

    ขอให้เจริญในธรรมครับ
     
  9. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ช่วยสร้างสรรให้เกิดสังคมคุณภาพออนไลน์กันด้วยคำว่า "จ๊ะ พ่อคนเก่ง" เฮ้อ!? เป็นสังคมคุณภาพจริงๆ

    ที่เกิดจากการพูดเรื่อยเปื่อยด้วยโสภณเจตสิก ปัญญาเจตสิก ของคนพูดเองกระนั้นหรือ?

    ทั้งที่ไม่เคยมีพวกนักตำรานิยม ตอบได้ชัดเจนเลยว่า เจ้าเจตสิกนั้น คือตัวอะไร? และอยู่ๆโผล่มาจากไหน?

    เป็นธรรมดาของสังคมคุณภาพออนไลน์ ที่ช่วยกันรักษาคุณภาพสังคมออนไลน์ด้วยจิตใจที่เป็นธรรมนั้น

    ใครๆก็ย่อมที่จะเสนอแนวทางเพื่อให้ผู้อ่านนำไปพิจารณาตริตรองตามได้
    ส่วนจะเชื่อหรือไม่นั้น เป็นสิทธิส่วนบุคคลของผู้อ่าน ห้ามกันไม่ได้ ใช่หรือไม่?

    ส่วนเจ้าของแนวทางที่นำเสนอ บางครั้งพูดเรื่อยเปื่อยได้โดยไม่ต้องรับผิดชอบในสิ่งที่พูดเลยหรือ?

    "จ๊ะ พ่อคนเก่ง"(สังคมคุณภาพ) ก็ไม่ได้ช่วยสร้างสรรคุณภาพให้ดีขึ้นตรงไหนเลย

    และทำไมต้องถามแต่เรื่องเดิมๆ? เพราะมีคนที่นำเสนอแนวทางในเรื่องเดิมนั้น

    ก็มักจะพูดแต่เรื่องเดิมที่ตนเองอยากจะพูดในสิ่งที่ต้องการสื่อ หรือว่าไม่ใช่?

    เมื่อถามไปก็ควรต้องมีคำตอบพร้อมหลักฐานอ้างอิงที่น่าเชื่อถือ หรือไม่ตอบก็คงไม่มีใครว่าอะไร

    ถ้าตอบควรต้องมีเหตุผลเพียงพอที่ตริตรองตามความเป็นจริงได้ใช่หรือไม่?(เพื่อสังคมคุณภาพออนไลน์)

    เมื่อไม่เคยได้รับคำตอบที่ชัดเจนสมเหตุสมผลแล้ว คำถามเดิมๆก็ยังคงวนเวียนอยู่ใช่หรือไม่? เพื่อสังคมคุณภาพออนไลน์

    เป็นธรรมดาในเรื่องของกรรมที่ตนเองได้กระทำลงไปนั้นต้องถูกบันทึกลงไว้ที่จิตของตน(ผู้กระทำ)

    กรรมทุกเม็ดทุกหน่วย ไม่มีตกหายแน่นอน เพราะกรรมทุกเม็ดที่จิตของตนได้เคยกระทำไว้นั้น

    ย่อมต้องมีผู้รับ ไม่ใช่มีแต่การรับ ผู้รับไม่มี และก็ไม่เกี่ยวกับความมั่นใจในตัวเอด้วย

    ทิฐิที่เกิดขึ้นพวกนี้ เป็นเพียงทิฐิของคนที่พูดเพื่อทำความสบายใจให้เกิดกับตนเองเท่านั้น

    จะชี้ให้เห็นกรรมที่ละเม็ด เพื่อผู้อ่านจะได้พิจารณาและตัดสินใจเอง เป็นเพียงหน้าที่เท่านั้น

    ปุณฑ์*ขันธ์ห้าคือรูป และขันธ์สี่คือจิต
    ธรรมภูต*ช่วยนำหลักฐานจากพระพุทธพจน์ที่ชัดเจนมายืนยันด้วยว่านามขันธ์๔นั้นคือจิต
    จึงมีคำถามตามมาว่า มหาภูตรูปที่ไม่มีจิตครองอยู่ จะมีนามขันธ์๔ได้ด้วยหรือ?
    เคยถามไปแล้ว ยังไม่เคยได้คำตอบที่สมเหตุสมผลกลับมาเลย

    ปุณฑ์*แต่ส่วนรูปขันธ์เป็นกายละเอียดหรือที่เรียกกายจิต
    ธรรมภูต*รูปขันธ์ที่เป็นกายละเอียด เกิดมาจากอะไร?
    ที่เรียกว่ากายจิตนั้น บัญญัติกันขึ้นเองตามชอบใจใช่หรือไม่?

