เปิดกรุสมบัติ พระเครื่องและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของนาคินทร์

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย นาคินทร์, 25 มิถุนายน 2011.

  1. big09

    big09 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    494
    ค่าพลัง:
    +771
    ความรู้สึกเดียวกันผมเลยครับพี่ กีรติศักดิ์ ผมก็ขอแบ่งด้วยคนนะครับ
     
  2. นาคินทร์

    นาคินทร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    54
    ค่าพลัง:
    +4,089
    พรุ่งนี้ผมจะเดินทางไปพิษณุโลก เพื่อร่วมพิธีหล่อพระวันอาทิตย์ครับ หล่อเป็นหลายชิ้นแล้วค่อยมาเชื่อมเป็นองค์พระครับ เพราะเป็นพระใหญ่ครับ ช่วงนี้จึงยุ่งมากครับ หลังจากหล่อพระแล้วผมคงจะมีเวลามากขึ้น จะเริ่มทยอยนำเสนอต่อไปครับ
     
  3. นาคินทร์

    นาคินทร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    54
    ค่าพลัง:
    +4,089
    สวัสดีครับ ทุกท่าน หลังจากเสร็จพิธีหล่อพระ ผมขอนำข้อความที่ผมบันทึกไว้มาเล่าให้ฟังกันครับ
    บันทึกการหล่อพระพุทธรูป เพื่อเป็นอนุสรณ์และจะได้จัดพิมพ์ประวัติการสร้างพระองค์นี้ไว้ที่วัดสุดสวาสดิ์สืบไปครับ
    วันที่ 3 ก.ค. 2544 วันอาทิตย์ หล่อพระ (ตรงกับวันเลือกตั้ง)<O:p</O:p
    ตอนเช้าพระอาจารย์อภิวิชญ์ ได้บอกให้พวกเราขึ้นเขาไปไหว้เจ้าแม่กวนอิมหยกขาวองค์ใหญ่ที่สุดในโลก ที่วัดเขาสมอแครง ของพระอาจารย์ปลัดมานิตย์ เพื่อขอพรให้ท่านช่วยให้งานหล่อพระสำเร็จด้วยดี ผมได้ขออัญเชิญองค์ท่านมาร่วมพิธีด้วย บนเขานั้นอากาศเย็น บรรยากาศสงบ เหมาะกับการปฏิบัติธรรม เจ้าอาวาสท่านมีบารมีมากจึงสามารถสร้างอาคารได้สวยงามมากมายบนเขาเช่นนี้ ผมมาได้ทราบภายหลังจากพระอาจารย์สุรินทร์ว่า ท่านเก่งเรื่องช่วยคนที่ติดขัดเรื่องค้าขาย ทำมาหากินฝืดเคือง มีผู้ศรัทธาถวายรถเบนซ์ให้ท่านด้วย และในพิธีหล่อพระครั้งนี้ ท่านได้เมตตาอธิษฐานจิตจากบนเครื่องบินมาให้ด้วยครับ<O:p</O:p<!-- google_ad_section_end -->
     
  4. นาคินทร์

    นาคินทร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    54
    ค่าพลัง:
    +4,089
    จากนั้นท่านได้พาไปไหว้ศาลพระนเรศวร ที่บริเวณวังจันทร์ (ที่มีผู้มาถวายไก่ชนแยะๆนั้นแหละครับ) และผมได้เช่าบูชารูปหล่อพระเอกาทศรถ เพื่อให้ครบทั้งสามพระองค์พี่น้องสำหรับนำไปวางบูชาในพิธี จากนั้นไปกราบขอพรองค์พระพุทธชินราชที่วัดใหญ่ (วัดพระพุทธชินราช) ท่านอาจารย์ได้เล่าให้ฟังว่า มีเรื่องแปลกคือก่อนวันงานหนึ่งวัน มีพม่าคนหนึ่งโทรไปหาโยมแม่ของพระอาจารย์ว่า พระอาจารย์ติดหนี้เขาห้าร้อยบาท ซึ่งท่านก็ไม่เคยรู้จักพม่าคนนี้มาก่อนเลยสุดท้ายท่านเลยไปทำบุญชำระหนี้สงฆ์ ในวัดพระพุทธชินราช เพราะจะทำพิธีแล้วจะได้ไม่ติดกังวล หรืออาจจะติดค้างหนี้แต่ชาติใดก็ไม่ทราบครับ<!-- google_ad_section_end -->
     
  5. นาคินทร์

    นาคินทร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    54
    ค่าพลัง:
    +4,089
    จากนั้นท่านให้ไปหาซื้อผ้าแดง เอาผ้าอย่างดีที่สุด ท่านว่าจะทำธงพิชัยสงคราม เพื่อประกาศชัยชนะที่เรามีต่อพวกวิญญาณพม่า และสามารถสร้างพระได้สำเร็จ เฉลิมฉลองแด่องค์พระพี่นางฯ และบรรดาดวงวิญญาณทหารหาญทั้งหลาย
    ตอนใกล้เที่ยงคุณโอ่ง ซึ่งมาช่วยงานด้านการจัดพิธีการ ได้เล่าว่า เมฆฝนดำเริ่มตั้งเค้า พราหมณ์คนหนึ่งเข้ามาพูดอย่างร้อนใจว่า ให้รีบอธิษฐานขอเข้าอย่าให้ฝนตกเด็ดขาด เพราะมิฉะนั้นงานจะเสียหายมาก แบบหล่อ ขี้ผึ้งเอย จะมีปัญหามาก คุณโอ่งก็เลยตัดสินใจคุกเข่าอธิษฐานต่อฟ้าดิน อาราธนาองค์พระนเรศวร พระเอกาฯ พระพี่นางสุพรรณกัลยา พระพุทธชินราช พระเสื้อเมือง พระทรงเมือง และองค์อื่นๆ ให้ช่วยด้วย <!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->
     
