เหรียญบิน หลวงพ่อทรง - แพโบสถ์น้ำ หลวงตา (เล็ก) น. ๑๒๖๕

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย พี เสาวภา, 7 เมษายน 2008.

  1. ศนิวาร

    ศนิวาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2008
    โพสต์:
    7,337
    ค่าพลัง:
    +17,635
    ตามมาอ่านเรื่องเทวดา และรออ่านวิชาเทวดาต่อครับ
     
  2. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    38,014
    ค่าพลัง:
    +146,292
    attachment.jpg attachment.jpg


    มาเรื่องพระขุนแผนก่อนน่ะครับ เดี๋ยวออกเรื่องหลวงปู่พระครูบุยศรีไปไกล ที่จริงไม่ไกลหรอกครับ ผมพยายาม ยิงแนวให้มาขมวดเป็นเรื่องเดียวกันว่าให้ท่านเข้าใจ ตามที่ผมเชื่อ ( อาจจะเป็นผมคนเดียวที่เชื่อน่ะครับ ) การที่หลวงปู่ท่านจะปลุกเสกอะไร ท่านจะเชิญ เทพ เทวดา เหล่านั้น ที่ชำนาญด้านนั้นมาเป็นตัวช่วย จะเสกด้านไหนก็ใส่หัวใจด้านนั้น ( และตามที่ลูกศิษย์แบบผมเชื่อ) ก็จะเป็นไปตามนั้นครับ เมื่อใส่หัวใจด้านไหนเข้าไป หนุนด้วย ธาตุ ใส่อาการ ๓๒ ตามที่ต้องการ ก็เชิญเทพเทวดา แนวนั้นๆมาสถิตย์ ตามหัวใจ

    เช่นหัวใจหญิง ของนั้นก็จะมีอาการไปตามจริตหญิง

    ใส่หัวใจชาย ของนั้นก็จะมีอาการ ของด้านชาย ผมมีตะกรุด หัวใจ หยิง หัวใจชาย หัวใจมนุษย์ของท่านอยู่ สองดอก เป้นตะกรุดลุกอม

    เมื่อใส่หัวใจ ขุนแผน สุ นะ โม โล ของนั้นก็จะไปแนวขุนแผน เก่ง ด้านคาถา อาคม มายาศาสตร์ เสน่ห์ ( ไม่แน่ใจว่าขุนแผนมีเมตตาน่ะครับ เพราะเป็นนักรบ นักรัก จะไปแนวบู็ และ รักๆ และไม่มาแนวโภคทรัพย์ เพราะตามประวัติ ขุนแผน ไม่ได้ร่ำรวยโภคทรัพย์ แต่ร่ำรวยวิชา ร่ำรวยเมีย ( จะว่าจนซ่ะด้วยคนมีเมียเยอะ ) เลี้ยงไม่ไหวก็ต้องเกาะเมียกินล่ะครับ เพราะมัวแต่รบกับเรียนวิชา ไม่ได้ทำมาหากิน แบบท่านขุนช้าง ประวัติ วรรณคดีพื้นบ้านน่ะ เขียนไปทำนองขุนช้าง ท่านจะเป็นผู้ร้าย และ ท่านขุนแผน เป็นพระเอก เพราะค่านิยมสมัยนั้น เชิดชู คนรบเก่ง รักเก่ง ส่วนพวกพ่อค้า จะไม่ได้รับการบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ ดูๆจะเป็นตัวร้าย เนื่องจากถูกหาว่า ค้ากำไรเกินคน ทำนาบนหลังคนไปซ่ะอีก

    แต่ผมไม่ได้เห็นแบบนั้นทั้งหมด ผมค่อนข้างจะเห็นใจขุนช้างซ่ะด้วย เรื่องท่านขุนแผนไม่วิจารณ์เพราะเป็นครูบาอาจารย์ท่านหนึ่ง

    แต่ถ้าท่านขุนช้างมาเกิด พ.ศ. นี้ รับรองไม่อาภัพรักครับ ท่านจะมีเมีย มีคู่รัก มีกิ้กเพียบ จนสับหลีกไม่ทัน เพราะอำนาจพระเดชพระคุณ หลวงพ่อแบงค์ ที่ใช้ได้ขลังทุกที่ครับ

    และอย่างที่ผมเกริ่น ว่าหลวงปู่อาจารย์ผม ท่านไม่ทำไสยศาตร์ แนวเดรัจฉานวิชาน่ะครับ ผมเคยกราบเรียนถามท่าน ท่านบอกว่าเรียนมาบ้างเหมือนกัน จะได้รู้ว่าเขามาแบบไหน แต่ไม่ได้พูดอะไรต่อ คงเห็นว่าไม่สำคัญที่จะพูดให้ผมฟัง เพราะแค่วิชาธรรมดาผมก็ไม่ค่อยอยากจะไปเรียนจากท่าน เพราะผมมัวแต่ทำงานและช่วยท่านสร้างโบสถ์ ไม่มีเวลาว่างน่ะครับ น่าเสียดายมาก

    คนไทยเรานี่ เชื่อว่าหัวใจสำคัญ เชื่อมาแต่โบราณ ( คงจะพี่แขกด้วย ) ว่าถ้าไม่มีหัวใจ จะฆ่าไม่ตาย เช่น ทศกัณฐ์ แสดงให้เห็นว่าหัวใจสำคัญมาก ถ้าไม่มีหัวใจ ของเหล่านั้นจะไม่มีชีวิต และจะไม่มีฤทธิ์น่ะครับ

    หลวงปู่ท่านจึงลงหัวใจต่างๆ แทนที่จะลงยันต์ยาวเหยียด แต่ไม่มีหัวใจ หรือมีหลายหัวใจ ไม่แน่ใจว่าจะหนุนหัวใจด้านไหนให้เป็น และ แสดงฤทธิ์ออกมา

    ในบรรดาลูกศิษย์ที่ทันหลวงปู่ ต่างก็ทราบว่าหลวงปู่ท่านเก่งเมตตา และทีนี้ คำว่า เมตตากับเสน่ห์ น่ะมันใกล้กัน มักจะใช้รวมกันในแนวว่า เสน่ห์ เมตตา แต่จริงๆ น่ะ เสน่ห์ นี่อีกอย่าง ส่วนเมตตาน่ะอีกอย่าง และ เมตตาสูงกว่าเยอะ ทำยากกว่ามาก เป้าหมายที่ยิงใส่ก็มีจำนวนมากกว่าเสน่ห์ ซึ่งเสน่ห์ จะยิงเฉพาะบางเป้าหมาย หรือ กลุ่มเล็ก เพราะกำลังจะไปสกดเขา จะทำได้ยาก ถ้าเยอะ คน หรือ เยอะตัว ( รวมพวกสัตว์เข้าไปด้วย )

    แต่เมตตา เจตนาดีอยู่แล้ว แผ่ไปได้กว้างกว่า คนจิตเมตาแรงๆ เข้าใกล็ก็รู้สึกได้ และรู้สึกปลอดภัย คนแบบนี้ไปไหน เทพ เทวดา ตามอารัก ไม่ตายโหง กิน อิ่ม นอนหลับสบาย โภคทรัพย์ก็จะดี ไปตาม บารมี และไม่อับจน

    แต่เสน่ห์ ไม่ใช่แบบนั้น อาจจะกิน ไม่อิ่ม นอนไม่หลับ ทรัพย์ก็อาจจะฝืดเคือง ได้นี่มาหนึ่ง แต่ซวยไปหลายอย่างมีแต่เรื่อง ( ผู้หญิงยิ่งมีมาก เรื่องยิ่งยุ่งมาก ทั้งเรื่องคน เรื่องเงิน เป็นสัจจะอย่างหนึ่ง ) มีมากก็เปลืองเงิน เวลาหากินก็น้อยลงเพราะมัวแต่ไปมั่วแต่เรื่องเพศตรงข้าม เงินก็จะฝืดเคือง จะอับจนบ่อยครั้ง มันมีเหตุผลตามธรรมชาติ แบบนั้นครับ

    กลับมาที่เเรื่องเมตตา พอลูกศิษย์รู้ก็อยากได้ของเมตตาแรงๆ เสน่ห์น่ะแหละครับ และมักจะไม่มีใครได้ตรงๆ ท่านจะไม่คุยไปเลย เมื่อผมสนิทกับหลวงปู่มากๆ และรู้ limitation ของท่าน ขอใช้คำฝรั่งน่ะครับ เพราะหาคำไทยเหมาะๆยังไม่เจอ ผมพอจะรู้ว่าท่านทำอะไรได้บ้าง ไปขอท่าน ท่านบอกไม่ได้ทำแล้ว แต่อย่างว่า เมื่อผมเป็นลูกศิษย์ ท่านเห็นหน้าทุกอาทิตย์ บางอาทิตย์ สอง สาม หน ก็ทนลูกตื้อผมไม่ได้ เลยบอกผมว่า อยากได้อะไรไปซื้อมา จะเสกให้ ( แต่ให้ทำ ไม่ทำแล้ว เพราะ หนึ่งแก่แล้ว ไม่ได้ลงอะไรนานๆมันลืมยันต์ ลืมวิธีลง แต่วิธีเสก ( อธิาฐานจิต ) น่ะไม่ลืม ) ผมอยากได้อะไรเลยไปซื้อเขามา แล้วเอามาให้ท่านเสก เช่น เบี้ยแก้ ( เสียดาย ทำไว้แค่สองตัว น่าจะทำสักหลายร้อย ) กุมารทอง จะเอาโชว์ที่หลัง ของผมเป็นเทวดา มีอายุ- อันนี้ผู้รู้บอกมาอีกทีโดยตาใน นางกวัก สาริกา นกคู่จิกเงิน วัวธนู ปลัด มีดหมอ สิงห์ งาแกะ น้ำเต้า ฯลฯ ...แหะๆ ขอ อุบไว้มั่ง ของผมไม่ได้เอาไปรวมเสก แต่เอาไปเสกเป็น อันๆ เพราะต้องการความขลัง ไปตามแนวนั้น ชัดๆ แต่หลังจากเสกครั้งแรก ก็จะเอาไปรวมเสกในกล่องทีผมยกไปจนท่านมรณภาพ เพราะท่านลงหัวใจไว้ให้แล้ว เสกที่เหลือ เพื่อเพิ่มพลัง...แหะๆ