    ปุณฑ์*ส่วนกายของพระอรหันต์ที่ละสังขาร(ขันธ์ห้า)แล้ว ไม่ตกอยู่ในขันธ์ห้าอีก เป็นธรรมกาย ไม่ใช่ตัวตน
    ธรรมภูต*ขอหลักฐานเป็นพระพุทธพจน์ที่พระพุทธองค์ได้ทรงตรัสไว้
    ธรรมกายของพระอรหันต์เป็นอนัตตา(ไม่ใช่ตัวตน)

    ปุณฑ์*พระอรหันต์จึงมีแต่จิตกุศลดำรงอยู่(เป็นเวทนาสัญญาสังขารวิญญาณฝ่ายกุศล)
    ธรรมภูต*ถ้าพระอรหันต์จึงมีจิตกุศลดำรงอยู่ ก็แสดงว่า กิจทีท่านต้องทำยังไม่จบใช่หรือไม่?
    ในกระทู้อื่นพูดขัดกันเองชัดๆว่า "ระดับพระอรหันต์ ก็นับว่าจบกิจ (สำหรับการดับทุกข์จากอวิชชา) ค่ะ"
    แล้วพระอรหันต์ท่านจะทำกิจเพื่อกุศลดำรงอยู่ไปเพื่ออะไรอีกหละ?

    ปุณฑ์*เว้นพระอรหันต์ที่เข้านิพพานไป(ดับขันธ์ห้าเข้านิพพาน)
    ถ้าจิตไม่ดับ ก็เป็นแค่นิพพานชั่วคราว เป็นฌานโลกีย์ยังทำลายขันธ์สี่หรือจิตไม่ได้
    ธรรมภูต*ในตอนที่พระพุทธองค์ทรงตรัสรู้ใหม่ๆนั้น จิตของพระองค์ท่านยังอยู่ใช่หรือไม่?
    มีปฐมพระพุทธพจน์ที่พระพุทธองค์ทรงตรัสไว้ว่า
    "วิสังขารคตัง จิตตัง ตัณหานัง ขยมัชฌคา แปลว่า
    จิตของเราสิ้นการปรุงแต่ง บรรลุพระนิพพานเพราะสิ้นตัณหาแล้ว"
    สิ้นตัณหาแล้ว แสดงว่าเป็นผู้คงที่ เพราะสิ้นตัณหาเครื่องนำไปสู่ภพ
    และพระพุทธพจน์ที่พระพุทธองค์ยังทรงตรัสสั่งสอนในที่อื่นว่า
    "พระตถาคต ผู้มีจักษุผู้อันตัณหาและทิฐิไม่อาศัยแล้ว ผู้คงที่ประกาศไว้แล้ว
    อันนิพพานธาตุอย่างหนึ่งมีในปัจจุบันนี้ ชื่อว่าสอุปาทิเสส
    เพราะสิ้นตัณหาเครื่องนำไปสู่ภพ"
    แบบนี้ก็แสดงว่าจงใจกล่าวหาว่า พระพุทธองค์ทรงตรัสสั่งสอนเป็นเรื่องมุสาสิ
    เพราะพระพุทธองค์ทรงตรัสว่า
    "พระพุทธองค์เป็นผู้คงที่ประกาศไว้แล้ว เพราะสิ้นตัณหาเครื่องนำไปสู่ภพ"
    ชัดเจนนะว่าเป็นผู้คงที่ต่อพระนิพพานแล้ว ไม่ใช่แค่เข้านิพพานชั่วคราวอย่างที่นำเสนอไว้

    จงมาช่วยกันทำเว็บไซด์นี้ ให้เป็นสังคมคุณภาพออนไลน์กันเถอะ
    ถามมาตอบไป ใช่ก็ตอบว่าใช่ ถ้าไม่ใช่ ไม่ใช่เพราะอะไร ชี้แจงเหตุผลด้วย ไม่ต้องหบายคาย
    ที่ใช่เป็นยังไงตอบชัดๆด้วย ถึงไม่ตอบก็ไม่มีใครว่าอะไร แต่อย่าเบียงประเด็นออกไป"จ๊ะ พ่อคนเก่ง.."
    หรืออาศัยพวกมาก มาช่วยลากกันไป เพื่อให้เกิดรู้สึก ที่ไม่ดีสำหรับผู้ที่เข้ามาใหม่
    ไม่ใช่เพียงแค่ต้องเอาแพ้ชนะกันด้วยคำพูดเท่านั้น ต้องมีหลักฐานมายืนยันชัดเจน
    อย่าเอาแต่เดาสวด อวดภูมิธรรมที่ไม่มีในตน แอบอ้างคำพูดครูบาอาจารย์เป็นของตน
    อย่างที่มีให้เห็นเกลื่อนไปในเว็บบอร์ดนี้.
     
