อ่านเล่นๆ เห็นเป็นนิยาย ตอนที่ 2: Earth's galactic history

ข้อมูลจาก Hyperbase
หมายเหตุ: ความเดิมคราวที่แล้วในตอนมีชื่อว่า Humanoid galactic history: ประวัติศาสตร์ดาราจักรของมนุษย์
ได้ปูพื้นความเป็นมาของมนุษย์ที่กระจายไปทั่วแกแล็กซี่หลังจากเกิดสงครามกับเรพทิเลี่ยนเมื่อหลายล้านปีที่แล้ว
มนุษย์กลุ่มหนึ่งได้มาลงหลักปักฐานอยู่ ณ โลกใบนี้ และบางกลุ่มยังได้อพยพต่อไปยังกลุ่มดาวลูกไก่ (Pleiades) ซึ่งมนุษย์กลุ่มนี้ในปัจจุบันยังคงมาเยี่ยมเยียนโลกใบนี้อยู่เสมอ

Chapter II: Earth's galactic history ประวัติศาสตร์ดาราจักรแห่งโลก

จากประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาในอดีตนั้น โลกยังคงมีบทบาทสำคัญในประวัติศาสตร์แกแล็กซี่ของมนุษย์
อารยธรรมจากต่างพิภพทั้งหลายล้วนแล้วแต่มีส่วนสำคัญต่อโลก ทั้งกลุ่มที่คล้ายมนุษย์และมิใช่มนุษย์
ซึ่งได้ปฏิบัติการก่อนการกำเนิดของมนุษย์โลกมาอย่างยาวนาน พวกเขาจึงมีบทบาทต่อจารึกประวัติศาสตร์ร่วมกับมนุษย์บนโลกใบนี้ด้วย

 

ดังนั้น สิ่งสำคัญที่ควรตระหนักไว้ว่า เราไม่สามารถเข้าใจทั้งในประวัติศาสตร์แห่งมนุษยชาติหรือประวัติศาสตร์โลกได้
จนกว่าเราจะตระหนักว่าอารยธรรมต่างพิภพได้เข้ามามีบทบาทด้วย

ซึ่งหมายความว่า คุณไม่สามารถเข้าใจประวัติศาสตร์แห่งมนุษยชาติถ้าเราไม่ทราบว่าโฮโม เซเปียนส์ไม่ได้เป็นผลผลิตของวิวัฒนการตามธรรมชาติ
แต่ในความจริงแล้วเป็นผลมาจากการผสมข้ามพันธุ์ระหว่างยีนส์ของไพรเมตบนโลกกับมนุษย์ต่างดาว
เรามิได้กล่าวหาว่าดาร์วินพูดผิด หรือไม่มีสิ่งที่เรียกว่าวิวิฒนาการ เราเพียงแต่บอกว่าโฮโม เซเปียนส์เกิดขึ้นเร็วเกินไป
และด้วยลักษณะที่แตกต่างมากเกินไปอันเป็นผลมาจากวิวัฒนาการตามธรรมชาติคุณไม่แปลกใจเลยหรือว่า
ทำไมนักวิทยาศาสตร์ถึงไม่ประสบความสำเร็จในการค้นหาร่องรอยของ “การเชื่อมต่อที่หายไป” ระหว่างโฮโม เซเปียนส์และนีแอนเดอร์ทัล?

บัดนี้คุณจะทราบเอง

 

เพื่อสร้างความเข้าใจอย่างถ่องแท้ในตัวแสดงแต่ละบทบาท จึงมีความสำคัญที่จะต้องตระหนักว่า
โลกเป็นเพียงส่วนหนึ่งของบทหนึ่งในส่วนที่ใหญ่กว่าของประวัติศาสตร์ดาราจักรแห่งมนุษย์

ในประวัติศาสตร์ดาราจักรแห่งมนุษย์ที่กล่าวไปแล้วนั้น คุณทราบแล้วว่าอารยธรรมแรกเริ่มของมนุษย์กำเนิดขึ้นที่ระบบดาวพิณ (Lyra)
จากนั้นมนุษย์หลายสายพันธุ์ได้กระจัดกระจายไปทั่วแกแล็กซี่แห่งนี้มานานก่อนจะมีโฮโม เซเปียนส์เกิดขึ้น

โลกถูกเยือนโดยมนุษย์จาก Lyra, Vega, Sirius, Orion และ Pleiades และทั้งหมดได้ตั้งอาณานิคมบนโลกใบนี้

แรกเริ่มเป็นเพียงมนุษย์กลุ่มเล็กๆ ต่อจากนั้นไม่นานมนุษย์กลุ่มที่เรียกว่า “Sirian Group” (กลุ่มมนุษย์ต่างดาวจาก Sirius, Orion และ Pleiades) ได้เพิ่มจำนวนขึ้นอย่างมาก