    คราวหนึ่งผมไปพยุหะ ตามปกติ เอาเงินไปเข้าธนาคาร ( เงินสร้างโบสถ์ ) ไปแวะ ร้านป้าธี ลุงดิษฐ์ นักแกะสลัก ไปอาบน้ำมั่ง กินข้าวมั่ง นอนมั่ง ป้าธี เนื่องจากเป็นนักสร้างวัตถุมงคลให้วัดต่างๆ สร้างให้หลายวัด เช่น วัดหลวงพ่อกวย วัดสะพานสูง วัดกษัตราธิราช วัดหนองจอก ( หลวงพ่อยิด ) ฯลฯ คุณป้าแกเลยจะมีของต้นแบบที่เอามาสร้าง หรือ ของที่สร้างเกิน หลายอย่าง ผมก็เก็บมา เอามาให้หลวงปู่ท่านเสกให้ ตามอาการนั้น เก็บไว้

    คราวนี้ไปค้นอับเก่าๆ เจอพระขุนแผนนี้ คงมีวัดไหนมาให้สร้าง ลืมไปแล้ว แต่คงเป็นวัดแถวนครปฐม หรือ อยุธยาเพราะใน พ.ศ.นั้น นิยมพระผงยามาก วัดไหนก็ออกแต่พระผงยา ไม่ทราบเหมือนกันว่า ยาจินดามณี หรือ ยาอะไร ทำกันมามาก แต่ไม่เหมือนจตุคาม จนหมดความนิยม หลังๆ เลยเงียบไป

    ผมเลย ซื้อมา พอเอามาให้ หลวงปู่ท่านดู บอกพระขุนแผน ขอหัวใจขุนแผนผมหน่อยครับ ผมยังจำได้ ครั้งแรก ท่านบอก ฮึ้ย แล้วนั่งเงียบ ผมงงๆ แต่รู้ว่าอด เลยเก็บไว่้ก่อน และคราวต่อไปก็ใช้ลูกตื้อ จนท่านในอ่อนลงให้

    เห็นว่าเป็นอันหนึ่ง ที่ได้มายาก เพราะไปอีกหลายครั้งกว่าท่านจะลงให้ เลยเก็บไว้อย่างดี ของทำนองนี้ ผมมีอีก สองชิ้น จะร่ายไปเรื่อยๆ และไม่มีประวัติว่า หลวงปู่ท่านสร้างพระขุนแผน ผมผสมผงไว้ ขอให้ท่านลง ว่าจะเอามาทำพระขุนแผน กับ พระปิดตาให้ท่านเสก แต่ไม่ได้ทำ จนท่านมาล่ะสังขาร ผงนั้นผมเลยเอาไปสร้างพระ เนื้อดินสอพอง พิมพ์แหวกม่านและ โพธิ์พลิกแผ่นดิน จนหมด เลยไม่ได้ทำพระขุนแผนไว้เลย ถ้าทำมา คงจะเจ๋ง...อิอิ

    และแนวหลวงปู่เป็นแนวเทวดาน่ะครับ ไม่ใช่สายดำ แนวผีสาง พรายๆ หรือ เอาร่างกายของสัตว์ เดรัจฉาน ผีตายโหงมาทำน่ะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 สิงหาคม 2011
  3. MooDam

    MooDam เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    1,604
    ค่าพลัง:
    +4,845
    มาติดตามเรื่องราวดี ๆ ครับ :)
     
  4. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    38,014
    ค่าพลัง:
    +146,292
    คัมภึร์พฤหัสชาดก.jpg

    คัมภีร์พฤหัสชาดก

    เรื่องนี้ถ้าจะเขียนผมต้องรอให้เวลาเงียบๆ พอมีสมาธิในการเขียนหน่อย ไม่มีคนโทรมากวน ซึ่งน่าะเป็นเวลาตอนนี้ ตอนผมไปขอเป็นลูกศิษย์หลวงปู่บุญศรี ตามที่เล่าไป เอาว่าเรื่องไสยศาสตร์ ผมถามเรื่องวิชาต่างๆ ท่านให้คาถาแล้วเอาไปหัดใช้เอา หลักคือจิตมั่นใช้ได้ อันนี้พูดง่ายแต่ทำยาก ส่วนวิชาอื่นๆ หลวงปู่บอกให้ใช้ ตำราของอาจารย์ เทพย์ สาริกบุตร สาเหตุเพราะอ่านแล้ว ( ชำระแล้ว ใช้ได้ ) ท่านอายุมากแล้ว นานๆจะลงของทีมันลืม ท่านว่าแบบนั้น ซึ่งไม่น่าแปลกในสังขาร ผมพอเริ่มแก่ก็เข้าใจดี แต่พวกวิชาต่างๆตำราของอาจารย์เทพที่ท่านดู ท่านบอกใช้ได้ บางอย่างลงแค่ยันต์และคาถา ไม่ได้บอกเคล็ด ( เคล็ดบางทีเป็นเรื่องสำคัญ เพราะครูท่านตั้งเงื่อนไขไว้ เป็นเหมือนกุญแจเปิดวิชา ไม่ทำตามเคล็ดจะไม่ได้ผล หรือ ไม่มีผลเต็มที่ เคล็ดวิชาจึงเป็นสิ่งปกปิดกัน ปิดกันจนตายไปกับตัวก็มี และบางทีต่างอาจารย์กัน เคล็ดจะแตกต่างกันไปก็มี )

    ผมเลยไปซื้อตำราอาจารย์เทพ ทั้งชุดเอามาให้ท่านยกครูให้ ท่านก็ทำพิธีให้ ยกครูทางด้านไสยศาสตร์ ( ของหลวงปู่ไม่อ้างถึงพระครูฤาษีแต่สายอื่นมี หลวงพ่อทรงก็ไม่มีน่ะครับ เรื่องนี้ผมเคยถามหลวงพ่ออั้บเหมือนกัน ว่าเรียนวิชาของหลวงพ่อต้องบูชาครูฤาษีหรือไม่ ท่านตอบว่าไม่จำเป็น ไสยศาสตร์มีหลายสาย ท่านว่าแบบนี้ ) ของหลวงพ่ออั้บ ท่านบอกว่าบางครูที่ท่านไปเรียน ก็แค่ยกครู ให้คาถามาเท่านั้น ที่เหลือไปหัดท่องบ่นเอา ก็เหมือนกับ หลวงปู่บุญศรีเหมือนกัน

    เรื่องพระครูฤาษีเดี๋ยวต้องว่าแยกกันไป เมื่อผมมารู้จักพระอาจารย์แม้น ท่านบอกว่า เรามันมีเชื้อ บูชาครูฤาษี หลวงพ่อจงที่ผมนับถือมากองค์หนึ่งก็มี เศียรฤาษี ขลังซ่ะด้วย ผมก็ยกครูฤาษีตามหลักครูบาอาจารย์มา แต่การบูชา เนื่องจากผมมั่นใจว่าผมเป็นคนพุทธ ผมจะบูชาครูด้วย การใส่บาตร ถวายสังฆทาน (ทำบ่อย) และเมื่อกรวดน้ำก็อุทิศให้ครูบาอุปัชฌาอาจารย์ ทุกครั้งและรวม ครูฤาษีเข้าไปด้วย

    หลวงปู่บุญศรีจะไหว้ครู ด้วยบานศรี เครื่องเซ่น ทุก วันพฤหัสแรก เดือน ๙ เมื่อถึงเวลาลูกศิษย์ทุกคนจะไปรวมกัน ใครมีอะไรจะเอาไปเสก หรือ ขึ้นครูก็ทำตอนนี้ ผมก็เอาตำราอาจารย์เทพ มีดหมอเหล็ก ดามัสกัส ด้ามงา ห่อผ้าขาว ใส่ตะกร้าพลาสติก ( ผมเห็นว่าสดวกกว่าพาน ) ไปขึ้นครูกับท่าน ทำมาทุกปี จนไม่มีท่านผมก็ไม่ได้ เอาสิ่งเหล่านี้ไปขึ้นกับใครอีก เพราะไม่มั่นใจว่าจะเหมือนหลวงปู่ของผม