  10. ปุณฑ์

    ปุณฑ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2008
    โพสต์:
    2,760
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,692

    ที่ผ่านมา มีคนมาตอบคุณเรื่องเหล่านี้มากมาย
    ไปค้นกระทู้ของคุณดูนะ
    ไม่ได้ประโยชน์ ซ้ำต้องดูคุณธรรมภูติบริภาษ
    ด่าทอด้วยคำหยาบคาย เสียดสีและป้ายสีไล่หลัง
    ว่าเขาไม่ได้ตอบ เขาแอบอ้างพุทธพจน์ ...

    ที่อ้างอิงเม้นท์ของคุณ
    ถ้ามีสติก็จะมองความขัดแย้งในสิ่งที่คุณกล่าวเอง ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม
    อยู่ในเม้นท์ของตัวเองหมด

    มีหลายคนบอกลาคุณ ไม่ใช่เพราะคุณฟ้องโลก(ซึ่งใครจะเชื่อก็เป็นสิทธิ์ของเขานะ)
    แต่เขาระอา ไม่อยากเสียเวลาด้วย

    เขาอาจเข้ามาเพื่อคนอื่นๆ แต่ก็แค่พองาม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 สิงหาคม 2011
  11. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    เฮ้อ!!! ไม่แปลกใจเลยจริงๆ สำหรับคนที่มีอคติธรรมนำปัญญา

    เมื่อมีอคติธรรมนำปัญญา ก็จะมองอะไรเพียงด้านเดียวตามมติของตนที่ปักธงไว้

    ที่บอกว่ามีคนตอบคำถามอย่างสมเหตุสมผลที่ถามไปมากมายนั้น ขอหลักฐานด้วย

    ถ้าสมเหตุสมผลจริงคงไม่ถูกจับได้ไล่ทันหรอกว่า เป็นคำตอบเพียงเพื่อเอาชนะเท่านั้น
    อย่างที่ทำอยู่นี้ก็เช่นกัน แทนที่จะทำให้สังคมคุณภาพ กลับทำให้เสื่อมโดยเสียดสีและป้ายสีไล่หลัง

    อย่าทำเป็นพูดเพียงเพื่อเอาดีใส่ตัวเลย ถ้ามีดีพอก็ต้องชี้ชัดลงไปได้สิว่าขัดแย้งกันตรงไหน?

    ไม่ใช่ทำเนียนพูดลอยๆพอเอาตัวรอดได้เท่านั้น แล้วสังคมคุณภาพจะเกิดขึ้นได้อย่างไร เมื่อนิสัยเป็นเช่นนี้เอง


    ส่วนที่ว่า"ด่าทอด้วยคำหยาบคาย"นั้น

    เพราะอคติธรรมนำแท้ๆ ที่ทำให้เห็นแค่คำหยาบในส่วนที่โยนคืนกลับไปให้คนที่เค้าเคยให้มา

    เท่าที่ระลึกได้นั้น เคยได้ประกาศไว้ชัดถ้อยชัดคำว่า ใครให้อะไรที่ไม่ดีมา เมื่อไม่รับ ก็จะหีบห่อคืนกลับให้สวยงาม

    แปลกนะ คนที่เค้าหยาบคาย ให้ร้ายมาก่อน กลับมองไม่เห็น แต่กลับมองเห็นในส่วนที่คืนกลับ

    แบบนี้ไม่เรียกว่าอคติธรรมนำปัญญา จะให้เรียกว่าอะไร?

    โดยมากแล้วที่เอือมระอาน่าจะเป็นใคร? ลองค้นดูแล้วอ่านด้วยจิตใจที่เป็นธรรมกว่านี้

    เมื่อถูกจับได้ไล่ทัน ก็ออกอาการทุกรายเหมือนกันหมด

    เร็วๆนี้ก็เพิ่งเกิดขึ้น ถูกจับได้ว่ายกพระสูตรที่เพิ่มเติมเสริมแต่งเข้าไปเอง

    เพื่อให้เข้ากับทิฐิ เพื่อเอาชนะคะคานให้ได้เท่านั้น

    ออกอาการกล่าวหาว่าร้ายหยาบคายไว้ก่อนทันที พอโดนสวนกลับด้วยคำที่ให้มา

    กลับมีคนเห็นเฉพาะตอนสวนกลับ แต่ตอนคนอื่นให้มากลับแกล้งมองไม่เห็นซะงั้น

    ถามว่าการตอบโต้กล่าวหาว่าร้ายหยาบคายกลับดีหรือไม่? ตอบได้ทันทีว่าไม่ดี

    แต่ได้เคยตั้งเจตนาและประกาศไว้ก็เพื่อทำให้เห็นว่า การถกธรรมกันไม่จำเป็นต้องหยาบคาย

