แนะนำพระดี (ภาค 2) กับวัตถุมงคลที่ตั้งใจสร้างเพื่อใช้บูชาอย่างแท้จริง

การจัดเครื่องเซ่นไหว้บวงสรวงตามพิธีพราหมณ์ โดยก่อนหน้านี้ได้มีการขอพระพิรุณไว้ชั่วครู่เพื่อไม่ให้ฝนตกในขณะทำพิธีบวงสรวงกลางแจ้ง เพราะขณะนั้นเมฆฝนลอยต่ำอยู่โดยรอบวัดและมีละอองเย็นๆของสายฝนพอได้สัมผัส ขณะทำพิธีนั้น ท้องฟ้าเปิดเป็นช่องพอเห็นได้ชัด เมื่อพราหมณ์อ่านโองการบวงสรวงเสร็จแล้ว เกิดปรากฎการณ์วงแหวนสุริยะ(พระอาทิตย์ทรงกลด)บนท้องฟ้าเหนือหัวอยู่นานจนสังเกตุได้ เมื่อปักธูปบนเครื่องเซ่นครบทุกดอกอันหมายถึงเสร็จสิ้นพิธีบวงสรวงแล้ว ฝนได้เทกระหน่ำลงมาโครมใหญ่แบบไม่มีอั้นไว้สักนิดอีกแล้วหรือโปรยปรายนำร่องก่อน พร้อมด้วยลมที่กรรโชกอย่างแรงตลอดเวลา แต่ธูปที่ปักไว้ในกระถางกลางแจ้งยังลุกใหม้ตามปกติจนหมดดอกทั้งที่ตากฝนจนชุ่มโชก

 

ภาพในโบสถ์ขณะนั่งบริกรรมปลุกเสกจาก 6 พระเกจิและ 4 พระสวดพิธีกรรม

 

ภาพการปลุกเสกวัตถุมงคล รุ่นสร้างศาลาการเปรียญวัดหนองสะเดา สระบุรี
ภายในพระอุโบสถของวัดกุดชมภู อ.พิบูลมังสาหาร จ. อุบลราชธานี
ใช้เวลาบวงสรวง 30 นาที ใช้เวลานั่งปลุกเสกรวม 1 ชั่วโมง 40 นาที

 

เมื่อแจกเหรียญพิฆคเณศเนื้อทองแดงให้กับแขกที่มาร่วมงานแล้ว จึงได้กราบลาหลวงปู่คำบุและคณะผู้ช่วยเหลือทุกท่านและเก็บของกลับ เพื่อเตรียมเดินทางไปยังวัดบ้านกรวด อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ พักนอนคลายเหนื่อยกลางทางที่จังหวัดสุรินทร์ ท่ามกลางพายุฝนตามฤดูกาล ตื่นเช้ามาก็เดินทางต่อท่ามกลางธรรมชาติสบายๆ ท้องฟ้ายามเช้าของวันที่ 21/7/54 สดใส ท้องทุ่งพริ้วสะบัดด้วยสายลมอ่อนๆที่เป็นระลอกไหวตามกระแสลมฝนยามตะวันสาย ถึงวัดบ้านกรวดเวลา12.30 หลวงปู่ผาด ท่านนั่งคอยอยู่แล้ว

 

ขนลังวัตถุมงคลวางหน้าหลวงปู่ผาด วัดบ้านกรวด (พระเกจิอาวุโสที่มีอายุจริงๆ 101 ปีในปีนี้) โดยการช่วยเหลือของอาจารย์สั้นและกรรมการวัดอย่างดียิ่งในทุกๆเรื่อง หลวงปู่มองนาฬิกาตลอด จนได้เวลา 13.00 จึงได้ถวายเทียนครูและหมากพลู-ปัจจัย เป็นการยกครูต่อหลวงปู่และกราบอาราธนาปลุกเสกวัตถุมงคลเพื่อให้เป็นของที่ดีที่สุดสำหรับการใช้บูชาติดตัว

 

หลวงปู่แผ้ว ออกรายการ เรื่องจริงผ่านจอ ช่อง7สี ครับ

 

ผ้าที่ใช้คลุมวัตถุมงคล หลังจากเสร็จพิธีแล้วน่านำออกให้ผู้บูชานะครับ ใส่กรอบไว้บุชาที่บ้านคงสวยดี

 

หลวงปู่ผาด ได้ทำการปลุกเสกให้อย่างดียิ่ง โดยท่านบริกรรมคาถารวมทั้งสิ้นตามที่นั่งนับแล้วได้ทั้งสิ้น 12 คาบ(บท) ในแต่ละคาบท่านจะเป่าลงที่กองวัตถุมงคล 7 ครั้งไปในทุกทิศตรงหน้าของท่าน และมีระยะห่างของแต่ละคาบไม่เท่ากัน เมื่อมานั่งนึกดูแล้ว ประเภทวัตถุมงคลในลังทั้งหมดมี 12 ประเภทพอดีเช่นกัน รวมระยะเวลาที่หลวงปู่ผาดนั่งบริกรรมปลุกเสกให้ทั้งหมด 49 นาทีพอดี