  6. นาคินทร์

    นาคินทร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    54
    ค่าพลัง:
    +4,089
    เรื่องที่น่ามหัศจรรย์ก็เกิดขึ้น ฝูงเมฆค่อยๆ คลายตัวขยายตัวถอยออกไป ฟ้าเริ่มเปิดสว่าง ในขณะเดียวกันพระอาจารย์มหาดำ ก็เข้ามาถึงบริเวณพิธีเช่นกัน คุณโอ่งเล่าว่า เห็นกลุ่ม เมฆดำรีบลอยห่างออกอย่างรวดเร็ว ด้วยบารมีพระอาจารย์ จนฟ้าเปิดหมด สว่าง กระจ่างแจ้ง บ่ายนั้นแดดร้อนจ้าเป็นพิเศษ ทั้งๆที่ ก่อนหน้านั้นที่พิษณุโลก ฝนตกหนักทุกบ่าย ทุกวันเป็นเวลาหลายวันแล้ว ตั้งแต่ช่างลงมือทำพระองค์นี้ <!-- google_ad_section_end -->
     
  7. นาคินทร์

    นาคินทร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    54
    ค่าพลัง:
    +4,089
    ฝนตกหนักทีละสามสี่ชั่วโมงจนโรงหล่อพระน้ำท่วม วันที่เอารถเครนมายกหุ่นพระเพื่อตั้งขึ้น ฝนตกฟ้าร้องฟ้าผ่ากระหน่ำกันอย่างหนัก จนรถเครนต้องหยุดพักงาน จนนายช่างวิรัตน์ได้โทรคุยกับผม อย่างเป็นกังวลว่าวันพิธีจะมีฝนตกอย่างนี้ไม่ได้เด็ดขาด จะมีปัญหาในการหล่อพระไม่สำเร็จได้ ผมจึงเรียนพระอาจารย์ช่วยเปิดฟ้าห้ามฝนด้วย ท่านก็หัวเราะบอกเดี๋ยวจะทำให้ และอีกทางหนึ่งก็ให้คุณโอ่งเรียนท่านพระอาจารย์มหาดำ ให้ท่านช่วยอย่าให้มีฝนตกด้วย<!-- google_ad_section_end -->
    พระอาจารย์หลวงปู่แขก ท่านมาถึงพิธีก่อนใคร ท่านมาแล้วก็ท่านั่งหลับตา พนมมือนิ่งอยู่นาน ท่านอาจารย์ให้ผมนำถุงบรรจุมวลสาร แผ่นยันต์ และท่านอาจารย์ได้ชนวนสำคัญจากการหล่อพระสมเด็จองค์ปฐมของวัดท่าซุง ผมจึงขอให้หลวงปู่แขก ช่วยแผ่เมตตาให้อีกครั้ง ท่านนำถุงนั้นไปเป่าเสกอยู่พักใหญ่ แล้วส่งคืนให้ พอท่านอาจารย์มหาดำเริ่มทำพิธีบวงสรวงครูบาอาจารย์เทวดาฟ้าดิน ฯลฯ หลวงปู่แขกท่านก็เริ่มพิธีปลุกเสกของท่านองค์เดียว โดยไม่รอใคร ผมเห็นท่านเอามือทั้งสองวนที่กระหม่อมของท่าน จากนั้น ก็มาที่ริมฝีปาก และมาที่ท้อง เหมือนบริกรรมอะไรสักอย่าง จากนั้นท่านนั่งขัดสมาธิเข้าที่ ผมเฝ้าสังเกตท่าน เห็นท่านนิ่งสนิท จนพิธีเสร็จร่วมสองชั่วโมงกว่า ไม่กระดุกกระดิกเลย น่าศรัทธาเป็นอย่างยิ่งครับ <!-- google_ad_section_end -->
     
  8. นาคินทร์

    นาคินทร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    54
    ค่าพลัง:
    +4,089
    มาภายหลังได้สอบถามช่างวิรัตน์ แกเล่าว่าหลวงปู่องค์นี้คนนับถือเป็นอันมากในเมืองพิษณุโลก แม้แต่องค์สมเด็จพระเทพฯ ยามพระองค์ท่านเสด็จมาก็มักมากราบ หลวงปู่แขก แสดงว่าพระหลวงปู่องค์นี้ต้องเป็นพระพิเศษสุดองค์หนึ่งทีเดียวครับ ที่สำคัญเมื่อคราวพิธีปลุกเสก 100 ปี ของกองทัพ ฯ คุณวิรัตน์เล่าว่า หลวงปู่แขกนั่งขัดสมาธิลอยลงจากธรรมาสน์(สูงเมตรกว่าๆ) ลอยลงมาที่พื้นดิน คนเห็นกันทั่วพิธีเลยครับ เป็นที่กล่าวขานร่ำลือกันจนถึงทุกวันนี้ และพระอาจารย์สุรินทร์ได้กรุณาเล่าว่า หลวงปู่แขกนี้อายุ จะเก้าสิบแล้ว แต่ท่านยกขันน้ำมนต์ใหญ่ ๆ มือเดียว ให้เห็นประจักษ์มาแล้ว ที่วัดพระพุทธชินราช นี้เป็นลักษณะของพระผู้ทรงฤทธิ์อภิญญาแน่นอนครับ <!-- google_ad_section_end -->
     