    ทำไมต้องบริภาษหละ? ในเมื่อทำถูกต้องสมเหตุสมผลแล้ว ใครล่ะที่กล้าจะบริภาษ

    คนที่บริภาษนั่นเองที่จะกลายเป็นคนผิดไปเอง ไม่ต้องคิดแทน คนอ่านไม่มีใครโง่กว่าใครหรอก

    เพียงแต่เมื่อยังใหม่อยู่ ไม่รู้ความจริง ก็จะถูกชักจูงให้เชื่อตามๆกันได้ง่ายขึ้นเท่านั้น

    เมื่อบริภาษด้วยเหตุด้วยผลที่ถูกต้อง ก็เพื่อสร้างให้เกิดสังคมคุณภาพออนไลน์ ในบอร์ดนี้

    ไม่ใช่มีเพียงแต่ปริมาณความเชื่อตามๆกันมาเท่านั้น

    แต่หาสัจจะความจริงเพื่อทางหลุดพ้นไม่ได้เลย? นั่นแหละความเสื่อมที่ปรากฏ...
     
  12. ปุณฑ์

    ปุณฑ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2008
    โพสต์:
    2,760
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,692

    ตกลงเอาไงแน่จ๊ะ

    ...

    ส่วนใครอยากสืบค้น ใครขยัน ก็ลองค้นดู ก็แค่นั้น
    เราเองอยากจะดูใคร ไม่ต้องใช้อภิญญา แค่ตามหาความคิดเห็นเก่าๆ ของเขาแค่นั้นเอง
    http://palungjit.org/search.php?searchid=767810
     
  13. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    ลิงค์ที่นำมาเข้าดูแล้ว ขึ้นว่าค้นหาไม่พบครับ มีอีกไหมครับ
     
  14. ปุณฑ์

    ปุณฑ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2008
    โพสต์:
    2,760
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,692
    ก็เป็นกระทู้ของเจ้าตัว
    หรือจะตามอ่านเม้นท์ขอเจ้าตัว

    เป็นใครก็ได้ค่ะ คือคลิ๊กที่ชื่อ เข้าไปดูรายละเอียดส่วนตัว
    โดยจะอ่านกระทู้ที่เขาตั้ง หรือ คอมเม้นท์ของเขาที่โพสต์

    บางทีถ้าเรามีเวลา
    ในกรณีวิวาทะธรรม เราจะย้อนกลับไปอ่านเม้นท์ในอดีตของคนต่างๆ
    หากไม่มีเวลา จะไม่เข้าแสดงทัศนะแค่ที่เห็นในปัจจุบัน
    แต่จะพยายามหาเหตุที่ส่งผลต่อปัจจุบันก่อน (เท่าที่ทำได้นะจ๊ะ)
     
  15. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    ขอบคุณครับ ผมยังไม่เก่งในเว็บสักเท่าไหร่ครับ บางอย่างก็ยังทำไม่ค่อยได้ครับ
     
  16. ไมยราพ

    ไมยราพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2009
    โพสต์:
    495
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +201
    คุณ oatthidet ติดขัดตรงไหนบอกผมได้ เกี่ยวกับเรื่องเวบ ผมพอแนะนำได้

    ฤทธิ์พอตัวครับ
     
  17. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    ขอบคุณมากครับ ต้องคุยแบบส่วนตัวนะครับ เพราะอาจจะถามเยอะ ไม่ทราบว่าสะดวกไหมครับ
     
  18. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    แปลกแต่จริง หาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว นอกจากที่นี่

    ใครทำในสิ่งที่ไม่ควรทำไว้มากมาย ไม่เคยหันกลับมองตนเองเลย

    แค่เปลี่ยนชื่อล๊อกอินใหม่ก็ใสปิ๊งแล้ว เพียงตามลบความคิดเห็นเก่าๆที่เสียดสีและป้ายสีไล่หลังของตนเองซะ

    ก็หมดทางที่จะสืบสวนได้ว่าตนเองกระทำในสิ่งส่อเสียดกล่าวหาว่าร้ายและป้ายสีไล่หลังคนอื่นไว้ก่อน