พานใส่ตะกรุดที่เห็นบนกองวัตถุมงคลเป็นของวัดอื่นที่มาขอฝากเข้าพิธีปลุกเสกนี้ด้วยเพราะขณะนี้หลวงปู่ผาดไม่รับกิจนิมนต์ปลุกเสกหรือรดน้ำมนต์ใดๆอีกแล้ว นับว่าเป็นโชคดีที่วัตถุมงคลรุ่นนี้ได้รับเมตตาจากท่านเป็นพิเศษ เมื่อหลวงปู่ปลุกเสกเสร็จแล้ว ได้ประพรมน้ำมนต์ให้อีก 3 วาระ คือพรมให้จนทั่วกองวัตถุมงคลตลอดการสวดไปด้วยอีกครั้ง ให้เปิดผ้าคลุมออกและประพรมบนลังอีกครั้ง สุดท้ายประพรมให้คณะผู้สร้าง ท่านบอกว่าดีสมใจแล้ว

 

น้ำมนต์ที่หลวงปู่ผาดใช้ประพรมให้มีสองอย่าง คือจากขันต์น้ำมนต์ที่ท่านสวดบริกรรมตอนนั่งปลุกเสกครั้งหนึ่ง และใช้จากขันครูใบใหญ่ที่ท่านทำไว้นานแล้วอีกครั้งหนึ่ง ต้องกราบขอบพระคุณหลวงปู่เป็นอย่างสูงที่เมตตาต่อพวกเราทุกคน รวมทั้งกราบขอบคุณอาจารย์และกรรมการวัดที่ให้การช่วยเหลือแนะนำด้วยดีตลอดมา หากมีโอกาสจะกลับมาร่วมทำกุศลกับวัดบ้านกรวดด้วยแน่นอน ภาพที่เห็นเป็นบรรยากาศตอนกราบลาวัดบ้านกรวดออกมาแล้ว เย็นชุมฉ่ำสมใจจริงๆ

 

ผมขออนุโมทนาสาธุ ในบุญกุศลที่ได้บำเพ็ญมาทั้งหมดทั้งปวงด้วยครับ

 

ผมขอตัวพักผ่อนก่อนครับ ญาติธรรมทุกๆท่าน

 

ขอบคุณพี่หนุ่ม พี่ลินและท่านอื่นๆที่ไม่ได้กล่าวครับ ที่สร้างสิ่งดีๆนี้ขึ้นมาในโลกมนุษย์ ที่มีแต่การแก่งแย่งชิงดีกัน

ขอบคุณมากครับ และขออนุโมทนาบุญด้วยครับ

 

ขอขอบคุณพี่หนุ่มและคณะมากๆครับและขออนุโมทนาบุญทั้งปวง

 

นานๆ จะได้มีโอกาสโพสข้อความ ขออนุโมทนาบุญ กับพี่หนุ่มเมืองแกลงคุณลิน และทีมงานทุกๆท่านในคณะ ด้วยครับ เห็นภาพความตั้งใจในการนำวัตถุมงคลให้ครูบาอาจารย์ได้อธิษฐานจิต ไปในทุกๆที่ ขอเป็นกำลังใจให้ทุกๆคนครับ ผมเชื่อมั่นว่าการไปแต่ละที่เหล่าเทพเทวดาจะร่วมอวยพรและอำนวยความสะดวกให้คณะทีมงานได้ทำกิจที่ตั้งใจหวังสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี ขออนุโมทนากับมหากุศลอันยิ่งใหญ่ของพี่หนุ่มและทีมงานอีกครั้งครับ

 

ขอเชิญร่วมงานวางศิลาฤกษ์อาคารโรงยิมพละ โรงเรียนวัดโฆสิตาราม

<hr style="color:#FFFFFF; background-color:#FFFFFF" size="1"> แจกฟรี รูปเหมือนปั๊มรุ่นแรก ย้อนยุคเนื้อแร่

ทาง โรงเรียนวัดโฆสิตารามจะวางศิลาฤกษ์อาคารพละในร่ม(โรงยิม) ในวันที่ 12 สิงหาคม 2554 จึงขอเชิญทุกท่านเข้าร่วมงานดังกล่าว โดยกำหนดการดังนี้