  9. นาคินทร์

    นาคินทร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    54
    ค่าพลัง:
    +4,089
    ผมเห็นท่านนั่งสมาธินิ่งไม่กระดิกเลย พอเสร็จพิธีท่านลุกขึ้น ลงเดินเป็นปกติ มิได้มีอาการ เซถลา เหน็บกินอันใดเลยครับ มิน่าเล่าพระอาจารย์ ถึงกล่าวว่าพิธีนี้ ล้วนแต่เชิญพระเก่งๆ แนวด้านอิทธิฤทธิ์ บารมีสูงๆ มาทั้งนั้น หาได้ยากยิ่งนัก ด้วยบารมีเมตตาแห่งพระอาจารย์สุรินทร์วัดสุดสวาสดิ์ท่านได้นิมนต์มา หลวงปู่เก่งๆ ท่านจึงได้เมตตามาทำพิธีให้ครับ
     
  10. นาคินทร์

    นาคินทร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    54
    ค่าพลัง:
    +4,089
    ครูบาอาจารย์องค์สำคัญอีกองค์หนึ่ง คือพระอาจารย์อุบาลี อตุโล แห่งวัดจันทร์ตะวันตก ซึ่งได้เมตตามาในพิธีนี้ให้เป็นกรณีพิเศษสุดๆ เนื่องจากที่ผมได้ทราบมา ท่านไม่เคยออกมาร่วมพิธีให้ใครเลย ครั้งนี้เป็นกรณีพิเศษมากๆ ต้องกราบหลวงพี่พระอาจารย์สุรินทร์ที่ได้ไปนิมนต์มาได้ครับ พระอาจารย์องค์นี้ พระอาจารย์กล่าวว่า ท่านมีบารมีสูงมาก และท่านได้เมตตาเข้านิโรธสมาบัติ มีผู้ไปรอทำบุญมากมายล้นหลาม ผมลองค้นประวัติท่าน เดี๋ยวจะนำลงเผยแพร่ต่อให้อ่านกันนะครับ ที่โรงหล่อมีพระทรงเครื่องจักรพรรดิองค์หนึ่งขนาดใหญ่ประมาณหน้าตักสองเมตรเช่นกัน แต่องค์นี้ช่างวิรัตน์กล่าวว่า ราคาองค์ละสิบสี่ล้านครับ มีลูกศิษย์ลูกหาของท่าน ถวายกันมากมาย ดวงตาของพระทำด้วยเพชรแท้สีดำ นิ้วทั้งสิบใส่แหวนวงทองคำวงละหนักสิบบาท ประดับเพชร ด้วยศรัทธาของลูกศิษย์ของท่านครับ ก็นำมาเล่าให้ฟังกันต่อครับ ผมก็เพิ่งรู้จักพิษณุโลกได้ไม่นาน เพิ่งจะทราบว่ามีพระดีอยู่หลายองค์เลยครับ<!-- google_ad_section_end -->
     
  11. นาคินทร์

    นาคินทร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    54
    ค่าพลัง:
    +4,089
    อีกองค์หนึ่งคือท่านอาจารย์พระมหาดำ ท่านก็ได้เมตตาไปช่วยคุณโอ่งในฝัน ก่อนวันงานหนึ่งวัน คุณโอ่งก็ช่วยเป็นธุระให้ทุกอย่าง ในการจัดเตรียมข้าวปลาอาหาร ข้าวของ จนเป็นลมไปหลายครั้ง เธอฝันว่า มีทหารพม่ามาสามคน ตามฆ่าเธอ เธอก็วิ่งหนีไปในป่า สะดุดล้มลง พวกมันก็เข้ามาบอกจะคว้านท้องเธอ ทันใดนั้น ท่านมหาดำก็ปรากฏขึ้น พวกวิญญาณทหารพม่าเห็นก็แตกฮือหนีไป ท่านได้กล่าวว่าไม่เป็นไรแล้วลูก พ่อมาช่วยเจ้าแล้ว,,,,,, <O:p</O:pท่านองค์นี้ท่านเมตตามาก ท่านช่วยดูแลให้ทุกอย่างทั้งญาณนอกญาณใน ท่านแนะให้หลายประการ ที่มหัศจรรย์มาก พอเสร็จพิธี ท่านอาจารย์อภิวิชญ์ไปกราบลาท่านพระอาจารย์มหาดำ ท่านพูดขึ้นว่า เก่งมาก ครูบาอาร์ท ดีแล้ว ที่ทำมานี้ ขอให้บำเพ็ญบารมีต่อไป ท่านพระอาจารย์มาถามผมว่าผมไปบอกชื่อเล่นท่านให้ท่านอาจารย์มหาดำหรือ ท่านรู้จักได้อย่างไร ผมเรียนว่า ผมเองก็ไม่รู้จักชื่อเล่นของพระอาจารย์เหมือนกันครับ ท่านเก่งมากท่านรู้ได้อย่างไร และยังรู้แนวทางการบำเพ็ญบารมีของพระอาจารย์ด้วยครับ นี่แหละครับครูบาอาจารย์สายอิทธิฤทธิ์<O:p</O:p
    พิธีดำเนินไปด้วยดี และแล้วเสร็จด้วยความยิ้มแย้มสดชื่นเบิกบานใจของทุกคน การหล่อพระได้หล่อครบทุกชิ้นในวันอาทิตย์ตามคำสั่งของพระอาจารย์ ผมและภรรยาขับรถกลับเวลาประมาณหกโมงเย็น ฟ้าดำปี๋ ด้วยเมฆฝนครึ้มไปหมด ฝนตกหนัก เหมือนดังเทวดาท่านเลื่อนเวลาฝนตกให้ เป็นที่พูดถึงกันทุกคน เรื่องนี้ทำให้ผมคิดว่า เหตุการณ์ผิดธรรมชาติเหล่านี้ น่าสังเกตมากครับ แสดงให้เห็นว่า มนุษย์นั้นยังสามารถต่อรองกับธรรมชาติได้ ด้วยอำนาจจิต อธิษฐานแห่งพระสงฆ์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบครับ<O:p</O:p<!-- google_ad_section_end -->
     