    ในตำราอาจารย์เทพ มีหลายอย่างพิศดารมาก ถ้าจะเอาจริง หลวงปู่ท่านบอกว่า อยากเรียนอะไรไปเรียน สงสัยให้มาถาม และกราบเรียนพวกท่านตามตรงแบบไม่อาย ผมเรียนจากท่านมาน้อยมาก เพราะมัวแต่ทำงาน ไปช่วยงานก่อสร้าง มัวยุ่งแต่ทางโลก เรื่องส่วนตัว ทำมาหากิน บันเทิง เล่นกีฬาซ่ะ ตอนนี้มานั่งเสียดาย และผมเองถ้าไม่เรียนมาทางวิทยาศาสตร์ ต้องไปเรียนแนว โหราศาสตร์และไสยศาสตร์แน่นอนเพราะชอบมาเด็ก จัดว่าเป็นจริตของติดตัวมาแต่ชาติปางก่อน เรียนว่าถ่้าไม่เรียนด้าน การศึกษาปัจจุบัน คงไปบวชหรือ เป็นหมอผี แน่นอน...แหะๆ

    แต่โลกมันเป็นแบบนี้แหละครับ เวลามันสั้น ที่อยากรู้มีมาก เวลาและสติปัญญามีน้อย เลยเอาเท่าที่ได้ เอาเท่าที่มี เอาเท่าทีมีสติปัญญา เมื่อปัญญาน้อยนิด ไม่สามารถเทียบหลวงปู่ได้ อยากได้อะไรก็ขอท่านเอาดีกว่ามานั่งทำเอง ทำเองพันปี ยังไม่เท่าท่านเป่าปู็ดเดียวเลย เลยติดนิสัยนั้นมา

    ยังมีต่อ ไปใส่บาตรก่อนน่ะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 สิงหาคม 2011
  5. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    38,014
    ค่าพลัง:
    +146,292
    ต่อ

    คัมภีร์ที่ผมสแกนมาเป็นคัมภีร์ ฤกษ์พิสดาร และ จากคัมภีร์พฤหัสชาดก และจักรทีปนี พิสดาร ที่ผมขึ้นครูมาจากหลวงปู่ ในข้อความที่ผม สแกนมา ( ขี้เกียจพิมพ์ ...แหะๆ ) กรุณาอ่านดูน่ะครับ ในนั้นกล่าวถึงครั้งพุทธกาล มีพระภิกษุจากเมือง ปาวายตนนครไปรุกขมูลในบริเวณป่ารกชัฏ แล้วโจรตีตาย เมื่อเรื่องทราบถึงพระกรรณของสมเด็จองค์บรมครู ท่านทรงมีพุทธฎีกา ให้พระอรหันต์อสีติมหาสาวก พระอุตตมรามเถรภิกษุ ที่เชี่ยวชาญทางโหราศาสตร์ ให้สอน โหราศาสตร์ ฤถษ์ ยามแก่พระอริยบุคคล ( พระโสดาบัน ) และ พระภิกษุสมมุติสงฆ์ และ ญาติโยม ให้ทราบเพื่อป้องกันตัว แต่ไม่ได้สอน พระสกิทาคามี และ พระอรหันต์

    วิชาที่ท่าน พระอุตตมรามเถร คือ วิชาเทวดาครับ

    ผมยังหาอ่านในประไตรปิฎกไม่เจอน่ะครับ แต่เจอที่ท่านอาจารย์เทพย์ บันทึกไว้ เมื่อเป็นเช่นนี้ วิชา โหราศาสตร์ และ ฤถษ์ ยาม ก็ได้รับการรับรองจากองค์บรมครู แม้จะไม่ได้สอนเอง เพราะเห็นว่าไม่ใช่ทางพระนิพพาน โหราศาสตร์เกิดก่อนพระพุทธศาสนามานาน หลายพันปี ตั้งแต่สมัยบาบิโลน สามารถคำนวน ตัดองศา ได้แม่นยำ ท่านจะเรียนศาสตร์พวกนี้ ตามที่อาจารย์ประยูรสอนผม ท่านต้องคิดแบบย้อนยุค คิดเรื่องเก่าๆสมัย บาบิโลน สมัยพุทธกาล จึงจะเรียนง่าย ตกลงวิชาโหราศาสตร์มีมานาน และ ไสยศาสตร์ก็เหมือนกัน เพราะคู่กันมา แยกกันไม่ออก

    โหราศาตร์ส่วนใหญ่เลยจะเป็นวิชาช่วยคน ป้องกันตัว จะใช้ทำร้ายคนนั้นยาก ยกเว้นโกหกให้เขาเสีย ซึ่งไม่ใช้ตัววิชา แต่เป็นคนโกหกเองเพราะเจตนา หรือ ไม่ช่ำชองในวิชาจริงๆก็เลยโกหกเขากินไปวันๆ

    วิชาช่วยคนแบบนี้เป็นวิชาเทวดา คนเป็นอาจารย์โหราศาสตร์ จริงๆ ตายไป ถ้ายังไม่ไป แดนเกษม ก็ไปที่สูง เพราะครูโหราศาสตร์จริงๆ จะถือศีล สมถะ ไม่ติดลาภยศ มองออกซึ่งวัฎฎสงสาร ใจดี และชอบช่วยคน วิชานี้เป็นวิชาเทวดา ครูบาอาจารย์เหล่านี้เมื่อล่ะสังขารก็ไปเป็นเทวดา และชอบช่วยคน แต่คนขี้เหม็นเองน่ะแหละที่ทำให้เสื่อม เพราะหวังสักการะบูชา ลาภยศ

    อาจารย์ประยูร เคยเล่าให้ผมฟังว่า ท่านปรมาจารย์ ยูเรเนี่ยน ท่านอัลเฟรต วิตเตอ และ ท่าน ลุควิก รูดอล์ฟ ( อาจารย์ของอาจารย์ประยูร ) ท่านเป็นคนเยอรมัน เป็นคนชอบศึกษา แก่ภูมิ และ สมถะ ที่อยู่ของท่านจะมีสองที่เท่านั้น คือ บ้าน และ วัด ถ้าไม่อยู่ที่บ้านก็ไปวัด ไปสวดมนต์ นอกจากนั้นไม่ที่อื่น ยกเว้นมีเหตุจำเป็น เป็นคนชอบเงียบๆ วิเวก

    พระโหราธิบดี ปรมาจารย์ ต้นกำเนิด โหรทายหนู ตามประวัติก็เป็นคนถือศีลเคร่งครัด สมถะ

    พระที่ผมรู้จัก เช่น หลวงปู่บุญศรี หลวงพ่อทรงก็เป็นแบบเดียวกัน คือ ถือศีลเคร่ง สมถะ ชอบวิเวก ชอบช่วยคน

    ลักษณะแบบนี้เป็นลักษณะของผู้ทรงภูมิ และ เป็นลักษณะ ของครูเทวดา

    ที่อยากจะบอกต่อไปคือ โหราศาสตร์ และ ไสยศาสตร์ เป็นวิชามาแต่โบราณเก่าแก่มาก ก่อนพระพุทธศาสนาหลายพันปี และ มาด้วยกันเป็นคู่ซี้ แยกกันไม่ออก แต่แตกลูกหลานออกไปเยอะ หลายทวีป หลายภาษา แต่หลักการ มาจากต้นตอ แหล่งเดียวกัน เช่นในทางโหราศาสตร์ ดาวหลัก จะเป็นดาวดวงเดียวกัน เช่น อาทิตย์ จันทร์ อังคาร พุธ ศุกร์ พฤหัส ศุกร์ เสาร์ และ ราหู มีฤทธิ์เหมือนๆกัน เพราะพื้นฐานเดียวกัน เห็นดาวบนท้องฟ้าเหมือนกัน ไม่เพี้ยนกันไปมาก แต่่หลักการร์ของตะวันตกจะเพิ่มดาวเข้าไปหลายดวง ตัดองศาแบบ เผ้ะๆ

    แต่ในทางไสยศาตร์ เนื่องจากเป็นวิชาทางจิต แรงครู จะผิดเพี้ยนกันไป จะเห็นได้ว่าไสยศาสตร์ของคน ตะวันตก ฝรั่ง กับ คนเอเซีย จะแตกต่างกัน วิชาไสยศาสตร์ของคนดำ วิชาไสยศาสตร์ของคนแขก และ ไสยศาสตร์ของคนชาวเกาะ และ ชาวอเมริกาใต้ จะแทบไม่มีรูปแบบเหมือนกันเลย และจะออกแนวเดรัจฉานวิชาซ่ะด้วย ทำให้ได้รับการปฏิเสธ จากผู้นำศาสนาแทบจะทุกศาสนา ว่าเป็นลัทธิ นอกศาสนา ห้ามศิษย์ไปฝึก เพราะเป็นวิชามาร แต่ก็มีคู่กับทุกศาสนามาเรื่อยๆ ฆ่าไม่ตาย บางครั้งนักบวชในศาสนาที่ตัวเองห้าม ทำไสยศาสตร์ซ่ะเองด้วยครับ

    แต่ไสยศาสตร์แบบไทย และ เขมร เป็นวิชาพราหมณ์ชั้นสูง เมื่อพราหมณ์เข้ามาเผยแพร่ในแหล่งสุวรรณภูมิ ฝังรกรากลง ไปถึงระดับกษัตริย์ชั้นผู้นำ เมื่อ ฝ่ายพุทธตามมา และ เข้าแทนที่ แต่แทนที่แบบผสมผสาน ไปด้วยกันได้ ไม่เหมือนอิสลามที่เข้ามาตามเผยแพร่ต่อมาหลังจากนั้นอีก แต่มาแบบถอนรากศาสนาเดิมออก แบบถอนรากถอนโคน เป็นรูปแบบของตัวเอง แต่ก็ยังมีไสยสาตร์ปนอยู่ อย่างที่ทราบว่า หมอแขกแรงมากครับ ผมเคยมีประสบการร์มาหน่อย ว่างๆจะเล่าให้ฟัง