ในเวลานี้สมาชิกของกลุ่ม Sirian เริ่มมีความต้องการแรงงานเพื่อช่วยในการตั้งอาณานิคมบนโลก
โดยการตัดแต่งพันธุกรรมพวกเขาสามารถสร้างมนุษย์ขึ้นมาได้ ผ่านการควบรวม DNA ของพวกเขากับไพรเมตและนีแอนเดอร์ทัลบนโลกเข้าด้วยกัน

 

จากจุดนั้นเอง โลกจึงกลายเป็นเวทีแห่งความขัดแย้งสำคัญระหว่างอารยธรรมต่างดาวสองกลุ่ม
กลุ่มแรกคือ ชาว Sirian ที่รวมด้วยบางส่วนของ Vegan, Pleidian ที่แปรพักตร์และ Orion บางส่วน

กลุ่มที่สองคือ คือ ชาว Pleidian, Lyran และร่วมด้วยชาว Orion บางส่วนเช่นกัน

การต่อสู้ได้ลุกลามไปสู่มนุษย์ และหลายครั้งก็แทรกแซงประวัติศาสตร์ของเราด้วย

เรื่องราวเหล่านี้สามารถพบได้ในตำนาน (หรือคติชน) โบราณในทุกเผ่า ซึ่งได้กล่าวว่า “พระเจ้า” เข้าไปยุ่งกับมนุษย์
และมีการต่อสู้กับฝ่ายตรงข้ามกลุ่มต่างๆ

ในระหว่างการแทรกแซงนี้ บ่อยครั้งที่ตำนานได้กล่าวถึงมนุษย์งู ซึ่งหมายถึง Sirian
ขณะที่มนุษย์นก, มนุษย์อินทรีหรือมนุษย์แมว คือ Lyran และ Pleidian
แต่ในบางครั้ง “มนุษย์งู” เหล่านี้อาจจะหมายถึงกลุ่มที่สามคือ Draconian “มังกร” หรือ Lizzies “กิ้งก่า”

แม้ว่าจะเป็นการกล่าวถึงมนุษย์เหล่านี้ทางอ้อมมานานนับหมื่นปีแล้วก็ตาม แต่ไม่นานมานี้เองพวกเขาก็เริ่มเข้ามามีบทบาทสำคัญในประวัติศาสตร์ของโลกอีกครั้ง!

 

โดยทั่วไปแล้วเชื่อกันว่ามีการแทรกแซงในกระบวนการวิวัฒนาการเผ่าพันธุ์ของเราสองครั้ง
ครั้งแรกน่าจะเกิดขึ้นเมื่อประมาณ 400,000 ปีที่แล้ว ที่นักวิจัยบางคนเชื่อกันว่าเป็นช่วงของการสร้างมนุษย์นีแอนเดอร์ทัล

การแทรกแซงครั้งที่สองเกิดขึ้นเมื่อประมาณ 200,000 ปีที่แล้ว ซึ่งนำไปสู่การสร้างโฮโม เซเปียนส์
ครั้งที่สองนี้มีการใช้ DNA ของมนุษย์ต่างดาวเพิ่มขึ้น ในขณะเดียวกันเกลียว DNA ถูกลดจาก 12 เส้นลงเหลือเพียง 2 เส้น

สิ่งนี้ทำเพื่อป้องกันมิให้เราสามารถวิวัฒนาการ "ทัน” ผู้สร้างชาวต่างดาว ซึ่งดูเหมือนจะเกิดได้เร็วขึ้นเมื่ออยู่บนโลก
อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าพวกเขาประเมินความต้องการตามธรรมชาติของ DNA และพลังในการวิวัฒน์ต่ำเกินไป

ความตระหนักรู้ของเราได้เพิ่มขึ้น และดูเหมือนว่าเรากำลังวิ่งไล่ตามพวกเขาเกือบทันแล้วไม่ว่าในทางใดก็ตาม

 

นอกเหนือจากทุกกลุ่มที่กล่าวไปข้างต้นแล้ว ยังมีกลุ่มที่อยู่ในมิติที่สูงกว่าและมีอารยธรรมที่ก้าวหน้ากว่าเรามากซึ่งยังคงจับดูความเป็นไปของทุกสิ่งที่เกิดขึ้นบนโลกนี้ ไม่ว่าในเวลาใดก็ตาม โดยมีการปรากฏตัวให้เราได้รู้ความมีอยู่ของพวกเขานั่นเอง

 

จบแล้วครับสำหรับตอนที่ 2 นี้

ตอนต่อไปจะกล่าวถึง Galactic Wars & Orion Wars ครับ

 

รออ่านต่อ ๆ กำลังสนุกอยู่เลย

 