  12. นาคินทร์

    นาคินทร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    54
    ค่าพลัง:
    +4,089
    ประวัติพระอาจารย์อุบาลี อตุโล
    (คัดลอกจากเว็บไซท์ของวัดจันทร์ตะวันตกครับ)
    พระอาจารย์อุบาลี อตุโล เดิมชื่อ ลี เป็นบุตร นายทน
    ชะใบรัมย์ และนางมาก ชะใบรัมย์ เกิดที่บ้านดงกระทิง..(ปัจจุบัน
    เป็นกิ่งอำเภอบ้านด่าน) ตำบลโนนขวาง อำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์
    มีพี่น้องร่วมบิดามารดา รวม ๙ คน ตามลำดับดังนี้
    • นายเสาร์ ชะใบรัมย์ (ถึงแก่กรรม)
    • นางสาวอ่อนสา ชะใบรัมย์
    • พระอาจารย์อุบาลี อตุโล
    • นายทองสุข ชะใบรัมย์
    • นายสมุทร ชะใบรัมย์
    • นายแก้ว ชะใบรัมย์ (ถึงแก่กรรม)
    • นายสวัสดิ์ ชะใบรัมย์ (ถึงแก่กรรม)
    • นายพัด ชะใบรัมย์
    • นายสมาน ชะใบรัมย์
    ชีวิตในวัยเด็ก
    โยมแม่จองพระอาจารย์อุบาลีเล่าให้ลูกศิษย์ฟังว่า...มีลูก
    ทั้งหมด ๙ คน ก่อนตั้งครรภ์ลูกคนที่ ๓ คือพระอาจารย์อุบาลี ได้ฝัน
    ว่ามีคนนำพระมาใส่ในมือและได้รับไว้ เมื่อลูกคนที่ ๓ เกิดมาได้ตั้งชื่อ
    ว่า “.ลี.” เด็กชาย “.ลี.” มีนิสัยการกินที่แปลกกว่าทุกคนในบ้าน คือ
    เป็นเด็กที่ไม่กินเนื้อสัตว์ใหญ่มาตั้งแต่วัยเด็ก…และมีลักษณะนิสัย
    เรียบร้อยไม่เคยสร้างปัญหาให้กับพ่อแม่ ชอบวิ่งเล่นตามประสาเด็ก
    ไปไหนมาไหนมักจะไปกับตายายเป็นประจำ ไม่ว่าจะไปกลางนาหรือ
    ไปเลี้ยงควายตามทุ่ง เมื่อถึงวัย ๗ ปี เป็นวัยที่ควรต้องเรียนหนังสือ
    พ่อแม่ได้ส่งเขาเรียนหนังสือในโรงเรียนอยู่ใกล้บ้าน...คือโรงเรียน
    บ้านดงกระทิง เรียนจนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ พออายุได้ ๑๑ ปี
    เกิดล้มป่วยลงมีอาการท้องอืดและขาทั้ง ๒ ข้างไม่มีแรง จนในที่สุด
    เดินไม่ได้ ความยากจนไม่มีเงินรักษาลูกกับหมอสมัยใหม่ โยมแม่ก็ได้
    แต่พยายามหาหมอบ้านมารักษาหลายรายแต่ก็ไม่หาย...หมอบ้าน
    บางคนบอกว่าจะต้องเสียชีวิตในเวลาอีกไม่นานนัก เพราะในสมัยนั้น
    เด็กที่เป็นโรคนี้จะรักษาไม่หายและต้องตายทุกราย
    บวชสามเณร
    พระอาจารย์อุบาลี ได้เล่าให้ลูกศิษย์ฟังว่า ในช่วงเวลาที่ท่าน
    เจ็บป่วยอยู่นั้นท่านไปไหนมาไหนไม่ได้ ทุก ๆ วัน...ก็ได้แต่นั่งมอง
    เหม่อลอยอยู่แต่บนบ้าน….อยู่มาวันหนึ่งมีพระสงฆ์เดินผ่านบ้านมา
    ให้เห็น...ในใจของท่านซึ่งตอนนั้นก็ยังเป็นเด็กอยู่ก็นึกขึ้นมาว่า…ถ้ามี
    ใครมารักษาอาการโรคที่เป็นอยู่และทำให้เดินได้เป็นปกติ…จะบวช
    เป็นพระไปตลอดชีวิต ในช่วงเวลานั้น…ความที่เป็นเด็กก็ยังไม่เข้าใจ
    ในเรื่องการบวชพระแต่อย่างใด แต่ในใจกลับนึกขึ้นมาเอง...เหมือน
    คล้ายกับว่าเป็นการกล่าวสัจจะอธิษฐานในใจ และก็พอจำได้ว่า
    เวลาผ่านไปไม่นานนัก…มีหมอยาคนหนึ่งมาที่บ้านแต่งกายใส่กางเกง
    สีขาวเสื้อสีขาว…ท่านก็นึกว่าแม่ให้มารักษาเหมือนที่เคยให้หมอยา
    คนอื่นมารักษา…แต่ก็ยังไม่หายจากอาการเจ็บป่วย ด้วยความที่
    อยากหาย…จึงไม่ขัดข้องให้หมอยาคนดังกล่าวทำการรักษา หมอยาได้
    ใช้สมุนไพรต่าง ๆ บดเข้าด้วยกันและโปะลงที่ขา ๒ ข้าง ก่อนกลับ
    หมอยาคนนั้นได้พูดสั่งไว้ว่า “เมื่อหายแล้วอย่าลืมที่ตั้งใจไว้นะ และ
    อีก ๒๐ ปี จะมาหาอีก” ภายหลังหมอยากลับไปแล้ว จึงได้รู้จากโยม
    แม่ซึ่งเพิ่งกลับมาจากนาว่าไม่ได้บอกให้หมอยาคนนั้นมารักษา ไม่รู้ว่า
    หมอยานั้นมาจากที่ไหนและรู้ถึงความตั้งใจของท่านที่จะบวชเป็นพระ
    ไปตลอดชีวิตหากมีใครรักษาให้อาการเจ็บป่ายหายไปได้อย่างไร
    ต่อมาอาการโรคภัยต่างๆ ที่เป็นอยู่ก็เริ่มทุเลาลง อาการท้องอืดก็
    หายไป...ขาก็เริ่มมีเรี่ยวแรงและเดินได้ในที่สุดอย่างมีปาฏิหาริย์
    พระอาจารย์อุบาลีจึงได้เล่าให้โยมพ่อโยมแม่ฟังถึงเรื่องที่ตั้งใจไว้
    เมื่ออายุได้..๑๓ ปี โยมพ่อโยมแม่ก็สนับสนุนให้ทำตามที่ได้ตั้งใจไว้
    โดยจัดให้บวชเป็นสามเณรที่วัดตะโค้ง บ้านดงกระทิง อำเภอเมือง
    จังหวัดบุรีรัมย์ ตั้งแต่นั้นมา
    ในปีแรกของการบวชเณรก็ได้อยู่ที่วัดตะโค้ง…เรียนธรรมะ