เวลา 06.19 น. ทำพิธีบวงสรวงเทวดา

เวลา 07.19 น. พระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์

เวลา 08.19 น. ถวายภัตตหารเช้าแด่พระสงฆ์

เวลา 09.19 น. ทำพิธีวางศิลาฤกษ์อาคารโรงยิมพละ

ท่านที่มาร่วมงาน มาเช้ามากไม่ได้ มาช่วงเวลาก่อนวางศิลาฤกษ์ก่อน 09.19 น.ก็ได้ครับ ทางโรงเรียน มีวัตถุมงคล คือรูปเหมือนปั๊มรุ่นแรก ย้อนยุคเนื้อแร่ (แบบไม่บรรจุผงพุทธคุณที่ก้น) ตอกโค๊ด ให้ท่านที่มาร่วมงาน 1 องค์ต่อ 1 ท่าน ( ซึ่งจะให้คูปองรับพระก่อนและมารับพระได้เมื่อปลุกเสกเสร็จประมาณสิ้นเดือน กันยายน 2554) นี้ครับ และพระที่จะมอบให้ตามแบบรูปที่ลงให้ดูนี้

แจกฟรี รูปเหมือนปั๊มรุ่นแรก ย้อนยุคเนื้อแร่

 

"""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""
แม้จะเป็นคนนิยมวัตถุมงคล แต่ก็เพิ่งเป็นครั้งแรกที่มีโอกาสอยู่ในพิธีอย่างนี้ ( ๒๐ ก.ค.๕๔ ที่อุบลฯ) จากบรรยากาศที่พบ เห็นความตั้งใจ ความละเอียดอ่อน ความใส่ใจของพี่หนุ่มและคณะทีมงานแล้ว บอกได้เลยว่าวัตถุมงคลชุดนี้นั้น ยากเหลือเกินที่ในยุคปัจจุบันนี้ จะหาวัตถุมงคลรุ่นใดที่มีพิธีพุทธาภิเษก ปลุกเสก เทวาภิเษก หลาย ๆ พิธีและใส่ใจในรายละเอียดทุกขั้นตอนอย่างนี้ (นี่ยังไม่พูดถึงมวลสารที่ใช้สร้างนะครับ)แต่ละพิธีก็เตรียมพิธีการอย่างดีมาก ๆ คุ้มเหลือเกินกับสิ่งที่ส่งไปร่วมเป็นมวลสาร และเงินที่บูชาวัตถุมงคลรุ่นนี้ ทุกครั้งที่ทำพิธีพี่หนุ่มก็ถวายทำบุญกับวัดนั้น ๆ และหลวงปู่ หลวงพ่อที่ท่านเมตตาทำให้ทุกครั้งไป กว่าจะครบทุกพิธีก็คงเป็นปัจจัยที่เยอะพอสมควร..และยังมีงานใหญ่ สร้างศาสนสถานรออยู่..เป็นวัตถุมงคลที่ทรงคุณค่าจริง ๆ ครับ....วันนั้นฝนตกหนักนะครับ ผมวิ่งลุยฝนไปขึ้นรถยังเปียกเลยครับ...แต่ธูปในพิธีกลางแจ้งไม่ดับ...เสียดายจริง ๆ ที่ผมต้องกลับก่อนเสร็จพิธี

 

ขอบคุณพี่ธวัชชัยที่นำข่าวดี ๆ มาบอกครับ

 

ขอบคุณที่แจ้งข่าวให้ทราบค่ะ

 

เพิ่งกลับมาจากการกราบหลวงปู่นาม วัดน้อยชมภู่ จังหวัดสุพรรณบุรี และนำวัตถุมงคลทั้งหมดไปขอรับเมตตาจากท่านให้การปลุกเสกตามที่เคยได้มีจดหมายขออนุญาตไว้เมื่อหลายเดือนก่อน และท่านก็ให้ความเมตตาอย่างดียิ่งทั้งสองครั้ง กราบขอบพระคุณหลวงปู่นาม หลวงพี่บุญชู พระสงฆ์และสามเณรในวัด ที่ให้การช่วยเหลือและประสานงานอย่างดีมาตลอดจนทุกอย่างลุล่วงตามวัตถุประสงค์

ออกเดินทางสี่โมงเย็นจากนนทบุรีไปตามถนนตลิ่งชัน-สุพรรณบุรี ก่อนเข้าสุพรรณบุรีเป็นช่วงที่อากาศแปรปรวนและขับรถท่ามกลางสายฝนที่กระหน่ำลงมาอย่างหนัก เมื่อเข้าเขตสุพรรณบุรีกลับมีอากาศแจ่มใส ยังพอมองเห็นท้องทุ่งนาในละแวกอำเภอศรีประจันต์ที่ชูช่อระบัดใบล้อลมยามอาทิตย์ใกล้อัสดง พร้อมกลิ่นท้องนายามเย็นที่เป็นเอกลักษณ์ของชนบทไทย

 

ห้าโมงเศษๆก็เห็นหลังคาหมู่กุฏิสงฆ์ของวัดน้อยชมภู่ ที่เรียงรายกลางละแมกไม้พุ่มเล็กพุ่มน้อยกลางท้องนาและต้นข้าวที่เขียวขจีที่อยู่ไกลลิบๆเบื้องหน้า ยามเย็นวันศุกร์หลังฝนโปรยปรายแบบนี้ ทำให้บรรยากาศเงียบสงบและเหงาๆพิกล ชวนให้คิดถึงบ้านที่เราจากมา