เฮ่อ ไหนเขาว่าเป็นลูกหลานชาวดาวต่างๆ แต่ไปๆมาๆ ดันกลายเป็นพวกตัดต่อดีเอ็นเอของตัวเองกลับไพรเมทบนโลกและก็ลดดีเอ็นเอเหลือ2เพื่อไม่ให้มุษย์วิวัฒนาการทันพวกเขา ทำให้เกิดมาทำไม งั้นมนุษย์บนโลกคงเป็นไฮบริดซินะไม่ใช่มนุษย์อย่างพวกเขาที่ผสมพวกเราขึ้นมาก อย่างนั้นแล้วเขาจะเห็นเราเป็นลูกหลานหรือว่าเป็นเพียงสิ่งมีชีวิตที่เพียงแค่สร้างขึ้นมาด้วยความไม่เต็มใจซักเท่าไรหรืออีกอย่างเป็นสิ่งมีชีวิตสิ่งหนึ่งที่พวกเขาก็ไม่ได้รักซักเท่าไรหรือไม่มีความรักให้เลย
จะมีวิธีสร้างดีเอ็นเอที่เหลือให้กลับมามี12คู่เหมือนเดิมได้ไหมนะ หรือว่าไม่ได้แล้วเพราะมันเกิดการตัดต่อไปแล้ว

 

ตั้งข้อสังเกตได้ดีครับ

ตอนที่แล้วก็มีเรื่องการผสมข้ามพันธุ์ระหว่าง DNA ของคนพื้นถิ่นกับชาว Lyran/Vegan นะครับ
อาจจะด้วยวิธีปกติหรือตัดแ่ต่งพันธุกรรมก็ได้ ข้อมูลตรงนี้ไม่ได้บอกไว้ (ผมไม่สามารถแต่งเติมจินตนาการได้เพราะไม่ใช่นิยายที่ผมเขียน)
เมื่อมีการผสมข้ามพันธุ์และสืบลูกหลานไปนานเข้าๆ อาจจะกลายเป็นอีกเผ่าพันธุ์หนึ่งที่ไม่เหมือนกับบรรพบุรุษนักก็เป็นได้

อีกอย่างที่ผมใช้คำว่าลูกหลานเพราะต้องการให้เข้าใจง่ายแต่ที่จริงแปลจากคำว่า descendant
ในอีกความหมายหนึ่งก็คือ ผู้สืบเชื้อสายหรือเผ่าพันธุ์ ซึ่งก็คือลูกหลานนั่นเอง

เนื้อหาในบทนี้หรือบทต่อๆ ไปอาจมีทั้งที่ขัดแย้งกันหรือส่งเสริมกัน เพราะในเว็บเขาก็บอกเองว่ามาจากหลายแหล่ง ซึ่งไม่จำเป็นต้องตรงกันครับ
ผมเห็นว่าเป็นข้อดีนะครับ แสดงให้เห็นถึงความหลากหลายของข้อมูล ไม่ใช่เขียนขึ้นมาโดยคนกลุ่มเดียวเรื่องราวจะได้เรียบลื่นเหมือนกลืนเบียร์สด
ถึงจะเป็นเรื่องไม่จริงแต่ก็ยังมีส่วนที่น่าเชื่อได้บ้างว่างั้นเถอะ อิอิ

ต้องลองอ่านบทต่อๆ ไปครับว่าเรื่องจะเป็นยังไงต่อ ^^

 

ได้ความรู้เพียบ..ตามเคย
เพราะชอบความรู้เรื่องๆแนวนี้อยู่แล้ว
ให้กำลังใจ จขกท. ว่าลุยตอนต่อไปได้เล๊ยย

 

ได้ความรู้ใหม่ๆเยอะเลย ขอบคุณมากเลยนะครับ

 

ชาว Lyran/Vegan นี่สุดยอดเลย สามารถผสมได้กับทุกๆสายพันธุ์
อยากจะรู้จังนะครับว่าพวกเขาจริงๆแล้วมีหน้าตารูปร่างเป็นอย่างไร
น่าสนใจจริงๆ นี่แสดงว่าพวกเขาต้องมี12คู่ของดีเอ็นเออยู่ในร่างกายแน่นอนเลยครับ อ่านแล้วสนุกมากครับ จะรออ่านบทต่อไปครับ

 

น่าสนใจดีครับ ติดตามตอนต่อไปครับ

 

มายังนะ

 

เย้ ดีใจตอนใหม่มาแล้ว
รออ่าน จนเหงือกแห้งแล้วค่า

 

สนุกมากๆ ถูกใจคนคอเรื่องแนวนี้จริงๆ รออ่านตอนต่อนะครับ

 

ไม่มีมาอีกเหรอ

 

ผมรอตั้งนานไม่มาซักที - - เซ็งจิต

 

Omniverse คุณไม่มาเล่าต่อเหรอ