    เบื้องต้น…ปฏิบัติหน้าที่ของสามเณรที่พึงมีต่อสงฆ์อย่างไม่ขาดตก
    บกพร่องเป็นที่เมตตาของพระสงฆ์ในวัดตะโค้ง...ต่อมามีพระสงฆ์
    ที่เคยมาวัดจันทร์ตะวันตกชักชวนให้มาเที่ยวเมืองพิษณุโลก
    พระอาจารย์ก็มิได้ปฏิเสธแต่ก็ได้บอกว่าอยากให้พาไป..“.เมืองโอฆะ
    บุรี..”..พระสงฆ์บอกว่าไม่รู้จัก และไม่มีเมืองชื่อ “..โอฆะบุรี ” พระ
    อาจารย์อุบาลีเล่าว่าเหตุที่อยากไปเมืองโอฆะบุรี เนื่องจากในช่วงที่
    เป็นสามเณร ได้ฝันเห็นเมืองนี้บ่อยๆ จึงสงสัยว่าเมือง “.โอฆะบุรี.”
    จริงๆ จะเป็นอย่างไร..บวชเป็นสามเณรเวลาผ่านไป ๑ ปี ตรงกับ
    ปี พ.ศ. ๒๕๒๕ จึงได้เดินทางมาจังหวัดพิษณุโลก เพื่อศึกษาเล่าเรียน
    เพิ่มเติม โดยเข้าพักอาศัยอยู่ในวัดจันทร์ตะวันตกกับพระอธิการปิ่น
    อดีตเจ้าอาวาสวัดจันทร์ตะวันตก ในกุฏิหลังปัจจุบัน…เมื่อได้ศึกษา
    เล่าเรียนเพิ่มเติมจึงได้ทราบภายหลังว่า เมืองพิษณุโลก…เป็นกลุ่ม
    เมืองโบราณ ๓ เมือง คือ พิจิตร กำแพงเพชร และพิษณุโลก มีชื่อ
    รวมกันว่า “ เมืองโอฆะบุรี ”
    สามเณรเป็นพระสงฆ์
    เมื่อบวชเป็นสามเณรแล้ว พ.ศ. ๒๕๒๕..ได้เดินทางมาอยู่ที่
    วัดจันทร์ตะวันตก ซึ่งในช่วงเวลาเป็นสามเณร...โยมพ่อขอให้สึกอยู่
    หลายครั้ง แต่ก็ไม่อาจทำตามที่โยมพ่อขอได้ จนกระทั่งอายุครบบวช
    โยมพ่อจึงให้กลับไปบวชที่บ้านเกิดที่วัดตะโค้ง บ้านดงกระทิง อำเภอ
    เมือง จังหวัดบุรีรัมย์...ภายหลังบวชเป็นพระก็ได้ลาโยมพ่อโยมแม่
    กลับมาที่วัดจันทร์ตะวันตก เล่าเรียนธรรมะจนสอบได้นักธรรม ตรี
    โท เอก โดยมีครูที่สอนให้ความรู้นำไปสอบ คือ..พระอธิการปิ่นให้
    ความรู้นักธรรมตรี พระอาจารย์ฉะอ้อน ให้ความรู้นักธรรมโท และ
    พระอาจารย์ชุบ ให้ความรู้นักธรรมเอก นอกจากเรียนทางด้าน
    ธรรมะพระอาจารย์อุบาลี ยังได้มุ่งเน้นและมุ่งมั่นในการปฏิบัติธรรม
    โดยการนั่งสมาธิมาจนถึงทุกวันนี้ อย่างเคร่งครัดมิได้ขาด มีพระครู
    หลวงปู่เทพโลกอุดร เป็นครูบาอาจารย์สอนการปฏิบัติ...ลูกศิษย์ที่
    ใกล้ชิดได้บอกญาติโยมว่า…ท่านปฏิบัติธรรมถึงขั้นมีการเข้านิโรธ
    สมาบัติมาแล้วเป็นเวลามากกว่า ๑๐ ปี โดยมิได้บอกหรือแจ้งให้ใครรู้
    เรื่องนี้มาก่อน
    ทำนุบำรุงพระศาสนา
    นับตั้งแต่เป็นสามเณรจนเป็นพระสงฆ์ในปัจจุบันพระอาจารย์
    อุบาลี นอกจากจะปฏิบัติภารกิจของการเป็นสามเณรและพระสงฆ์
    และมุ่งปฏิบัติธรรมอย่างเคร่งครัดสม่ำเสมอมาแล้ว พระอาจารย์ยัง
    ช่วยเหลืองานด้านศาสนกิจของวัดจันทร์ตะวันตกมาโดยตลอด เป็น
    พระสงฆ์ที่เป็นกำลังสำคัญในการสนับสนุนช่วยเหลือเจ้าอาวาสองค์
    ปัจจุบันพัฒนาวัดจันทร์ตะวันตก และมีผลงานที่เกิดจากศรัทธาของ
    ลูกศิษย์และญาติโยมที่มีต่อพระอาจารย์อุบาลี...ร่วมบริจาคทรัพย์
    เพื่อพัฒนาวัดหลายประการ อาทิ การปรับปรุงภูมิทัศน์ภายในวัดโดย
    การถมที่ดินปรับพื้นที่ในวัดให้สูงเสมอกันและสร้างถนนคอนกรีต
    เชื่อมต่อทั่วกันภายในบริเวณวัด...การซ่อมบำ รุงกุฏิพระสงฆ์ที่
    ทรุดโทรม สร้างห้องน้ำ ห้องส้วม สำหรับพระสงฆ์และญาติโยม
    ปรับปรุงหอระฆัง สร้างศาลาเฉลิมพระเกียรติสำหรับปฏิบัติธรรม
    สร้างซุ้มประตูวัด..สร้างกำ แพงวัด..สร้างพระยืนปางอุ้มบาตร
    “หลวงพ่อ ทองไหลมา” และเป็นประธานในการจัดสร้างมหาวิหาร
    สมเด็จองค์ปฐม...และ_________หล่อสมเด็จองค์ปฐม...หน้าตักกว้าง
    ๔ ศอก ๙ นิ้ว ทดแทนศาลาหลังเดิมที่มีอายุการใช้งานมานานแล้ว
    พระอาจารย์อุบาลี ได้นำว่าน ๑๐๘ ที่ท่านสะสมมาหลายปีมาเป็น
    มวลสารในการสร้างพระรอดนิรมิส มี ๓ สี สีดำ สีใบตองแห้ง
    และสีเนื้อมันปู โดยท่านได้อธิษฐานจิต ในวันที่ท่านออกจากนิโรธ
    สมาบัติในปี ๒๕๕๐
    จึงนับได้ว่าพระอาจารย์อุบาลี เป็นพระสงฆ์ที่ปฏิบัติดี
    ปฏิบัติชอบ และยังได้ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา สร้างถาวรวัตถุให้
    ชนรุ่นหลังได้สืบทอดพระพุทธศาสนาให้คงอยู่คู่ไทย…เป็นผู้นำญาติ
    โยมในการปฏิบัติธรรมอย่างสม่ำเสมอ ทุกวันศุกร์และวันพระ ณ กุฏิ
    ปฏิบัติธรรมเฉลิมพระเกียรติ วัดจันทร์ตะวันตก<!-- google_ad_section_end -->
     