    โหราศาตร์แบบไทย เมื่อถูก ผสมผสานโดยพุทธ ก็เปลี่ยนแปรไป เอามนต์พุทธมาแทนที่ เป็นพุทธมนต์ ( ผมไม่แน่ใจว่าในสมัยพุทธกาลจะสวดแบบนี้ ในหลายมนต์ มาแต่งขึ้นทีหลัง ) นำเอาพระรัตนตรัย เข้ามาแทนที่ ตีรมูติ จากเทวรูป เปลี่ยนมาเป็นพระพุทธรูป มนต์อักขระเลขยันต์ ก็นำหัวใจพระพุทธศานา เข้ามาแทนที่ แต่โครงเดิม พวก เลข ยันต์ ก็ยังเป็น concept เดิมๆ แต่เมื่อเริ่มต้นพิธี เอาพระรัตนตรัย องค์พระบรมครู มานำหน้า ขึ้น นะโม อรหังสัมมา แล้วจึงเชิญ เทวดา สักเค กาเม จะรูเป

    วิชาแนวนี้ เมื่ออ้างพุทธ อ้างหัวใจพุทธมนต์ เป็นวิชาแนว เทพ เทวดา ครูบาอาจารย์สายนี้ก็เป็นเทพ เทวดา

    แต่แนวไสยดำ จะอ้างพวก เทวดา ฝ่ายดำ ภูติ ผี ปีศาจ ไม่เอาพระมาเกี่ยวน่ะครับ

    ยังมีต่อ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 สิงหาคม 2011
  6. ไม่เกิด

    ไม่เกิด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    1,916
    ค่าพลัง:
    +9,458
    กราบหลวงปู่บุญศรี หลวงพ่อทรง ... ครับ
    วันนี้วันแม่ข้อมอบข้อความดีให้เพื่อนๆสมาชิกได้อ่านกัน....

    "ต้นไม้ที่ได้รับการดูแลให้น้ำให้ปุ๋ย ไปบำรุงลำต้นจนสมบูรณ์
    เมื่อถึงเวลา ไม่ยอมออกดอกออกผล ก็ต้องโค่นทิ้ง

    คนที่ได้รับการเลี้ยงดูจนเติบใหญ่
    แต่ไม่ยอมตอบแทนคุณพ่อแม่ก็เป็นคนหนักแผ่นดิน
    ทองคำแท้หรือไม่โดนไฟก็รู้ คนดีแแท้หรือไม่ ให้ดูตรงที่เลี้ยงพ่อแม่
    ถ้าดีจริง ต้องเลี้ยงพ่อแม่ ถ้าไม่เลี้ยง แสดงว่าดีไม่จริง เป็นพวกทองชุบ ทองเก๊"

    พระคุณของพ่อแม่

    พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสอุปมาว่า ถ้าบุตรจะพึงวางบิดามารดาไว้บนบ่าทั้งสองของตน
    ประคับประคองท่านอยู่บนบ่านนั้น ป้อนข้าวป้อนน้ำและให้ท่านถ่ายอุจจาระปัสสาวะบนบ่านั้นเสร็จ
    แม้บุตรจะมีอายุถึง ๑๐๐ ปี และปรนนิบัติท่านไปจนตลอดชีวิต ก็ยังนับว่าตอบแทนพระคุณท่านไม่หมด

    ยังมีผู้อุปมาไว้ว่า หากเราใช้ท้องฟ้าแทนกระดาษ ยอดเขาพระสุเมรุแแทนปากกาน้ำในมหาสมุทรแทนหมึก
    เขียนบรรยายคุณของพ่อแม่ จนท้องฟ้าเต็มไปด้วยอักษร ภูเขาสึกกร่อนจนหมด
    น้ำในมหาสมุทรเหือดแห้งก็ยังบรรยายคุณของพ่อแม่ไม่หมด

    บิดามารดาเป็นผู้มีพระคุณอันยิ่งใหญ่ของบุตร สรุปโดยย่อคือ

    ๑.เป็นต้นฉบับทางกาย แบบเป็นสิ่งที่จำเป็นในการทำให้ของทั้งหลายในโลกมีค่าสูงขึ้น

    ตัวอย่างเช่นก้อนดินเหนียวธรรมดา ถ้าหากนำมาใส่แบบพิมพ์แล้วพิมพ์เป็นตุ๊กตา
    ก็ทำให้ดินก้อนนั้นมีค่าขึ้นมาเป็นเครื่องประดับบ้านเรือนได้ดินเหนียวก้อนเดียวกันนี้
    หากได้แบบที่ดีกว่าขึ้นมาอีกเช่นแบบเป็นพระพุทธรูปก็จะเห็นได้ว่าคุณค่าของดินเหนียวก้อนนี้ทรงคุณค่ามากยิ่งขึ้น
    ผู้คนได้กราบไหว้บูชา จะเห็นได้ว่าคุณค่าของดินเหนียวก้อนนี้ขึ้นอยู่กับแแบบที่พิมพ์นั่นเอง

    ในทำนองเดียวกัน การเกิดของสัตว์ เช่นเป็น ช้าง มัา วัว ควาย ฯลฯ
    แม้จะมีปัญญาติดตัวมามากสักปานใดก็ไม่สามารถทำความดีได้เต็มที่ โชคดีที่เราได้แบบเป็นคน
    ซึ่งเป็นโครงร่างที่ประเสริฐกว่าสัตว์ทั้งหลาย เหมาะในการทำความดีทุกประการ
    พระคุณของพ่อแม่ในการเป็นต้นแบบทางกายให้เรา ก็นับว่ามีมากเหลือหลายแล้วยิ่งท่านอบรม
    เลี้ยงดูเรามาเป็นต้นแบบทางใจให้ด้วย ก็ยิ่งมีพระคุณมากเป็นอเนกนันต์

    ๒.เป็นต้นแบบทางใจ ให้ความอุปการะเลี้ยงดู ฟูมฟัก ทะนุถนอมอบรมสั่งสอน ปลูกฝังกิริยามารยาท
    ให้ความรู้ทั้งทางโลกและทางธรรมแก่ลูก

    สมญานามของพ่อแม่

    สมญานามของพ่อแม่นั้น กล่าวกันว่าท่านเป็นทั้งพรหมของลูก เทวดาคนแรกของลูก
    ครูคนแรกของลูก และเป็นพระอรหันต์ของลูก ซึ่งอธิบายได้ดังนี้

    -พ่อแม่เป็นพรหมของลูก เพราะเหตุที่มีพรหมธรรม ๔ ประการ ได้แก่

    ๑. มีเมตตา คือ มีความปรารถนาดีต่อลูกไม่มีที่สิ้นสุด
    ๒. มีความกรุณา คือ หวั่นใจในความทุกข์ของลูกและคอยช่วยเหลือเสมอไม่ทอดทิ้ง
    ๓. มีมุทิตา คือ เมื่อลูกมีความสุขสบาย ก็มีความปลาบปลื้มยินดีด้วยความจริงใจ
    ๔. มีอุเบกขา คือ เมื่อลูกมีครอบครัวสามารถเลี้ยงตนเองได้แล้ว ก็ไม่วุ่นวายกับชีวิตครอบครัวลูกจนเกินงาม และหากลูกผิดพลาดก็ไม่ซ้ำเติม แต่กลับคอยเป็นที่ปรึกษา ให้เมื่อลูกต้องการ

    -พ่อแม่เป็นเทวดาคนแรกของลูก เพราะคอยปกป้องคุ้มกันภัยเลี้ยงดูลูกมาก่อนผู้มีความปรารถนาดีคนอื่น ๆ
    -พ่อแม่เป็นครูคนแรกของลูก เพราะสั่งสอนอบรม คำพูดและกิริยามารยาทให้ลูกก่อนคนอื่น ๆ
    -พ่อแม่เป็นพระอรหันต์ของลูก เพราะมีคุณธรรม ๔ ประการ ได้แก่

    ๑. เป็นผู้มีอุปการะมากแก่ลูก ท่านได้ทำภารกิจอันทำได้แสนยาก ได้แก่การอุปการะเลี้ยงดูลูก ซึ่งยากที่จะหาคนอื่นทำแก่เราได้อย่างท่าน
    ๒. เป็นพระเดชพระคุณมาก ปกป้องอันตราย ให้ความอบอุ่นแก่ลูกมาก่อน
    ๓. เป็นเนื้อนาบุญของลูก มีความบริสุทธิ์ใจต่อลูกอย่างแท้จริงเป็นผู้ที่ลูกควรทำบุญต่อตัวท่าน
    ๔. เป็นอาหุไนยบุคคล เป็นผู้ควรแก่การรับของคำนับ และการนมัสการของลูก

    คุณธรรมของลูก

    เมื่อพ่อแม่มีพระคุณมากมายปานนี้ ลูกจึงควรมีคุณธรรมต่อท่าน
    คุณธรรมของลูกเริ่มที่รู้จักคุณพ่อแม่ คือ รู้ว่าท่านดีต่อเราอย่างไร
    สูงขึ้นไปอีกคือตอบแทนคุณท่าน

    ในทางศาสนาพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสบรรยายคุณธรรมของลูกไว้อย่างสั้น ๆ
    แต่จับความไว้ได้อย่างครบถ้วน คือคำว่า "กตัญญู กตเวที"

    คุณค่าและศักดิ์ศรีของความเป็นลูกรวมอยู่ใน ๒ คำนี้

    กตัญญู หมายถึง เห็นคุณท่าน คือ เห็นด้วยใจ ด้วยปัญญา
    ว่าท่านเป็นผู้มีพระคุณต่อเราอย่างแท้จริง ไม่ใช่สักแต่ว่าปากท่องพระคุณพ่อแม่ปาว ๆ ไปเท่านั้น

    คุณของพ่อแม่ดูได้จากอุปการะ คือ ประโยชน์ที่ท่านทำแก่เรามีอะไรบ้างที่แตกต่างจากคนอื่น
    ตามธรรมดาของคนทั่ว ๆ ไป เมื่อจะอุปกาะใครเขาต้องเห็นทางได้ เช่น เห็นหลักทรัพย์
    หรือดูนิสัยใจคอ ต่อเมื่อแน่ใจแล้วว่าอุปการคุณของเขาจะไม่สูญเปล่า จึงลงมือช่วยเหลือ
    แต่ที่พ่อแม่อุปการะเรานั้นเป็นการอุปการะโดยบริสุทธิ์ใจจริง ๆ ไม่ได้มองถึงหลักประกันใด ๆ เลย
    เราเองก็เกิดมาตัวเปล่าไม่มีหลักทรัพย์แม้แต่เข็มเล่มเดียวยัง ไม่รู้เสียด้วยซ้ำว่าอวัยวะร่างกายจะใช้ได้ครบถ้วนหรือไม่
    ยิ่งนิสัยใจคอแล้วยิ่งรู้ไม่ได้เอาทีเดียว โตขึ้นมาจะเป็นอย่างไร จะเป็นคนอกตัญญูหรือไม่ไม่รู้ทั้งนั้น
    หนังสือสัญญาการรับปากสักคำเดียวระหว่างเรากับท่านก็ไม่มี แต่ทั้ง ๆที่ไม่มี
    ท่านทั้งสองก็ได้โถมตัวเข้าช่วยเหลือเราจนสุดชีวิต ที่ยากจนก็ถึงกับกู้หนี้ยืมสินคนอื่นมาช่วย
    เรื่องเหล่านี้ต้องคิดดูด้วยเหตุผลอย่าสักแต่คิดด้วยอารมณ์เท่านั้น
    การพิจารณาให้เห็นคุณของพ่อแม่ด้วยใจอย่างนี้แหละเรียกว่า"กตัญญู"
    เป็นคุณธรรมเบื้องต้นของผู้เป็นลูก ยิ่งพิจารณาเห็นคุณท่านมากเท่าไร
    แสดงว่าใจของเราเริ่มใสและสว่างมากขึ้นเท่านั้น

    กตเวที หมายถึง การทดแทนพระคุณของท่าน ซึ่งมีงานที่ต้องทำ ๒ ประการ คือ

    ๑.ประกาศคุณท่าน
    ๒.ตอบแทนคุณท่าน

    การประกาศคุณท่าน หมายถึง การทำให้ผุ้อื่นรู้ว่า พ่อแม่มีคุณแก่เราอย่างไรบ้าง มากน้อยเพียงใด
    เรื่องนี้มีคนคิดทำอยู่มากเหมือนกัน แต่ส่วนมากไปทำตอนงานศพ คือ เขียนประวัติสรรเสริญคุณพ่อแม่ในหนังสือแจก
    การกระทำเช่นนี้ก็ถูก แต่ถูกเพียงเปลือกนอกผิวเผินนัก ถ้าเป็นการกินผลไม้ก็แค่เคี้ยวเปลือกเท่านั้น
    ยังมีทำเลที่จะประกาศคุณพ่อแม่ที่สำคัญกว่านี้ คือ ที่ตัวเรานี่เอง

    คนเราทุกคน คือ ตัวแทน ของพ่อแม่ตนทั้งนั้น เลือดก็แบ่งมาจากท่านเนื้อก็แบ่งมาจากท่าน
    ตลอดจนนิสัยใจคอก็ได้รับการอบรมถ่ายทอดมาจากท่าน
    ความประพฤติของตัวเรานี่แหละจะเป็นเครื่องประกาศคุณพ่อแม่อย่างโจ่งแจ้งที่สุด
    หากพิมพ์ข้อความไว้ในหนังสือแจกว่าคุณพ่อคุณแม่เป็นคนตั้งอยู่ในศีลในธรรม
    แต่ตัวเราเองประพฤติสำมะเลเทเมา คอร์รัปชั่นทุกครั้งที่มีโอกาสศีลข้อเดียวก็ไม่สนใจรักษา ก็ผิดที่ไป
    สดุดีคุณพ่อแม่ว่าเป็นคนดี สุภาพเรียบร้อยแต่ตัวเราผู้เป็นลูกกลับประพฤติตัวเป็นนักเลงอันธพาล
    อย่างนี้คุณค่าของการสรรเสริญพ่อแม่ก็ลดน้ำหนักลง

    กลายเป็นว่ามอบหน้าที่ในการกตเวทีประกาศคุณพ่อแม่ให้หนังสือทำแทน ให้กระดาษ ให้เครื่องพิมพ์
    ให้ช่างเรียงพิมพ์แสดงกตเวทีแทน แล้วตัวเรากลับประจานพ่อแม่ของตัวเอง
    อย่างน้อยที่สุดก็ประจานแก่ชาวบ้านว่าพ่อแม่ของเราเลี้ยงลูกไม่เป็นประสา

    พ่อแม่ของใครใครก็รัก เมื่อรักท่านก็ประกาศคุณความดีของท่านซิประกาศด้วยความดีของตัวเราเองตั้งแต่เดี๋ยวนี้
    ยิ่งท่านยังมีชีวิตอยู่ การประกาศคุณของเราจะทำให้ท่านมีความสุขใจอย่างยิ่ง
    ส่วนใครจะประพันธ์สรรเสริญคุณพ่อแม่พิมพ์แจกเวลาท่านตายแล้ว
    นั่นเป็นประเด็นเบ็ดเตล็ดจะทำก็ได้ไม่ทำก็ไม่เสียหายอะไร

    ไม่ว่าเราจะตั้งใจประกาศคุณท่านหรือไม่ ความประพฤติของเราก็เป็นตัวประกาศคุณท่านหรือประจานท่านอยู่ตลอดเวลา
    คิดเอาเองก็แล้วกันว่าเราจะประกาศคุณพ่อแม่ของเราด้วยเกียรติยศชื่อเสียง
    หรือจะใจดำถึงกับประจานผู้บังเกิดเกล้าด้วยการทำตัวเป็นพาลเกเรและประพฤติต่ำทราม

    การตอบแทนคุณท่าน แบ่งเป็น ๒ ช่วง คือ

    ๑.เมื่อท่านยังมีชีวิตอยู่ ก็ช่วยเหลือกิจการงานของท่านเลี้ยงดูท่านตอนเมื่อยามท่านชรา ดูแลปรนนิบัติการกินอยู่ของท่านให้สะดวกสบายและเอาใจใส่ช่วยเหลือเมื่อท่านเจ็บป่วย
    ๒.เมื่อท่านล่วงลับไปแล้ว ก็จัดพิธีศพให้ท่าน และทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ท่านอย่างสม่ำเสมอ
    แม้เราจะตอบแทนพระคุณท่านถึงเพียงนี้แล้ว ก็ยังนับว่าเล็กน้อยมากเมื่อเทียบกับพระคุณอันยิ่งใหญที่ท่านมีต่อเรา
    ผู้ที่มีความกตัญญูกตเวทีต้องการจะสนองพระคุณท่านให้ได้ทั้งหมด พึงกระทำดังนี้

    ๑.ถ้าท่านยังไม่ศรัทธาในพระพุทธศาสนา ก็พยายามชักนำให้ท่านตั้งอยู่ในศรัทธาให้ได้
    ๒.ถ้าท่านยังไม่ถึงพร้อมด้วยการให้ทาน ก็พยายามชักนำให้ท่านยินดีในการบริจาคทานให้ได้
    ๓.ถ้าท่านยังไม่มีศีล ก็พยายามชักนำให้ท่านรักษาศีลให้ได้
    ๔.ถ้าท่านยังไม่ทำสมาธิภาวนา ก็พยายามชักนำให้ท่านทำสมาธิภาวนาให้ได้
    เพราะว่าการตั้งอยู่ในศรัทธาการให้ท่าน การรักษาศีล การทำสมาธิภาวนา เป็นประโยชน์โดยตรง และเป็นประโยชน์อันยิ่งใหญ่แก่ตัวบิดามารดาผู้ประพฤติปฏิบัติเองทั้งในภพนี้ ภพหน้า และเป็นประโยชน์อย่างยิ่งคือ เป็นหนทางไปสู่พระนิพพาน