    ถ้าปฏิบัติธรรมแล้วนำชีวิตตนเองให้เป็นไปได้เพียงแค่นี้ ก็ควรละอายต่อผีสางเทวดาที่รู้อยู่เห็นอยู่ในขณะนั้น

    ถ้ามีความบริสุทธิ์ใจจริงๆ ไร้มลทินที่ทำให้เกิดความละอายใจในภายหลังแล้วละก็

    ไม่จำเป็นต้องมาทำตัวเนียนๆ เพื่อทำให้คนอื่นเกิดความเข้าใจผิด

    เฮ้อ!!!...ยังพอระลึกได้ว่า ใครเป็นยังไง ด่าคนอื่นไว้ก่อนเต็มๆ กลับกล่าวหาว่าร้ายคนอื่นเอาคำหยาบมาให้

    แต่พอเค้าหาหลักฐานมายืนยันให้ดูได้ว่า ใครกันแน่ที่เป็นคนเริ่มในสิ่งเหล่านั้นก่อน ทำเป็นรับไม่ได้(เนียนจริงๆ)

    นี่ยังกล้าอวดว่า มีศีลบริสุทธิ์ดีแล้ว กรรมคือการกระทำ ปิดบังคนอื่นได้ แต่ปิดตนเองไม่ได้หรอก

    เกิดเป็นคนจริงต้องกล้าทำกล้ารับ เพื่อแค่สร้างภาพนั้น ไม่ช่วยให้พัฒนาจิตใจได้เลย.
     
  19. ปุณฑ์

    ปุณฑ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2008
    โพสต์:
    2,760
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,692
    ไปถึงไหนแล้วเนี่ย..

    ทำไมไปกลัวเขาลบล่ะ ก็ที่อ้างอิง .. คงคาอยู่อ่ะ
    :cool:
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 สิงหาคม 2011
  20. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    เต้าเจี๋ยว ทำเป็นใสซื่อบริสุทธิ์ พูดเท็จไม่เป็น ศีล๕บริสุทธิ์ดีแล้ว จริงหรือ?

    แปลกแฮะ ที่กลัวเค้าลบก็เพราะว่า การสืบหาความหยาบคายที่ทำไว้ได้ยากยิ่งขึ้นใช่มั้ยหละ?

    เคยกลับไปค้นหาเพื่อจะนำหลักฐานมายืนยันในการกระทำที่ไม่ควรของคนนั้นๆ

    เพราะตนเองระลึกได้ว่าไม่เคยเป็นคนเริ่มหยาบคายใส่ใครก่อนเลย

    แต่ได้เคยประกาศเจตนารมณ์ไว้ว่า ใครให้อะไรมาที่ไม่ดี เมื่อไม่รับ ก็จะนำกลับคืนไปให้พร้อมหีบห่อ

    เต้าเจี๋ยวก็เคยทำไว้ไม่ใช่หรือ? อย่าทำเป็นลืมสิ หรือสมาธิเป็นสิ่งไม่จำเป็น เลยทำให้สมาธิสั้นซะงั้น

    เป็นธรรมดาของคนที่มีหลายล๊อกอิน ที่คิดว่าคนอื่นเค้าไม่รู้ เลยแกล้งทำเนียนแฝงตัวอยู่กลับล๊อกอินใหม่

    ตั้งแต่เข้ามาสนทนาในเรื่องศาสนาไม่ว่าที่ไหนๆก็ตาม ไม่เคยคิดจะลบความคิดเห็นที่ตนเองได้เคยแสดงไว้เลย

    เพราะมั่นใจตนเองว่า ต้องการมาถกธรรมเพื่อค้นหาสัจธรรมความจริงเท่านั้น

    ส่วนที่เกิดวิวาทะและมีคำหยาบกลับคืนไปให้นั้น ก็มาจากเจตนารมณ์ที่ได้เคยประกาศไว้

    ระลึกได้ว่าครั้งแรกนั้นเกิดจาก โดนเรียกว่าธรรมภูตปัญญาอ่อนก่อน ก็ไม่ได้ว่าอะไร

    แต่ขอเรียกกลับว่า ไอ้ถ่อยก็แล้วกัน จากนั้นก็ประกาศเจตนารมณ์ให้เป็นที่รู้ทั่วกันไปว่า

    อะไรที่หยาบคายไม่ดี จะไม่รับ เมื่อไม่รับก็จะนำกลับคืนกลับไปให้ก็เท่านั้น

    แปลกจริงที่บางคนโชว์ภูมิธรรมเสียเลิศลอย แต่กลับลืมรอยด่างที่ตนเองทำไว้ได้ง่ายๆ เวรกรรม...
     

แชร์หน้านี้

Loading...