  13. นาคินทร์

    นาคินทร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    54
    ค่าพลัง:
    +4,089
    ผมขอเรียนว่า เนื่องด้วย ในพิธีครั้งนี้ เป็นพิธีที่ศักดิ์สิทธิ์ มีครูบาอาจารย์องค์สำคัญหลายองค์ ท่านเมตตามาปลุกเสกให้ นี่ยังไม่ได้กล่าวถึง พระเบื้องบนสูงสุด สมเด็จองค์ปฐม ฯลฯ และ พ่อแม่ครูอาจารย์ เทพ พรหม อรูปพรหม พระโพธิสัตว์ ฯลฯ และครูบาอาจารย์ทางญาณอีกมากมายครับ ท่านอาจารย์ได้นำผ้าแดงเข้าพิธี เพื่อทำธงพิชัยสงคราม ต่อไป

    และผมจึงถือโอกาสฤกษ์ดีมีชัย จึงได้อัญเชิญพระพุทธชินราช 9 นิ้ว สามองค์และพระพุทธชินราชใบเสมา กรุวัดหอกลองจำนวนหนึ่ง และพระพุทธชินราชองค์เล็ก เป็นรูปหล่อลอยองค์ขนาดเล็กห้อยคอ สีทอง (โลหะกะหลั่ยทอง) จำนวน 200 องค์ ซึ่งสร้างตั้งแต่ปี 2547 ปลุกเสกในวัดพระพุทธชินราชมาแล้วสองครั้ง นำเข้าร่วมในพิธีปลุกเสกนี้อีกครั้งหนึ่ง