    อานิสงส์การบำรุงบิดามารดา

    ๑.ทำให้เป็นคนมีความอดทน
    ๒.ทำให้เป็นคนมีสติรอบคอบ
    ๓.ทำให้เป็นคนมีเหตุผล
    ๔.ทำให้พ้นทุกข์
    ๕.ทำให้พ้นภัย
    ๖.ทำให้ได้ลาภโดยง่าย
    ๗.ทำให้แคล้วคลาดภัยในยามคับขัน
    ๘.ทำให้เทวดาลงรักษา
    ๙.ทำให้ได้รับการยกย่องสรรเสริญ
    ๑๐.ทำให้มีความเจริญก้าวหน้า
    ๑๑.ถ้ามีลูกก็จะได้ลูกที่ดี
    ๑๒.ทำให้มีความสุข
    ๑๓.ทำให้เป็นตัวอย่างอันดีแก่อนุชนรุ่น
     
  7. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    38,014
    ค่าพลัง:
    +146,292
    <CENTER>Re: ขอรบกวนคุณพีหน่อยครับ

    </CENTER>


    <HR style="BACKGROUND-COLOR: #ffffff; COLOR: #ffffff" SIZE=1>อ้างอิง:
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-RIGHT: 1px inset" class=alt2>ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ xxxxxx
    ผมอยากทราบว่าวัตถุของหลวงพ่อทรงชิ้นไหน เด่นด้านโภคทรัพย์ที่สุดครับ คุณพีจะแนะนำได้ไหมครับ

    ขอบคุณล่วงหน้าครับ:cool:


    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    ถ้าให้ผมตอบตรงๆน่ะครับ อยู่ที่ตัวคุณน่ะครับ มีรูปหลวงพ่อ นึกให้เห็นภาพ สวดมนต์ บทที่ถนัด ถ้าให้แนะนำ หลักๆ ก็ อิติปิโส พรพระ พาหุง มหากา ชินบัญชร สวดแล้วนิมิตว่าท่านรับรู้ อยากได้อะไรด้านการทำมาหากิน ด้านโภคทรัพย์ ลาภลอยก็อธิษฐานเอาครับ หลวงพ่ออยากให้ศิษย์ท่านรวยทุกคนครับ ท่านพูดย้ำให้ผมได้ยินหลายครั้ง ที่เหลือ คือพระคาถา ขยัน ครับ ขยัน ทำมาหากินและสวดมนต์

    แต่ถ้ายังใจไม่นิ่งไม่แน่ใจว่าสื่อท่านถึงท่านได้ ต้องการตัวช่วย ตามที่ผมได้ยินหลวงพ่อพูดให้ได้ยิน

    ถ้าไม่นับเรื่องราคาความหายาก

    ๑) เบี้ยจั่น อันนี้หลวงพ่อย้ำเองครับ เป็นสิ่งเดียวที่ผมได้ยินหลวงพ่อพูดเอง และไม่ขึ้นกับขนาด ผมถามหลวงพ่อเอง ท่านบอกเล็กใหญ่เหมือนกันครับ

    ๒) รูปหล่อ ใหญ่ ๕ นิ้ว หรือ ๙ นิ้ว เพราะพระขนาดนี้เอาติดตัวไม่ได้ ไปใส่พวก คงกระพัน ชาตรี แคล้วคลาด มหาอำนาจ เมตตา จะไม่ใช่แนว ไม่รู้จะใส่ไปทำไมเพราะเอาติดตัวไม่ได้ ฉนั้นจะเป็นแนวภาพใหญ่ ให้มีโชคลาภ คุ้มครอง ร่มเย็นเป็นสุข และ ที่สำคัญด้านโภคทรัพย์ ประจำบ้าน ประจำร้าน เรียกลูกค้า เรียกโชคลาภโภคทรัพย์ รูปหลวงพ่อท่านมาแนวนี้น่ะครับ ยิ่งได้ที่มีจารลายมือท่าน ว่า นะ ชา ลี ติ มาด้วยเรียกว่ากำกับซ้ำ จะยิ่งแจ๋ว เน้นด้านนี้ไปเลย

    ๓) ตะโพนครับ คนเข้าไปเน้นขายด้านเสน่ห์ ( หลวงพ่อจะใส่ให้จริงๆหรือปล่าวไม่รู้ เพราะท่านไม่เคยพูดให้ได้ยิน ที่พูดนี่ลูกศิษย์ไปพูดกันเองครับ ตอนแรกก็คุยกันสนุกเฮฮา แต่ไปเรื่อยๆมาแนวจะได้ขายของให้พวก หนุ่มๆ กับเด็กวัยรุ่น แนวนี้ได้ ถ้าเป็นแบบนี้ ผมไม่แน่ใจ ไปใช้ได้ผล หรือ ไม่ได้ผลก็ขึ้นกับคนใช้ครับ )


    แต่ที่ผมเจอนี่ เรียกงาน เรียกคนครับ งานเพียบจนทำไม่ทัน มาจากตะโพนนี่แหละครับ ใช้ได้ทุกขนาด ผมถามหลวงพ่อ ท่านบอกเล็กใหญ่ไม่สำคัญ เหมือนกันครับ

    ๔) เหรียญ เศรษฐีใหม่ ครับ อันนี้ผมขอท่านเอง ตอนทำขึ้นมา เน้นด้าน โภคทรัพย์ ด้านเศรษฐีด้านเดียว ขอไม่เอาอย่างอื่น เดี่ยวไปถ่วงด้าน เศรษฐี แต่อย่างอื่นหลวงพ่อจะแถมมาก็ไม่ว่า แต่อยากได้ด้านนี้แรงๆไปเลย เสกชนวนมาเป็นเดือน เทที่วัด เอามาเสกอีก ๑ พรรษาครับ ของจากหลวงพ่อ และ ผมน่ะไม่เคยขายครับ มีแต่ลูกหลานหลวงพ่อ และ ลูกศิษย์ที่ได้มานำไปขายครับ และอยากจะบอกว่า ของดี ไม่น่าขายไปครับ เอาไว้ใช้ไม่ดีกว่าหรือครับ

    และ พร คำว่า เศรษฐีใหม่ พระคาถา หัวใจเศรษฐี หัวใจพระสิวลี หลวงพ่อเป็นเขียนอวยพรให้เอาไปลงหลังเหรียญครับ ผมขอหลวงพ่อว่า ใครมีไว้ในครอบครอง ที่ยังไม่ได้เป็นเศรษฐี ขอให้เป็น เศรษฐีใหม่ ที่เป็นเศรษฐีอยู่แล้วก็ให้เป็น มหาเศรษฐีใหม่ ครับ

    แต่ถ้า ไม่ถือ เรื่อง ราคา ความหายาก

    ๑) พระเครื่อง ที่มีรูป หลวงพ่อ ทุกชนิดที่ผ่านมือท่าน พระผง เหรียญ รูปถ่าย ฯลฯ

    ๒) พระ เครื่องราง ที่มีลายจารหลวงพ่อ นะ ชา ลี ติ ครับ เป็นหัวใจพระสิวลี เน้นด้านโภคทรัพย์ เจริญในทรัพย์ หลั่งไหลมาหาครับ

    ที่สำคัญให้ผ่านมือหลวงพ่อ เพราะหลวงพ่อท่านมาแนว เมตตา กับ ทำมาหากินครับ จะเลือกดูให้ดีอันนี้ต้องพิจารณาเอาเองครับ

    ผมขอไปลงกระทู้ให้ทราบทั่วๆกัน

    และย้ำ เคล็ดคือ ขยัน ทำมาหากิน และ สวดมนต์ครับ ง่ายๆ แต่ได้ผล ๑๐๐ %
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 สิงหาคม 2011
  8. Mr.Ex

    Mr.Ex เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2009
    โพสต์:
    565
    ค่าพลัง:
    +3,199
    กราบ กราบ กราบ หลวงพ่อทรง
     
  9. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    38,014
    ค่าพลัง:
    +146,292
    มาต่อเรื่อง วิชา เทวดาก่อนน่ะครับ

    ชื่อที่ผมเรียกฟังเหมือนหนังแอ็คชั่น หรือ หนังจีนกำลังภายใน แต่จะบอกว่าไม่ใช่น่ะครับ ผมเพียงแต่จะเอาวิชาส่วนหนึ่งของหลวงปุ่ ที่แนะนำมา ซึ่งจริงๆ ก็มีปรากฎอยู่ในตำราไสยศาสตร์สายเทพนี่แหละครับ เพราะมีประเด็นว่า คนพูดถึง ตระกรุด เทพรัญจวน พูดถึงสีผึ้ง แต่เอาไปปนกับเรื่องของเสน่ห์ ว่าของแบบนี้น่ะมันทำเสน่ห์แก่คนใช้ และ ถูกใช้ ซึ่งมันคนล่ะเรื่อง จะทำของขายน่ะ ศึกษาหัวใจของๆที่ทำ ซ่ะหน่อยน่ะจ้ะ ศึกษาสายวิชาที่จะทำ ไปขึ้นครูโหราศาสตร์ และ ไสยศาสตร์ดีๆ สำนักมาตรฐาน เป็นศิษย์มีครูคอยหนุน เข้าใจพื้นฐาน ทำของออกมา คนเขาได้ของดีๆ ไปบูชา บวกเจตนาที่ดีๆ ไม่ติดอามิส ของก็จะดัง

    ของจะดีได้ ไม่ใช่อยู่ที่มวลสารหรือ รุปสวย แต่จะดีได้ ด้วย จิต และเเรงครู เมื่อเจตนาดี จิตจะดี และครูก็จะส่ง