    ด้วยบารมีแห่งครูบาอาจารย์ จึงปรากฏอิทธิฤทธิ์ เพิ่มพูน ความศักดิ์สิทธิ์ พลังแสงสว่างแกร่งกล้า สว่างแพรวพราวระยิบระยับ กระจายแสงดุจเพชรแพรวพราวเลยครับ ผมได้นำเข้าพิธีจำนวนสองร้อยองค์เพื่อเป็นที่ระลึก<O:p</O:p และจะขออนุญาตนำออกมาให้ท่านที่ศรัทธาทำบุญบูชาเป็นที่ระลึก เป็นพระของขวัญพระพุทธชินราชองค์เล็ก รูปหล่อลอยองค์ โดยท่านอาจารย์ให้ทำบุญ สำหรับผู้ที่ถวายปัจจัย ตั้งแต่ 499 บาทขึ้นไป จะได้รับพระของขวัญที่ระลึก ในพิธีหล่อพระสำคัญครั้งนี้ ท่านละหนึ่งองค์เท่านั้น

    โดยรายได้ทั้งหมด เพื่อร่วมทำบุญสร้างพระและร่วมทำบุญปิดทองพระพุทธรูปหน้าตักสองเมตร สมเด็จพระพุทธสุพรรณรัตน์ ให้สำเร็จสวยงามอร่ามตา สมตามความมุ่งหมายครับ

    ท่านใดต้องการบูชาพระฯ ดังกล่าวโปรดแจ้งความจำนงได้เลยครับ หรือโทรสอบถามได้ที่ 081 8413680 ครับ


    กรุณาโอนเข้าบัญชีออมทรัพย์ นายบุญชัย ทรัพย์อุดมกุล
    ธนาคารกรุงเทพ สาขาสยามแสควร์ 152 0398 460

     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • ___0002.jpg
      ___0002.jpg
      ขนาดไฟล์:
      49.8 KB
      เปิดดู:
      64
    • ___0002a.jpg
      ___0002a.jpg
      ขนาดไฟล์:
      17 KB
      เปิดดู:
      52
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 กรกฎาคม 2011
  14. นาคินทร์

    นาคินทร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    54
    ค่าพลัง:
    +4,089
    พระพุทธชินราชเก้าขนาดหน้าตักเก้านิ้ว ปิดทองคำแท้ครับ
    ท่านผู้มีญาณจะสามารถสัมผัสพลังพุทธคุณสว่างแก่กล้าได้ครับ
    ให้ทำบุญเพียงองค์เดียวครับ สำหรับผู้บริจาคทำบุญ 25,000 บาทขึ้นไปครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 กรกฎาคม 2011
  15. นาคินทร์

    นาคินทร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    54
    ค่าพลัง:
    +4,089
    ดอกบัวแก้ว
    เมื่อปลายปีที่แล้ว ผมได้ฝากคุณหนูกิ่ง ไปเรียนถามปู่ฤาษี เรื่องการสร้างพระ ท่านได้กล่าวอนุโมทนา และกล่าวว่า การสร้างพระพุทธรูปองค์นี้จะสำเร็จแน่นอน สำเร็จเร็วด้วย จะมีผู้มาร่วมกันช่วยกันสร้างพระองค์นี้เป็นอันมาก และท่านยังได้มอบดอกบัวแก้วพญานาคขนาดใหญ่มาก สีเขียวเข้ม มาให้หนึ่งคู่ เพื่อมอบให้กับผู้ร่วมทำบุญสร้างพระพุทธรูปองค์นี้ด้วยครับ


    ผมได้เล่าให้คุณน้ำใสฟัง ถึงดอกบัวแก้วนี้ เธอได้เล่าให้ผมฟังว่า ดอกบัวแก้วเป็นของหายาก ในบรรดาแก้วพญานาค ดอกบัวแก้วจะมีผู้ต้องการมาก เพราะเกิดยาก และยิ่งขนาดใหญ่นี้ยิ่งหายาก (ประมาณเท่าลูกกะท้อนครับ) ผมจึงนำดอกบัวแก้วคู่นี้ ออกให้ท่านได้ร่วมทำบุญ ตามความประสงค์ของปู่ฤาษี ที่ท่านได้เมตตาให้มา เพื่อร่วมสร้างพระ โดยเชิญท่านทำบุญองค์ละ 18,000 บาท หรือ คู่ละ 35,000 บาท รายได้ทั้งหมดเพื่อร่วมสร้างพระองค์นี้ให้สำเร็จครับ<!-- google_ad_section_end -->
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  16. นาคินทร์

    นาคินทร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    54
    ค่าพลัง:
    +4,089
    น้าหนักของดอกบัวแก้วเขียว ประมาณดอกละ 1.37 kg ครับ
     
  17. visa2505

    visa2505 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กันยายน 2007
    โพสต์:
    560
    ค่าพลัง:
    +1,093
    คุณนาคินทร์ ผมจะขอร่วมทำบุญสร้างพระด้วย โดยผมจะขอมอบตะกรุดจักรพรรตราธิราช หลวงปู่หมุน ปี 2545 (รุ่นมหาจักพรรตราธิราช)จำนวน 1 ดอก




    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 กรกฎาคม 2011
  18. visa2505

    visa2505 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กันยายน 2007
    โพสต์:
    560
    ค่าพลัง:
    +1,093
    ส่งตะกรุตให้แล้วครับ วันนี้ ตามที่อยู่ที่แจ้งทางโทรศัพท์
     
  19. นาคินทร์

    นาคินทร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    54
    ค่าพลัง:
    +4,089
    ขอขอบพระคุณ และขออนุโมทนาเป็นอย่างสูงครับ คุณ visa2505 ช่างมีน้ำใจประเสริฐงดงามยิ่งครับ ขอให้ผลบุญนี้ดลบันดาลให้ท่านมีแต่ความสุขความเจริญตลอดไปนะครับ ท่านโทรมาหาผมด้วยมีจิตศรัทธาประสงค์จะร่วมสร้างพระพุทธรูปสำคัญหน้าตักสองเมตร สมเด็จพระพุทธสุพรรณรัตน์ ซึ่งจะประดิษฐานที่วัดสุดสวาสดิ์ พิษณุโลกครับ
    ตะกรุดจักรพรรตราธิราช เป็นสุดยอดตะกรุดของหลวงปู่หมุน ผู้คนแสวงหากันมากครับ ขณะนี้ก็หายากมากๆ เช่นกันครับ ผู้ที่มีต่างก็หวงแหนครับ ตะกรุดจักรพรรดินี้ทรงมหาอิทธิพลานุภาพทุกด้าน และการชักยันต์มหาจักรพรรดินั้น ที่ทราบมาทำได้ยากยิ่ง ยิ่งได้ครูบาอาจารย์ซึ่งทรงพลังจิตอภิญญาแก่กล้าแห่งยุค เช่นหลวงปู่หมุน ท่านปลุกเศกให้แล้ว ย่อมทรงพลานุภาพสูงสุด ในสมัยก่อนตะกรุดมหาจักรพรรดินี้จะทำให้เฉพาะองค์กษัตริย์ หรือเจ้านายเชื้อพระวงศ์ชั้นสูงใช้เท่านั้นครับ ผมจึงใคร่ขอนำตะกรุดนี้เข้าประมูล โดยเริ่มต้นประมูลที่ 8,000 บาทครับ กำหนดปิดประมูลวันที่ 3 สิงหาคม เวลา 22.30 น.ครับ รายได้ทั้งหมดนำสมทบทุนสร้างพระพุทธรูปฯ ครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 กรกฎาคม 2011
  20. นาคินทร์

    นาคินทร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    54
    ค่าพลัง:
    +4,089
    (คัดลอกจากกระทู้อื่นในเว็บพลังจิตครับ ผู้เขียนคือคุณรักษ์พระ ครับ เขียนได้ดี น่าอ่านมากครับ ขออนุญาตนำมาเผยแพร่นะครับ)

    วัตถุมงคลของหลวงปู่หมุน หากท่านปลุกเสกแล้ว...เก็บไว้ให้ดีๆเถอะครับ
    ผมมีเรื่องเล่าสัก 3 เรื่องนะครับ
    1.สมัยที่ท่านเพิ่งละสังขารไม่นาน เพื่อนผมคนหนึ่งตั้งใจจะสร้างรูปหล่อเท่าองค์จริงของท่านไปถวายที่วัดท่าน พอจะกลับบ้านขึ้นรถออกจากที่ทำงานจะกลับบ้านในตอนกลางคืน พบท่านมานั่งรออยู่ในรถในสภาพกายเนื้อปกติ
    ท่านกล่าวว่าให้ไปกราบท่านที่วัดด้วย แล้วท่านก็หายไป เพื่อนผมแทบจะช็อค กลัวก็กลัวแต่ด้วยนับถือก็ไปกราบท่านที่วัด พอไปถึงที่วัดตรงศาลาที่ไว้ศพท่านโดยทางวัดบรรจุร่างของท่านในโลงแก้ว ก็พบท่านยืนอยู่ด้านหน้าศาลา แล้วท่านก็เดินนำไปที่โลงแก้วของท่าน เพื่อนผมคนนั้นวิ่งออกมาจากศาลาด้วยความตกใจ นับจากวันนั้นก็มีแต่วัตถุมงคลของท่านที่เพื่อนคนนั้นอาราธนาติดตัวตลอด
    2. ครั้งหนึ่งมีพิธีพุทธาภิเษกพระที่วัดแห่งหนึ่งในต่างจังหวัด หลวงปู่หมุนติดกิจนิมนต์ไม่สามารถเดินทางไปทันได้ ทางเจ้าภาพจึงนิมนต์ท่านส่งจิตไปร่วมพิธี
    พอถึงเวลาท่านก็อธิษฐานส่งจิตไปที่งานนั้น ปรากฏว่าพระเกจิที่กำลังทำพิธีทุกรูปต่างไม่สามารถขยับเขยื้อนกายหรือทำอะไรได้เลยเหมือนกับถูกแช่แข็งด้วยพลังที่สุดจะประมาณได้ จวบจนท่านอธิษฐานเสร็จ พระรูปอื่นๆถึงสามารถทำพิธีต่อไปได้
    3. พระรูปเหมือนของท่านรุ่นที่ออกสีเงินๆปางธุดงค์สร้างเป็นรุ่นสุดท้ายก่อนท่านมรณะนั้น คนที่ผมรู้จักได้เล่าว่าได้อาราธนามาไว้บูชาท่านที่บ้าน ในวันที่นำมาบูชานั้นได้ขณะที่หลับตาอารธานาท่านนั้น สามารถเห็นเป็นพลังแสงหลากหลายสายล้อมรูปเหมือนของท่าน เขาบอกว่าน่าตื่นตาตื่นใจมากเพราะพลังที่มานั้นมากมายอย่างไม่เคยพบเห็นมาก่อนเลย
    พระของท่านดีทุกรุ่นนะครับ<!-- google_ad_section_end -->
     

แชร์หน้านี้

Loading...