    การทำเคร่ื่องรางของขลังก็เหมือนทำแบตเตอรี่ดีๆ ยิ่งดีๆ ลูกใหญ่ๆ ยิ่งใหญ่ๆ เก็บไฟได้เยอะ ได้ทนๆ

    พอได้ ผู้ทรงคุณดีๆ ชาร์จไฟมาที่แบต ชาร์จไปตามที่ท่านถนัด และ อักขระเลขยันต์ พร้อมถูกประเภท สามารถรับการ กระแสไฟได้เต็มๆ และ เต็มที่ แบตดีๆ ก็เก็บไฟไว้ได้นาน ไฟสว่าง คงทน เปล่งอานุภาพได้เต็มที่ไฟสว่างไป ๓๖๐ องศา

    ของก็ดี ทำดีๆแล้ว ยังไม่ทันเสก ก็ดีแล้ว เพราะเทวดาท่านเห็นเจตนา อนุโมทนา ช่วยตามไปคุ้มครอง

    ผมจะเอาพวกยันต์เหล่านี้ มาลง และเป็นยันต์พื้นๆมาแต่โบราณ พวกที่เป็นยันต์ หรือ นะ ที่มาทางเมตตาแรงๆ ที่ผมเจอมากับตัว มีประสบการณ์ เช่น นะหน้าทอง มีหลายชื่อ มีหลายแบบ ยันต์เทพรัญจวน เทพรำลึก ยันต์สุกิตติมา ยันต์บัวบาน ( ดอกบัว ) ยันต์ ปลายศีล ( ใช่ครับ ดีทางเมตตาแบบจังๆ ) ยันต์ปถมัง ( ปถมังก็เหลือจะกินด้านเมตตา มีเงินทอนเสมอ แต่ปกติจะเสกไปด้าน คงทน ) ยันต์จันทร์เพ็ญ ยันต์นกสาริกา ( มีหลายชื่อ )

    นอกจากนี้ก็มีน่ะครับ แต่ผมเคยเห็นแต่รูป ไม่เคยได้ใกล้ชิด เลยตอบไม่ได้ วิชาเหล่านี้เป็นวิชาเหล่าเทพ น่ะครับ อ้างหัวใจ พระรัตนตรัย บทต่างๆ สำเร็จได้ด้วย ญาณสมาบัติ และ มีเทพยดา ครูสายวิชา มาหนุนและ สถิตย์อยู่

    การจะใช้ให้ได้ผล ต้องทำตัวให้ตรงตามเคล็ด เจ้าของวิชา ทำให้ตรงตามเคล็ดคนปลุกเสก ตามเงื่อนไขที่กำหนดมา นอกจากนั้น ต้องไม่ขัด หรือ ทับกับเทพยดาประจำองค์ของตัวท่าน

    คนเรามีเทพ เทวดาประจำตัวทุกคน ให้คนร้ายด้วย เทวดา เหล่านี้อาจจะเป็น พ่อ แม่ พระอุปัชฌาย์อาจารย์ พี่ น้องเพื่อนฝูงในอดีตชาติที่มีกรรมกันมา เรามีเทพไปตามคุ้มครองเราได้มากกว่าหนึ่ง เมื่อเทพเหล่านี้ ทิ้งเราไปถึงเวลาหมดอายุขัย หรือ ชะตาขาด บางคน บุญเก่าใหม่เยอะ เทพประจำองค์จะมาเพียบ และแบบเทพ แรงๆทั้งสิ้น ทำอะไรพวกเทพก็มาช่วย จะสำเร็จได้ง่าย

    สังคมฝรั่งเองก็มี เทวดาอุปถัมท์ ( Foster ) ที่เอามาพูดเพราะฝรั่งก็เชื่อเหมือนกัน ยกเว้นพวกที่เจริญด้านวัตถุมากๆ เป็นคนหนุ่ม สาว จะเป็นคนลัทธิ ไม่มีศาสนา อาจจะไม่เชื่อเรื่องแบบนี้

    ถ้าพวกพระและเครื่องรางของขลัง ไม่ขัดกับ เพทวดาประจำตัวก็จะยิ่งขลังและมีอานุภาพ จะบอกได้อย่างไร พวกท่านต้องสังเกตุเอาเอง ทำจิตสื่อ อธิษฐาน พูดคุย ทำบุญอุทิศให้ เมื่อถึงจุดก็จะทราบอาการ ของบางอย่างเราได้มา อุปปาทานบอกเลยไม่ใช่ ( ขอใช้คำว่าอปปาทานสำหรับเราปุถุชน ) เอาไปใช้ มีแต่เรื่อง เจ็บตัวทดลองของก็มี ของบางอย่างได้มา เข้ากับกรรมเรา ถูกโฉลก เข้ากับเทพ ประจำองค์ หวยก็ถูก เงินเดือนก็ขึ้น เงินก็เข้า ไปไหนคนเมตตาก็มี ท่านต้องลองสังเกตุตัวท่าน เพราะไม่มีใครรู้ดีกว่าตัวท่าน อย่าไปฟังคำโฆษณา ว่าดีแบบนั้น แบบนี้ เพราะคนโฆษณา ไม่มีทางรู้จักตัวเรา เท่าตัวเราเอง และ อย่า bias หรือ เข้าข้างตัวเอง ต้องตรงไปตรงมา

    ตกลงวิชาเทวดา เมื่อทำของมา ของจะเป็นแนวเทวดา พระปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ มาแนวนี้ทุกองค์ อาจจะหนักไสยฯ แต่ก็ไม่ใช่วิชามาแบบมืดๆ

    ของจะขลังได้เมื่อ

    ๑) เจตนา ทำมาดี กรรมดีตั้งแต่เริ่มต้น เพราะโหราศาสตร์ และ ไสยศาสตร์ ไม่คัดค้านกฎแห่งกรรม จะไปตามแนวศาสนา อันนี้คือไสยศาสตร์ของเทพ

    ไสยศาสตร์ใด ไปขัด กับกฏแห่งกรรม ไปขัดกับหลักพระศาสนา ไม่ใช่วิชาเทพครับ

    ๒) ปลุกเสกดี คนเสกดี

    ที่พูดมา เอาไป ๓๐ %

    และที่เหลืออีก ๗๐ % คนใช้ต้องดีด้วย ทั้งตัวเอง และเทพประจำองค์อนุโมทนา

    ท่านเคยสังเกตุไหมครับ ของบางอย่างเอามาลองติดตัว หายไปดื้อๆ แตกหัก ร้าวราน ทะเลาะกันกับคนใกล้เคียง มีแต่เรื่อง ซวยน่ะแหละ

    แต่บางอย่าง ได้มาดีราบรื่น คิดอะไรสำเร็จ พอมีปัญหาตามนิสัยปุถุชนก็ไม่อับจน มีทางออก มีคนช่วยเสมอ

    ดึกๆผมจะเข้าแก้คำผิดน่ะครับและร่ายต่อ ก่อนจะไปต่อเรื่องหลวงปู่บุญศรีตรงๆ แต่เมื่อผมมาสัมผัสท่านมา ผมก็ค่อยๆเข้าใจเรื่องแบบนี้

    และเป็นความเชื่อของผมคนเดียว ท่านใดไม่เชื่อกราบขออภัยที่เอา เรื่องไร้สาระมาให้อ่าน

    แต่ถ้าท่านใดเชื่อ เริ่มต้นตั้งแต่วันนี้ครับ มาเล่นของสายเทพดีกว่าครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 สิงหาคม 2011
  10. plamp256

    plamp256 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มกราคม 2008
    โพสต์:
    1,308
    ค่าพลัง:
    +6,725
    มีอะไรบ้างครับพี่พี ผมจะได้ตามหา
     
  11. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    38,014
    ค่าพลัง:
    +146,292
    ผมเห็นรูปพระคำข้าวของพระองค์ที่ผมนับถือสุดชีวิตองค์หนึ่ง ที่คุณโชว์ในรูปน่ะ

    ผมว่าคุณมาถูกทางแล้วน่ะครับ

    พระของหลวงพ่อวัดท่าซุง มีเทวดาเพียบครับ สื่อให้ถึงเท่านั้นครับ
     
  12. เอก รถไฟ

    เอก รถไฟ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มกราคม 2011
    โพสต์:
    15
    ค่าพลัง:
    +8
    ของดีมีอะไรบ้างครับจะได้ตามหา ปัจจุบันผมบูชาพระชัยวัฒน์แพโบสถ์น้ำองค์เดียวและติดเส้นเกษาของหลวงปู่ที่บูชามาจากป้าอิ๊ดองค์เดียว(กว่าจะได้ต้องหลบ ผบ.ที่บ้านแทบแย่)ยังไม่มีประสบการณ์เป็นพิเศษ ไปได้เรี่อย ๆ ไปไหนก็แคล้วคลาดปลอดภัยแค่นี้ก็น่าจะเพียงพอแล้ว มนุษย์นี้ครับ แต่ยังไม่อิ่มถ้ามีผ้ายันต์ของหลวงปู่สักผืนก็คงจะดี ขอบคุณครับ
     
  13. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    38,014
    ค่าพลัง:
    +146,292
    ของดีกำลังเขียนให้อ่านครับ

    แต่เหมือนดาบสองคม คนก็จะหามาขายราคาแพงๆ

    ซึ่งแต่ก่อนไปเจอราคาขนม แค่เหรียญล่ะสามสิบบาท

    แต่ก็ไปเรื่อยๆครับ
     
  14. plamp256

    plamp256 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มกราคม 2008
    โพสต์:
    1,308
    ค่าพลัง:
    +6,725
    2 องค์นี้ได้จากมหาหินครับ เห็นแกบอกว่าบูชามาจากหลานของป้า นนทา พระคำข้าวองค์นี้รุ่นหนึ่งครับส่วนเพชรไม่รู้มาจากไหนแต่คิดว่าน่าจะติดมาแต่เดิมชอบมากครับ
    ปล.ของหลวงพ่อฤาษีผมว่าผมมีพอสมควร แต่ผมชอบของขลังครับบูชาไปเรื่อยดีกว่าเอาเงินไปทำอย่างอื่น
    ยิ่งมีปรมาจารย์อย่างพี่พีแนะนำนี่สนุกครับได้เจอครูบาอาจารย์เก่งๆตลอด (คิดว่าจะไปวัดหน้าต่างนอกบ่อยๆ ของดีที่นั่นน่าจะเยอะ แหะแหะ)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 สิงหาคม 2011
  15. plamp256

    plamp256 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มกราคม 2008
    โพสต์:
    1,308
    ค่าพลัง:
    +6,725
    ผมอ่านของพี่พีมานาน แต่พี่พีไม่กล่าวถึงหลวงพ่อฤาษีเท่าไร แต่เท่าที่อ่านดูรู้สึกว่าพี่พีก็ใกล้ชิดกับหลวงพ่อฤาษีมาก อยากจะบอกว่าที่วัดปากคลองมะขามเฒ่ามีพระปี 2508 ที่หลวงพ่อฤาษีพุทธาภิเศกร่วมกับหลวงพ่อสำราญ รุ่นเดียวกับสมเด็จปี 2508 และหลวงปู่ศุขปี 2508 โดยเฉพาะขุนแผน แหะๆ ขุนแผนสร้างพระขุนแผน (ขออภัยครับความจริงเคยอ่านประวัติมาว่าพระขุนแผนที่เรียกกันในปัจจุบันคือรูปแทนของพระพุทธชินราชครับ แต่ไม่รู็ทำไมถึงเรียกกันขุนแผน)
     
  16. MooDam

    MooDam เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    1,604
    ค่าพลัง:
    +4,845
    พี่พีครับ อย่างนี้เป็นเพราะเราเอาของไม่ถูกโฉลกมาบูชากับตัว เทวดาประจำตัวเราท่านไม่ชอบ ก็เลยมีเหตุให้หายไป ใช่ไหมครับ
     
  17. cc5922

    cc5922 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    4,193
    ค่าพลัง:
    +16,973
    กราบ กราบ กราบ หลวงปู่บุญศรี หลวงพ่อทรง ครับ
     
  18. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    38,014
    ค่าพลัง:
    +146,292
    แหะๆ ก็กลัวคำว่า ปรมาจารย์นี่แหละครับ จะกระตุกต่อมฮา คนรู้จริงแต่เงียบๆ ยังมีอีกเยอะ เขามาอ่านแล้วจะเฮ เกรงใจเขาครับ

    ถ้าผมได้ฝึกแบบที่ว่า จนเนียนน่ะครับ ผมไม่มานั่งเขียนอยู่นี่หรอกครับ

    ของหลวงพ่อฤาษี ดีทุกอย่างครับ เป็นของแนวพุทธน่ะครับ แต่หนักเทวดา จะบูชาบางทีต้องทำตัวดีๆหน่อยครับ

    ที่วัดหน้าต่างนอกมีของดีครับ หลวงพ่อจงท่านยังแผ่บารมีอยู่ ว่างก็ไปน่ะครับ
     
  19. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    38,014
    ค่าพลัง:
    +146,292
    ๑) เรื่องหลวงพ่อวัดท่าซุง ตระกูลผมด้านคุณแม่นับถือท่านมาก และนับถือกันมานานแล้วครับ ผมฟังหลวงพ่อเทศมาตั้งแต่จำความได้ ฟังเทป อ่านหนังสือท่าน เป็นพระในดวงใจองค์หนึ่งน่ะครับ แต่ผมมันเด็กมาทีหลัง ไม่ได้ใกล้ชิดหลวงพ่อแบบนั้นหรอกครับ นั่งก็แค่ชะเง้อมอง ได้ใกล้ตอนคลานไปถวายของแค่นั้นแหละครับ...แหะๆ

    ๒) ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ เรื่องพระที่วัดมะขามเฒ่า

    ๓) เรื่องขุนแผน ...แหะๆ ที่เกี่ยวกับหลวงพ่อ ไม่เล่าดีกว่า จะเล่าแต่เรื่องพระ เพียงว่า ตอนเขาใส่กรุน่ะ ท่านคงไม่ได้เรียกขุนแผนหรอกครับ พวกสมเด็จ พระรอด ซุ้มกอ นางพญา ผงสุพรรณ เป็นชื่อมาตั้งทีหลังทั้งนั้นครับ และแล้วแต่คนตั้ง เพียงแต่พระพุทธชินราชท่านมีซุ้ม พระขุนแผนก็มีซุ้ม ก็เรียกกันมาเพราะเจอที่สุพรรณก่อน ที่วัดบ้านกร่าง เขาเลยตั้งชื่อตามวรรณคดีน่ะครับ ยังมี ขุนไกร พลายชุมพล พลายเพชรพลายบัว สี่กร มอญแปลง ฯลฯ เป็นชื่อที่ตั้ง ทีหลังทั้งนั้นครับ เพียงแต่คำ และพระ ขุนแผน แพร่หลายมากกว่าครับ
     
  20. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    38,014
    ค่าพลัง:
    +146,292
    ครับ ตามที่ผมเชื่อน่ะครับ ออกตัวก่อน

    เป็นได้สาเหตุหนึ่งครับ และ มีหลายสาเหตุ

    เป็นเทวดาที่มากับ ของ ก็เป็นไปได้ครับ ท่านไม่ชอบก็ไป หรือ จับหักครับ

    เรื่องนี้ ผมไม่ได้พูดเองน่ะครับ มีพระผู้ใหญ่มากองค์หนึ่ง ผมไม่กล้าเอ่ยนามท่านน่ะครับ ถ้ามีของดีประเภทหนึ่ง ไปรวมกับพระหรือ เครื่องรางที่ทำมาไม่ดี ไม่ถึง ไม่บริสุทธิ์ เทวดาท่านนี้จะจับหักครับ

    การที่พระหักก็อาจจะมาจากผิดข้อห้าม เช่นดื่นสุรา พระก็จะแตกหักคาคอ

    หรือ เอาไปที่อโคจร พระ หรือ ตะกรุดจะแตก หัก ทันที

    ในธรรมชาติ ไม่มีอะไรมาด้านเดียวหรอกครับ ถ้ามีคุณวิเศษมา ก็จะมีข้อแม้ ข้อ ห้าม มีเงื่อนไข เหรียญต้องมีสองด้านเสมอครับ ไม่มีอะไรมีแต่ได้หรอกครับ

    และเทวดา ท่านก็ไม่ได้มีแบบเดียว ถ้าเป้นเทวดา ขั้นสูง ระดับ พรหม ท่านก็ต้องทำตัวเป็นพรหมด้วยน่ะครับ เทวดาแบบนี้ มาจากนักบวช หรือ ฤาษี มีพรหมวิหาร มีศีล มีสัจจะ เราจะใช้ของแบบนี้ก็ต้องทำตัวสูงไปด้วยน่ะครับ ต้องมีศีล มีทาน มีปฏิบัติ สวดมนต์ ภาวนา ทำตัวไม่ดี จะเกิดโทษเอาซ่ะด้วย

    ของดี มากๆ ดีจริงๆก็จะไปอยู่กับคนมีบุญ ที่มีพื้นฐานรองรับ ของดีนั้นได้ครับ พวกทนสิทธิ์ พระเบญจภาคี พระพุทธรูป เชียงแสนรุ่นเก่าๆ ( มีแล้วเฮงครับ ) คนธรรมดา ฟลุ็คได้ไปก็รักษาไว้ไม่ได้ คนมีบุญที่จริงบุญรักษาตามแนวพุทธก็พอคุ้มตัวแล้ว พวกของดี เทวดา ก็ชอบมาอยู่ด้วย

    เทพ เทวดาที่ต่ำกว่าลงมา บารมีก็อาจจะลดหลั่นลงมา อาจจะชอบเครื่องเซ่น แต่ต้องเป็นของสุก หรือ ผลไม้น่ะครับ และบางท่านก็อาจจะชอบสุรา เฮฮา บันเทิง พวก โขน ละคร หนังกลางแปลง หรือ ขอบของหอม เครื่องประดับ เราก็ต้องบูชาแบบนั้นครับ เทวดาแบบนี้ข้อห้ามก็เบาหน่อย มีอย่างเดียวที่ต้องมั่นคงคือสัจจะ เพราะเทวดามีสัจจะครับ

    แต่ถ้าต้องเซ่นด้วย ของสด ของคาว เลือด หมูนอนตอง หนีให้ไกลดีกว่าครับ

    ยังมีต่อน่ะครับ ยังมีที่อยากจะเรียนให้ทราบ
     

แชร์หน้านี้

Loading...